แชร์

CHAPTER 5.2 : บทพิสูจน์

พยัคฆ์เดินไปเดินมาพลางชะเง้อดูแฝดผู้พี่ที่บอกว่าจะช่วยพูดกับนลินให้ ทว่าผ่านไปตั้งหลายนาทีแล้วกลับยังไม่เห็นวี่แววของทั้งคู่ เป็นเหตุให้ตรีวิทย์ที่กำลังเล่นต่อจิ๊กซอว์กับลูกชายลอบอมยิ้มขำ

“คุณพ่อครับ ทำไมน้ายักษ์เดินไม่หยุด”

“น้าพยัคฆ์รออานลินครับ”

“รอทำไมครับ อานลินไปไหน อานลินทิ้งน้องพูห์เหรอ”

“ไม่ใช่ครับ อานลินคุยอยู่กับคุณแม่ครับ”

ภูวนัยเอียงคอก่อนจะผุดลุกเดินไปหาพยัคฆ์ แล้วจับมือใหญ่ของอีกฝ่าย เป็นเหตุให้พยัคฆ์ต้องหันมองหลานชายด้วยความฉงนใจ

“น้องพูห์มีอะไรครับ”

“ต่อจิ๊กซอว์กันครับ”

“เดี๋ยวน้าไปต่อด้วยนะ น้าพยัคฆ์รออานลินของน้องพูห์อยู่”

“น้ายักษ์เป็นเด็กไม่ดี ถ้าน้ายักษ์ดื้ออานลินจะไม่รักนะครับ”

“หือ? น้องพูห์บอกว่าถ้าน้าพยัคฆ์ดื้อ อานลินจะไม่รักเหรอครับ”

“ครับ อานลินบอกว่าอานลินรักน้องพูห์ น้องพูห์เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ”

พยัคฆ์ขมวดคิ้วเข้มจนระหว่างคิ้วเป็นร่องลึก เขายอมเดินตามแรงน้อยๆ ของโอเมก้าวัยสามขวบไปนั่งบนพรมข้างพี่เขยที่ยังคงยิ้มกริ่ม

“พี่ว่าพยัคฆ์คงไม่ได้แค่สนใจนลินแล้วล่ะ ถ้าชอบก็ลุยเลย ไม่งั้นนลินไปสนใจคนอื่นแน่”

“พี่ตรีกับนลินไม่ได้...”

“ไม่ใช่อย่างที่พยัคฆ์คิดหรอก พี่รู้จักกับนลินมาตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยสนิทสนมกัน รักแบบพี่น้องน่ะ”

“ถ้ารู้จักกันมานานแล้ว งั้นพี่ตรีก็ต้องรู้สิว่านลินไม่ใช่เบต้า”

“นลินบอกว่าเป็นเบต้า พี่ก็เชื่อว่าเป็นเบต้า”

พยัคฆ์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าของตรีวิทย์นั้นกรุ้มกริ่ม ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยว่าตรีวิทย์จะต้องรู้จักนลินดีกว่าที่พูดเป็นแน่ และนั่นทำให้เขายิ่งไม่ไว้ใจว่าทั้งคู่รู้จักและสนิทสนมกันในฐานะพี่น้องจริงไหม

“พี่ตรีไม่ได้นอกใจพยนต์แน่นะ”

“เห็นพี่เป็นคนแบบไหนเนี่ยพยัคฆ์ พี่มีน้องพูห์แล้วนะ แล้วพี่ก็รักพยนต์มาก ไม่ทำเรื่องให้พยนต์กับน้องพูห์เสียใจหรอก สำหรับพี่แล้ว...พยนต์คือคู่แห่งโชคชะตาเลยนะ”

“เดี๋ยวนี้ใครเขาเชื่อเรื่องคู่แห่งโชคชะตากันล่ะครับ” พยัคฆ์เอ่ยเสียงหงุดหงิด “มีแต่คู่เวรคู่กรรมกันทั้งนั้นแหละ”

“พยัคฆ์ไม่เชื่อเพราะไม่เจอน่ะสิ ถ้าพยัคฆ์เจออย่างพี่ก็คงเชื่อเอง บางทีกับนลิน...อาจเป็นคู่แห่งโชคชะตาก็ได้”

“งั้นก็คงต้องพิสูจน์แล้วล่ะครับ แต่เขาเกลียดหน้าผมออกนะครับ”

“แล้วพยัคฆ์ไปทำอะไรนลินล่ะ พี่จะบอกอะไรพยัคฆ์ไว้นะ แต่พยัคฆ์อย่าไปบอกใครล่ะว่าได้ยินจากพี่มา”

“ครับ ผมรับปาก”

“นลินเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ยอมคนมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยชอบคนที่ตัวเองควบคุมได้ พวกที่ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ จับหมุนซ้ายหมุนขวาได้ ว่านอนสอนง่าย คนที่นลินคบมาก่อนนี้จึงเป็นคนที่นลินสามารถควบคุมได้ ถ้าใครที่คิดจะออกนอกกรอบที่ตั้งไว้เลยเป็นคนที่นลินไม่คิดชายตาแล พยัคฆ์ต้องระวังเรื่องนี้ไว้”

“ทำตัวเป็นราชินีเลยนะครับ”

“ใช่ นั่นแหละนลิน”

“ถ้าแบบนั้นผมก็ไม่ได้ต่างกับผู้ชายคนอื่นของนลินน่ะสิ สุดท้ายก็จะถูกนลินเขี่ยทิ้งอยู่ดี”

“งั้นพยัคฆ์ก็ต้องทำให้ตัวเองต่างกับคนอื่น แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่นลินชอบด้วยสิ”

“เกณฑ์การเป็นเด็กดีของนลินสินะครับ”

“พี่ก็แนะนำพยัคฆ์ได้แค่นี้แหละ ที่เหลือก็แล้วแต่เลยว่าพยัคฆ์จะทำยังไง”

“ขอบคุณครับพี่ตรี”

“คุณแม่มาแล้ว อานลินล่ะครับ”

“อานลินออกไปข้างนอกครับ น้องพูห์เป็นเด็กดี ไม่โกรธอานลินใช่ไหม”

“ไม่ครับ น้องพูห์รักอานลิน เป็นเด็กดี”

“พี่ตรีครับ นลินบอกว่าวันนี้อาจจะกลับดึก หรือไม่ก็ไม่กลับ”

“ปล่อยน้องไปเถอะ มีเรื่องให้คิดขนาดนั้น ปล่อยให้พักผ่อนเถอะ”

พยัคฆ์ขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกได้ว่าทั้งสองคนรู้เรื่องนลินที่เขาไม่รู้ และเขาจะต้องหาคำตอบให้ได้ ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะตามนลินไป ทว่ากลับถูกพยนต์เบรกไว้ก่อน

“จะไปไหนน่ะพยัคฆ์ เราต้องคุยกันเรื่องนลิน”

“ไม่มีอะไรจะคุยด้วย”

“แต่พยัคฆ์หึงนลินกับพี่ตรีนะ”

“ไม่ได้หึง ก็แค่หงุดหงิด ทีกับพยัคฆ์ล่ะรังเกียจ พอกับพี่ตรีล่ะกอดไม่ปล่อยเลย แต่ตอนนี้พยัคฆ์เข้าใจแล้วว่านลินรู้จักกับพี่ตรีมาตั้งแต่เด็ก”

“แล้วนั่นจะไปไหน”

“มีเรื่องต้องพิสูจน์”

“พิสูจน์เรื่องอะไรน่ะพยัคฆ์”

“การเป็นเด็กดี”

พยนต์เลิกคิ้วงุนงง ก่อนจะได้แต่มองตามแผ่นหลังของคนที่เดินออกจากบ้านไปโดยไม่ร่ำลา แม้พยัคฆ์จะเป็นคนอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่นี่มันไม่ลมเพลมพัดเกินไปหน่อยหรือไง พยนต์ได้แต่โคลงศีรษะ ก่อนจะหันไปหาสามีราวกับจะหารือ

ตรีวิทย์เพียงส่งยิ้มให้ภรรยาพลางสนใจลูกชายที่พยายามต่อจิ๊กซอว์ นั่นทำให้พยนต์วางเรื่องของนลินและพยัคฆ์ แล้วใช้เวลากับภูวนัยและสามีที่เพิ่งเลิกงานมา

พยัคฆ์คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นเจ้าของร่างบอบบางเดินเข้ามาในไนต์คลับ ‘ริทซ์’ ของนริศรณ์เพื่อนรักของพยัคฆ์ ใครจะคิดว่าโชคชะตาจะนำพาราชินีมาหาเด็กดีอย่างเขา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏมุมปากขณะใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงกับขอบแก้วเครื่องดื่มในมือ

“พี่พยัคฆ์ครับมายืนอะไรตรงนี้ครับ”

พยัคฆ์ปรายตามองคนที่เข้ามาทักทายอย่างไม่ชอบใจ ทำอารมณ์ดีๆ ของเขาเมื่อครู่เสียหมด ซึ่งท่าทางของพยัคฆ์ทำให้นับสิบที่ถูกเรียกให้มาเจอกันต้องรีบลากตัวอีกฝ่ายออกมา

“น้องเพชรครับ อย่าไปยุ่งกับไอ้พยัคฆ์เลยนะครับ เดี๋ยวมันเอาแก้วเขวี้ยงหัวแตกจะเสียโฉมหมด”

“พี่พยัคฆ์ไม่ทำร้ายเพชรหรอกครับ ยังไงเพชรก็เป็นหลานคุณตา”

กึก!

“อย่าเอาสายเลือดชั่วๆ ของเธอมานับญาติกับฉัน ฉันไม่นับเธอเป็นญาติ” พยัคฆ์ตวาดพลางมองด้วยหางตาอย่างขุ่นเคืองใจ

“พี่พยัคฆ์...ทำไมพี่พยัคฆ์พูดกับเพชรแบบนี้ล่ะครับ ยังไงคุณตาก็เลี้ยงดูคุณแม่ของเพชรมา”

“ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!”

นับสิบและนริศรณ์มองหน้ากัน ก่อนที่นับสิบจะรีบดึงเพชรอันดาให้ออกไปจากสายตาของพยัคฆ์ ไม่เช่นนั้นพยัคฆ์คงได้คว้าแก้วเครื่องดื่มปาใส่เพชรอันดาจนหัวแตกเป็นแน่

“ใจเย็นสิวะไอ้พยัคฆ์ มึงก็พูดกับน้องเขาแรงไป น้องเขาไม่ได้มีส่วนกับเรื่องที่แม่เขาทำซะหน่อย”

“มึงเงียบไปเลยไอ้ไนน์ ทำอารมณ์ดีๆ กูเสียหมด แม่งมาขัดจังหวะกู กูด่าแค่นี้ยังน้อยไป”

“ขัดจังหวะ? ขัดจังหวะอะไรของมึงวะไอ้พยัคฆ์” นริศรณ์เอ่ยถามพลางยืนเกาะขอบที่กั้นชั้นสอง

พยัคฆ์หมุนกายกลับไปมองชั้นล่างบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งมีชายหนุ่มหน้าสวยนั่งบนเก้าอี้บาร์สั่งเครื่องดื่ม ยิ่งเห็นว่าเรียวเล็บเคลือบสีส้มจนเด่น ยามเกี่ยวผมเหน็บกับใบหูนั้นดึงดูดสายตาอัลฟ่ามากหน้าหลายตาให้เข้าหาก็ให้พยัคฆ์ต้องเดาะลิ้น

“มีเสน่ห์ขนาดนี้ไม่ใช่โอเมก้าก็แปลกแล้ว”

“งานพรีเมียมเลยนี่หว่าพยัคฆ์ รู้จักเหรอ” นับสิบที่เพิ่งกลับมาสมทบเอ่ยถามทันที

“อือ โอเมก้าที่กูเจอบนเรือที่เคยเล่าไงวะ”

“สวยขนาดนี้นี่เองก็ว่าทำไมมึงถึงได้ติดใจขนาดนั้น”

“แล้วมึงจะจัดเลยไหมไอ้พยัคฆ์” นริศรณ์เอ่ยถาม

“กูมีแผนอยู่ กูบอกเด็กของมึงไปแล้ว”

“อะไร? นี่มึงจะวางยาเขาเหรอวะ” นริศรณ์เอ่ยถามด้วยเสียงไม่อยากเชื่อ “ปกติแล้วคนอย่างคุณพยัคฆ์ ศตาวุทธิพงศ์ไม่เคยวางยาใครเลยนะครับ นี่ถึงขั้นวางยากระตุ้นเลยเหรอวะ”

“กูเพิ่งเจอกับเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วเขาบอกกูว่าเขาเป็นเบต้า”

“ฮะ? ก็ไหนมึงบอกว่าเป็นโอเมก้าไง” นับสิบเอ่ยถามอย่างงงงวยก่อนจะจิบเครื่องดื่มในมือ

“ก็ใช่ไง กูจำหน้าโอเมก้าสวยๆ ที่กูติดใจได้แม่น แต่พอมาเจอที่เมืองไทยเมื่อวันก่อน เขาดันทำเป็นไม่รู้จักกู แล้วบอกว่าเป็นเบต้าหน้าตาเฉย”

“มึงก็เลยจะพิสูจน์งี้” นริศรณ์เอ่ยอย่างรู้ทันความคิดเพื่อนรัก

“อือ กูไปเตรียมตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวก่อนดีกว่า”

“นี่มึงไปเตรียมแผนตอนไหนวะ”

“ตั้งแต่ก่อนขึ้นมาชั้นสองแล้ว”

“ให้พวกกูช่วยไหมวะพยัคฆ์”

“มึงอยู่กับไนน์เหอะไอ้นับ กูจัดการเองได้”

“งานนี้พ่อเขาออกโรงเองเลยเว้ย กูว่าไม่แค่ติดใจแล้ว งานนี้ไอ้พยัคฆ์เอาจริง”

“มันรู้ใจตัวเองหรือยังก่อนเถอะ” นับสิบเอ่ยก่อนจะจิบเครื่องดื่มแล้วมองไปยังชั้นล่าง

นริศรณ์เห็นด้วยกับเพื่อนรัก ขณะที่ยังไม่ละสายตาจากคนสวยของเพื่อนรักที่พาตัวเองไปชั้นล่าง ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องสนุกๆ ให้พวกเขาดูเสียแล้วสิ

นลินขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะมองรอบกายที่เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ความรู้สึกร้อนวูบวาบราวกับจับไข้ รู้สึกมึนศีรษะจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ชายหนุ่มกัดฟันทน รู้ได้ทันทีว่าเขาโดนวางยาเข้าให้แล้ว

“กลิ่นหอมจังเลยนะคนสวย ไปกับพี่ไหม”

นลินกัดริมฝีปากตัวเองเมื่ออีกฝ่ายลูบต้นแขนเปลือยเปล่าของตัวเอง ชายหนุ่มสะบัดตัวก่อนจะพยายามเดินหนี ทว่าเพราะปริมาณคนที่เบียดเสียด ทำให้เขาต้องพยายามพาตัวเองหนีไปจากผู้ชายที่เดินตามอย่างย่ามใจ

แม้นลินจะรู้สึกร้อนรุ่มและปรารถนาเพราะถูกวางยาแค่ไหน แต่นลินก็เป็นคนเลือกกิน ไอ้ที่จะมั่วโดยไม่เลือกนี่ไม่ใช่นิสัยของเขาเสียด้วยสิ ชายหนุ่มกัดฟันก่อนจะพาตัวเองออกจากริทซ์

เขายันกายด้วยกำแพงนอกร้าน ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อลมหายใจร้อนๆ เป่ารดอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มกำลังจะออกวิ่ง กลับถูกอีกฝ่ายผลักจนแผ่นหลังติดกับกำแพง

“จะหนีพวกพี่ไปไหนเล่า พวกพี่เล็งน้องคนสวยไว้ตั้งแต่เข้ามาในร้านเลยนะ ดูท่าว่ายาที่พี่ให้จะได้ผลแล้วด้วยนี่ เราไปขึ้นสวรรค์ด้วยกันดีกว่านะ”

“ปล่อย! หน้าแบบนี้ดูก็รู้ว่ากินไม่อร่อย”

แม้นลินจะยืนแทบไม่อยู่ แต่ก็ไม่วายปากกล้าตามนิสัย ทว่าก่อนจะถูกชายหนุ่มทั้งสองคนฉุดกระชากลากถูไป กลิ่นโบตั๋นก็ลอยมาแตะจมูกของนลิน ตามมาด้วยเสียงตุบตับ นลินทรุดกายลงนั่งกับพื้นทันที

“นลิน...เป็นอะไรหรือเปล่า”

“พี่พยัคฆ์จริงๆ ด้วย กลิ่นของพี่จริงๆ ด้วย”

พยัคฆ์กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อนลินคล้องแขนกับลำคอแกร่งของเขา ชายหนุ่มจึงปล่อยฟีโรโมนปลอบประโลมขณะอุ้มอีกฝ่ายราวกับเด็กๆ ขณะที่นลินเกี่ยวขากับเอวสอบของอีกฝ่าย

“พี่พยัคฆ์...นลินร้อน...ไปโรงแรมกันเถอะ”

พยัคฆ์ยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนจะหันมองชายสองคนที่นั่งบนพื้นพลางยักคิ้วให้ทั้งคู่ แล้วพยักพเยิดให้อีกฝ่ายกลับไปสนุกด้านในได้แล้ว ทั้งคู่จึงโบกมือให้พยัคฆ์ที่อุ้มคนสวยไปที่รถ

ชายหนุ่มอยากรู้นักว่าคนปากแข็งจะยังยืนกระต่ายขาเดียวอีกไหม ในเมื่อเขาพิสูจน์แล้วว่านลินคือโอเมก้าเจ้าของกลิ่นดอกลาเวนเดอร์

“นลินคือโอเมก้าจริงๆ ใช่ไหม”

นลินไม่ตอบคำถาม เขาเพียงกดจมูกกับหลังคอของพยัคฆ์ เพื่อสูดกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์ แม้นลินจะรู้สึกว่าสติเลือนลางแค่ไหน แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่สามารถปกปิดเพศรองที่แท้จริงได้แล้ว ทั้งยังไม่สามารถโกหกพยัคฆ์ได้อีกต่อไป แต่เรื่องนั้น...ช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้เขาต้องการให้พยัคฆ์เข้ามาในตัวเขามากกว่า

“อย่าถามมาก รีบช่วยนลินก่อน”

“พี่ช่วยก็ได้ ถ้านลินจะเลิกปฏิเสธพี่”

“อือ อยากทำอะไรก็ทำ เร็วๆ”

“พี่จะถือว่านลินยอมตกลงมาเป็นของพี่แล้วนะ”

พยัคฆ์เอ่ยจบก็พานลินเข้าไปนั่งในรถ แล้วพารถคูเป้สองประตูของตัวเองไปยังเพ้นต์เฮ้าส์ที่อยู่ห่างจากไนต์คลับไม่ไกลนักทันที

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status