ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลแม็กมารีนาซ ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นรถคูเป้สองประตูของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน นั่นแสดงว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงบ้านแล้ว ชายวัยเกือบหกสิบเร่งสืบเท้าเข้าบ้านก่อนจะส่งกระเป๋าเอกสารให้แม่บ้าน
“นลินกลับมาแล้วเหรอ”
“ค่ะคุณท่าน คุณหนูกลับมาตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ แต่เก็บตัวอยู่ในห้องทำงานของคุณท่านไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลยค่ะ”
“หือ? ห้องทำงานฉันเหรอ? นลินก็มีห้องทำงานตัวเองนี่”
“ใช่ค่ะ เอ่อ...คุณเบนนี่บอกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นบนเรือเมื่อสัปดาห์ก่อน มีเรื่องอะไรร้ายแรงรึเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรมากหรอก เรื่องนั้นนลินโทร. มาบอกแล้ว แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียด” เทรนต์เอ่ยก่อนจะมองหาภรรยา “มินนี่อยู่ไหนครับ”
“เพิ่งออกจากห้องทำงานคุณท่านเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แต่หน้าตาไม่ค่อยดีเลยค่ะ ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกับคุณหนูรึเปล่า”
“ทะเลาะกัน? คู่นี้ทะเลาะกันแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ”
พูดจบเทรนต์ก็สาวเท้าไวๆ ก้าวขึ้นชั้นสองตรงไปยังห้องทำงานของตัวเอง แล้วเปิดประตูเข้าไปเห็นใบหน้าขาวกำลังขมวดมุ่นเคร่งเครียด ดวงตาคู่สวยจับจ้องหน้าจอแท็บเล็ตอย่างจดจ่อ
“นลิน”
“แด๊ด! กลับมาแล้วเหรอครับ”
“เพิ่งกลับนี่ล่ะ โรซี่บอกนลินกลับมาตั้งแต่เมื่อเที่ยง กินอะไรหรือยัง” เอ่ยถามพลางทรุดกายนั่งบนโซฟาตัวยาว
“ครับ นลินกินแล้ว เอ่อ...นลินมีเรื่องจะปรึกษาแด๊ดหน่อยน่ะครับ”
“ใช่เรื่องที่ทะเลากับมินนี่หรือเปล่า”
“ไม่ได้ทะเลาะครับ คุณแม่เป็นห่วงมากเกินไป”
“เรื่องอะไรที่ทำให้มินนี่ห่วงนลินขนาดนี้กันล่ะ? ใช่เรื่องจากเมืองไทยรึเปล่า”
“คุณแม่ก็ห่วงแค่เรื่องนั้นนี่ครับ”
“เพราะงั้น...นลินถึงต้องทำตัวเป็นเบต้าไงล่ะ”
“ก็ใช่ครับ แต่ไม่น่าจะทันแล้วล่ะครับแด๊ด”
เทรนต์หรี่ตามองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทันที แม้ไม่อยากจะยอมรับนัก แต่นลินนั้นฉลาดเกินวัย ทั้งยังอ่านคนออก และเป็นคนความจำดีเสียด้วยสิ
“ใช่เรื่องที่เกิดบนเรือไหม”
“ครับ ชาวเอเชีย...ไม่สิ! เจาะจงกว่านั้นก็คือคนไทย เขาแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวมาขึ้นเรือของเรา แล้วเขาก็แอบวางยานลิน แต่นลินจัดการแล้ว”
“ยังไง? บอกแด๊ดมาซิ”
นลินหรี่ตาก่อนจะกอดอก “แด๊ดไม่รู้น่าจะดีกว่านะครับ”
“แล้วตกลงจะเอายังไง”
“นลินอยากรู้ความจริง นลินจะบินไปเมืองไทย”
“มันอันตรายมากนะนลิน นลินก็รู้ว่าแม่ของนลินต้องลำบากแค่ไหนเพื่อจะพานลินหนีมานี่”
“เพราะรู้นี่แหละ นลินเลยต้องไป นลินจะต้องรู้ให้ได้ว่าคนที่ตามล่าคือพ่อผู้ให้กำเนิดจริงไหม”
“นลินไม่เชื่อที่มินนี่พูดเหรอ”
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องเชื่อไม่เชื่อ แต่นลินมีเซ้นส์ครับแด๊ด ขนาดแด๊ดที่ไม่ได้เป็นพ่อแท้ๆ ของนลิน ไม่เคยเห็นตอนนลินเกิดยังรักนลินขนาดนี้ แล้วพ่อจะฆ่านลินได้ลงจริงๆ เหรอ นลินจะต้องหาคำตอบให้ได้”
“แล้วนลินจะไปเมื่อไหร่”
“เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ แด๊ดช่วยนลินได้ไหม”
“ได้สิ แต่แน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะไป”
“ครับ” นลินรับคำอย่างหนักแน่น
“แด๊ดคงห้ามนลินไม่ได้ใช่ไหม” เทรนต์เอ่ยถามพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แด๊ดก็รู้จักนลินนี่ครับ ถ้ามันคาใจ...นลินคงไม่ชอบเท่าไหร่ อีกอย่าง...ถ้าพวกนั้นตามนลินได้ คุณแม่ก็คงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ นลินจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายแม่เด็ดขาด”
“งั้นแด๊ดจะเป็นคนติดต่อครอบครัวของมินนี่เอง”
“จะให้นลินไปอยู่กับคุณตาคุณยายเหรอครับ”
“ใช่สิ ที่นั่นนลินอยู่ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน และระหว่างอยู่เมืองไทยแด๊ดจะให้เบนนี่กับพาร์ดี้ไปคอยตามดูแลด้วย”
“แต่ว่า...”
“ถ้ามีข้อโต้แย้ง แด๊ดจะไม่ยอมให้ไป ต่อให้ต้องขังนลิน...แด๊ดก็จะทำ”
นลินสบตาบิดาผู้เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เจ็ดขวบ นัยน์ตาสีฟ้าเคร่งขรึมเอาจริงจนคนที่รู้จักอีกฝ่ายมาถึงสิบเจ็ดปีต้องยอมแพ้ แม้เทรนต์จะตามใจเขาแค่ไหน คอยสปอยล์เขาเพียงใด แต่ก็ยังทำหน้าที่บิดาคอยสั่งสอนเขาเป็นอย่างดีเสมอมา
นลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกมือยอมแพ้ “ก็ได้ครับ นลินยอมครับ”
“ก่อนไปก็ไปฝังยาฝังด้วยนะนลิน แด๊ดจะนัดหมอไว้ให้ น่าจะใกล้เวลาต้องไปฝังซ้ำแล้วด้วย”
“ขอบคุณนะครับแด๊ด”
“ไปอยู่เมืองไทยก็ระวังตัวด้วย อย่าได้เผลอไว้ใจอะไรใครง่ายๆ ระวังเรื่องฟีโรโมนด้วยนะ ถ้าคนพวกนั้นสงสัยก็คงต้องรู้ว่ากลิ่นฟีโรโมนของนลินเป็นยังไง”
“นลินรู้ครับแด๊ด ขอบคุณนะครับที่แด๊ดทำให้ทุกอย่างเลย”
“แน่นอนสิ จำไว้นะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นลินยังมีแด๊ดกับแม่ที่นี่ และแด๊ดก็รักนลินมากนะ”
“นลินก็รักแด๊ดครับ” นลินเอ่ยพลางผุดลุกมาโอบเอวของบิดาไว้ “แม้แด๊ดจะไม่ได้เป็นพ่อแท้ๆ แต่นลินก็รัก...รักเหมือนที่รักคุณแม่”
“นลินของแด๊ดเป็นเด็กดีจริงๆ เลยนะ เอาล่ะ! ถ้านลินตัดสินใจจะไปก็ไปพูดกับมินนี่ให้เข้าใจ อย่าทำให้มินนี่เป็นห่วงรู้ไหม แม่ของนลินรักนลินมากที่สุดในโลก สำหรับมินนี่แล้ว...นลินสำคัญที่สุด”
“นลินรู้ครับแด๊ด”
“แล้วถ้าเจอปัญหาอะไรที่เมืองไทย ก็รีบติดต่อแด๊ดทันทีนะรู้ไหม ต้องติดต่อแด๊ดบ่อยๆ ด้วยนะ”
“ครับแด๊ด นลินสัญญา”
“แด๊ดเชื่อที่นลินสัญญา เพราะนลินไม่เคยผิดสัญญาสักครั้ง”
นลินหอมแก้มบิดาทันที ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของบิดาไปยังห้องพักผ่อน ซึ่งเป็นห้องประจำของมารดา ขณะที่เทรนต์ตัดสินใจกดโทรศัพท์ติดต่อญาติของภรรยาในประเทศไทย
เสียงเคาะประตูและเสียงใสที่คุ้นเคยทำให้คนด้านในหันมองยังประตูห้อง ร่างบอบบางสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรซึ่งเป็นเจ้าของเรือนผมสีดำชาร์โคลตัดสไลด์ประบ่าที่ดัดปลายงุ้มเข้าหาต้นคอเดินเข้ามาแล้วทรุดกายนั่งกอดมารดาอย่างออดอ้อน
“แม่ครับ...นลินขอโทษนะครับ แต่นลินอยากไปเมืองไทยจริงๆ”
“นลินบอกแม่เองไม่ใช่เหรอว่าเขาจ้างคนมาวางยานลินจนฮีท แบบนั้น...เขาก็ต้องรู้แล้วว่าคือนลิน”
“และนั่นก็ทำให้คุณแม่ตกอยู่ในอันตรายไงครับ นลินต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”
“มันอันตรายนะนลิน”
มือเรียวขาวลูบเส้นผมสีดำชาร์โคลของลูกชาย ขณะสบดวงตาลักษณะเดียวกันบนดวงหน้าขาว นวมิณทร์จับปอยผมบุตรชายทัดกับใบหู แล้วจุมพิตหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง
“แต่ถ้านลินไม่จัดการ มันจะอันตรายกว่านี้นะครับ”
“แม่รู้ครับ” นวมิณทร์ตอบพลางลูบเส้นผมนุ่ม “แต่แม่เป็นห่วงนลินนะรู้ไหม”
“นลินรู้ว่าแม่เป็นห่วง แต่นลินไม่ได้ไปทำคนเดียว ไม่ได้ไปคนเดียวด้วยครับ”
“หือ? นลินไปกับใครน่ะลูก”
“เบนนี่กับพาร์ดี้ครับ แด๊ดไม่ยอมให้นลินไปคนเดียว แล้วก็ยังให้นลินไปอยู่กับคุณตาคุณยายด้วย”
“จริงเหรอ? เทรนต์ทำแบบนั้นเหรอ”
“ครับ ผมทำเพื่อนลินและมินนี่ไงครับ”
นลินยิ้มกว้างให้ชายผมบลอนด์ที่เดินเข้ามาในห้องพักผ่อน เทรนต์ทรุดกายนั่งข้างนวมิณทร์พลางจุมพิตขมับของภรรยาอย่างรักใคร่
“ผมขอบคุณนะครับเทรนต์ คุณทำเพื่อพวกเรามาตลอด”
“พูดแบบนี้อีกแล้วนะมินนี่ เราอยู่กันมาเกือบยี่สิบปี...ผมน่ะรักคุณมากกว่าที่คิดนะมินนี่ และเพราะผมรักคุณ ผมก็เลยรักนลินมากเหมือนกัน ผมอยากให้คุณสองคนปลอดภัยและมีความสุขที่สุด”
“เพราะงั้น...คุณแม่ต้องให้นลินไปจัดการทุกอย่างที่เมืองไทยนะครับ”
“ก็ได้ครับคุณลูก เพราะคุณแท้ๆ เลยเทรนต์ นลินถูกตามใจจนเอาแต่ใจแบบนี้ไงล่ะ”
“ก็นลินเป็นลูกของเรานี่ครับ ผมก็อยากให้นลินมีอิสระคิด มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำ และผมเชื่อว่าเราสองคนเลี้ยงนลินมาให้เป็นเด็กดี นลินก็เลยคิดถึงมินนี่ตอนที่รู้ว่าตกอยู่ในอันตราย”
“ผมเข้าใจแล้วครับเทรนต์ ยังไงก็ต้องระวังตัวนะนลิน ถ้าเกิดอะไรขึ้นรีบโทร. หาแด๊ดกับแม่นะ อยู่ที่นั่นก็อย่าดื้อกับคนที่บ้านกิตติวรกานต์นะ”
“สัญญาเลยครับ” นลินคลี่ยิ้มรับทันที
นวมิณทร์เอนกายพิงกับอกแกร่งของสามีขณะรั้งร่างของบุตรชายเข้าสู่อ้อมกอด พลางโอบกอดเอวเล็กของนลินที่กอดมารดาทั้งตัว แล้วถูใบหน้ากับอกแบนราบของโอเมก้าชายวัยเกือบห้าสิบ ใช้เวลาทั้งหมดตอนนี้ซึมซับความอบอุ่นจากคนที่นลินเรียกได้ว่าคนในครอบครัว
ดวงตาเรียวสีดำวาววับเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนเรือแม็กมารีนาซเมื่อสัปดาห์ก่อน นลินไม่รู้ว่าถูกวางยาตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ถูกอัลฟ่าชาวไทยกลุ่มหนึ่งไล่ตาม เขาวิ่งหนีเอาตัวรอดจนไปชนกับอัลฟ่าหน้าคมที่เพิ่งออกจากห้องพัก เขาจึงผลักอีกฝ่ายเข้าห้องแล้วใช้เป็นเครื่องมือลดอาการฮีท
แม้อยากจะนึกขอโทษผู้ชายคนนั้นที่เขาหนีมาเสียก่อนทั้งที่เขาเองก็ติดใจอีกฝ่ายไม่น้อย ทว่าเพราะเขาคือคุณหนูแห่งแม็กมารีนาซ เขาย่อมต้องจัดการคนที่กล้ามาหยามเขาถึงถิ่นเพื่อจัดการผู้ชายทั้งสามคนที่กล้าไล่ต้อนเขาด้วยมือของเขาเอง
และแน่นอนว่า...ทุกคนที่อยู่บนเรือของเขาไม่หลุดรอดสายตาของเขาอย่างแน่นอน
แม้นลินจะเป็นโอเมก้าในคราบเบต้าอย่างไรก็ยังคงเป็นโอเมก้าที่ไม่สามารถต้านยากระตุ้นฮีทได้ ทว่าการถูกวางยากระตุ้นก็เหมือนการหยามศักดิ์ศรีคุณหนูแห่งมารีนาซ และเขาไม่ปล่อยคนพวกนั้นให้รอดมือเป็นอันขาด หากแค่ฟีโรโมนอัลฟ่าคงทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาฝังยาป้องกันการกระตุ้นฮีทด้วยฟีโรโมน ทั้งยังป้องกันการเกิดฮีทและระงับฟีโรโมนของเขาด้วย แต่เพราะคนพวกนั้นตั้งใจวางยา ไม่ใช่เพื่อจะได้นอนกับโอเมก้า แต่มีจุดประสงค์อย่างอื่น
นัยน์ตาสีดำเรืองรองอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์บนเรือแม็กมารีนาซ นลินยังขุ่นเคืองไม่หาย แม้เขาจะจัดการวายร้ายพวกนั้นด้วยมือของตัวเองแล้ว แต่นลินก็รู้ดีว่ามีคนที่อยู่เบื้องหลัง และเขาจะไม่ยอมถูกเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาต้องเดินทางข้ามมหาสมุทรเพื่อจัดการปัญหานั้นด้วยมือของตัวเอง
...และอย่าหวังว่าเขาจะยอมรามือง่ายๆ
ไม่มีทาง!
สองสามีภรรยาวัยแปดสิบชะเง้อรอคนที่ทุกคนเฝ้ารอ รอแล้วรอเล่าก็ยังมาไม่ถึงเสียทีจนนึกหงุดหงิดเป็นเหตุให้ลูกชายและหลานชายที่เฝ้ารอผู้มาถึงต้องคอยปรามให้ใจเย็น“คุณพ่อคุณแม่ใจเย็นหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวหลานก็มาแล้ว”“ไหนบอกว่าเครื่องแลนด์ดิ้งตั้งแต่สายไง นี่จะเที่ยงแล้วยังไม่เห็นหน้าเลย ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม แม่บอกแล้วว่าให้ไปรับหลานเอง ให้มาเองแบบนี้จะมาถูกไหม หลานไม่อยู่เมืองไทยมายี่สิบปีแล้วนะตาไตร”“คุณย่าก็ใจเย็นหน่อยสิครับ คุณอาเองก็บอกแล้วว่าน้องนลินไม่ได้มาคนเดียว ถ้าเราไปรับเกิดมีใครสงสัย น้องนลินคงเป็นอันตราย ที่น้องกลับมาเมืองไทยก็เพราะคิดทำเรื่องอันตราย คุณย่าคงไม่อยากให้น้องมีอันตรายใช่ไหมครับ”“ใจเย็นก่อนนะคุณ” ป้องเกียรติเตือนภรรยาพลางกุมมือเสียงรถยนต์และเสียงฝีเท้าของแม่บ้านทำให้ผู้ใหญ่ทั้งห้าคนยิ้มกว้างทันที ด้วยวันนี้บ้านกิตติวรกานต์ไม่ต้อนรับแขกคนไหนทั้งนั้น นั่นทำให้พวกเขารู้ได้ทันทีว่าคนที่มาเยือนจะต้องเป็นคนที่พวกเขาเฝ้ารออย่างแน่นอน“คุณหนูนลินมาแล้วค่ะคุณท่าน” เสียงตื่นเต้นของแม่บ้านวัยเกือบเจ็ดสิบทำให้ทุกคนตื่นเต้นร่างบอบบางร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรที่สวมเสื้อยืดสีขาว
“ช่วยส่งเอกสารนี่ไปให้ฝ่ายการตลาด บอกพวกเขาด้วยว่าให้เตรียมแผนโปรโมตไตรมาสหน้า สัปดาห์หน้าประชุมนำเสนอผมด้วย”“ครับคุณพยัคฆ์”“เดี๋ยวคุณวิทวัสช่วยเรียกอลันมาให้ผมด้วยนะ”“ได้ครับ”คล้อยหลังหัวหน้าเลขานุการ ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปก็เอนกายกับพนักพิง ก่อนจะหมุนเก้าอี้ออกไปมองนอกอาคารซึ่งเป็นผนังกระจก จนมองออกไปเห็นห้างสรรพสินค้าสตาร์ไลท์ที่ชื่อห้างฯ เด่นเป็นสง่าแม้จะเห็นตึกเพียงลิบๆเขานั่งตำแหน่งซีอีโอเป็นเดือนที่สามแล้ว และช่วงที่เขานั่งตำแหน่งนี้ผลประกอบการก็เติบโตขึ้นจากเดิมเกือบสี่เท่า แม้คนอื่นจะมองว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สำหรับพยัคฆ์แล้วยังไม่พอใจนัก“หงุดหงิดอะไรวะพยัคฆ์ ตั้งแต่กลับจากล่องเรือเมื่อเดือนที่แล้วก็ดูขัดหูขัดตาไปหมดเลยนะ” นับสิบที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวเอ่ยถามทันทีพยัคฆ์หมุนเก้าอี้กลับมาจ้องหน้าเพื่อนรักที่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ด พลางถลึงตามองอย่างนึกขวางหูขวางตา จริงอย่างที่นับสิบพูดนั่นแหละ เขาได้รับของขวัญจากคุณปู่ด้วยทริปล่องเรือสำราญที่ซีแอตเทิล ซึ่งเป็นทริปที่เขาอยากไปมากจนน่าประหลาด ทว่าเมื่อสิ้นสุดทริปเขากลับหงุดหงิดไม่ใช่เขาไม่รู้เหตุผล แต่เขาไม่รู้วิธีแก
นลินเหลือบมองร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่มายืนซ้อนด้านหลัง เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงตั้งใจแน่ๆ ชายหนุ่มจึงรีบเช็ดมือกับผ้าขนหนู แล้วหมุนกายมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย“พี่พยัคฆ์มีธุระอะไรจะพูดกับนลินรึเปล่าครับ”“พี่ไม่ใช่เซ็กซ์ทอยของนลินนะครับ คิดจะใช้พี่แก้อาการฮีทแล้วก็ทิ้งกันแบบนั้น นลินไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”“เซ็กซ์ทอยอะไร นลินไม่เคยรู้จักพี่พยัคฆ์มาก่อน” นลินตอบหน้าตายพลางกอดอก“หือ? จะบอกว่าคนที่ลากพี่เข้าห้องแล้วขึ้นขย่มคนนั้นไม่ใช่นลินเหรอ”“พี่พยัคฆ์จำสลับกับใครรึเปล่าครับ นลินเพิ่งเจอพี่พยัคฆ์นี่ล่ะครับ”“ถ้ายืนยันขนาดนี้พี่ก็คงต้องพิสูจน์หน่อยแล้วล่ะ”นลินเลิกคิ้วพลางเอียงคอสงสัย ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นดอกพีโอนีหรือดอกโบตั๋นจากพยัคฆ์ อยากจะต่อยคนตรงหน้าให้ล้มกองตรงนี้เสียจริงๆ กล้าดีอย่างไรมาปล่อยฟีโรโมนในบ้านที่มีแต่โอเมก้าแม้นลินจะชอบกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์แค่ไหน และอยากสูดดมมันมากเพียงใด แต่เขาก็จะอดทนไม่แสดงออกว่าได้กลิ่นมัน เขาต้องเป็นเบต้าที่ไม่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนนี่พยัคฆ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังยืนกอดอกนิ่ง เขาใช้ฟีโรโมนอัลฟ่าข่มขนาดนี้แล้ว แต่นลินกลับไม่แ
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่ายังไม่ได้ข่าว”“ทั้งสามคนเงียบหายไปเป็นเดือนแล้วครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนอยู่ที่โน่นรึเปล่าครับ คุณผู้หญิงจะให้พวกเราทำยังไงครับ”มือขาวกำแน่นจนขึ้นข้อขาว ไม่คิดสักนิดว่าตัวเองที่นำหน้าสามี ตามหาคนที่หายไปร่วมยี่สิบปีเจอจะต้องคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง นางได้ข่าวจากคนรู้จักว่าเคยเห็นอดีตภรรยาของสามีอยู่ในเมืองซีแอตเทิล ก็รีบส่งลูกน้องของบิดาให้ไปจับตัวผู้ชายที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายของสามีแต่แล้วข่าวคราวกลับเงียบหายไป“เช็กเรื่องการเดินทางมันหรือยัง”“ผมเช็กไปที่โรงแรม เขาว่ามีคนมาเช็กเอ้าท์ออกไปแล้ว แล้วก็มีการยกเลิกการจองเที่ยวบิน เงียบหายไปแบบนี้...ผมว่าอาจถูกเก็บไปแล้วก็ได้ครับ”“แค่เด็กผู้ชายคนเดียวมันจะทำอะไรได้”“ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้พวกนั้นตามสืบ คนที่ดูแลผู้ชายคนนั้นก็ระดับบิ๊กของซีแอตเทิล เป็นผู้มีอิทธิพลคนนึงเลยนะครับ และคงใหญ่กว่าจิรพงศ์ธาดาเสียอีกครับ”“ไร้สาระ! ถึงจะมีคนดูแลยังไงก็ทำตามอำเภอใจไม่ได้หรอกนะ กฎหมายที่นั่นจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง”“คงไม่ต่างกับที่นี่หรอกครับ ถ้าไม่มีใครรู้ใครเห็น และมีเงินมากพอ ก็ไม่มีหลักฐานโยงถึงผู้กระทำผิดจริงๆ”หญิงวัยสี่
ภาพข่าวขาวดำที่ถูกเก็บไว้อย่างดีในกล่องเหล็กถูกเปิดออกดูซ้ำมาหลายครั้งหลายหนร่วมยี่สิบปี ชายวัยห้าสิบต้นๆ ยังคงหยิบจับลูบไล้มันซ้ำๆ ก่อนจะดูภาพครอบครัวสีซีดของตัวเองที่ถ่ายเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน และนี่คงเป็นภาพสุดท้ายที่เขาได้ถ่ายร่วมกับภรรยาและลูกชายเสียงเคาะประตูทำให้เขาชะงัก มือที่กำลังเก็บความทรงจำทุกอย่างใส่กล่องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก นั่นทำให้เขารู้ว่าคนที่เคาะประตูคือคนสนิท จึงส่งเสียงอนุญาต“ได้เรื่องบ้างไหมพระลพ”คนที่ถูกเรียกว่าพระลพมองกล่องเหล็กแกะสลักลายซึ่งดูเก่ามากแล้ว ทว่าเจ้าของกลับยังคงรักษาทุกอย่างไว้อย่างดีก็ให้นึกสงสารชายตรงหน้าที่ใบหน้าดูอายุร่วงโรยมากกว่าวัยที่แท้จริง“ได้มาไม่มากเท่าไหร่ครับ หลังการจัดฉากอุบัติเหตุและเพลิงไหม้ครั้งนั้น ทั้งสองหนีไปอยู่อเมริกาและมีเศรษฐีในซีแอตเทิลคอยดูแล”“เจาะจงกว่านั้นได้ไหม คนที่พวกเขาไปอยู่ด้วยเป็นใคร แล้วพวกเขาเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีไหม”“ยังสืบเรื่องนั้นไม่ได้ครับ เพราะคุณตฤนปิดบังตัวตนเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย แถมยังต
รถคูเป้สองประตูสีดำสัญชาติยุโรปเลี้ยวผ่านบ้านหลังใหญ่มาจอดหน้าบ้านของตรีวิทย์และพยนต์ นั่นทำให้เจ้าของบ้านที่วันนี้ไม่ไปทำงานต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ จริงอยู่ที่เป็นเรื่องปกติที่พยัคฆ์จะแวะมาหาพยนต์และภูวนัย ทว่าช่วงนี้จะแวะมาบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ“ใครมาเหรอครับพี่ตรี”“พยัคฆ์น่ะสิ ช่วงนี้มาเกือบทุกวันเลยนะ ที่บ้านมีอะไรรึเปล่า”“ไม่มีหรอกครับ พยัคฆ์ไม่ได้มาหาพยนต์ด้วย”“หือ? ไม่ได้มาหาพยนต์แล้วมาหาใคร” ตรีวิทย์เอ่ยถามภรรยาด้วยความฉงนใจ“พี่ตรีลองสังเกตดูละกันนะครับว่าพยัคฆ์มาหาใคร”ตรีวิทย์เลิกคิ้วมองคนที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดจนเห็นแผ่นอกอย่างเซ็กซี่ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปก็ให้นึกสงสัยว่าแต่งตัวล่อเหยื่อขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ไปเที่ยวกับเหล่าโอเมก้าของเจ้าตัว กลับเลือกมาบ้านของเขาในวันหยุดเช่นนี้หรือว่า...ตรีวิทย์หันกลับไปมองในห้องนั่งเล่นที่มีอาหลานกำลังต่อรางรถไฟเหาะตีลังกาซึ่งนลินหอบหิ้วมาจากอเมริกา นั่นทำให้เขาสบตาภรรยาราวกับจะถาม“พี่เข้าใจถูกใช่ไหมพยนต์”“ครับ แต่นลินดูไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่”“พี่เคยได้ยินอาเทรนต์กับอาตฤนเล่าว่าตอนอยู่โน่นนล
“จริงเหรอครับคุณลุง พวกเราเข้าใจคุณพ่อผิดมาตลอดจริงๆ สินะครับ”“ใช่ เป็นอย่างที่นลินบอกลุงเลย แต่...มีเรื่องสำคัญที่ลุงต้องบอกนลิน”“ครับ มีอะไรเหรอครับ”“พ่อของนลินไม่ได้เพิ่งตามหานลินหรอกนะ เขาตามหามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปู่ของนลินตาย พ่อของนลินก็เริ่มส่งคนให้ออกตามหาโดยไม่ให้พราวรุ้งรู้ แต่ที่เขาเร่งหาตอนนี้เพราะเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”“ครับ? คุณพ่อเป็นอะไรครับ”“มะเร็งกระดูกน่ะ ลุงใช้เส้นสายไปลองสืบที่โรงพยาบาลที่ลาภิณรักษาตัว เขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระดูกมาตั้งแต่สองปีก่อน แล้วก็รักษามาโดยตลอด แต่เมื่อเดือนก่อนพบว่ามันลุกลาม ลาภิณจึงตัดสินใจร่วมกับหมอว่าจะหยุดการรักษา และเขาตั้งใจใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้เพื่อตามหาตฤนกับนลิน”นลินขบกรามแน่นกลั้นความรู้สึกวูบโหวง ทั้งที่ความทรงจำวัยเยาว์ที่มีบิดานั้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แต่เขากลับรู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจที่บิดาเหลือเวลาน้อยนิดเสียเหลือเกิน เขาข่มอารมณ์ที่ไม่ปกติของตัวเองไว้“คุณพ่อเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ครับ”“เร็วสุดคือหกเดือน ช้าสุดคือหนึ่งปี”“น้อยเหลือเกิน”“นลินจะไปเจอพ่อเขาไหม”“ครับ แต่ถ้านลินไปเจอคุณพ่อ คนที่ส่งคนไปทำร้ายนลินก็ต้องร
“ปล่อย! ลากมาทำอะไรของคุณเนี่ย”พยัคฆ์ขบกรามแน่นนึกโมโหนลินจนแทบคลั่งที่อีกฝ่ายมายืนกอดกับตรีวิทย์ ก็ไหนว่าเป็นเบต้า ไม่สนใจอัลฟ่าอย่างไรเล่า ที่แท้ก็แอบมาเป็นชู้กับพี่เขยของเขานี่เอง ทำเป็นรังเกียจเขา ทว่าความจริงคือตั้งใจจะจับตรีวิทย์ชัดๆปึก!ใบหน้าของนลินกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของคนที่ถูลู่ถูกังมาตลอดทาง ชายหนุ่มถูกกระแทกจนกระเด้งแล้วล้มลงกับพื้นนลินกัดริมฝีปากของตัวเองที่รู้สึกเจ็บ นี่มันวันบ้าอะไรของเขากันที่ต้องมาเจ็บทั้งตัวมาเจ็บทั้งใจ แค่เรื่องบิดาเขาก็เสียใจมากพอแล้ว ตั้งแต่จำความได้...นอกจากเสียใจเพราะคิดถึงบิดาครั้งที่ไปอยู่อเมริกาใหม่ๆ ก็ครั้งนี้นี่แหละที่เขาร้องไห้หนักขนาดนี้แล้วนี่อะไรกัน? เขายังต้องมาเจ็บตัวอีก“ไม่ต้องมาทำสำออย ลุกขึ้นมา!”นลินเงยหน้าขึ้นมองคนพาลอย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้สำออยเสียหน่อย แต่เขาเบื่อหน่ายจนไม่อยากลุกไปต่อล้อต่อเถียงด้วยต่างหากชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิก่อนจะปัดเศษต่างๆ ออกจากมือและแขนราวกับไม่สนใจท่าทางเกรี้ยวกราด ปกติเขาก็ไม่ชอบคนไร้เหตุผล ไม่ชอบคนใช้อารมณ์แบบนี้อยู่แล้ว และยิ่งไม่ชอบคนที่เอาความโกรธมาลงกับเขาเพราะฉะนั้น...พยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของเ