“ช่วยส่งเอกสารนี่ไปให้ฝ่ายการตลาด บอกพวกเขาด้วยว่าให้เตรียมแผนโปรโมตไตรมาสหน้า สัปดาห์หน้าประชุมนำเสนอผมด้วย”
“ครับคุณพยัคฆ์”
“เดี๋ยวคุณวิทวัสช่วยเรียกอลันมาให้ผมด้วยนะ”
“ได้ครับ”
คล้อยหลังหัวหน้าเลขานุการ ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปก็เอนกายกับพนักพิง ก่อนจะหมุนเก้าอี้ออกไปมองนอกอาคารซึ่งเป็นผนังกระจก จนมองออกไปเห็นห้างสรรพสินค้าสตาร์ไลท์ที่ชื่อห้างฯ เด่นเป็นสง่าแม้จะเห็นตึกเพียงลิบๆ
เขานั่งตำแหน่งซีอีโอเป็นเดือนที่สามแล้ว และช่วงที่เขานั่งตำแหน่งนี้ผลประกอบการก็เติบโตขึ้นจากเดิมเกือบสี่เท่า แม้คนอื่นจะมองว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สำหรับพยัคฆ์แล้วยังไม่พอใจนัก
“หงุดหงิดอะไรวะพยัคฆ์ ตั้งแต่กลับจากล่องเรือเมื่อเดือนที่แล้วก็ดูขัดหูขัดตาไปหมดเลยนะ” นับสิบที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวเอ่ยถามทันที
พยัคฆ์หมุนเก้าอี้กลับมาจ้องหน้าเพื่อนรักที่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ด พลางถลึงตามองอย่างนึกขวางหูขวางตา จริงอย่างที่นับสิบพูดนั่นแหละ เขาได้รับของขวัญจากคุณปู่ด้วยทริปล่องเรือสำราญที่ซีแอตเทิล ซึ่งเป็นทริปที่เขาอยากไปมากจนน่าประหลาด ทว่าเมื่อสิ้นสุดทริปเขากลับหงุดหงิด
ไม่ใช่เขาไม่รู้เหตุผล แต่เขาไม่รู้วิธีแก้มันต่างหาก หลังจากเกิดเหตุการณ์ถูกใช้เป็นเครื่องระบายความใคร่ลดอาการฮีท ราวกับเป็นเซ็กซ์ทอยในวันนั้น เขาพยายามตามหาโอเมก้ากลิ่นดอกลาเวนเดอร์ตลอดจนจบทริป เขาก็ไม่เจอใครที่หน้าตาแบบนั้น ไม่เจอคนที่มีกลิ่นฟีโรโมนนั้นอีก จนพาลให้นึกหงุดหงิดถึงวันนี้
“ถ้าหงุดหงิดขนาดนี้คืนนี้ไปริทซ์กันไหมล่ะ เดี๋ยวกูโทร. บอกไอ้ไนน์ให้เปิดห้องไว้ให้ แล้วชวนพวกโอเมก้ามาจอยด้วยกัน”
“ไม่เอาอะ กูเบื่อแล้วไอ้นับ”
“เกิดอะไรขึ้นตอนมึงไปทริปล่องเรือรึเปล่าวะพยัคฆ์”
“ก็มีแหละ” พยัคฆ์เอ่ยก่อนจะเอนกายกับพนักเก้าอี้ “กูถูกใจคนบนเรือ ถูกใจมากเลยว่ะ ทั้งหน้าตา ทั้งกลิ่น ตรงสเปกกูมากเลย แต่กูก็หาเขาไม่เจอ อยู่ดีๆ เขาก็หายไปจากห้องกูแล้วก็หาไม่เจออีก ราวกับว่าที่เกิดขึ้นเป็นแค่ฝันของกูเลยว่ะ”
“สวยมากเหรอวะถึงทำให้มึงเป็นได้ขนาดนี้น่ะพยัคฆ์”
“กูอยากให้มึงได้เห็นเหมือนกูนะไอ้นับ เขาสวย...สวยมากจนกูยอมทุกอย่างเลยถ้าเพื่อจะให้ได้อยู่กับเขาอีก”
“อาการหนักนะมึงไอ้พยัคฆ์”
เสียงเคาะประตูทำให้พยัคฆ์ส่งเสียงอนุญาตคนด้านนอก อลันผู้ทำหน้าที่เลขานุการควบตำแหน่งบอดี้การ์ดส่งยิ้มให้นับสิบและเจ้านายที่ยังนั่งขมวดคิ้วไม่คลาย
“เจ้านายมีอะไรครับ”
“ส่งคนจับตาดูมุกรวีด้วย ถึงลุงจะตายแล้ว แต่ฉันไม่ปล่อยคนฆ่าพ่อแม่ฉันให้ลอยนวล”
“มึงหาหลักฐานนี้มาหลายปีแล้วนะเว้ยพยัคฆ์ ตั้งแต่มึงกลับมาจากเมกาเมื่อเจ็ดปีก่อน มึงก็ตามล่าเรื่องนี้มาตลอด ที่ลุงมึงตายก็เพราะเส้นเลือดในสมองแตกตายตอนมึงไปซักเรื่องพ่อแม่มึงไม่ใช่เหรอ”
“เหอะ! ลุงกูป๊อดตายซะก่อน ไม่ทันจะได้รู้หลักฐานอะไรเลย แค่สารภาพมาก็ช็อกตายซะก่อนแล้ว ยังไม่มีหลักฐานโยงถึงป้ากูเลย” พยัคฆ์เอ่ยก่อนจะหันไปหาอลัน “คอยจับตาดูว่าจะเข้ามายุ่งที่นี่ด้วยไหม”
“เจ้านายคิดว่าคุณมุกรวีจะกลับมาที่นี่อีกเหรอ”
“แน่สิ มุกรวีอยากได้ตำแหน่งซีอีโอที่ฉันครองอยู่เหมือนลุงฉันนั่นแหละ”
“ได้ครับเจ้านาย ผมจะส่งคนของเราคอยจับตาดู แล้วสั่งคนของเราให้ระวังไม่ให้เธอเข้ามาที่นี่”
“ประกาศลงไปด้วยถ้าใครปล่อยให้เธอเข้ามา หรือใครที่ยอมเป็นหูเป็นตาให้มุกรวี ฉันจะไล่ออกและติดแบล็กลิสต์ทันที”
“ครับเจ้านาย” อลันรับคำก่อนจะหมุนกายออกจากห้องทำงานของเจ้านาย
เมื่อคล้อยหลังลูกน้อง พยัคฆ์จึงจดจ่อกับงานเอกสารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ ขณะที่นับสิบนั่งกอดอกมองเพื่อนรักที่มีตำแหน่งเป็นเจ้านายก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน
“ผมขอกลับไปทำหน้าที่ก่อนนะครับเจ้านาย”
“มึงนี่นะ ไม่กวนตีนกูสักวันจะตายไหมฮะไอ้นับ”
“ต้องให้กูพูดอีกกี่ทีครับไอ้เจ้านายว่ากูชื่อนับสิบ ไม่ได้ชื่อนับ”
“กูเรียกแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ”
“พอเลยมึง กูไปยืนหน้าห้องแล้ว มีอะไรก็เรียกนะ”
“ครับไอ้คุณบอดี้การ์ด”
พยัคฆ์รู้สึกพึงพอใจไม่น้อยที่ได้มีสมาธิจดจ่อ จริงอยู่ที่ว่าเขาไม่ค่อยมีสมาธินักตั้งแต่วันที่กลับจากไปทริปล่องเรือ เพราะทุกครั้งที่หลุดจากเรื่องงาน เขาก็มักจะหวนนึกถึงเรื่องร้อนแรงบนเตียงกลางมหาสมุทรวันนั้น และเมื่อกลับมาถึงประเทศไทยเขาจึงใช้เหล่าโอเมก้าหลายคนเพื่อลืมผู้ชายคนนั้น
...แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย
“ถ้าเจอกันอีกครั้ง ผมจะไม่ปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน”
“อานลินครับ อันนี้มันผิดนะครับ” เด็กชายภูวนัยวัยสามขวบแย้ง
“ไม่ผิดนะ นี่มันเลโก้จากซีแอตเทิล อาต่อมาตั้งแต่เด็กๆ เลยนะ” นลินที่นอนคว่ำช่วยต่อเลโก้หันมองหน้าหลานชายทันที
“แล้วนี่มันอะไรครับ น้ายักษ์บอกว่าเป็นท่าเรือ”
“น้ายักษ์เหรอ” นลินเอียงคอถามพลางเกี่ยวเส้นผมกับใบหู
คนถูกพูดถึงหยุดเท้า เพียงเห็นเสี้ยวหน้าของคนที่นอนคว่ำข้างหลานชายก็ได้แต่ยืนนิ่งราวกับเวลาทุกอย่างหยุดลง ดวงตาคู่คมจับจ้องเพียงริมฝีปากสีพีชที่กำลังแย้มยิ้ม
...นี่มัน...
พยัคฆ์ดีใจเสียจนปิดไม่มิด เขาไม่รู้ว่าคนที่เคยเจอกันกลางมหาสมุทรมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายมาอยู่ที่นี่ จะเพราะความบังเอิญหรืออะไรก็ช่าง แต่ในเมื่อมาอยู่ที่นี่แล้ว...เขาก็จะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปได้ง่ายๆ
“พยัคฆ์! ไม่โทร. มาบอกก่อนล่ะว่าจะมา ไหนบอกว่าช่วงนี้งานยุ่งไง” พยนต์ทักทายทันทีที่เห็น
“ก็ยุ่งแหละ ตั้งแต่กลับจากทริปเรือสำราญของคุณปู่ก็ต้องมานั่งเคลียร์งานกองภูเขาเป็นเดือนนี่แหละ เพิ่งจะเบาลงเนี่ย”
“น้ายักษ์!” เด็กชายภูวนัยที่ได้ยินเสียงน้าชายก็ผุดลุกจากกองเลโก้วิ่งเข้าหาน้าชายทันที
พยัคฆ์ลูบศีรษะของเด็กชายอย่างเอ็นดู ก่อนจะหยิกก้อนแก้มเบาๆ อย่างนึกหมั่นไส้ ทั้งที่สายตานั้นยังจับจ้องอยู่ที่คนยังนั่งหันหลังให้
ทว่าเพียงอีกฝ่ายหันมา พยัคฆ์ก็ยิ้มกว้างทันที เพราะดวงตาเรียวคู่นั้น...เขาจำได้ดีว่ามันเซ็กซี่เพียงใดยามที่เขาขยับเข้าออกอยู่ในร่างกายร้อนแรงที่เข้ากับเขาเป็นอย่างดี
นลินลอบกลืนน้ำลายทันที ไม่คิดว่าพยัคฆ์ที่พยนต์บอกว่าเป็นน้องชายจะเป็นชายคนเดียวกับที่รู้ว่าเขาคือโอเมก้า เป็นคนที่ช่วยเขาบนเรือ และเป็นคนที่เขาใช้ไม่ต่างเซ็กซ์ทอย เพียงแต่เซ็กซ์ทอยมีชีวิตคนนี้นั้นถูกใจเขาเสียเหลือเกิน
ทว่าการมาพบเจอกันในสถานการณ์เช่นนี้ และมาพบในช่วงที่เขาต้องปกปิดตัวตนแบบนี้ มันทำให้เขาได้แต่เก็บสีหน้าและท่าทีเอาไว้ หวังแต่ว่ายาฝังที่เขาเพิ่งฝังไปเมื่อสัปดาห์ก่อนมันจะยังได้ผลดี ไม่แสดงกลิ่นฟีโรโมนออกมาให้อีกฝ่ายจับได้ว่าเขาคือโอเมก้าที่แอบหนีออกมาหลังจากได้สิ่งที่ต้องการ
“นี่ใครน่ะพยนต์ เพื่อนเหรอ?” พยัคฆ์ถามทั้งที่สายตายังโลมเลียไปตามร่างบอบบาง
“พี่เลี้ยงของน้องพูห์น่ะ”
“พี่เลี้ยง? พยนต์เลี้ยงน้องพูห์เองมาตั้งแต่คลอดเลยนะ อยู่ดีๆ ทำไมถึงจ้างพี่เลี้ยงล่ะ”
“ก็พี่ตรีเป็นห่วงน่ะสิ ช่วงนี้งานพี่ตรีค่อนข้างยุ่ง คุณพ่อเองก็เลยต้องไปช่วยด้วย กลัวว่าพยนต์จะเหนื่อย อีกอย่างช่วงนี้น้องพูห์ก็เริ่มดื้อแล้ว”
“น้องพูห์สามขวบแล้วนะพยนต์ ทำไมไม่ส่งเข้าโรงเรียนล่ะ”
“พยนต์ว่าจะสอนน้องพูห์เองน่ะ”
“โฮมสกูลเหรอ?”
“คิดไว้แบบนั้นแหละ พี่ตรีก็ไม่ขัดอะไร เลยว่าหาพี่เลี้ยงมาช่วยอีกแรง”
พยนต์เหลือบตามองน้องชายฝาแฝดด้วยกลัวว่าตัวเองจะโกหกอีกฝ่ายได้ไม่ดีนัก แม้เขาและพยัคฆ์จะเป็นแฝดไข่คนละใบจึงมีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน ทั้งเพศรอง ทั้งหน้าตา ทั้งนิสัย แต่เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยห่างกันเลยกระทั่งพยนต์แต่งงานกับตรีวิทย์ จึงย่อมรู้จักนิสัยอีกฝ่ายเป็นอย่างดี นั่นทำให้พยนต์อดกังวลไม่ได้ว่าจะปกปิดความจริงของนลินกับพยัคฆ์ไม่ได้
ทว่าสายตาของพยัคฆ์ที่เอาแต่จ้องนิ่งที่นลินทำให้ไม่รับรู้ความผิดปกติของพยนต์ ก็ให้พยนต์ประหลาดใจไม่น้อย ด้วยน้อยครั้งนักที่พยัคฆ์จะสนใจใครขนาดนี้
“จ้องขนาดนั้นรู้จักกับนลินอยู่ก่อนแล้วเหรอ”
“ชื่อนลินเหรอ” พยัคฆ์ละสายตาจากรูปร่างบอบบางมาหาแฝดผู้พี่
“อือ ชื่อนลิน อยากรู้จักไหมล่ะ”
พยัคฆ์ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ทั้งที่ภายในใจนั้นอยากรู้จักคนสวยจะแย่ สายตาที่สบกันเมื่อครู่ เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายจำเขาได้เหมือนกัน แต่ยังคงเก็บสีหน้าและท่าทางไว้ นั่นยิ่งทำให้พยัคฆ์นึกสนใจเข้าไปใหญ่
“นลินมานี่หน่อยสิ”
นลินลอบถอนหายใจก่อนจะผุดลุกจากกองเลโก้ แล้วเดินไปหาพยนต์พลางส่งยิ้มให้อัลฟ่าร่างสูง ทั้งที่ภายในใจอยากจะจับอีกฝ่ายกดกับพื้นแล้วขึ้นคร่อม สูดกลิ่นฟีโรโมนที่ทำเขาหลงใหลอยู่หลายสัปดาห์ ทว่าก็ได้แต่เก็บอาการที่กังวลว่าจะเก็บทรงไม่อยู่
“พี่พยนต์มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เพียงได้ยินเสียงของนลิน ภาพบนเตียงในเรือสำราญแม็กมารีนาซก็กลับมาวนในหัวพยัคฆ์อีกครั้ง ร่างขาวเปลือยเปล่าที่ขยับควบบนกายเขา เสียงหวานที่เอาแต่ใจให้เขาขยับเข้าออกแรงๆ เพียงคิดก็รู้สึกวูบวาบจนแทบจะจับร่างบอบบางเข้ากอด ทว่าเสียงของพยนต์ก็เรียกสติเขาให้กลับมาอยู่ในปัจจุบันได้เสียก่อน
“นลินนี่พยัคฆ์ เป็นน้องชายฝาแฝดของพี่เอง และเป็นน้ายักษ์ของน้องพูห์”
พยัคฆ์ยื่นมือไปตรงหน้านลิน “สวัสดีครับคุณนลิน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
นลินมองมือที่ยื่นมาตรงหน้านิ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นประนมไหว้ทักทาย ปล่อยให้อีกฝ่ายยื่นมือเก้อ พยัคฆ์เลิกคิ้วเข้มด้วยประหลาดใจที่คนตรงหน้ากลับทำหน้านิ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“สวัสดีครับคุณพยัคฆ์”
“เรียกว่าพี่พยัคฆ์ก็ได้ คุณนลินเรียกพยนต์ว่าพี่ใช่ไหมล่ะ”
“ได้ครับ นลินเรียกว่าพี่พยัคฆ์ก็ได้ครับ”
เด็กชายภูวนัยเงยหน้ามองผู้ใหญ่ทั้งสามคนก่อนจะขยับศีรษะไปมาระหว่างพยัคฆ์และนลิน ด้วยนึกสงสัยนักว่าน้ายักษ์ของเขาทำไมจ้องคุณอานลินของเขาแบบนั้นกันนะ จ้องเหมือนคุณเสือจ้องคุณกวางในสารคดีที่น้องพูห์ดูเมื่อวานไม่มีผิด หรือว่าน้ายักษ์ของเขาจะกินคุณอานลินของเขากันนะ...
“น้ายักษ์จะกินอานลินไม่ได้นะครับ ถ้าน้ายักษ์กินอานลินแล้วใครจะช่วยน้องพูห์ต่อเลโก้ล่ะครับ”
นลินเลิกคิ้วฉงนใจ ก่อนจะสบดวงตาคมปลาบที่ยังจ้องเขาไม่วางตา นั่นทำให้นลินโคลงศีรษะ ดูท่าแล้ว...ผู้ชายคนนี้คงจะจำเขาได้ และคงอยากเขมือบเขาจริงๆ อย่างที่น้องพูห์บอกนั่นแหละ แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงของน้องพูห์จริงๆ เขาเป็นถึงนลิน แม็กมารีนาซ จะให้กลัวกับสายตาของอัลฟ่าแบบนี้...
...ไม่มีทาง!
“น้าไม่ได้จะกินอานลินของเราเสียหน่อย ว่าแต่ต่อเลโก้อะไรอยู่”
“เลโก้ของน้ายักษ์ครับ อานลินบอกว่าเป็นท่าเรือมีชิงช้าซาหวันด้วยครับ”
“สวรรค์ต่างหาก” พยัคฆ์ช่วยแก้
น้องพูห์พยักหน้าหงึกหงัก “น้ายักษ์จะช่วยน้องพูห์ต่อเลโก้ไหมครับ”
“เอาสิ ปะ! ไปต่อกัน” พยัคฆ์เอ่ยก่อนจะอุ้มหลานชายไปยังกองเลโก้
“เขาเป็นน้องชายพี่พยนต์เหรอครับ” นลินเอ่ยถามทันทีที่พยัคฆ์สนใจเลโก้อยู่กับหลานชาย
“ใช่สิ น้องชายแท้ๆ ที่คลานตามกันมาห่างกันไม่ถึงนาทีด้วย”
“ฝาแฝดเหรอครับ? ทำไม...”
“ไม่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ” พยนต์ขัดขึ้นอย่างรู้ทัน “เป็นแฝดไข่คนล่ะใบน่ะ ดูเผินๆ ก็เหมือนพี่น้องกันอยู่ แต่ไม่มีใครคิดว่าเป็นฝาแฝดหรอก”
“ครับ ก็คล้ายกันเยอะอยู่ครับ แต่ดูไม่เหมือนแฝดเลย”
“ใช่ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะ เพราะพอเกิดมาพี่ก็เป็นโอเมก้า ส่วนพยัคฆ์เป็นอัลฟ่า แล้วพยัคฆ์ก็สูงมากเมื่อเทียบกับพี่ แถมยังมีนิสัยต่างกับพี่คนละขั้ว ตอนที่ไปเรียนเมืองนอกก็ไม่มีคนเชื่อว่าเป็นฝาแฝด จนบางครั้งต้องเอาหลักฐานให้ดูว่าเกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน”
“นลินรู้ว่าพี่พยนต์มีน้องชาย แต่ไม่รู้ว่าเป็นอัลฟ่า และไม่เคยรู้เลยว่าเป็นน้องชายฝาแฝด”
พยนต์ลอบสังเกตนลินที่ไม่ละสายตาจากพยัคฆ์ก็อดสงสัยไม่ได้ “นลินรู้จักพยัคฆ์มาก่อนรึเปล่า”
“ทำไมพี่พยนต์ถึงถามแบบนั้น”
“เมื่อเดือนก่อนพยัคฆ์ไปทริปล่องเรือสำราญของแม็กมารีนาซ คุณปู่ให้เป็นของขวัญน่ะ เจ้าตัวไปอยู่เป็นสัปดาห์เลยล่ะ ก็เลยคิดว่าอาจเคยเจอกันบนเรือบ้าง เพราะพี่ตรีบอกว่านลินมักไปดูแลลูกค้าบนเรือบ่อยๆ”
“...”
นลินไม่อยากโกหกพยนต์นัก แต่ก็ไม่อยากบอกความจริงกับพยนต์เช่นกัน จึงเลือกที่จะเงียบแล้วเดินไปนั่งร่วมวงเลโก้ที่ภูวนัยกวักมือเรียกพอดิบพอดี
“มีลับลมคมในทั้งคู่เลย”
พยนต์จ้องสองหนุ่มกับหนึ่งเด็กชายก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างมีแผน แม้จะเคยคิดว่าพยัคฆ์คงไม่ตรงสเปกนลินเท่าไหร่ แต่นลินน่าจะตรงสเปกของพยัคฆ์ไม่น้อย และหากทั้งคู่ชอบพอกันก็น่าจะแก้ปัญหานิสัยไม่ตรงปกของนลินที่ตรีวิทย์เป็นห่วงได้บ้าง
...ล่ะมั้ง...
นลินเหลือบมองร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่มายืนซ้อนด้านหลัง เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงตั้งใจแน่ๆ ชายหนุ่มจึงรีบเช็ดมือกับผ้าขนหนู แล้วหมุนกายมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย“พี่พยัคฆ์มีธุระอะไรจะพูดกับนลินรึเปล่าครับ”“พี่ไม่ใช่เซ็กซ์ทอยของนลินนะครับ คิดจะใช้พี่แก้อาการฮีทแล้วก็ทิ้งกันแบบนั้น นลินไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”“เซ็กซ์ทอยอะไร นลินไม่เคยรู้จักพี่พยัคฆ์มาก่อน” นลินตอบหน้าตายพลางกอดอก“หือ? จะบอกว่าคนที่ลากพี่เข้าห้องแล้วขึ้นขย่มคนนั้นไม่ใช่นลินเหรอ”“พี่พยัคฆ์จำสลับกับใครรึเปล่าครับ นลินเพิ่งเจอพี่พยัคฆ์นี่ล่ะครับ”“ถ้ายืนยันขนาดนี้พี่ก็คงต้องพิสูจน์หน่อยแล้วล่ะ”นลินเลิกคิ้วพลางเอียงคอสงสัย ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นดอกพีโอนีหรือดอกโบตั๋นจากพยัคฆ์ อยากจะต่อยคนตรงหน้าให้ล้มกองตรงนี้เสียจริงๆ กล้าดีอย่างไรมาปล่อยฟีโรโมนในบ้านที่มีแต่โอเมก้าแม้นลินจะชอบกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์แค่ไหน และอยากสูดดมมันมากเพียงใด แต่เขาก็จะอดทนไม่แสดงออกว่าได้กลิ่นมัน เขาต้องเป็นเบต้าที่ไม่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนนี่พยัคฆ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังยืนกอดอกนิ่ง เขาใช้ฟีโรโมนอัลฟ่าข่มขนาดนี้แล้ว แต่นลินกลับไม่แ
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่ายังไม่ได้ข่าว”“ทั้งสามคนเงียบหายไปเป็นเดือนแล้วครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนอยู่ที่โน่นรึเปล่าครับ คุณผู้หญิงจะให้พวกเราทำยังไงครับ”มือขาวกำแน่นจนขึ้นข้อขาว ไม่คิดสักนิดว่าตัวเองที่นำหน้าสามี ตามหาคนที่หายไปร่วมยี่สิบปีเจอจะต้องคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง นางได้ข่าวจากคนรู้จักว่าเคยเห็นอดีตภรรยาของสามีอยู่ในเมืองซีแอตเทิล ก็รีบส่งลูกน้องของบิดาให้ไปจับตัวผู้ชายที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายของสามีแต่แล้วข่าวคราวกลับเงียบหายไป“เช็กเรื่องการเดินทางมันหรือยัง”“ผมเช็กไปที่โรงแรม เขาว่ามีคนมาเช็กเอ้าท์ออกไปแล้ว แล้วก็มีการยกเลิกการจองเที่ยวบิน เงียบหายไปแบบนี้...ผมว่าอาจถูกเก็บไปแล้วก็ได้ครับ”“แค่เด็กผู้ชายคนเดียวมันจะทำอะไรได้”“ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้พวกนั้นตามสืบ คนที่ดูแลผู้ชายคนนั้นก็ระดับบิ๊กของซีแอตเทิล เป็นผู้มีอิทธิพลคนนึงเลยนะครับ และคงใหญ่กว่าจิรพงศ์ธาดาเสียอีกครับ”“ไร้สาระ! ถึงจะมีคนดูแลยังไงก็ทำตามอำเภอใจไม่ได้หรอกนะ กฎหมายที่นั่นจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง”“คงไม่ต่างกับที่นี่หรอกครับ ถ้าไม่มีใครรู้ใครเห็น และมีเงินมากพอ ก็ไม่มีหลักฐานโยงถึงผู้กระทำผิดจริงๆ”หญิงวัยสี่
ภาพข่าวขาวดำที่ถูกเก็บไว้อย่างดีในกล่องเหล็กถูกเปิดออกดูซ้ำมาหลายครั้งหลายหนร่วมยี่สิบปี ชายวัยห้าสิบต้นๆ ยังคงหยิบจับลูบไล้มันซ้ำๆ ก่อนจะดูภาพครอบครัวสีซีดของตัวเองที่ถ่ายเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน และนี่คงเป็นภาพสุดท้ายที่เขาได้ถ่ายร่วมกับภรรยาและลูกชายเสียงเคาะประตูทำให้เขาชะงัก มือที่กำลังเก็บความทรงจำทุกอย่างใส่กล่องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก นั่นทำให้เขารู้ว่าคนที่เคาะประตูคือคนสนิท จึงส่งเสียงอนุญาต“ได้เรื่องบ้างไหมพระลพ”คนที่ถูกเรียกว่าพระลพมองกล่องเหล็กแกะสลักลายซึ่งดูเก่ามากแล้ว ทว่าเจ้าของกลับยังคงรักษาทุกอย่างไว้อย่างดีก็ให้นึกสงสารชายตรงหน้าที่ใบหน้าดูอายุร่วงโรยมากกว่าวัยที่แท้จริง“ได้มาไม่มากเท่าไหร่ครับ หลังการจัดฉากอุบัติเหตุและเพลิงไหม้ครั้งนั้น ทั้งสองหนีไปอยู่อเมริกาและมีเศรษฐีในซีแอตเทิลคอยดูแล”“เจาะจงกว่านั้นได้ไหม คนที่พวกเขาไปอยู่ด้วยเป็นใคร แล้วพวกเขาเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีไหม”“ยังสืบเรื่องนั้นไม่ได้ครับ เพราะคุณตฤนปิดบังตัวตนเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย แถมยังต
รถคูเป้สองประตูสีดำสัญชาติยุโรปเลี้ยวผ่านบ้านหลังใหญ่มาจอดหน้าบ้านของตรีวิทย์และพยนต์ นั่นทำให้เจ้าของบ้านที่วันนี้ไม่ไปทำงานต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ จริงอยู่ที่เป็นเรื่องปกติที่พยัคฆ์จะแวะมาหาพยนต์และภูวนัย ทว่าช่วงนี้จะแวะมาบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ“ใครมาเหรอครับพี่ตรี”“พยัคฆ์น่ะสิ ช่วงนี้มาเกือบทุกวันเลยนะ ที่บ้านมีอะไรรึเปล่า”“ไม่มีหรอกครับ พยัคฆ์ไม่ได้มาหาพยนต์ด้วย”“หือ? ไม่ได้มาหาพยนต์แล้วมาหาใคร” ตรีวิทย์เอ่ยถามภรรยาด้วยความฉงนใจ“พี่ตรีลองสังเกตดูละกันนะครับว่าพยัคฆ์มาหาใคร”ตรีวิทย์เลิกคิ้วมองคนที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดจนเห็นแผ่นอกอย่างเซ็กซี่ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปก็ให้นึกสงสัยว่าแต่งตัวล่อเหยื่อขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ไปเที่ยวกับเหล่าโอเมก้าของเจ้าตัว กลับเลือกมาบ้านของเขาในวันหยุดเช่นนี้หรือว่า...ตรีวิทย์หันกลับไปมองในห้องนั่งเล่นที่มีอาหลานกำลังต่อรางรถไฟเหาะตีลังกาซึ่งนลินหอบหิ้วมาจากอเมริกา นั่นทำให้เขาสบตาภรรยาราวกับจะถาม“พี่เข้าใจถูกใช่ไหมพยนต์”“ครับ แต่นลินดูไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่”“พี่เคยได้ยินอาเทรนต์กับอาตฤนเล่าว่าตอนอยู่โน่นนล
“จริงเหรอครับคุณลุง พวกเราเข้าใจคุณพ่อผิดมาตลอดจริงๆ สินะครับ”“ใช่ เป็นอย่างที่นลินบอกลุงเลย แต่...มีเรื่องสำคัญที่ลุงต้องบอกนลิน”“ครับ มีอะไรเหรอครับ”“พ่อของนลินไม่ได้เพิ่งตามหานลินหรอกนะ เขาตามหามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปู่ของนลินตาย พ่อของนลินก็เริ่มส่งคนให้ออกตามหาโดยไม่ให้พราวรุ้งรู้ แต่ที่เขาเร่งหาตอนนี้เพราะเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”“ครับ? คุณพ่อเป็นอะไรครับ”“มะเร็งกระดูกน่ะ ลุงใช้เส้นสายไปลองสืบที่โรงพยาบาลที่ลาภิณรักษาตัว เขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระดูกมาตั้งแต่สองปีก่อน แล้วก็รักษามาโดยตลอด แต่เมื่อเดือนก่อนพบว่ามันลุกลาม ลาภิณจึงตัดสินใจร่วมกับหมอว่าจะหยุดการรักษา และเขาตั้งใจใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้เพื่อตามหาตฤนกับนลิน”นลินขบกรามแน่นกลั้นความรู้สึกวูบโหวง ทั้งที่ความทรงจำวัยเยาว์ที่มีบิดานั้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แต่เขากลับรู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจที่บิดาเหลือเวลาน้อยนิดเสียเหลือเกิน เขาข่มอารมณ์ที่ไม่ปกติของตัวเองไว้“คุณพ่อเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ครับ”“เร็วสุดคือหกเดือน ช้าสุดคือหนึ่งปี”“น้อยเหลือเกิน”“นลินจะไปเจอพ่อเขาไหม”“ครับ แต่ถ้านลินไปเจอคุณพ่อ คนที่ส่งคนไปทำร้ายนลินก็ต้องร
“ปล่อย! ลากมาทำอะไรของคุณเนี่ย”พยัคฆ์ขบกรามแน่นนึกโมโหนลินจนแทบคลั่งที่อีกฝ่ายมายืนกอดกับตรีวิทย์ ก็ไหนว่าเป็นเบต้า ไม่สนใจอัลฟ่าอย่างไรเล่า ที่แท้ก็แอบมาเป็นชู้กับพี่เขยของเขานี่เอง ทำเป็นรังเกียจเขา ทว่าความจริงคือตั้งใจจะจับตรีวิทย์ชัดๆปึก!ใบหน้าของนลินกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของคนที่ถูลู่ถูกังมาตลอดทาง ชายหนุ่มถูกกระแทกจนกระเด้งแล้วล้มลงกับพื้นนลินกัดริมฝีปากของตัวเองที่รู้สึกเจ็บ นี่มันวันบ้าอะไรของเขากันที่ต้องมาเจ็บทั้งตัวมาเจ็บทั้งใจ แค่เรื่องบิดาเขาก็เสียใจมากพอแล้ว ตั้งแต่จำความได้...นอกจากเสียใจเพราะคิดถึงบิดาครั้งที่ไปอยู่อเมริกาใหม่ๆ ก็ครั้งนี้นี่แหละที่เขาร้องไห้หนักขนาดนี้แล้วนี่อะไรกัน? เขายังต้องมาเจ็บตัวอีก“ไม่ต้องมาทำสำออย ลุกขึ้นมา!”นลินเงยหน้าขึ้นมองคนพาลอย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้สำออยเสียหน่อย แต่เขาเบื่อหน่ายจนไม่อยากลุกไปต่อล้อต่อเถียงด้วยต่างหากชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิก่อนจะปัดเศษต่างๆ ออกจากมือและแขนราวกับไม่สนใจท่าทางเกรี้ยวกราด ปกติเขาก็ไม่ชอบคนไร้เหตุผล ไม่ชอบคนใช้อารมณ์แบบนี้อยู่แล้ว และยิ่งไม่ชอบคนที่เอาความโกรธมาลงกับเขาเพราะฉะนั้น...พยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของเ
พยัคฆ์เดินไปเดินมาพลางชะเง้อดูแฝดผู้พี่ที่บอกว่าจะช่วยพูดกับนลินให้ ทว่าผ่านไปตั้งหลายนาทีแล้วกลับยังไม่เห็นวี่แววของทั้งคู่ เป็นเหตุให้ตรีวิทย์ที่กำลังเล่นต่อจิ๊กซอว์กับลูกชายลอบอมยิ้มขำ“คุณพ่อครับ ทำไมน้ายักษ์เดินไม่หยุด”“น้าพยัคฆ์รออานลินครับ”“รอทำไมครับ อานลินไปไหน อานลินทิ้งน้องพูห์เหรอ”“ไม่ใช่ครับ อานลินคุยอยู่กับคุณแม่ครับ”ภูวนัยเอียงคอก่อนจะผุดลุกเดินไปหาพยัคฆ์ แล้วจับมือใหญ่ของอีกฝ่าย เป็นเหตุให้พยัคฆ์ต้องหันมองหลานชายด้วยความฉงนใจ“น้องพูห์มีอะไรครับ”“ต่อจิ๊กซอว์กันครับ”“เดี๋ยวน้าไปต่อด้วยนะ น้าพยัคฆ์รออานลินของน้องพูห์อยู่”“น้ายักษ์เป็นเด็กไม่ดี ถ้าน้ายักษ์ดื้ออานลินจะไม่รักนะครับ”“หือ? น้องพูห์บอกว่าถ้าน้าพยัคฆ์ดื้อ อานลินจะไม่รักเหรอครับ”“ครับ อานลินบอกว่าอานลินรักน้องพูห์ น้องพูห์เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ”พยัคฆ์ขมวดคิ้วเข้มจนระหว่างคิ้วเป็นร่องลึก เขายอมเดินตามแรงน้อยๆ ของโอเมก้าวัยสามขวบไปนั่งบนพรมข้างพี่เขยที่ยังคงยิ้มกริ่ม“พี่ว่าพยัคฆ์คงไม่ได้แค่สนใจนลินแล้วล่ะ ถ้าชอบก็ลุยเลย ไม่งั้นนลินไปสนใจคนอื่นแน่”“พี่ตรีกับนลินไม่ได้...”“ไม่ใช่อย่างที่พยัคฆ์คิดหรอก พี่รู้
ประตูห้องนอนเพ้นต์เฮ้าส์เปิดออกขณะที่มือใหญ่ยังคงกอดเกี่ยวเอวบอบบางไว้ เช่นเดียวกับที่ริมฝีปากของทั้งคู่แนบสนิทกันไม่ยอมผละออกห่าง ราวกับโหยหากันและกัน กลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่ผสมผสานกันจนอบอวลไปทั่วห้อง นลินถูกไล่ต้อนจุมพิตพลางก้าวถอยหลังกระทั่งชนเข้ากับเตียงจนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงกว้างกลางห้องริมฝีปากของทั้งคู่ผละออกห่างกัน ลิ้นเล็กมีน้ำลายสีใสยืดเยิ้ม ดวงตาคู่สวยฉ่ำหวานด้วยแรงปรารถนาที่ขับเคลื่อนจากการกระตุ้นฟีโรโมน มองตามมือใหญ่ที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด...ทีละเม็ด...ทว่าท่าทางอ้อยอิ่งเชื่องช้าของพยัคฆ์นั้นดูเหมือนจะไม่ทันใจของนลิน มือขาวจึงดึงอีกฝ่ายให้นอนอยู่ใต้ร่าง พยัคฆ์กึ่งนั่งกึ่งนอนขณะที่ร่างบอบบางคร่อมอยู่บนกายแกร่ง มือเรียวปลดกระดุมออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปลดเสื้อเชิ้ตออกจากบ่าแกร่ง แล้วโน้มหน้าลงจูบต้นคอแกร่ง ดูดเม้มจนขึ้นสีเข้มพยัคฆ์ปลดแขนเสื้อแล้วปล่อยให้เสื้อหล่นข้างเตียงขณะยันกายด้วยแขนข้างหนึ่งเพื่อเอนกาย อำนวยความสะดวกให้นลินที่ซุกไซ้ไปตามลำคอและลาดไหล่ เพราะรู้สึกอารมณ์ดีจึงทำให้กลิ่นฟีโรโมนดอกโบตั๋นนั้นหอมหวานไปด้วย เป็นเหตุให้นลินยังมัวเมาไปกลับกลิ่นนั้น“อืม.