นลินเหลือบมองร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่มายืนซ้อนด้านหลัง เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงตั้งใจแน่ๆ ชายหนุ่มจึงรีบเช็ดมือกับผ้าขนหนู แล้วหมุนกายมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
“พี่พยัคฆ์มีธุระอะไรจะพูดกับนลินรึเปล่าครับ”
“พี่ไม่ใช่เซ็กซ์ทอยของนลินนะครับ คิดจะใช้พี่แก้อาการฮีทแล้วก็ทิ้งกันแบบนั้น นลินไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”
“เซ็กซ์ทอยอะไร นลินไม่เคยรู้จักพี่พยัคฆ์มาก่อน” นลินตอบหน้าตายพลางกอดอก
“หือ? จะบอกว่าคนที่ลากพี่เข้าห้องแล้วขึ้นขย่มคนนั้นไม่ใช่นลินเหรอ”
“พี่พยัคฆ์จำสลับกับใครรึเปล่าครับ นลินเพิ่งเจอพี่พยัคฆ์นี่ล่ะครับ”
“ถ้ายืนยันขนาดนี้พี่ก็คงต้องพิสูจน์หน่อยแล้วล่ะ”
นลินเลิกคิ้วพลางเอียงคอสงสัย ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นดอกพีโอนีหรือดอกโบตั๋นจากพยัคฆ์ อยากจะต่อยคนตรงหน้าให้ล้มกองตรงนี้เสียจริงๆ กล้าดีอย่างไรมาปล่อยฟีโรโมนในบ้านที่มีแต่โอเมก้า
แม้นลินจะชอบกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์แค่ไหน และอยากสูดดมมันมากเพียงใด แต่เขาก็จะอดทนไม่แสดงออกว่าได้กลิ่นมัน เขาต้องเป็นเบต้าที่ไม่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนนี่
พยัคฆ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังยืนกอดอกนิ่ง เขาใช้ฟีโรโมนอัลฟ่าข่มขนาดนี้แล้ว แต่นลินกลับไม่แสดงอาการใดๆ ทั้งยังไม่ปลดปล่อยฟีโรโมนโอเมก้าราวกับไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนของเขา ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเบต้าอย่างไรอย่างนั้น หรือว่า...
“อ๊ะ! พี่พยัคฆ์ทำอะไรเนี่ย”
พยัคฆ์ไม่สนใจที่นลินกำลังโวยวาย เขาหมุนกายนลินแล้วเปิดผมประบ่าออกเพื่อจะดูร่องรอยบนต้นคอ เมื่อไม่เห็นรอยกัดก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถูกอัลฟ่าคนไหนสร้างรอยพันธะ แล้วเหตุใดจึงไม่ได้กลิ่นของเขาเล่า
“ทำอะไรเนี่ย”
“ไม่ใช่โอเมก้าเหรอ”
“ไม่ใช่ เป็นเบต้าต่างหาก” นลินเอ่ยก่อนจะผลักพยัคฆ์ให้อยู่ห่างๆ
“นลินมีพี่น้องหรือเปล่า”
“ไม่ครับ นลินเป็นลูกคนเดียว”
พยัคฆ์ไม่คิดว่าจะมีคนหน้าตาเหมือนกันอย่างแน่นอน นั่นทำให้เขายิ่งสงสัยหนักขึ้น จะมีใครที่หน้าตาเหมือนกันทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอยู่ด้วยหรือ และถึงจะเป็นพี่น้องกัน หรือแม้แต่ฝาแฝดกัน ก็คงไม่เหมือนกันขนาดนี้ นี่มันเหมือนกันราวกับเป็นคนคนเดียวกัน
นลินเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจคนที่ยังคงปล่อยฟีโรโมนไม่หยุด ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเผลอตัวพุ่งเข้าไปซุกซบสูดกลิ่นดอกโบตั๋นที่เหมือนจะดึงดูดเขา นั่นทำให้เขาผลักอีกฝ่ายให้หลีกทาง เพื่อหนีจากพยัคฆ์ให้เร็วที่สุด
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว นลินขอตัวไปดูน้องพูห์ก่อนนะครับ”
พยัคฆ์รีบคว้าข้อมือขาวไว้ทันที “เดี๋ยวสินลิน พี่ไม่คิดว่าจำคนผิดนะ พี่...”
พยัคฆ์หยุดคำพูดเมื่อเห็นใบหูขาวที่เจ้าตัวเกี่ยวผมทัดกับใบหูไว้ เขาจำได้ว่าโอเมก้ากลิ่นลาเวนเดอร์คนนั้นมีจุดอ่อนที่ใบหู ตอนนั้นเพียงเขาเผลอจับเจ้าตัวก็สะดุ้งและอ่อนไหวทันที ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นยิ้มร้ายก่อนจะโน้มหน้าลงแล้วพ่นลมเบาๆ
อึก!
นลินสะดุ้งเฮือกพลางยกมือขึ้นปิดหูทันที ก่อนจะเหลือบมองคนด้านหลังตาขวาง แล้วสะบัดข้อมือของตัวเองเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องครัว ทิ้งร่างสูงให้ยืนกอดอกมองตามแผ่นหลังบอบบาง
“ใช่จริงๆ ด้วย”
พยัคฆ์แน่ใจแล้วว่านลินคือคนคนเดียวกับคนที่เขากกกอด เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดนลินจึงไม่รับรู้ถึงฟีโรโมนของเขา บางทีอีกฝ่ายอาจเป็นโรคเกี่ยวกับฮอร์โมนหรือฟีโรโมนก็เป็นไปได้ เพราะพี่เลี้ยงอย่างนลินคงไม่มีเงินมากพอจะฝังยาป้องกันฟีโรโมนที่มีราคาสูง ทั้งยังมีขีดจำกัดการป้องกัน ทั้งยังต้องฉีดยาเพื่อฝังซ้ำทุกสามเดือน ค่าใช้จ่ายสูงขนาดนั้น...โอเมก้าที่มาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กคงไม่มีปัญญาจะจ่ายได้
ทว่าพยัคฆ์ก็ไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นอย่างที่คิดไหม เขายังจำเสื้อผ้าที่นลินสวมใส่ตอนอยู่บนเรือได้เป็นอย่างดี เสื้อผ้าเนื้อดีสั่งตัด ทั้งยังสวมใส่เครื่องประดับราคาแพง ผิวพรรณก็ดูแลเป็นอย่างดีราวกับเป็นคุณหนูตระกูลเศรษฐี
ยิ่งคิดพยัคฆ์ก็ยิ่งสงสัยและสนใจในตัวของนลินมากยิ่งขึ้น หากเป็นแค่พี่เลี้ยงจริงๆ จะเอาเงินที่ไหนไปล่องเรือสำราญถึงซีแอตเทิล ไม่ต้องถามถึงค่าเครื่องบินเดินทางกลับมาประเทศไทย หรือความจริงแล้วนลินเป็นเด็กเลี้ยงของเสี่ยคนไหน
“คิดอะไรอยู่น่ะพยัคฆ์”
“นลินเป็นแค่พี่เลี้ยงจริงๆ เหรอพยนต์”
“อยู่ดีๆ ถามอะไรแปลกๆ”
“ก็...” พยัคฆ์พูดได้เท่านั้นก็รีบปิดปาก
เขาไม่อยากให้พยนต์รู้ว่าเขาเคยเจอนลินมาก่อน จนกว่านลินจะยอมรับความจริงว่าคือโอเมก้าเจ้าของกลิ่นลาเวนเดอร์ จนกว่านลินจะยอมรับว่าคือคนที่เขากอดเมื่อเดือนก่อน จนกว่าจะถึงตอนนั้น...เขาจะขอเก็บเรื่องนี้ไว้เสียก่อน
“ก็อะไรล่ะพยัคฆ์”
“เสื้อผ้าที่เขาใส่ไง มันดูเป็นของแบรนด์เนมไม่ใช่เหรอ”
“พยัคฆ์ดูออกด้วยเหรอว่าไหนคือเสื้อผ้าแบรนด์เนมน่ะ”
“พยัคฆ์เป็นซีอีโอห้างฯ สตาร์ไลท์นะพยนต์ ก็ต้องรู้จักพวกเสื้อผ้าแบรนด์เนมอยู่แล้ว”
พยนต์เลิกคิ้วขณะมองตามสายตาของพยัคฆ์ที่ยังไม่ละสายตาจากนลิน สายตาคมปลาบของน้องชายฝาแฝดไม่ได้สนใจเพียงเสื้อผ้า แต่สนใจที่อยู่ใต้เสื้อผ้าต่างหาก พยนต์รู้จักพยัคฆ์มาทั้งชีวิตมีหรือจะเดาใจ เดาความคิดของพยัคฆ์ไม่ออก
“สนใจนลินหรือไง”
“ไม่ใช่แบบนั้น”
“พยัคฆ์รู้ไหมว่าพยัคฆ์โกหกทุกคนได้ แต่โกหกพยนต์ไม่ได้”
พยัคฆ์ละสายตาจากของสวยงามตรงหน้ามายังใบหน้าได้รูปของพี่ชายฝาแฝด เพียงเห็นแววตาล้อเลียนอย่างรู้ทันพยัคฆ์ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ช่วยทำเป็นเออออกับพยัคฆ์ไปก่อนได้ไหมพยนต์ ไว้ถึงเวลาพยัคฆ์จะเล่าเอง”
“นลินยังเด็กนะพยัคฆ์ น้องเขาเพิ่งจะยี่สิบสี่เอง”
“ยี่สิบสี่แล้ว พยัคฆ์ไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกพยนต์”
“นี่ถึงขั้นจะจับนลินกินเลยเหรอพยัคฆ์”
...กินไปแล้วต่างหาก...
พยัคฆ์ได้แต่ดุนกระพุ้งแก้ม ทั้งที่สายตายังคงโลมเลียต้นขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นทรงสปอร์ตสีดำซึ่งเกาะสะโพกของนลินอย่างหมิ่นเหม่จนนึกอยากดึงออก แล้วลูบขาขาวและสะโพกนุ่มนิ่มที่เขาเคยสัมผัสและฝากรอยรักมาแล้ว
“นลินพักอยู่ที่นี่เลยเหรอพยนต์”
“ก็ใช่แหละ ทำไม? พยัคฆ์จะหลอกนลินไปที่เพ้นต์เฮ้าส์เหรอ”
“พยนต์เห็นพยัคฆ์เป็นคนยังไง พยัคฆ์ไม่เคยทำอะไรคนที่ไม่เต็มใจซะหน่อย”
“ก็ใช่ แต่พยัคฆ์ก็มีคนที่อยากขึ้นเตียงด้วยเยอะแยะ ก็ไปสนใจเขาเถอะ นลินเป็นเบต้าไม่สนใจพยัคฆ์หรอก”
“เบต้าเก๊น่ะสิ” พยัคฆ์เอ่ยเสียงเบา
“หือ? พยัคฆ์บ่นอะไรน่ะ”
“เปล่า ช่างเรื่องพี่เลี้ยงของน้องพูห์ก่อน พยนต์ว่างสักแป๊บไหม”
“พยัคฆ์จะปรึกษาเรื่องงานเหรอ” พยนต์เอ่ยถามพลางเก็บจานที่เช็ดแล้วใส่ตู้
“อือ เรื่องไตรมาสหน้าน่ะ”
“ได้สิ พยัคฆ์ไปรอที่ห้องทำงานพี่ตรีนะ เดี๋ยวพยนต์ตามไป ขอไปบอกนลินก่อน”
พยัคฆ์พยักหน้ารับ ทว่ากลับเดินตามพยนต์ที่เดินไปฝากลูกชายกับนลิน ซึ่งท่าทางเข้าขากันเป็นอย่างดีของนลินและภูวนัยทำให้พยัคฆ์จับจ้องอยู่ครู่ใหญ่
แม้พยัคฆ์ไม่เคยมีความคิดสร้างครอบครัวมาก่อน แต่เมื่อเห็นนลินอยู่กับเด็กแบบนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากนลินเป็นแม่ของลูกเขา มันคงดูอบอุ่นไม่ใช่น้อย
พยัคฆ์ชะงักเล็กน้อย รีบถอนสายตาจากนลินทันที ได้แต่ตำหนิตัวเองว่าคิดบ้าอะไร คนอย่างพยัคฆ์ที่อายุเพียงยี่สิบแปดปีจะรีบมีครอบครัวไปไหน เขายังใช้ชีวิตหนุ่มโสดไม่คุ้มเสียหน่อย แค่โอเมก้ากลิ่นลาเวนเดอร์เพียงคนเดียว ไม่ได้มีอิทธิพลกับเขามากขนาดนั้นเสียหน่อย
นลินก็แค่...โอเมก้าที่เขายังอยากมีเซ็กซ์ด้วย
ก็แค่...พี่เลี้ยงของน้องพูห์เท่านั้นแหละ!
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่ายังไม่ได้ข่าว”“ทั้งสามคนเงียบหายไปเป็นเดือนแล้วครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนอยู่ที่โน่นรึเปล่าครับ คุณผู้หญิงจะให้พวกเราทำยังไงครับ”มือขาวกำแน่นจนขึ้นข้อขาว ไม่คิดสักนิดว่าตัวเองที่นำหน้าสามี ตามหาคนที่หายไปร่วมยี่สิบปีเจอจะต้องคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง นางได้ข่าวจากคนรู้จักว่าเคยเห็นอดีตภรรยาของสามีอยู่ในเมืองซีแอตเทิล ก็รีบส่งลูกน้องของบิดาให้ไปจับตัวผู้ชายที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายของสามีแต่แล้วข่าวคราวกลับเงียบหายไป“เช็กเรื่องการเดินทางมันหรือยัง”“ผมเช็กไปที่โรงแรม เขาว่ามีคนมาเช็กเอ้าท์ออกไปแล้ว แล้วก็มีการยกเลิกการจองเที่ยวบิน เงียบหายไปแบบนี้...ผมว่าอาจถูกเก็บไปแล้วก็ได้ครับ”“แค่เด็กผู้ชายคนเดียวมันจะทำอะไรได้”“ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้พวกนั้นตามสืบ คนที่ดูแลผู้ชายคนนั้นก็ระดับบิ๊กของซีแอตเทิล เป็นผู้มีอิทธิพลคนนึงเลยนะครับ และคงใหญ่กว่าจิรพงศ์ธาดาเสียอีกครับ”“ไร้สาระ! ถึงจะมีคนดูแลยังไงก็ทำตามอำเภอใจไม่ได้หรอกนะ กฎหมายที่นั่นจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง”“คงไม่ต่างกับที่นี่หรอกครับ ถ้าไม่มีใครรู้ใครเห็น และมีเงินมากพอ ก็ไม่มีหลักฐานโยงถึงผู้กระทำผิดจริงๆ”หญิงวัยสี่
ภาพข่าวขาวดำที่ถูกเก็บไว้อย่างดีในกล่องเหล็กถูกเปิดออกดูซ้ำมาหลายครั้งหลายหนร่วมยี่สิบปี ชายวัยห้าสิบต้นๆ ยังคงหยิบจับลูบไล้มันซ้ำๆ ก่อนจะดูภาพครอบครัวสีซีดของตัวเองที่ถ่ายเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน และนี่คงเป็นภาพสุดท้ายที่เขาได้ถ่ายร่วมกับภรรยาและลูกชายเสียงเคาะประตูทำให้เขาชะงัก มือที่กำลังเก็บความทรงจำทุกอย่างใส่กล่องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก นั่นทำให้เขารู้ว่าคนที่เคาะประตูคือคนสนิท จึงส่งเสียงอนุญาต“ได้เรื่องบ้างไหมพระลพ”คนที่ถูกเรียกว่าพระลพมองกล่องเหล็กแกะสลักลายซึ่งดูเก่ามากแล้ว ทว่าเจ้าของกลับยังคงรักษาทุกอย่างไว้อย่างดีก็ให้นึกสงสารชายตรงหน้าที่ใบหน้าดูอายุร่วงโรยมากกว่าวัยที่แท้จริง“ได้มาไม่มากเท่าไหร่ครับ หลังการจัดฉากอุบัติเหตุและเพลิงไหม้ครั้งนั้น ทั้งสองหนีไปอยู่อเมริกาและมีเศรษฐีในซีแอตเทิลคอยดูแล”“เจาะจงกว่านั้นได้ไหม คนที่พวกเขาไปอยู่ด้วยเป็นใคร แล้วพวกเขาเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีไหม”“ยังสืบเรื่องนั้นไม่ได้ครับ เพราะคุณตฤนปิดบังตัวตนเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย แถมยังต
รถคูเป้สองประตูสีดำสัญชาติยุโรปเลี้ยวผ่านบ้านหลังใหญ่มาจอดหน้าบ้านของตรีวิทย์และพยนต์ นั่นทำให้เจ้าของบ้านที่วันนี้ไม่ไปทำงานต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ จริงอยู่ที่เป็นเรื่องปกติที่พยัคฆ์จะแวะมาหาพยนต์และภูวนัย ทว่าช่วงนี้จะแวะมาบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ“ใครมาเหรอครับพี่ตรี”“พยัคฆ์น่ะสิ ช่วงนี้มาเกือบทุกวันเลยนะ ที่บ้านมีอะไรรึเปล่า”“ไม่มีหรอกครับ พยัคฆ์ไม่ได้มาหาพยนต์ด้วย”“หือ? ไม่ได้มาหาพยนต์แล้วมาหาใคร” ตรีวิทย์เอ่ยถามภรรยาด้วยความฉงนใจ“พี่ตรีลองสังเกตดูละกันนะครับว่าพยัคฆ์มาหาใคร”ตรีวิทย์เลิกคิ้วมองคนที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดจนเห็นแผ่นอกอย่างเซ็กซี่ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปก็ให้นึกสงสัยว่าแต่งตัวล่อเหยื่อขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ไปเที่ยวกับเหล่าโอเมก้าของเจ้าตัว กลับเลือกมาบ้านของเขาในวันหยุดเช่นนี้หรือว่า...ตรีวิทย์หันกลับไปมองในห้องนั่งเล่นที่มีอาหลานกำลังต่อรางรถไฟเหาะตีลังกาซึ่งนลินหอบหิ้วมาจากอเมริกา นั่นทำให้เขาสบตาภรรยาราวกับจะถาม“พี่เข้าใจถูกใช่ไหมพยนต์”“ครับ แต่นลินดูไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่”“พี่เคยได้ยินอาเทรนต์กับอาตฤนเล่าว่าตอนอยู่โน่นนล
“จริงเหรอครับคุณลุง พวกเราเข้าใจคุณพ่อผิดมาตลอดจริงๆ สินะครับ”“ใช่ เป็นอย่างที่นลินบอกลุงเลย แต่...มีเรื่องสำคัญที่ลุงต้องบอกนลิน”“ครับ มีอะไรเหรอครับ”“พ่อของนลินไม่ได้เพิ่งตามหานลินหรอกนะ เขาตามหามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปู่ของนลินตาย พ่อของนลินก็เริ่มส่งคนให้ออกตามหาโดยไม่ให้พราวรุ้งรู้ แต่ที่เขาเร่งหาตอนนี้เพราะเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”“ครับ? คุณพ่อเป็นอะไรครับ”“มะเร็งกระดูกน่ะ ลุงใช้เส้นสายไปลองสืบที่โรงพยาบาลที่ลาภิณรักษาตัว เขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระดูกมาตั้งแต่สองปีก่อน แล้วก็รักษามาโดยตลอด แต่เมื่อเดือนก่อนพบว่ามันลุกลาม ลาภิณจึงตัดสินใจร่วมกับหมอว่าจะหยุดการรักษา และเขาตั้งใจใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้เพื่อตามหาตฤนกับนลิน”นลินขบกรามแน่นกลั้นความรู้สึกวูบโหวง ทั้งที่ความทรงจำวัยเยาว์ที่มีบิดานั้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แต่เขากลับรู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจที่บิดาเหลือเวลาน้อยนิดเสียเหลือเกิน เขาข่มอารมณ์ที่ไม่ปกติของตัวเองไว้“คุณพ่อเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ครับ”“เร็วสุดคือหกเดือน ช้าสุดคือหนึ่งปี”“น้อยเหลือเกิน”“นลินจะไปเจอพ่อเขาไหม”“ครับ แต่ถ้านลินไปเจอคุณพ่อ คนที่ส่งคนไปทำร้ายนลินก็ต้องร
“ปล่อย! ลากมาทำอะไรของคุณเนี่ย”พยัคฆ์ขบกรามแน่นนึกโมโหนลินจนแทบคลั่งที่อีกฝ่ายมายืนกอดกับตรีวิทย์ ก็ไหนว่าเป็นเบต้า ไม่สนใจอัลฟ่าอย่างไรเล่า ที่แท้ก็แอบมาเป็นชู้กับพี่เขยของเขานี่เอง ทำเป็นรังเกียจเขา ทว่าความจริงคือตั้งใจจะจับตรีวิทย์ชัดๆปึก!ใบหน้าของนลินกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของคนที่ถูลู่ถูกังมาตลอดทาง ชายหนุ่มถูกกระแทกจนกระเด้งแล้วล้มลงกับพื้นนลินกัดริมฝีปากของตัวเองที่รู้สึกเจ็บ นี่มันวันบ้าอะไรของเขากันที่ต้องมาเจ็บทั้งตัวมาเจ็บทั้งใจ แค่เรื่องบิดาเขาก็เสียใจมากพอแล้ว ตั้งแต่จำความได้...นอกจากเสียใจเพราะคิดถึงบิดาครั้งที่ไปอยู่อเมริกาใหม่ๆ ก็ครั้งนี้นี่แหละที่เขาร้องไห้หนักขนาดนี้แล้วนี่อะไรกัน? เขายังต้องมาเจ็บตัวอีก“ไม่ต้องมาทำสำออย ลุกขึ้นมา!”นลินเงยหน้าขึ้นมองคนพาลอย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้สำออยเสียหน่อย แต่เขาเบื่อหน่ายจนไม่อยากลุกไปต่อล้อต่อเถียงด้วยต่างหากชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิก่อนจะปัดเศษต่างๆ ออกจากมือและแขนราวกับไม่สนใจท่าทางเกรี้ยวกราด ปกติเขาก็ไม่ชอบคนไร้เหตุผล ไม่ชอบคนใช้อารมณ์แบบนี้อยู่แล้ว และยิ่งไม่ชอบคนที่เอาความโกรธมาลงกับเขาเพราะฉะนั้น...พยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของเ
พยัคฆ์เดินไปเดินมาพลางชะเง้อดูแฝดผู้พี่ที่บอกว่าจะช่วยพูดกับนลินให้ ทว่าผ่านไปตั้งหลายนาทีแล้วกลับยังไม่เห็นวี่แววของทั้งคู่ เป็นเหตุให้ตรีวิทย์ที่กำลังเล่นต่อจิ๊กซอว์กับลูกชายลอบอมยิ้มขำ“คุณพ่อครับ ทำไมน้ายักษ์เดินไม่หยุด”“น้าพยัคฆ์รออานลินครับ”“รอทำไมครับ อานลินไปไหน อานลินทิ้งน้องพูห์เหรอ”“ไม่ใช่ครับ อานลินคุยอยู่กับคุณแม่ครับ”ภูวนัยเอียงคอก่อนจะผุดลุกเดินไปหาพยัคฆ์ แล้วจับมือใหญ่ของอีกฝ่าย เป็นเหตุให้พยัคฆ์ต้องหันมองหลานชายด้วยความฉงนใจ“น้องพูห์มีอะไรครับ”“ต่อจิ๊กซอว์กันครับ”“เดี๋ยวน้าไปต่อด้วยนะ น้าพยัคฆ์รออานลินของน้องพูห์อยู่”“น้ายักษ์เป็นเด็กไม่ดี ถ้าน้ายักษ์ดื้ออานลินจะไม่รักนะครับ”“หือ? น้องพูห์บอกว่าถ้าน้าพยัคฆ์ดื้อ อานลินจะไม่รักเหรอครับ”“ครับ อานลินบอกว่าอานลินรักน้องพูห์ น้องพูห์เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ”พยัคฆ์ขมวดคิ้วเข้มจนระหว่างคิ้วเป็นร่องลึก เขายอมเดินตามแรงน้อยๆ ของโอเมก้าวัยสามขวบไปนั่งบนพรมข้างพี่เขยที่ยังคงยิ้มกริ่ม“พี่ว่าพยัคฆ์คงไม่ได้แค่สนใจนลินแล้วล่ะ ถ้าชอบก็ลุยเลย ไม่งั้นนลินไปสนใจคนอื่นแน่”“พี่ตรีกับนลินไม่ได้...”“ไม่ใช่อย่างที่พยัคฆ์คิดหรอก พี่รู้
ประตูห้องนอนเพ้นต์เฮ้าส์เปิดออกขณะที่มือใหญ่ยังคงกอดเกี่ยวเอวบอบบางไว้ เช่นเดียวกับที่ริมฝีปากของทั้งคู่แนบสนิทกันไม่ยอมผละออกห่าง ราวกับโหยหากันและกัน กลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่ผสมผสานกันจนอบอวลไปทั่วห้อง นลินถูกไล่ต้อนจุมพิตพลางก้าวถอยหลังกระทั่งชนเข้ากับเตียงจนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงกว้างกลางห้องริมฝีปากของทั้งคู่ผละออกห่างกัน ลิ้นเล็กมีน้ำลายสีใสยืดเยิ้ม ดวงตาคู่สวยฉ่ำหวานด้วยแรงปรารถนาที่ขับเคลื่อนจากการกระตุ้นฟีโรโมน มองตามมือใหญ่ที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด...ทีละเม็ด...ทว่าท่าทางอ้อยอิ่งเชื่องช้าของพยัคฆ์นั้นดูเหมือนจะไม่ทันใจของนลิน มือขาวจึงดึงอีกฝ่ายให้นอนอยู่ใต้ร่าง พยัคฆ์กึ่งนั่งกึ่งนอนขณะที่ร่างบอบบางคร่อมอยู่บนกายแกร่ง มือเรียวปลดกระดุมออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปลดเสื้อเชิ้ตออกจากบ่าแกร่ง แล้วโน้มหน้าลงจูบต้นคอแกร่ง ดูดเม้มจนขึ้นสีเข้มพยัคฆ์ปลดแขนเสื้อแล้วปล่อยให้เสื้อหล่นข้างเตียงขณะยันกายด้วยแขนข้างหนึ่งเพื่อเอนกาย อำนวยความสะดวกให้นลินที่ซุกไซ้ไปตามลำคอและลาดไหล่ เพราะรู้สึกอารมณ์ดีจึงทำให้กลิ่นฟีโรโมนดอกโบตั๋นนั้นหอมหวานไปด้วย เป็นเหตุให้นลินยังมัวเมาไปกลับกลิ่นนั้น“อืม.
“อื้อ! อา...แรงกว่านี้อีก...”เสียงกระเส่าเร่งคนด้านล่างที่สวนแท่งร้อนเข้ามาในกาย กลิ่นดอกลาเวนเดอร์อบอวลไปทั่วห้องจนคนที่ถูกขย่มจับเอวเล็กขาวที่เอาแต่บดเร่าเพื่อชะลอจังหวะที่เจ้าตัวเร่งเร้าไม่หยุดริมฝีปากสีพีชยามส่งเสียงครางนั้นเซ็กซี่จนคนมองตาพร่า เขายกกายขึ้นเพื่อซบใบหน้ากับบ่าบอบบางขาวหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ที่แม้จะทำให้ผ่อนคลาย แต่ก็ปลุกอารมณ์ปรารถนาของเขายิ่งขึ้นชายหนุ่มผิวสองสีไม่รู้ว่าโอเมก้าคนสวยคนนี้เป็นใคร แต่เพียงได้กลิ่น เพียงได้เห็นใบหน้าสวยนี่เขาก็อดใจไม่ไหว จนยอมตามแรงอีกฝ่ายที่ผลักเขาเข้าห้องนอน ดึงทึ้งเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าแล้วมาอยู่ในท่านี้ริมฝีปากหนาแตะไล่ไปตามปลายคางที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขณะที่สะโพกก็กระแทกสวนร่างที่ขยับขย่มบนกายเขาอย่างเอาแต่ใจเพื่อให้ตัวเองได้ปลดปล่อย และบรรเทาอาการฮีทของตัวเอง“คนสวย...ใจเย็นหน่อย...ของผมจะหักเอานะครับ”“อย่ามาทำตัวไก่อ่อน ผมไม่ชอบ!”เพียงได้ยินคำดูถูก...เจ้าของดวงหน้าคมเข้มก็ผลักร่างขาวอ้อนแอ้นลงกับเตียง แล้วยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าดูถูกเขาขนาดนี้ เขาคงต้องแสดงให้เห็นเสียหน่อยแล้วว่าหากเขาเอาจริงจะเป็นอย่างไร