เขาเอ่ยตอบด้วยความสัตย์จริง เขาคิดจะคบหากับเซวียนจางหย่งอย่างจริงจัง ไม่ควรมีความลับอะไรปิดบังบิดาของเขา เขามองเซวียนอี้หางด้วยสายตามั่นคง ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายนั้นมีสายตาอ่อนลงมาก
“ซีซวนเองหรือ ไม่ต้องเรียกว่าท่านแม่ทัพหรอก เรียกข้าว่าท่านอาอี้หางเสียเถิด อย่างไรเสีย ข้ากับพ่อเจ้าก็รู้จักกันมานาน ข้านึกเป็นห่วงเจ้าไม่น้อย หลังจากที่
เหอชางจากไป รู้ข่าวอีกทีก็พบว่าตระกูลถานขับไล่เจ้าออกไปแล้ว เหตุใดเกิดเรื่องใหญ่โต จึงไม่มาหาข้า”
“ข้าขอโทษ ท่านอา ยามนั้นข้ามืดแปดด้านซ้ำยังอับอาย จึงไม่กล้าอยู่เมืองหลวง ข้าถูกใส่ร้ายขอรับ”
เซวียนอี้หางยิ่งมองเขาด้วยสายตาเวทนามากขึ้น
“น่าสงสารเหอชางยิ่งนัก บุตรเกอคนงามถูกเอาเปรียบใส่ร้าย ส่วนบุตรชายก็ไร้สมอง ทำตัวเสเพลเหลวไหล วันๆ คิดแต่จะล้างผลาญสมบัติของบิดา” แม่ทัพเซวียนถอนหายใจยาวให้กับชะตากรรมของตระกูลเหอ ก่อนจะเอ่ยถามบุตรชายของตน
“ยามนี้ใช้แซ่หลิว ชื่อหลิวซีซวน ใช่คนเดียวกับที่ได้ปูนบำเหน็จในตำแหน่งกุน
ซือทัพเสริมขององค์ชายห้าหรือไม่”
“ใช่ขอรับ คุณชายหลิวผู้นี้นอกจากจะช่วยองค์ชายห้าแล้ว ยังช่วยข้าบุกเข้าไปทำลายพิธีชิงดวงของจวิ้นอ๋องด้วย หากไม่ได้เขา พวกเราทุกคนคงลำบากมากกว่านี้”
เซวียนอี้หางหันกลับมามองเกอคนงาม ที่ภายนอกดูบอบบางราวกับดอกไม้ด้วยสายตาทึ่ง
“เจ้าเก่งกาจเพียงนี้เลยหรือ คนของจวิ้นอ๋องย่อมไม่ใช่สามัญแต่เจ้ายังเอาชนะได้ ตอนนั้นบิดาเจ้ามาบอกข้าว่า เจ้าไม่ชอบจางหย่งเพราะเจ้ากลัวอันตรายไม่ใช่หรือ เหตุใดยามนี้จึงได้ใช้ชีวิตอันตราย ไม่ต่างจากบุตรชายข้าเลย”
คนตัวเล็กถึงกับสะอึกเมื่อถูกทักเรื่องเก่า อยากย้อนเวลากลับไปเขกหัวเหอซีซวนคนเก่าที่มีตาหามีแววไม่
“เป็นเพราะตอนนั้นข้าด้อยปัญญาเองขอรับ ไม่ทันได้คิดว่าชีวิตคนเราบางครั้งอันตรายก็วิ่งเข้าหา ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใครจะไปคิดว่าการที่เลือกสามีผิดจะทำให้ชีวิตบรรลัย ถึงรอดตายมาก็ยังเจอว่าโดนวางยาพิษจนมดลูกเย็นเสียสมดุล ไม่รู้ป่านนี้จะหายดีพร้อมใช้งานรึยัง
“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว ตอนนั้นข้าก็ผิดเองที่ไม่ยอมตื๊อตาแก่นั่นอีกเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นพวกเราคงได้เกี่ยวดองกันไปนานแล้ว” เซวียนอี้หางยกยิ้มเมื่อคิดไปถึงสหายร่างอวบผู้ล่วงลับก่อนวัยอันควร
“ท่านอา เช่นนั้นข้าขออนุญาตถามอะไรบางอย่างได้หรือไม่ เหตุใดท่านจึงได้มาขอข้าเป็นลูกสะใภ้ ถึงแม้ว่าตระกูลเหอจะเป็นคหบดีร่ำรวย แต่ก็เป็นเพียงแค่คหบดี หาใช่ขุนนางสูงศักดิ์ ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะสมกับตระกูลเซวียน”
“เจ้ารู้หรือว่าไม่ว่า ยิ่งอยู่ที่สูงก็ยิ่งระวัง ข้าเองนั้นแม้จะเป็นเพียงแม่ทัพแต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่งมารดาของฮ่องเต้ มารดาของจางหย่งนั้นเป็นองค์หญิงจากเมืองหน้าด่าน ฐานะของจางหย่งจึงไม่ใช่สามัญ”
โห นี่บุรุษที่เขาหมายตามีเชื้อสายสูงส่งเช่นนี้เลยหรือ จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนตนเป็นหมากำลังมองเครื่องบิน
“หากเขาได้ภรรยาเป็นบุตรขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์ จะยิ่งทำให้เป็นที่หวาดระแวงในราชสำนักขึ้นไปอีก ตัวข้าเองไม่เคยแบ่งแยกชนชั้น จะบุตรขุนนางหรือบุตรพ่อค้า หากเป็นคนดีย่อมเหมาะสมกับบุตรชายข้าทั้งนั้น”
“ข้าขอบคุณท่านอาที่ไม่รังเกียจคนตระกูลต่ำต้อยกว่า”
โดยที่ไม่มีใครคาดคิด จู่ๆ หลิวซีซวนก็ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเซวียนอี้หางทันที
“ท่านอา ข้าหลิวซีซวน ชีวิตผ่านอะไรมามากมาย บัดนี้คิดได้แล้วว่าชีวิตของข้าต้องการเพียงแค่บุรุษที่มีจิตใจมั่นคงไม่ไหวเอน เช่นจางหย่ง อะแฮ่ม” เขาชะงักเล็กน้อยด้วยความประหม่า หลิวซีซวนใช้ความบ้าดีเดือดในตัวทั้งหมดเพื่อกระทำการต่อไปนี้
“ครั้งก่อน ท่านทาบทามข้าด้วยตัวเองแต่ข้าโง่เขลา ยามนี้ข้าไร้ญาติขาดมิตร เหลือตัวคนเดียว ขอบังอาจเอ่ยปากทาบทามสู่ขอเซวียนจางหย่งด้วยตัวเอง ท่านอา ข้ารักบุตรชายของท่าน ได้โปรดยกเขาให้ข้าเถิด”
คำว่ารักที่เอ่ยต่อหน้าบิดาของเขา ทำเอาเซวียนจางหย่งหวานล้ำไปถึงกลางอก เขามองคนงามที่ทั้งจริงใจและกล้าหาญ ถึงขั้นกล้าคุกเข่าสู่ขอเขาต่อหน้าบิดาอย่างไม่เกรงกลัว
แม่ทัพเซวียนมองเกอคนงามที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าอย่างตื่นตะลึง ในขณะที่ฮูหยินทำท่าจะเป็นลม
“เกิดมา ข้าไม่เคยเห็นเกอคุกเข่าสู่ขอบุรุษมาก่อน เปิดหูเปิดตาข้าแล้วจริงๆ”
“เจ้าแน่ใจหรือ”
“ข้าแน่ใจขอรับท่านอา”
“เช่นนั้นลุกขึ้นเถิด”
“แต่ว่า..” หลิวซีซวนทำท่าจะเถียง แต่เซวียนอี้หางกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าตกลงหมั้นหมายกันไปแล้วหรือ ของหมั้นของตระกูลเซวียนก็ผูกอยู่ข้างเอวเจ้า เป็นพู่หยกสำคัญที่มอบให้เฉพาะคู่ชีวิตเท่านั้น เจ้าไม่รู้ตัวบ้างเลยรึ คงไม่ใช่ว่าบุตรชายปากหนักของข้า ผูกมัดเจ้าอย่างไม่รู้ตัวหรอกนะ”
หา
หา!!!!!!!!
เขาหันไปทางเซวียนจางหย่งก็พบว่าเจ้าตัวต้นเรื่องกำลังกลั้นยิ้ม ราวกับพึงพอใจที่ได้กลั่นแกล้งเขา
“ท่านแกล้งข้า ข้านึกว่ามันเป็นเพียงพู่หยกแทนใจธรรมดา ท่านไม่รู้รึว่าข้าต้องรวบรวมความกล้าหาญเพียงใด”
“ข้าไม่ได้แกล้ง ใครจะไปคิดว่าชีวิตนี้ ข้าจะถูกเกอสู่ขอกัน” หลิวซีซวนหน้างอทำท่าจะลุกขึ้นเดินหนีแต่กลับถูกชายหนุ่มดึงตัวเอาไว้ พร้อมกับคุกเข่าเคียงข้างกัน ก่อนที่บุรุษผู้ห้าวหาญจะเอ่ยกับบิดาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ท่านพ่อ ข้าจะแต่งกับหลิวซีซวน หากไม่ใช่เขาก็ไม่แต่งขอรับ”
ในวันต่อมา หลังจากที่ได้คลุกคลีทำความรู้จักกับบ้านตระกูลเซวียน วันนี้ก็เป็นวันที่เขาตั้งใจจะให้เวลากับตัวเองเต็มที่ ซึ่งสิ่งแรกที่เขาเลือกที่จะทำนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้นั่นคือ การพบหมอนั่นเอง“คุณชายหลิว ท่านหายไปนอนข้างบ้านมาหนึ่งคืน แล้วถึงกับต้องตรวจร่างกายเลยรึ” ลี่จูถึงกับต้องกลั้นขำ เมื่อเซวียนจางหย่งจัดหาหมอชื่อดังมาตรวจอาการของหลิวซีซวนถึงในบ้าน“ตู้ลี่จู!!”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตอนข้าท้องอาจ้านก็เพราะแอบไปค้างกับท่านพี่ตู้เจาก่อนแต่งงานเช่นกัน” “อะแฮ่ม เจ้าอย่าคิดไปไกล ข้าแค่แวะไปนอนหลับ หาได้หลับนอนร่วมกับใครไม่ พูดเช่นนี้ข้าเสียหาย”“เสียหายอะไร ท่านชอบล่ะสิไม่ว่า” ตู้ลี่จูเอ่ยอย่างรู้ทัน“เจ้าพูดถูก ข้าชอบยิ่งนัก ฮี่ๆ รู้หรือไม่ว่าเขาบอกว่าจะแต่งให้ข้าเพียงผู้เดียว ในที่สุดข้าก็มีคนรักแล้ว”เมื่อมีโอกาสจะรอช้าอยู่ไย อวดแฟนเข้าไปสิ กว่าจะได้คนนี้มา ไม่ใช่ง่ายๆ หลิวซีซวนอยากจะวิ่งออกไปประกาศหน้าจวนว่า เขากำลังคบหากับเซวียนจางหย่ง“ทุกคนดูออกกันตั้งนานแล้วว่าพี่จางหย่งน่ะ มีใจให้ท่านมาตลอด ไม่เห็นจะมีอะไรต้องตื่นเต้นเลย ท่านหมอ คุณชายหลิวช่วงนี้คงตื่นเต้นไปห
นานแล้วนะ ที่เมืองหลวงไม่มีเกอที่งดงามเช่นนี้“เกอผู้นี้คือใคร งามเหลือเกิน“คงมาจากเมืองอื่น ไม่รู้มาจากเมืองไหน คนรับใช้ใส่เสื้อผ้าเก่าไร้รสนิยม คงมาจากที่ห่างไกลมาก”“ใบหน้างามหวานหยดย้อย แต่ท่าทางสดใสกระฉับกระเฉงซุกซน มีเสน่ห์เหลือร้ายเสียจริง”“ข้าว่าใบหน้าเขาดูคุ้นๆ นะ เหมือนฮูหยินถานคนเก่าเลย หรือว่าจะเป็นเขา”“เจ้าอย่าพูดถึงเรื่องอัปมงคล คนงามเช่นนี้จะเป็นพวกสวมหมวกเขียวให้สามีได้อย่างไร”“คล้ายเหอซีซวน บุตรของคหบดีเหอชางผู้ล่วงลับจริงๆ”เขาควงแขนตู้ลี่จูไปยังร้านผ้าอย่างอารมณ์ดี แม้ว่าสองหูจะได้ยินเสียงนินทามาตลอด แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนักเขาคือหลิวซีซวน แซ่หลิว ไม่ใช่แซ่เหอเมื่อเข้ามาที่ร้านขายผ้า หลิวซีซวนก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ร้านขายผ้าร้านนี้แต่เดิมเป็นร้านชื่อดังของตระกูลเหอ มีแพรพรรณสีสันสดใสทันสมัยละลานตา ทว่าในยามนี้ ร้านกลับดูทรุดโทรมลงไปมาก ซ้ำคนงานยังดูเกียจคร้าน ไร้มารยาทอีก“ข้าต้องการชุดสำเร็จรูปให้สหายสักสามสี่ชุด เจ้ามีแบบใดบ้างหรือ” คนงานหนุ่มเหลือบมองมาทางพวกเขาอย่างรำคาญ ก่อนจะโบกมือไล่“ออกไปซะ ข้าไม่ขายหรอก”“ทำไมล่ะ”“ชุดสำเร็จรูปที่ร้านนี้ไม่มีมานานแล
“ฮรึก!!” อาจ้านที่เจ็บตัวอยู่ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บใจ เป็นเพราะเขาเป็นคนบ้านนอกไร้การศึกษา จึงจำต้องก้มหัวยอมความฮูหยินขุนนางน่ะหรือ“อาจ้าน ไม่เป็นไรนะ เจ้าอย่าร้องเลย” เขากอดปลอบเด็กน้อยพร้อมกับลูบหัวปลอบประโลม ตวัดสายตามองไปยังอดีตสหายรัก“เอาเงินไปหนึ่งตำลึงเงินซะ แล้วไสหัวไปให้พ้นสายตาข้า” เซี่ยอ้ายเหม่ยโยนเงินให้กับตู้ลี่จูอย่างดูหมิ่น แล้วเดินหันหลังกลับไปขึ้นรถม้าแต่กลับมีเสียงของคนคุ้นเคยดังขึ้นมาเสียก่อน“เป็นฮูหยินขุนนาง แล้วคิดจะเอาเงินฟาดหัวชาวบ้านยังไงก็ได้น่ะหรือ บุตรชายของสหายของข้าเจ็บถึงเพียงนี้ แม้แต่คำขอโทษสักคำ ยังไม่มี ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคนเมืองหลวงจะใจดำถึงเพียงนี้”เมื่อเซี่ยอ้ายเหม่ยหันกลับมาก็ถึงกับตกตะลึง เธอมองเกอรูปงามในชุดขาวลายหงส์แดงหรูหราที่รวบผมตึงราวกับบุรุษ ด้วยสีหน้าราวกับเห็นผี“เจ้า..เหอซีซวน เจ้าตายไปแล้ว”“ท่านพูดอะไร คนผู้นี้คือคุณชายหลิว หลิวซีซวนต่างหาก” “ไม่จริง นี่มันเหอซีซวน เกอแพศยาที่สวมหมวกเขียวให้สามีของข้า ข้าเป็นสหายของเจ้า ย่อมจำได้ เป็นเจ้าแน่นอน”“เป็นสหายแบบใดจึงได้แต่งกับสามีของสหายเล่า ฮูหยิน ท่านพูดแบบนี้มันดูแปลกๆ
บ่ายวันนั้น จบลงด้วยการที่พวกเขาพาอาจ้านไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายท่ามกลางสายตาชื่นชมของชาวบ้าน หลายคนที่หมั่นไส้เซี่ยอ้ายเหม่ยที่ชอบข่มคนอื่นมานาน ถึงกับเดินเข้ามาชื่นชมหลิวซีซวนที่แม้จะมาจากต่างเมือง ก็ยังกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งถูกต้องโชคดีที่อาจ้านไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก มีแค่แผลถลอกและเสียขวัญเล็กน้อยเท่านั้น เขาซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียนและหนังสือมาปลอบใจเด็กน้อยตามประสาเศรษฐีตระกูลหลิวผู้ร่ำรวย ก่อนจะพากันกลับจวนอย่างอารมณ์ดี เมื่อมาถึง สาวใช้ที่เซวียนจางหย่งมอบให้ ก็ตรงเข้ามาแจ้งเขาทันที“คุณชายหลิว ท่านกลับมาแล้ว เมื่อครู่มีแขกของท่านมาพบเจ้าค่ะ เขากำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงรับแขก” “แขกของข้าหรือ ใครกัน”“เขาแซ่จิน เขาบอกว่าหากแจ้งคุณชายเช่นนี้ คุณชายก็จะรู้เอง”หลิวซีซวนทำหน้างุนงงเล็กน้อย ก่อนจะนิ่งคิดคุณชายจิน แซ่จิน จิน..เดี๋ยวนะ องค์ชายพญานก องค์ชายห้าเฉินหนิงจินน่ะหรือเขารีบไปที่ห้องรับแขกที่มีแขกสูงศักดิ์กำลังนั่งคอยอยู่อย่างร้อนรน เมื่อถึงที่แล้วก็รีบทำความเคารพด้วยท่าทางที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี“ถวายพระพร องค์ชายห้า”“ลุกขึ้นเถิด อย่ามากพิธีเลย คนกันเองทั้งนั้น” องค์ชายห
องค์ชายห้าเนี่ยนะ เป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังของเมืองหลวง เขามองเฉินหนิงจินตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเคลือบแคลง“เจ้าคงไม่คิดว่าองค์ชายห้าจอมเสเพลที่ชอบเที่ยวตระเวนไปชมการแสดงและชิมอาหารทั่วเมือง เป็นจอมเกียจคร้านหรอกนะ”ถ้าพูดตามตรงจะหักหาญน้ำใจเกินไปรึเปล่านะ แต่คนทั้งเมืองก็คิดแบบเดียวกันทั้งนั้นองค์ชายห้านั้นชอบเที่ยวเตร่เสเพลยิ่งกว่าใคร“ร้านแห่งนี้ข้าเปิดมาได้สามปีแล้ว ลงทุนลงแรงทุกอย่างด้วยตนเองโดยมีญาติฝั่งมารดาออกหน้าให้ ด้วยความที่ข้านั้นเสาะแสวงหารายการอาหารชั้นยอดจากทุกหัวเมือง รวมถึงได้รวบรวมการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจมาไว้ที่นี่ ร้านอาหารของข้าจึงได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงในเวลาไม่นาน”“แต่เมื่อกี้ท่านบอกว่ามีพวกแม่ทัพหวงมาประชุมวางแผนการร้าย แล้วเหตุใดท่านก็ยังปล่อยให้พวกเขาเข้ามา ไม่ขับไล่ออกไป เหตุใดท่านจึงไม่ห้ามปรามหรือจับกุมพวกมันเล่า”“ห้ามทำไม เงินทั้งนั้น”“ ...” โอ้ สวรรค์ นี่หรือผู้มีสายเลือดมังกรอันสูงส่ง ดูเหมือนว่าหยวนหลี่เฉียงจะคุ้นชินกับความแปลกประหลาดขององค์ชายเกอผู้นี้ไม่น้อย จึงนั่งกินอย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด“ให้พวกมันมาดื่มกินที่นี่ วางแผนชั่วร้าย
“วู้ว นานๆ ได้เต้นทีก็สะใจดีเหมือนกันนะ”จู่ๆ ก็มีเสียงเพลงดังขึ้นมาในหัวว่า ‘เสียงปรบมือคือกำลังใจ ให้ต่อสู้ไป อย่าได้ถอยหนี’ บทเพลงนี้สมแล้วที่แต่งมาเพื่อนักแสดงเช่นเขา เพราะเพียงแค่ได้เห็นสีหน้าตื่นตาตื่นใจและเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องหลังการแสดง เขาก็อิ่มเอมจนไม่อยากอาหารมื้อเย็นไปเลยฉันมันเลิศใช่มั้ยล่ะ“ท่านเป็นใครหรือ เหตุใดจึงร่ายรำได้แปลกตาเช่นนี้ สอนพวกข้าได้หรือไม่”“นั่นสิ ท่านมาแสดงที่นี่เป็นครั้งคราว หรือว่าจะอยู่ประจำ พวกข้าอยากได้วิชาจากท่านนัก ท่านสอนท่าที่หมุนเอวเมื่อครู่ได้หรือไม่ มันช่างน่าอัศจรรย์”“ตัวข้ามาจากเหิงเยว่ ขอบคุณที่ชื่นชอบ”ไม่ใช่แค่เป็นที่นิยมในหมู่คนดู เหล่านักแสดงประจำในร้านอาหารเองก็ต่างพากันเข้ามารุมล้อมอย่างตื่นเต้น หลิวซีซวนแนะนำนักแสดงเหล่านั้นอยู่สองสามคำ ก็เดินอ้อมมาทางด้านหลังร้านเพื่อกลับขึ้นไปทางห้องรับรองชั้นสอง ในทางเข้าลับนี้แต่ก่อนที่จะได้ขึ้นไปกลับโดนแขนแกร่งของใครบางคนที่คุ้นเคย กระชากเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรุนแรง“เหอซีซวน เจ้ากลับมาแล้วหรือ” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างหู หลิวซีซวนจึงเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมคายหล่อเหลา สมกับเป็นขวัญ
“เจ้าจะบอกว่า ข้าจำภรรยาที่เคยร่วมหอมาหลายปีไม่ได้หรือ เหอซีซวน ไม่ว่าเจ้าจะปรับเปลี่ยนการแต่งกายอย่างไร แต่ข้าก็จำเจ้าได้ไม่ลืม” หลิวซีซวนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นเยียบ ถานตงหยางผู้นี้ช่างพูดได้ดีเหลือเกิน“หากท่านบอกว่าจำภรรยาท่านได้ แล้วภรรยาท่านไปไหนเสียแล้ว หากรักภรรยาผู้นั้น เหตุใดเขาจึงไม่อยู่กับท่านเล่า หรือที่เขาจากไปเพราะท่านขับไล่ไสส่ง ทำเรื่องเลวร้ายกับเขากันแน่”“ไม่นะ ข้าไม่เคยคิดร้ายกับเจ้า เจ้ากลับมาเพื่อแก้แค้นข้าหรือ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นนะ ทั้งหมดเป็นแผนของเซี่ยอ้ายเหม่ย หญิงผู้นั้นน่ากลัวยิ่งนัก เขาบีบบังคับข้า ใช่ เป็นเพราะนาง”เกอคนงามมีสีหน้ามืดครึ้ม มุมปากกระตุกขึ้น แสยะยิ้มสมเพชในความรักของอดีตเจ้าของร่างเหอซีซวนเอ๋ย เหตุใดอดีตของเจ้าถึงได้น่ารังเกียจถึงเพียงนี้“หากเจ้าอยากกลับมาอยู่ข้างกายข้า ย่อมได้เสมอ ข้ารักเจ้าไม่เคยเปลี่ยน”ถานตงหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความมั่นคง ก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือนุ่มอย่างทะนุถนอม ไม่แปลกใจที่เหอซีซวนคนเก่าจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแต่โทษทีนะ เขาคือหลิวซีซวน จับคลำบนหัวก็ไม่ได้มีเขา ข้าไม่ได้โง่ หูหนวกตาบอด
ให้ทายว่า เซวียนจางหย่งอุ้มเขาไปที่ไหนหลังจากที่ขยับความสัมพันธ์เป็นคนที่กำลังจะแต่งงานกัน หากมีโอกาส เซวียนจางหย่งก็ไม่เคยที่จะปล่อยให้หลิวซีซวนห่างกาย บุรุษหน้าตายแห่งหน่วยตงฉางอุ้มคนงามเข้าเรือนของตัวเองอย่างไม่มีเหนียมอาย“เอ่อ เหตุใดเจ้าจึงพาข้ามาที่นี่”สิ้นคำ เขาก็โดนปล้นจูบอย่างดุเดือดบนเตียงนุ่มของเซวียนจางหย่ง หลิวซีซวนนั้นแม้จะตกใจแต่ก็ไม่คิดที่จะผลักไส เขาจะต้องแสดงแสนยานุภาพในฐานะที่เป็นตัวแทนของคนต่างโลก ไม่อยากจะอวดว่าสมัยเป็นนักแสดง เขาได้ฉายาว่าพระเอกจูบดุมาด้วย ฉะนั้นเรื่องอะไรจะต้องยอมกันทั้งคู่ป้อนจูบดูดดื่มให้แก่กันจนแทบลืมวันเวลา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หลิวซีซวนแทบจะหายใจไม่ออก แล้วผลักคนตัวใหญ่ออกมา“แฮ่กๆๆ เจ้าเป็นอะไรเนี่ย”“ขออภัย เจ้างามเกินไป ข้าอดใจไว้ไม่ไหว”พูดได้ดี พูดดีสมกับเป็นว่าที่สามีคนบ้ายออย่างเขา“เมื่อครู่ เจ้าพบกับถานตงหยาง เจ้ารู้สึกอะไรบ้าง” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วคล้ายกับไม่แน่ใจในคำถามของตัวเอง“รู้สึกสิ รู้สึกรังเกียจ คนบ้าอะไรหน้าถีบชะมัด ดีแต่พูดเอาดีเข้าตัวเอง”“เจ้าไม่ได้ เอ่อ ไม่ได้คิดถึงห่วงหาอะไรบุรุษผู้นั้นแล้วหรือ”“ห๊ะ คิดถึง ห
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา