แชร์

CHAPTER 2.2 : พี่เลี้ยงของน้องพูห์

นลินเหลือบมองร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่มายืนซ้อนด้านหลัง เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงตั้งใจแน่ๆ ชายหนุ่มจึงรีบเช็ดมือกับผ้าขนหนู แล้วหมุนกายมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

“พี่พยัคฆ์มีธุระอะไรจะพูดกับนลินรึเปล่าครับ”

“พี่ไม่ใช่เซ็กซ์ทอยของนลินนะครับ คิดจะใช้พี่แก้อาการฮีทแล้วก็ทิ้งกันแบบนั้น นลินไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”

“เซ็กซ์ทอยอะไร นลินไม่เคยรู้จักพี่พยัคฆ์มาก่อน” นลินตอบหน้าตายพลางกอดอก

“หือ? จะบอกว่าคนที่ลากพี่เข้าห้องแล้วขึ้นขย่มคนนั้นไม่ใช่นลินเหรอ”

“พี่พยัคฆ์จำสลับกับใครรึเปล่าครับ นลินเพิ่งเจอพี่พยัคฆ์นี่ล่ะครับ”

“ถ้ายืนยันขนาดนี้พี่ก็คงต้องพิสูจน์หน่อยแล้วล่ะ”

นลินเลิกคิ้วพลางเอียงคอสงสัย ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นดอกพีโอนีหรือดอกโบตั๋นจากพยัคฆ์ อยากจะต่อยคนตรงหน้าให้ล้มกองตรงนี้เสียจริงๆ กล้าดีอย่างไรมาปล่อยฟีโรโมนในบ้านที่มีแต่โอเมก้า

แม้นลินจะชอบกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์แค่ไหน และอยากสูดดมมันมากเพียงใด แต่เขาก็จะอดทนไม่แสดงออกว่าได้กลิ่นมัน เขาต้องเป็นเบต้าที่ไม่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนนี่

พยัคฆ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังยืนกอดอกนิ่ง เขาใช้ฟีโรโมนอัลฟ่าข่มขนาดนี้แล้ว แต่นลินกลับไม่แสดงอาการใดๆ ทั้งยังไม่ปลดปล่อยฟีโรโมนโอเมก้าราวกับไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนของเขา ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเบต้าอย่างไรอย่างนั้น หรือว่า...

“อ๊ะ! พี่พยัคฆ์ทำอะไรเนี่ย”

พยัคฆ์ไม่สนใจที่นลินกำลังโวยวาย เขาหมุนกายนลินแล้วเปิดผมประบ่าออกเพื่อจะดูร่องรอยบนต้นคอ เมื่อไม่เห็นรอยกัดก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถูกอัลฟ่าคนไหนสร้างรอยพันธะ แล้วเหตุใดจึงไม่ได้กลิ่นของเขาเล่า

“ทำอะไรเนี่ย”

“ไม่ใช่โอเมก้าเหรอ”

“ไม่ใช่ เป็นเบต้าต่างหาก” นลินเอ่ยก่อนจะผลักพยัคฆ์ให้อยู่ห่างๆ

“นลินมีพี่น้องหรือเปล่า”

“ไม่ครับ นลินเป็นลูกคนเดียว”

พยัคฆ์ไม่คิดว่าจะมีคนหน้าตาเหมือนกันอย่างแน่นอน นั่นทำให้เขายิ่งสงสัยหนักขึ้น จะมีใครที่หน้าตาเหมือนกันทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอยู่ด้วยหรือ และถึงจะเป็นพี่น้องกัน หรือแม้แต่ฝาแฝดกัน ก็คงไม่เหมือนกันขนาดนี้ นี่มันเหมือนกันราวกับเป็นคนคนเดียวกัน

นลินเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจคนที่ยังคงปล่อยฟีโรโมนไม่หยุด ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเผลอตัวพุ่งเข้าไปซุกซบสูดกลิ่นดอกโบตั๋นที่เหมือนจะดึงดูดเขา นั่นทำให้เขาผลักอีกฝ่ายให้หลีกทาง เพื่อหนีจากพยัคฆ์ให้เร็วที่สุด

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว นลินขอตัวไปดูน้องพูห์ก่อนนะครับ”

พยัคฆ์รีบคว้าข้อมือขาวไว้ทันที “เดี๋ยวสินลิน พี่ไม่คิดว่าจำคนผิดนะ พี่...”

พยัคฆ์หยุดคำพูดเมื่อเห็นใบหูขาวที่เจ้าตัวเกี่ยวผมทัดกับใบหูไว้ เขาจำได้ว่าโอเมก้ากลิ่นลาเวนเดอร์คนนั้นมีจุดอ่อนที่ใบหู ตอนนั้นเพียงเขาเผลอจับเจ้าตัวก็สะดุ้งและอ่อนไหวทันที ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นยิ้มร้ายก่อนจะโน้มหน้าลงแล้วพ่นลมเบาๆ

อึก!

นลินสะดุ้งเฮือกพลางยกมือขึ้นปิดหูทันที ก่อนจะเหลือบมองคนด้านหลังตาขวาง แล้วสะบัดข้อมือของตัวเองเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องครัว ทิ้งร่างสูงให้ยืนกอดอกมองตามแผ่นหลังบอบบาง

“ใช่จริงๆ ด้วย”

พยัคฆ์แน่ใจแล้วว่านลินคือคนคนเดียวกับคนที่เขากกกอด เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดนลินจึงไม่รับรู้ถึงฟีโรโมนของเขา บางทีอีกฝ่ายอาจเป็นโรคเกี่ยวกับฮอร์โมนหรือฟีโรโมนก็เป็นไปได้ เพราะพี่เลี้ยงอย่างนลินคงไม่มีเงินมากพอจะฝังยาป้องกันฟีโรโมนที่มีราคาสูง ทั้งยังมีขีดจำกัดการป้องกัน ทั้งยังต้องฉีดยาเพื่อฝังซ้ำทุกสามเดือน ค่าใช้จ่ายสูงขนาดนั้น...โอเมก้าที่มาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กคงไม่มีปัญญาจะจ่ายได้

ทว่าพยัคฆ์ก็ไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นอย่างที่คิดไหม เขายังจำเสื้อผ้าที่นลินสวมใส่ตอนอยู่บนเรือได้เป็นอย่างดี เสื้อผ้าเนื้อดีสั่งตัด ทั้งยังสวมใส่เครื่องประดับราคาแพง ผิวพรรณก็ดูแลเป็นอย่างดีราวกับเป็นคุณหนูตระกูลเศรษฐี

ยิ่งคิดพยัคฆ์ก็ยิ่งสงสัยและสนใจในตัวของนลินมากยิ่งขึ้น หากเป็นแค่พี่เลี้ยงจริงๆ จะเอาเงินที่ไหนไปล่องเรือสำราญถึงซีแอตเทิล ไม่ต้องถามถึงค่าเครื่องบินเดินทางกลับมาประเทศไทย หรือความจริงแล้วนลินเป็นเด็กเลี้ยงของเสี่ยคนไหน

“คิดอะไรอยู่น่ะพยัคฆ์”

“นลินเป็นแค่พี่เลี้ยงจริงๆ เหรอพยนต์”

“อยู่ดีๆ ถามอะไรแปลกๆ”

“ก็...” พยัคฆ์พูดได้เท่านั้นก็รีบปิดปาก

เขาไม่อยากให้พยนต์รู้ว่าเขาเคยเจอนลินมาก่อน จนกว่านลินจะยอมรับความจริงว่าคือโอเมก้าเจ้าของกลิ่นลาเวนเดอร์ จนกว่านลินจะยอมรับว่าคือคนที่เขากอดเมื่อเดือนก่อน จนกว่าจะถึงตอนนั้น...เขาจะขอเก็บเรื่องนี้ไว้เสียก่อน

“ก็อะไรล่ะพยัคฆ์”

“เสื้อผ้าที่เขาใส่ไง มันดูเป็นของแบรนด์เนมไม่ใช่เหรอ”

“พยัคฆ์ดูออกด้วยเหรอว่าไหนคือเสื้อผ้าแบรนด์เนมน่ะ”

“พยัคฆ์เป็นซีอีโอห้างฯ สตาร์ไลท์นะพยนต์ ก็ต้องรู้จักพวกเสื้อผ้าแบรนด์เนมอยู่แล้ว”

พยนต์เลิกคิ้วขณะมองตามสายตาของพยัคฆ์ที่ยังไม่ละสายตาจากนลิน สายตาคมปลาบของน้องชายฝาแฝดไม่ได้สนใจเพียงเสื้อผ้า แต่สนใจที่อยู่ใต้เสื้อผ้าต่างหาก พยนต์รู้จักพยัคฆ์มาทั้งชีวิตมีหรือจะเดาใจ เดาความคิดของพยัคฆ์ไม่ออก

“สนใจนลินหรือไง”

“ไม่ใช่แบบนั้น”

“พยัคฆ์รู้ไหมว่าพยัคฆ์โกหกทุกคนได้ แต่โกหกพยนต์ไม่ได้”

พยัคฆ์ละสายตาจากของสวยงามตรงหน้ามายังใบหน้าได้รูปของพี่ชายฝาแฝด เพียงเห็นแววตาล้อเลียนอย่างรู้ทันพยัคฆ์ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ช่วยทำเป็นเออออกับพยัคฆ์ไปก่อนได้ไหมพยนต์ ไว้ถึงเวลาพยัคฆ์จะเล่าเอง”

“นลินยังเด็กนะพยัคฆ์ น้องเขาเพิ่งจะยี่สิบสี่เอง”

“ยี่สิบสี่แล้ว พยัคฆ์ไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกพยนต์”

“นี่ถึงขั้นจะจับนลินกินเลยเหรอพยัคฆ์”

...กินไปแล้วต่างหาก...

พยัคฆ์ได้แต่ดุนกระพุ้งแก้ม ทั้งที่สายตายังคงโลมเลียต้นขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นทรงสปอร์ตสีดำซึ่งเกาะสะโพกของนลินอย่างหมิ่นเหม่จนนึกอยากดึงออก แล้วลูบขาขาวและสะโพกนุ่มนิ่มที่เขาเคยสัมผัสและฝากรอยรักมาแล้ว

“นลินพักอยู่ที่นี่เลยเหรอพยนต์”

“ก็ใช่แหละ ทำไม? พยัคฆ์จะหลอกนลินไปที่เพ้นต์เฮ้าส์เหรอ”

“พยนต์เห็นพยัคฆ์เป็นคนยังไง พยัคฆ์ไม่เคยทำอะไรคนที่ไม่เต็มใจซะหน่อย”

“ก็ใช่ แต่พยัคฆ์ก็มีคนที่อยากขึ้นเตียงด้วยเยอะแยะ ก็ไปสนใจเขาเถอะ นลินเป็นเบต้าไม่สนใจพยัคฆ์หรอก”

“เบต้าเก๊น่ะสิ” พยัคฆ์เอ่ยเสียงเบา

“หือ? พยัคฆ์บ่นอะไรน่ะ”

“เปล่า ช่างเรื่องพี่เลี้ยงของน้องพูห์ก่อน พยนต์ว่างสักแป๊บไหม”

“พยัคฆ์จะปรึกษาเรื่องงานเหรอ” พยนต์เอ่ยถามพลางเก็บจานที่เช็ดแล้วใส่ตู้

“อือ เรื่องไตรมาสหน้าน่ะ”

“ได้สิ พยัคฆ์ไปรอที่ห้องทำงานพี่ตรีนะ เดี๋ยวพยนต์ตามไป ขอไปบอกนลินก่อน”

พยัคฆ์พยักหน้ารับ ทว่ากลับเดินตามพยนต์ที่เดินไปฝากลูกชายกับนลิน ซึ่งท่าทางเข้าขากันเป็นอย่างดีของนลินและภูวนัยทำให้พยัคฆ์จับจ้องอยู่ครู่ใหญ่

แม้พยัคฆ์ไม่เคยมีความคิดสร้างครอบครัวมาก่อน แต่เมื่อเห็นนลินอยู่กับเด็กแบบนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากนลินเป็นแม่ของลูกเขา มันคงดูอบอุ่นไม่ใช่น้อย

พยัคฆ์ชะงักเล็กน้อย รีบถอนสายตาจากนลินทันที ได้แต่ตำหนิตัวเองว่าคิดบ้าอะไร คนอย่างพยัคฆ์ที่อายุเพียงยี่สิบแปดปีจะรีบมีครอบครัวไปไหน เขายังใช้ชีวิตหนุ่มโสดไม่คุ้มเสียหน่อย แค่โอเมก้ากลิ่นลาเวนเดอร์เพียงคนเดียว ไม่ได้มีอิทธิพลกับเขามากขนาดนั้นเสียหน่อย

นลินก็แค่...โอเมก้าที่เขายังอยากมีเซ็กซ์ด้วย

ก็แค่...พี่เลี้ยงของน้องพูห์เท่านั้นแหละ!

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status