แชร์

CHAPTER 3.2 : อยากเจอก็ต้องได้เจอ

ภาพข่าวขาวดำที่ถูกเก็บไว้อย่างดีในกล่องเหล็กถูกเปิดออกดูซ้ำมาหลายครั้งหลายหนร่วมยี่สิบปี ชายวัยห้าสิบต้นๆ ยังคงหยิบจับลูบไล้มันซ้ำๆ ก่อนจะดูภาพครอบครัวสีซีดของตัวเองที่ถ่ายเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน และนี่คงเป็นภาพสุดท้ายที่เขาได้ถ่ายร่วมกับภรรยาและลูกชาย

เสียงเคาะประตูทำให้เขาชะงัก มือที่กำลังเก็บความทรงจำทุกอย่างใส่กล่องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก นั่นทำให้เขารู้ว่าคนที่เคาะประตูคือคนสนิท จึงส่งเสียงอนุญาต

“ได้เรื่องบ้างไหมพระลพ”

คนที่ถูกเรียกว่าพระลพมองกล่องเหล็กแกะสลักลายซึ่งดูเก่ามากแล้ว ทว่าเจ้าของกลับยังคงรักษาทุกอย่างไว้อย่างดีก็ให้นึกสงสารชายตรงหน้าที่ใบหน้าดูอายุร่วงโรยมากกว่าวัยที่แท้จริง

“ได้มาไม่มากเท่าไหร่ครับ หลังการจัดฉากอุบัติเหตุและเพลิงไหม้ครั้งนั้น ทั้งสองหนีไปอยู่อเมริกาและมีเศรษฐีในซีแอตเทิลคอยดูแล”

“เจาะจงกว่านั้นได้ไหม คนที่พวกเขาไปอยู่ด้วยเป็นใคร แล้วพวกเขาเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีไหม”

“ยังสืบเรื่องนั้นไม่ได้ครับ เพราะคุณตฤนปิดบังตัวตนเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย แถมยังตามหาผู้ชายโอเมก้าวัยยี่สิบสี่ไม่เจอด้วย ไม่รู้ว่าคุณตฤนปกปิดตัวตนคุณหนูนลินด้วยหรือเปล่า อาจต้องใช้เวลาหน่อยนะครับ แล้วเรื่องที่คุณท่านให้ผมตามสืบก่อนหน้านี้จะให้ทำยังไงครับ”

“ฉันอยากจะจัดการ แต่ก็เป็นห่วงตาภัค ถึงจะยังไงตาภัคก็เป็นลูกชายฉัน ส่วนนั่นก็เป็นแม่ของเขา และถึงเธอคิดจะทำร้ายตฤนกับนลิน แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้ทันลงมือ ไม่มีหลักฐานโยงไปหาเธอเลย”

ลาภิณก้มมองรูปถ่ายในมืออีกครั้ง เขาพยายามมาหลายปีเพื่อตามหาภรรยาและลูกชายคนโต พยายามอย่างหนักมาหลายปี ทว่าสุดท้ายกลับไม่คืบหน้าเลยสักนิด เขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว...เขาอยากจะเจอตฤนและนลินก่อนจะจากโลกนี้ไป

“คุณท่านอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะครับ พวกผมจะตามหาตัวคุณหนูนลินให้เร็วที่สุด”

“ขอบใจมากนะพระลพ”

“คุณท่านพักผ่อนก่อนดีไหมครับ”

“อยู่คุยกับฉันก่อนสิพระลพ มีแค่นายคนเดียวที่ฉันจะพูดเรื่องของตฤนและนลินได้”

“ทำไมคุณท่านไม่พูดเรื่องนี้กับคุณไตรล่ะครับ ถ้าคุณไตรรู้ความจริงจะต้องเข้าใจ”

“พี่ไตรไม่เปิดโอกาสให้ฉันเข้าไปพูดด้วยเลยสักนิด”

“ยี่สิบปีแล้วนะครับ คุณไตรไม่หายโกรธบ้างเหรอครับ”

“ถึงตฤนและนลินจะไม่ตาย แต่สำหรับพี่ไตรก็คงคิดว่าฉันเป็นคนฆ่าพวกเขาทั้งคู่ ถ้าสองคนนั่นไม่จัดฉากแกล้งตายก็คงตายไปแล้วจริงๆ แล้วทั้งหมดก็คงเป็นความผิดของฉัน”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณท่านนะครับ”

“แกพูดแบบนั้นเพราะรู้ทุกอย่าง แต่ครอบครัวกิตติวรกานต์ไม่ได้รู้ความจริงพวกนั้น พวกเขาคิดว่าฉันไม่รักตฤน ไม่รักนลิน คิดว่าฉันจะทำตามที่พ่อบอก...คิดว่าฉันจะทอดทิ้งตฤนและนลิน ถ้าตอนนั้นฉันปฏิเสธไปตรงๆ ไม่ลังเล ไม่แบ่งรับแบ่งสู้ ถ้าฉันกล้าลุกขึ้นสู้ กล้าต่อต้านพ่อ ตฤนกับนลินก็คงยังอยู่กับฉัน ตอนนี้ฉันก็คงมีสองคนนั้นอยู่เคียงข้าง”

“คุณท่าน...” พระลพเรียกเจ้านายพลางกุมมือของคนที่เลี้ยงดูมาวางบนศีรษะของตัวเอง

“ขอบใจแกมากนะพระลพ ถ้าไม่มีแกฉันคงเชื่อที่ทุกคนบอกว่าตฤนและนลินตายไปแล้ว”

“ไม่จริงหรอกครับ คุณท่านเชื่อมาตลอดว่าคุณตฤนและคุณหนูนลินยังอยู่”

“แต่พวกเขาคงไม่อยากเจอฉัน ตฤนรักฉันมาก...แต่เพราะฉันเอง ทั้งที่ตอนนั้นตฤนก็กังวลเรื่องที่พ่อฉันคิดจะให้ฉันแต่งงานการเมือง และเพราะความลังเลของฉัน สุดท้ายเขาก็เข้าใจผิดแล้วไปจากฉัน”

“สุดท้ายคุณตฤณและคุณหนูนลินจะต้องเข้าใจคุณท่าน”

“มันอาจจะไม่ทันแล้วก็ได้นะพระลพ แกก็รู้ว่าฉันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”

“คุณท่านต้องอดทนนะครับ ผมจะตามหาทั้งคู่ให้เจอ ผมจะทำให้ทั้งสองคนเข้าใจคุณท่าน”

ลาภิณแค่นยิ้มออกมา เขารักตฤนมาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งได้กลิ่นฟีโรโมนดอกกล้วยไม้ครั้งแรก เขาก็รู้ได้ทันทีว่าตฤนคือคนที่เขาจะใช้ชีวิตด้วยจนกว่าจะตายจากกัน ตฤนคือคนคนเดียวที่เขาจะรักและอยู่เคียงข้าง ทว่าโชคชะตาก็เล่นตลกกับเขา

สภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ส่งผลกระทบกับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตทั้งหมดในเครือธาดากรุ๊ป บิดาของเขาจึงคิดจะให้เขาแต่งงานการเมืองกับพราวรุ้งเพื่อพยุงธุรกิจ เขาไม่อยากแต่งงานกับใครอีก ไม่อยากมีภรรยาอีกคน สำหรับเขาแล้ว...ตฤนคือคนเดียวที่เป็นภรรยา คือคนเดียวที่เขาอยากให้เป็นแม่ของลูก

ทว่าเพราะธุรกิจย่ำแย่งลงเรื่อยๆ เขาจึงไม่สามารถตัดสินใจได้เด็ดขาด หากวันนั้นเขายอมลำบาก ยอมจับมือผ่านอุปสรรคไปกับตฤน ปฏิเสธบิดาอย่างเด็ดขาด เขาก็คงจะยังรักษาคนรักของตัวเองได้

เขาไม่โทษเลยหากตอนนี้ตฤนเลือกคนอื่น ไม่โทษเลยหากนลินจะมีคนอื่นทำหน้าที่บิดาแทนเขา ความผิดทั้งหมดเป็นเพราะความอ่อนแอของเขา เป็นเพราะความลังเลของเขา ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะเขาคนเดียว

ลาภิณได้แต่หวังว่าเขาจะยังมีเวลาเหลือมากพอที่จะทันได้เห็นหน้าภรรยาที่เขารักและลูกชายที่เขาแสนคิดถึง ทว่าหากมันสายเกินไป เขาคงได้แต่ตั้งจิตอธิษฐานให้ชาติหน้ามีจริง เขาจะขอชดใช้ให้ทั้งคู่ในชาติหน้า จะขอเฝ้ารักตฤนไปทุกชาติ...

เสียงเคาะประตูดังขัดภวังค์ของลาภิณ เขาพยักหน้าให้พระลพเปิดประตูห้องนอน ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่มาหาคือแขกที่เขาไม่เจอหน้าถึงยี่สิบปี

“พี่ไตร...”

ไตรทศขมวดคิ้วมุ่น แม้จะได้ยินข่าวลือว่าลาภิณไม่สบาย เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น แต่เขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะโทรมถึงขนาดนี้ ใบหน้าที่อดีตเคยเป็นหนุ่มหล่อ ตอนนี้กลับไม่เหลือเค้าเดิมสักนิด ทั้งยังดูแก่กว่าวัยไปอีกหลายปี นี่คงไม่ใช่ผลจากการอมทุกข์เพียงอย่างเดียวเสียแล้วสิ

“ไม่เจอกันมายี่สิบปี นายดูแก่ไปเยอะมากนะลาภิณ ข่าวลือนั่นคงเป็นจริงสินะ”

“รอสักครู่นะครับพี่ไตร พระลพไปบอกแม่บ้านให้เตรียมของว่างมาไป เดี๋ยวฉันกับพี่ไตรจะลงไปกินข้างล่าง”

“ครับคุณท่าน”

ไตรทศมองกล่องเหล็กสลักลายที่เขาจำได้ดีว่าเป็นของน้องชายของเขา และมันมีอายุมากกว่ายี่สิบปี ด้วยเป็นกล่องที่ตฤนเคยบรรจุของขวัญส่งข้ามน้ำข้ามทะเล ฝากให้เขานำมาให้ลาภิณเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อราวสามสิบปีก่อน

“นายยังเก็บกล่องนั่นไว้อีกเหรอ คิดว่าทิ้งไปพร้อมกับตอนที่ทิ้งตฤนซะอีก”

“ผมไม่เคยทิ้งตฤนนะครับ ไม่เคยเลย...”

น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยราวกับกำลังกลั้นสะอื้นทำให้ไตรทศขบกรามแน่น ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าลาภิณบรรจุความทรงจำทั้งหมดนั่นใส่กล่องอย่างดี และยิ่งไม่อยากเชื่อเมื่อเห็นลาภิณเก็บกล่องเหล็กนั้นใส่ตู้เซฟฝังผนังราวกับเป็นของล้ำค่า

หรือสิ่งที่นลินเล่าจะเป็นความจริง?

ไตรทศไม่อยากจะคาดเดาเองอีกต่อไป แม้เขาจะยังไม่คลายความขุ่นเคืองใจที่สั่งสมมาถึงยี่สิบปี แต่เขาจะไม่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่อีก เขาสัญญากับนลินไว้แล้วว่าจะหาคำตอบที่แท้จริงไปให้ เขาก็จะไม่ทำให้หลานชายผิดหวังเด็ดขาด

“ออกไปข้างนอกกันเถอะครับ ห้องนอนของผมมีแต่กลิ่นยา แล้วก็อุดอู้ด้วย”

“นายไม่ได้อยู่กับพราวรุ้งเหรอ”

“ไม่ครับ เดิมทีผมก็ไม่ได้นอนห้องเดียวกับรุ้งอยู่แล้ว”

“ไม่นอนห้องเดียวกันแล้วภัคพลโผล่มาได้ยังไง ออกมาจากกระบอกไม้ไผ่หรือไง”

“เรื่องนั้นผมไม่แก้ตัวครับ แต่มันไม่ใช่ความตั้งใจของผม”

ไตรทศยอมเดินตามลาภิณที่เดินนำเขาไปยังศาลาซึ่งตั้งในสวนด้านหลัง และนั่นทำให้ไตรทศต้องตะลึงยิ่งขึ้น เมื่อรอบศาลาประดับด้วยกล้วยไม้นานาพันธุ์จนเต็มไปด้วยกลิ่นกล้วยไม้...กลิ่นเดียวกับฟีโรโมนของตฤน

“นี่มัน...”

“นั่งก่อนสิครับพี่ไตร เดี๋ยวเด็กก็คงนำของว่างมาให้”

“นายตั้งใจพาฉันมาที่นี่ เพราะอยากให้ฉันยกโทษให้เหรอไงลาภิณ” ไตรทศถามเสียงลอดไรฟัน

“ไม่ครับ แต่ที่นี่คือที่ที่ผมอยู่บ่อยๆ และเป็นสวนที่ตฤนสร้างไว้ตั้งแต่เราแต่งงานกัน ผมพยายามรักษามันให้ดีที่สุด”

“นายทำเหมือนว่ายังรักตฤนเลยนะ ทั้งที่นายเป็นคนฆ่าตฤนแท้ๆ”

ลาภิณสบตาไตรทศ เขารู้ว่าที่ไตรทศมาวันนี้คงไม่ได้เพียงเพื่อต่อว่าต่อขาน เขาเชื่อว่าไตรทศมีสาเหตุที่มาหาถึงนี่ หากไม่มีธุระสำคัญคงไม่มีวันเหยียบบ้านจิรพงศ์ธาดา และคงไม่ยอมมานั่งพูดคุยกับเขาแน่ เพราะตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาเขาเพียรพยายามเข้าไปพูดคุยกับอีกฝ่าย แม้แต่ยามออกงานไปเจอกัน ไตรทศยังไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา นั่นทำให้ลาภิณนึกหวั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตฤนหรือนลิน

“ตฤนกับนลินเป็นอะไรรึเปล่าครับพี่ไตรถึงมานี่”

“ถามแบบนี้แสดงว่ารู้แล้วว่าตฤนกับนลินยังมีชีวิตอยู่”

“ครับ ผมรู้มาหลายปีแล้วว่าอุบัติเหตุนั่นเป็นการจัดฉาก แต่พวกพี่ก็ปกปิดตัวตนของตฤนและนลินดีมาก ผมเพิ่งรู้ไม่กี่วันนี่เองว่าทั้งสองคนหนีไปอยู่อเมริกา และเพิ่งรู้วันนี้เองว่ามีเศรษฐีซีแอตเทิลช่วยดูแล ตฤนแต่งงานใหม่แล้วใช่ไหมครับ”

คำถามของลาภิณเหมือนไม้หน้าสามตีแสกกลางหน้าไตรทศ แม้คำถามจะสะเทือนใจแค่ไหน แต่ใบหน้าของลาภิณกลับไม่มีแววเสียใจเลยสักนิด

“เขาดูแลตฤนกับนลินดีไหมครับ”

“ก็ดี เขาแต่งงานอยู่ด้วยกันมาสิบเจ็ดปีแล้ว เขารักนลินมาก แล้วก็เลี้ยงดูนลินมาอย่างดี”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะครับ นลินคงมีความสุขที่มีพ่อแบบนั้น และตฤนก็คงไม่ต้องทุกข์ใจที่ได้สามีที่รักเขา ไม่อ่อนแอแบบผม”

“นายรักตฤนจริงๆ นี่ แล้วทำไมตอนนั้น...” ไตรทศหยุดคำพูดเมื่อแม่บ้านวัยกลางคนนำเครื่องดื่มและของว่างมาวางบนโต๊ะระหว่างตฤนและลาภิณ

“ตอนนั้นทำไมเหรอครับ” ลาภิณเอ่ยถามเมื่อคล้อยหลังแม่บ้านไปแล้ว

“ก่อนฉันจะถาม นายรับปากมาก่อนว่าจะเล่าทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง จะไม่ปกป้องคนผิด”

ลาภิณเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะยอมพยักหน้าตกลง อย่างไรเสีย...บ้านกิตติวรกานต์ก็คงรู้ความจริงอยู่บ้างแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่มาหาเขา และชีวิตอันแสนสั้นของเขาก็ใกล้จะจบลงอยู่แล้ว ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย จะวันนี้หรือวันไหน สักวันหนึ่งก็คงถูกเปิดเผยอยู่ดี

“จริงๆ แล้ว แค่ผมรู้ว่าตฤนกับนลินมีความสุขดีแล้ว ผมก็คงไม่อยากได้อะไรอีก”

“แล้วนายจะปล่อยให้ตฤนเข้าใจนายผิดไปแบบนี้เหรอ”

“แต่ตอนนี้เขามีความสุขดีแล้ว มีครอบครัวใหม่แล้ว มีคนที่รักตฤนและนลินมากกว่าผม ผมก็คงตายตาหลับแล้ว”

“พูดอะไรแบบนั้นน่ะลาภิณ นายไม่รู้หรอกว่าเขาจะรักตฤนกับนลินมากกว่านายไหม ยังไงนายก็เป็นคนที่ตฤนรักมาก และนายก็เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดนลิน นายไม่คิดว่านลินจะอยากรู้ความจริงหรือไง”

“มันเป็นความผิดของผมจริงๆ นี่พี่ไตร ถ้าตอนนั้นผมไม่ลังเล ไม่อ่อนแอ แล้วตัดสินใจเด็ดขาด ตฤนก็คงไม่เข้าใจผิด เรื่องทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้น”

“แต่พี่เข้าใจนายนะ มันไม่ใช่เรื่องของนายคนเดียว ถ้าธุรกิจนายล้ม มีคนได้รับผลกระทบนับพันนับหมื่นคน ลูกน้องนายทั้งหมดจะถูกลอยแพ ว่างงาน แล้วไหนจะครอบครัวนายอีก ตอนนั้นครอบครัวพี่ก็ซัพพอร์ตนายไม่ได้ ไม่ผิดที่พ่อนายอยากให้นายแต่งพราวรุ้งเข้ามาอีกคน”

“แต่เธอไม่ได้อยากเป็นอีกคน เธออยากเป็นคนเดียว อยากแทนที่ตฤนจนถึงขั้นวางยาผมให้รัท ใช้น้ำหอมกลิ่นฟีโรโมนของตฤนให้ผมเข้าใจผิด ฉวยโอกาสที่ผมเข้าใจว่าตฤนกับนลินตายเพื่อมาแทนที่”

“นายจะบอกว่าที่เธอท้องเพราะตั้งใจวางยานายเหรอ”

“ใช่ครับ ผมพยายามอธิบายกับพี่มาตลอด”

“แล้วที่พี่ได้ยินมาว่านายส่งคนไปตัดสายเบรกรถของตฤนล่ะ”

“ผมไม่เคยทำนะครับพี่ไตร ผมสาบานเลยว่าต่อให้ผมลังเลเรื่องรุ้งแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดทำร้ายตฤนกับนลิน ผมรักตฤนกับนลินมากนะครับ รักมาก...รักมาตลอด ผมไม่เคยลืมทั้งสองคนเลย ไม่มีวันไหนที่ผมจะลืมพวกเขาเลยนะครับ”

ไตรทศเม้มปากแน่น หากลาภิณพูดความจริง แผนทั้งหมดก็คงมาจากพราวรุ้ง และคนที่คิดร้ายกับนลินและตฤนมาตลอดก็คงเป็นผู้หญิงจิตใจชั่วร้ายคนนั้น คนที่ทำให้ตฤนต้องเปลี่ยนมาเป็นนวมิณทร์ก็คือผู้หญิงที่ชื่อพราวรุ้ง เรื่องทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวกับลาภิณเลย เป็นอย่างที่นลินคิดไว้จริงๆ เสียด้วยสิ

ไตรทศมองหน้าคนที่นั่งตรงข้ามก็ให้รู้สึกผิดเสียเหลือเกิน หากวันนั้นเขาไม่ใช้อารมณ์ หากวันนั้นเขามีสติเช่นวันนี้ เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น

“ลาภิณ...พี่ขอโทษนะ ถ้าวันนั้นที่พี่ได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้วมาถามนาย นายก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้”

“ผมคงบุญน้อยเองล่ะครับจึงอยู่กับคนที่ผมรักไม่ได้”

“พี่จะบอกความจริงกับตฤน”

“อย่าเลยครับพี่ไตร ตฤนมีความสุขดีแล้ว จากนี้ผมจะไม่ตามหาเขาอีก จะไม่...” ลาภิณกลืนก้อนสะอื้นที่แล่นมาจุกอก

“ลาภิณ...นายทรมานมามากพอแล้วนะ นายทุกข์มาพอแล้ว นายควรมีความสุขได้แล้ว พี่จะเล่าให้ตฤนฟัง แล้วก็ขึ้นอยู่กับตฤนแล้วว่าจะตัดสินใจยังไง”

“ไม่ครับพี่ไตร อย่าให้เรื่องในอดีตทำให้ตฤนต้องทุกข์เลยนะครับพี่ไตร ถ้าตฤนเลือกผมมันก็ไม่เปลี่ยนอะไรอยู่ดี ผมเหลือเวลาไม่มากแล้ว ผมให้คนตามสืบเพราะอยากรู้ว่าทั้งคู่มีความสุขดีไหม แค่พี่ยืนยันว่าชีวิตทั้งคู่อยู่ดีมีสุข ผมก็พอใจแล้ว”

“นายจะมาตัดสินใจแทนคนอื่นไม่ได้นะลาภิณ ฉันเคยตัดสินใจแทนคนอื่นแล้วทำให้ทุกคนมีแต่ความทุกข์ นายก็อย่าทำซ้ำรอยพี่เลยนะ”

“ไม่ครับพี่ไตร ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน ผมมีเวลาอยู่แค่ครึ่งปี ถ้าตฤนกลับมาหาผม ตฤนก็จะทุกข์อีก ตอนนี้เขาไม่ต้องทุกข์แล้ว ให้เขามีความสุขแบบนั้นก็ดีแล้วครับ ถ้าชาติหน้ามีจริง...ผมก็จะยังคงรักตฤนอีกครั้ง และหวังว่าครั้งหน้าตฤนจะยังรักผม ให้ผมได้อยู่กับตฤนมากกว่าชาตินี้”

“นายป่วยเป็นอะไรกันแน่น่ะลาภิณ ทำไมถึงบอกว่าเหลือเวลาอีกไม่นาน”

“มะเร็งกระดูกครับ คงเป็นเวรกรรมที่ผมทำให้ตฤนทุกข์ใจ” ลาภิณยิ้มอ่อนอย่างยอมรับชะตากรรม “ผมได้ยินว่าตฤนและนลินมีความสุขผมก็ตายตาหลับแล้วล่ะครับ อย่าบอกพวกเขาเลยนะครับ ถือว่าผมขอร้อง”

“แต่...”

“ผมขอล่ะครับพี่ไตร เดิมทีผมก็อยากเจอพวกเขาอีกครั้งก่อนตาย แต่พอรู้ว่าพวกเขามีความสุขดีแล้ว ผมก็ไม่อยากให้เขาต้องทุกข์ใจอีก ให้เขาคิดว่าผมเป็นคนเลวร้ายแบบนี้ต่อไปเถอะครับ”

“แบบนั้นมัน...”

ลาภิณผุดลุกขัดคำพูดของไตรทศ “วันนี้ผมเหนื่อยแล้ว ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับพี่ไตร ผมดีใจนะครับที่ได้พูดสิ่งที่ผมอยากพูดกับพี่ไตรมาตลอด”

ไตรทศผุดลุกขึ้นยืนมองตามแผ่นหลังงองุ้มที่ก้าวเดินช้าๆ เข้าไปในบ้านก็ให้นึกสะท้อนในอก ได้แต่ตั้งคำถามว่าลาภิณต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน ต้องอยู่คนเดียวโดยไร้คนที่รักข้างกาย เมื่อครั้งยังมีบิดาท่านก็ไม่เข้าใจความปรารถนาของลาภิณ เห็นแก่ผลประโยชน์และธุรกิจจนไม่ได้นึกถึงจิตใจของลาภิณ จนทำให้ลาภิณต้องพรากจากคนรักมานานถึงยี่สิบปี

แล้วตอนนี้โชคชะตายังมาเล่นตลกให้ลาภิณมีอายุสั้นจนไม่อาจได้เจอคนที่รักสุดหัวใจทั้งสองคน ยินดีเป็นคนทุกข์และตายจากโลกนี้ไปเพียงลำพัง แบบนี้มันช่างไม่ยุติธรรมเลย

ไตรทศเม้มปากแน่น เขาจะไปบอกนลินอย่างไรดี จะไปบอกว่าบิดาบังเกิดเกล้าของนลินกำลังจะตาย ไปบอกว่าเรื่องทั้งหมดลุงคนนี้เข้าใจผิดไปเอง แต่จะให้เขาทำตามลาภิณบอกก็เห็นจะไม่ได้ เขาทำผิดต่อนวมิณทร์และนลินมาถึงยี่สิบปี เขาจะไม่ทำเช่นนั้นอีก และนี่อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้ลาภิณได้ เขาจะทำให้ทั้งสามได้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง

...เขาสัญญา!

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status