“ปล่อย! ลากมาทำอะไรของคุณเนี่ย”
พยัคฆ์ขบกรามแน่นนึกโมโหนลินจนแทบคลั่งที่อีกฝ่ายมายืนกอดกับตรีวิทย์ ก็ไหนว่าเป็นเบต้า ไม่สนใจอัลฟ่าอย่างไรเล่า ที่แท้ก็แอบมาเป็นชู้กับพี่เขยของเขานี่เอง ทำเป็นรังเกียจเขา ทว่าความจริงคือตั้งใจจะจับตรีวิทย์ชัดๆ
ปึก!
ใบหน้าของนลินกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของคนที่ถูลู่ถูกังมาตลอดทาง ชายหนุ่มถูกกระแทกจนกระเด้งแล้วล้มลงกับพื้น
นลินกัดริมฝีปากของตัวเองที่รู้สึกเจ็บ นี่มันวันบ้าอะไรของเขากันที่ต้องมาเจ็บทั้งตัวมาเจ็บทั้งใจ แค่เรื่องบิดาเขาก็เสียใจมากพอแล้ว ตั้งแต่จำความได้...นอกจากเสียใจเพราะคิดถึงบิดาครั้งที่ไปอยู่อเมริกาใหม่ๆ ก็ครั้งนี้นี่แหละที่เขาร้องไห้หนักขนาดนี้
แล้วนี่อะไรกัน? เขายังต้องมาเจ็บตัวอีก
“ไม่ต้องมาทำสำออย ลุกขึ้นมา!”
นลินเงยหน้าขึ้นมองคนพาลอย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้สำออยเสียหน่อย แต่เขาเบื่อหน่ายจนไม่อยากลุกไปต่อล้อต่อเถียงด้วยต่างหาก
ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิก่อนจะปัดเศษต่างๆ ออกจากมือและแขนราวกับไม่สนใจท่าทางเกรี้ยวกราด ปกติเขาก็ไม่ชอบคนไร้เหตุผล ไม่ชอบคนใช้อารมณ์แบบนี้อยู่แล้ว และยิ่งไม่ชอบคนที่เอาความโกรธมาลงกับเขา
เพราะฉะนั้น...พยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของเขา!
นลินลุกขึ้นยืนปัดเศษหญ้าและดินออกจากตัว ก่อนจะหมุนกายหนี ทว่ากลับถูกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่ เพียงอีกฝ่ายกระชากเบาๆ ร่างบอบบางก็ลอยหวือกระแทกกับอกแกร่ง
แม้นลินจะชื่นชอบกลิ่นฟีโรโมนนั่นแค่ไหน ชอบเซ็กซ์ของพยัคฆ์เพียงใด หรือหน้าตาถูกใจจนละสายตาไม่ได้อย่างไร แต่หากมีนิสัยเกรี้ยวกราดขนาดนี้ก็ไม่ผ่านคิวซีของนลินอยู่ดี
“คิดจะหนีไปไหน หรือจะไปอ้อนพี่ตรีอีกล่ะ”
“อย่ามาพาลใส่ผมนะคุณพยัคฆ์ ผมไม่ชอบ! เพราะคุณนิสัยแบบนี้ไง ผมถึงไม่อยากยุ่งด้วย”
“กับฉันทำเป็นเล่นตัว แต่ทีกับพี่ตรีเธอกอดไม่ยอมปล่อย”
นลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าพยัคฆ์โกรธอะไร ก็แค่เด็กน้อยที่หวงพี่เขยแทนพี่ชายก็เท่านั้น เป็นเด็กน้อยพยัคฆ์จริงๆ เลยนะ
“ไม่อยากให้ผมกอดกับพี่ตรี เพราะอยากให้ผมกอดคุณแทนเหรอ”
นลินขยับเข้าใกล้อีกนิด ด้วยหวังจะยั่วคนพาล ทว่าไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางเช่นนั้นมีแต่จะถูกใจพยัคฆ์ และทำให้พยัคฆ์จับกินก็เท่านั้น
นลินย่ามใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยั่วขึ้น เขาจึงแกล้งยื่นหน้าเข้าหา นั่นทำให้พยัคฆ์คว้าเอวเข้าสู่อ้อมกอด ก่อนจะบดริมฝีปากบนกลีบปากสีพีชราวกับจะลงโทษ นั่นทำให้คนถูกบังคับพยายามดิ้นหนี และผลักแผ่นอกแข็งแรงออก ทว่ามือเล็กกลับถูกพยัคฆ์จับไว้แน่น เป็นเหตุให้นลินยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิม
พยัคฆ์ข่มอารมณ์หงุดหงิดจนทำให้กลิ่นฟีโรโมนฉุนจมูกในคราแรกค่อยๆ อ่อนลง ด้วยหวังว่ามันจะช่วยให้นลินยอมคล้อยตาม ทว่ากลับได้ผลตรงข้ามราวกับว่านลินไม่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนของเขาจริงๆ
นลินกัดริมฝีปากอีกฝ่ายก่อนจะผลักพยัคฆ์เต็มแรง บ่งบอกว่าสิ่งที่พยัคฆ์ทำนั้นได้ผลตรงข้าม จริงอยู่ที่ว่าเขาชอบกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์ ทว่าเขารังเกียจการถูกบังคับฝืนใจเช่นนี้ และเกลียดยิ่งกว่าคือคนที่คิดว่าตนมีกำลังมากกว่าจะบีบบังคับคนอ่อนแอกว่า
ทว่านั่นไม่ใช่นลิน!
นลินเช็ดริมฝีปากด้วยหลังมือราวกับจะบอกว่ารังเกียจ ชายหนุ่มมองพยัคฆ์ด้วยหางตาก่อนจะย่ำเท้าไปยังบ้านใหญ่ของกิตติวรกานต์ นั่นทำให้พยัคฆ์รีบวิ่งตามเพื่อพูดคุยกับอีกฝ่าย
“หยุดนะนลิน เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง”
นลินไม่คิดต่อล้อต่อเถียงด้วยอีก ด้วยรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบในด้านร่างกาย และเขาจะไม่เสียเวลากับคนที่ติดลบอีกเป็นหนที่สอง
“นลินพี่ขอโทษ”
ขาเรียวหยุดนิ่งก่อนจะหมุนกายมาเผชิญหน้ากับร่างสูง ทว่าเมื่ออีกฝ่ายก้าวเข้าหาเขาก็ถอยหลังออกห่าง ราวกับเป็นการบอกทางอ้อมว่าไม่ต้องการให้เข้ามาใกล้กว่านี้
“พี่ไม่อยากให้นลินไปเป็นมือที่สาม”
“แต่ผมไม่ใช่ และไม่คิดจะทำแบบนั้น”
“นลินกอดกับกพี่ตรี พี่เห็นกับตา”
“แล้วคิดได้แค่นั้นเหรอ คิดว่าผมกอดพี่ตรีแล้วต้องเป็นมือที่สาม เป็นชู้ของพี่ตรีหรือไง โง่หรือเปล่าน่ะคุณ ถ้าผมจะเป็นชู้กับพี่ตรีคงไม่มากอดในบ้านเขาหรอก แล้วตรงนั้นก็ใกล้กับบ้านพี่พยนต์ ถ้าผมเป็นชู้ก็ควรกังวลว่าพี่พยนต์จะเห็นสิ”
“พี่ขอโทษ พี่ใจร้อนไปหน่อย แล้วถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมพี่ตรีต้องกอดนลินแบบนั้นล่ะ”
นลินถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่ายใจ ดวงตาคู่สวยสบกับนัยน์ตาคมกริบที่มีแต่ความสงสัย นลินเลือกที่จะหมุนกายเดินหนีไม่อยากตอบคำถามที่อาจทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย นั่นทำให้พยัคฆ์คิดคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ ทว่าพยนต์ที่รีบวิ่งตามมาส่งเสียงห้ามไว้เสียก่อน
“พยัคฆ์ทำอะไรนลินน่ะ”
“ก็นลินกับพี่ตรี...”
“หยุดคิดแบบนั้นเลยพยัคฆ์” พยนต์ขัดขึ้น
นลินที่หยุดเท้าเมื่อได้ยินเสียงพยนต์จึงหันมองพยัคฆ์ที่ยังมีแววหงุดหงิด เขารู้ว่าเขาเองก็ผิดที่ทำให้พยัคฆ์เข้าใจผิด เพราะภาพที่พยัคฆ์เห็นนั้นชวนเข้าใจผิด แต่เขาก็ไม่ไว้ใจพยัคฆ์ อย่างไรเสีย...สำหรับนลินแล้วพยัคฆ์ก็เป็นคนนอก ไม่ได้เป็นญาติของเขา ไม่ใช่คนของกิตติวรกานต์
“พยัคฆ์กลับไปรอพยนต์ที่บ้านไป พยนต์ขอคุยกับนลินก่อน”
พยัคฆ์ยังไม่ยอมขยับ เขาจับจ้องดวงหน้าขาวที่ดวงตายังคงระเรื่อแดง เขายังจำภาพที่นลินร้องไห้ซบกับบ่าของตรีวิทย์ได้ ทำไมนลินจะต้องให้ตรีวิทย์ปลอบด้วยเล่า ทั้งที่เขาพยายามเสนอตัวมาทุกวัน นลินจะไม่รู้เชียวเหรอกว่าเขาสนใจ
“พยัคฆ์ไปสิ” พยนต์เม้มปากก่อนจะขยับไปกระซิบน้องชาย “เดี๋ยวพยนต์ช่วยเรื่องนลิน ไปรอที่บ้านก่อน”
พยัคฆ์มองหน้าพี่ชายฝาแฝดราวกับจะถาม ทว่าพยนต์ยังคงส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายกลับไปรอที่บ้าน นั่นทำให้พยัคฆ์ยอมหมุนกายกลับไปที่บ้านของตรีวิทย์และพยนต์แต่โดยดี
เมื่อคล้อยหลังพยัคฆ์ พยนต์จึงจูงมือนลินให้นั่งด้วยกันในศาลาหกเหลี่ยมซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
“พี่ขอโทษแทนพยัคฆ์ด้วยนะนลิน”
“ไม่เป็นไรครับ เขาเองก็ขอโทษนลินแล้ว นลินก็เข้าใจว่าเขาไม่พอใจเพราะเข้าใจผิด”
“เมื่อวานนลินได้ยินใช่ไหมที่พี่พูดกับพยัคฆ์ นลินโกรธพยัคฆ์ไหม”
“ไม่ครับ นลินก็ชอบความคิดนั้นนะครับ จริงๆ ค่อนข้างพอใจเขาด้วยซ้ำ”
“แล้ว?”
“แต่นลินไม่ชอบที่เขาโมโหแล้วใช้กำลังบังคับ”
“พยัคฆ์เขาเป็นคนร้ายกาจกว่าที่นลินคิดอีกนะ ถ้านลินไม่ชอบคนนิสัยอันธพาล พี่คิดว่านลินอย่าไปอ่อยพยัคฆ์นักจะดีกว่า ถ้าพยัคฆ์เอาจริงขึ้นมานลินคงยิ่งกว่าไม่ชอบเสียอีก”
“คนอย่างพี่พยัคฆ์น่ะเหรอครับร้ายกาจ นลินคิดว่าที่เขาทำแบบนั้นกับนลินก็เพราะรักพี่พยนต์ อยากปกป้องพี่พยนต์มากกว่า เหมือนเด็กขี้เป็นห่วงนั่นล่ะครับ นลินว่าน่ารักดีนะครับ”
“พี่เตือนแล้วนะนลิน พยัคฆ์ไม่ใช่คนว่านอนสอนง่ายหรอกนะ”
“ถ้านลินจะสอนซะอย่าง แต่นลินทำแบบนั้นในตอนนี้ไม่ได้”
“ถ้านลินสนใจพยัคฆ์เหมือนกัน แล้วยังดื้อที่จะสอนพยัคฆ์จริงๆ พี่ช่วยยืนยันให้ได้นะว่าพยัคฆ์ไม่ใช่คนปากโป้ง เป็นคนเก็บความลับได้ และนลินสามารถเชื่อใจพยัคฆ์ได้”
“ไม่ใช่ตอนนี้ครับ ถ้าทุกอย่างจบลงแล้วนลินยังอยากได้เขา นลินจะไปอ่อยเขาเองครับ”
พยนต์หัวเราะเล็กน้อย อดคิดไม่ได้ว่าใครจะอ่อยใครกันแน่ แล้วคนอย่างพยัคฆ์คงไม่ยอมให้นลินได้หลุดมือง่ายๆ ดูท่าทางแล้วพยัคฆ์ไม่เพียงแค่ติดใจ แต่คงจะเอาจริงเสียด้วยสิ ในเมื่อนลินเองก็สนใจพยัคฆ์เหมือนกัน พยนต์ก็อยากจะยื่นมือเข้าช่วย ด้วยพยนต์แน่ใจว่าสิ่งที่นลินคิดจะทำ...หากได้พยัคฆ์ช่วยเรื่องคงราบรื่นได้ไม่ยากนัก
“นลินขอออกไปข้างนอกนะครับ มีเรื่องต้องไปสั่งลูกน้องหน่อย”
“กลับดึกไหม”
“ไม่แน่ใจครับ ถ้าดึกมากนลินจะค้างโรงแรมเอา พี่พยนต์ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวนลินเข้าไปบอกคุณตาคุณยายแล้วจะออกไปเลย”
“ได้ เดี๋ยวพี่บอกกับพี่ตรีให้”
พยัคฆ์เดินไปเดินมาพลางชะเง้อดูแฝดผู้พี่ที่บอกว่าจะช่วยพูดกับนลินให้ ทว่าผ่านไปตั้งหลายนาทีแล้วกลับยังไม่เห็นวี่แววของทั้งคู่ เป็นเหตุให้ตรีวิทย์ที่กำลังเล่นต่อจิ๊กซอว์กับลูกชายลอบอมยิ้มขำ“คุณพ่อครับ ทำไมน้ายักษ์เดินไม่หยุด”“น้าพยัคฆ์รออานลินครับ”“รอทำไมครับ อานลินไปไหน อานลินทิ้งน้องพูห์เหรอ”“ไม่ใช่ครับ อานลินคุยอยู่กับคุณแม่ครับ”ภูวนัยเอียงคอก่อนจะผุดลุกเดินไปหาพยัคฆ์ แล้วจับมือใหญ่ของอีกฝ่าย เป็นเหตุให้พยัคฆ์ต้องหันมองหลานชายด้วยความฉงนใจ“น้องพูห์มีอะไรครับ”“ต่อจิ๊กซอว์กันครับ”“เดี๋ยวน้าไปต่อด้วยนะ น้าพยัคฆ์รออานลินของน้องพูห์อยู่”“น้ายักษ์เป็นเด็กไม่ดี ถ้าน้ายักษ์ดื้ออานลินจะไม่รักนะครับ”“หือ? น้องพูห์บอกว่าถ้าน้าพยัคฆ์ดื้อ อานลินจะไม่รักเหรอครับ”“ครับ อานลินบอกว่าอานลินรักน้องพูห์ น้องพูห์เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ”พยัคฆ์ขมวดคิ้วเข้มจนระหว่างคิ้วเป็นร่องลึก เขายอมเดินตามแรงน้อยๆ ของโอเมก้าวัยสามขวบไปนั่งบนพรมข้างพี่เขยที่ยังคงยิ้มกริ่ม“พี่ว่าพยัคฆ์คงไม่ได้แค่สนใจนลินแล้วล่ะ ถ้าชอบก็ลุยเลย ไม่งั้นนลินไปสนใจคนอื่นแน่”“พี่ตรีกับนลินไม่ได้...”“ไม่ใช่อย่างที่พยัคฆ์คิดหรอก พี่รู้
ประตูห้องนอนเพ้นต์เฮ้าส์เปิดออกขณะที่มือใหญ่ยังคงกอดเกี่ยวเอวบอบบางไว้ เช่นเดียวกับที่ริมฝีปากของทั้งคู่แนบสนิทกันไม่ยอมผละออกห่าง ราวกับโหยหากันและกัน กลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่ผสมผสานกันจนอบอวลไปทั่วห้อง นลินถูกไล่ต้อนจุมพิตพลางก้าวถอยหลังกระทั่งชนเข้ากับเตียงจนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงกว้างกลางห้องริมฝีปากของทั้งคู่ผละออกห่างกัน ลิ้นเล็กมีน้ำลายสีใสยืดเยิ้ม ดวงตาคู่สวยฉ่ำหวานด้วยแรงปรารถนาที่ขับเคลื่อนจากการกระตุ้นฟีโรโมน มองตามมือใหญ่ที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด...ทีละเม็ด...ทว่าท่าทางอ้อยอิ่งเชื่องช้าของพยัคฆ์นั้นดูเหมือนจะไม่ทันใจของนลิน มือขาวจึงดึงอีกฝ่ายให้นอนอยู่ใต้ร่าง พยัคฆ์กึ่งนั่งกึ่งนอนขณะที่ร่างบอบบางคร่อมอยู่บนกายแกร่ง มือเรียวปลดกระดุมออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปลดเสื้อเชิ้ตออกจากบ่าแกร่ง แล้วโน้มหน้าลงจูบต้นคอแกร่ง ดูดเม้มจนขึ้นสีเข้มพยัคฆ์ปลดแขนเสื้อแล้วปล่อยให้เสื้อหล่นข้างเตียงขณะยันกายด้วยแขนข้างหนึ่งเพื่อเอนกาย อำนวยความสะดวกให้นลินที่ซุกไซ้ไปตามลำคอและลาดไหล่ เพราะรู้สึกอารมณ์ดีจึงทำให้กลิ่นฟีโรโมนดอกโบตั๋นนั้นหอมหวานไปด้วย เป็นเหตุให้นลินยังมัวเมาไปกลับกลิ่นนั้น“อืม.
“อื้อ! อา...แรงกว่านี้อีก...”เสียงกระเส่าเร่งคนด้านล่างที่สวนแท่งร้อนเข้ามาในกาย กลิ่นดอกลาเวนเดอร์อบอวลไปทั่วห้องจนคนที่ถูกขย่มจับเอวเล็กขาวที่เอาแต่บดเร่าเพื่อชะลอจังหวะที่เจ้าตัวเร่งเร้าไม่หยุดริมฝีปากสีพีชยามส่งเสียงครางนั้นเซ็กซี่จนคนมองตาพร่า เขายกกายขึ้นเพื่อซบใบหน้ากับบ่าบอบบางขาวหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ที่แม้จะทำให้ผ่อนคลาย แต่ก็ปลุกอารมณ์ปรารถนาของเขายิ่งขึ้นชายหนุ่มผิวสองสีไม่รู้ว่าโอเมก้าคนสวยคนนี้เป็นใคร แต่เพียงได้กลิ่น เพียงได้เห็นใบหน้าสวยนี่เขาก็อดใจไม่ไหว จนยอมตามแรงอีกฝ่ายที่ผลักเขาเข้าห้องนอน ดึงทึ้งเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าแล้วมาอยู่ในท่านี้ริมฝีปากหนาแตะไล่ไปตามปลายคางที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขณะที่สะโพกก็กระแทกสวนร่างที่ขยับขย่มบนกายเขาอย่างเอาแต่ใจเพื่อให้ตัวเองได้ปลดปล่อย และบรรเทาอาการฮีทของตัวเอง“คนสวย...ใจเย็นหน่อย...ของผมจะหักเอานะครับ”“อย่ามาทำตัวไก่อ่อน ผมไม่ชอบ!”เพียงได้ยินคำดูถูก...เจ้าของดวงหน้าคมเข้มก็ผลักร่างขาวอ้อนแอ้นลงกับเตียง แล้วยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าดูถูกเขาขนาดนี้ เขาคงต้องแสดงให้เห็นเสียหน่อยแล้วว่าหากเขาเอาจริงจะเป็นอย่างไร
ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลแม็กมารีนาซ ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นรถคูเป้สองประตูของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน นั่นแสดงว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงบ้านแล้ว ชายวัยเกือบหกสิบเร่งสืบเท้าเข้าบ้านก่อนจะส่งกระเป๋าเอกสารให้แม่บ้าน“นลินกลับมาแล้วเหรอ”“ค่ะคุณท่าน คุณหนูกลับมาตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ แต่เก็บตัวอยู่ในห้องทำงานของคุณท่านไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลยค่ะ”“หือ? ห้องทำงานฉันเหรอ? นลินก็มีห้องทำงานตัวเองนี่”“ใช่ค่ะ เอ่อ...คุณเบนนี่บอกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นบนเรือเมื่อสัปดาห์ก่อน มีเรื่องอะไรร้ายแรงรึเปล่าคะ”“ไม่มีอะไรมากหรอก เรื่องนั้นนลินโทร. มาบอกแล้ว แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียด” เทรนต์เอ่ยก่อนจะมองหาภรรยา “มินนี่อยู่ไหนครับ”“เพิ่งออกจากห้องทำงานคุณท่านเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แต่หน้าตาไม่ค่อยดีเลยค่ะ ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกับคุณหนูรึเปล่า”“ทะเลาะกัน? คู่นี้ทะเลาะกันแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ”พูดจบเทรนต์ก็สาวเท้าไวๆ ก้าวขึ้นชั้นสองตรงไปยังห้องทำงานของตัวเอง แล้วเปิดประตูเข้าไปเห็นใบหน้าขาวกำลังขมวดมุ่นเคร่งเครียด ดวงตาคู่สวยจับจ้องหน้าจอแท็บเล็ตอย่างจดจ่อ“นลิน”“แด๊ด! กลับมาแล้วเหรอครับ”“เพิ่งกลับนี่ล่ะ โ
สองสามีภรรยาวัยแปดสิบชะเง้อรอคนที่ทุกคนเฝ้ารอ รอแล้วรอเล่าก็ยังมาไม่ถึงเสียทีจนนึกหงุดหงิดเป็นเหตุให้ลูกชายและหลานชายที่เฝ้ารอผู้มาถึงต้องคอยปรามให้ใจเย็น“คุณพ่อคุณแม่ใจเย็นหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวหลานก็มาแล้ว”“ไหนบอกว่าเครื่องแลนด์ดิ้งตั้งแต่สายไง นี่จะเที่ยงแล้วยังไม่เห็นหน้าเลย ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม แม่บอกแล้วว่าให้ไปรับหลานเอง ให้มาเองแบบนี้จะมาถูกไหม หลานไม่อยู่เมืองไทยมายี่สิบปีแล้วนะตาไตร”“คุณย่าก็ใจเย็นหน่อยสิครับ คุณอาเองก็บอกแล้วว่าน้องนลินไม่ได้มาคนเดียว ถ้าเราไปรับเกิดมีใครสงสัย น้องนลินคงเป็นอันตราย ที่น้องกลับมาเมืองไทยก็เพราะคิดทำเรื่องอันตราย คุณย่าคงไม่อยากให้น้องมีอันตรายใช่ไหมครับ”“ใจเย็นก่อนนะคุณ” ป้องเกียรติเตือนภรรยาพลางกุมมือเสียงรถยนต์และเสียงฝีเท้าของแม่บ้านทำให้ผู้ใหญ่ทั้งห้าคนยิ้มกว้างทันที ด้วยวันนี้บ้านกิตติวรกานต์ไม่ต้อนรับแขกคนไหนทั้งนั้น นั่นทำให้พวกเขารู้ได้ทันทีว่าคนที่มาเยือนจะต้องเป็นคนที่พวกเขาเฝ้ารออย่างแน่นอน“คุณหนูนลินมาแล้วค่ะคุณท่าน” เสียงตื่นเต้นของแม่บ้านวัยเกือบเจ็ดสิบทำให้ทุกคนตื่นเต้นร่างบอบบางร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรที่สวมเสื้อยืดสีขาว
“ช่วยส่งเอกสารนี่ไปให้ฝ่ายการตลาด บอกพวกเขาด้วยว่าให้เตรียมแผนโปรโมตไตรมาสหน้า สัปดาห์หน้าประชุมนำเสนอผมด้วย”“ครับคุณพยัคฆ์”“เดี๋ยวคุณวิทวัสช่วยเรียกอลันมาให้ผมด้วยนะ”“ได้ครับ”คล้อยหลังหัวหน้าเลขานุการ ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปก็เอนกายกับพนักพิง ก่อนจะหมุนเก้าอี้ออกไปมองนอกอาคารซึ่งเป็นผนังกระจก จนมองออกไปเห็นห้างสรรพสินค้าสตาร์ไลท์ที่ชื่อห้างฯ เด่นเป็นสง่าแม้จะเห็นตึกเพียงลิบๆเขานั่งตำแหน่งซีอีโอเป็นเดือนที่สามแล้ว และช่วงที่เขานั่งตำแหน่งนี้ผลประกอบการก็เติบโตขึ้นจากเดิมเกือบสี่เท่า แม้คนอื่นจะมองว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สำหรับพยัคฆ์แล้วยังไม่พอใจนัก“หงุดหงิดอะไรวะพยัคฆ์ ตั้งแต่กลับจากล่องเรือเมื่อเดือนที่แล้วก็ดูขัดหูขัดตาไปหมดเลยนะ” นับสิบที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวเอ่ยถามทันทีพยัคฆ์หมุนเก้าอี้กลับมาจ้องหน้าเพื่อนรักที่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ด พลางถลึงตามองอย่างนึกขวางหูขวางตา จริงอย่างที่นับสิบพูดนั่นแหละ เขาได้รับของขวัญจากคุณปู่ด้วยทริปล่องเรือสำราญที่ซีแอตเทิล ซึ่งเป็นทริปที่เขาอยากไปมากจนน่าประหลาด ทว่าเมื่อสิ้นสุดทริปเขากลับหงุดหงิดไม่ใช่เขาไม่รู้เหตุผล แต่เขาไม่รู้วิธีแก
นลินเหลือบมองร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่มายืนซ้อนด้านหลัง เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงตั้งใจแน่ๆ ชายหนุ่มจึงรีบเช็ดมือกับผ้าขนหนู แล้วหมุนกายมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย“พี่พยัคฆ์มีธุระอะไรจะพูดกับนลินรึเปล่าครับ”“พี่ไม่ใช่เซ็กซ์ทอยของนลินนะครับ คิดจะใช้พี่แก้อาการฮีทแล้วก็ทิ้งกันแบบนั้น นลินไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”“เซ็กซ์ทอยอะไร นลินไม่เคยรู้จักพี่พยัคฆ์มาก่อน” นลินตอบหน้าตายพลางกอดอก“หือ? จะบอกว่าคนที่ลากพี่เข้าห้องแล้วขึ้นขย่มคนนั้นไม่ใช่นลินเหรอ”“พี่พยัคฆ์จำสลับกับใครรึเปล่าครับ นลินเพิ่งเจอพี่พยัคฆ์นี่ล่ะครับ”“ถ้ายืนยันขนาดนี้พี่ก็คงต้องพิสูจน์หน่อยแล้วล่ะ”นลินเลิกคิ้วพลางเอียงคอสงสัย ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นดอกพีโอนีหรือดอกโบตั๋นจากพยัคฆ์ อยากจะต่อยคนตรงหน้าให้ล้มกองตรงนี้เสียจริงๆ กล้าดีอย่างไรมาปล่อยฟีโรโมนในบ้านที่มีแต่โอเมก้าแม้นลินจะชอบกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์แค่ไหน และอยากสูดดมมันมากเพียงใด แต่เขาก็จะอดทนไม่แสดงออกว่าได้กลิ่นมัน เขาต้องเป็นเบต้าที่ไม่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนนี่พยัคฆ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังยืนกอดอกนิ่ง เขาใช้ฟีโรโมนอัลฟ่าข่มขนาดนี้แล้ว แต่นลินกลับไม่แ
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่ายังไม่ได้ข่าว”“ทั้งสามคนเงียบหายไปเป็นเดือนแล้วครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนอยู่ที่โน่นรึเปล่าครับ คุณผู้หญิงจะให้พวกเราทำยังไงครับ”มือขาวกำแน่นจนขึ้นข้อขาว ไม่คิดสักนิดว่าตัวเองที่นำหน้าสามี ตามหาคนที่หายไปร่วมยี่สิบปีเจอจะต้องคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง นางได้ข่าวจากคนรู้จักว่าเคยเห็นอดีตภรรยาของสามีอยู่ในเมืองซีแอตเทิล ก็รีบส่งลูกน้องของบิดาให้ไปจับตัวผู้ชายที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายของสามีแต่แล้วข่าวคราวกลับเงียบหายไป“เช็กเรื่องการเดินทางมันหรือยัง”“ผมเช็กไปที่โรงแรม เขาว่ามีคนมาเช็กเอ้าท์ออกไปแล้ว แล้วก็มีการยกเลิกการจองเที่ยวบิน เงียบหายไปแบบนี้...ผมว่าอาจถูกเก็บไปแล้วก็ได้ครับ”“แค่เด็กผู้ชายคนเดียวมันจะทำอะไรได้”“ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้พวกนั้นตามสืบ คนที่ดูแลผู้ชายคนนั้นก็ระดับบิ๊กของซีแอตเทิล เป็นผู้มีอิทธิพลคนนึงเลยนะครับ และคงใหญ่กว่าจิรพงศ์ธาดาเสียอีกครับ”“ไร้สาระ! ถึงจะมีคนดูแลยังไงก็ทำตามอำเภอใจไม่ได้หรอกนะ กฎหมายที่นั่นจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง”“คงไม่ต่างกับที่นี่หรอกครับ ถ้าไม่มีใครรู้ใครเห็น และมีเงินมากพอ ก็ไม่มีหลักฐานโยงถึงผู้กระทำผิดจริงๆ”หญิงวัยสี่