Share

CHAPTER 4.1 : ผมเป็นเบต้า!

รถคูเป้สองประตูสีดำสัญชาติยุโรปเลี้ยวผ่านบ้านหลังใหญ่มาจอดหน้าบ้านของตรีวิทย์และพยนต์ นั่นทำให้เจ้าของบ้านที่วันนี้ไม่ไปทำงานต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ จริงอยู่ที่เป็นเรื่องปกติที่พยัคฆ์จะแวะมาหาพยนต์และภูวนัย ทว่าช่วงนี้จะแวะมาบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ

“ใครมาเหรอครับพี่ตรี”

“พยัคฆ์น่ะสิ ช่วงนี้มาเกือบทุกวันเลยนะ ที่บ้านมีอะไรรึเปล่า”

“ไม่มีหรอกครับ พยัคฆ์ไม่ได้มาหาพยนต์ด้วย”

“หือ? ไม่ได้มาหาพยนต์แล้วมาหาใคร” ตรีวิทย์เอ่ยถามภรรยาด้วยความฉงนใจ

“พี่ตรีลองสังเกตดูละกันนะครับว่าพยัคฆ์มาหาใคร”

ตรีวิทย์เลิกคิ้วมองคนที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดจนเห็นแผ่นอกอย่างเซ็กซี่ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปก็ให้นึกสงสัยว่าแต่งตัวล่อเหยื่อขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ไปเที่ยวกับเหล่าโอเมก้าของเจ้าตัว กลับเลือกมาบ้านของเขาในวันหยุดเช่นนี้

หรือว่า...

ตรีวิทย์หันกลับไปมองในห้องนั่งเล่นที่มีอาหลานกำลังต่อรางรถไฟเหาะตีลังกาซึ่งนลินหอบหิ้วมาจากอเมริกา นั่นทำให้เขาสบตาภรรยาราวกับจะถาม

“พี่เข้าใจถูกใช่ไหมพยนต์”

“ครับ แต่นลินดูไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่”

“พี่เคยได้ยินอาเทรนต์กับอาตฤนเล่าว่าตอนอยู่โน่นนลินก็เสน่ห์แพรวพราว ตกอัลฟ่าได้เยอะเลยล่ะ”

“แต่คนอื่นคิดว่านลินเป็นเบต้าไม่ใช่เหรอครับ”

“ก็ใช่ แต่ยังไงจริงๆ แล้วนลินก็เป็นโอเมก้านะ ถึงจะไร้กลิ่นเพราะฝังยาก็เถอะ”

“ถ้าฝังยานี่จะไม่ฮีทเหรอครับพี่ตรี พยนต์ไม่เคยฝังยาแบบน้องนลินเลย”

“ไม่ฮีทครับ”

“แบบนี้น้องนลินก็ไม่ค่อยเจออาการฮีทสิครับ”

“ไม่หรอก ยาฝังต้องฝังซ้ำทุกสามเดือน เพราะงั้นถ้าใกล้ต้องฝัง หมอของน้องนลินจะให้นลินฮีทสักครั้ง บางคนเลยเข้าใจว่าเป็นอัลฟ่า เพราะหยุดทุกสามเดือนเหมือนพวกอัลฟ่าเข้าช่วงรัท”

“แบบนี้นี่เอง แต่น้องนลินก็สวยสมเป็นโอเมก้าจริงๆ”

“พยนต์ของพี่ก็สวยครับ สำหรับพี่แล้วพยนต์ของพี่สวยที่สุด”

“พูดแบบนี้คงไม่ได้คิดจะมีน้องให้น้องพูห์ใช่ไหมครับ”

“ถ้าพยนต์ตกลง พี่ก็ดีใจนะ” ตรีวิทย์เอ่ยก่อนจะจุมพิตขมับภรรยา “ว่าแต่ทำไมพยัคฆ์ถึงจีบนลินล่ะ ปกติพยัคฆ์ไม่ยุ่งกับเบต้า”

“พยนต์ก็แปลกใจ แต่พยัคฆ์ทำเหมือนรู้จักนลินอยู่ก่อนเลย”

ตรีวิทย์เลิกคิ้วก่อนจะโคลงศีรษะเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่พยัคฆ์ประโคมมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตั้งใจใส่มาตกเหยื่อชัดๆ ทว่าเหยื่ออย่างนลินไม่ได้ตกง่ายๆ เสียด้วยสิ

“สวัสดีครับพี่ตรี น้องพูห์ล่ะครับ”

“เล่นกับนลินอยู่ที่ห้องนั่งเล่นน่ะ”

พยัคฆ์ยิ้มกว้างทันทีก่อนจะถอดรองเท้าผ้าใบของตัวเองแล้วสวมสลิปเปอร์เดินเข้าบ้านแฝดพี่และพี่เขย ทว่าก่อนจะเดินผ่านสองสามีภรรยา ก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน

นลินที่ได้ยินเสียงพยัคฆ์และกลิ่นน้ำหอมที่เขาเริ่มคุ้นชินก็หยุดมือแล้วเงยหน้ามอง โอเมก้าหนุ่มดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม เขารู้ว่าพยัคฆ์ไม่ยอมหยุดง่ายๆ และดูท่าว่าจะตั้งใจเข้าหาอย่างไม่คิดปิดบังเลยสักนิด หากไม่อยู่ในช่วงปิดบังตัวตน เขาก็อยากจะพุ่งเข้าใส่ ยอมโดนตกง่ายๆ อยู่หรอก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา ก็ต้องยืนกระต่ายขาเดียวว่าเป็นเบต้าไปก่อน

เมื่อเห็นว่าพยนต์พาพยัคฆ์ไปยังห้องทำงานทั้งที่สายตาของทั้งคู่หันมาสบกับเขา นลินก็รู้ทันทีว่าเรื่องที่จะคุยคงไม่พ้นเรื่องของเขาเป็นแน่

“น้องพูห์ต่อรางรถไฟเองไปก่อนนะ เดี๋ยวอามา”

“อานลินรีบมานะครับ”

“ครับ”

ตรีวิทย์ที่สังเกตอยู่ก่อนแล้วก็คลี่ยิ้มขำ ทว่าไม่วายรั้งน้องชายลูกพี่ลูกน้องมาคุยกันลำพังก่อน

“น้องนลินรู้จักกับพยัคฆ์มาก่อนใช่ไหม”

“พี่ตรีทำไมรู้ทันนลินล่ะ”

“ไม่ใช่เพราะนลินหรอก แต่เพราะพยัคฆ์ต่างหาก คนอย่างพยัคฆ์ถ้าไม่รู้จักมาก่อน ไม่มีทางสนใจเบต้าหรอก ว่าแต่ตอนนั้นรู้จักในฐานะโอเมก้าใช่ไหม”

นลินพยักหน้า “ที่มีคนไปวางยานลินบนเรือไง เขาช่วยนลินไว้”

“พยัคฆ์น่ะเหรอ? ก็ว่าทำไมถึงติดแจขนาดนี้ งั้นนลินต้องเตรียมใจไว้บ้างนะ พยัคฆ์มันกัดไม่ปล่อยหรอก แล้วถ้าเขารู้อยู่แล้ว นลินก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องเป็นโอเมก้ากับพยัคฆ์หรอกนะ เห็นแบบนั้นก็เชื่อใจได้นะ”

นลินไม่ได้ตอบรับ ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับตรีวิทย์ เพียงแต่...เขาแค่อยากจะเก็บความลับนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชายหนุ่มอยากให้คนรู้ความลับน้อยที่สุด อยากให้ตัวเองปลอดภัยมากที่สุด

“คงไม่ใช่ตอนนี้ครับพี่ตรี ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี จนกว่านลินจะพร้อมเปิดตัว ถึงตอนนั้นนลินจะกวาดทุกอย่างให้เรียบ”

“แล้วเรื่องคุณอาลาภิณล่ะ”

“คุณลุงยังไม่ได้เล่าอะไรนลินเลย คุณลุงไปหาคุณพ่อหรือยังครับ”

“พี่ก็ไม่เห็นคุณพ่อพูดนะ อาจจะกำลังเตรียมใจอยู่ ยังไงคุณพ่อก็โกรธคุณอาลาภิณมาก และโกรธมานานขนาดนี้ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยที่จะเผชิญหน้ากัน”

“นลินเข้าใจครับ”

“นลินจะไปแอบฟังพี่น้องคู่นั้นคุยกันใช่ไหม ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปดูลูกเอง”

นลินคลี่ยิ้มก่อนจะเดินไปแอบฟังหน้าห้องทำงานที่พยัคฆ์และพยนต์พูดคุยกันอยู่

“พยนต์เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับนลินเลย น้องเป็นเบต้า ไม่ใช่สเปกของพยัคฆ์หรอก”

“ใครบอกว่าไม่ใช่ พยนต์อย่ามาเถียงพยัคฆ์หน่อยเลย พยัคฆ์รู้จักนลินมากกว่าที่พยนต์รู้จักอีก”

“มั่นใจเหรอว่าเป็นคนเดียวกับที่พยัคฆ์เคยนอนด้วย”

“พยัคฆ์ไม่เคยบอกพยนต์สักหน่อยว่าเคยนอนกับเขา”

“คนอย่างพยัคฆ์จะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ ต้องเคยนอนแล้วนั่นแหละถึงได้ยืนยันขนาดนี้ ทำไม? นลินทำพยัคฆ์ติดใจมากเลยเหรอ”

“ก็ติดใจแหละ ยังอยากได้อีก”

“รักนลินเหรอ”

คำถามของพยนต์ทำให้คู่สนทนาเงียบไปครู่ใหญ่ พยัคฆ์เองก็ตอบไม่ได้ว่าเขาชอบนลินไหม ตอนนี้เขาแค่อยากได้ยินเสียงครวญครางนั่น อยากเห็นร่างขาวเปลือยเปล่าที่ควบขับอยู่บนร่างเช่นคราแรก เขาไม่เคยติดใจเซ็กซ์ของใครเท่านลินมาก่อน กอปรกับกลิ่นลาเวนเดอร์ที่เขาไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน ฟีโรโมนของนลินมีความพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดเขา

“ไม่รู้ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่ารักไหม แต่พยัคฆ์ติดใจนลิน ส่วนจะถึงขั้นรักไหมคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องอนาคต”

“แล้วอยากเป็นแฟนนลินไหม”

“เอาจริงๆ แล้วพยัคฆ์ก็ยังไม่ได้อยากได้ความสัมพันธ์แบบผูกมัด แต่ถ้านลินอยากให้เป็นแฟน พยัคฆ์ก็อยากเป็นนะ”

พยนต์เดาะลิ้นขณะมองเงาที่อยู่หน้าประตูห้องซึ่งหายไปแล้ว นั่นแสดงว่านลินได้ยินคำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ว พยนต์ไม่รู้ว่าคำตอบของพยัคฆ์นั้นถูกใจนลินไหม แต่เขาก็อยากให้พยัคฆ์และนลินเป็นคู่ของกันและกัน

“แต่พยัคฆ์รู้ไหมว่าพยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของนลิน”

“หือ? พยนต์รู้เหรอว่านลินชอบสเปกแบบไหน”

“อือ เคยคุยกันอยู่ นลินบอกว่าชอบผู้ชายที่อยู่ในโอวาท”

“งั้นพยัคฆ์ก็ต้องเป็นเด็กดีของนลินน่ะสิ”

“ซึ่งพยัคฆ์เป็นไม่ได้หรอก พยัคฆ์เป็นเด็กผีไม่ใช่เด็กดี”

“ทำไมพยนต์พูดแบบนั้นล่ะ พยัคฆ์ไม่ใช่คนเลวซะหน่อย”

“เอาอะไรมามั่นหน้าน่ะพยัคฆ์ พยัคฆ์คือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก”

“ที่ไหนกัน? พยัคฆ์เป็นเด็กดีได้นะ แต่พยัคฆ์ไม่อยากเป็น”

“หมายความว่าไง”

“ก็พยัคฆ์ยังไม่ได้คิดจะจีบนลิน”

“ฮะ? ไม่ได้คิดจะจีบเหรอ”

พยนต์กลอกตามองบนทันที อาการออกขนาดนี้ ไอ้น้องชายผีบ้าของเขายังกล้าพูดว่าไม่ได้คิดจะจีบ นี่แทบจะเอาขนมจีบทั่วประเทศมาวางตรงหน้านลินอยู่แล้ว ยังกล้าพูดออกมาได้ว่าไม่คิดจะจีบ

“งั้นก็ตามใจพยัคฆ์”

“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม พยัคฆ์จะได้ไปหานลิน”

พยนต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะมองตามแผ่นหลังผึ่งผายของน้องชายฝาแฝดที่ออกจากห้องไป เขาได้แต่เดินตามอีกฝ่ายที่พุ่งไปหานลินและภูวนัยทันที

พยัคฆ์มองเสี้ยวหน้าขาว แม้จะไม่ได้กลิ่นหอมฟีโรโมนของนลิน แต่เพียงได้เห็นหน้านี่เขาก็อดจะนึกถึงตอนที่ริมฝีปากสีพีชนี่ครอบครองแกนกายของเขาไม่ได้ เพียงนึกเขาก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่

นลินลอบยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ อาการของพยัคฆ์ไม่ต่างจากเด็กชายตัวน้อยเพิ่งแตกหนุ่มสักนิด ก่อนจะแกล้งโน้มตัวเพื่อเอื้อมหยิบชิ้นส่วนรางรถไฟซึ่งอยู่ตรงข้าม

ผิวขาวและยอดอกสีพีชซึ่งมองผ่านคอเสื้อเชิ้ตคอกว้างเปิดไหล่ทำให้พยัคฆ์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จนเผลอปลดปล่อยฟีโรโมนเชิญชวนกลิ่นโบตั๋นหวานหอมจนนลินชะงักกึก เช่นเดียวกับตรีวิทย์ที่รีบหันมองต้นเหตุทันที

“มีอะไรครับพี่ตรี”

“พยัคฆ์โดนนลินเล่นซะแล้วล่ะ”

“ครับ? พี่ตรีพูดเรื่องอะไร”

“พยัคฆ์คุมตัวเองไม่ได้จนเผลอปล่อยฟีโรโมนเชิญชวน”

พยนต์หันไปทางสองหนุ่มกับหนึ่งเด็กชายทันที จึงได้เห็นสายตาพยัคฆ์ที่กำลังจับจ้องภายในคอเสื้อของนลินที่กำลังโน้มหยิบข้าวของฝั่งตรงข้าม เป็นเหตุให้พยนต์หลุดยิ้มขำ

“อาการออกตั้งขนาดนี้แล้ว ยังกล้าบอกว่าแค่อยากได้เขาอีกเหรอพยัคฆ์”

“พี่บอกแล้วไงล่ะพยนต์ว่านลินน่ะไม่ธรรมดาหรอกนะ ถึงกลิ่นฟีโรโมนไม่ออกก็ตกอัลฟ่าได้”

“กลิ่นของพยัคฆ์ต้องหอมมากแน่ๆ เลย เสียดายจังที่พยนต์ได้กลิ่นแต่ของพี่ตรีคนเดียวซะแล้ว”

“แต่ดูเหมือนนลินเองก็คงถูกพยัคฆ์ยั่วด้วยกลิ่นจนเสียอาการเหมือนกัน”

นลินขยับตัวเข้าใกล้พยัคฆ์อย่างไม่รู้ตัว กลิ่นดอกโบตั๋นหอมหวานเสียจนปั่นป่วนสติของนลิน ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งอยากเข้าหา อยากจะซุกไซ้บนร่างแกร่งเพื่อสูดกลิ่นหอมหวานนั่นให้เป็นของเขาเพียงคนเดียว

“อานลินหาเจอหรือยังครับ”

เสียงของภูวนัยทำให้นลินรีบขยับตัวออกห่าง ก่อนจะลูบใบหน้าร้อนเห่อ แล้วขยับคอเสื้อของตัวเองด้วยรู้ดีว่าไม่เพียงตัวเขาที่จะไปยั่วยุเด็กน้อยพยัคฆ์ แต่กลิ่นของพยัคฆ์เองก็ยั่วเย้าให้เขาอยากทอดกายให้เสียเดี๋ยวนั้น

เป็นแบบนี้...ก็แย่น่ะสิ คนที่ควรคุมเกมคือนลินคนนี้สิ ไม่ใช่เอากลิ่นโบตั๋นหวานๆ นั่นมายั่วเขา

นลินผุดลุกทันที เป็นเหตุให้พยัคฆ์ผุดลุกตามด้วย เขาเดินตามอีกฝ่ายที่พยายามเดินหนี ไม่ว่านลินจะเดินออกจากบ้านของพยนต์และตรีวิทย์มาในสวนแล้ว ทว่าพยัคฆ์ก็ยังคงเดินตามมาอย่างไม่ลดละ จนสุดท้ายนลินก็อดไม่ไหวต้องหันมาเผชิญหน้า

“คุณจะตามผมมาทำไม”

“พี่พยัคฆ์สิ”

“จะเรียกยังไงก็เรื่องของผม ตกลงว่าคุณตามผมมาทำไม”

“คนเป็นเบต้านี่ได้กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยเหรอ”

“กลิ่นฟีโรโมนอะไร ใครไปได้กลิ่นฟีโรโมนของคุณกัน”

“ก็เมื่อกี้พี่คุมตัวเองไม่อยู่เลยเผลอปล่อยฟีโรโมน นลินก็เลยโน้มหน้ามาดมกลิ่นพี่ไม่ใช่เหรอ”

“ผมดมกลิ่นน้ำหอมคุณต่างหาก เพ้อเจ้อเรื่องฟีโรโมนไม่หยุด ผมบอกหลายครั้งแล้วนะว่าผมเป็นเบต้า”

“เบต้าเก๊ล่ะสิ คิดจริงๆ เหรอว่าพี่จะจำผิดคนน่ะ พี่ไม่ได้รัทนะ มีสติครบถ้วนดี”

“งั้นก็คงฝันกลางวันแล้วล่ะ ผมไม่เคยเจอคุณ แล้วผมก็ไม่สนใจอัลฟ่าแบบคุณด้วย”

“จริงเหรอ” พยัคฆ์เอ่ยถามพลางสืบเท้าเข้าหา

นลินถอยหลังไปอีกหลายก้าวพลางขบกรามแน่น นึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายพยายามปล่อยฟีโรโมนเพื่อให้เขาสติหลุด ชายหนุ่มเม้มปากก่อนจะยกมุมปากขึ้นยิ้มร้าย

พยัคฆ์ชะงักนิ่งตัวแข็งเมื่อนลินโผเข้ากอด แล้วเบียดร่างกายบอบบางกับร่างกายแข็งแรงของเขา ชายหนุ่มจึงโอบเอวเล็กบอบบางไว้อย่างเผลอไผล แล้วก้มมองลาดไหล่ขาวที่โผล่พ้นคอเสื้อ แนบจมูกลงไปด้วยหวังว่าจะได้กลิ่นฟีโรโมนดอกลาเวนเดอร์อีกครั้ง ทว่ากลับมีเพียงกลิ่นสบู่และน้ำหอมจางๆ ที่ไม่ใกล้เคียงกลิ่นดอกลาเวนเดอร์เลยสักนิด

“พอใจหรือยัง ได้กลิ่นฟีโรโมนผมไหมล่ะ”

นลินผลักร่างแกร่งให้ออกห่างพลางกอดอกถามอย่างท้าทาย ดวงตาเรียวสีดำวาววับยิ่งดึงดูดสายตาพยัคฆ์ให้หลงใหลยิ่งขึ้น ก่อนจะมองตามแผ่นหลังบอบบางที่เดินลิ่วๆ กลับเข้าบ้าน ซึ่งพยายามซุกซ่อนใบหน้าที่รู้สึกดีจากการสูดดมกลิ่นโบตั๋นของพยัคฆ์เมื่อครู่

พยัคฆ์สาวเท้าตามเข้าบ้าน ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อเห็นดวงหน้าที่ยังมีร่องรอยแดงก่ำจากอารมณ์หวามหวานเมื่อครู่ นั่นทำให้เขายิ่งแน่ใจว่านลินได้กลิ่นฟีโรโมนของเขา ชายหนุ่มลอบยกมุมปากขึ้นยิ้มร้าย หากนลินชอบเด็กดี เขาจะยอมเล่นเป็นเด็กดียั่วให้นลินตบะแตก ดูซิว่านลินจะยืนกระต่ายขาเดียวว่าเป็นเบต้าได้อีกนานแค่ไหน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status