สองสามีภรรยาวัยแปดสิบชะเง้อรอคนที่ทุกคนเฝ้ารอ รอแล้วรอเล่าก็ยังมาไม่ถึงเสียทีจนนึกหงุดหงิดเป็นเหตุให้ลูกชายและหลานชายที่เฝ้ารอผู้มาถึงต้องคอยปรามให้ใจเย็น
“คุณพ่อคุณแม่ใจเย็นหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวหลานก็มาแล้ว”
“ไหนบอกว่าเครื่องแลนด์ดิ้งตั้งแต่สายไง นี่จะเที่ยงแล้วยังไม่เห็นหน้าเลย ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม แม่บอกแล้วว่าให้ไปรับหลานเอง ให้มาเองแบบนี้จะมาถูกไหม หลานไม่อยู่เมืองไทยมายี่สิบปีแล้วนะตาไตร”
“คุณย่าก็ใจเย็นหน่อยสิครับ คุณอาเองก็บอกแล้วว่าน้องนลินไม่ได้มาคนเดียว ถ้าเราไปรับเกิดมีใครสงสัย น้องนลินคงเป็นอันตราย ที่น้องกลับมาเมืองไทยก็เพราะคิดทำเรื่องอันตราย คุณย่าคงไม่อยากให้น้องมีอันตรายใช่ไหมครับ”
“ใจเย็นก่อนนะคุณ” ป้องเกียรติเตือนภรรยาพลางกุมมือ
เสียงรถยนต์และเสียงฝีเท้าของแม่บ้านทำให้ผู้ใหญ่ทั้งห้าคนยิ้มกว้างทันที ด้วยวันนี้บ้านกิตติวรกานต์ไม่ต้อนรับแขกคนไหนทั้งนั้น นั่นทำให้พวกเขารู้ได้ทันทีว่าคนที่มาเยือนจะต้องเป็นคนที่พวกเขาเฝ้ารออย่างแน่นอน
“คุณหนูนลินมาแล้วค่ะคุณท่าน” เสียงตื่นเต้นของแม่บ้านวัยเกือบเจ็ดสิบทำให้ทุกคนตื่นเต้น
ร่างบอบบางร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรที่สวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์สีชมพูและกางเกงยีนส์สีขาว ผมสีดำชาร์โคลช่วยขับใบหน้าขาวโดดเด่นให้ยิ่งน่ามอง เรียวขายาวที่สวมรองเท้าผ้าใบรีบถอดรองเท้าแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาทุกคนทันที
สองสามีภรรยาที่ได้เห็นหน้าหลานชายยิ้มกว้างทันที ทั้งสองเดินมาหาหลานชายพลางสวมกอดอย่างแสนคิดถึง เป็นเหตุให้หลานชายคนโตที่นั่งเคียงภรรยาอดแซวไม่ได้
“เพิ่งไปหากันเมื่อปลายปีที่แล้วเองนะครับ ทำเหมือนไม่เจอกันยี่สิบปีเลยนะ”
“พูดมากน่ะพี่ตรี ขัดบรรยากาศคนอื่นเขาหมด” พยนต์ตำหนิสามีอย่างไม่จริงจังนัก
“สวัสดีครับคุณตาคุณยาย ลุงไตร” นลินรีบยกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่ ก่อนจะหันไปหาญาติผู้พี่ “สวัสดีครับพี่ตรี พี่พยนต์”
“มาๆ มานั่งกับตากับยายก่อนนะลูก เป็นไงบ้างเดินทางมาเหนื่อยไหม แล้วไหนบอกว่ามากับลูกน้องแด๊ดเราไง” สุกฤตาถามหลานชายพลางขยับให้นั่งตรงกลางบนโซฟาตัวยาว
“ครับ เบนนี่กับพาร์ดี้มาส่งนลินแล้วกลับไปที่โรงแรมครับ”
“ทำไมไม่ให้พักกับเราที่นี่ล่ะ ห้องหับเยอะแยะ ไม่เห็นจำเป็นต้องพักที่โรงแรมเลย ลุงให้เด็กเตรียมห้องไว้ให้แล้วนะ”
“นลินไม่อยากให้ผิดสังเกตครับ อีกอย่าง...อยู่ข้างนอกน่าจะสืบเรื่องง่ายกว่า”
“นลินแน่ใจแล้วเหรอ มันอันตรายมากนะ”
“ครับพี่ตรี นลินแน่ใจ ยังไงนลินก็รบกวนทุกคนด้วยนะครับ”
“พูดอะไรแบบนั้น นลินเป็นหลานของตานะ ตาไม่ยอมให้คนบ้านนั้นมาทำอะไรนลินอีกเด็ดขาด”
“ใช่ ลุงก็ไม่ยอม”
“ไม่เอาแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว นลินขอกอดคุณตาคุณยายหน่อยนะครับ”
ป้องเกียรติและสุกฤตาลูบศีรษะคนขี้อ้อนด้วยรอยยิ้ม ยิ่งเห็นใบหน้าของนลินก็ยิ่งให้นึกถึงบุตรชายคนเล็กที่ต้องไปไกลจากบ้านเพียงเพราะคนบ้านจิรพงศ์ธาดาแท้ๆ หากไม่เพราะคนบ้านนั้น...พวกเขาก็คงไม่ต้องอยู่ห่างจากลูกหลานขนาดนี้
“แล้วตฤนเป็นยังไงบ้าง” ไตรทศเอ่ยถามถึงน้องชายด้วยความเป็นห่วง
ตฤนคือชื่อเดิมของนวมิณทร์...มารดาผู้ให้กำเนิดของนลินที่ต้องปิดบังตัวตนเดิม และพานลินหนีไปจากเมืองไทยเมื่อยี่สิบปีก่อน และทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะตระกูลจิรพงศ์ธาดา
“คุณแม่สบายดีครับ แด๊ดหวงคุณแม่จะตายไป คุณลุงก็เคยเห็นนี่ครับว่าแด๊ดน่ะประคบประหงมคุณแม่จะตายไป”
“ประคบประหงมนลินด้วย ไม่งั้นนลินจะกลายเป็นคุณหนูของแม็คมารีนาซเหรอ”
นลินยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำพูดของไตรทศ ก่อนจะชะเง้อหาเด็กน้อยที่เขาอยากเจอมานาน นั่นทำให้ตรีวิทย์ที่สังเกตอยู่ก่อนแล้วเอ่ยถามอย่างรู้ใจ
“มองหาลูกพี่อยู่หรือไง”
“ใช่ครับ เห็นแต่รูปกับตอนที่วิดีโอคอลคุยกัน ไม่ได้เจอตัวเป็นๆ เลย พี่ตรีกับพี่พยนต์ก็ไม่ยอมบินไปหากันเลยตั้งแต่พี่พยนต์คลอดน้องพูห์”
“จริงๆ พี่กับพยนต์ก็วางแผนว่าจะพาไปปลายปีนี้นี่แหละ ก่อนนี้พี่กับพยนต์ยังเป็นห่วงว่าเดินทางไกลๆ ลูกจะงอแงไง”
“จริงสิ น้องนลินมาช่วยพี่ดูแลน้องพูห์ดีไหม ยังไงก็คงใช้เวลาจัดการเรื่องยุ่งๆ อยู่ที่นี่นาน ระหว่างนี้ก็ช่วยพี่ดูแลน้องพูห์ฆ่าเวลาดีไหม” พยนต์เสนอทันที
นลินสบดวงตาสีดำคู่สวยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคุ้นเคยดวงตาคู่นี้อย่างประหลาด ดวงตาสีดำลึกหางตาตกเล็กน้อยกอปรกับผิวสองสีและเส้นผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตก็ยิ่งคุ้นอย่างประหลาด ทว่าเขาเคยเจอพยนต์มาหลายครั้งแล้ว เขาอาจจะคิดมากเกินไปก็เป็นได้
“ตกลงครับ นลินยินดีช่วยพี่พยนต์เลย”
“นลินหิวไหม ยังไงก็กินมื้อเที่ยงกันก่อนแล้วค่อยพักผ่อน ลุงให้คนเอากระเป๋าไปไว้ที่ห้องของนลินแล้วล่ะ”
“ได้ครับคุณลุง”
“งั้นเดี๋ยวพยนต์ไปอุ้มตาพูห์มาก่อนนะ”
“ขอนลินไปด้วยได้ไหมครับ อยากเห็นหน้าหลานแล้วอะ” นลินเอ่ยถามพยนต์ก่อนจะสบตาคุณตาคุณยาย
“ไปกับพยนต์เถอะไป”
สิ้นเสียงอนุญาตของสุกฤตา นลินก็หอมแก้มคุณยายฟอดใหญ่ แล้วผุดลุกเดินตามพยนต์ไปทันที ทิ้งให้คนที่เหลือมองตามโอเมก้าหนุ่มทั้งสองเดินคุยกันผ่านเฉลียงข้างบ้านซึ่งต่อไปยังบ้านอีกหลังที่อยู่บนที่ดินเดียวกัน
“นลินจะสู้กับคนบ้านโน้นไหวเหรอครับพ่อ” ตรีวิทย์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“พ่อคุยกับอาเราแล้ว ตฤนบอกว่านลินไม่ได้บอบบางอย่างที่เห็นภายนอก”
“แต่น้องเป็นโอเมก้านะครับพ่อ ต่อให้ต่อสู้เก่งยังไง ด้วยศักยภาพทางร่างกายก็เอาชนะพวกอัลฟ่าไม่ได้อยู่ดี”
“เพราะแบบนั้นเทรนต์ก็เลยให้นลินฝังยาต้านฮีทและระงับฟีโรโมนไง”
“แต่มันก็มีขีดจำกัดนะครับพ่อ ถ้านลินถูกวางยากระตุ้นอีก ก็คงถูกรังแกเอาง่ายๆ นลินยังไม่มีอัลฟ่าของตัวเองจะต้องอันตรายมากแน่ๆ”
“แล้วตรีจะให้น้องเจออันตรายแบบนั้นเหรอ”
ตรีวิทย์ส่ายศีรษะทันที เขาจะไม่ยอมให้ใครได้แตะต้องน้องชายของเขาเด็ดขาด แม้นลินจะไม่ได้เป็นน้องชายแท้ๆ เป็นเพียงน้องชายลูกพี่ลูกน้อง แต่เขาก็รักนลินเหมือนน้องชายที่คลานตามกันมา และเขาจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายน้องชายของเขาแน่นอน
“พวกเราจะปกป้องนลินเหมือนที่ปกป้องตฤน และหากครั้งนี้พวกจิรพงศ์ธาดาคิดมาแตะต้องนลินเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน ตาแก่อย่างปู่จะไม่ยอมเด็ดขาด” ป้องเกียรติประกาศเสียงกร้าว
“แต่ที่ตรีไม่เข้าใจเลยก็คือทำไมพวกเขาถึงได้ตามทำร้ายนลินตอนนี้ นี่มันผ่านมายี่สิบปีแล้ว พวกเขาไปได้ยินอะไรมากันแน่”
“พ่อได้ยินข่าวลือว่าลาภิณป่วยหนักแล้วให้นักสืบตามสืบเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน คงไปได้กลิ่นอะไรมาจึงคิดว่าการตายของตฤนและนลินเป็นการจัดฉาก”
“ถ้าคุณอาลาภิณป่วยหนักก็ไม่น่าจะอยากทำร้ายน้องนลิน แต่น่าจะตามหาเพื่อพูดคุยมากกว่า”
“หึ! คนเลวอย่างไอ้ลาภิณที่คิดฆ่าลูกฆ่าเมียเพื่อจะได้เป็นซีอีโอธาดากรุ๊ป เพื่อจะได้เอาใจพ่อมันจนไม่สนใจความรักที่ตฤนมีให้มัน คิดเหรอว่ามันจะมาตามหานลินกับตฤนตอนนี้ มันคงกลัวนลินจะกลับมาฮุบสมบัติลูกชายมันล่ะสิ เสียแรงที่พ่อเชื่อคำพูดมัน ฝากชีวิตตฤนไว้กับมัน ถ้าไม่เพราะตฤนและนลินไม่ถึงที่ตายแล้วมีคนไปได้ยินแผนสกปรกของมัน ป่านนี้ทั้งตฤนทั้งนลินคงตายหมดแล้ว” ไตรทศเอ่ยอย่างนึกโมโห
“พ่อใจเย็นก่อนสิครับ เรายังไม่รู้ความจริงทั้งหมดก็ไม่ควรโยนความผิดไปให้คุณอาลาภิณนะครับ”
“แกจะไปรู้อะไรล่ะตรี ตอนนั้นแกเองก็ยังเด็ก แกไม่ได้ยิน ไม่รู้ไม่เห็นเหมือนพ่อ เหมือนปู่กับย่าแก ถ้าตอนนั้นไม่เพราะแม่บ้านเราแวะไปหาตฤนก็คงไม่ได้ยินแผนการชั่วๆ นั่นแล้ว ดีแล้วล่ะที่ตอนนี้นลินเป็นคุณหนูของแม็กมารีนาซ ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเทรนต์ แต่เทรนต์ก็ดูแลนลินมาอย่างดี ทั้งยังรักษาคำพูดที่ให้กับเราว่าจะปกป้องนลินและตฤน”
“แถมอาเทรนต์ก็ไม่คิดมีลูกของตัวเองด้วย”
“เทรนต์เคยพูดกับพ่อว่าไม่อยากให้นลินน้อยใจ เขาอยากเป็นพ่อของนลิน และกว่านลินจะเรียกว่าแด๊ดก็เพิ่งเรียกมาไม่กี่ปีนี่เอง นั่นเท่ากับว่านลินยังแคร์พ่อผู้ให้กำเนิด”
“นลินยังเก็บจี้ประจำตระกูลจิรพงศ์ธาดาไว้อยู่นี่ครับ จี้ที่คุณอาลาภิณให้ไว้ตอนเกิด”
ชายหญิงสูงวัยที่ฟังอยู่นานกำมือแน่น ป้องเกียรติขบกรามแน่นเมื่อย้อนนึกถึงอดีตเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน...วันที่นลินลืมตาดูโลก พวกเขาจำได้ดีว่าลาภิณดีใจแค่ไหนที่ตฤนหรือนวมิณทร์ให้กำเนิดนลิน และมอบสร้อยประจำตระกูลให้
ทว่า...ผ่านไปเพียงสี่ปี ลาภิณกลับใจดำ วางแผนคิดฆ่าลูกและเมียของตัวเอง เพื่อจะได้แต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่บิดาเลือกมาให้แต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะอยากนั่งแท่นซีอีโอจึงยอมแม้กระทั่งวางแผนให้คนตัดสายเบรกรถยนต์ และเพราะเหตุนี้ตระกูลกิตติวรกานต์จึงตัดขาดกับตระกูลจิรพงศ์ธาดามานับแต่นั้น
“คุณทวด!” เสียงเล็กๆ ของเด็กชายภูวนัยดังขัดบทสนทนาดุเดือดของทั้งสี่คน
ทั้งสี่จึงหันมาส่งยิ้มให้ภูวนัยที่วิ่งนำหน้าโอเมก้าหนุ่มทั้งสอง แล้วสบตากันเป็นสัญญาณว่าไม่ให้ปริปากเรื่องในอดีต เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้นลินต้องเสียใจ
“มาแล้วเหรอน้องพูห์ มาๆ มาให้คุณทวดอุ้มหน่อย” สุกฤตาเอ่ยพลางอุ้มอีกฝ่ายให้มานั่งด้วยกันบนโซฟา
ชายหนุ่มเจ้าของผมสีช็อกโกแลตยาวถึงกลางหลังคลี่ยิ้มเมื่อเห็นลูกชายออดอ้อนคุณทวดทั้งสองอย่างที่ชอบทำ ก่อนจะหันมายิ้มกับนลินที่กอดแขนของเขาไว้
“น้องนลินชอบเล่นกับเด็ก ทำไมไม่คิดจะแต่งงานมีลูกของตัวเองบ้างล่ะ”
“ยังไม่เจอคนที่ทำให้อยากแต่งงานด้วยมั้งครับ”
“แล้วนลินชอบคนแบบไหนล่ะ พี่มีน้องชายนะ ยังโสดด้วย”
“นลินชอบคนที่ไม่บังคับนลินครับ ถ้าอยากเป็นสามีของนลินก็ต้องเป็นเด็กดีของนลินคนเดียว ห้ามนอกใจ ห้ามมีคนอื่น และต้องฟังคำสั่งของนลิน”
“นลินเป็นช้างเท้าหน้าสินะ” พยนต์แซว
“เท้าหลังสิครับ ช้างขยับเท้าหลังก่อนเท้าหน้า ถ้านลินเลือกใครมาเป็นสามี คนคนนั้นจะได้รับการให้เกียรติจากนลิน นลินจะสนับสนุนเขาด้วยทุกอย่างที่นลินมี และตระกูลแม็กมารีนาซจะสนับสนุนเขาด้วยเช่นกัน เพราะงั้นเขาจะต้องมีความเป็นผู้นำพอที่จะดูแลทุกอย่างที่นลินมี และในขณะเดียวกันเขาก็ต้องเป็นเด็กดีของนลิน จะต้องอยู่ในโอวาทของนลิน จะต้องไม่ขัดใจนลิน โดยเฉพาะเรื่องในบ้านและเรื่องบนเตียง”
“ความคิดสมกับเป็นคุณหนูแห่งแม็กมารีนาซเหลือเกินนะครับ” ตรีวิทย์แซวน้องชายทันที
“หรือพี่ตรีคิดว่านลินไม่ควรเลือกคนแบบนั้น”
“งั้นพี่ถามกลับว่าทำไมนลินถึงเลือกคนแบบนั้น”
“แด๊ดสร้างแม็กมารีนาซด้วยมือของแด๊ดเอง และแด๊ดจะยกมันให้นลินเพียงคนเดียว ถ้านลินต้องแต่งงานกับใคร คนคนนั้นจะต้องช่วยนลินดูแลแม็กมารีนาซด้วย เพราะงั้นถ้าทำงานไม่เป็นนลินจะเอามาเป็นสามีทำไมให้เป็นภาระ และนลินก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายแม็กมารีนาซหรอกนะครับ ถึงแด๊ดจะไม่ใช่พ่อของนลิน แต่ก็รักนลินเหมือนลูกตัวเองจริงๆ นลินจะไม่ทำให้แด๊ดผิดหวังเด็ดขาด”
“ถ้าพยนต์จะจับคู่นลินกับพยัคฆ์คงจะยากหน่อยนะ” ตรีวิทย์แซวภรรยาทันที
“แต่ถึงจะทำงานเป็น มีความเป็นผู้นำยังไง ถ้าหน้าตาไม่หล่อ กลิ่นฟีโรโมนไม่ถูกใจนลิน นลินก็ไม่เอาอยู่ดีครับ”
“คุณหนูแม็กมารีนาซมีสิทธิ์เลือกสินะ”
“ก็นลินมีสิทธิ์เลือกจริงๆ นี่ครับพี่ตรี พี่พยนต์ก็ยังมีสิทธิ์เลือกเลย”
“พี่ไม่ได้เลือกพี่ตรีนะนลิน พี่ถูกพี่ตรีหลอกต่างหาก”
“แน่ใจนะว่าพี่หลอก ไม่ใช่พยนต์ยินดีให้พี่หลอกมาเหรอ”
นลินหัวเราะคิกก่อนจะหันไปทางแม่บ้านที่เดินมาบอกว่าตั้งโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงกวักมือเรียกหลานชายตัวป้อมที่วิ่งมาจับมือนลินแล้วเดินไปทางห้องอาหารตามหลังสองสามีภรรยาผู้เป็นประมุขของบ้านกิตติวรกานต์ ซึ่งคนที่รั้งท้ายคือตรีวิทย์และพยนต์
“พยนต์คิดจะจับคู่นลินกับพยัคฆ์จริงเหรอ”
“ถ้าฟังจากสเปกน้องนลินแล้วก็คงยากล่ะครับ”
“ทำไมล่ะ”
“พยัคฆ์ไม่มีวันเป็นเด็กดีได้หรอกพี่ตรี รายนั้นน่ะเป็นเด็กผีไม่ใช่เด็กดี”
“ถ้าเขาเป็นคู่กันก็ถูกดึงดูดหากันอยู่ดีนั่นแหละ”
“แต่คนอย่างพยัคฆ์ที่คิดแค้น คิดทำลายทุกคน แล้วยังเจ้าเล่ห์แบบนั้น คงจะไม่ยอมเป็นเด็กดีง่ายๆ หรอกครับพี่ตรี”
“ที่เจ้าเล่ห์ก็เพราะถูกกระทำก่อน ใครร้ายมาเขาก็ร้ายกลับ ก็สมกับที่เป็นซีอีโอของสตาร์ไลท์นั่นแหละ แล้วน้องนลินก็เป็นคนสวย บางทีพยัคฆ์อาจจะยอมเป็นเด็กดีเพื่อพิชิตใจคนสวยอย่างนลินก็ได้นะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงน้องนลินน่าจะเหนื่อยนะครับ คงปรามพยัคฆ์ไม่ไหวหรอก”
“อย่าดูถูกนลินนะพยนต์ เห็นสวยๆ น่ารักๆ แบบนั้นน่ะไม่ธรรมดาหรอกนะ ไม่งั้นจะถูกเรียกว่าคุณหนูแห่งแม็กมารีนาซเหรอ ที่ถูกเรียกแบบนั้นไม่ได้มาเล่นๆ หรอกนะ อย่าคิดว่าฉายาคุณหนูแม็กมารีนาซจะเป็นแค่ราคาคุยไปล่ะ”
พยนต์เลิกคิ้วประหลาดใจ ก่อนจะยอมเดินตามสามีที่จับจูงให้รีบเดินไปยังโต๊ะกินข้าวที่ทุกคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว และเมื่อสมาชิกมาครบคน มื้อเที่ยงแห่งบ้านกิตติวรกานต์ก็เริ่มต้นขึ้นทันที
“ช่วยส่งเอกสารนี่ไปให้ฝ่ายการตลาด บอกพวกเขาด้วยว่าให้เตรียมแผนโปรโมตไตรมาสหน้า สัปดาห์หน้าประชุมนำเสนอผมด้วย”“ครับคุณพยัคฆ์”“เดี๋ยวคุณวิทวัสช่วยเรียกอลันมาให้ผมด้วยนะ”“ได้ครับ”คล้อยหลังหัวหน้าเลขานุการ ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปก็เอนกายกับพนักพิง ก่อนจะหมุนเก้าอี้ออกไปมองนอกอาคารซึ่งเป็นผนังกระจก จนมองออกไปเห็นห้างสรรพสินค้าสตาร์ไลท์ที่ชื่อห้างฯ เด่นเป็นสง่าแม้จะเห็นตึกเพียงลิบๆเขานั่งตำแหน่งซีอีโอเป็นเดือนที่สามแล้ว และช่วงที่เขานั่งตำแหน่งนี้ผลประกอบการก็เติบโตขึ้นจากเดิมเกือบสี่เท่า แม้คนอื่นจะมองว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สำหรับพยัคฆ์แล้วยังไม่พอใจนัก“หงุดหงิดอะไรวะพยัคฆ์ ตั้งแต่กลับจากล่องเรือเมื่อเดือนที่แล้วก็ดูขัดหูขัดตาไปหมดเลยนะ” นับสิบที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวเอ่ยถามทันทีพยัคฆ์หมุนเก้าอี้กลับมาจ้องหน้าเพื่อนรักที่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ด พลางถลึงตามองอย่างนึกขวางหูขวางตา จริงอย่างที่นับสิบพูดนั่นแหละ เขาได้รับของขวัญจากคุณปู่ด้วยทริปล่องเรือสำราญที่ซีแอตเทิล ซึ่งเป็นทริปที่เขาอยากไปมากจนน่าประหลาด ทว่าเมื่อสิ้นสุดทริปเขากลับหงุดหงิดไม่ใช่เขาไม่รู้เหตุผล แต่เขาไม่รู้วิธีแก
นลินเหลือบมองร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่มายืนซ้อนด้านหลัง เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงตั้งใจแน่ๆ ชายหนุ่มจึงรีบเช็ดมือกับผ้าขนหนู แล้วหมุนกายมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย“พี่พยัคฆ์มีธุระอะไรจะพูดกับนลินรึเปล่าครับ”“พี่ไม่ใช่เซ็กซ์ทอยของนลินนะครับ คิดจะใช้พี่แก้อาการฮีทแล้วก็ทิ้งกันแบบนั้น นลินไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”“เซ็กซ์ทอยอะไร นลินไม่เคยรู้จักพี่พยัคฆ์มาก่อน” นลินตอบหน้าตายพลางกอดอก“หือ? จะบอกว่าคนที่ลากพี่เข้าห้องแล้วขึ้นขย่มคนนั้นไม่ใช่นลินเหรอ”“พี่พยัคฆ์จำสลับกับใครรึเปล่าครับ นลินเพิ่งเจอพี่พยัคฆ์นี่ล่ะครับ”“ถ้ายืนยันขนาดนี้พี่ก็คงต้องพิสูจน์หน่อยแล้วล่ะ”นลินเลิกคิ้วพลางเอียงคอสงสัย ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นดอกพีโอนีหรือดอกโบตั๋นจากพยัคฆ์ อยากจะต่อยคนตรงหน้าให้ล้มกองตรงนี้เสียจริงๆ กล้าดีอย่างไรมาปล่อยฟีโรโมนในบ้านที่มีแต่โอเมก้าแม้นลินจะชอบกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์แค่ไหน และอยากสูดดมมันมากเพียงใด แต่เขาก็จะอดทนไม่แสดงออกว่าได้กลิ่นมัน เขาต้องเป็นเบต้าที่ไม่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนนี่พยัคฆ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังยืนกอดอกนิ่ง เขาใช้ฟีโรโมนอัลฟ่าข่มขนาดนี้แล้ว แต่นลินกลับไม่แ
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่ายังไม่ได้ข่าว”“ทั้งสามคนเงียบหายไปเป็นเดือนแล้วครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนอยู่ที่โน่นรึเปล่าครับ คุณผู้หญิงจะให้พวกเราทำยังไงครับ”มือขาวกำแน่นจนขึ้นข้อขาว ไม่คิดสักนิดว่าตัวเองที่นำหน้าสามี ตามหาคนที่หายไปร่วมยี่สิบปีเจอจะต้องคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง นางได้ข่าวจากคนรู้จักว่าเคยเห็นอดีตภรรยาของสามีอยู่ในเมืองซีแอตเทิล ก็รีบส่งลูกน้องของบิดาให้ไปจับตัวผู้ชายที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายของสามีแต่แล้วข่าวคราวกลับเงียบหายไป“เช็กเรื่องการเดินทางมันหรือยัง”“ผมเช็กไปที่โรงแรม เขาว่ามีคนมาเช็กเอ้าท์ออกไปแล้ว แล้วก็มีการยกเลิกการจองเที่ยวบิน เงียบหายไปแบบนี้...ผมว่าอาจถูกเก็บไปแล้วก็ได้ครับ”“แค่เด็กผู้ชายคนเดียวมันจะทำอะไรได้”“ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้พวกนั้นตามสืบ คนที่ดูแลผู้ชายคนนั้นก็ระดับบิ๊กของซีแอตเทิล เป็นผู้มีอิทธิพลคนนึงเลยนะครับ และคงใหญ่กว่าจิรพงศ์ธาดาเสียอีกครับ”“ไร้สาระ! ถึงจะมีคนดูแลยังไงก็ทำตามอำเภอใจไม่ได้หรอกนะ กฎหมายที่นั่นจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง”“คงไม่ต่างกับที่นี่หรอกครับ ถ้าไม่มีใครรู้ใครเห็น และมีเงินมากพอ ก็ไม่มีหลักฐานโยงถึงผู้กระทำผิดจริงๆ”หญิงวัยสี่
ภาพข่าวขาวดำที่ถูกเก็บไว้อย่างดีในกล่องเหล็กถูกเปิดออกดูซ้ำมาหลายครั้งหลายหนร่วมยี่สิบปี ชายวัยห้าสิบต้นๆ ยังคงหยิบจับลูบไล้มันซ้ำๆ ก่อนจะดูภาพครอบครัวสีซีดของตัวเองที่ถ่ายเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน และนี่คงเป็นภาพสุดท้ายที่เขาได้ถ่ายร่วมกับภรรยาและลูกชายเสียงเคาะประตูทำให้เขาชะงัก มือที่กำลังเก็บความทรงจำทุกอย่างใส่กล่องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก นั่นทำให้เขารู้ว่าคนที่เคาะประตูคือคนสนิท จึงส่งเสียงอนุญาต“ได้เรื่องบ้างไหมพระลพ”คนที่ถูกเรียกว่าพระลพมองกล่องเหล็กแกะสลักลายซึ่งดูเก่ามากแล้ว ทว่าเจ้าของกลับยังคงรักษาทุกอย่างไว้อย่างดีก็ให้นึกสงสารชายตรงหน้าที่ใบหน้าดูอายุร่วงโรยมากกว่าวัยที่แท้จริง“ได้มาไม่มากเท่าไหร่ครับ หลังการจัดฉากอุบัติเหตุและเพลิงไหม้ครั้งนั้น ทั้งสองหนีไปอยู่อเมริกาและมีเศรษฐีในซีแอตเทิลคอยดูแล”“เจาะจงกว่านั้นได้ไหม คนที่พวกเขาไปอยู่ด้วยเป็นใคร แล้วพวกเขาเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีไหม”“ยังสืบเรื่องนั้นไม่ได้ครับ เพราะคุณตฤนปิดบังตัวตนเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย แถมยังต
รถคูเป้สองประตูสีดำสัญชาติยุโรปเลี้ยวผ่านบ้านหลังใหญ่มาจอดหน้าบ้านของตรีวิทย์และพยนต์ นั่นทำให้เจ้าของบ้านที่วันนี้ไม่ไปทำงานต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ จริงอยู่ที่เป็นเรื่องปกติที่พยัคฆ์จะแวะมาหาพยนต์และภูวนัย ทว่าช่วงนี้จะแวะมาบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ“ใครมาเหรอครับพี่ตรี”“พยัคฆ์น่ะสิ ช่วงนี้มาเกือบทุกวันเลยนะ ที่บ้านมีอะไรรึเปล่า”“ไม่มีหรอกครับ พยัคฆ์ไม่ได้มาหาพยนต์ด้วย”“หือ? ไม่ได้มาหาพยนต์แล้วมาหาใคร” ตรีวิทย์เอ่ยถามภรรยาด้วยความฉงนใจ“พี่ตรีลองสังเกตดูละกันนะครับว่าพยัคฆ์มาหาใคร”ตรีวิทย์เลิกคิ้วมองคนที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดจนเห็นแผ่นอกอย่างเซ็กซี่ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปก็ให้นึกสงสัยว่าแต่งตัวล่อเหยื่อขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ไปเที่ยวกับเหล่าโอเมก้าของเจ้าตัว กลับเลือกมาบ้านของเขาในวันหยุดเช่นนี้หรือว่า...ตรีวิทย์หันกลับไปมองในห้องนั่งเล่นที่มีอาหลานกำลังต่อรางรถไฟเหาะตีลังกาซึ่งนลินหอบหิ้วมาจากอเมริกา นั่นทำให้เขาสบตาภรรยาราวกับจะถาม“พี่เข้าใจถูกใช่ไหมพยนต์”“ครับ แต่นลินดูไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่”“พี่เคยได้ยินอาเทรนต์กับอาตฤนเล่าว่าตอนอยู่โน่นนล
“จริงเหรอครับคุณลุง พวกเราเข้าใจคุณพ่อผิดมาตลอดจริงๆ สินะครับ”“ใช่ เป็นอย่างที่นลินบอกลุงเลย แต่...มีเรื่องสำคัญที่ลุงต้องบอกนลิน”“ครับ มีอะไรเหรอครับ”“พ่อของนลินไม่ได้เพิ่งตามหานลินหรอกนะ เขาตามหามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปู่ของนลินตาย พ่อของนลินก็เริ่มส่งคนให้ออกตามหาโดยไม่ให้พราวรุ้งรู้ แต่ที่เขาเร่งหาตอนนี้เพราะเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”“ครับ? คุณพ่อเป็นอะไรครับ”“มะเร็งกระดูกน่ะ ลุงใช้เส้นสายไปลองสืบที่โรงพยาบาลที่ลาภิณรักษาตัว เขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระดูกมาตั้งแต่สองปีก่อน แล้วก็รักษามาโดยตลอด แต่เมื่อเดือนก่อนพบว่ามันลุกลาม ลาภิณจึงตัดสินใจร่วมกับหมอว่าจะหยุดการรักษา และเขาตั้งใจใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้เพื่อตามหาตฤนกับนลิน”นลินขบกรามแน่นกลั้นความรู้สึกวูบโหวง ทั้งที่ความทรงจำวัยเยาว์ที่มีบิดานั้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แต่เขากลับรู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจที่บิดาเหลือเวลาน้อยนิดเสียเหลือเกิน เขาข่มอารมณ์ที่ไม่ปกติของตัวเองไว้“คุณพ่อเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ครับ”“เร็วสุดคือหกเดือน ช้าสุดคือหนึ่งปี”“น้อยเหลือเกิน”“นลินจะไปเจอพ่อเขาไหม”“ครับ แต่ถ้านลินไปเจอคุณพ่อ คนที่ส่งคนไปทำร้ายนลินก็ต้องร
“ปล่อย! ลากมาทำอะไรของคุณเนี่ย”พยัคฆ์ขบกรามแน่นนึกโมโหนลินจนแทบคลั่งที่อีกฝ่ายมายืนกอดกับตรีวิทย์ ก็ไหนว่าเป็นเบต้า ไม่สนใจอัลฟ่าอย่างไรเล่า ที่แท้ก็แอบมาเป็นชู้กับพี่เขยของเขานี่เอง ทำเป็นรังเกียจเขา ทว่าความจริงคือตั้งใจจะจับตรีวิทย์ชัดๆปึก!ใบหน้าของนลินกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของคนที่ถูลู่ถูกังมาตลอดทาง ชายหนุ่มถูกกระแทกจนกระเด้งแล้วล้มลงกับพื้นนลินกัดริมฝีปากของตัวเองที่รู้สึกเจ็บ นี่มันวันบ้าอะไรของเขากันที่ต้องมาเจ็บทั้งตัวมาเจ็บทั้งใจ แค่เรื่องบิดาเขาก็เสียใจมากพอแล้ว ตั้งแต่จำความได้...นอกจากเสียใจเพราะคิดถึงบิดาครั้งที่ไปอยู่อเมริกาใหม่ๆ ก็ครั้งนี้นี่แหละที่เขาร้องไห้หนักขนาดนี้แล้วนี่อะไรกัน? เขายังต้องมาเจ็บตัวอีก“ไม่ต้องมาทำสำออย ลุกขึ้นมา!”นลินเงยหน้าขึ้นมองคนพาลอย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้สำออยเสียหน่อย แต่เขาเบื่อหน่ายจนไม่อยากลุกไปต่อล้อต่อเถียงด้วยต่างหากชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิก่อนจะปัดเศษต่างๆ ออกจากมือและแขนราวกับไม่สนใจท่าทางเกรี้ยวกราด ปกติเขาก็ไม่ชอบคนไร้เหตุผล ไม่ชอบคนใช้อารมณ์แบบนี้อยู่แล้ว และยิ่งไม่ชอบคนที่เอาความโกรธมาลงกับเขาเพราะฉะนั้น...พยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของเ
พยัคฆ์เดินไปเดินมาพลางชะเง้อดูแฝดผู้พี่ที่บอกว่าจะช่วยพูดกับนลินให้ ทว่าผ่านไปตั้งหลายนาทีแล้วกลับยังไม่เห็นวี่แววของทั้งคู่ เป็นเหตุให้ตรีวิทย์ที่กำลังเล่นต่อจิ๊กซอว์กับลูกชายลอบอมยิ้มขำ“คุณพ่อครับ ทำไมน้ายักษ์เดินไม่หยุด”“น้าพยัคฆ์รออานลินครับ”“รอทำไมครับ อานลินไปไหน อานลินทิ้งน้องพูห์เหรอ”“ไม่ใช่ครับ อานลินคุยอยู่กับคุณแม่ครับ”ภูวนัยเอียงคอก่อนจะผุดลุกเดินไปหาพยัคฆ์ แล้วจับมือใหญ่ของอีกฝ่าย เป็นเหตุให้พยัคฆ์ต้องหันมองหลานชายด้วยความฉงนใจ“น้องพูห์มีอะไรครับ”“ต่อจิ๊กซอว์กันครับ”“เดี๋ยวน้าไปต่อด้วยนะ น้าพยัคฆ์รออานลินของน้องพูห์อยู่”“น้ายักษ์เป็นเด็กไม่ดี ถ้าน้ายักษ์ดื้ออานลินจะไม่รักนะครับ”“หือ? น้องพูห์บอกว่าถ้าน้าพยัคฆ์ดื้อ อานลินจะไม่รักเหรอครับ”“ครับ อานลินบอกว่าอานลินรักน้องพูห์ น้องพูห์เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ”พยัคฆ์ขมวดคิ้วเข้มจนระหว่างคิ้วเป็นร่องลึก เขายอมเดินตามแรงน้อยๆ ของโอเมก้าวัยสามขวบไปนั่งบนพรมข้างพี่เขยที่ยังคงยิ้มกริ่ม“พี่ว่าพยัคฆ์คงไม่ได้แค่สนใจนลินแล้วล่ะ ถ้าชอบก็ลุยเลย ไม่งั้นนลินไปสนใจคนอื่นแน่”“พี่ตรีกับนลินไม่ได้...”“ไม่ใช่อย่างที่พยัคฆ์คิดหรอก พี่รู้