รถคูเป้สองประตูสีดำสัญชาติยุโรปเลี้ยวผ่านบ้านหลังใหญ่มาจอดหน้าบ้านของตรีวิทย์และพยนต์ นั่นทำให้เจ้าของบ้านที่วันนี้ไม่ไปทำงานต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ จริงอยู่ที่เป็นเรื่องปกติที่พยัคฆ์จะแวะมาหาพยนต์และภูวนัย ทว่าช่วงนี้จะแวะมาบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ
“ใครมาเหรอครับพี่ตรี”
“พยัคฆ์น่ะสิ ช่วงนี้มาเกือบทุกวันเลยนะ ที่บ้านมีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีหรอกครับ พยัคฆ์ไม่ได้มาหาพยนต์ด้วย”
“หือ? ไม่ได้มาหาพยนต์แล้วมาหาใคร” ตรีวิทย์เอ่ยถามภรรยาด้วยความฉงนใจ
“พี่ตรีลองสังเกตดูละกันนะครับว่าพยัคฆ์มาหาใคร”
ตรีวิทย์เลิกคิ้วมองคนที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดจนเห็นแผ่นอกอย่างเซ็กซี่ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปก็ให้นึกสงสัยว่าแต่งตัวล่อเหยื่อขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ไปเที่ยวกับเหล่าโอเมก้าของเจ้าตัว กลับเลือกมาบ้านของเขาในวันหยุดเช่นนี้
หรือว่า...
ตรีวิทย์หันกลับไปมองในห้องนั่งเล่นที่มีอาหลานกำลังต่อรางรถไฟเหาะตีลังกาซึ่งนลินหอบหิ้วมาจากอเมริกา นั่นทำให้เขาสบตาภรรยาราวกับจะถาม
“พี่เข้าใจถูกใช่ไหมพยนต์”
“ครับ แต่นลินดูไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่”
“พี่เคยได้ยินอาเทรนต์กับอาตฤนเล่าว่าตอนอยู่โน่นนลินก็เสน่ห์แพรวพราว ตกอัลฟ่าได้เยอะเลยล่ะ”
“แต่คนอื่นคิดว่านลินเป็นเบต้าไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็ใช่ แต่ยังไงจริงๆ แล้วนลินก็เป็นโอเมก้านะ ถึงจะไร้กลิ่นเพราะฝังยาก็เถอะ”
“ถ้าฝังยานี่จะไม่ฮีทเหรอครับพี่ตรี พยนต์ไม่เคยฝังยาแบบน้องนลินเลย”
“ไม่ฮีทครับ”
“แบบนี้น้องนลินก็ไม่ค่อยเจออาการฮีทสิครับ”
“ไม่หรอก ยาฝังต้องฝังซ้ำทุกสามเดือน เพราะงั้นถ้าใกล้ต้องฝัง หมอของน้องนลินจะให้นลินฮีทสักครั้ง บางคนเลยเข้าใจว่าเป็นอัลฟ่า เพราะหยุดทุกสามเดือนเหมือนพวกอัลฟ่าเข้าช่วงรัท”
“แบบนี้นี่เอง แต่น้องนลินก็สวยสมเป็นโอเมก้าจริงๆ”
“พยนต์ของพี่ก็สวยครับ สำหรับพี่แล้วพยนต์ของพี่สวยที่สุด”
“พูดแบบนี้คงไม่ได้คิดจะมีน้องให้น้องพูห์ใช่ไหมครับ”
“ถ้าพยนต์ตกลง พี่ก็ดีใจนะ” ตรีวิทย์เอ่ยก่อนจะจุมพิตขมับภรรยา “ว่าแต่ทำไมพยัคฆ์ถึงจีบนลินล่ะ ปกติพยัคฆ์ไม่ยุ่งกับเบต้า”
“พยนต์ก็แปลกใจ แต่พยัคฆ์ทำเหมือนรู้จักนลินอยู่ก่อนเลย”
ตรีวิทย์เลิกคิ้วก่อนจะโคลงศีรษะเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่พยัคฆ์ประโคมมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตั้งใจใส่มาตกเหยื่อชัดๆ ทว่าเหยื่ออย่างนลินไม่ได้ตกง่ายๆ เสียด้วยสิ
“สวัสดีครับพี่ตรี น้องพูห์ล่ะครับ”
“เล่นกับนลินอยู่ที่ห้องนั่งเล่นน่ะ”
พยัคฆ์ยิ้มกว้างทันทีก่อนจะถอดรองเท้าผ้าใบของตัวเองแล้วสวมสลิปเปอร์เดินเข้าบ้านแฝดพี่และพี่เขย ทว่าก่อนจะเดินผ่านสองสามีภรรยา ก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน
นลินที่ได้ยินเสียงพยัคฆ์และกลิ่นน้ำหอมที่เขาเริ่มคุ้นชินก็หยุดมือแล้วเงยหน้ามอง โอเมก้าหนุ่มดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม เขารู้ว่าพยัคฆ์ไม่ยอมหยุดง่ายๆ และดูท่าว่าจะตั้งใจเข้าหาอย่างไม่คิดปิดบังเลยสักนิด หากไม่อยู่ในช่วงปิดบังตัวตน เขาก็อยากจะพุ่งเข้าใส่ ยอมโดนตกง่ายๆ อยู่หรอก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา ก็ต้องยืนกระต่ายขาเดียวว่าเป็นเบต้าไปก่อน
เมื่อเห็นว่าพยนต์พาพยัคฆ์ไปยังห้องทำงานทั้งที่สายตาของทั้งคู่หันมาสบกับเขา นลินก็รู้ทันทีว่าเรื่องที่จะคุยคงไม่พ้นเรื่องของเขาเป็นแน่
“น้องพูห์ต่อรางรถไฟเองไปก่อนนะ เดี๋ยวอามา”
“อานลินรีบมานะครับ”
“ครับ”
ตรีวิทย์ที่สังเกตอยู่ก่อนแล้วก็คลี่ยิ้มขำ ทว่าไม่วายรั้งน้องชายลูกพี่ลูกน้องมาคุยกันลำพังก่อน
“น้องนลินรู้จักกับพยัคฆ์มาก่อนใช่ไหม”
“พี่ตรีทำไมรู้ทันนลินล่ะ”
“ไม่ใช่เพราะนลินหรอก แต่เพราะพยัคฆ์ต่างหาก คนอย่างพยัคฆ์ถ้าไม่รู้จักมาก่อน ไม่มีทางสนใจเบต้าหรอก ว่าแต่ตอนนั้นรู้จักในฐานะโอเมก้าใช่ไหม”
นลินพยักหน้า “ที่มีคนไปวางยานลินบนเรือไง เขาช่วยนลินไว้”
“พยัคฆ์น่ะเหรอ? ก็ว่าทำไมถึงติดแจขนาดนี้ งั้นนลินต้องเตรียมใจไว้บ้างนะ พยัคฆ์มันกัดไม่ปล่อยหรอก แล้วถ้าเขารู้อยู่แล้ว นลินก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องเป็นโอเมก้ากับพยัคฆ์หรอกนะ เห็นแบบนั้นก็เชื่อใจได้นะ”
นลินไม่ได้ตอบรับ ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับตรีวิทย์ เพียงแต่...เขาแค่อยากจะเก็บความลับนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชายหนุ่มอยากให้คนรู้ความลับน้อยที่สุด อยากให้ตัวเองปลอดภัยมากที่สุด
“คงไม่ใช่ตอนนี้ครับพี่ตรี ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี จนกว่านลินจะพร้อมเปิดตัว ถึงตอนนั้นนลินจะกวาดทุกอย่างให้เรียบ”
“แล้วเรื่องคุณอาลาภิณล่ะ”
“คุณลุงยังไม่ได้เล่าอะไรนลินเลย คุณลุงไปหาคุณพ่อหรือยังครับ”
“พี่ก็ไม่เห็นคุณพ่อพูดนะ อาจจะกำลังเตรียมใจอยู่ ยังไงคุณพ่อก็โกรธคุณอาลาภิณมาก และโกรธมานานขนาดนี้ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยที่จะเผชิญหน้ากัน”
“นลินเข้าใจครับ”
“นลินจะไปแอบฟังพี่น้องคู่นั้นคุยกันใช่ไหม ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปดูลูกเอง”
นลินคลี่ยิ้มก่อนจะเดินไปแอบฟังหน้าห้องทำงานที่พยัคฆ์และพยนต์พูดคุยกันอยู่
“พยนต์เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับนลินเลย น้องเป็นเบต้า ไม่ใช่สเปกของพยัคฆ์หรอก”
“ใครบอกว่าไม่ใช่ พยนต์อย่ามาเถียงพยัคฆ์หน่อยเลย พยัคฆ์รู้จักนลินมากกว่าที่พยนต์รู้จักอีก”
“มั่นใจเหรอว่าเป็นคนเดียวกับที่พยัคฆ์เคยนอนด้วย”
“พยัคฆ์ไม่เคยบอกพยนต์สักหน่อยว่าเคยนอนกับเขา”
“คนอย่างพยัคฆ์จะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ ต้องเคยนอนแล้วนั่นแหละถึงได้ยืนยันขนาดนี้ ทำไม? นลินทำพยัคฆ์ติดใจมากเลยเหรอ”
“ก็ติดใจแหละ ยังอยากได้อีก”
“รักนลินเหรอ”
คำถามของพยนต์ทำให้คู่สนทนาเงียบไปครู่ใหญ่ พยัคฆ์เองก็ตอบไม่ได้ว่าเขาชอบนลินไหม ตอนนี้เขาแค่อยากได้ยินเสียงครวญครางนั่น อยากเห็นร่างขาวเปลือยเปล่าที่ควบขับอยู่บนร่างเช่นคราแรก เขาไม่เคยติดใจเซ็กซ์ของใครเท่านลินมาก่อน กอปรกับกลิ่นลาเวนเดอร์ที่เขาไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน ฟีโรโมนของนลินมีความพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดเขา
“ไม่รู้ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่ารักไหม แต่พยัคฆ์ติดใจนลิน ส่วนจะถึงขั้นรักไหมคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องอนาคต”
“แล้วอยากเป็นแฟนนลินไหม”
“เอาจริงๆ แล้วพยัคฆ์ก็ยังไม่ได้อยากได้ความสัมพันธ์แบบผูกมัด แต่ถ้านลินอยากให้เป็นแฟน พยัคฆ์ก็อยากเป็นนะ”
พยนต์เดาะลิ้นขณะมองเงาที่อยู่หน้าประตูห้องซึ่งหายไปแล้ว นั่นแสดงว่านลินได้ยินคำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ว พยนต์ไม่รู้ว่าคำตอบของพยัคฆ์นั้นถูกใจนลินไหม แต่เขาก็อยากให้พยัคฆ์และนลินเป็นคู่ของกันและกัน
“แต่พยัคฆ์รู้ไหมว่าพยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของนลิน”
“หือ? พยนต์รู้เหรอว่านลินชอบสเปกแบบไหน”
“อือ เคยคุยกันอยู่ นลินบอกว่าชอบผู้ชายที่อยู่ในโอวาท”
“งั้นพยัคฆ์ก็ต้องเป็นเด็กดีของนลินน่ะสิ”
“ซึ่งพยัคฆ์เป็นไม่ได้หรอก พยัคฆ์เป็นเด็กผีไม่ใช่เด็กดี”
“ทำไมพยนต์พูดแบบนั้นล่ะ พยัคฆ์ไม่ใช่คนเลวซะหน่อย”
“เอาอะไรมามั่นหน้าน่ะพยัคฆ์ พยัคฆ์คือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก”
“ที่ไหนกัน? พยัคฆ์เป็นเด็กดีได้นะ แต่พยัคฆ์ไม่อยากเป็น”
“หมายความว่าไง”
“ก็พยัคฆ์ยังไม่ได้คิดจะจีบนลิน”
“ฮะ? ไม่ได้คิดจะจีบเหรอ”
พยนต์กลอกตามองบนทันที อาการออกขนาดนี้ ไอ้น้องชายผีบ้าของเขายังกล้าพูดว่าไม่ได้คิดจะจีบ นี่แทบจะเอาขนมจีบทั่วประเทศมาวางตรงหน้านลินอยู่แล้ว ยังกล้าพูดออกมาได้ว่าไม่คิดจะจีบ
“งั้นก็ตามใจพยัคฆ์”
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม พยัคฆ์จะได้ไปหานลิน”
พยนต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะมองตามแผ่นหลังผึ่งผายของน้องชายฝาแฝดที่ออกจากห้องไป เขาได้แต่เดินตามอีกฝ่ายที่พุ่งไปหานลินและภูวนัยทันที
พยัคฆ์มองเสี้ยวหน้าขาว แม้จะไม่ได้กลิ่นหอมฟีโรโมนของนลิน แต่เพียงได้เห็นหน้านี่เขาก็อดจะนึกถึงตอนที่ริมฝีปากสีพีชนี่ครอบครองแกนกายของเขาไม่ได้ เพียงนึกเขาก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่
นลินลอบยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ อาการของพยัคฆ์ไม่ต่างจากเด็กชายตัวน้อยเพิ่งแตกหนุ่มสักนิด ก่อนจะแกล้งโน้มตัวเพื่อเอื้อมหยิบชิ้นส่วนรางรถไฟซึ่งอยู่ตรงข้าม
ผิวขาวและยอดอกสีพีชซึ่งมองผ่านคอเสื้อเชิ้ตคอกว้างเปิดไหล่ทำให้พยัคฆ์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จนเผลอปลดปล่อยฟีโรโมนเชิญชวนกลิ่นโบตั๋นหวานหอมจนนลินชะงักกึก เช่นเดียวกับตรีวิทย์ที่รีบหันมองต้นเหตุทันที
“มีอะไรครับพี่ตรี”
“พยัคฆ์โดนนลินเล่นซะแล้วล่ะ”
“ครับ? พี่ตรีพูดเรื่องอะไร”
“พยัคฆ์คุมตัวเองไม่ได้จนเผลอปล่อยฟีโรโมนเชิญชวน”
พยนต์หันไปทางสองหนุ่มกับหนึ่งเด็กชายทันที จึงได้เห็นสายตาพยัคฆ์ที่กำลังจับจ้องภายในคอเสื้อของนลินที่กำลังโน้มหยิบข้าวของฝั่งตรงข้าม เป็นเหตุให้พยนต์หลุดยิ้มขำ
“อาการออกตั้งขนาดนี้แล้ว ยังกล้าบอกว่าแค่อยากได้เขาอีกเหรอพยัคฆ์”
“พี่บอกแล้วไงล่ะพยนต์ว่านลินน่ะไม่ธรรมดาหรอกนะ ถึงกลิ่นฟีโรโมนไม่ออกก็ตกอัลฟ่าได้”
“กลิ่นของพยัคฆ์ต้องหอมมากแน่ๆ เลย เสียดายจังที่พยนต์ได้กลิ่นแต่ของพี่ตรีคนเดียวซะแล้ว”
“แต่ดูเหมือนนลินเองก็คงถูกพยัคฆ์ยั่วด้วยกลิ่นจนเสียอาการเหมือนกัน”
นลินขยับตัวเข้าใกล้พยัคฆ์อย่างไม่รู้ตัว กลิ่นดอกโบตั๋นหอมหวานเสียจนปั่นป่วนสติของนลิน ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งอยากเข้าหา อยากจะซุกไซ้บนร่างแกร่งเพื่อสูดกลิ่นหอมหวานนั่นให้เป็นของเขาเพียงคนเดียว
“อานลินหาเจอหรือยังครับ”
เสียงของภูวนัยทำให้นลินรีบขยับตัวออกห่าง ก่อนจะลูบใบหน้าร้อนเห่อ แล้วขยับคอเสื้อของตัวเองด้วยรู้ดีว่าไม่เพียงตัวเขาที่จะไปยั่วยุเด็กน้อยพยัคฆ์ แต่กลิ่นของพยัคฆ์เองก็ยั่วเย้าให้เขาอยากทอดกายให้เสียเดี๋ยวนั้น
เป็นแบบนี้...ก็แย่น่ะสิ คนที่ควรคุมเกมคือนลินคนนี้สิ ไม่ใช่เอากลิ่นโบตั๋นหวานๆ นั่นมายั่วเขา
นลินผุดลุกทันที เป็นเหตุให้พยัคฆ์ผุดลุกตามด้วย เขาเดินตามอีกฝ่ายที่พยายามเดินหนี ไม่ว่านลินจะเดินออกจากบ้านของพยนต์และตรีวิทย์มาในสวนแล้ว ทว่าพยัคฆ์ก็ยังคงเดินตามมาอย่างไม่ลดละ จนสุดท้ายนลินก็อดไม่ไหวต้องหันมาเผชิญหน้า
“คุณจะตามผมมาทำไม”
“พี่พยัคฆ์สิ”
“จะเรียกยังไงก็เรื่องของผม ตกลงว่าคุณตามผมมาทำไม”
“คนเป็นเบต้านี่ได้กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยเหรอ”
“กลิ่นฟีโรโมนอะไร ใครไปได้กลิ่นฟีโรโมนของคุณกัน”
“ก็เมื่อกี้พี่คุมตัวเองไม่อยู่เลยเผลอปล่อยฟีโรโมน นลินก็เลยโน้มหน้ามาดมกลิ่นพี่ไม่ใช่เหรอ”
“ผมดมกลิ่นน้ำหอมคุณต่างหาก เพ้อเจ้อเรื่องฟีโรโมนไม่หยุด ผมบอกหลายครั้งแล้วนะว่าผมเป็นเบต้า”
“เบต้าเก๊ล่ะสิ คิดจริงๆ เหรอว่าพี่จะจำผิดคนน่ะ พี่ไม่ได้รัทนะ มีสติครบถ้วนดี”
“งั้นก็คงฝันกลางวันแล้วล่ะ ผมไม่เคยเจอคุณ แล้วผมก็ไม่สนใจอัลฟ่าแบบคุณด้วย”
“จริงเหรอ” พยัคฆ์เอ่ยถามพลางสืบเท้าเข้าหา
นลินถอยหลังไปอีกหลายก้าวพลางขบกรามแน่น นึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายพยายามปล่อยฟีโรโมนเพื่อให้เขาสติหลุด ชายหนุ่มเม้มปากก่อนจะยกมุมปากขึ้นยิ้มร้าย
พยัคฆ์ชะงักนิ่งตัวแข็งเมื่อนลินโผเข้ากอด แล้วเบียดร่างกายบอบบางกับร่างกายแข็งแรงของเขา ชายหนุ่มจึงโอบเอวเล็กบอบบางไว้อย่างเผลอไผล แล้วก้มมองลาดไหล่ขาวที่โผล่พ้นคอเสื้อ แนบจมูกลงไปด้วยหวังว่าจะได้กลิ่นฟีโรโมนดอกลาเวนเดอร์อีกครั้ง ทว่ากลับมีเพียงกลิ่นสบู่และน้ำหอมจางๆ ที่ไม่ใกล้เคียงกลิ่นดอกลาเวนเดอร์เลยสักนิด
“พอใจหรือยัง ได้กลิ่นฟีโรโมนผมไหมล่ะ”
นลินผลักร่างแกร่งให้ออกห่างพลางกอดอกถามอย่างท้าทาย ดวงตาเรียวสีดำวาววับยิ่งดึงดูดสายตาพยัคฆ์ให้หลงใหลยิ่งขึ้น ก่อนจะมองตามแผ่นหลังบอบบางที่เดินลิ่วๆ กลับเข้าบ้าน ซึ่งพยายามซุกซ่อนใบหน้าที่รู้สึกดีจากการสูดดมกลิ่นโบตั๋นของพยัคฆ์เมื่อครู่
พยัคฆ์สาวเท้าตามเข้าบ้าน ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อเห็นดวงหน้าที่ยังมีร่องรอยแดงก่ำจากอารมณ์หวามหวานเมื่อครู่ นั่นทำให้เขายิ่งแน่ใจว่านลินได้กลิ่นฟีโรโมนของเขา ชายหนุ่มลอบยกมุมปากขึ้นยิ้มร้าย หากนลินชอบเด็กดี เขาจะยอมเล่นเป็นเด็กดียั่วให้นลินตบะแตก ดูซิว่านลินจะยืนกระต่ายขาเดียวว่าเป็นเบต้าได้อีกนานแค่ไหน
“จริงเหรอครับคุณลุง พวกเราเข้าใจคุณพ่อผิดมาตลอดจริงๆ สินะครับ”“ใช่ เป็นอย่างที่นลินบอกลุงเลย แต่...มีเรื่องสำคัญที่ลุงต้องบอกนลิน”“ครับ มีอะไรเหรอครับ”“พ่อของนลินไม่ได้เพิ่งตามหานลินหรอกนะ เขาตามหามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปู่ของนลินตาย พ่อของนลินก็เริ่มส่งคนให้ออกตามหาโดยไม่ให้พราวรุ้งรู้ แต่ที่เขาเร่งหาตอนนี้เพราะเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”“ครับ? คุณพ่อเป็นอะไรครับ”“มะเร็งกระดูกน่ะ ลุงใช้เส้นสายไปลองสืบที่โรงพยาบาลที่ลาภิณรักษาตัว เขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระดูกมาตั้งแต่สองปีก่อน แล้วก็รักษามาโดยตลอด แต่เมื่อเดือนก่อนพบว่ามันลุกลาม ลาภิณจึงตัดสินใจร่วมกับหมอว่าจะหยุดการรักษา และเขาตั้งใจใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้เพื่อตามหาตฤนกับนลิน”นลินขบกรามแน่นกลั้นความรู้สึกวูบโหวง ทั้งที่ความทรงจำวัยเยาว์ที่มีบิดานั้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แต่เขากลับรู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจที่บิดาเหลือเวลาน้อยนิดเสียเหลือเกิน เขาข่มอารมณ์ที่ไม่ปกติของตัวเองไว้“คุณพ่อเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ครับ”“เร็วสุดคือหกเดือน ช้าสุดคือหนึ่งปี”“น้อยเหลือเกิน”“นลินจะไปเจอพ่อเขาไหม”“ครับ แต่ถ้านลินไปเจอคุณพ่อ คนที่ส่งคนไปทำร้ายนลินก็ต้องร
“ปล่อย! ลากมาทำอะไรของคุณเนี่ย”พยัคฆ์ขบกรามแน่นนึกโมโหนลินจนแทบคลั่งที่อีกฝ่ายมายืนกอดกับตรีวิทย์ ก็ไหนว่าเป็นเบต้า ไม่สนใจอัลฟ่าอย่างไรเล่า ที่แท้ก็แอบมาเป็นชู้กับพี่เขยของเขานี่เอง ทำเป็นรังเกียจเขา ทว่าความจริงคือตั้งใจจะจับตรีวิทย์ชัดๆปึก!ใบหน้าของนลินกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของคนที่ถูลู่ถูกังมาตลอดทาง ชายหนุ่มถูกกระแทกจนกระเด้งแล้วล้มลงกับพื้นนลินกัดริมฝีปากของตัวเองที่รู้สึกเจ็บ นี่มันวันบ้าอะไรของเขากันที่ต้องมาเจ็บทั้งตัวมาเจ็บทั้งใจ แค่เรื่องบิดาเขาก็เสียใจมากพอแล้ว ตั้งแต่จำความได้...นอกจากเสียใจเพราะคิดถึงบิดาครั้งที่ไปอยู่อเมริกาใหม่ๆ ก็ครั้งนี้นี่แหละที่เขาร้องไห้หนักขนาดนี้แล้วนี่อะไรกัน? เขายังต้องมาเจ็บตัวอีก“ไม่ต้องมาทำสำออย ลุกขึ้นมา!”นลินเงยหน้าขึ้นมองคนพาลอย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้สำออยเสียหน่อย แต่เขาเบื่อหน่ายจนไม่อยากลุกไปต่อล้อต่อเถียงด้วยต่างหากชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิก่อนจะปัดเศษต่างๆ ออกจากมือและแขนราวกับไม่สนใจท่าทางเกรี้ยวกราด ปกติเขาก็ไม่ชอบคนไร้เหตุผล ไม่ชอบคนใช้อารมณ์แบบนี้อยู่แล้ว และยิ่งไม่ชอบคนที่เอาความโกรธมาลงกับเขาเพราะฉะนั้น...พยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของเ
พยัคฆ์เดินไปเดินมาพลางชะเง้อดูแฝดผู้พี่ที่บอกว่าจะช่วยพูดกับนลินให้ ทว่าผ่านไปตั้งหลายนาทีแล้วกลับยังไม่เห็นวี่แววของทั้งคู่ เป็นเหตุให้ตรีวิทย์ที่กำลังเล่นต่อจิ๊กซอว์กับลูกชายลอบอมยิ้มขำ“คุณพ่อครับ ทำไมน้ายักษ์เดินไม่หยุด”“น้าพยัคฆ์รออานลินครับ”“รอทำไมครับ อานลินไปไหน อานลินทิ้งน้องพูห์เหรอ”“ไม่ใช่ครับ อานลินคุยอยู่กับคุณแม่ครับ”ภูวนัยเอียงคอก่อนจะผุดลุกเดินไปหาพยัคฆ์ แล้วจับมือใหญ่ของอีกฝ่าย เป็นเหตุให้พยัคฆ์ต้องหันมองหลานชายด้วยความฉงนใจ“น้องพูห์มีอะไรครับ”“ต่อจิ๊กซอว์กันครับ”“เดี๋ยวน้าไปต่อด้วยนะ น้าพยัคฆ์รออานลินของน้องพูห์อยู่”“น้ายักษ์เป็นเด็กไม่ดี ถ้าน้ายักษ์ดื้ออานลินจะไม่รักนะครับ”“หือ? น้องพูห์บอกว่าถ้าน้าพยัคฆ์ดื้อ อานลินจะไม่รักเหรอครับ”“ครับ อานลินบอกว่าอานลินรักน้องพูห์ น้องพูห์เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ”พยัคฆ์ขมวดคิ้วเข้มจนระหว่างคิ้วเป็นร่องลึก เขายอมเดินตามแรงน้อยๆ ของโอเมก้าวัยสามขวบไปนั่งบนพรมข้างพี่เขยที่ยังคงยิ้มกริ่ม“พี่ว่าพยัคฆ์คงไม่ได้แค่สนใจนลินแล้วล่ะ ถ้าชอบก็ลุยเลย ไม่งั้นนลินไปสนใจคนอื่นแน่”“พี่ตรีกับนลินไม่ได้...”“ไม่ใช่อย่างที่พยัคฆ์คิดหรอก พี่รู้
ประตูห้องนอนเพ้นต์เฮ้าส์เปิดออกขณะที่มือใหญ่ยังคงกอดเกี่ยวเอวบอบบางไว้ เช่นเดียวกับที่ริมฝีปากของทั้งคู่แนบสนิทกันไม่ยอมผละออกห่าง ราวกับโหยหากันและกัน กลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่ผสมผสานกันจนอบอวลไปทั่วห้อง นลินถูกไล่ต้อนจุมพิตพลางก้าวถอยหลังกระทั่งชนเข้ากับเตียงจนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงกว้างกลางห้องริมฝีปากของทั้งคู่ผละออกห่างกัน ลิ้นเล็กมีน้ำลายสีใสยืดเยิ้ม ดวงตาคู่สวยฉ่ำหวานด้วยแรงปรารถนาที่ขับเคลื่อนจากการกระตุ้นฟีโรโมน มองตามมือใหญ่ที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด...ทีละเม็ด...ทว่าท่าทางอ้อยอิ่งเชื่องช้าของพยัคฆ์นั้นดูเหมือนจะไม่ทันใจของนลิน มือขาวจึงดึงอีกฝ่ายให้นอนอยู่ใต้ร่าง พยัคฆ์กึ่งนั่งกึ่งนอนขณะที่ร่างบอบบางคร่อมอยู่บนกายแกร่ง มือเรียวปลดกระดุมออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปลดเสื้อเชิ้ตออกจากบ่าแกร่ง แล้วโน้มหน้าลงจูบต้นคอแกร่ง ดูดเม้มจนขึ้นสีเข้มพยัคฆ์ปลดแขนเสื้อแล้วปล่อยให้เสื้อหล่นข้างเตียงขณะยันกายด้วยแขนข้างหนึ่งเพื่อเอนกาย อำนวยความสะดวกให้นลินที่ซุกไซ้ไปตามลำคอและลาดไหล่ เพราะรู้สึกอารมณ์ดีจึงทำให้กลิ่นฟีโรโมนดอกโบตั๋นนั้นหอมหวานไปด้วย เป็นเหตุให้นลินยังมัวเมาไปกลับกลิ่นนั้น“อืม.
นลินไม่ได้อยากจะยอมนั่งนิ่งๆ แบบนี้ แต่เพราะไม่มีแรงแม้แต่กระดิกนิ้ว ราวกับว่าพยัคฆ์กลัวจะซ้ำรอยเดิมจึงไม่ยอมให้เขาพัก ไม่ว่าจะโอดครวญว่าไม่ไหวแค่ไหน อีกฝ่ายก็ยังเอาแต่กระแทกจนเขาแทบจะสลบ เป็นครั้งแรกในชีวิตของนลินที่ต้องเจอเซ็กซ์ดุเดือดและยาวนานขนาดนี้ชายหนุ่มยังคงหลับตา ปล่อยให้พยัคฆ์นวดศีรษะสระผม และปล่อยให้อีกฝ่ายล้างแชมพูออกจากเส้นผม ก่อนจะยอมให้พยัคฆ์มานั่งด้วยกันในอ่างอาบน้ำ ยอมนั่งนิ่งๆ ในอ้อมกอดอีกฝ่าย“วันนี้ไม่หนีพี่แล้วใช่ไหม”“เอาแรงไหนไปหนี คุณ...อ๊ะ!”นลินสะดุ้งเมื่อพยัคฆ์กัดหมับบนบ่าของเขา แม้จะไม่แรงนักแต่ก็คงเป็นรอยฟันจนเขาต้องหันมองตาขวางอย่างไม่ชอบใจพยัคฆ์ลูบบนรอยฟันเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงอ้อน “พี่บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกว่าคุณ เรียกว่าพี่พยัคฆ์นะครับ”“ถ้ากัดอีกทีนลินจะไม่พูดด้วยอีก”“นลินได้พี่แล้วจะทิ้งเหรอ ใช่สิ! นลินเคยทิ้งพี่ไปครั้งนึงแล้วนี่”“พูดไร้สาระอะไรเนี่ย”“จะปฏิเสธอีกเหรอว่าไม่ใช่โอเมก้าที่พี่เคยก
“อย่านะคะคุณมุกรวี!”ปึง!ประตูบานหนักเปิดออก ทุกคนในห้องประชุมพากันหันไปมองคนที่ขัดการประชุมสำคัญทันที ขณะที่ประธานการประชุมกลับนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้อย่างไม่รู้สึกรู้สา ไม่แม้แต่จะปรายตามองด้วยซ้ำ นั่นทำให้ทุกคนในที่ประชุมรู้ดีว่าควรทำตัวเช่นไร“ประชุมบอร์ดผู้บริหารแต่ทำไมถึงประชุมโดยไม่เรียกฉันล่ะ”“คุณมุกรวีคะ ออกไปเถอะค่ะ”“ใครปล่อยคนนอกเข้ามาในห้องประชุมทั้งที่บอร์ดผู้บริหารเขาประชุมกันอยู่ ถ้าความลับของสตาร์ไลท์หลุดรอดออกไป ใครจะรับผิดชอบกับเรื่องนี้” พยัคฆ์เอ่ยถามเสียงเย็นเยียบ“พวกเราพยายามห้ามแล้วค่ะคุณพยัคฆ์”“รปภ. คนไหนปล่อยขึ้นมา ให้รับผิดชอบในเรื่องนี้ซะ ฉันสั่งลงไปแล้วว่าถ้าผู้หญิงคนนี้ก้าวเข้ามาในบริษัท แล้วใครปล่อยเข้ามาจะไล่ออกทันที”“พยัคฆ์! นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ ฉันก็เป็นลูกคุณพ่อ เป็นป้าของแก”ดวงตาคมปลาบหันมองคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกของคุณปู่ และเป็นป้าของเขาทันที นั่นเป
ร่างอวบเดินเข้ามาในบ้านพลางมองหาแม่บ้านคนสนิท เมื่อไม่เห็นคนที่ควรจะออกมาต้อนรับจึงตะโกนเรียกด้วยความหงุดหงิด“นางจิ๋ว! จิ๋ว! แกอยู่ไหนเนี่ย”“ค่าคุณนาย จิ๋วมาแล้วค่ะ”ร่างผอมบางตัวเล็กวิ่งออกมาจากห้องครัวทันที ก่อนจะส่งแก้วน้ำให้คุณนายของบ้าน แล้วรับกระเป๋าถือของอีกฝ่ายวางบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น“ตาเพชรไปไหนล่ะ”“ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวข้างบนค่ะ”“อาบน้ำแต่งตัว? นี่มันจะออกไปเที่ยวข้างนอกอีกแล้วเหรอ”“ค่ะ คุณหนูก็ไปเที่ยวเกือบทุกวันเป็นเรื่องปกตินะคะ”“ปกติบ้านแกสินางจิ๋ว นี่ลูกชายฉันวันๆ เอาแต่เที่ยวมันปกติที่ไหนกัน สัปดาห์นึงแวะไปบริษัทกี่ครั้งกัน”“ไม่กี่ครั้ง แต่คุณหนูก็ช่วยงานคุณท่านได้ดีนะคะ”คุณนายของบ้านได้แต่หงุดหงิดเมื่อได้ยินคำพูดของคนสนิท นางยื่นแก้วน้ำให้อีกฝ่าย ก่อนจะหยิบกระเป๋าถือของตัวเองก้าวขึ้นชั้นบนของบ้าน เคาะประตูห้องนอนของลูกชายทันที“ใครครับ”“แม่เองตาเพชร เ
เสื้อเชิ้ตซิลเวอร์กลิตเตอร์จั๊มแขนบนร่างบางสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรล้อแสงไฟในไนต์คลับนั้นยิ่งดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น กอปรกับดวงหน้าสวยและแผ่นอกขาวที่เจ้าตัวปลดกระดุมสามเม็ดบนยิ่งดึงดูดสายตาเหล่าอัลฟ่าให้จับจ้อง ติดที่ว่าโอเมก้าหนุ่มนั้นมีอัลฟ่าสูงด้านหลังที่คอยส่งสายตาหวงแหน“นี่ถ้านลินไม่ฝังยาจนไม่มีฟีโรโมน พวกอัลฟ่าคงวิ่งเข้าหาแล้ว”นลินเงยหน้ามองคนพูดที่วางมือแตะแผ่นหลังอย่างหวงแหน ชายหนุ่มจึงหมุนกายแล้วโอบรอบลำคอแกร่งของอีกฝ่าย ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าพยัคฆ์หวงเขาแค่ไหน ก็ดูสายตารอบกายที่จับจ้องมาที่เขาสิ...ถ้าพยัคฆ์ไม่หวงก็คงไม่ตามประกบเช่นนี้“ถ้าไม่มีพี่พยัคฆ์ พวกอัลฟ่าก็คงเข้ามาหานลินทันที ไม่เห็นต้องพึ่งฟีโรโมนเลย”“ทำไมช่างยั่วขนาดนี้นะ”“ไม่ชอบเหรอครับ”“ไม่เห็นต้องให้พี่บอกเลยว่าชอบไหม ถ้าไม่ชอบจะมายุ่งด้วยหรือไง”“ก็นั่นสิครับ ไม่งั้นพี่พยัคฆ์จะวอแวขนาดนี้เหรอ ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้นลินจะเป็นโอเมก้าของพี่พยัคฆ์คนเดียว ตราบใดที่พี่พยัคฆ์เป็นเด็กดีของนลิน”พยัคฆ์ลอบยกมุมปากขึ้นยิ้มร้าย ก็แน่ล่ะ! เขาตั้งใจจะเป็นเด็กดีของนลินนี่ ชายหนุ่มประคองเอวเล็กที่ยังคงเต้นเลื้อยกับตัวเขาสลับก
เสียงเข้มที่กำลังโวยวายอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์ศตาวุทธิพงศ์ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาถึงต้องชะงัก ไม่ได้ชะงักเพราะเสียงด้านใน แต่ชะงักเพราะเด็กทั้งหกคนที่กำลังยืนออกันหน้าห้อง เป็นเหตุให้ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปในวัยเกือบสี่สิบกระแอมเรียกเจ้าเด็กทั้งหก“อะแฮ่ม! มาแอบฟังอะไรตรงนี้” พยัคฆ์แกล้งเอ่ยเสียงเข้ม“คุณพ่อ! กลับมาแล้วเหรอครับ” พลินทร์เอ่ยถามก่อนจะมองหน้าน้องๆ พลางย่นคอด้วยกลัวว่าจะถูกตำหนิ“กลับมาแล้วครับ มามะ! มาหาพ่อนี่มา”เด็กแฝดสามคู่วิ่งเข้าหาบิดาพลางยืนล้อมรอบ ก่อนพยัคฆ์จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงของคุณนายแห่งศตาวุทธิพงศ์ยังคงอาละวาดลูกน้องคนสนิทในฐานะซีอีโอแห่งแม็กมารีนาซ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งรับตำแหน่งนี้ไปเมื่อสี่ปีก่อน“คุณแม่โกรธลุงเบนนี่มากเลยฮะ” พริษฐ์เอ่ยพลางทำสีหน้าแหยงๆ“แม่เรากลับมานานแล้วเหรอ”“คุณแม่ไปรับพวกเราครับ ลุงเบนนี่เพิ่งมาเมื่อกี้ แล้วก็ระเบิดลงตู้มๆ เลยครับ”พยัคฆ์มองดวงตากลมโตของโอเม
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่บ่นว่านอนหลับไม่สนิททำให้ซีอีโอหนุ่มแห่งสตาร์ไลท์คลี่ยิ้ม ค่อยๆ ปิดหนังสือนิทานที่เขาไม่แน่ใจว่าอ่านให้ลูกหรือแม่ฟังกันแน่ ทว่าหากมันทำให้นลินหลับได้นานขึ้นสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย เขารู้ว่าช่วงนี้นลินลำบากไม่น้อย หลังจากที่นลินเริ่มสร้างรังเมื่อเกือบเจ็ดเดือนก่อน ตอนนี้เข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนกำหนดคลอด นลินก็ยิ่งทั้งกลัว ทั้งกังวล กอปรกับเจ้าก้อนตัวยักษ์ในท้องนลินที่แข็งแรงจนพากันดิ้นถี่ขึ้นทำให้นลินแทบไม่ได้พักผ่อนเลยพยัคฆ์ค่อยๆ ประคองศีรษะของนลินเพื่อให้หนุนหมอนดีๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออกเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยเขาดูแลนลินตั้งแต่นลินท้องเข้าสู่เดือนที่เจ็ด‘หลับแล้วเหรอ’นวมิณทร์เอ่ยถามพยัคฆ์โดยไม่มีเสียง พยัคฆ์พยักหน้ารับก่อนจะใช้หมอนสำหรับคนท้องช่วยประคองให้นลินได้หลับสบายขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ ผุดลุกจากเตียงทั้งสองค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนใหญ่แห่งศตาวุทธิพงศ์ พยัคฆ์ปิดประตูห้องอย่างเบามือ ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจที่นลินหลับได้เสียที“นลินหลับนาน
“ไหวแน่นะครับคุณหนู”“อือ ไปจัดการที่เหลือเถอะไป มีปัญหาอะไรก็โทร. มาละกัน”“อยู่คนเดียวได้แน่นะครับ วันนี้คุณพยัคฆ์ไม่อยู่ใช่ไหมครับ หรือว่าจะไปโรงพยาบาล”“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะพาร์ดี้ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนเบนนี่บ่นอีกหรอก”“แต่ว่าคุณหนูดูไม่ดีเลยนะครับ”เสียงพูดคุยของเจ้านายหนุ่มและลูกน้องทำให้หญิงสูงวัยที่ควบตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านและพี่เลี้ยงของสองหลานชายแห่งศตาวุทธิพงศ์รีบเดินออกมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“เกิดอะไรขึ้นคะคุณนลิน ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะคะ”“ปวดหัวนิดหน่อยครับ ว่าจะกลับมานอนพักหน่อย ป้าเปลวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” นลินตอบคำถามพลางยิ้มอ่อน ก่อนจะหันกลับไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท “ไปได้แล้วพาร์ดี้ ตรวจสอบทุกอย่างให้ดีด้วย”“ครับคุณหนู” พาร์ดี้รับคำทว่าไม่วายละล้าละลังด้วยความเป็นห่วง“ไปเดี๋ยวนี้เลยพาร์ดี้” นลินออกคำสั่งอีกครั้งพาร์ดี้จึงได้แต่หมุนกายออกวิ่งไปที่รถ
กลิ่นอากาศสดชื่น บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงกิ่งไม้เสียดสี ต้นไม้สูงล้อมรอบบ้านทำให้คนที่ต้องการพักกายพักใจยอมรับว่าที่นี่เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศจริงๆ ทว่า...หัวใจของเขาตอนนี้มันยังไม่สามารถกลับมาสดชื่นได้เลยสักนิดดวงตาเรียวสวย หางตายกขึ้นเล็กน้อยขณะหลับตาเพื่อสูดอากาศเย็นยามเช้าตรู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นขณะกอดอก สายตาเหลือบเห็นกำไลหินโกเมนสีแดงดำบนข้อมือก็ต้องเม้มปากอีกครั้งการจากไปของลาภิณ...บิดาผู้ให้กำเนิดอย่างไม่มีวันกลับนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ทุกคนคาดสักนิด หลังงานแต่งงานของนลินและพยัคฆ์เพียงสามวัน วันที่สี่ในช่วงเช้าตรู่นวมิณทร์ก็เป็นคนโทร. มาบอกนลินว่าบิดาของเขาจากไปอย่างสงบ เพียงหลับไปในช่วงกลางคืนแล้วไม่ตื่นอีกเลยนลินไม่รู้ว่ามารดาของเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องพบว่าคนที่พูดคุยด้วยก่อนเข้านอนจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกในเช้าตรู่วันถัดมา ตลอดการจัดงานศพเจ็ดวันนั้น มารดาของเขามักจะแอบร้องไห้อยู่เงียบๆ ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียวที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามารดาของเขาเสียใจแค่ไหน และเป็นเรื่องดีแล้วที่หลังจากเสร็จสิ้นงานไม่กี่วันเทรนต์ก็พานวมิณท
เมื่อพิธีกรประกาศให้บ่าวสาวลงจากเวทีได้ ทั้งคู่จึงเลือกจะเดินไปหาคนที่ได้รับช่อดอกไม้ก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าแตกตื่น“พี่ไม่คิดว่าเพชรกับคุณลุงจะมาร่วมงานด้วย เพราะพี่กับนลินทำให้แม่ของเพชร...”“ไม่ครับ” เพชรอันดารีบค้านพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่พยัคฆ์กับคุณนลินไม่ผิดนี่ครับ”“เรียกนลินเฉยๆ หรือจะเรียกว่าน้องนลินก็ได้ครับ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” นลินเอ่ยพลางระบายยิ้ม“ขอบคุณนะครับที่ยอมรับเพชรเป็นคนในครอบครัว ทั้งที่คุณแม่ของเพชรทำเรื่องเลวร้ายกับพี่พยัคฆ์และน้องนลินไปเยอะเลย เพชรเองก็เคยทำไม่ดีกับนลินด้วย”“นลินเข้าใจพี่เพชรนะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ ทุกคนมีข้อด้อยและเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น นลินกับพี่พยัคฆ์เองก็เคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ แต่พี่เพชรก็ยังคิดได้ ยังคิดกลับตัว ตอนนี้พี่เพชรก็เข้าไปช่วยงานคุณลุง แล้วก็พยายามดูแลตัวเองกับลูก นลินเชื่อว่าพี่เพชรจะเป็นแม่ที่ดีแน่ๆ ครับ”“และพี่ก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เพชรคงไ
งานแต่งงานกลางแจ้งถูกเนรมิตขึ้นที่คฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งเป็นความคิดของนวมิณทร์ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลาภิณมากที่สุด แม้คราแรกพยัคฆ์ต้องการจะให้มีการแต่งงานใหญ่โตในโรงแรม ทว่าเมื่อนลินบอกความต้องการ พยัคฆ์ก็พร้อมจะเปลี่ยนให้ แต่พยัคฆ์ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์ แม้จะเป็นการจัดงานในคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ก็ไม่วายเชิญนักข่าวและแขกเหรื่อเกือบห้าร้อยคนมาร่วมงาน โดยใช้พื้นที่หน้าคฤหาสน์ได้อย่างคุ้มค่ารั้วคฤหาสน์ถูกแต่งด้วยดอกโบตั๋นหลากสีอันเป็นกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์ บริเวณหน้าคฤหาสต์ตกแต่งด้วยทางเดินพุ่มลาเวนเดอร์ และมีโต๊ะจีนกว่าห้าสิบโต๊ะซึ่งกลางโต๊ะประดับแจกันดอกโบตั๋นแซมดอกลาเวนเดอร์อันเป็นฟีโรโมนของคู่บ่าวสาวในวันนี้พิธีแบบไทยถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงของคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งทางเจ้าภาพขอจัดแบบส่วนตัวเฉพาะคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรผิวสองสีที่อยู่ในชุดแต่งงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทหรูสามชิ้นสีครีมเข้มและโบหูกระต่ายสีเดียวกัน ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตจัดแต่งทรงอย่างดี เปิดหน้าผากให้เห็นใบหน้าคม คิ้วเข้มหนา ดวงตาคมปลาบ เสริมให้พยัคฆ์ยิ่งดูห
นวมิณทร์คลี่ยิ้มเมื่อเห็นลาภิณยังคงนั่งหลับตาในศาลาแปดเหลี่ยมที่ล้อมรอบด้วยกล้วยไม้นานาพันธุ์ ซึ่งครึ่งหนึ่งนั้นเขาเป็นคนดูแลเมื่อในอดีต เขาคิดว่าที่นี่จะถูกทำลายหรือรื้อไปจนหมด กระทั่งได้กลับมาเห็นอีกครั้ง จึงได้รู้ว่าที่นี่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี“น้องตฤนกลับมาแล้วเหรอ” ลาภิณทักทั้งที่ยังไม่ลืมตา“รู้ได้ไงครับว่าเป็นตฤน”“พี่จำเสียงฝีเท้าตฤนได้”นวมิณทร์ทรุดกายนั่งบนม้านั่งข้างรถเข็นของลาภิณก่อนจะกุมมืออีกฝ่ายไว้ นั่นทำให้ลาภิณลืมตาขึ้นมองพลางวาดยิ้ม ทุกครั้งที่ลืมตามาแล้วเห็นนวมิณทร์ ลาภิณมักคิดเสมอว่าเขากำลังอยู่ในห้วงฝันดี“พี่ลาภิณมีความสุขไหมครับ”ลาภิณพยักหน้า “พี่มีความสุขสิ มีความสุขที่ตฤนยังอยู่ตรงนี้ มีความสุขที่ลูกของเราเองก็มีความสุข”“ตฤนก็มีความสุขครับ”“สำหรับพี่แล้ว...แค่ตฤนกับนลินมีความสุข พี่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”“แน่นอนครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ตฤนจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้ไปตลอดชีวิต และตฤนจะรักษาสั
นลินลอบยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางของคนรักที่อยู่ไม่นิ่ง ตั้งแต่วันที่พยัคฆ์วิดีโอคอลหาเทรนต์ ก็ดูขยาดยามพูดถึงจนเขานึกอยากรู้เสียเหลือเกินว่าพูดคุยกันอีท่าไหน ทว่าทุกครั้งที่พยายามถามพยัคฆ์ก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง ไม่ก็เปลี่ยนเรื่องพูดเสียจนเขาขี้เกียจจะซักไซ้ ทว่าวันนี้บิดาของเขาบินมาแล้ว หากถามจากพยัคฆ์ไม่ได้ เขาก็แค่ถามเอากับบิดา“พี่พยัคฆ์ทำตัวเหมือนเด็กเลยนะครับ แด๊ดไม่ได้จะมาฆ่าพี่พยัคฆ์ซะหน่อย”“น้อยไปน่ะสินลิน”“ตกลงว่าพี่พยัคฆ์ได้คุยกับแด๊ดจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”“ก็เพราะคุยแล้วไง อาเทรนต์คาดโทษพี่ไว้ พี่ต้องตายแน่ๆ เลยนลิน นลินต้องช่วยพี่นะครับ”น้ำเสียงออดอ้อนของคนรักทั้งสายตาเหมือนหมาน้อยก็ทำให้นลินนึกสงสารตามไปด้วย มือใหญ่ดึงมือเล็กมาแนบกับแก้ม ก่อนจะเอียงหน้าเข้าหา นลินจึงลูบแก้มอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอย่างนึกเอ็นดู“นลินจะช่วยพี่พยัคฆ์เองครับ พี่พยัคฆ์เป็นของนลิน คนอื่นห้ามรังแก นลินรังแกได้คนเดียว”“พี่จะยอมให้นลินรังแกคนเดียว”นับสิบที่ติดตามมาด้ว
พยัคฆ์นอนมองเพดานสีขาวด้วยความรู้สึกหงุดหงิด นลินเงียบหายไปตั้งแต่วันที่เขาได้สติ เขาได้รับข้อความตอบกลับสั้นๆ ในวันนั้นเพียงว่าดูแลตัวเองดีๆ และนับแต่นั้นมาอีกฝ่ายก็เงียบหายไป ไม่ว่าเขาจะเพียรส่งข้อความแค่ไหน หรือโทร. หาอย่างไรก็ไม่มีการตอบรับ ยอมแม้กระทั่งถ่างตารอดึกดื่น ด้วยรู้ว่าเวลาที่แตกต่างกันถึงสิบห้าชั่วโมง ทว่าจนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ยังไม่ติดต่อกลับมา“ห้าวันแล้วนะนลิน ทำไมนลินใจร้ายกับพี่จังเลย โทร. หาก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน”“เลิกบ่นเถอะไอ้พยัคฆ์ มึงบ่นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ นี่กูมาเฝ้ามึงสามวัน มึงก็บ่นสามวัน กูจะไม่มาเฝ้ามึงแล้วนะ”“ก็ดี กูอยากกลับบ้านแล้ว กูจะบินไปหานลิน”“คลั่งรักเหลือเกินนะพ่อ ใจเย็นหน่อยสิวะไอ้พยัคฆ์ ยังไงน้องนลินของมึงก็ต้องกลับมา พ่อเขาอยู่นี่ ยังไงเขาก็ต้องพาแม่เขามา”“แล้วทำไมเขาไม่ติดต่อกูมาล่ะ แค่ตอบข้อความกูนี่มันยุ่งยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ ส่งมาสักคำก็ยังดี นี่อะไรเงียบหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น หรือว่านลินจะทิ้งกูวะไอ้นับ”&ldquo