รถคูเป้สองประตูสีดำสัญชาติยุโรปเลี้ยวผ่านบ้านหลังใหญ่มาจอดหน้าบ้านของตรีวิทย์และพยนต์ นั่นทำให้เจ้าของบ้านที่วันนี้ไม่ไปทำงานต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ จริงอยู่ที่เป็นเรื่องปกติที่พยัคฆ์จะแวะมาหาพยนต์และภูวนัย ทว่าช่วงนี้จะแวะมาบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ
“ใครมาเหรอครับพี่ตรี”
“พยัคฆ์น่ะสิ ช่วงนี้มาเกือบทุกวันเลยนะ ที่บ้านมีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีหรอกครับ พยัคฆ์ไม่ได้มาหาพยนต์ด้วย”
“หือ? ไม่ได้มาหาพยนต์แล้วมาหาใคร” ตรีวิทย์เอ่ยถามภรรยาด้วยความฉงนใจ
“พี่ตรีลองสังเกตดูละกันนะครับว่าพยัคฆ์มาหาใคร”
ตรีวิทย์เลิกคิ้วมองคนที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดจนเห็นแผ่นอกอย่างเซ็กซี่ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปก็ให้นึกสงสัยว่าแต่งตัวล่อเหยื่อขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ไปเที่ยวกับเหล่าโอเมก้าของเจ้าตัว กลับเลือกมาบ้านของเขาในวันหยุดเช่นนี้
หรือว่า...
ตรีวิทย์หันกลับไปมองในห้องนั่งเล่นที่มีอาหลานกำลังต่อรางรถไฟเหาะตีลังกาซึ่งนลินหอบหิ้วมาจากอเมริกา นั่นทำให้เขาสบตาภรรยาราวกับจะถาม
“พี่เข้าใจถูกใช่ไหมพยนต์”
“ครับ แต่นลินดูไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่”
“พี่เคยได้ยินอาเทรนต์กับอาตฤนเล่าว่าตอนอยู่โน่นนลินก็เสน่ห์แพรวพราว ตกอัลฟ่าได้เยอะเลยล่ะ”
“แต่คนอื่นคิดว่านลินเป็นเบต้าไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็ใช่ แต่ยังไงจริงๆ แล้วนลินก็เป็นโอเมก้านะ ถึงจะไร้กลิ่นเพราะฝังยาก็เถอะ”
“ถ้าฝังยานี่จะไม่ฮีทเหรอครับพี่ตรี พยนต์ไม่เคยฝังยาแบบน้องนลินเลย”
“ไม่ฮีทครับ”
“แบบนี้น้องนลินก็ไม่ค่อยเจออาการฮีทสิครับ”
“ไม่หรอก ยาฝังต้องฝังซ้ำทุกสามเดือน เพราะงั้นถ้าใกล้ต้องฝัง หมอของน้องนลินจะให้นลินฮีทสักครั้ง บางคนเลยเข้าใจว่าเป็นอัลฟ่า เพราะหยุดทุกสามเดือนเหมือนพวกอัลฟ่าเข้าช่วงรัท”
“แบบนี้นี่เอง แต่น้องนลินก็สวยสมเป็นโอเมก้าจริงๆ”
“พยนต์ของพี่ก็สวยครับ สำหรับพี่แล้วพยนต์ของพี่สวยที่สุด”
“พูดแบบนี้คงไม่ได้คิดจะมีน้องให้น้องพูห์ใช่ไหมครับ”
“ถ้าพยนต์ตกลง พี่ก็ดีใจนะ” ตรีวิทย์เอ่ยก่อนจะจุมพิตขมับภรรยา “ว่าแต่ทำไมพยัคฆ์ถึงจีบนลินล่ะ ปกติพยัคฆ์ไม่ยุ่งกับเบต้า”
“พยนต์ก็แปลกใจ แต่พยัคฆ์ทำเหมือนรู้จักนลินอยู่ก่อนเลย”
ตรีวิทย์เลิกคิ้วก่อนจะโคลงศีรษะเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่พยัคฆ์ประโคมมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตั้งใจใส่มาตกเหยื่อชัดๆ ทว่าเหยื่ออย่างนลินไม่ได้ตกง่ายๆ เสียด้วยสิ
“สวัสดีครับพี่ตรี น้องพูห์ล่ะครับ”
“เล่นกับนลินอยู่ที่ห้องนั่งเล่นน่ะ”
พยัคฆ์ยิ้มกว้างทันทีก่อนจะถอดรองเท้าผ้าใบของตัวเองแล้วสวมสลิปเปอร์เดินเข้าบ้านแฝดพี่และพี่เขย ทว่าก่อนจะเดินผ่านสองสามีภรรยา ก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน
นลินที่ได้ยินเสียงพยัคฆ์และกลิ่นน้ำหอมที่เขาเริ่มคุ้นชินก็หยุดมือแล้วเงยหน้ามอง โอเมก้าหนุ่มดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม เขารู้ว่าพยัคฆ์ไม่ยอมหยุดง่ายๆ และดูท่าว่าจะตั้งใจเข้าหาอย่างไม่คิดปิดบังเลยสักนิด หากไม่อยู่ในช่วงปิดบังตัวตน เขาก็อยากจะพุ่งเข้าใส่ ยอมโดนตกง่ายๆ อยู่หรอก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา ก็ต้องยืนกระต่ายขาเดียวว่าเป็นเบต้าไปก่อน
เมื่อเห็นว่าพยนต์พาพยัคฆ์ไปยังห้องทำงานทั้งที่สายตาของทั้งคู่หันมาสบกับเขา นลินก็รู้ทันทีว่าเรื่องที่จะคุยคงไม่พ้นเรื่องของเขาเป็นแน่
“น้องพูห์ต่อรางรถไฟเองไปก่อนนะ เดี๋ยวอามา”
“อานลินรีบมานะครับ”
“ครับ”
ตรีวิทย์ที่สังเกตอยู่ก่อนแล้วก็คลี่ยิ้มขำ ทว่าไม่วายรั้งน้องชายลูกพี่ลูกน้องมาคุยกันลำพังก่อน
“น้องนลินรู้จักกับพยัคฆ์มาก่อนใช่ไหม”
“พี่ตรีทำไมรู้ทันนลินล่ะ”
“ไม่ใช่เพราะนลินหรอก แต่เพราะพยัคฆ์ต่างหาก คนอย่างพยัคฆ์ถ้าไม่รู้จักมาก่อน ไม่มีทางสนใจเบต้าหรอก ว่าแต่ตอนนั้นรู้จักในฐานะโอเมก้าใช่ไหม”
นลินพยักหน้า “ที่มีคนไปวางยานลินบนเรือไง เขาช่วยนลินไว้”
“พยัคฆ์น่ะเหรอ? ก็ว่าทำไมถึงติดแจขนาดนี้ งั้นนลินต้องเตรียมใจไว้บ้างนะ พยัคฆ์มันกัดไม่ปล่อยหรอก แล้วถ้าเขารู้อยู่แล้ว นลินก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องเป็นโอเมก้ากับพยัคฆ์หรอกนะ เห็นแบบนั้นก็เชื่อใจได้นะ”
นลินไม่ได้ตอบรับ ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับตรีวิทย์ เพียงแต่...เขาแค่อยากจะเก็บความลับนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชายหนุ่มอยากให้คนรู้ความลับน้อยที่สุด อยากให้ตัวเองปลอดภัยมากที่สุด
“คงไม่ใช่ตอนนี้ครับพี่ตรี ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี จนกว่านลินจะพร้อมเปิดตัว ถึงตอนนั้นนลินจะกวาดทุกอย่างให้เรียบ”
“แล้วเรื่องคุณอาลาภิณล่ะ”
“คุณลุงยังไม่ได้เล่าอะไรนลินเลย คุณลุงไปหาคุณพ่อหรือยังครับ”
“พี่ก็ไม่เห็นคุณพ่อพูดนะ อาจจะกำลังเตรียมใจอยู่ ยังไงคุณพ่อก็โกรธคุณอาลาภิณมาก และโกรธมานานขนาดนี้ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยที่จะเผชิญหน้ากัน”
“นลินเข้าใจครับ”
“นลินจะไปแอบฟังพี่น้องคู่นั้นคุยกันใช่ไหม ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปดูลูกเอง”
นลินคลี่ยิ้มก่อนจะเดินไปแอบฟังหน้าห้องทำงานที่พยัคฆ์และพยนต์พูดคุยกันอยู่
“พยนต์เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับนลินเลย น้องเป็นเบต้า ไม่ใช่สเปกของพยัคฆ์หรอก”
“ใครบอกว่าไม่ใช่ พยนต์อย่ามาเถียงพยัคฆ์หน่อยเลย พยัคฆ์รู้จักนลินมากกว่าที่พยนต์รู้จักอีก”
“มั่นใจเหรอว่าเป็นคนเดียวกับที่พยัคฆ์เคยนอนด้วย”
“พยัคฆ์ไม่เคยบอกพยนต์สักหน่อยว่าเคยนอนกับเขา”
“คนอย่างพยัคฆ์จะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ ต้องเคยนอนแล้วนั่นแหละถึงได้ยืนยันขนาดนี้ ทำไม? นลินทำพยัคฆ์ติดใจมากเลยเหรอ”
“ก็ติดใจแหละ ยังอยากได้อีก”
“รักนลินเหรอ”
คำถามของพยนต์ทำให้คู่สนทนาเงียบไปครู่ใหญ่ พยัคฆ์เองก็ตอบไม่ได้ว่าเขาชอบนลินไหม ตอนนี้เขาแค่อยากได้ยินเสียงครวญครางนั่น อยากเห็นร่างขาวเปลือยเปล่าที่ควบขับอยู่บนร่างเช่นคราแรก เขาไม่เคยติดใจเซ็กซ์ของใครเท่านลินมาก่อน กอปรกับกลิ่นลาเวนเดอร์ที่เขาไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน ฟีโรโมนของนลินมีความพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดเขา
“ไม่รู้ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่ารักไหม แต่พยัคฆ์ติดใจนลิน ส่วนจะถึงขั้นรักไหมคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องอนาคต”
“แล้วอยากเป็นแฟนนลินไหม”
“เอาจริงๆ แล้วพยัคฆ์ก็ยังไม่ได้อยากได้ความสัมพันธ์แบบผูกมัด แต่ถ้านลินอยากให้เป็นแฟน พยัคฆ์ก็อยากเป็นนะ”
พยนต์เดาะลิ้นขณะมองเงาที่อยู่หน้าประตูห้องซึ่งหายไปแล้ว นั่นแสดงว่านลินได้ยินคำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ว พยนต์ไม่รู้ว่าคำตอบของพยัคฆ์นั้นถูกใจนลินไหม แต่เขาก็อยากให้พยัคฆ์และนลินเป็นคู่ของกันและกัน
“แต่พยัคฆ์รู้ไหมว่าพยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของนลิน”
“หือ? พยนต์รู้เหรอว่านลินชอบสเปกแบบไหน”
“อือ เคยคุยกันอยู่ นลินบอกว่าชอบผู้ชายที่อยู่ในโอวาท”
“งั้นพยัคฆ์ก็ต้องเป็นเด็กดีของนลินน่ะสิ”
“ซึ่งพยัคฆ์เป็นไม่ได้หรอก พยัคฆ์เป็นเด็กผีไม่ใช่เด็กดี”
“ทำไมพยนต์พูดแบบนั้นล่ะ พยัคฆ์ไม่ใช่คนเลวซะหน่อย”
“เอาอะไรมามั่นหน้าน่ะพยัคฆ์ พยัคฆ์คือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก”
“ที่ไหนกัน? พยัคฆ์เป็นเด็กดีได้นะ แต่พยัคฆ์ไม่อยากเป็น”
“หมายความว่าไง”
“ก็พยัคฆ์ยังไม่ได้คิดจะจีบนลิน”
“ฮะ? ไม่ได้คิดจะจีบเหรอ”
พยนต์กลอกตามองบนทันที อาการออกขนาดนี้ ไอ้น้องชายผีบ้าของเขายังกล้าพูดว่าไม่ได้คิดจะจีบ นี่แทบจะเอาขนมจีบทั่วประเทศมาวางตรงหน้านลินอยู่แล้ว ยังกล้าพูดออกมาได้ว่าไม่คิดจะจีบ
“งั้นก็ตามใจพยัคฆ์”
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม พยัคฆ์จะได้ไปหานลิน”
พยนต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะมองตามแผ่นหลังผึ่งผายของน้องชายฝาแฝดที่ออกจากห้องไป เขาได้แต่เดินตามอีกฝ่ายที่พุ่งไปหานลินและภูวนัยทันที
พยัคฆ์มองเสี้ยวหน้าขาว แม้จะไม่ได้กลิ่นหอมฟีโรโมนของนลิน แต่เพียงได้เห็นหน้านี่เขาก็อดจะนึกถึงตอนที่ริมฝีปากสีพีชนี่ครอบครองแกนกายของเขาไม่ได้ เพียงนึกเขาก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่
นลินลอบยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ อาการของพยัคฆ์ไม่ต่างจากเด็กชายตัวน้อยเพิ่งแตกหนุ่มสักนิด ก่อนจะแกล้งโน้มตัวเพื่อเอื้อมหยิบชิ้นส่วนรางรถไฟซึ่งอยู่ตรงข้าม
ผิวขาวและยอดอกสีพีชซึ่งมองผ่านคอเสื้อเชิ้ตคอกว้างเปิดไหล่ทำให้พยัคฆ์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จนเผลอปลดปล่อยฟีโรโมนเชิญชวนกลิ่นโบตั๋นหวานหอมจนนลินชะงักกึก เช่นเดียวกับตรีวิทย์ที่รีบหันมองต้นเหตุทันที
“มีอะไรครับพี่ตรี”
“พยัคฆ์โดนนลินเล่นซะแล้วล่ะ”
“ครับ? พี่ตรีพูดเรื่องอะไร”
“พยัคฆ์คุมตัวเองไม่ได้จนเผลอปล่อยฟีโรโมนเชิญชวน”
พยนต์หันไปทางสองหนุ่มกับหนึ่งเด็กชายทันที จึงได้เห็นสายตาพยัคฆ์ที่กำลังจับจ้องภายในคอเสื้อของนลินที่กำลังโน้มหยิบข้าวของฝั่งตรงข้าม เป็นเหตุให้พยนต์หลุดยิ้มขำ
“อาการออกตั้งขนาดนี้แล้ว ยังกล้าบอกว่าแค่อยากได้เขาอีกเหรอพยัคฆ์”
“พี่บอกแล้วไงล่ะพยนต์ว่านลินน่ะไม่ธรรมดาหรอกนะ ถึงกลิ่นฟีโรโมนไม่ออกก็ตกอัลฟ่าได้”
“กลิ่นของพยัคฆ์ต้องหอมมากแน่ๆ เลย เสียดายจังที่พยนต์ได้กลิ่นแต่ของพี่ตรีคนเดียวซะแล้ว”
“แต่ดูเหมือนนลินเองก็คงถูกพยัคฆ์ยั่วด้วยกลิ่นจนเสียอาการเหมือนกัน”
นลินขยับตัวเข้าใกล้พยัคฆ์อย่างไม่รู้ตัว กลิ่นดอกโบตั๋นหอมหวานเสียจนปั่นป่วนสติของนลิน ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งอยากเข้าหา อยากจะซุกไซ้บนร่างแกร่งเพื่อสูดกลิ่นหอมหวานนั่นให้เป็นของเขาเพียงคนเดียว
“อานลินหาเจอหรือยังครับ”
เสียงของภูวนัยทำให้นลินรีบขยับตัวออกห่าง ก่อนจะลูบใบหน้าร้อนเห่อ แล้วขยับคอเสื้อของตัวเองด้วยรู้ดีว่าไม่เพียงตัวเขาที่จะไปยั่วยุเด็กน้อยพยัคฆ์ แต่กลิ่นของพยัคฆ์เองก็ยั่วเย้าให้เขาอยากทอดกายให้เสียเดี๋ยวนั้น
เป็นแบบนี้...ก็แย่น่ะสิ คนที่ควรคุมเกมคือนลินคนนี้สิ ไม่ใช่เอากลิ่นโบตั๋นหวานๆ นั่นมายั่วเขา
นลินผุดลุกทันที เป็นเหตุให้พยัคฆ์ผุดลุกตามด้วย เขาเดินตามอีกฝ่ายที่พยายามเดินหนี ไม่ว่านลินจะเดินออกจากบ้านของพยนต์และตรีวิทย์มาในสวนแล้ว ทว่าพยัคฆ์ก็ยังคงเดินตามมาอย่างไม่ลดละ จนสุดท้ายนลินก็อดไม่ไหวต้องหันมาเผชิญหน้า
“คุณจะตามผมมาทำไม”
“พี่พยัคฆ์สิ”
“จะเรียกยังไงก็เรื่องของผม ตกลงว่าคุณตามผมมาทำไม”
“คนเป็นเบต้านี่ได้กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยเหรอ”
“กลิ่นฟีโรโมนอะไร ใครไปได้กลิ่นฟีโรโมนของคุณกัน”
“ก็เมื่อกี้พี่คุมตัวเองไม่อยู่เลยเผลอปล่อยฟีโรโมน นลินก็เลยโน้มหน้ามาดมกลิ่นพี่ไม่ใช่เหรอ”
“ผมดมกลิ่นน้ำหอมคุณต่างหาก เพ้อเจ้อเรื่องฟีโรโมนไม่หยุด ผมบอกหลายครั้งแล้วนะว่าผมเป็นเบต้า”
“เบต้าเก๊ล่ะสิ คิดจริงๆ เหรอว่าพี่จะจำผิดคนน่ะ พี่ไม่ได้รัทนะ มีสติครบถ้วนดี”
“งั้นก็คงฝันกลางวันแล้วล่ะ ผมไม่เคยเจอคุณ แล้วผมก็ไม่สนใจอัลฟ่าแบบคุณด้วย”
“จริงเหรอ” พยัคฆ์เอ่ยถามพลางสืบเท้าเข้าหา
นลินถอยหลังไปอีกหลายก้าวพลางขบกรามแน่น นึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายพยายามปล่อยฟีโรโมนเพื่อให้เขาสติหลุด ชายหนุ่มเม้มปากก่อนจะยกมุมปากขึ้นยิ้มร้าย
พยัคฆ์ชะงักนิ่งตัวแข็งเมื่อนลินโผเข้ากอด แล้วเบียดร่างกายบอบบางกับร่างกายแข็งแรงของเขา ชายหนุ่มจึงโอบเอวเล็กบอบบางไว้อย่างเผลอไผล แล้วก้มมองลาดไหล่ขาวที่โผล่พ้นคอเสื้อ แนบจมูกลงไปด้วยหวังว่าจะได้กลิ่นฟีโรโมนดอกลาเวนเดอร์อีกครั้ง ทว่ากลับมีเพียงกลิ่นสบู่และน้ำหอมจางๆ ที่ไม่ใกล้เคียงกลิ่นดอกลาเวนเดอร์เลยสักนิด
“พอใจหรือยัง ได้กลิ่นฟีโรโมนผมไหมล่ะ”
นลินผลักร่างแกร่งให้ออกห่างพลางกอดอกถามอย่างท้าทาย ดวงตาเรียวสีดำวาววับยิ่งดึงดูดสายตาพยัคฆ์ให้หลงใหลยิ่งขึ้น ก่อนจะมองตามแผ่นหลังบอบบางที่เดินลิ่วๆ กลับเข้าบ้าน ซึ่งพยายามซุกซ่อนใบหน้าที่รู้สึกดีจากการสูดดมกลิ่นโบตั๋นของพยัคฆ์เมื่อครู่
พยัคฆ์สาวเท้าตามเข้าบ้าน ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อเห็นดวงหน้าที่ยังมีร่องรอยแดงก่ำจากอารมณ์หวามหวานเมื่อครู่ นั่นทำให้เขายิ่งแน่ใจว่านลินได้กลิ่นฟีโรโมนของเขา ชายหนุ่มลอบยกมุมปากขึ้นยิ้มร้าย หากนลินชอบเด็กดี เขาจะยอมเล่นเป็นเด็กดียั่วให้นลินตบะแตก ดูซิว่านลินจะยืนกระต่ายขาเดียวว่าเป็นเบต้าได้อีกนานแค่ไหน
“จริงเหรอครับคุณลุง พวกเราเข้าใจคุณพ่อผิดมาตลอดจริงๆ สินะครับ”“ใช่ เป็นอย่างที่นลินบอกลุงเลย แต่...มีเรื่องสำคัญที่ลุงต้องบอกนลิน”“ครับ มีอะไรเหรอครับ”“พ่อของนลินไม่ได้เพิ่งตามหานลินหรอกนะ เขาตามหามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปู่ของนลินตาย พ่อของนลินก็เริ่มส่งคนให้ออกตามหาโดยไม่ให้พราวรุ้งรู้ แต่ที่เขาเร่งหาตอนนี้เพราะเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”“ครับ? คุณพ่อเป็นอะไรครับ”“มะเร็งกระดูกน่ะ ลุงใช้เส้นสายไปลองสืบที่โรงพยาบาลที่ลาภิณรักษาตัว เขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระดูกมาตั้งแต่สองปีก่อน แล้วก็รักษามาโดยตลอด แต่เมื่อเดือนก่อนพบว่ามันลุกลาม ลาภิณจึงตัดสินใจร่วมกับหมอว่าจะหยุดการรักษา และเขาตั้งใจใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้เพื่อตามหาตฤนกับนลิน”นลินขบกรามแน่นกลั้นความรู้สึกวูบโหวง ทั้งที่ความทรงจำวัยเยาว์ที่มีบิดานั้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แต่เขากลับรู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจที่บิดาเหลือเวลาน้อยนิดเสียเหลือเกิน เขาข่มอารมณ์ที่ไม่ปกติของตัวเองไว้“คุณพ่อเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ครับ”“เร็วสุดคือหกเดือน ช้าสุดคือหนึ่งปี”“น้อยเหลือเกิน”“นลินจะไปเจอพ่อเขาไหม”“ครับ แต่ถ้านลินไปเจอคุณพ่อ คนที่ส่งคนไปทำร้ายนลินก็ต้องร
“ปล่อย! ลากมาทำอะไรของคุณเนี่ย”พยัคฆ์ขบกรามแน่นนึกโมโหนลินจนแทบคลั่งที่อีกฝ่ายมายืนกอดกับตรีวิทย์ ก็ไหนว่าเป็นเบต้า ไม่สนใจอัลฟ่าอย่างไรเล่า ที่แท้ก็แอบมาเป็นชู้กับพี่เขยของเขานี่เอง ทำเป็นรังเกียจเขา ทว่าความจริงคือตั้งใจจะจับตรีวิทย์ชัดๆปึก!ใบหน้าของนลินกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของคนที่ถูลู่ถูกังมาตลอดทาง ชายหนุ่มถูกกระแทกจนกระเด้งแล้วล้มลงกับพื้นนลินกัดริมฝีปากของตัวเองที่รู้สึกเจ็บ นี่มันวันบ้าอะไรของเขากันที่ต้องมาเจ็บทั้งตัวมาเจ็บทั้งใจ แค่เรื่องบิดาเขาก็เสียใจมากพอแล้ว ตั้งแต่จำความได้...นอกจากเสียใจเพราะคิดถึงบิดาครั้งที่ไปอยู่อเมริกาใหม่ๆ ก็ครั้งนี้นี่แหละที่เขาร้องไห้หนักขนาดนี้แล้วนี่อะไรกัน? เขายังต้องมาเจ็บตัวอีก“ไม่ต้องมาทำสำออย ลุกขึ้นมา!”นลินเงยหน้าขึ้นมองคนพาลอย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้สำออยเสียหน่อย แต่เขาเบื่อหน่ายจนไม่อยากลุกไปต่อล้อต่อเถียงด้วยต่างหากชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิก่อนจะปัดเศษต่างๆ ออกจากมือและแขนราวกับไม่สนใจท่าทางเกรี้ยวกราด ปกติเขาก็ไม่ชอบคนไร้เหตุผล ไม่ชอบคนใช้อารมณ์แบบนี้อยู่แล้ว และยิ่งไม่ชอบคนที่เอาความโกรธมาลงกับเขาเพราะฉะนั้น...พยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของเ
พยัคฆ์เดินไปเดินมาพลางชะเง้อดูแฝดผู้พี่ที่บอกว่าจะช่วยพูดกับนลินให้ ทว่าผ่านไปตั้งหลายนาทีแล้วกลับยังไม่เห็นวี่แววของทั้งคู่ เป็นเหตุให้ตรีวิทย์ที่กำลังเล่นต่อจิ๊กซอว์กับลูกชายลอบอมยิ้มขำ“คุณพ่อครับ ทำไมน้ายักษ์เดินไม่หยุด”“น้าพยัคฆ์รออานลินครับ”“รอทำไมครับ อานลินไปไหน อานลินทิ้งน้องพูห์เหรอ”“ไม่ใช่ครับ อานลินคุยอยู่กับคุณแม่ครับ”ภูวนัยเอียงคอก่อนจะผุดลุกเดินไปหาพยัคฆ์ แล้วจับมือใหญ่ของอีกฝ่าย เป็นเหตุให้พยัคฆ์ต้องหันมองหลานชายด้วยความฉงนใจ“น้องพูห์มีอะไรครับ”“ต่อจิ๊กซอว์กันครับ”“เดี๋ยวน้าไปต่อด้วยนะ น้าพยัคฆ์รออานลินของน้องพูห์อยู่”“น้ายักษ์เป็นเด็กไม่ดี ถ้าน้ายักษ์ดื้ออานลินจะไม่รักนะครับ”“หือ? น้องพูห์บอกว่าถ้าน้าพยัคฆ์ดื้อ อานลินจะไม่รักเหรอครับ”“ครับ อานลินบอกว่าอานลินรักน้องพูห์ น้องพูห์เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ”พยัคฆ์ขมวดคิ้วเข้มจนระหว่างคิ้วเป็นร่องลึก เขายอมเดินตามแรงน้อยๆ ของโอเมก้าวัยสามขวบไปนั่งบนพรมข้างพี่เขยที่ยังคงยิ้มกริ่ม“พี่ว่าพยัคฆ์คงไม่ได้แค่สนใจนลินแล้วล่ะ ถ้าชอบก็ลุยเลย ไม่งั้นนลินไปสนใจคนอื่นแน่”“พี่ตรีกับนลินไม่ได้...”“ไม่ใช่อย่างที่พยัคฆ์คิดหรอก พี่รู้
ประตูห้องนอนเพ้นต์เฮ้าส์เปิดออกขณะที่มือใหญ่ยังคงกอดเกี่ยวเอวบอบบางไว้ เช่นเดียวกับที่ริมฝีปากของทั้งคู่แนบสนิทกันไม่ยอมผละออกห่าง ราวกับโหยหากันและกัน กลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่ผสมผสานกันจนอบอวลไปทั่วห้อง นลินถูกไล่ต้อนจุมพิตพลางก้าวถอยหลังกระทั่งชนเข้ากับเตียงจนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงกว้างกลางห้องริมฝีปากของทั้งคู่ผละออกห่างกัน ลิ้นเล็กมีน้ำลายสีใสยืดเยิ้ม ดวงตาคู่สวยฉ่ำหวานด้วยแรงปรารถนาที่ขับเคลื่อนจากการกระตุ้นฟีโรโมน มองตามมือใหญ่ที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด...ทีละเม็ด...ทว่าท่าทางอ้อยอิ่งเชื่องช้าของพยัคฆ์นั้นดูเหมือนจะไม่ทันใจของนลิน มือขาวจึงดึงอีกฝ่ายให้นอนอยู่ใต้ร่าง พยัคฆ์กึ่งนั่งกึ่งนอนขณะที่ร่างบอบบางคร่อมอยู่บนกายแกร่ง มือเรียวปลดกระดุมออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปลดเสื้อเชิ้ตออกจากบ่าแกร่ง แล้วโน้มหน้าลงจูบต้นคอแกร่ง ดูดเม้มจนขึ้นสีเข้มพยัคฆ์ปลดแขนเสื้อแล้วปล่อยให้เสื้อหล่นข้างเตียงขณะยันกายด้วยแขนข้างหนึ่งเพื่อเอนกาย อำนวยความสะดวกให้นลินที่ซุกไซ้ไปตามลำคอและลาดไหล่ เพราะรู้สึกอารมณ์ดีจึงทำให้กลิ่นฟีโรโมนดอกโบตั๋นนั้นหอมหวานไปด้วย เป็นเหตุให้นลินยังมัวเมาไปกลับกลิ่นนั้น“อืม.
“อื้อ! อา...แรงกว่านี้อีก...”เสียงกระเส่าเร่งคนด้านล่างที่สวนแท่งร้อนเข้ามาในกาย กลิ่นดอกลาเวนเดอร์อบอวลไปทั่วห้องจนคนที่ถูกขย่มจับเอวเล็กขาวที่เอาแต่บดเร่าเพื่อชะลอจังหวะที่เจ้าตัวเร่งเร้าไม่หยุดริมฝีปากสีพีชยามส่งเสียงครางนั้นเซ็กซี่จนคนมองตาพร่า เขายกกายขึ้นเพื่อซบใบหน้ากับบ่าบอบบางขาวหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ที่แม้จะทำให้ผ่อนคลาย แต่ก็ปลุกอารมณ์ปรารถนาของเขายิ่งขึ้นชายหนุ่มผิวสองสีไม่รู้ว่าโอเมก้าคนสวยคนนี้เป็นใคร แต่เพียงได้กลิ่น เพียงได้เห็นใบหน้าสวยนี่เขาก็อดใจไม่ไหว จนยอมตามแรงอีกฝ่ายที่ผลักเขาเข้าห้องนอน ดึงทึ้งเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าแล้วมาอยู่ในท่านี้ริมฝีปากหนาแตะไล่ไปตามปลายคางที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขณะที่สะโพกก็กระแทกสวนร่างที่ขยับขย่มบนกายเขาอย่างเอาแต่ใจเพื่อให้ตัวเองได้ปลดปล่อย และบรรเทาอาการฮีทของตัวเอง“คนสวย...ใจเย็นหน่อย...ของผมจะหักเอานะครับ”“อย่ามาทำตัวไก่อ่อน ผมไม่ชอบ!”เพียงได้ยินคำดูถูก...เจ้าของดวงหน้าคมเข้มก็ผลักร่างขาวอ้อนแอ้นลงกับเตียง แล้วยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าดูถูกเขาขนาดนี้ เขาคงต้องแสดงให้เห็นเสียหน่อยแล้วว่าหากเขาเอาจริงจะเป็นอย่างไร
ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลแม็กมารีนาซ ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นรถคูเป้สองประตูของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน นั่นแสดงว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงบ้านแล้ว ชายวัยเกือบหกสิบเร่งสืบเท้าเข้าบ้านก่อนจะส่งกระเป๋าเอกสารให้แม่บ้าน“นลินกลับมาแล้วเหรอ”“ค่ะคุณท่าน คุณหนูกลับมาตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ แต่เก็บตัวอยู่ในห้องทำงานของคุณท่านไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลยค่ะ”“หือ? ห้องทำงานฉันเหรอ? นลินก็มีห้องทำงานตัวเองนี่”“ใช่ค่ะ เอ่อ...คุณเบนนี่บอกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นบนเรือเมื่อสัปดาห์ก่อน มีเรื่องอะไรร้ายแรงรึเปล่าคะ”“ไม่มีอะไรมากหรอก เรื่องนั้นนลินโทร. มาบอกแล้ว แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียด” เทรนต์เอ่ยก่อนจะมองหาภรรยา “มินนี่อยู่ไหนครับ”“เพิ่งออกจากห้องทำงานคุณท่านเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แต่หน้าตาไม่ค่อยดีเลยค่ะ ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกับคุณหนูรึเปล่า”“ทะเลาะกัน? คู่นี้ทะเลาะกันแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ”พูดจบเทรนต์ก็สาวเท้าไวๆ ก้าวขึ้นชั้นสองตรงไปยังห้องทำงานของตัวเอง แล้วเปิดประตูเข้าไปเห็นใบหน้าขาวกำลังขมวดมุ่นเคร่งเครียด ดวงตาคู่สวยจับจ้องหน้าจอแท็บเล็ตอย่างจดจ่อ“นลิน”“แด๊ด! กลับมาแล้วเหรอครับ”“เพิ่งกลับนี่ล่ะ โ
สองสามีภรรยาวัยแปดสิบชะเง้อรอคนที่ทุกคนเฝ้ารอ รอแล้วรอเล่าก็ยังมาไม่ถึงเสียทีจนนึกหงุดหงิดเป็นเหตุให้ลูกชายและหลานชายที่เฝ้ารอผู้มาถึงต้องคอยปรามให้ใจเย็น“คุณพ่อคุณแม่ใจเย็นหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวหลานก็มาแล้ว”“ไหนบอกว่าเครื่องแลนด์ดิ้งตั้งแต่สายไง นี่จะเที่ยงแล้วยังไม่เห็นหน้าเลย ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม แม่บอกแล้วว่าให้ไปรับหลานเอง ให้มาเองแบบนี้จะมาถูกไหม หลานไม่อยู่เมืองไทยมายี่สิบปีแล้วนะตาไตร”“คุณย่าก็ใจเย็นหน่อยสิครับ คุณอาเองก็บอกแล้วว่าน้องนลินไม่ได้มาคนเดียว ถ้าเราไปรับเกิดมีใครสงสัย น้องนลินคงเป็นอันตราย ที่น้องกลับมาเมืองไทยก็เพราะคิดทำเรื่องอันตราย คุณย่าคงไม่อยากให้น้องมีอันตรายใช่ไหมครับ”“ใจเย็นก่อนนะคุณ” ป้องเกียรติเตือนภรรยาพลางกุมมือเสียงรถยนต์และเสียงฝีเท้าของแม่บ้านทำให้ผู้ใหญ่ทั้งห้าคนยิ้มกว้างทันที ด้วยวันนี้บ้านกิตติวรกานต์ไม่ต้อนรับแขกคนไหนทั้งนั้น นั่นทำให้พวกเขารู้ได้ทันทีว่าคนที่มาเยือนจะต้องเป็นคนที่พวกเขาเฝ้ารออย่างแน่นอน“คุณหนูนลินมาแล้วค่ะคุณท่าน” เสียงตื่นเต้นของแม่บ้านวัยเกือบเจ็ดสิบทำให้ทุกคนตื่นเต้นร่างบอบบางร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรที่สวมเสื้อยืดสีขาว
“ช่วยส่งเอกสารนี่ไปให้ฝ่ายการตลาด บอกพวกเขาด้วยว่าให้เตรียมแผนโปรโมตไตรมาสหน้า สัปดาห์หน้าประชุมนำเสนอผมด้วย”“ครับคุณพยัคฆ์”“เดี๋ยวคุณวิทวัสช่วยเรียกอลันมาให้ผมด้วยนะ”“ได้ครับ”คล้อยหลังหัวหน้าเลขานุการ ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปก็เอนกายกับพนักพิง ก่อนจะหมุนเก้าอี้ออกไปมองนอกอาคารซึ่งเป็นผนังกระจก จนมองออกไปเห็นห้างสรรพสินค้าสตาร์ไลท์ที่ชื่อห้างฯ เด่นเป็นสง่าแม้จะเห็นตึกเพียงลิบๆเขานั่งตำแหน่งซีอีโอเป็นเดือนที่สามแล้ว และช่วงที่เขานั่งตำแหน่งนี้ผลประกอบการก็เติบโตขึ้นจากเดิมเกือบสี่เท่า แม้คนอื่นจะมองว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สำหรับพยัคฆ์แล้วยังไม่พอใจนัก“หงุดหงิดอะไรวะพยัคฆ์ ตั้งแต่กลับจากล่องเรือเมื่อเดือนที่แล้วก็ดูขัดหูขัดตาไปหมดเลยนะ” นับสิบที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวเอ่ยถามทันทีพยัคฆ์หมุนเก้าอี้กลับมาจ้องหน้าเพื่อนรักที่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ด พลางถลึงตามองอย่างนึกขวางหูขวางตา จริงอย่างที่นับสิบพูดนั่นแหละ เขาได้รับของขวัญจากคุณปู่ด้วยทริปล่องเรือสำราญที่ซีแอตเทิล ซึ่งเป็นทริปที่เขาอยากไปมากจนน่าประหลาด ทว่าเมื่อสิ้นสุดทริปเขากลับหงุดหงิดไม่ใช่เขาไม่รู้เหตุผล แต่เขาไม่รู้วิธีแก