“อื้อ! อา...แรงกว่านี้อีก...”
เสียงกระเส่าเร่งคนด้านล่างที่สวนแท่งร้อนเข้ามาในกาย กลิ่นดอกลาเวนเดอร์อบอวลไปทั่วห้องจนคนที่ถูกขย่มจับเอวเล็กขาวที่เอาแต่บดเร่าเพื่อชะลอจังหวะที่เจ้าตัวเร่งเร้าไม่หยุด
ริมฝีปากสีพีชยามส่งเสียงครางนั้นเซ็กซี่จนคนมองตาพร่า เขายกกายขึ้นเพื่อซบใบหน้ากับบ่าบอบบางขาวหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ที่แม้จะทำให้ผ่อนคลาย แต่ก็ปลุกอารมณ์ปรารถนาของเขายิ่งขึ้น
ชายหนุ่มผิวสองสีไม่รู้ว่าโอเมก้าคนสวยคนนี้เป็นใคร แต่เพียงได้กลิ่น เพียงได้เห็นใบหน้าสวยนี่เขาก็อดใจไม่ไหว จนยอมตามแรงอีกฝ่ายที่ผลักเขาเข้าห้องนอน ดึงทึ้งเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าแล้วมาอยู่ในท่านี้
ริมฝีปากหนาแตะไล่ไปตามปลายคางที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขณะที่สะโพกก็กระแทกสวนร่างที่ขยับขย่มบนกายเขาอย่างเอาแต่ใจเพื่อให้ตัวเองได้ปลดปล่อย และบรรเทาอาการฮีทของตัวเอง
“คนสวย...ใจเย็นหน่อย...ของผมจะหักเอานะครับ”
“อย่ามาทำตัวไก่อ่อน ผมไม่ชอบ!”
เพียงได้ยินคำดูถูก...เจ้าของดวงหน้าคมเข้มก็ผลักร่างขาวอ้อนแอ้นลงกับเตียง แล้วยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าดูถูกเขาขนาดนี้ เขาคงต้องแสดงให้เห็นเสียหน่อยแล้วว่าหากเขาเอาจริงจะเป็นอย่างไร
...คนอย่างพยัคฆ์ฆ่าได้หยามไม่ได้!
“อ๊า! อึก! ตรงนั้น...อีก...เอาตรงนั้น...”
“ตรงนี้หรือครับคนสวย”
พยัคฆ์ย้ำถามก่อนกระแทกสะโพกเข้าหา แท่งเนื้อร้อนงัดกระแทกซ้ำสลับควงวนเสียดสีด้านในราวกับจะย้ำจุดเสียวของอีกฝ่าย เพียงเห็นดวงหน้าขาวที่ไล้เลียริมฝีปากด้วยอารมณ์ปรารถนา ดวงตาคู่สวยมองอย่างท้าทายก็ยิ่งปลุกไฟพิศวาสคนด้านบนให้ยิ่งกระแทกหนักหน่วงขึ้น
มือขาวขยำผ้าปูที่นอนสีขาวแน่นจนข้อขาว ก่อนจะอุทานเมื่อถูกมือใหญ่ช้อนแผ่นหลังให้กอดลำคอแกร่ง นั่นทำให้แท่งร้อนแทงลึกเข้ามาในกายของเขาลึกขึ้น
พยัคฆ์แลบลิ้นเลียริมฝีปากเมื่อสามารถแทรกกายเข้าไปได้ลึกขึ้น ก่อนจะสอดมือไปกับเส้นผมสีดำชาร์โคลยาวประบ่าซึ่งสะบัดไหวตามแรงโยกคลอนที่เขากระแทกกระทั้น แล้วดึงให้แหงนหงายรับจุมพิตร้อนแรงของเขา
ริมฝีปากหนาบดเบียดเรียวปากสีพีชนั่น ลิ้นเล็กสอดเข้าสู่โพรงปากของพยัคฆ์อย่างไม่รอช้า ดูดดึงเกี่ยวกระหวัดอย่างชำนาญเสียจนพยัคฆ์นึกอยากจูบไว้เช่นนี้ไม่ปล่อย
ยิ่งด้านล่างกระแทกเข้าหากันหนักหน่วงแค่ไหน ริมฝีปากก็ผลัดกันบดเบียด ดูดดึงลิ้นกันและกันไม่หยุดหย่อน พยัคฆ์ไม่คิดปล่อยให้คนสวยในอ้อมกอดผละออกห่างง่ายๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายเริ่มส่งเสียงประท้วงขณะที่ท่อนเนื้อสีสวยซึ่งเสียดสีกับหน้าท้องของเขากำลังกระตุกเบาๆ พยัคฆ์จึงถอนจุมพิตออกห่าง
พยัคฆ์จับร่างขาวให้หันหลัง แล้วกระแทกแท่งเนื้อเข้าสู่ช่องทางด้านหลังชื้นแฉะอย่างไม่บันยะบันยัง ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแผ่นหลังขาวตรงหน้านั้นช่างยั่วยวนเสียเหลือเกิน เม็ดเหงื่อบนแผ่นหลังขาวทำให้พยัคฆ์ไล้เลียไปตามแผ่นหลัง
“อ๊ะ! เดี๋ยว...อ๊า!”
พยัคฆ์ยกมุมปากขึ้นยิ้มร้ายเมื่อเขารูดแท่งเนื้อสีสวยของคนใต้ร่างจนพ่นน้ำสีขาวขุ่น แม้เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายปลดปล่อยเป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่เขายังไม่ได้ปลดปล่อยสักครั้ง และเขาจะไม่ปล่อยร่างแสนสวยนี้ไปง่ายๆ จนกว่าเขาจะพึงพอใจ
เพราะได้รับการปลดปล่อยหลายครั้งแล้ว ทำให้เจ้าของเส้นผมสีดำชาร์โคลกลับมามีสติรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงดันสะโพกแกร่งให้ออกห่างอย่างไม่เบาแรงนัก
“หยุดก่อน” เสียงหวานห้ามคนที่พยายามกระแทกกระทั้น
“ผมยังไม่เสร็จสักครั้งเลยนะคนสวย ให้ผมเสร็จหน่อยสิ”
“อยากเสร็จนักใช่ไหม”
นัยน์ตาสีดำยามหรี่ลงนั้นยิ่งเซ็กซี่กว่าเดิมจนพยัคฆ์ต้องลอบกลืนน้ำลาย ทว่าก่อนที่จะเข้าใจอะไรก็ถูกผลักให้นอนหงายอีกครั้ง ขณะที่คนเพิ่งปลดปล่อยก็คร่อมบนกายแกร่งแล้วเปลี่ยนเป็นผู้ควบคุมจังหวะเสียเอง
พยัคฆ์กลืนน้ำลายอีกครั้งเมื่อนิ้วเรียวยาวซึ่งทาเล็บกลิตเตอร์รูปดาวกำลังหยอกเย้ากับยอดอกของตัวเอง ชายหนุ่มจับเอวขาวให้ขย่มแรงๆ ด้วยเพียงเห็นท่าทางเซ็กซี่ของร่างขาวนั่นก็ทำให้เขาอยากจะปลดปล่อยเสียเหลือเกิน
คนที่พลิกมาเป็นฝ่ายอยู่ด้านบนแลบลิ้นเลียอย่างยั่วเย้าแล้วขยับสะโพกของตัวเองอย่างรู้ทันคนใต้ร่าง และรับรู้ได้ว่าแท่งร้อนกำลังสั่นระริกเพียงใด เขาจึงบดสะโพกบีบรัดและขยับแรงขึ้นจนท่อนเนื้อด้านในกระตุกถี่ๆ
เจ้าของริมฝีปากสีพีชโน้มลงจุมพิตคนใต้ร่างที่เพิ่งปลดปล่อยเป็นครั้งแรก ขณะที่มือใหญ่จับใบหูที่ไวสัมผัสจนเขาพยายามจะถอนจุมพิต
ทว่าพยัคฆ์ที่รู้จุดอ่อนนี่แล้วก็ไม่คิดปล่อยไปง่ายๆ เขาไล้ใบหูขาวช้าๆ ก่อนจะกดเน้นย้ำติ่งหูที่มีจิวห่วง จากนั้นจึงเป็นฝ่ายขย้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้คนสวยได้ปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า
พยัคฆ์จุมพิตทั่วแผ่นหลังขาวเมื่อคนที่บรรเทาจากอาการฮีทนอนตะแคงให้ราวกับต้องการพักผ่อนจากการโหมกระหน่ำมาหลายชั่วโมง
“ผมไปอาบน้ำก่อนนะคนสวย แล้วเดี๋ยวคุณค่อยอาบน้ำล้างตัวนะ หรือจะไปอาบด้วยกันดีล่ะ”
“...”
“งั้นผมไปอาบคนเดียวก็ได้ แล้วเราไปหาอะไรกินด้วยกันนะครับ”
นัยน์ตาสีดำสวยหันมองราวกับกำลังรำคาญคนที่เอาแต่อ้อยอิ่ง ทำให้พยัคฆ์กดจูบบ่าและลาดไหล่ขาวบอบบางอีกครั้ง แล้วผุดลุกพาร่างเปลือยเปล่าของตัวเองเข้าห้องน้ำ ทิ้งโอเมก้าเจ้าของฟีโรโมนกลิ่นลาเวนเดอร์ไว้บนเตียงเพียงลำพัง
เจ้าของเรือนผมสีดำชาร์โคลรอพยัคฆ์เข้าห้องน้ำและเปิดน้ำจนเสียงน้ำดังกลบทุกสิ่ง ก็ผุดลุกจากเตียงแล้วสวมเสื้อผ้าพลางกัดกระพุ้งแก้มของตัวเองเบาๆ ราวกับกำลังอาวรณ์
“ขอบคุณนะที่ให้เซ็กซ์อร่อยๆ แต่มีเรื่องต้องรีบจัดการน่ะสิ น่าเสียดายจังกลิ่นฟีโรโมนถูกใจซะด้วยสิ ถ้าเจอกันอีกที...นลินจะบริการให้ถึงใจเลย” พูดจบก็รีบพาตัวเองออกจากห้องพักของอีกฝ่ายทันที
คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จไม่ได้รู้เลยว่าคนสวยที่ตัวเองหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้กอดอีกหลายครั้งจนกว่าเรือจะแล่นสู่จุดหมายปลายทางนั้นหายไป
พยัคฆ์เดินก้มหน้าเช็ดผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตออกมาจากห้องน้ำพลางเอ่ยขึ้น “ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย คุณชื่อ...”
ชายหนุ่มหยุดคำพูดเมื่อเงยหน้าแล้วพบเพียงความว่างเปล่า คนที่ควรอยู่บนเตียงกลับอันตรธานหายไปเสียแล้ว คิ้วเข้มขมวดมุ่นทันที เขาไม่เคยถูกใครทำแบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนกล้าทิ้งเขาไว้แบบนี้
กลิ่นลาเวนเดอร์ที่ยังอบอวลอยู่ในห้องทำให้ดวงตาคู่คมของพยัคฆ์เป็นประกาย ในเมื่อเรือสำราญลำนี้ยังคงแล่นอยู่ในมหาสมุทร คิดว่าจะหนีเขาไปได้ง่ายๆ หรือไรกัน ในเมื่อเขายังไม่อิ่มเลยสักครั้ง เป็นแค่ผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ยังไม่หายจากฮีทแท้ๆ จะหนีไปที่ไหนได้ แม้ต้องพลิกเรือหา...เขาก็จะทำ!
ทว่าพยัคฆ์ไม่รู้เลยว่าคนที่วิ่งหนีเขาไปนั้นไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างที่คิด ในเมื่ออีกฝ่ายคือ...
...นลิน แม็กมารีนาซ...ทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าของธุรกิจเรือสำราญแม็กมารีนาซที่เขาใช้บริการพักผ่อน
ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลแม็กมารีนาซ ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นรถคูเป้สองประตูของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน นั่นแสดงว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงบ้านแล้ว ชายวัยเกือบหกสิบเร่งสืบเท้าเข้าบ้านก่อนจะส่งกระเป๋าเอกสารให้แม่บ้าน“นลินกลับมาแล้วเหรอ”“ค่ะคุณท่าน คุณหนูกลับมาตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ แต่เก็บตัวอยู่ในห้องทำงานของคุณท่านไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลยค่ะ”“หือ? ห้องทำงานฉันเหรอ? นลินก็มีห้องทำงานตัวเองนี่”“ใช่ค่ะ เอ่อ...คุณเบนนี่บอกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นบนเรือเมื่อสัปดาห์ก่อน มีเรื่องอะไรร้ายแรงรึเปล่าคะ”“ไม่มีอะไรมากหรอก เรื่องนั้นนลินโทร. มาบอกแล้ว แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียด” เทรนต์เอ่ยก่อนจะมองหาภรรยา “มินนี่อยู่ไหนครับ”“เพิ่งออกจากห้องทำงานคุณท่านเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แต่หน้าตาไม่ค่อยดีเลยค่ะ ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกับคุณหนูรึเปล่า”“ทะเลาะกัน? คู่นี้ทะเลาะกันแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ”พูดจบเทรนต์ก็สาวเท้าไวๆ ก้าวขึ้นชั้นสองตรงไปยังห้องทำงานของตัวเอง แล้วเปิดประตูเข้าไปเห็นใบหน้าขาวกำลังขมวดมุ่นเคร่งเครียด ดวงตาคู่สวยจับจ้องหน้าจอแท็บเล็ตอย่างจดจ่อ“นลิน”“แด๊ด! กลับมาแล้วเหรอครับ”“เพิ่งกลับนี่ล่ะ โ
สองสามีภรรยาวัยแปดสิบชะเง้อรอคนที่ทุกคนเฝ้ารอ รอแล้วรอเล่าก็ยังมาไม่ถึงเสียทีจนนึกหงุดหงิดเป็นเหตุให้ลูกชายและหลานชายที่เฝ้ารอผู้มาถึงต้องคอยปรามให้ใจเย็น“คุณพ่อคุณแม่ใจเย็นหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวหลานก็มาแล้ว”“ไหนบอกว่าเครื่องแลนด์ดิ้งตั้งแต่สายไง นี่จะเที่ยงแล้วยังไม่เห็นหน้าเลย ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม แม่บอกแล้วว่าให้ไปรับหลานเอง ให้มาเองแบบนี้จะมาถูกไหม หลานไม่อยู่เมืองไทยมายี่สิบปีแล้วนะตาไตร”“คุณย่าก็ใจเย็นหน่อยสิครับ คุณอาเองก็บอกแล้วว่าน้องนลินไม่ได้มาคนเดียว ถ้าเราไปรับเกิดมีใครสงสัย น้องนลินคงเป็นอันตราย ที่น้องกลับมาเมืองไทยก็เพราะคิดทำเรื่องอันตราย คุณย่าคงไม่อยากให้น้องมีอันตรายใช่ไหมครับ”“ใจเย็นก่อนนะคุณ” ป้องเกียรติเตือนภรรยาพลางกุมมือเสียงรถยนต์และเสียงฝีเท้าของแม่บ้านทำให้ผู้ใหญ่ทั้งห้าคนยิ้มกว้างทันที ด้วยวันนี้บ้านกิตติวรกานต์ไม่ต้อนรับแขกคนไหนทั้งนั้น นั่นทำให้พวกเขารู้ได้ทันทีว่าคนที่มาเยือนจะต้องเป็นคนที่พวกเขาเฝ้ารออย่างแน่นอน“คุณหนูนลินมาแล้วค่ะคุณท่าน” เสียงตื่นเต้นของแม่บ้านวัยเกือบเจ็ดสิบทำให้ทุกคนตื่นเต้นร่างบอบบางร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรที่สวมเสื้อยืดสีขาว
“ช่วยส่งเอกสารนี่ไปให้ฝ่ายการตลาด บอกพวกเขาด้วยว่าให้เตรียมแผนโปรโมตไตรมาสหน้า สัปดาห์หน้าประชุมนำเสนอผมด้วย”“ครับคุณพยัคฆ์”“เดี๋ยวคุณวิทวัสช่วยเรียกอลันมาให้ผมด้วยนะ”“ได้ครับ”คล้อยหลังหัวหน้าเลขานุการ ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปก็เอนกายกับพนักพิง ก่อนจะหมุนเก้าอี้ออกไปมองนอกอาคารซึ่งเป็นผนังกระจก จนมองออกไปเห็นห้างสรรพสินค้าสตาร์ไลท์ที่ชื่อห้างฯ เด่นเป็นสง่าแม้จะเห็นตึกเพียงลิบๆเขานั่งตำแหน่งซีอีโอเป็นเดือนที่สามแล้ว และช่วงที่เขานั่งตำแหน่งนี้ผลประกอบการก็เติบโตขึ้นจากเดิมเกือบสี่เท่า แม้คนอื่นจะมองว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สำหรับพยัคฆ์แล้วยังไม่พอใจนัก“หงุดหงิดอะไรวะพยัคฆ์ ตั้งแต่กลับจากล่องเรือเมื่อเดือนที่แล้วก็ดูขัดหูขัดตาไปหมดเลยนะ” นับสิบที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวเอ่ยถามทันทีพยัคฆ์หมุนเก้าอี้กลับมาจ้องหน้าเพื่อนรักที่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ด พลางถลึงตามองอย่างนึกขวางหูขวางตา จริงอย่างที่นับสิบพูดนั่นแหละ เขาได้รับของขวัญจากคุณปู่ด้วยทริปล่องเรือสำราญที่ซีแอตเทิล ซึ่งเป็นทริปที่เขาอยากไปมากจนน่าประหลาด ทว่าเมื่อสิ้นสุดทริปเขากลับหงุดหงิดไม่ใช่เขาไม่รู้เหตุผล แต่เขาไม่รู้วิธีแก
นลินเหลือบมองร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่มายืนซ้อนด้านหลัง เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงตั้งใจแน่ๆ ชายหนุ่มจึงรีบเช็ดมือกับผ้าขนหนู แล้วหมุนกายมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย“พี่พยัคฆ์มีธุระอะไรจะพูดกับนลินรึเปล่าครับ”“พี่ไม่ใช่เซ็กซ์ทอยของนลินนะครับ คิดจะใช้พี่แก้อาการฮีทแล้วก็ทิ้งกันแบบนั้น นลินไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”“เซ็กซ์ทอยอะไร นลินไม่เคยรู้จักพี่พยัคฆ์มาก่อน” นลินตอบหน้าตายพลางกอดอก“หือ? จะบอกว่าคนที่ลากพี่เข้าห้องแล้วขึ้นขย่มคนนั้นไม่ใช่นลินเหรอ”“พี่พยัคฆ์จำสลับกับใครรึเปล่าครับ นลินเพิ่งเจอพี่พยัคฆ์นี่ล่ะครับ”“ถ้ายืนยันขนาดนี้พี่ก็คงต้องพิสูจน์หน่อยแล้วล่ะ”นลินเลิกคิ้วพลางเอียงคอสงสัย ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นดอกพีโอนีหรือดอกโบตั๋นจากพยัคฆ์ อยากจะต่อยคนตรงหน้าให้ล้มกองตรงนี้เสียจริงๆ กล้าดีอย่างไรมาปล่อยฟีโรโมนในบ้านที่มีแต่โอเมก้าแม้นลินจะชอบกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์แค่ไหน และอยากสูดดมมันมากเพียงใด แต่เขาก็จะอดทนไม่แสดงออกว่าได้กลิ่นมัน เขาต้องเป็นเบต้าที่ไม่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนนี่พยัคฆ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังยืนกอดอกนิ่ง เขาใช้ฟีโรโมนอัลฟ่าข่มขนาดนี้แล้ว แต่นลินกลับไม่แ
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่ายังไม่ได้ข่าว”“ทั้งสามคนเงียบหายไปเป็นเดือนแล้วครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนอยู่ที่โน่นรึเปล่าครับ คุณผู้หญิงจะให้พวกเราทำยังไงครับ”มือขาวกำแน่นจนขึ้นข้อขาว ไม่คิดสักนิดว่าตัวเองที่นำหน้าสามี ตามหาคนที่หายไปร่วมยี่สิบปีเจอจะต้องคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง นางได้ข่าวจากคนรู้จักว่าเคยเห็นอดีตภรรยาของสามีอยู่ในเมืองซีแอตเทิล ก็รีบส่งลูกน้องของบิดาให้ไปจับตัวผู้ชายที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายของสามีแต่แล้วข่าวคราวกลับเงียบหายไป“เช็กเรื่องการเดินทางมันหรือยัง”“ผมเช็กไปที่โรงแรม เขาว่ามีคนมาเช็กเอ้าท์ออกไปแล้ว แล้วก็มีการยกเลิกการจองเที่ยวบิน เงียบหายไปแบบนี้...ผมว่าอาจถูกเก็บไปแล้วก็ได้ครับ”“แค่เด็กผู้ชายคนเดียวมันจะทำอะไรได้”“ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้พวกนั้นตามสืบ คนที่ดูแลผู้ชายคนนั้นก็ระดับบิ๊กของซีแอตเทิล เป็นผู้มีอิทธิพลคนนึงเลยนะครับ และคงใหญ่กว่าจิรพงศ์ธาดาเสียอีกครับ”“ไร้สาระ! ถึงจะมีคนดูแลยังไงก็ทำตามอำเภอใจไม่ได้หรอกนะ กฎหมายที่นั่นจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง”“คงไม่ต่างกับที่นี่หรอกครับ ถ้าไม่มีใครรู้ใครเห็น และมีเงินมากพอ ก็ไม่มีหลักฐานโยงถึงผู้กระทำผิดจริงๆ”หญิงวัยสี่
ภาพข่าวขาวดำที่ถูกเก็บไว้อย่างดีในกล่องเหล็กถูกเปิดออกดูซ้ำมาหลายครั้งหลายหนร่วมยี่สิบปี ชายวัยห้าสิบต้นๆ ยังคงหยิบจับลูบไล้มันซ้ำๆ ก่อนจะดูภาพครอบครัวสีซีดของตัวเองที่ถ่ายเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน และนี่คงเป็นภาพสุดท้ายที่เขาได้ถ่ายร่วมกับภรรยาและลูกชายเสียงเคาะประตูทำให้เขาชะงัก มือที่กำลังเก็บความทรงจำทุกอย่างใส่กล่องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก นั่นทำให้เขารู้ว่าคนที่เคาะประตูคือคนสนิท จึงส่งเสียงอนุญาต“ได้เรื่องบ้างไหมพระลพ”คนที่ถูกเรียกว่าพระลพมองกล่องเหล็กแกะสลักลายซึ่งดูเก่ามากแล้ว ทว่าเจ้าของกลับยังคงรักษาทุกอย่างไว้อย่างดีก็ให้นึกสงสารชายตรงหน้าที่ใบหน้าดูอายุร่วงโรยมากกว่าวัยที่แท้จริง“ได้มาไม่มากเท่าไหร่ครับ หลังการจัดฉากอุบัติเหตุและเพลิงไหม้ครั้งนั้น ทั้งสองหนีไปอยู่อเมริกาและมีเศรษฐีในซีแอตเทิลคอยดูแล”“เจาะจงกว่านั้นได้ไหม คนที่พวกเขาไปอยู่ด้วยเป็นใคร แล้วพวกเขาเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีไหม”“ยังสืบเรื่องนั้นไม่ได้ครับ เพราะคุณตฤนปิดบังตัวตนเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย แถมยังต
รถคูเป้สองประตูสีดำสัญชาติยุโรปเลี้ยวผ่านบ้านหลังใหญ่มาจอดหน้าบ้านของตรีวิทย์และพยนต์ นั่นทำให้เจ้าของบ้านที่วันนี้ไม่ไปทำงานต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ จริงอยู่ที่เป็นเรื่องปกติที่พยัคฆ์จะแวะมาหาพยนต์และภูวนัย ทว่าช่วงนี้จะแวะมาบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ“ใครมาเหรอครับพี่ตรี”“พยัคฆ์น่ะสิ ช่วงนี้มาเกือบทุกวันเลยนะ ที่บ้านมีอะไรรึเปล่า”“ไม่มีหรอกครับ พยัคฆ์ไม่ได้มาหาพยนต์ด้วย”“หือ? ไม่ได้มาหาพยนต์แล้วมาหาใคร” ตรีวิทย์เอ่ยถามภรรยาด้วยความฉงนใจ“พี่ตรีลองสังเกตดูละกันนะครับว่าพยัคฆ์มาหาใคร”ตรีวิทย์เลิกคิ้วมองคนที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดจนเห็นแผ่นอกอย่างเซ็กซี่ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปก็ให้นึกสงสัยว่าแต่งตัวล่อเหยื่อขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ไปเที่ยวกับเหล่าโอเมก้าของเจ้าตัว กลับเลือกมาบ้านของเขาในวันหยุดเช่นนี้หรือว่า...ตรีวิทย์หันกลับไปมองในห้องนั่งเล่นที่มีอาหลานกำลังต่อรางรถไฟเหาะตีลังกาซึ่งนลินหอบหิ้วมาจากอเมริกา นั่นทำให้เขาสบตาภรรยาราวกับจะถาม“พี่เข้าใจถูกใช่ไหมพยนต์”“ครับ แต่นลินดูไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่”“พี่เคยได้ยินอาเทรนต์กับอาตฤนเล่าว่าตอนอยู่โน่นนล
“จริงเหรอครับคุณลุง พวกเราเข้าใจคุณพ่อผิดมาตลอดจริงๆ สินะครับ”“ใช่ เป็นอย่างที่นลินบอกลุงเลย แต่...มีเรื่องสำคัญที่ลุงต้องบอกนลิน”“ครับ มีอะไรเหรอครับ”“พ่อของนลินไม่ได้เพิ่งตามหานลินหรอกนะ เขาตามหามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปู่ของนลินตาย พ่อของนลินก็เริ่มส่งคนให้ออกตามหาโดยไม่ให้พราวรุ้งรู้ แต่ที่เขาเร่งหาตอนนี้เพราะเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”“ครับ? คุณพ่อเป็นอะไรครับ”“มะเร็งกระดูกน่ะ ลุงใช้เส้นสายไปลองสืบที่โรงพยาบาลที่ลาภิณรักษาตัว เขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระดูกมาตั้งแต่สองปีก่อน แล้วก็รักษามาโดยตลอด แต่เมื่อเดือนก่อนพบว่ามันลุกลาม ลาภิณจึงตัดสินใจร่วมกับหมอว่าจะหยุดการรักษา และเขาตั้งใจใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้เพื่อตามหาตฤนกับนลิน”นลินขบกรามแน่นกลั้นความรู้สึกวูบโหวง ทั้งที่ความทรงจำวัยเยาว์ที่มีบิดานั้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แต่เขากลับรู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจที่บิดาเหลือเวลาน้อยนิดเสียเหลือเกิน เขาข่มอารมณ์ที่ไม่ปกติของตัวเองไว้“คุณพ่อเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ครับ”“เร็วสุดคือหกเดือน ช้าสุดคือหนึ่งปี”“น้อยเหลือเกิน”“นลินจะไปเจอพ่อเขาไหม”“ครับ แต่ถ้านลินไปเจอคุณพ่อ คนที่ส่งคนไปทำร้ายนลินก็ต้องร
เสียงเข้มที่กำลังโวยวายอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์ศตาวุทธิพงศ์ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาถึงต้องชะงัก ไม่ได้ชะงักเพราะเสียงด้านใน แต่ชะงักเพราะเด็กทั้งหกคนที่กำลังยืนออกันหน้าห้อง เป็นเหตุให้ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปในวัยเกือบสี่สิบกระแอมเรียกเจ้าเด็กทั้งหก“อะแฮ่ม! มาแอบฟังอะไรตรงนี้” พยัคฆ์แกล้งเอ่ยเสียงเข้ม“คุณพ่อ! กลับมาแล้วเหรอครับ” พลินทร์เอ่ยถามก่อนจะมองหน้าน้องๆ พลางย่นคอด้วยกลัวว่าจะถูกตำหนิ“กลับมาแล้วครับ มามะ! มาหาพ่อนี่มา”เด็กแฝดสามคู่วิ่งเข้าหาบิดาพลางยืนล้อมรอบ ก่อนพยัคฆ์จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงของคุณนายแห่งศตาวุทธิพงศ์ยังคงอาละวาดลูกน้องคนสนิทในฐานะซีอีโอแห่งแม็กมารีนาซ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งรับตำแหน่งนี้ไปเมื่อสี่ปีก่อน“คุณแม่โกรธลุงเบนนี่มากเลยฮะ” พริษฐ์เอ่ยพลางทำสีหน้าแหยงๆ“แม่เรากลับมานานแล้วเหรอ”“คุณแม่ไปรับพวกเราครับ ลุงเบนนี่เพิ่งมาเมื่อกี้ แล้วก็ระเบิดลงตู้มๆ เลยครับ”พยัคฆ์มองดวงตากลมโตของโอเม
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่บ่นว่านอนหลับไม่สนิททำให้ซีอีโอหนุ่มแห่งสตาร์ไลท์คลี่ยิ้ม ค่อยๆ ปิดหนังสือนิทานที่เขาไม่แน่ใจว่าอ่านให้ลูกหรือแม่ฟังกันแน่ ทว่าหากมันทำให้นลินหลับได้นานขึ้นสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย เขารู้ว่าช่วงนี้นลินลำบากไม่น้อย หลังจากที่นลินเริ่มสร้างรังเมื่อเกือบเจ็ดเดือนก่อน ตอนนี้เข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนกำหนดคลอด นลินก็ยิ่งทั้งกลัว ทั้งกังวล กอปรกับเจ้าก้อนตัวยักษ์ในท้องนลินที่แข็งแรงจนพากันดิ้นถี่ขึ้นทำให้นลินแทบไม่ได้พักผ่อนเลยพยัคฆ์ค่อยๆ ประคองศีรษะของนลินเพื่อให้หนุนหมอนดีๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออกเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยเขาดูแลนลินตั้งแต่นลินท้องเข้าสู่เดือนที่เจ็ด‘หลับแล้วเหรอ’นวมิณทร์เอ่ยถามพยัคฆ์โดยไม่มีเสียง พยัคฆ์พยักหน้ารับก่อนจะใช้หมอนสำหรับคนท้องช่วยประคองให้นลินได้หลับสบายขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ ผุดลุกจากเตียงทั้งสองค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนใหญ่แห่งศตาวุทธิพงศ์ พยัคฆ์ปิดประตูห้องอย่างเบามือ ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจที่นลินหลับได้เสียที“นลินหลับนาน
“ไหวแน่นะครับคุณหนู”“อือ ไปจัดการที่เหลือเถอะไป มีปัญหาอะไรก็โทร. มาละกัน”“อยู่คนเดียวได้แน่นะครับ วันนี้คุณพยัคฆ์ไม่อยู่ใช่ไหมครับ หรือว่าจะไปโรงพยาบาล”“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะพาร์ดี้ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนเบนนี่บ่นอีกหรอก”“แต่ว่าคุณหนูดูไม่ดีเลยนะครับ”เสียงพูดคุยของเจ้านายหนุ่มและลูกน้องทำให้หญิงสูงวัยที่ควบตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านและพี่เลี้ยงของสองหลานชายแห่งศตาวุทธิพงศ์รีบเดินออกมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“เกิดอะไรขึ้นคะคุณนลิน ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะคะ”“ปวดหัวนิดหน่อยครับ ว่าจะกลับมานอนพักหน่อย ป้าเปลวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” นลินตอบคำถามพลางยิ้มอ่อน ก่อนจะหันกลับไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท “ไปได้แล้วพาร์ดี้ ตรวจสอบทุกอย่างให้ดีด้วย”“ครับคุณหนู” พาร์ดี้รับคำทว่าไม่วายละล้าละลังด้วยความเป็นห่วง“ไปเดี๋ยวนี้เลยพาร์ดี้” นลินออกคำสั่งอีกครั้งพาร์ดี้จึงได้แต่หมุนกายออกวิ่งไปที่รถ
กลิ่นอากาศสดชื่น บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงกิ่งไม้เสียดสี ต้นไม้สูงล้อมรอบบ้านทำให้คนที่ต้องการพักกายพักใจยอมรับว่าที่นี่เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศจริงๆ ทว่า...หัวใจของเขาตอนนี้มันยังไม่สามารถกลับมาสดชื่นได้เลยสักนิดดวงตาเรียวสวย หางตายกขึ้นเล็กน้อยขณะหลับตาเพื่อสูดอากาศเย็นยามเช้าตรู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นขณะกอดอก สายตาเหลือบเห็นกำไลหินโกเมนสีแดงดำบนข้อมือก็ต้องเม้มปากอีกครั้งการจากไปของลาภิณ...บิดาผู้ให้กำเนิดอย่างไม่มีวันกลับนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ทุกคนคาดสักนิด หลังงานแต่งงานของนลินและพยัคฆ์เพียงสามวัน วันที่สี่ในช่วงเช้าตรู่นวมิณทร์ก็เป็นคนโทร. มาบอกนลินว่าบิดาของเขาจากไปอย่างสงบ เพียงหลับไปในช่วงกลางคืนแล้วไม่ตื่นอีกเลยนลินไม่รู้ว่ามารดาของเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องพบว่าคนที่พูดคุยด้วยก่อนเข้านอนจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกในเช้าตรู่วันถัดมา ตลอดการจัดงานศพเจ็ดวันนั้น มารดาของเขามักจะแอบร้องไห้อยู่เงียบๆ ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียวที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามารดาของเขาเสียใจแค่ไหน และเป็นเรื่องดีแล้วที่หลังจากเสร็จสิ้นงานไม่กี่วันเทรนต์ก็พานวมิณท
เมื่อพิธีกรประกาศให้บ่าวสาวลงจากเวทีได้ ทั้งคู่จึงเลือกจะเดินไปหาคนที่ได้รับช่อดอกไม้ก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าแตกตื่น“พี่ไม่คิดว่าเพชรกับคุณลุงจะมาร่วมงานด้วย เพราะพี่กับนลินทำให้แม่ของเพชร...”“ไม่ครับ” เพชรอันดารีบค้านพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่พยัคฆ์กับคุณนลินไม่ผิดนี่ครับ”“เรียกนลินเฉยๆ หรือจะเรียกว่าน้องนลินก็ได้ครับ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” นลินเอ่ยพลางระบายยิ้ม“ขอบคุณนะครับที่ยอมรับเพชรเป็นคนในครอบครัว ทั้งที่คุณแม่ของเพชรทำเรื่องเลวร้ายกับพี่พยัคฆ์และน้องนลินไปเยอะเลย เพชรเองก็เคยทำไม่ดีกับนลินด้วย”“นลินเข้าใจพี่เพชรนะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ ทุกคนมีข้อด้อยและเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น นลินกับพี่พยัคฆ์เองก็เคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ แต่พี่เพชรก็ยังคิดได้ ยังคิดกลับตัว ตอนนี้พี่เพชรก็เข้าไปช่วยงานคุณลุง แล้วก็พยายามดูแลตัวเองกับลูก นลินเชื่อว่าพี่เพชรจะเป็นแม่ที่ดีแน่ๆ ครับ”“และพี่ก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เพชรคงไ
งานแต่งงานกลางแจ้งถูกเนรมิตขึ้นที่คฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งเป็นความคิดของนวมิณทร์ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลาภิณมากที่สุด แม้คราแรกพยัคฆ์ต้องการจะให้มีการแต่งงานใหญ่โตในโรงแรม ทว่าเมื่อนลินบอกความต้องการ พยัคฆ์ก็พร้อมจะเปลี่ยนให้ แต่พยัคฆ์ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์ แม้จะเป็นการจัดงานในคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ก็ไม่วายเชิญนักข่าวและแขกเหรื่อเกือบห้าร้อยคนมาร่วมงาน โดยใช้พื้นที่หน้าคฤหาสน์ได้อย่างคุ้มค่ารั้วคฤหาสน์ถูกแต่งด้วยดอกโบตั๋นหลากสีอันเป็นกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์ บริเวณหน้าคฤหาสต์ตกแต่งด้วยทางเดินพุ่มลาเวนเดอร์ และมีโต๊ะจีนกว่าห้าสิบโต๊ะซึ่งกลางโต๊ะประดับแจกันดอกโบตั๋นแซมดอกลาเวนเดอร์อันเป็นฟีโรโมนของคู่บ่าวสาวในวันนี้พิธีแบบไทยถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงของคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งทางเจ้าภาพขอจัดแบบส่วนตัวเฉพาะคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรผิวสองสีที่อยู่ในชุดแต่งงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทหรูสามชิ้นสีครีมเข้มและโบหูกระต่ายสีเดียวกัน ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตจัดแต่งทรงอย่างดี เปิดหน้าผากให้เห็นใบหน้าคม คิ้วเข้มหนา ดวงตาคมปลาบ เสริมให้พยัคฆ์ยิ่งดูห
นวมิณทร์คลี่ยิ้มเมื่อเห็นลาภิณยังคงนั่งหลับตาในศาลาแปดเหลี่ยมที่ล้อมรอบด้วยกล้วยไม้นานาพันธุ์ ซึ่งครึ่งหนึ่งนั้นเขาเป็นคนดูแลเมื่อในอดีต เขาคิดว่าที่นี่จะถูกทำลายหรือรื้อไปจนหมด กระทั่งได้กลับมาเห็นอีกครั้ง จึงได้รู้ว่าที่นี่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี“น้องตฤนกลับมาแล้วเหรอ” ลาภิณทักทั้งที่ยังไม่ลืมตา“รู้ได้ไงครับว่าเป็นตฤน”“พี่จำเสียงฝีเท้าตฤนได้”นวมิณทร์ทรุดกายนั่งบนม้านั่งข้างรถเข็นของลาภิณก่อนจะกุมมืออีกฝ่ายไว้ นั่นทำให้ลาภิณลืมตาขึ้นมองพลางวาดยิ้ม ทุกครั้งที่ลืมตามาแล้วเห็นนวมิณทร์ ลาภิณมักคิดเสมอว่าเขากำลังอยู่ในห้วงฝันดี“พี่ลาภิณมีความสุขไหมครับ”ลาภิณพยักหน้า “พี่มีความสุขสิ มีความสุขที่ตฤนยังอยู่ตรงนี้ มีความสุขที่ลูกของเราเองก็มีความสุข”“ตฤนก็มีความสุขครับ”“สำหรับพี่แล้ว...แค่ตฤนกับนลินมีความสุข พี่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”“แน่นอนครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ตฤนจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้ไปตลอดชีวิต และตฤนจะรักษาสั
นลินลอบยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางของคนรักที่อยู่ไม่นิ่ง ตั้งแต่วันที่พยัคฆ์วิดีโอคอลหาเทรนต์ ก็ดูขยาดยามพูดถึงจนเขานึกอยากรู้เสียเหลือเกินว่าพูดคุยกันอีท่าไหน ทว่าทุกครั้งที่พยายามถามพยัคฆ์ก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง ไม่ก็เปลี่ยนเรื่องพูดเสียจนเขาขี้เกียจจะซักไซ้ ทว่าวันนี้บิดาของเขาบินมาแล้ว หากถามจากพยัคฆ์ไม่ได้ เขาก็แค่ถามเอากับบิดา“พี่พยัคฆ์ทำตัวเหมือนเด็กเลยนะครับ แด๊ดไม่ได้จะมาฆ่าพี่พยัคฆ์ซะหน่อย”“น้อยไปน่ะสินลิน”“ตกลงว่าพี่พยัคฆ์ได้คุยกับแด๊ดจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”“ก็เพราะคุยแล้วไง อาเทรนต์คาดโทษพี่ไว้ พี่ต้องตายแน่ๆ เลยนลิน นลินต้องช่วยพี่นะครับ”น้ำเสียงออดอ้อนของคนรักทั้งสายตาเหมือนหมาน้อยก็ทำให้นลินนึกสงสารตามไปด้วย มือใหญ่ดึงมือเล็กมาแนบกับแก้ม ก่อนจะเอียงหน้าเข้าหา นลินจึงลูบแก้มอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอย่างนึกเอ็นดู“นลินจะช่วยพี่พยัคฆ์เองครับ พี่พยัคฆ์เป็นของนลิน คนอื่นห้ามรังแก นลินรังแกได้คนเดียว”“พี่จะยอมให้นลินรังแกคนเดียว”นับสิบที่ติดตามมาด้ว
พยัคฆ์นอนมองเพดานสีขาวด้วยความรู้สึกหงุดหงิด นลินเงียบหายไปตั้งแต่วันที่เขาได้สติ เขาได้รับข้อความตอบกลับสั้นๆ ในวันนั้นเพียงว่าดูแลตัวเองดีๆ และนับแต่นั้นมาอีกฝ่ายก็เงียบหายไป ไม่ว่าเขาจะเพียรส่งข้อความแค่ไหน หรือโทร. หาอย่างไรก็ไม่มีการตอบรับ ยอมแม้กระทั่งถ่างตารอดึกดื่น ด้วยรู้ว่าเวลาที่แตกต่างกันถึงสิบห้าชั่วโมง ทว่าจนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ยังไม่ติดต่อกลับมา“ห้าวันแล้วนะนลิน ทำไมนลินใจร้ายกับพี่จังเลย โทร. หาก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน”“เลิกบ่นเถอะไอ้พยัคฆ์ มึงบ่นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ นี่กูมาเฝ้ามึงสามวัน มึงก็บ่นสามวัน กูจะไม่มาเฝ้ามึงแล้วนะ”“ก็ดี กูอยากกลับบ้านแล้ว กูจะบินไปหานลิน”“คลั่งรักเหลือเกินนะพ่อ ใจเย็นหน่อยสิวะไอ้พยัคฆ์ ยังไงน้องนลินของมึงก็ต้องกลับมา พ่อเขาอยู่นี่ ยังไงเขาก็ต้องพาแม่เขามา”“แล้วทำไมเขาไม่ติดต่อกูมาล่ะ แค่ตอบข้อความกูนี่มันยุ่งยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ ส่งมาสักคำก็ยังดี นี่อะไรเงียบหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น หรือว่านลินจะทิ้งกูวะไอ้นับ”&ldquo