บ่ายวันนั้น จบลงด้วยการที่พวกเขาพาอาจ้านไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายท่ามกลางสายตาชื่นชมของชาวบ้าน หลายคนที่หมั่นไส้เซี่ยอ้ายเหม่ยที่ชอบข่มคนอื่นมานาน ถึงกับเดินเข้ามาชื่นชมหลิวซีซวนที่แม้จะมาจากต่างเมือง ก็ยังกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งถูกต้อง
โชคดีที่อาจ้านไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก มีแค่แผลถลอกและเสียขวัญเล็กน้อยเท่านั้น เขาซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียนและหนังสือมาปลอบใจเด็กน้อยตามประสาเศรษฐีตระกูลหลิวผู้ร่ำรวย ก่อนจะพากันกลับจวนอย่างอารมณ์ดี เมื่อมาถึง สาวใช้ที่เซวียนจางหย่งมอบให้ ก็ตรงเข้ามาแจ้งเขาทันที
“คุณชายหลิว ท่านกลับมาแล้ว เมื่อครู่มีแขกของท่านมาพบเจ้าค่ะ เขากำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงรับแขก”
“แขกของข้าหรือ ใครกัน”
“เขาแซ่จิน เขาบอกว่าหากแจ้งคุณชายเช่นนี้ คุณชายก็จะรู้เอง”
หลิวซีซวนทำหน้างุนงงเล็กน้อย ก่อนจะนิ่งคิด
คุณชายจิน แซ่จิน จิน..เดี๋ยวนะ องค์ชายพญานก องค์ชายห้าเฉินหนิงจินน่ะหรือ
เขารีบไปที่ห้องรับแขกที่มีแขกสูงศักดิ์กำลังนั่งคอยอยู่อย่างร้อนรน เมื่อถึงที่แล้วก็รีบทำความเคารพด้วยท่าทางที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี
“ถวายพระพร องค์ชายห้า”
“ลุกขึ้นเถิด อย่ามากพิธีเลย คนกันเองทั้งนั้น” องค์ชายห้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสกว่าครั้งก่อนที่ได้พบกันที่เหิงเยว่ ใบหน้างามเปล่งประกาย มีความสุขกว่าเดิม ซ้ำเสียงยังสูงขึ้นหนึ่งระดับ เมื่อเหลือบมองข้างกายขององค์ชาย เขาก็พบสาเหตุ
โถ มากับผู้ชายนี่เอง
บุรุษร่างสูงใหญ่แข็งแกร่งราวกับยักษ์ผู้นี้คือ แม่ทัพหยวน หยวนหลี่เฉียง
“องค์ชายบอกกับข้าว่า ท่านเป็นผู้ตรวจดวงชะตาของกองทัพ ช่วยวางกลยุทธ์เพื่อเอาชนะเผ่าสู่ได้โดยง่าย ซ้ำยังเป็นคนสั่งให้องค์ชายนำยาแก้พิษดับตะวันมาให้กับข้าอย่างทันท่วงที ข้าขอขอบคุณท่านมาก หากไม่ได้ท่าน ข้าคงตายไปแล้ว” บุรุษร่างสูงใหญ่สูงศักดิ์เป็นถึงแม่ทัพคู่แผ่นดิน ก้มหัวคำนับเขาอย่างไม่ถือตัว ไม่ว่าคนที่ช่วยเขาจะเป็นขุนนาง เป็นชาวบ้าน หรือเป็นเพียงเกอธรรมดา แต่หากช่วยเหลือกันก็นับเป็นบุญคุณ
แต่แหม ขนาดขอบคุณ หน้าพี่ก็ยังดูน่ากลัวไม่เปลี่ยนเลยนะ องค์ชายห้าดูท่าจะมี Daddy Issue ชอบสามีแก่ หน้าดุแน่ๆ แต่หยวนหลี่เฉียงผู้นี้นี่ดูดุไปรึเปล่า ไม่แปลกที่เป็นแม่ทัพไร้พ่าย แค่ศัตรูเห็นหน้าก็ขาสั่นแล้ว
หลิวซีซวนเหลือบมองไปที่องค์ชายห้าที่กลั้นขำอยู่ไม่ห่าง พวกเขาส่งสายตากันไปมา จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้น เพื่อผู้ชายทั้งสิ้น
“ไม่เป็นไรเลย ข้าทำเพื่อบ้านเมือง”
ข้าตอแหล ขออภัย
เย็นวันนั้น เขาก็ถูกองค์ชายห้าลากตัวมาเลี้ยงอาหารเย็นพร้อมกับหยวนหลี่เฉียงที่ยามนี้ดูเหมือนจะยอมใจอ่อนให้กับองค์ชายห้าแล้ว ในที่สุด ความพยายามเกี้ยวแม่ทัพใหญ่ขององค์ชายห้าก็ไม่เสียเปล่า ทั้งคู่เริ่มตกลงคบหากันจริงจังในช่วงที่เฉินหนิงจินยกทัพเสริมไปช่วยแม่ทัพหยวนที่อาการร่อแร่ใกล้ตาย ใครจะคิดว่าทันทีที่องค์ชายเกอผู้นี้มาเยือน จะจัดการศัตรูจนราบคาบอย่างรวดเร็ว แถมยังมียาถอนพิษมากมายติดมือมา จนถอนพิษให้กับทั้งกองทัพได้
เวลานี้ เขาอยู่ที่ห้องรับรองของห้องอาหารส่องดาว ห้องอาหารอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ด้านล่างมีเวทีการแสดงดนตรีและการร่ายรำน่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อก่อน เหอซีซวนนั้นก็เคยมาที่ร้านอาหารแห่งนี้ แต่ด้วยความที่เป็นแก้วตาดวงใจของบิดาจึงออกมาเที่ยวเล่นนอกบ้านน้อยครั้งนัก วันนี้นับว่าเขาได้เปิดหูเปิดตาเต็มที่อย่างแท้จริง
“องค์ชาย”
“ว่าอย่างไร”
“เหตุใดคนรักของพระองค์ถึงได้แข็งทื่อราวกับท่อนไม้ เขาไม่พูดไม่จา ไม่กิน ไม่ตื่นเต้นเลยรึ” เขาสงวนวาจา ไม่อยากบอกว่าทำไมว่าที่สามีแก่ของท่านถึงได้ดูพิลึกนัก แต่ด้วยความกลัวตาย ขอไม่พูดดีกว่า
“เขาเป็นเช่นนี้นี้นี่แหละ ท่านพี่หยวนอยู่ในสมรภูมิรบมาตลอดชีวิต ต้องรับผิดชอบชีวิตคนมากมาย แต่เห็นแบบนี้ จริงๆ เขามีจิตใจที่ดีมาก แค่หน้าตายเฉยๆ แต่ข้าชอบนะ ฮิฮิ” องค์ชายสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ คอยเอาอกเอาใจท่านแม่ทัพอย่างออดอ้อน ส่วนคนที่แข็งทื่อหน้าเข้มไม่พูดไม่จานั้น กลับมีสายตาอ่อนโยนมองคนเด็กกว่าด้วยสายตาเอ็นดู ซ้ำยังคอยตักอาหารให้องค์ชายห้าไม่หยุด
แหนะ ข้าเห็นนะ แม่ทัพหยวนหน้านิ่งแอบจับมือองค์ชายห้าใต้โต๊ะ
หลิวซีซวนเบ้ปากคว่ำคนที่หวานกันตรงหน้าที่ออดอ้อนกันราวกับต้องการอวดโอ้ว่าตนได้ออกจากวงการพญานกเรียบร้อยแล้ว
เชอะ เขาก็มีคนรักแล้วเช่นกันนั่นแหละ
“ต่อไป เจ้าไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับข้าแล้ว คุณชายหลิว ข้าชอบเจ้า มาเป็นสหายกันเถิด”
“จะดีหรือ องค์ชาย”
“ดีสิ ข้าหาใช่คนถือตัว ข้าถูกชะตากับเจ้า หากไม่ได้เจ้า ข้าคงเสียแม่ทัพหยวนไปตลอดกาล สำหรับข้าแล้ว เจ้าคือสหายผู้หนึ่งที่ข้าอยากคบหาอย่างจริงใจโดยที่ไม่ต้องมีฐานันดรอะไรทั้งสิ้น”
“ได้สิ องค์ชายห้า ข้ายินดียิ่งที่ได้เป็นสหายของท่าน” เขามองไปรอบบริเวณในห้องรับรองหรูหรา ก่อนจะชะโงกลงไปมองการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจด้านล่าง เขารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ช่างโอ่โถง แต่ในขณะเดียวกันก็ลึกลับซับซ้อนไม่น้อย เขาสามารถมองลงไปเห็นทุกคนแต่ไม่มีใครสามารถมองขึ้นมาเห็นเขาได้ การมาที่ห้องรับรองชั้นบนก็ใช้เส้นทางลับ
“ข้าเคยอยู่เมืองหลวงมานาน มาเยือนร้านอาหารแห่งนี้นับครั้งได้ ที่นี่หรูหราโอ่อ่า มีแต่แขกกระเป๋าหนักแวะเวียนกันมาแน่นขนัด เห็นโรงเตี๊ยมตระกูลหลิวของข้าเทียบไม่ติดเลย ข้าไม่เคยคิดเลยว่าที่ชั้นสอง จะมีห้องรับรองที่เป็นส่วนตัวขนาดนี้”
“ใช่ ที่นี่เป็นส่วนตัวมาก แต่ละห้องสามารถเก็บเสียงได้ ทางเข้าออกนั้นเป็นส่วนตัวคน มีขุนนางหลายคนมาจับกลุ่มประชุมลับกันที่นี่อยู่บ่อยครั้ง วันนี้ก็มีพวกของแม่ทัพหวงมาสุมหัววางแผนการร้าย ห่างออกไปเพียงแค่ผนังกั้น”
“เดี๋ยวนะ ท่านทราบถึงขนาดนั้นได้อย่างไร”
“ก็เพราะว่าข้าคือเจ้าของที่แท้จริงของร้านอาหารแห่งนี้ไง”
“ ห๊ะ!!”
องค์ชายห้าเนี่ยนะ เป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังของเมืองหลวง เขามองเฉินหนิงจินตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเคลือบแคลง“เจ้าคงไม่คิดว่าองค์ชายห้าจอมเสเพลที่ชอบเที่ยวตระเวนไปชมการแสดงและชิมอาหารทั่วเมือง เป็นจอมเกียจคร้านหรอกนะ”ถ้าพูดตามตรงจะหักหาญน้ำใจเกินไปรึเปล่านะ แต่คนทั้งเมืองก็คิดแบบเดียวกันทั้งนั้นองค์ชายห้านั้นชอบเที่ยวเตร่เสเพลยิ่งกว่าใคร“ร้านแห่งนี้ข้าเปิดมาได้สามปีแล้ว ลงทุนลงแรงทุกอย่างด้วยตนเองโดยมีญาติฝั่งมารดาออกหน้าให้ ด้วยความที่ข้านั้นเสาะแสวงหารายการอาหารชั้นยอดจากทุกหัวเมือง รวมถึงได้รวบรวมการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจมาไว้ที่นี่ ร้านอาหารของข้าจึงได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงในเวลาไม่นาน”“แต่เมื่อกี้ท่านบอกว่ามีพวกแม่ทัพหวงมาประชุมวางแผนการร้าย แล้วเหตุใดท่านก็ยังปล่อยให้พวกเขาเข้ามา ไม่ขับไล่ออกไป เหตุใดท่านจึงไม่ห้ามปรามหรือจับกุมพวกมันเล่า”“ห้ามทำไม เงินทั้งนั้น”“ ...” โอ้ สวรรค์ นี่หรือผู้มีสายเลือดมังกรอันสูงส่ง ดูเหมือนว่าหยวนหลี่เฉียงจะคุ้นชินกับความแปลกประหลาดขององค์ชายเกอผู้นี้ไม่น้อย จึงนั่งกินอย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด“ให้พวกมันมาดื่มกินที่นี่ วางแผนชั่วร้าย
“วู้ว นานๆ ได้เต้นทีก็สะใจดีเหมือนกันนะ”จู่ๆ ก็มีเสียงเพลงดังขึ้นมาในหัวว่า ‘เสียงปรบมือคือกำลังใจ ให้ต่อสู้ไป อย่าได้ถอยหนี’ บทเพลงนี้สมแล้วที่แต่งมาเพื่อนักแสดงเช่นเขา เพราะเพียงแค่ได้เห็นสีหน้าตื่นตาตื่นใจและเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องหลังการแสดง เขาก็อิ่มเอมจนไม่อยากอาหารมื้อเย็นไปเลยฉันมันเลิศใช่มั้ยล่ะ“ท่านเป็นใครหรือ เหตุใดจึงร่ายรำได้แปลกตาเช่นนี้ สอนพวกข้าได้หรือไม่”“นั่นสิ ท่านมาแสดงที่นี่เป็นครั้งคราว หรือว่าจะอยู่ประจำ พวกข้าอยากได้วิชาจากท่านนัก ท่านสอนท่าที่หมุนเอวเมื่อครู่ได้หรือไม่ มันช่างน่าอัศจรรย์”“ตัวข้ามาจากเหิงเยว่ ขอบคุณที่ชื่นชอบ”ไม่ใช่แค่เป็นที่นิยมในหมู่คนดู เหล่านักแสดงประจำในร้านอาหารเองก็ต่างพากันเข้ามารุมล้อมอย่างตื่นเต้น หลิวซีซวนแนะนำนักแสดงเหล่านั้นอยู่สองสามคำ ก็เดินอ้อมมาทางด้านหลังร้านเพื่อกลับขึ้นไปทางห้องรับรองชั้นสอง ในทางเข้าลับนี้แต่ก่อนที่จะได้ขึ้นไปกลับโดนแขนแกร่งของใครบางคนที่คุ้นเคย กระชากเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรุนแรง“เหอซีซวน เจ้ากลับมาแล้วหรือ” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างหู หลิวซีซวนจึงเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมคายหล่อเหลา สมกับเป็นขวัญ
“เจ้าจะบอกว่า ข้าจำภรรยาที่เคยร่วมหอมาหลายปีไม่ได้หรือ เหอซีซวน ไม่ว่าเจ้าจะปรับเปลี่ยนการแต่งกายอย่างไร แต่ข้าก็จำเจ้าได้ไม่ลืม” หลิวซีซวนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นเยียบ ถานตงหยางผู้นี้ช่างพูดได้ดีเหลือเกิน“หากท่านบอกว่าจำภรรยาท่านได้ แล้วภรรยาท่านไปไหนเสียแล้ว หากรักภรรยาผู้นั้น เหตุใดเขาจึงไม่อยู่กับท่านเล่า หรือที่เขาจากไปเพราะท่านขับไล่ไสส่ง ทำเรื่องเลวร้ายกับเขากันแน่”“ไม่นะ ข้าไม่เคยคิดร้ายกับเจ้า เจ้ากลับมาเพื่อแก้แค้นข้าหรือ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นนะ ทั้งหมดเป็นแผนของเซี่ยอ้ายเหม่ย หญิงผู้นั้นน่ากลัวยิ่งนัก เขาบีบบังคับข้า ใช่ เป็นเพราะนาง”เกอคนงามมีสีหน้ามืดครึ้ม มุมปากกระตุกขึ้น แสยะยิ้มสมเพชในความรักของอดีตเจ้าของร่างเหอซีซวนเอ๋ย เหตุใดอดีตของเจ้าถึงได้น่ารังเกียจถึงเพียงนี้“หากเจ้าอยากกลับมาอยู่ข้างกายข้า ย่อมได้เสมอ ข้ารักเจ้าไม่เคยเปลี่ยน”ถานตงหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความมั่นคง ก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือนุ่มอย่างทะนุถนอม ไม่แปลกใจที่เหอซีซวนคนเก่าจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแต่โทษทีนะ เขาคือหลิวซีซวน จับคลำบนหัวก็ไม่ได้มีเขา ข้าไม่ได้โง่ หูหนวกตาบอด
ให้ทายว่า เซวียนจางหย่งอุ้มเขาไปที่ไหนหลังจากที่ขยับความสัมพันธ์เป็นคนที่กำลังจะแต่งงานกัน หากมีโอกาส เซวียนจางหย่งก็ไม่เคยที่จะปล่อยให้หลิวซีซวนห่างกาย บุรุษหน้าตายแห่งหน่วยตงฉางอุ้มคนงามเข้าเรือนของตัวเองอย่างไม่มีเหนียมอาย“เอ่อ เหตุใดเจ้าจึงพาข้ามาที่นี่”สิ้นคำ เขาก็โดนปล้นจูบอย่างดุเดือดบนเตียงนุ่มของเซวียนจางหย่ง หลิวซีซวนนั้นแม้จะตกใจแต่ก็ไม่คิดที่จะผลักไส เขาจะต้องแสดงแสนยานุภาพในฐานะที่เป็นตัวแทนของคนต่างโลก ไม่อยากจะอวดว่าสมัยเป็นนักแสดง เขาได้ฉายาว่าพระเอกจูบดุมาด้วย ฉะนั้นเรื่องอะไรจะต้องยอมกันทั้งคู่ป้อนจูบดูดดื่มให้แก่กันจนแทบลืมวันเวลา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หลิวซีซวนแทบจะหายใจไม่ออก แล้วผลักคนตัวใหญ่ออกมา“แฮ่กๆๆ เจ้าเป็นอะไรเนี่ย”“ขออภัย เจ้างามเกินไป ข้าอดใจไว้ไม่ไหว”พูดได้ดี พูดดีสมกับเป็นว่าที่สามีคนบ้ายออย่างเขา“เมื่อครู่ เจ้าพบกับถานตงหยาง เจ้ารู้สึกอะไรบ้าง” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วคล้ายกับไม่แน่ใจในคำถามของตัวเอง“รู้สึกสิ รู้สึกรังเกียจ คนบ้าอะไรหน้าถีบชะมัด ดีแต่พูดเอาดีเข้าตัวเอง”“เจ้าไม่ได้ เอ่อ ไม่ได้คิดถึงห่วงหาอะไรบุรุษผู้นั้นแล้วหรือ”“ห๊ะ คิดถึง ห
ณ จวนรองเก้ากรมโยธา เสียงทะเลาะของสามีภรรยาดังลั่นเช่นทุกคืน ทว่าคืนนี้ดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อภรรยาอย่างเซี่ยอ้ายเหม่ยจับได้คาหนังคาเขา“ท่านพี่ เหตุใดท่านไม่พูดอะไรสักคำ ที่ข้าเห็นเมื่อกี้มันคืออะไร แอบพาเกอแพศยามากินดื่มที่ห้องอาหารส่องดาว ท่านพี่ทำเช่นนี้ ไม่เห็นแก่หน้าข้าเลย” หญิงสาวโวยวายเสียงดัง ใบหน้างามมีหยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มไม่หยุด ความรักครั้งนี้เธอยอมแลกหลายอย่าง ถึงขั้นยอมทำตัวเลวร้าย แย่งชิงบุรุษมาจากผู้อื่น สังหารภรรยาเก่าของเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ต้องมาเห็นสามีของเธอยื้อแย่งบุรุษกับผู้อื่นอย่างหน้าด้านๆซ้ำยังกล้าปัดความผิดมาให้เธออีก เหตุใดถานตงหยางถึงได้ใจดำเช่นนี้“เซี่ยอ้ายเหม่ย หยุดทำตัวน่ารำคาญสักที ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าข้าไปทำงาน”“ทำงาน ท่านก็อ้างว่าทำงานทุกครั้ง แต่ที่ข้าเห็น มันไม่ใช่ ท่านไปกับเกอผู้นั้น ท่านออกไปกับนังแพศยา เหอซีซวน”“เหตุใดต้องพูดถึงเหอซีซวนด้วย คนก็จากไปแล้ว เจ้าควรจะปล่อยวาง”“ทำไมข้าจะพูดถึงไม่ได้ ทำไมหรือ ท่านพี่ ท่านยังอาลัยอาวรณ์มันนัก พอมันกลับมาก็คิดจะสานสัมพันธ์ กลับไปกินของเก่า แล้วข้าเล่า ข้าผู้นี้คือฮูหยินของท่าน ท
เป็นอีกครั้งที่เซี่ยอ้ายเหม่ยกรีดร้องจนแทบสิ้นสติ ทว่าสองแม่ลูกแซ่ถานก็ไม่ได้แยแสกลับเดินจากไปราวกับเธอเป็นเพียงแค่ฝุ่นละออง ไร้ความสำคัญ“ฮูหยิน ท่านหยุดร้องแล้วกลับไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่สบาย” บ่าวสาวข้างกายรีบปรี่เข้ามาดูแลเจ้านายทันที หลังจากถานตงหยางเดินจากไปแล้ว“ข้าจะทำเช่นไรดี ทุกวันนี้ท่านพี่ก็หมางเมินข้ามากขึ้นทุกวัน” “ฮูหยิน นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน นายท่านเพียงแค่ทำงานยุ่งมาก โปรดสงบใจเถิดเจ้าค่ะ”“ข้าเห็นพวกเขากอดกันอยู่ตำตา จะให้เข้าใจว่าอย่างไร แต่เดิมท่านพี่ก็ห่างเหินกับข้ามากอยู่แล้ว ยามนี้ยังมีคนที่ละม้ายคล้ายกับเหอซีซวนมายั่วยวนท่านพี่ถึงเมืองหลวง ข้าไม่ยอมให้มันอยู่อย่างสงบแน่”หญิงสาวเอ่ยอย่างหมายมาด ดวงตาทอประกายร้ายกาจในเมื่อเธอไม่มีความสุข ก็อย่าหวังว่ามันจะมีความสุข“เฮ้อ ข้าง่วงยิ่งนัก เลี่ยงหรง นี่เราต้องทนดูละครปาหี่นี่ไปอีกนานเพียงใดกันแน่” เลี่ยงชิงเอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังนั่งอยู่บนหลังคาจวนของถานตงหยาง เขาได้รับคำสั่งให้มาติดตามดูความเคลื่อนไหวของคนสนิทของเสนาบดีเซี่ยตั้งแต่มาถึงที่เมืองหลวง เพื่อสืบให้แน่ใจว่าจวิ้นอ๋องยังมีแผนร้ายอะไร
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา บรรยากาศในเมืองหลวงนั้นขมุกขมัวมากกว่าแต่ก่อน หลิวซีซวนอยู่ในชุดขาวลายหงส์แดงประจำตัว ยืนอยู่หน้าจวนพระราชทานเห็นความผิดปกติแต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไรบางครั้งก็รู้สึกเหมือนกับมีความชั่วร้ายกำลังสิงสู่ แต่คิดอีกทีก็อาจจะเป็นเพราะความสับสนวุ่นวายของผู้คนในเมืองหลวง ที่มีทั้งดีชั่วปะปนกันก็ได้“ทำไมข้าจึงได้รู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้”“ความสามารถด้านการทำนายของเจ้ากลับมาแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่ลองตรวจดู” เซวียนจางหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายในชุดขุนนางเต็มยศ หันมาถามเขาบ้าง“แปลกเหลือเกิน ข้าก็คิดว่าความสามารถข้ากลับมาแล้ว แต่จู่ๆ มันก็หายไปอีก บางทีร่างกายของข้าอาจจะต้องการเวลามากกว่านี้ก็เป็นได้” แม้ว่าเขาจะสงสัยในตัวเอง แต่ก็จนปัญญาที่จะหาทางออกเวลานี้เขาได้สามีแล้ว ความสามารถอื่นใดล้วนไม่สำคัญ“ช่างมันเถอะ ต่อให้เจ้าไม่มีพลังวิเศษอันใด ข้าก็จะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง” หัวหน้าหน่วยตงฉางเอ่ยคำหวานกับเกอคนงาม จนอีกฝ่ายอายม้วน“จริงขอรับ คุณชายหลิว หัวหน้าของพวกข้ารักคุณชายถึงเพียงนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลทะนุถนอมปกป้องคุณชายเป็นอย่างดีแน่นอน คุณชายโปรดอย่ากังวล” หนึ่งในสม
เมื่อกี้คือมังกรตัวเป็นๆ มังกรพูดได้ด้วย แล้วที่มังกรของฮ่องเต้พูดเมื่อกี้ มันคืออะไรกันแน่“เรื่องแรกที่ข้าอยากจะพูดก็คือ เรื่องของกองทัพที่เอาชนะศึกทางเหนือได้อย่างราบคาบ แม่ทัพหยวนหลี่เฉียงนั้นสร้างคุณงามความดีให้กับแคว้นเว่ย มีชัยเหนือเผ่าสู่ที่เหิมเกริมหนักข้อ ออกทำร้ายชาวบ้านที่เมืองหนิงเฉิง มอบรางวัลเป็นทองสิบหีบ ไข่มุกราตรีสิบหีบ รวมทั้งข้ายังได้จัดสรรที่ดินให้กับแม่ทัพหยวนและนายทหารในกองทัพตามความเหมาะสม”“เป็นพระกรุณาพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมนั้นเป็นทหารทำหน้าที่รับใช้แผ่นดินปกติ ของล้ำค่าควรเมือง กระหม่อมไม่ขอรับ” แม่ทัพหยวนตอบปฏิเสธอย่างแข็งทื่อ หากเป็นคนอื่นเอ่ยเช่นนี้ อาจจะทำให้ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงกริ้ว แต่เพราะเขารู้จักแม่ทัพหยวนผู้นี้ดีจึงเข้าใจ นักรบเช่นแม่ทัพหยวน ไม่ได้ต้องการเงินทอง แถมเขาไม่ถนัดเรื่องการประจบสอพลอสักเท่าไหร่“ส่วนเจ้า องค์ชายห้าเฉินหนิงจิน เจ้าทำให้พ่อประทับใจมาก ข้าได้ข่าวว่าเจ้าเร่งทัพไปช่วยทางเหนือจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน ไปถึงก็นำยาถอนพิษมอบให้กับคนในกองทัพกิน จนอาการดีขึ้นและสามารถพลิกกลับมาเอาชนะเผ่าสู่ได้”“เสด็จพ่อกล่าวเกินไปแล้ว ลูกนั้นโชคดีมีกุนซ
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา