“เกอผู้นี้หรือที่เจ้าบอกว่ารูปงาม ช่างงามบาดตาจริงๆ เสียด้วย” บุรุษน่ากลัวผู้นี้มาพร้อมกับลูกน้องชายร่างใหญ่อีกห้าคน ท่าทางเกกมะเหรกเกเร คาดว่าคงเป็นอันธพาลที่เมืองนี้
“ปล่อย”
“คนงาม เหตุใดข้าต้องปล่อยเจ้าให้หลุดมือไปด้วย”
สิ้นคำ ร่างใหญ่ของอันธพาลแห่งเหิงเยว่ก็ลอยละลิ่วไปไกลจนปะทะกับแผงร้านค้าด้วยฝ่าเท้าของจางหย่ง บุรุษผู้นั้นเจ็บปวดจนแทบจะกระอักเลือด รับรู้ได้ว่าพลังฝ่าเท้านั้นแฝงมาด้วยกำลังภายในไม่น้อย
“นี่เจ้า กล้าดีอย่างไรมาทำกับข้าเช่นนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร”
“นั่นสิ เจ้าคือใครเจ้ายังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้หรือ เจ้าคนหยาบช้า” คุณชายเกอคนงามเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ ทว่าตู้ลี่จูกลับรีบมากระซิบข้างหู
“ไอ้คนนี้มันคือบุตรชายของตระกูลกู้ ผู้เป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมหยางน่าที่ชอบส่งคนมาป่วนโรงเตี๊ยมของเรา มันผู้นั้นชื่อกู้หมิงเฉียว เป็นอันธพาลที่ชอบฉุดคร่า ก่อเรื่องวุ่นวาย”
กู้หมิงเฉียวมีสีหน้าทะมึน ลูกสมุนข้างกายรีบเข้ามาพยุงร่างใหญ่ให้ลุกขึ้นมาเต็มความสูงช้าๆ ก่อนที่มันจะเดินตรงเข้ามาพร้อมกับประกาศกร้าว
“ใช่ ข้านี่แหละกู้หมิงเฉียว ข้าเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมหยางน่า ท่านลุงของข้าเป็นขุนนางใหญ่ เป็นถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน แม้แต่ขุนนางในเมืองเหิงเยว่ยังต้องไว้หน้า แล้วพวกเจ้าเล่าเป็นผู้ใด ถึงได้บังอาจลงมือกับข้าเช่นนี้” กู้หมิงเฉียวเอ่ยข่มขู่ พร้อมกับสำรวจใบหน้างามที่กำลังฉายแววตระหนก เพียงแค่มองอยู่ไกลๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้หลงใหลเสียแล้ว
หากได้ทำให้ใบหน้าสวยนี้บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด คงเร้าใจไม่น้อย
“กู้หมิงเฉียว เจ้าอย่ามาเอ่ยวาจาสามหาว คนผู้นี้คือคุณชายตระกูลหลิว” ตู้ลี่จูทนเห็นความน่ารังเกียจในสายตาของอีกฝ่ายไม่ได้ จึงเปิดปากต่อว่ากู้หมิงเฉียวเป็นครั้งแรก
“อีบ่าวท้องแก่ อย่าสอดปาก ตระกูลหลิวแล้วอย่างไร บัดนี้ตระกูลหลิวแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว อำนาจบารมีอะไรก็หมดสิ้น แม้แต่โรงเตี๊ยมก็กำลังจะเจ๊ง”
“หุบปาก โรงเตี๊ยมของข้ายังไม่เจ๊ง ข้านี่แหละจะเป็นผู้พลิกฟื้นมันขึ้นมาเอง ข้าขอประกาศไว้ในที่นี้เลยว่า อีก 7 วันโรงเตี๊ยมตระกูลหลิวจะจัดการแสดงพิเศษโดยข้าเอง ที่จะเป็นผู้ทำการแสดง”
พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส พลิกวินาศให้เป็นกำไร พลิกชาวบ้านไทยมุงให้เป็นลูกค้า การตลาดเช่นนี้ ไม่ว่ายุคไหนก็ได้ผล
“หึ คุณชายตระกูลหลิวเป็นเกอ มีดีแค่ใบหน้างดงามเอาไว้ใช้ยั่วยวนผู้คน เจ้าจะลำบากทำการแสดงไปทำไม ไม่สู้มาเป็นอนุของข้า ทำหน้าที่แค่นอนครางใต้ร่างข้าเพียงอย่างเดียว ไม่ดีกว่าหรือ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม ก่อนจะตรงเข้ามาฉุดคนงามอีกครั้ง
“สามหาว!!”
ทว่าจางหย่งก็ไวก่อนจะรีบแทรกมายืนบัง พร้อมกับถีบกู้หมิงเฉียวอีกครั้งซ้ำสองจนกระเด็นไปไกล
“อั่ก อั่ก แค่กๆ” คราวนี้เจ็บหนักยิ่งกว่าเดิม กู้หมิงเฉียวนั้นกระอักเลือดออกมาคำโตจากลูกเตะพิฆาตของชายข้างกายของคนงาม
“บังอาจ บังอาจ เจ้าเป็นสามีของมันหรอกหรือ คิดว่ามีสามีแล้วข้าจะไม่กล้าฉุดคร่าเอามาเป็นเมียรึยังไง พวกเจ้ายืนเฉยอยู่ทำไม ไปทำร้ายมันแล้วเอาตัวคนงามมาให้ข้า” อันธพาลตระกูลกู้ประกาศกร้าว ลูกสมุนอีกห้าคนที่มาด้วยก็ปรี่เขาไปล้อมจางหย่งเอาไว้ หมายจะใช้กำลังเข้ารุมทำร้ายให้สิ้นสภาพ
ด้านจางหย่งเองกลับยืนนิ่งอย่างสงบ ทว่าสายตาคมกลับมองไปโดยรอบอย่างหมายมาดพร้อมปะทะกำลังได้ทุกเมื่อ
ท่ามกลางเหตุการณ์วุ่นวาย ตลาดกำลังจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นสมรภูมิต่อสู้ ยังไม่ทันได้มีใครลงมือ มีคนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาเสียก่อน
“พวกเจ้าทุกคน หยุดเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มร่างสูงในชุดผ้าไหมหรูหราเดินเข้ามาพร้อมกับกระชับกระบี่ข้างกายไว้แน่น หลิวซีซวนที่กำลังขวัญผวาเมื่อหันไปเห็นชายผู้มาใหม่ ก็ต้องตะลึงตาค้าง
หล่อ หล่อมาก หล่ออีกแล้วแม่
ทำไมที่แคว้นเว่ยถึงมีแต่คนหล่อๆ กันนะ
ชายผู้นี้สวมชุดสีน้ำเงินเข้มสะอาดสะอ้าน ข้างเอวมีป้ายหยกบางอย่าง ใบหน้าหล่อเหลา ผิวขาวสะอาดเหมือนอาบน้ำตลอดเวลา
นี่มัน..โอปป้าแห่งโลกจีนโบราณชัดๆ
หากเทียบกันแล้ว จางหย่งนั้นหล่อเหลาแบบคมเข้ม เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งบุรุษเพศ คนผู้มาใหม่นั้นก็หล่อละมุน สไตล์ศิลปินเกาหลี ท่าทางนั้นก็เต็มไปด้วยอำนาจ ไม่เกรงกลัวอันธพาล ดูท่าทางจะไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่
ฉับพลัน เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองมองเห็นรัศมีเรืองรองของร่างสูงตรงหน้าแผ่ออกมา สัมผัสได้ด้วยใจว่าชายผู้นี้มีบุญบารมี ดวงชะตาไม่ธรรมดา พลังงานชีวิตล้นปรี่
หลิวซีซวนรีบขยี้ตา สะบัดหน้าปัดความคิดประหลาดทิ้งออกไป
“นี่เราแค่เห็นคนหล่อก็แปลงร่างกลายเป็นซีจิตสัมผัสไปแล้วเหรอ ต้องตาฝาดแน่ๆ”
“ทะเลาะวิวาทกลางตลาด มีความผิด ฉุดคร่าผู้อื่นที่ไม่ได้เต็มใจก็มีความผิด กู้หมิงเฉียว เจ้าอยากไปนอนในคุกสักคืนหรือไม่ ข้าจะได้ไปแจ้งบิดาของข้า”
ชายผู้มาใหม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงมากอำนาจ
“นี่ใครหรือ ลี่จู” เกอรูปงามกระซิบถามสหาย
“คนผู้นี้มีชื่อว่าหลี่เฉียงฮุย เป็นบุตรของท่านเจ้าเมือง ข้าได้ยินว่าเขาไปรับราชการเป็นขุนนางในราชสำนักด้วย”
อ้อ ที่แท้เป็นบุตรเจ้าเมืองนี่เอง เจ้าอันธพาลกู้หมิงเฉียวจึงไม่กล้าต่อกร มีเพียงแค่ออกอาการหงุดหงิดฮึดฮัดเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เหลือเพียงแค่ชายรูปงามสไตล์โอปป้าที่เดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางสุภาพ
“คุณชาย ท่านเป็นอะไรหรือไม่”
โอ้โห ความสว่างไสวเข้าเล่นงานจนตาพร่า หลิวซีซวนถึงกับมองคนหล่อแสนดีจนตาลอย
หรือว่าคนนี้ที่ท่านตาหามาให้เป็นสามีของข้า
ข้าบอกเลยนะ ข้าไม่ติด ไม่ติดมากๆ เลย ท่านตาหลิวหงชิง
“ข้าได้ยินว่า ท่านคือคุณชายตระกูลหลิวที่เพิ่งกลับมาจากต่างเมือง เช่นนั้นท่านควรระวังพวกอันธพาลพวกนั้นไว้เสียบ้าง”
“เอ่อ ขอบคุณขอรับ ใต้เท้าหลี่”
“เรียกข้าว่าคุณชายหลี่ธรรมดาเถิด เมื่อกี้ท่านบอกว่าจะจัดทำการแสดงที่โรงเตี๊ยมตระกูลหลิวหรือ”
“ใช่ ข้าขอเชิญคุณชายและขุนนางทุกคนไปร่วมชมเลยนะขอรับ ข้ารับรองว่าพวกท่านจะไม่ผิดหวัง”
หลิวซีซวนเปิดปากเอ่ยเรียกลูกค้าทันที เรียกสายตาเอ็นดูจากคุณชายหลี่ได้ไม่น้อย
“ได้ เช่นนั้นข้าจะไป แล้วเจอกัน” เขาเอ่ย ก่อนจะผละออกมา ก่อนจะหันเหสายตาไปยังบ่าวชายข้างกายที่กำลังทำหน้าไม่ถูก
หลี่เฉียงฮุยยกยิ้มมุมปากอย่างขบขันกับโชคชะตาของตน
บางสิ่งต่อให้ใช้คนเป็นกองทัพตามหากลับไร้วี่แวว ตัวเขาเพียงกลับมาเยี่ยมบ้านเก่า กลับได้เจออย่างง่ายดาย
ให้ตายเถอะ ตัวของข้า หลี่เฉียงฮุย ช่างเป็นคนที่มีโชคเหลือเกิน
เจ็ดวันต่อมา โรงเตี๊ยมตระกูลหลิวก็ปรับโฉมใหม่ให้ดูสดใสสว่างไสว สมกับที่ซุปตาร์คนดังทะลุมิติมาเข้าร่างนักแสดงในวันนี้ โรงเตี๊ยมแห่งนี้ที่เคยดูเงียบเหงากลับเปลี่ยนเป็นคึกคักได้ในพริบตา ชื่อเสียงคนงามตระกูลหลิวขจรขจาย หากผู้ใดได้ยลโฉมเพียงครั้งย่อมเก็บไปฝันถึง หากไม่เคยพบก็ย่อมหาทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลหลิวเพื่อได้ยลความงามกับตา บรรยากาศโรงเตี๊ยมคึกคัก คนงานทุกคนต่างเร่งมือกันทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ตู้ลี่จูที่รับหน้าที่ดูแลในครัวนั้นยุ่งจนหัวหมุน ตู้เจาคอยต้อนรับแขกที่หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ส่วนตู้เฉิงทำหน้าที่ดูแลกระเป๋าเงินและความเรียบร้อยทั้งหมด ส่วนดาวเด่นในวันนี้ที่ไปสร้างเรื่องในตลาดจนคนโจษจันนั้นกำลังเตรียมตัวทำการแสดงอยู่หลังม่านวันนี้ หลิวซีซวนอยู่ในชุดสีแดงสดขับผิวขาวให้เปล่งประกาย ผ้ารัดเอวสีแดงถูกดึงให้แน่นขึ้นราวกับคอร์เซ็ทจนคนงามที่เอวบางอยู่แล้ว ยิ่งเอวคอดน่าสัมผัสขึ้นไปอีก ลำคอเปิดกว้างเผยให้เห็นไหปลาร้าขาวสะท้อนแสงยั่วยวนจิตใจ ชุดสวยถูกดัดแปลงให้ดูทะมัดทะแมงทว่าแฝงไว้ด้วยความยั่วเย้าอันน่าหลงใหล ปลายชุดมีกระดิ่งติดเอาไว้ เมื่อเดินกรุยกรายไปทางไหนก็มีเสียงกรุ๊งกริ๊งดังเสนา
“เอาล่ะขอรับ นายท่านทุกคน ข้าขอบคุณแขกทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานเปิดการแสดงครั้งแรกของโรงเตี๊ยมตระกูลหลิว บัดนี้ถึงเวลาที่รอคอยแล้ว เชิญทุกท่านพบกับการแสดงระบำประยุกต์จากคุณชายหลิวได้เลย”สิ้นเสียง ม่านการแสดงก็เปิดขึ้น รอบบริเวณนิ่งสงัดแม้แต่เสียงหายใจก็ยังไม่มี แขกที่เข้ารับชมการแสดงในวันนี้ ตั้งหน้าตั้งตารอชมคนงามอย่างใจจดใจจ่อจนแทบลืมหายใจ เมื่อม่านเปิดขึ้น ไฟในตะเกียงโดยรอบก็หรี่ให้มืดลง มีเพียงแสงไฟบนเวทีที่ส่องสว่างสะท้อนร่างระหงในชุดแดงให้เปล่งประกายราวกับเทพเซียนกรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง!ทันทีที่เขาเริ่มขยับกาย ทุกคนก็รู้สึกราวกับถูกมนตร์สะกด เสียงดนตรีที่บรรเลงเนิบนาบเข้ากันดีกับการขยับที่เชื่องช้า ทว่าทรงพลังของหลิวซีซวนเขาเริ่มการแสดงด้วยการร่ายรำแบบจีนซึ่งประยุกต์มาจากประสบการณ์ที่เคยเล่นเป็นนักแสดงงิ้วในฮ่องกงในหนังสั้นเรื่องหนึ่ง เขาขยับย้ายกายไปมาด้วยท่วงท่างดงามทรงเสน่ห์ ช่วงชิงหัวใจของผู้ชม ยิ่งยามที่ใบหน้างามแย้มยิ้ม แล้วปรายสายตามาทางผู้ชมด้วยดวงตาดอกท้อหวานฉ่ำ เหล่าบุรุษก็รู้สึกราวกับกำลังตกหลุมรักคนงามเข้าอย่างจังคุณชายหลิวผู้นี้เป็นนางจิ้งจอกหรือยังไง เหตุใดจ
ทางด้านบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ในห้องรับรอง บรรยากาศกลับเงียบสงบแตกต่างจากด้านล่างราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ชายผู้มากบารมีมองไปยังเวทีด้วยสายตาลึกล้ำ ความคิดเขานั้นหาได้ตื้นเขินเหมือนกับพวกคนหนุ่มหรือบุรุษไร้หัวคิดที่หลงใหลกับเกอรูปงาม“นายท่าน ดูเหมือนว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะฟื้นตัวในไม่ช้าเป็นแน่ หากได้เกอผู้นั้นมาร่ายรำทุกวัน” ชายที่ถูกเรียกว่านายท่านยกจอกสุราขึ้นดื่ม ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ“เกอผู้นั้นร่างกายอ่อนแอยิ่งนัก หลังการแสดง หอบหายใจหนัก ลมหายใจติดขัด พลังปราณมีปัญหา หยินหยางไม่สมดุล การแสดงที่ใช้พละกำลังเช่นนั้นจะทำได้เท่าไหร่กันเชียว อีกหน่อยที่นี่คงวุ่นวายไม่น้อย เพราะชาวบ้านที่ไร้สติปัญญาคงพากันยื้อแย่งเกอรูปงามกันไม่เว้นวัน”“โอ้ นายท่านช่างมีสติปัญญาเฉียบแหลมยิ่งนัก”“ข้าก็แค่พูดไปเรื่อย วันนี้ข้าก็แค่อยากมาดูหน้าทายาทตระกูลหลิวก็เท่านั้น ถึงแม้พวกมันจะทำข้าเจ็บแสบไม่น้อย แต่ดูจากสภาพแล้ว ทายาทคนนี้คงอายุไม่ยืนสักเท่าไหร่ ข้าไม่อยากเสียเวลากับเกออ่อนแอ ที่มีดีแค่ยั่วยวนบุรุษ”“จริงขอรับ นายท่าน”“คิดเสียว่าวันนี้ ข้าพาเจ้ามาผ่อนคลายก็แล้วกัน ยังมีงานใหญ่รอเราอยู่ในวันหน้า” นา
จางหย่ง หรือนามจริงก็คือ เซวียนจางหย่ง ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย เจอใครไม่เจอดันมาเจอกับสหายดวงดีผู้นี้“เจ้านี่มันมีโชคสมคำร่ำลือเสียจริง ข้าเดินทางมาไกลถึงเหิงเยว่ เจ้าก็ยังตามมาพบ”“นับว่าข้านั้นมีวาสนานักที่ได้เห็นหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับตงฉางผู้เลื่องชื่อเดินตามประคบประหงมเกอคนงามไม่ห่างต่อหน้าต่อตา เกิดมาข้าไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นคนเคร่งขรึมบ้างานเช่นเจ้า สนใจสตรีหรือเกอคนใดมาก่อน หลิวซีซวนผู้นี้มีเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆ ที่สามารถดึงดูดขุนนางคนสำคัญของหน่วยสืบราชการลับอย่างท่านมาเป็นบ่าวรับใช้ข้างกาย” หลี่เฉียงฮุยเอ่ยด้วยสีหน้าล้อเลียน การได้เห็นบุรุษผู้ดุดันแข็งแกร่งดุจหินผา กำลังทำหน้าดำสลับแดงนั้นช่างบันเทิงใจเหลือเกิน“เจ้าอย่าพูดเหมือนข้าหนีงานได้หรือไม่ ข้าประสบอุบัติเหตุบางอย่างจนความจำเสื่อมไปพักใหญ่ จึงได้มาอยู่กับหลิวซีซวน”“อ้อ ท่านประสบเหตุร้ายนั่นเองจึงได้พบรัก สวรรค์คงเห็นใจแม่ทัพเซวียนที่อยากอุ้มหลานเต็มแก่ จึงชักนำให้ท่านได้เจอคนงาม”“เจ้าอย่าพูดไร้สาระ เขาหาใช่คนรักของข้าไม่” หลี่เฉียงฮุยกดยิ้มมุมปากอย่างขบขัน ก่อนจะส่ายหน้าไปมา“เอาเถิด เจอท่านก็ดีแล้ว ท่านควรร
“เจ้าคงไม่เห็นท่านอ๋องหรอก ท่านหัวหน้าหน่วยตงฉาง เพราะวันนี้สายตาทั้งหมดจับจ้องอยู่ที่ฮูหยินคนงามเพียงผู้เดียว” คุณชายหลี่เอ่ยพร้อมกับยักคิ้วล้อเลียนสหาย“หลิวซีซวนมิใช่ฮูหยินของข้า” ชายหนุ่มเอ่ยปฏิเสธทันที“นั่น ข้ายังไม่ทันได้บอกเลยว่าเขาคือใคร เจ้าพูดออกมาเองเลยนะว่าคนผู้นั้นคือฮูหยิน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าอยู่กับคนงามมาตั้งนานจะไม่รู้สึกหวั่นไหว รู้ตัวบ้างมั้ยว่าเจ้า หลงเกอแซ่หลิวคนงามในชุดสีแดงร้อนแรงจนไม่ชายตาแลผู้ใดแล้ว” หลี่เฉียงฮุยยังไม่วายวกกลับมาล้อเลียนเซวียนจางหย่งอีกครั้ง“แต่เดิม เขาผู้นั้นมิใช่คนแซ่หลิว เขาแซ่เหอ”คุณชายหลี่นิ่งคิดไปพักใหญ่ ก่อนจะเบิกตากว้าง“แซ่เหอ ชื่อซีซวน หา!!! เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าคนผู้นี้คือเหอซีซวน บุตรเกอของคหบดีเหอชาง เกอผู้มีความงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงหรือ ข้าได้ยินว่าเขาเพิ่งถูกถานตงหยางสูบเลือดสูบเนื้อจนหมดตัว แล้วขับไล่ออกมาเพราะคบชู้ เจ้าอย่าบอกนะว่า เจ้าเป็นชู้คนนั้น”เซวียนจางหย่งนึกเสียดายที่ตนไม่ได้พกกระบี่ข้างกาย ไม่เช่นนั้นคงได้จ้วงแทงสหายให้หลาบจำเสียที“ข้าดูเหมือนคนต่ำช้าขนาดนั้นเหรอ”“แต่ท่านเคยชอบคุณชายเหอ”“ข้าไม่ได้ชอบ”
เช้าวันต่อมา ฮูหยินตระกูลกู้ก็แทบเป็นลมเมื่อเห็นสภาพบุตรชายคนเล็กของตนสิ้นสภาพ เหล่าลูกสมุนที่หามกู้หมิงเฉียวเข้ามาในเรือนสภาพก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ ปกติกู้หมิงเฉียวนั้นเกเรชอบหาเรื่องชาวบ้านอยู่บ่อยครั้ง แต่คนในเมืองเหิงเยว่ก็ไม่เคยลุกขึ้นมาต่อกรกับเขาเลยสักครั้ง เพราะเห็นว่าลุงของเขามีตำแหน่งใหญ่โต กู้หมิงเฉียวคอยอวดเบ่งและรังแกชาวบ้านมาตลอด ทว่าครั้งนี้กลับเขียวช้ำไปทั้งตัว แม้แต่ตาทั้งสองข้างยังบวมเป่ง ปิดไม่สนิท“ลูกแม่ เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าจึงเป็นเช่นนี้” นางกู้หลินเอ่ยถามอย่างร้อนใจหลังจากที่ท่านหมอมาดูอาการของบุตรชาย แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่หนักหนาถึงชีวิต แต่ก็ต้องรักษาตัวอยู่นานกว่าบาดแผลตามตัวจะหายสนิทใครมันกล้าลงมือกับบุตรชายที่รักของเธอกัน“ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้า เป็นคนของโรงเตี๊ยมตระกูลหลิวมันทำร้ายลูก ไอ้บ่าวชายของคุณชายหลิว มันไม่ไว้หน้าลูกสักนิด ท่านแม่ต้องทำอะไรสักอย่างนะขอรับ” เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ในหัวผุดวิธีชั่วช้าเพื่อมากลั่นแกล้งโรงเตี๊ยมคู่แข่งออกมาได้สารพัดวิธี ทว่าจู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ก่อนที่นายท่านกู้ผู้เป็นบิดาของกู้หมิงเฉียวจะบุกเ
หลังจากทำการแสดงเสร็จ หลิวซีซวนก็แทบจะลมจับ เขาเริ่มมีความคิดอยากจะทำยาดมขายเหลือเกินเพราะเวลานี้ มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าร่างนี้มีอายุน้อยกว่าร่างเดิมของเขาด้วยซ้ำ แต่กลับอ่อนแอบอบบางยิ่งนัก พอนักแสดงมืออาชีพใช้พลังขั้นสูงในการถ่ายทอดการร่ายรำบนเวที ก็เหนื่อยจนแทบจะหมดลมเฮ้อ เวียนหัวจริงๆคืนนั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลับมานอนที่ห้องได้อย่างไร คาดว่าคงเป็นบ่าวหน้าหล่อที่ชอบเล่นตัวผู้นั้นพาเขามานั่นแหละจะว่าไป พูดถึงเมื่อคืนก็ชวนให้แช่มชื่น เขาเห็นถุงเงินของโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยตำลึงเงินก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าวัตถุประสงค์หลักในการหาเงินเพื่อยังชีพจะสำเร็จไปด้วยดีถ้าหาเงินได้แบบนี้ทุกวัน ไม่นานตระกูลหลิวคงได้เป็นเศรษฐีอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เขาได้เห็นหนุ่มหล่อมากมายที่ท่านตาส่งมาให้ดูตัว น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มีโอกาสสนทนากับใครมากนัก แต่เขาก็พอใจไม่น้อยที่ได้มาเกิดใหม่ยังโลกที่เต็มไปด้วยคนหน้าตาดีแต่จะดีกว่านี้ ถ้าเจ้าบ่าวขี้เก๊กคนนี้จะยอมใจอ่อนให้เขาเสียบ้างหลิวซีซวนตื่นขึ้นมาร่วมรับประทานอาหารเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากับทุกคน วันนี้คนในตระกูลหลิวนั้นมีส
วันต่อมา โรงเตี๊ยมตระกูลหลิวก็ยังแน่นไปด้วยผู้คนเช่นเคย ตู้เฉิงยิ้มหน้าบานต้อนรับแขกเหรื่อทั้งเก่าและใหม่อย่างคล่องแคล่ว หลังจากที่คุณชายหลิวได้ทำการแสดงอันน่าทึ่งไปเมื่อวาน คนก็เอาไปโจษจันไปทั่ว ทำให้วันนี้มีทั้งชายหญิงมากมายมุ่งตรงมายังโรงเตี๊ยมเก่าแก่เพื่อจะได้ยลความงามและความสามารถของเกอจากตระกูลดังไม่เพียงแค่ชาวบ้านหรือคหบดีเท่านั้น วันนี้แม้แต่ท่านเจ้าเมืองหลี่ก็ควงคู่ฮูหยินมาด้วย เมื่อผู้มาเยือนเป็นถึงบุคคลสูงศักดิ์ หลิวซีซวนจึงต้องให้เกียรติออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง“คารวะท่านเจ้าเมืองหลี่ ฮูหยิน และคุณชายหลี่ขอรับ” หลิวซีซวนในชุดแดงตรงเข้ามาทำความเคารพเจ้าเมืองอย่างนอบน้อม เรียกสายตาชื่นชมจากผู้คนที่ตั้งใจมาชมคนงามได้ไม่ยากตัวจริงงามถึงเพียงนี้ หากได้ใกล้ชิดด้วยสักครั้ง นับว่าตายไม่เสียชาติเกิด“ไม่ต้องมากพิธี คุณชายหลิว เมื่อสมัยเด็กๆ ข้าก็เคยได้ยินเรื่องราวของตระกูลหลิวมากมาย เคยได้พูดคุยกับท่านผู้เฒ่าหลิวเป็นครั้งคราว นับว่าวันนี้คนกันเองทั้งนั้น” เจ้าเมืองเอ่ยอย่างเป็นกันเอง“คุณชายหลิวผู้นี้ช่างงดงามเสียยิ่งนัก งดงามยิ่งกว่าผู้ใดในเหิงเยว่เลยด้วยซ้ำ ซ้ำยังมีความสามารถจน
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา