แชร์

บทที่ 3

กู้หนานรีบดึงเสื้อผ้ากลับจัดให้เรียบร้อย ใบหน้าที่สวยงามของนางก็ได้มีความโกรธ

เจ้าหญิงห้วยหยางก็คิดว่าเจอหลักฐานแล้ว จึงได้ด่าอย่างแรง

"นังแพศยา นี่คือร่องรอยที่องค์ชายจิ่งทิ้งไว้บนตัวเจ้าใช่ไหม? หลักฐานชัดเจนแบบนี้ ยังจะปฏิเสธอะไรอีก?

โชคร้ายจริงๆ เรือนเหวินชางโฮวของพวกข้าโดนรังแกถึงบ้านแบบนี้ นี่ไม่อยากให้สตรีให้เรือนของพวกข้ามีทางให้รอดหรืออย่างไร?"

ขณะที่พูดก็หันไปมองเซียวเหยียนด้วยความโกรธ มือสั่นอยากจะด่าเซียวเหยียนเหมือนที่ด่ากู้หนาน

คำพูดมาถึงปากแล้ว ทันใดนั้นก็นึกได้ถึงนิสัยของเซียวเหยียน ก็ได้รีบกลืนคำด่าลงไป

"องค์ชายจิ่ง แม้ว่าท่านจะเป็นเชื้อพระวงศ์ มีสถานะสูงส่ง แต่ท่านจะเหยียบหยามลูกสะใภ้ของข้าเช่นนี้ไม่ได้"

"มานี่ เตรียมเกี้ยว ข้าจะไปขอให้พระพันปีมาช่วยตัดสินใจว่า ลูกหลานของราชวงศ์นั้นสามารถเข้าเรือนในของขุนนางและนอนกับผู้หญิงของขุนนางได้หรือไม่"

"ข้าไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะไม่มีที่ที่จะพูดเหตุผลไม่ได้"

ขณะที่เจ้าหญิงห้วยหยางพูด นางก็ส่งสายตาให้หญิงชราที่กำลังชะโงกดูที่ประตูเรือน

หญิงชรารับรู้และตอบรับเสียงดัง

"เจ้าค่ะ ข้าจะไปเตรียมเกี้ยวเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ"

เจ้าหญิงห้วยหยางก็ได้มีสีหน้าได้ใจ

นางจมูกที่ไว และเป็นคนที่มีประสบการณ์ เมื่อเข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของชายหญิงมีพึ่งร่วมสุขกันเสร็จ

องค์ชายจิ่งและนางแพศยากู้หนานนั่นต้องเสร็จกันแล้วแน่

บุกเข้าไปในเรือนในของบ้านขุนนางในตอนกลางวันแสกๆ มีอะไรกับภรรยาของขุนนาง เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ถ้าในวังหลวงได้ยินเข้า ฝ่าบาทต้องไม่ยกโทษให้กับองค์ชายจิ่งอย่างแน่นอน

องค์ชายจิ่งไม่กล้าให้นางไปก่อเรื่องในวังหลวงแน่

มีจุดอ่อนนี้ ก็สามารถขอให้องค์ชายจิ่งยอมตกลงให้ลูกชาย เซี่ยเหิง สืบทอดตำแหน่งขุนนางเหวินชางโฮวเจวี่ยแน่

ใช้กู้หนานช่วยลูกชายได้ตำแหน่งขุนนางโฮวเจวี่ย คุ้ม

เจ้าหญิงห้วยหยางรอให้กู้หนานและองค์ชายจิ่งพูดห้ามนางอย่างได้ใจ

แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงของกู้หนานที่ได้สั่งกับหญิงชราเพิ่มอีกว่า

"เตรียมเกี้ยวนั่งสองคัน ข้ากับแม่สามีจะเข้าไปในวังหลวงด้วยกัน"

สีหน้าของเจ้าหญิงห้วยหยางก็ได้เคร่งขรึมขึ้นมา

"เจ้าไปวังหลวงทำไม? แค่นี้ยังอับอายไม่พอเหรอ? เจ้าคนไร้ยางอาย"

กู้หนานมองมาอย่างใจเย็น นำ้เสียงได้มีความเศร้าและโกรธเล็กน้อย

"ลูกสะใภ้ก็อยากเข้าไปในวังหลวงเพื่อขอให้พระพันปีช่วยตัดสินใจ ว่ามีแม่สามีบ้านไหนที่ดึงเสื้อผ้าของลูกสะใภ้ต่อหน้าชายนอกบ้าง

ลูกสะใภ้เพียงแค่ถูกยุงกัด ก็ถูกแม่สามีใส่ร้ายป้ายสีว่ามีความสัมพันธ์กับองค์ชายจิ่ง

ถ้าคนที่ไม่รู้ว่าก็คงคิดว่าแม่สามีเป็นห่วงข้า หรือว่าแม่สามีอยากให้ข้ามีความสัมพันธ์กับชายอื่น ลูกสะใภ้ไม่รู้จริงๆ ก็เลยอยากจะเข้าวังหลวงให้พระพันปีช่วย"

ใบหน้าของเจ้าหญิงห้วยหยางก็ได้เต็มไปด้วยการประชดประชัน

"ยุงกัดเหรอ? เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือไง? ในห้องนี้ไปเอายุงมาจากไหน?"

หึ่งๆๆ

ยังไม่ทันพูดจบ ยุงดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็บินมาเกาะที่หลังมือของนาง

กู้หนานมือไวตาไว ก็ได้ยื่นมือไปตบ

ยุงตายสนิท

ยุงได้ถูกตีตายที่หลังมือของเจ้าหญิงห้วยหยาง ทำให้นางเกือบอ้วกด้วยความขยะแขยง

กู้หนานหยิบผ้าเช็ดมือออกมาเช็ดฝ่ามือ ราวกับว่ามีอะไรสกปรกติดอยู่บนนั้น

สีหน้าก็ได้ดูไร้เดียงสามาก

"ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้ในเรือนของข้าถึงมียุงเข้ามาเยอะขนาดนี้ ห้องของแม่สามีมียุงไหม?"

น้ำเสียงได้ช้าและสบาย ราวกับกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไป

เจ้าหญิงห้วยหยางก็ได้โมโหเอามากๆ

แค่ตบยุงต้องใช้แรงขนาดนั้นเลยเหรอ?

มือของนางก็ได้แดงแล้ว

"ยุงตัวเดียวสามารถกัดจนเกิดรอยแดงใหญ่ขนาดนั้นได้เหรอ ข้าไม่เชื่อ นี่มันรอยที่ผู้ชายทิ้งไว้ชัดๆ

เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว เจ้าเลิกคิดที่จะปกปิดได้แล้ว ถ้าเจ้าไม่ยอมพูดความจริง ข้าก็จะให้คนถอดเสื้อของเจ้าออกเพื่อตรวจสอบ"

กู้หนานหัวเราะกับความไร้ยางอายของนาง

"ข้าจำผิดไป ผื่นแดงนี้ไม่ได้มีเพราะยุงกัด"

ตาของเจ้าหญิงห้วยหยางก็ได้เป็นประกาย น้ำเสียงก็ได้อ่อนลงไปเล็กน้อย

"เจ้าพูดมาตามตรง ถ้าเป็นองค์ชายจิ่งบังคับเจ้าจริง ข้าและผู้สืบทอดอาจจะช่วยเจ้าได้

แต่ถ้าเจ้าเป็นคนยั่วองค์ชายจิ่ง หึหึ......เจ้ารู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอะไรไหม ข้าแนะนำให้เจ้าคิดให้ดีก่อนพูด"

คำพูดแฝงไปด้วยความข่มขู่ที่ชัดเจน

กู้หนานก้มหน้า”แม่สามีท่านเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ผื่นแดงนี้เกิดจากการที่ข้ากินถั่วลิสง ไม่ใช่รอยที่ผู้ชายทิ้งไว้”

เจ้าหญิงห้วยหยางก็ได้ดังอย่างควบคุมไม่ได้

"กินถั่วลิสงเหรอ? เจ้าหลอกใครอยู่?"

"แม่สามีไม่เชื่อ ท่านสามารถดูบนใบหน้าและมือของข้าก็ได้"

กู้หนานชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเองด้วยท่าทางไร้เดียงสา

เพียงชั่วครู่ ใบหน้าขาวเนียน มือขาวของนางก็ปรากฏรอยแดงเป็นจุดๆ

เจ้าหญิงห้วยหยางสีหน้าซีดเผือด

กู้หนานก้าวไปข้างหน้า น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ก็ได้ก้าวเข้าไปอย่างกดดัน

"ข้าก็อยากจะถามแม่สามีเหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าข้ากินถั่วลิสงแล้วจะเป็นผื่น ทำไมยังให้คนเอาถั่วลิสงมาให้ข้าเยอะขนาดนี้?"

"ข้าบังเอิญพบกับองค์ชายจิ่ง ก็ได้ขอร้ององค์ชายอย่างจริงใจท่านผู้สืบทอดได้สืบทอดตำแหน่งโฮวเจวี่ย แต่กลับถูกแม่สามีใส่ร้ายว่าข้ามีอะไรกับองค์ชายจิ่ง

เพื่อที่จะใส่ร้ายข้า แม่สามียังไปที่วังหลวงเพื่อโวยวายเรื่องนี้

ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราก็ไปที่วังหลวงด้วยกัน จัดการเรื่องนี้ให้กระจ่าง พอดีเลยที่ข้าก็อยากจะคุกเข่าขอร้องพระพันปีให้ข้าหย่ากับท่านผู้สืบทอด

เรื่องที่ไม่เกิดขึ้นก็ยังมาใส่ร้ายข้าได้ ภรรยาหลวงของท่านผู้สืบทอดแห่งเรือนเหวินชางโฮว ไม่เป็นก็ได้"

นางมีท่าทางใจเย็น น้ำเสียงที่ใช้ถามก็ได้หนักแน่นชัดเจน

เจ้าหญิงห้วยหยางถูกนางกดดันจนถอย เกือบชนกับเซี่ยเหิงที่อยู่ข้างหลัง

สองแม่ลูกมองหน้ากันแวบหนึ่ง ความสงสัยก็ผุดขึ้นในใจพร้อมกัน

พวกเขาสองคนไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ เหรอ?

เจ้าหญิงห้วยหยางดึงเสื้อของเซี่ยเหิง

น้ำเสียงของเซี่ยเหิงที่พูดกับกู้หนานก็ได้อ่อนลง

"ข้ากับท่านแม่ทำแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วง ก็เลยได้พูดอะไรผิดไป นายหญิงอย่าโมโหไป

ยิ่งอย่าพูดถึงเรื่องหย่า เมื่อข้าแต่งงานกับเจ้าให้เจ้าเป็นภรรยาหลวงของผู้สืบทอดแล้ว ข้าไม่มีทางหย่ากับเจ้าง่ายๆ"

กู้หนานหัวเราะในใจ

แน่นอนว่าไม่มีทางที่ตอนนี้เซี่ยเหิงจะยอมหย่าแน่

เขาได้วางแผนที่จะยึดทรัพย์สินของตระกูลกู้เป็นของตัวเอง

แต่ในชาตินี้ นางจะไม่ยอมให้เซี่ยเหิงแตะต้องทรัพย์สินของตระกูลของนายแม้แต่น้อย

นางจะเก็บสินสอดของนางคืนมาทีละชิ้น แล้วค่อยหย่า เฝ้ามองชื่อเสียงเซี่ยเหิงและเมิ่งหยุนซางได้พังย่อยยับ

นางก้มหน้าลงเพื่อปกปิดความเย็นชาในดวงตา

"พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันปิดประตูบ้านจะพูดอะไรก็ได้ แต่ว่าได้ทำให้องค์ชายจิ่งเห็นอะไรที่น่าอายเข้าแล้ว

น่าเสียดายที่ตอนที่อยู่ต่อหน้าองค์ชายข้าได้พูดถึงความดีของเจ้ามากมาย องค์ชายถึงได้ยอมบอกว่าจะไปพิจารณาดู"

เซี่ยเหิงตาสว่างขึ้นทันที มองไปที่เซียวเหยียนโดยไม่รู้ตัว ความปรารถนาในดวงตานั้นก็ซ่อนเอาไว้ไม่อยู่

เมื่อสามปีที่แล้ว ท่านพ่อของเขาหัวหน้ากองทัพเหวินชาง ได้ออกไปทำสงครามและเสียชีวิตในสนามรบ

ตามหลักแล้วควรเป็นเขาที่ได้สืบทอดตำแหน่งเหวินชางโฮวเจวี่ย แต่ฮ่องเต้สุขภาพไม่ดี รัชทายาทก็ยังเด็ก และองค์ชายจิ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้

องค์ชายจิ่งกดไม่ยอมให้เขาได้สืบทอดตำแหน่งโฮวเจวี่ย

เรื่องนี้ก็ได้กินเวลาไปสามปี เขาได้ลองมาแล้วหลายวิธีแต่ก็ไม่สำเร็จ

เรือนโฮวฝูที่ใหญ่โต เมื่อไม่มีท่านโฮวเจวี่ยแล้ว กลับมีเพียงผู้สืบทอดเท่านั้น นี่เป็นเรื่องตลกมากในหมู่ขุนนางในเมืองหลวง

ถ้าไม่เพราะแบบนั้น วันนี้เขาก็คงไม่ต้องใช้กู้หนานมาคอบคุมองค์ชายจิ่ง

แม้จะไม่สำเร็จ แต่ถ้ากู้หนานช่วยเขาขอความยินยอมจากองค์ชายจิ่งได้ เขาก็ยินดีที่จะมีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิมมองกู้หนาน

"ลุงสาม จริงหรือเปล่าครับ? ท่านคิดจะให้ข้าสืบทอดตำแหน่งโฮวเจวี่ยจริงๆ หรือ"

เซียวเหยียนลุกขึ้นยืน ร่างสูงใหญ่ทำให้เซี่ยเหิงดูเตี้ยลงไปเล็กน้อย

เขามองเซี่ยเหิงและขำหัวเราะออกมา

"เดิมก่อนหน้านี้ข้าได้ตกลงจริงๆ แต่เมื่อพิจารณาจากเมื่อกี้อย่างละเอียด พบว่าเจ้านั้นหุนหันพลันแล่นเกินไป น่าจะสร้างผลงานไม่ได้ เรื่องการสืบทอดตำแหน่งโฮวเจวี่ยนี้ก็ไว้ก่อนเถอะ"

พูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที

หุนหันพลันแล่นไป

สร้างผลงานไม่ได้

ไว้ก่อนเถอะ

เซี่ยเหิงรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า รอบยิ้มก็ได้เต็มด้วยความขมขืน แทบอยากให้เรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

กู้หนานมองดูเขาที่มีท่าทางสิ้นหวัง ริมฝีปากก็ได้ยิ้มเล็กน้อย

อยากสืบทอดตำแหน่งโฮวเจวี่ย รอชาติหน้าเถอะ

ขณะนี้ เซียวเหยียนยืนอยู่ที่ประตู หันไปมองกู้หนาน

ดวงตาที่เหมือนบ่อน้ำลึกเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง

"วันนี้ขอบคุณหลานสะใภ้มากสำหรับการต้อนรับ"

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status