ให้ทายว่า เซวียนจางหย่งอุ้มเขาไปที่ไหน
หลังจากที่ขยับความสัมพันธ์เป็นคนที่กำลังจะแต่งงานกัน หากมีโอกาส เซวียนจางหย่งก็ไม่เคยที่จะปล่อยให้หลิวซีซวนห่างกาย บุรุษหน้าตายแห่งหน่วยตงฉางอุ้มคนงามเข้าเรือนของตัวเองอย่างไม่มีเหนียมอาย
“เอ่อ เหตุใดเจ้าจึงพาข้ามาที่นี่”
สิ้นคำ เขาก็โดนปล้นจูบอย่างดุเดือดบนเตียงนุ่มของเซวียนจางหย่ง หลิวซีซวนนั้นแม้จะตกใจแต่ก็ไม่คิดที่จะผลักไส เขาจะต้องแสดงแสนยานุภาพในฐานะที่เป็นตัวแทนของคนต่างโลก ไม่อยากจะอวดว่าสมัยเป็นนักแสดง เขาได้ฉายาว่าพระเอกจูบดุมาด้วย ฉะนั้นเรื่องอะไรจะต้องยอมกัน
ทั้งคู่ป้อนจูบดูดดื่มให้แก่กันจนแทบลืมวันเวลา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หลิวซีซวนแทบจะหายใจไม่ออก แล้วผลักคนตัวใหญ่ออกมา
“แฮ่กๆๆ เจ้าเป็นอะไรเนี่ย”
“ขออภัย เจ้างามเกินไป ข้าอดใจไว้ไม่ไหว”
พูดได้ดี พูดดีสมกับเป็นว่าที่สามีคนบ้ายออย่างเขา
“เมื่อครู่ เจ้าพบกับถานตงหยาง เจ้ารู้สึกอะไรบ้าง” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วคล้ายกับไม่แน่ใจในคำถามของตัวเอง
“รู้สึกสิ รู้สึกรังเกียจ คนบ้าอะไรหน้าถีบชะมัด ดีแต่พูดเอาดีเข้าตัวเอง”
“เจ้าไม่ได้ เอ่อ ไม่ได้คิดถึงห่วงหาอะไรบุรุษผู้นั้นแล้วหรือ”
“ห๊ะ คิดถึง ห่วงหา ไม่มีสักนิด ทำไมข้าต้องรู้สึกเช่นนั้นด้วย คนแบบนั้นหากเป็นไปได้ ข้าก็ไม่อยากจะพบเจออีกเลย”
“แสดงว่าเจ้าหมดรักเขาแล้ว”
หลิวซีซวนชะงักไปครู่หนึ่ง พร้อมกับกะพริบตาปริบๆ
จริงสิ เจ้าของร่างเดิมนั้นรักปักใจกับถานตงหยาง จนถึงขั้นไม่ยอมหมั้นหมายกับคนตรงหน้าทีเดียว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหากเหอซีซวนยังไม่ตาย จะรู้สึกเช่นไร
“นอกจากความเกลียดชังแล้ว ข้าไม่มีสิ่งใดให้กับบุรุษน่ารังเกียจผู้นั้น ยามนี้ในใจข้ามีเพียงแค่เจ้า โปรดเชื่อใจข้า”
“ข้าเชื่อใจเจ้า แต่ไม่เชื่อใจมัน” เขาเอ่ยพร้อมกับใช้จมูกซุกไซ้หยอกล้อที่แก้มเนียนช้าๆ ก่อนจะถามต่อ
“เจ้าอยากแก้แค้นคนพวกนั้นหรือไม่ ข้าจะช่วยเจ้า”
หลิวซีซวนนิ่งคิดไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบ
“ไม่ต้องหรอก เรื่องนั้นให้ข้าเป็นคนจัดการเองดีกว่า ว่าแต่” ทำไมเจ้ามาที่ร้านอาหารได้”
“ข้าอยู่ที่ร้านอาหารอยู่แล้ว มาจับตามองกลุ่มของแม่ทัพหวงด้วย”
“อ้าว อยู่ร้านเดียวกัน เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าท่านเห็นข้าทำการแสดงหรือ”
“เห็นหมดนั่นแหละ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกครั้งที่เจ้าปรากฏตัวบนเวที เจ้ามีเสน่ห์ดึงดูดมากเพียงใด บุรุษได้เห็นเพียงครั้งก็ถึงกับหวั่นไหว เก็บเอาไปนอนฝัน ข้าอยากจะจับเจ้าขังเอาไว้ ไม่ให้ไปไหน แต่ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสุขกับการร่ายรำบนเวทีมาก”
เขาเอ่ยด้วยความรู้สึกหึงหวง ก่อนจะดึงคนงามเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
เป็นอีกครั้งที่เขาได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากอีกฝ่าย
จางหย่งนั้นติดสัมผัสไม่น้อย
“จางหย่ง เจ้าช่างแสนดีเหลือเกิน”
“เรียกว่าพี่จางหย่งได้หรือไม่”
“พี่จางหย่งคนดี ถึงแม้ว่าข้าจะชอบทำการแสดง แต่ข้าชอบท่านมากที่สุด ท่านมาเติมเต็มจิตใจอันอ้างว้างเหี่ยวเฉาของข้าให้ชุ่มฉ่ำ ข้าอยากทำให้ท่านเป็นบุรุษที่มีความสุขที่สุดในโลก” เขาเอ่ย ก่อนจะเบียดตัวแนบชิดเซวียนจางหย่งอย่างออดอ้อน
วันนี้ต้องทนกินอาหารหมา มองดูองค์ชายห้ากับแม่ทัพหยวนหวานกันต่อหน้ามาหลายชั่วโมง ค่ำคืนนี้เขาขอหวานบ้างเถอะ
“เพียงแค่มีเจ้าอยู่ข้างกาย ข้าก็มีความสุขแล้ว”
หลิวซีซวนมองบุรุษตรงหน้าอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“พี่จางหย่งจ๋า ข้าร้อนเหนียวตัวเหลือเกิน คืนนี้มาอาบน้ำด้วยกันได้หรือไม่”
คืนนั้น เขาได้แช่น้ำเพียงลำพังในจวนของตนเองโดยมีบ่าวไพร่จากตระกูลเซวียนคอยรับใช้ ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอยเด่นเหนือฟากฟ้า ทั้งที่มันควรจะเป็นค่ำคืนแสนหวานสุดโรแมนติก แต่กลับกลายเป็นคืนที่แสนจะเหี่ยวเฉา
ข้างดงามเพียงนี้ ยั่วยวนเพียงนี้ แต่บุรุษน่าตายกลับอุ้มข้ามาส่งที่เรือนพร้อมกับสั่งให้บ่าวไพร่เตรียมน้ำให้ข้าอาบ
และใช่ ข้าอาบน้ำเพียงลำพัง ไร้เหงาเซวียนจางหย่ง
ให้ตายเถอะ บุรุษผู้นั้นบอกว่าต้องการให้เกียรติเขา ไม่ควรชิงสุกก่อนห่าม
รู้ถึงไหน อายถึงนั่น หากบรรพบุรุษในมิติส่วนตัวของเรารับรู้ได้ ชายชราผู้นั้นคงหัวเราะจนฟันหัก
สวรรค์ ได้โปรดฝากคำพูดข้าไปบอกเขา ข้าไร้เกียรติให้รักษา แถมยังหน้าด้านหน้าทน ไม่ต้องให้เกียรติข้า ได้โปรดมาร่วมหอกับข้า ข้าอยากเสียตัวจะตายอยู่แล้ว
ณ จวนรองเก้ากรมโยธา เสียงทะเลาะของสามีภรรยาดังลั่นเช่นทุกคืน ทว่าคืนนี้ดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อภรรยาอย่างเซี่ยอ้ายเหม่ยจับได้คาหนังคาเขา“ท่านพี่ เหตุใดท่านไม่พูดอะไรสักคำ ที่ข้าเห็นเมื่อกี้มันคืออะไร แอบพาเกอแพศยามากินดื่มที่ห้องอาหารส่องดาว ท่านพี่ทำเช่นนี้ ไม่เห็นแก่หน้าข้าเลย” หญิงสาวโวยวายเสียงดัง ใบหน้างามมีหยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มไม่หยุด ความรักครั้งนี้เธอยอมแลกหลายอย่าง ถึงขั้นยอมทำตัวเลวร้าย แย่งชิงบุรุษมาจากผู้อื่น สังหารภรรยาเก่าของเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ต้องมาเห็นสามีของเธอยื้อแย่งบุรุษกับผู้อื่นอย่างหน้าด้านๆซ้ำยังกล้าปัดความผิดมาให้เธออีก เหตุใดถานตงหยางถึงได้ใจดำเช่นนี้“เซี่ยอ้ายเหม่ย หยุดทำตัวน่ารำคาญสักที ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าข้าไปทำงาน”“ทำงาน ท่านก็อ้างว่าทำงานทุกครั้ง แต่ที่ข้าเห็น มันไม่ใช่ ท่านไปกับเกอผู้นั้น ท่านออกไปกับนังแพศยา เหอซีซวน”“เหตุใดต้องพูดถึงเหอซีซวนด้วย คนก็จากไปแล้ว เจ้าควรจะปล่อยวาง”“ทำไมข้าจะพูดถึงไม่ได้ ทำไมหรือ ท่านพี่ ท่านยังอาลัยอาวรณ์มันนัก พอมันกลับมาก็คิดจะสานสัมพันธ์ กลับไปกินของเก่า แล้วข้าเล่า ข้าผู้นี้คือฮูหยินของท่าน ท
เป็นอีกครั้งที่เซี่ยอ้ายเหม่ยกรีดร้องจนแทบสิ้นสติ ทว่าสองแม่ลูกแซ่ถานก็ไม่ได้แยแสกลับเดินจากไปราวกับเธอเป็นเพียงแค่ฝุ่นละออง ไร้ความสำคัญ“ฮูหยิน ท่านหยุดร้องแล้วกลับไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่สบาย” บ่าวสาวข้างกายรีบปรี่เข้ามาดูแลเจ้านายทันที หลังจากถานตงหยางเดินจากไปแล้ว“ข้าจะทำเช่นไรดี ทุกวันนี้ท่านพี่ก็หมางเมินข้ามากขึ้นทุกวัน” “ฮูหยิน นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน นายท่านเพียงแค่ทำงานยุ่งมาก โปรดสงบใจเถิดเจ้าค่ะ”“ข้าเห็นพวกเขากอดกันอยู่ตำตา จะให้เข้าใจว่าอย่างไร แต่เดิมท่านพี่ก็ห่างเหินกับข้ามากอยู่แล้ว ยามนี้ยังมีคนที่ละม้ายคล้ายกับเหอซีซวนมายั่วยวนท่านพี่ถึงเมืองหลวง ข้าไม่ยอมให้มันอยู่อย่างสงบแน่”หญิงสาวเอ่ยอย่างหมายมาด ดวงตาทอประกายร้ายกาจในเมื่อเธอไม่มีความสุข ก็อย่าหวังว่ามันจะมีความสุข“เฮ้อ ข้าง่วงยิ่งนัก เลี่ยงหรง นี่เราต้องทนดูละครปาหี่นี่ไปอีกนานเพียงใดกันแน่” เลี่ยงชิงเอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังนั่งอยู่บนหลังคาจวนของถานตงหยาง เขาได้รับคำสั่งให้มาติดตามดูความเคลื่อนไหวของคนสนิทของเสนาบดีเซี่ยตั้งแต่มาถึงที่เมืองหลวง เพื่อสืบให้แน่ใจว่าจวิ้นอ๋องยังมีแผนร้ายอะไร
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา บรรยากาศในเมืองหลวงนั้นขมุกขมัวมากกว่าแต่ก่อน หลิวซีซวนอยู่ในชุดขาวลายหงส์แดงประจำตัว ยืนอยู่หน้าจวนพระราชทานเห็นความผิดปกติแต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไรบางครั้งก็รู้สึกเหมือนกับมีความชั่วร้ายกำลังสิงสู่ แต่คิดอีกทีก็อาจจะเป็นเพราะความสับสนวุ่นวายของผู้คนในเมืองหลวง ที่มีทั้งดีชั่วปะปนกันก็ได้“ทำไมข้าจึงได้รู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้”“ความสามารถด้านการทำนายของเจ้ากลับมาแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่ลองตรวจดู” เซวียนจางหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายในชุดขุนนางเต็มยศ หันมาถามเขาบ้าง“แปลกเหลือเกิน ข้าก็คิดว่าความสามารถข้ากลับมาแล้ว แต่จู่ๆ มันก็หายไปอีก บางทีร่างกายของข้าอาจจะต้องการเวลามากกว่านี้ก็เป็นได้” แม้ว่าเขาจะสงสัยในตัวเอง แต่ก็จนปัญญาที่จะหาทางออกเวลานี้เขาได้สามีแล้ว ความสามารถอื่นใดล้วนไม่สำคัญ“ช่างมันเถอะ ต่อให้เจ้าไม่มีพลังวิเศษอันใด ข้าก็จะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง” หัวหน้าหน่วยตงฉางเอ่ยคำหวานกับเกอคนงาม จนอีกฝ่ายอายม้วน“จริงขอรับ คุณชายหลิว หัวหน้าของพวกข้ารักคุณชายถึงเพียงนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลทะนุถนอมปกป้องคุณชายเป็นอย่างดีแน่นอน คุณชายโปรดอย่ากังวล” หนึ่งในสม
เมื่อกี้คือมังกรตัวเป็นๆ มังกรพูดได้ด้วย แล้วที่มังกรของฮ่องเต้พูดเมื่อกี้ มันคืออะไรกันแน่“เรื่องแรกที่ข้าอยากจะพูดก็คือ เรื่องของกองทัพที่เอาชนะศึกทางเหนือได้อย่างราบคาบ แม่ทัพหยวนหลี่เฉียงนั้นสร้างคุณงามความดีให้กับแคว้นเว่ย มีชัยเหนือเผ่าสู่ที่เหิมเกริมหนักข้อ ออกทำร้ายชาวบ้านที่เมืองหนิงเฉิง มอบรางวัลเป็นทองสิบหีบ ไข่มุกราตรีสิบหีบ รวมทั้งข้ายังได้จัดสรรที่ดินให้กับแม่ทัพหยวนและนายทหารในกองทัพตามความเหมาะสม”“เป็นพระกรุณาพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมนั้นเป็นทหารทำหน้าที่รับใช้แผ่นดินปกติ ของล้ำค่าควรเมือง กระหม่อมไม่ขอรับ” แม่ทัพหยวนตอบปฏิเสธอย่างแข็งทื่อ หากเป็นคนอื่นเอ่ยเช่นนี้ อาจจะทำให้ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงกริ้ว แต่เพราะเขารู้จักแม่ทัพหยวนผู้นี้ดีจึงเข้าใจ นักรบเช่นแม่ทัพหยวน ไม่ได้ต้องการเงินทอง แถมเขาไม่ถนัดเรื่องการประจบสอพลอสักเท่าไหร่“ส่วนเจ้า องค์ชายห้าเฉินหนิงจิน เจ้าทำให้พ่อประทับใจมาก ข้าได้ข่าวว่าเจ้าเร่งทัพไปช่วยทางเหนือจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน ไปถึงก็นำยาถอนพิษมอบให้กับคนในกองทัพกิน จนอาการดีขึ้นและสามารถพลิกกลับมาเอาชนะเผ่าสู่ได้”“เสด็จพ่อกล่าวเกินไปแล้ว ลูกนั้นโชคดีมีกุนซ
“เอาล่ะ เรื่องของกองทัพเหนือจบไปแล้ว มีเรื่องอะไรอีกหรือไม่”เสนาบดีเซี่ยโม่โฉวรีบก้าวขึ้นมาด้านหน้า ก่อนจะรายงานด้วยน้ำเสียงดังชัดเจน“ทูลฝ่าบาท แคว้นเว่ยนั้นระส่ำระสายปั่นป่วนมานาน เมื่อวันก่อนมีเหตุการณ์อาเพศเกิดขึ้น มีทหารถูกสังหารตายแล้วเอาเลือดทากำแพงทั้งสี่มุมเมือง สภาพคล้ายกับถูกทำพิธีบูชายัญ หลังจากนั้นท้องฟ้าก็มืดครึ้ม มองไม่เห็นแสงดาว มีชาวบ้านหลายคนมาร้องเรียนว่าสัตว์เลี้ยงตายอย่างเป็นปริศนา พืชพรรณก็เหี่ยวเฉาอย่างไร้สาเหตุ ปล่อยไว้เช่นนี้ คงไม่ดี”“แล้วท่านคิดเห็นเช่นไร”“พวกเราควรทำพิธีบวงสรวงทวยเทพเพื่อปัดรังควานพ่ะย่ะค่ะ ข้าได้ยินว่ามีหลวงจีนที่วัดจากไห่โอวเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำพิธียิ่งนัก เห็นควรจะเชิญไต้ซือหูมาทำพิธีพะยะค่ะ”แค่ได้ยินคำว่าไห่โอว เฉินเฟยหลงก็มีดวงตามืดดำขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่ใจดีเกินไป คนของจวิ้นอ๋องเลยคิดว่าเขาโง่ จนยอมปล่อยให้อีกฝ่ายติดตามคณะหลวงจีนกลับมาทำพิธีที่เมืองหลวงหรือ“เจ้าหมายถึงหลวงจีนจากวัดเดียวกับที่จวิ้นอ๋องไปบวชหรือ น้องชายของข้าคนนี้ช่างแสนดีนัก ยอมออกบวชอุทิศบุญกุศลให้กับประชาชน สมแล้วที่เป็นผู้มีศีล ละทางโล
“โจวเฟิง ท่านอย่าพูดจามากพิธีนักเลย ข้ารู้ว่าคนของหน่วยตงฉางนั้นทำงานหนัก ท่านไปเถิด ไม่ต้องห่วงข้า” เอ่ยจบ เขาก็ปิดประตูรถม้าแล้วเดินทางจากไปโดยที่โจวเฟิงนั้นคอยมองจนอีกฝ่ายลับสายตา ใบหน้าเคร่งขรึมมั่นคงจึงเผยรอยยิ้มชั่วช้าออกมา ก่อนจะเดินกลับไปทางเดิมอีกครั้งเพื่อไปพบกับใครบางคน“ท่านแม่ทัพหยวน ท่านอยู่ที่นี่นี่เอง ข้านึกว่าท่านกลับไปเสียแล้ว” โจวเฟิงเอ่ยทักหยวนหลี่เฉียงด้วยท่าทางเร่งร้อน“เกิดอะไรขึ้น”“หัวหน้าของข้า เซวียนจางหย่ง ต้องการปรึกษาธุระสำคัญกับท่าน เป็นธุระที่ไม่อาจแพร่งพราย โปรดตามข้ามาตามลำพังเถิด” โจวเฟิงพาแม่ทัพหยวนเดินลัดเลาะออกมาทางด้านหลังของวังหลวงอย่างคล่องแคล่วว่องไว สมกับที่ทำงานในหน่วยตงฉาง หลวงจีนนอกรีตที่สิงสู่ร่างคนหนุ่มนั้นพึงพอใจกับตนเองไม่น้อย นับว่าการที่สับเปลี่ยนวิญญาณกับคนของหน่วยตงฉางถือเป็นเรื่องที่ตัดสินใจถูกที่สุด เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่มีใครระแวงสงสัยเลยสักนิดชริ้ง!!ทว่า จู่ๆ ก็มีดาบคมมาพาดที่ลำคอของเขาอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัว โจวเฟิงหรือไต้ซือไป๋ถึงกับตัวแข็งค้างไม่กล้าขยับ ก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ให้เต็มสองตา“ท่านชักด
ตั้งแต่กลับมาจากราชสำนัก หลิวซีซวนก็ราวกับคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง เขายังจดจำสายตาเอ็นดูปนขบขันของฝ่าบาทได้ไม่เปลี่ยน ดูเหมือนโอรสสวรรค์ผู้นี้จะสนุกกับการใช้งานเขาไม่น้อย ดูเหมือนจะเป็นเวรกรรมที่เขาใฝ่สูงเกินตัว เอ่ยปากขอโสมพันปีต่อหน้าฮ่องเต้ ซ้ำพระองค์ยังประทานให้อย่างไม่อิดออด หากเขาเอ่ยปฏิเสธไม่ยอมช่วยทำพิธีออกไป คงเสียหมาไม่น้อยโสมพันปีชิ้นนี้ มันไม่ได้เป็นเพียงแค่รางวัล แต่มันเป็นของที่ฝ่าบาทเอามาใช้อุดปากไม่ให้หนีชะตากรรมในการเป็นผู้ทำพิธีบวงสรวงทวยเทพ แทนคนของเซี่ยโม่โฉวโฮ มันจะคุ้มกันมั้ยวะเนี่ยบวงสรวงทวยเทพ มันคืออะไร ตั้งแต่เกิดมา สิ่งที่เขาเข้าใกล้ทวยเทพมากที่สุดก็คือการปักตะไคร้ให้ฝนหยุดตอนออกกองเท่านั้นท่านหมอประจำตัวที่ถูกส่งมาจากเซวียนจางหย่งดูจะยินดีปรีดิ์เปรมหนักหนาที่ได้ยลโฉมโสมพันปีกับตา เขารีบนำโสมไปปรุงยาให้เขาอย่างเร่งด่วน ดูเหมือนว่าหนทางที่จะมีมดลูกที่แข็งแรงพร้อมผลิตทายาทของเขาจะใกล้แค่เอื้อม แต่เขากลับหดหู่ยิ่งนักเฮ้อ บวงสรวงทวยเทพ มันทำยังไงโว้ยคืนนี้ หลิวซีซวนกลับเข้าไปในมิติส่วนตัวของตนเองอีกครั้งด้วยท่าทางห่อเหี่ยว หน้าตาดำมืดเหมือนกับโดนของมาเป็น
หลิวซีซวนไม่ได้เร่งรีบแต่ประการใด เขาปล่อยให้สาวใช้ปรนนิบัติอย่างเต็มที่ทั้งขัดสีฉวีวรรณ แต่งแต้มใบหน้าด้วยชาดและแป้งผัดหน้า กลิ่นกายหอมฟุ้งด้วยน้ำมันหอมระเหยสูตรลับ พร้อมกับแต่งกายงดงามราวกับคุณชายเกอผู้อ่อนหวานจากตระกูลใหญ่ใครจะรอ ช่างหัวมัน ไม่ได้เชิญให้มาเสียหน่อยเมื่อเขาเดินออกมาที่ห้องโถงก็พบกับขุนนางจากกรมพิธีการสองคนที่มีท่าทีหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างไม่เก็บสีหน้า ใกล้ๆ กันนั้นมีโจวเฟิงที่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก วางหน้าไม่ถูก ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนที่รับหน้าพวกขุนนางพวกนี้แทนเขากระมัง“คารวะใต้เท้าทั้งสอง ไม่ทราบว่ามาเยือนที่จวนของข้า มีธุระอะไร” ทันทีที่ได้เห็นเกอคนงามที่ดูเปล่งปลั่งบานสะพรั่งเสียยิ่งกว่าตอนที่เจอในท้องพระโรง ก็ถึงกับหายใจผิดจังหวะ หลิวซีซวนในยามที่ดูผ่อนคลายอยู่ในจวนตัวเองนั้นดูงดงามราวกับดอกไม้ป่า ทว่าก็แฝงไปด้วยพลังและความลึกลับบางอย่างที่บอกไม่ถูก แต่เมื่อรู้สึกตัวได้ว่าพวกเขากำลังทำตัวเป็นที่น่าขบขัน ก็ปรับท่าทีให้เคร่งขรึมเช่นเคยต้องไม่ลืมว่าที่เขามาที่นี่เพื่ออะไร“คุณชายหลิว ได้ยินชื่อเสียงมานาน ไม่คิดว่าจะเป็นเกอรูปงามเช่นนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แคว้นเว่ย
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา