ซีอีโอห้างสรรพสินค้าสตาร์ไลท์ในเครือศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปอย่าง ‘พยัคฆ์’ อัลฟ่าเจ้าของกลิ่นดอกโบตั๋น ถูกทิ้งเคว้งคว้างอยู่ในห้องบนเรือสำราญกลางมหาสมุทร หลังจากได้ลิ้มลองโอเมก้าเจ้าของกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ที่เพิ่งบรรเทาอาการฮีท นั่นทำให้พยัคฆ์ตามหาโอเมก้าที่หนีเขาไปโดยไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ คุณหนูแห่งแม็กมารีนาซอย่าง ‘นลิน’ ทายาทเพียงคนเดียวของธุรกิจการเดินทะเลในเครือแม็กมารีนาซ ที่ครอบคลุมการขนส่งทางทะเล และล่องเรือสำราญทั้งในและนอกประเทศ ลูกชายคนเดียวของผู้มีอิทธิพลใหญ่แห่งซีแอตเทิล ถูกลูบคมถึงถิ่น โดนวางยากระตุ้นฮีทจนต้องดิ้นรนหนีให้อัลฟ่ากลิ่นดอกโบตั๋นเข้าช่วย ทว่าเขาเป็นพวกตาต่อตาฟันต่อฟัน ในเมื่อกล้าวางยากันถึงที่ เขาก็จะกลับไปเอาคืน ถอนรากถอนโคน แม้นั่นจะเป็นการเปิดเผยอดีตที่ปิดบังมาถึง 20 ปีก็ตาม ใครจะคิดว่าโชคชะตาจะเล่นตลก นำพาอัลฟ่าและโอเมก้าที่เคยใช้เวลาด้วยกันบนเรือกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทว่า…เพราะนลินยืนยันว่าเป็นเบต้า พยัคฆ์จึงทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ แม้แต่การยอมเป็นเด็กดีของนลิน ใครจะหาว่าเขาเป็นเด็กผีก็ช่าง ถ้าเพื่อจะได้นลินมาอยู่ใต้ร่างอีกครั้ง… เขายอมเล่นละครเป็นเด็กดีของนลิน เพื่อพิสูจน์ว่านลินคือ…โอเมก้ากลิ่นดอกลาเวนเดอร์บนเรือคนนั้น!
View Moreเสียงเข้มที่กำลังโวยวายอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์ศตาวุทธิพงศ์ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาถึงต้องชะงัก ไม่ได้ชะงักเพราะเสียงด้านใน แต่ชะงักเพราะเด็กทั้งหกคนที่กำลังยืนออกันหน้าห้อง เป็นเหตุให้ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปในวัยเกือบสี่สิบกระแอมเรียกเจ้าเด็กทั้งหก“อะแฮ่ม! มาแอบฟังอะไรตรงนี้” พยัคฆ์แกล้งเอ่ยเสียงเข้ม“คุณพ่อ! กลับมาแล้วเหรอครับ” พลินทร์เอ่ยถามก่อนจะมองหน้าน้องๆ พลางย่นคอด้วยกลัวว่าจะถูกตำหนิ“กลับมาแล้วครับ มามะ! มาหาพ่อนี่มา”เด็กแฝดสามคู่วิ่งเข้าหาบิดาพลางยืนล้อมรอบ ก่อนพยัคฆ์จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงของคุณนายแห่งศตาวุทธิพงศ์ยังคงอาละวาดลูกน้องคนสนิทในฐานะซีอีโอแห่งแม็กมารีนาซ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งรับตำแหน่งนี้ไปเมื่อสี่ปีก่อน“คุณแม่โกรธลุงเบนนี่มากเลยฮะ” พริษฐ์เอ่ยพลางทำสีหน้าแหยงๆ“แม่เรากลับมานานแล้วเหรอ”“คุณแม่ไปรับพวกเราครับ ลุงเบนนี่เพิ่งมาเมื่อกี้ แล้วก็ระเบิดลงตู้มๆ เลยครับ”พยัคฆ์มองดวงตากลมโตของโอเม
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่บ่นว่านอนหลับไม่สนิททำให้ซีอีโอหนุ่มแห่งสตาร์ไลท์คลี่ยิ้ม ค่อยๆ ปิดหนังสือนิทานที่เขาไม่แน่ใจว่าอ่านให้ลูกหรือแม่ฟังกันแน่ ทว่าหากมันทำให้นลินหลับได้นานขึ้นสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย เขารู้ว่าช่วงนี้นลินลำบากไม่น้อย หลังจากที่นลินเริ่มสร้างรังเมื่อเกือบเจ็ดเดือนก่อน ตอนนี้เข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนกำหนดคลอด นลินก็ยิ่งทั้งกลัว ทั้งกังวล กอปรกับเจ้าก้อนตัวยักษ์ในท้องนลินที่แข็งแรงจนพากันดิ้นถี่ขึ้นทำให้นลินแทบไม่ได้พักผ่อนเลยพยัคฆ์ค่อยๆ ประคองศีรษะของนลินเพื่อให้หนุนหมอนดีๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออกเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยเขาดูแลนลินตั้งแต่นลินท้องเข้าสู่เดือนที่เจ็ด‘หลับแล้วเหรอ’นวมิณทร์เอ่ยถามพยัคฆ์โดยไม่มีเสียง พยัคฆ์พยักหน้ารับก่อนจะใช้หมอนสำหรับคนท้องช่วยประคองให้นลินได้หลับสบายขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ ผุดลุกจากเตียงทั้งสองค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนใหญ่แห่งศตาวุทธิพงศ์ พยัคฆ์ปิดประตูห้องอย่างเบามือ ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจที่นลินหลับได้เสียที“นลินหลับนาน
“ไหวแน่นะครับคุณหนู”“อือ ไปจัดการที่เหลือเถอะไป มีปัญหาอะไรก็โทร. มาละกัน”“อยู่คนเดียวได้แน่นะครับ วันนี้คุณพยัคฆ์ไม่อยู่ใช่ไหมครับ หรือว่าจะไปโรงพยาบาล”“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะพาร์ดี้ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนเบนนี่บ่นอีกหรอก”“แต่ว่าคุณหนูดูไม่ดีเลยนะครับ”เสียงพูดคุยของเจ้านายหนุ่มและลูกน้องทำให้หญิงสูงวัยที่ควบตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านและพี่เลี้ยงของสองหลานชายแห่งศตาวุทธิพงศ์รีบเดินออกมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“เกิดอะไรขึ้นคะคุณนลิน ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะคะ”“ปวดหัวนิดหน่อยครับ ว่าจะกลับมานอนพักหน่อย ป้าเปลวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” นลินตอบคำถามพลางยิ้มอ่อน ก่อนจะหันกลับไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท “ไปได้แล้วพาร์ดี้ ตรวจสอบทุกอย่างให้ดีด้วย”“ครับคุณหนู” พาร์ดี้รับคำทว่าไม่วายละล้าละลังด้วยความเป็นห่วง“ไปเดี๋ยวนี้เลยพาร์ดี้” นลินออกคำสั่งอีกครั้งพาร์ดี้จึงได้แต่หมุนกายออกวิ่งไปที่รถ
กลิ่นอากาศสดชื่น บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงกิ่งไม้เสียดสี ต้นไม้สูงล้อมรอบบ้านทำให้คนที่ต้องการพักกายพักใจยอมรับว่าที่นี่เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศจริงๆ ทว่า...หัวใจของเขาตอนนี้มันยังไม่สามารถกลับมาสดชื่นได้เลยสักนิดดวงตาเรียวสวย หางตายกขึ้นเล็กน้อยขณะหลับตาเพื่อสูดอากาศเย็นยามเช้าตรู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นขณะกอดอก สายตาเหลือบเห็นกำไลหินโกเมนสีแดงดำบนข้อมือก็ต้องเม้มปากอีกครั้งการจากไปของลาภิณ...บิดาผู้ให้กำเนิดอย่างไม่มีวันกลับนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ทุกคนคาดสักนิด หลังงานแต่งงานของนลินและพยัคฆ์เพียงสามวัน วันที่สี่ในช่วงเช้าตรู่นวมิณทร์ก็เป็นคนโทร. มาบอกนลินว่าบิดาของเขาจากไปอย่างสงบ เพียงหลับไปในช่วงกลางคืนแล้วไม่ตื่นอีกเลยนลินไม่รู้ว่ามารดาของเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องพบว่าคนที่พูดคุยด้วยก่อนเข้านอนจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกในเช้าตรู่วันถัดมา ตลอดการจัดงานศพเจ็ดวันนั้น มารดาของเขามักจะแอบร้องไห้อยู่เงียบๆ ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียวที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามารดาของเขาเสียใจแค่ไหน และเป็นเรื่องดีแล้วที่หลังจากเสร็จสิ้นงานไม่กี่วันเทรนต์ก็พานวมิณท
เมื่อพิธีกรประกาศให้บ่าวสาวลงจากเวทีได้ ทั้งคู่จึงเลือกจะเดินไปหาคนที่ได้รับช่อดอกไม้ก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าแตกตื่น“พี่ไม่คิดว่าเพชรกับคุณลุงจะมาร่วมงานด้วย เพราะพี่กับนลินทำให้แม่ของเพชร...”“ไม่ครับ” เพชรอันดารีบค้านพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่พยัคฆ์กับคุณนลินไม่ผิดนี่ครับ”“เรียกนลินเฉยๆ หรือจะเรียกว่าน้องนลินก็ได้ครับ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” นลินเอ่ยพลางระบายยิ้ม“ขอบคุณนะครับที่ยอมรับเพชรเป็นคนในครอบครัว ทั้งที่คุณแม่ของเพชรทำเรื่องเลวร้ายกับพี่พยัคฆ์และน้องนลินไปเยอะเลย เพชรเองก็เคยทำไม่ดีกับนลินด้วย”“นลินเข้าใจพี่เพชรนะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ ทุกคนมีข้อด้อยและเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น นลินกับพี่พยัคฆ์เองก็เคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ แต่พี่เพชรก็ยังคิดได้ ยังคิดกลับตัว ตอนนี้พี่เพชรก็เข้าไปช่วยงานคุณลุง แล้วก็พยายามดูแลตัวเองกับลูก นลินเชื่อว่าพี่เพชรจะเป็นแม่ที่ดีแน่ๆ ครับ”“และพี่ก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เพชรคงไ
งานแต่งงานกลางแจ้งถูกเนรมิตขึ้นที่คฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งเป็นความคิดของนวมิณทร์ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลาภิณมากที่สุด แม้คราแรกพยัคฆ์ต้องการจะให้มีการแต่งงานใหญ่โตในโรงแรม ทว่าเมื่อนลินบอกความต้องการ พยัคฆ์ก็พร้อมจะเปลี่ยนให้ แต่พยัคฆ์ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์ แม้จะเป็นการจัดงานในคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ก็ไม่วายเชิญนักข่าวและแขกเหรื่อเกือบห้าร้อยคนมาร่วมงาน โดยใช้พื้นที่หน้าคฤหาสน์ได้อย่างคุ้มค่ารั้วคฤหาสน์ถูกแต่งด้วยดอกโบตั๋นหลากสีอันเป็นกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์ บริเวณหน้าคฤหาสต์ตกแต่งด้วยทางเดินพุ่มลาเวนเดอร์ และมีโต๊ะจีนกว่าห้าสิบโต๊ะซึ่งกลางโต๊ะประดับแจกันดอกโบตั๋นแซมดอกลาเวนเดอร์อันเป็นฟีโรโมนของคู่บ่าวสาวในวันนี้พิธีแบบไทยถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงของคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งทางเจ้าภาพขอจัดแบบส่วนตัวเฉพาะคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรผิวสองสีที่อยู่ในชุดแต่งงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทหรูสามชิ้นสีครีมเข้มและโบหูกระต่ายสีเดียวกัน ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตจัดแต่งทรงอย่างดี เปิดหน้าผากให้เห็นใบหน้าคม คิ้วเข้มหนา ดวงตาคมปลาบ เสริมให้พยัคฆ์ยิ่งดูห
นวมิณทร์คลี่ยิ้มเมื่อเห็นลาภิณยังคงนั่งหลับตาในศาลาแปดเหลี่ยมที่ล้อมรอบด้วยกล้วยไม้นานาพันธุ์ ซึ่งครึ่งหนึ่งนั้นเขาเป็นคนดูแลเมื่อในอดีต เขาคิดว่าที่นี่จะถูกทำลายหรือรื้อไปจนหมด กระทั่งได้กลับมาเห็นอีกครั้ง จึงได้รู้ว่าที่นี่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี“น้องตฤนกลับมาแล้วเหรอ” ลาภิณทักทั้งที่ยังไม่ลืมตา“รู้ได้ไงครับว่าเป็นตฤน”“พี่จำเสียงฝีเท้าตฤนได้”นวมิณทร์ทรุดกายนั่งบนม้านั่งข้างรถเข็นของลาภิณก่อนจะกุมมืออีกฝ่ายไว้ นั่นทำให้ลาภิณลืมตาขึ้นมองพลางวาดยิ้ม ทุกครั้งที่ลืมตามาแล้วเห็นนวมิณทร์ ลาภิณมักคิดเสมอว่าเขากำลังอยู่ในห้วงฝันดี“พี่ลาภิณมีความสุขไหมครับ”ลาภิณพยักหน้า “พี่มีความสุขสิ มีความสุขที่ตฤนยังอยู่ตรงนี้ มีความสุขที่ลูกของเราเองก็มีความสุข”“ตฤนก็มีความสุขครับ”“สำหรับพี่แล้ว...แค่ตฤนกับนลินมีความสุข พี่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”“แน่นอนครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ตฤนจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้ไปตลอดชีวิต และตฤนจะรักษาสั
นลินลอบยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางของคนรักที่อยู่ไม่นิ่ง ตั้งแต่วันที่พยัคฆ์วิดีโอคอลหาเทรนต์ ก็ดูขยาดยามพูดถึงจนเขานึกอยากรู้เสียเหลือเกินว่าพูดคุยกันอีท่าไหน ทว่าทุกครั้งที่พยายามถามพยัคฆ์ก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง ไม่ก็เปลี่ยนเรื่องพูดเสียจนเขาขี้เกียจจะซักไซ้ ทว่าวันนี้บิดาของเขาบินมาแล้ว หากถามจากพยัคฆ์ไม่ได้ เขาก็แค่ถามเอากับบิดา“พี่พยัคฆ์ทำตัวเหมือนเด็กเลยนะครับ แด๊ดไม่ได้จะมาฆ่าพี่พยัคฆ์ซะหน่อย”“น้อยไปน่ะสินลิน”“ตกลงว่าพี่พยัคฆ์ได้คุยกับแด๊ดจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”“ก็เพราะคุยแล้วไง อาเทรนต์คาดโทษพี่ไว้ พี่ต้องตายแน่ๆ เลยนลิน นลินต้องช่วยพี่นะครับ”น้ำเสียงออดอ้อนของคนรักทั้งสายตาเหมือนหมาน้อยก็ทำให้นลินนึกสงสารตามไปด้วย มือใหญ่ดึงมือเล็กมาแนบกับแก้ม ก่อนจะเอียงหน้าเข้าหา นลินจึงลูบแก้มอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอย่างนึกเอ็นดู“นลินจะช่วยพี่พยัคฆ์เองครับ พี่พยัคฆ์เป็นของนลิน คนอื่นห้ามรังแก นลินรังแกได้คนเดียว”“พี่จะยอมให้นลินรังแกคนเดียว”นับสิบที่ติดตามมาด้ว
พยัคฆ์นอนมองเพดานสีขาวด้วยความรู้สึกหงุดหงิด นลินเงียบหายไปตั้งแต่วันที่เขาได้สติ เขาได้รับข้อความตอบกลับสั้นๆ ในวันนั้นเพียงว่าดูแลตัวเองดีๆ และนับแต่นั้นมาอีกฝ่ายก็เงียบหายไป ไม่ว่าเขาจะเพียรส่งข้อความแค่ไหน หรือโทร. หาอย่างไรก็ไม่มีการตอบรับ ยอมแม้กระทั่งถ่างตารอดึกดื่น ด้วยรู้ว่าเวลาที่แตกต่างกันถึงสิบห้าชั่วโมง ทว่าจนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ยังไม่ติดต่อกลับมา“ห้าวันแล้วนะนลิน ทำไมนลินใจร้ายกับพี่จังเลย โทร. หาก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน”“เลิกบ่นเถอะไอ้พยัคฆ์ มึงบ่นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ นี่กูมาเฝ้ามึงสามวัน มึงก็บ่นสามวัน กูจะไม่มาเฝ้ามึงแล้วนะ”“ก็ดี กูอยากกลับบ้านแล้ว กูจะบินไปหานลิน”“คลั่งรักเหลือเกินนะพ่อ ใจเย็นหน่อยสิวะไอ้พยัคฆ์ ยังไงน้องนลินของมึงก็ต้องกลับมา พ่อเขาอยู่นี่ ยังไงเขาก็ต้องพาแม่เขามา”“แล้วทำไมเขาไม่ติดต่อกูมาล่ะ แค่ตอบข้อความกูนี่มันยุ่งยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ ส่งมาสักคำก็ยังดี นี่อะไรเงียบหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น หรือว่านลินจะทิ้งกูวะไอ้นับ”&ldquo
“อื้อ! อา...แรงกว่านี้อีก...”เสียงกระเส่าเร่งคนด้านล่างที่สวนแท่งร้อนเข้ามาในกาย กลิ่นดอกลาเวนเดอร์อบอวลไปทั่วห้องจนคนที่ถูกขย่มจับเอวเล็กขาวที่เอาแต่บดเร่าเพื่อชะลอจังหวะที่เจ้าตัวเร่งเร้าไม่หยุดริมฝีปากสีพีชยามส่งเสียงครางนั้นเซ็กซี่จนคนมองตาพร่า เขายกกายขึ้นเพื่อซบใบหน้ากับบ่าบอบบางขาวหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ที่แม้จะทำให้ผ่อนคลาย แต่ก็ปลุกอารมณ์ปรารถนาของเขายิ่งขึ้นชายหนุ่มผิวสองสีไม่รู้ว่าโอเมก้าคนสวยคนนี้เป็นใคร แต่เพียงได้กลิ่น เพียงได้เห็นใบหน้าสวยนี่เขาก็อดใจไม่ไหว จนยอมตามแรงอีกฝ่ายที่ผลักเขาเข้าห้องนอน ดึงทึ้งเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าแล้วมาอยู่ในท่านี้ริมฝีปากหนาแตะไล่ไปตามปลายคางที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขณะที่สะโพกก็กระแทกสวนร่างที่ขยับขย่มบนกายเขาอย่างเอาแต่ใจเพื่อให้ตัวเองได้ปลดปล่อย และบรรเทาอาการฮีทของตัวเอง“คนสวย...ใจเย็นหน่อย...ของผมจะหักเอานะครับ”“อย่ามาทำตัวไก่อ่อน ผมไม่ชอบ!”เพียงได้ยินคำดูถูก...เจ้าของดวงหน้าคมเข้มก็ผลักร่างขาวอ้อนแอ้นลงกับเตียง แล้วยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าดูถูกเขาขนาดนี้ เขาคงต้องแสดงให้เห็นเสียหน่อยแล้วว่าหากเขาเอาจริงจะเป็นอย่างไร...
Comments