ในวันต่อมา หลังจากที่ได้คลุกคลีทำความรู้จักกับบ้านตระกูลเซวียน วันนี้ก็เป็นวันที่เขาตั้งใจจะให้เวลากับตัวเองเต็มที่ ซึ่งสิ่งแรกที่เขาเลือกที่จะทำนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้
นั่นคือ การพบหมอนั่นเอง
“คุณชายหลิว ท่านหายไปนอนข้างบ้านมาหนึ่งคืน แล้วถึงกับต้องตรวจร่างกายเลยรึ” ลี่จูถึงกับต้องกลั้นขำ เมื่อเซวียนจางหย่งจัดหาหมอชื่อดังมาตรวจอาการของหลิวซีซวนถึงในบ้าน
“ตู้ลี่จู!!”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตอนข้าท้องอาจ้านก็เพราะแอบไปค้างกับท่านพี่ตู้เจาก่อนแต่งงานเช่นกัน”
“อะแฮ่ม เจ้าอย่าคิดไปไกล ข้าแค่แวะไปนอนหลับ หาได้หลับนอนร่วมกับใครไม่ พูดเช่นนี้ข้าเสียหาย”
“เสียหายอะไร ท่านชอบล่ะสิไม่ว่า” ตู้ลี่จูเอ่ยอย่างรู้ทัน
“เจ้าพูดถูก ข้าชอบยิ่งนัก ฮี่ๆ รู้หรือไม่ว่าเขาบอกว่าจะแต่งให้ข้าเพียงผู้เดียว ในที่สุดข้าก็มีคนรักแล้ว”
เมื่อมีโอกาสจะรอช้าอยู่ไย อวดแฟนเข้าไปสิ กว่าจะได้คนนี้มา ไม่ใช่ง่ายๆ หลิวซีซวนอยากจะวิ่งออกไปประกาศหน้าจวนว่า เขากำลังคบหากับเซวียนจางหย่ง
“ทุกคนดูออกกันตั้งนานแล้วว่าพี่จางหย่งน่ะ มีใจให้ท่านมาตลอด ไม่เห็นจะมีอะไรต้องตื่นเต้นเลย ท่านหมอ คุณชายหลิวช่วงนี้คงตื่นเต้นไปหน่อย ไม่ทราบว่าร่างกายของคุณชายเป็นอย่างไรบ้าง”
ท่านหมอที่กำลังตรวจร่างกายอยู่ ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถาม
“ข้าได้ยินจากใต้เท้าเซวียนว่าท่านเคยได้รับยาพิษกร่อนปราณมาหลายปี จริงหรือไม่”
“จริงขอรับ ข้าไม่รู้ตัวจึงรับพิษมาตลอด โชคดีที่จางหย่งต้มยาแก้พิษให้ข้าอย่างสม่ำเสมอ”
ท่านหมอพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“ยามนี้ ท่านคงรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม มีกำลังวังชา อาการปวดท้องที่เคยเป็นก็หายไป ใช่หรือไม่”
“เป็นเช่นนั้น”
“อาการภายนอกดีขึ้น แต่ภายในยังไม่นับว่าดีมาก โดยเฉพาะมดลูกของท่านยังเย็นอยู่”
“มดลูกเย็นแปลว่า ข้ามีลูกไม่ได้หรือ”
“มีได้ แต่อาจจะแท้งได้ง่าย หากไม่เร่งปรับหยินในร่างให้สมดุล ข้าได้เขียนเทียบยาบำรุงให้กับท่านแล้ว ให้ท่านดื่มยาอย่างต่อเนื่อง ยาเทียบนี้คงจะพอประคับประคองอาการของท่านไปได้ แต่ถ้าจะให้หายขาดเลย ท่านควรไปเสาะหาโสมพันปีมาบดเป็นยา ย่อมได้ผลดีที่สุด”
อ๋อ โสมพันปี โสมพันปีที่มีอยู่ในท้องพระคลังเท่านั้น
นี่เขาต้องไปขอโสมจากคนที่เอาดาบแทงว่าที่สามีน่ะหรือ
หลิวซีซวนพักความคิดเรื่องขอพระราชทานโสมพันปี ปล่อยให้เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของว่าที่สามีที่เป็นพระญาติของฮ่องเต้ไปรับผิดชอบเสีย หลังจากที่ได้เทียบยา เขาก็ออกมาซื้อข้าวของรวมถึงสมุนไพรกับคนแซ่ตู้ หนึ่งคือ พากันมาเปิดหูเปิดตาในฐานะคนต่างบ้านต่างเมือง สองคือ พาอาจ้านมาสำรวจที่สถานศึกษา พวกเขาตั้งใจเอาไว้ว่า ในระหว่างนี้จะให้อาจ้านเข้าเรียนในเมืองหลวงไปพลางๆ หากอาจ้านไปได้ดีก็อาจจะได้ปักหลักเรียนที่เมืองหลวงไปเรื่อยๆ
และอย่างสุดท้ายที่เขามาเดินเที่ยวในตลาด เพราะต้องการหาลู่ทางการค้านั่นเอง
ตู้เจานั้นบางครั้งดูเหมือนกับเป็นคนซื่อบื้อ แต่กลับเป็นคนที่มีหัวการค้าไม่น้อย เขาวางแผนเอาไว้ว่านำของชั้นดีของเหิงเยว่มาขายที่เมืองหลวง และนำของในเมืองหลวงกลับไปขายที่เหิงเยว่ ด้วยการทำเช่นนี้ พวกเขาก็จะมีเวลาแวะไปเยี่ยมท่านตาตู้เฉิงได้บ่อยขึ้น
ที่เหิงเยว่นั้น ผู้คนนิยมดื่มชาหลากหลายชนิด ล้วนแล้วแต่เป็นชาชั้นเลิศที่ไม่เหมือนที่ไหน เขาตั้งใจจะนำชาจากเหิงเยว่มาขายที่เมืองหลวง แล้วนำผ้าแพรและผ้าไหมสีสันสดใสแปลกตาจากเมืองหลวงไปขายที่เหิงเยว่ สร้างเม็ดเงินจากการซื้อมาขายไป จากนั้นจึงค่อยขยายกิจการซึ่งหลิวซีซวนก็เห็นด้วยกับแผนการนี้เช่นกัน
วันนี้ พวกเขามาเดินเล่นที่ตลาดในเมืองหลวง ผู้คนแต่งกายสีสันสดใสหรูหราเดินเที่ยวซื้อของกันแน่นขนัด หลิวซีซวนรวบผมขึ้นราวกับคุณชายเจ้าสำราญ โดยมีตู้เจาและตู้ลี่จูเดินขนาบ ความทรงจำในอดีตยังเด่นชัด เขาไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอกทางก็สามารถเดินลัดเลาะไปตามร้านค้าที่ต้องการได้อย่างใจคิด
“อาจ้าน อาเหลียง เจ้าอยากกินขนมหรือไม่ ข้าจะซื้อให้เอง”
“หัวมุมนั้นมีสุราชั้นเลิศ ตู้เจาเจ้าสนใจหรือไม่”
“ลี่จู เจ้าเห็นร้านนั้นหรือไม่ นั่นเป็นร้านเครื่องสำอางอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ข้าว่าเจ้าควรมีแป้งดีๆ สักตลับ ข้าซื้อให้เอง”
วันนี้ หลิวซีซวนในฐานะเจ้าบ้านก็รับบทพ่อบุญทุ่ม ซื้อข้าวของให้กับคนของตนอย่างไม่มากมายจนแทบถือไม่ไหว
“คุณชาย เหตุใดคนเมืองหลวงจึงได้ดูงดงามนักเล่า ดูพวกข้าสิ เทียบกับพวกเขาไม่ติด” ตู้ลี่จูเจอหญิงงามในเมืองหลวงมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ก็อดไม่ได้ที่จะเสียความมั่นใจ
“เจ้าเองก็งามนัก ตู้ลี่จู เป็นเพราะการแต่งกายต่างกัน เพียงแค่ปรายตาดูก็รู้ว่าเจ้ามาจากต่างเมือง เช่นนี้เราไปแวะร้านผ้าดีหรือไม่ ซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปไปมากหน่อย ให้สามีเจ้าและบุตรชายด้วย จะได้ไปถามราคาผ้าแพรและผ้าไหมที่จะนำไปขายที่เหิงเยว่ด้วย” หลิวซีซวนยกยิ้มกว้างราวกับดอกไม้บานในฤดูดอกไม้ผลิ เพียงแค่คุณชายเกอคนงามก้าวมาเยือนที่ตลาด ก็เรียกความสนใจจากผู้คนมาตลอดทาง ยิ่งยามที่แย้มยิ้ม ยิ่งทำให้ทั้งหญิงสาวทั้งชายหนุ่มพากันตะลึงตาค้าง
นานแล้วนะ ที่เมืองหลวงไม่มีเกอที่งดงามเช่นนี้“เกอผู้นี้คือใคร งามเหลือเกิน“คงมาจากเมืองอื่น ไม่รู้มาจากเมืองไหน คนรับใช้ใส่เสื้อผ้าเก่าไร้รสนิยม คงมาจากที่ห่างไกลมาก”“ใบหน้างามหวานหยดย้อย แต่ท่าทางสดใสกระฉับกระเฉงซุกซน มีเสน่ห์เหลือร้ายเสียจริง”“ข้าว่าใบหน้าเขาดูคุ้นๆ นะ เหมือนฮูหยินถานคนเก่าเลย หรือว่าจะเป็นเขา”“เจ้าอย่าพูดถึงเรื่องอัปมงคล คนงามเช่นนี้จะเป็นพวกสวมหมวกเขียวให้สามีได้อย่างไร”“คล้ายเหอซีซวน บุตรของคหบดีเหอชางผู้ล่วงลับจริงๆ”เขาควงแขนตู้ลี่จูไปยังร้านผ้าอย่างอารมณ์ดี แม้ว่าสองหูจะได้ยินเสียงนินทามาตลอด แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนักเขาคือหลิวซีซวน แซ่หลิว ไม่ใช่แซ่เหอเมื่อเข้ามาที่ร้านขายผ้า หลิวซีซวนก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ร้านขายผ้าร้านนี้แต่เดิมเป็นร้านชื่อดังของตระกูลเหอ มีแพรพรรณสีสันสดใสทันสมัยละลานตา ทว่าในยามนี้ ร้านกลับดูทรุดโทรมลงไปมาก ซ้ำคนงานยังดูเกียจคร้าน ไร้มารยาทอีก“ข้าต้องการชุดสำเร็จรูปให้สหายสักสามสี่ชุด เจ้ามีแบบใดบ้างหรือ” คนงานหนุ่มเหลือบมองมาทางพวกเขาอย่างรำคาญ ก่อนจะโบกมือไล่“ออกไปซะ ข้าไม่ขายหรอก”“ทำไมล่ะ”“ชุดสำเร็จรูปที่ร้านนี้ไม่มีมานานแล
“ฮรึก!!” อาจ้านที่เจ็บตัวอยู่ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บใจ เป็นเพราะเขาเป็นคนบ้านนอกไร้การศึกษา จึงจำต้องก้มหัวยอมความฮูหยินขุนนางน่ะหรือ“อาจ้าน ไม่เป็นไรนะ เจ้าอย่าร้องเลย” เขากอดปลอบเด็กน้อยพร้อมกับลูบหัวปลอบประโลม ตวัดสายตามองไปยังอดีตสหายรัก“เอาเงินไปหนึ่งตำลึงเงินซะ แล้วไสหัวไปให้พ้นสายตาข้า” เซี่ยอ้ายเหม่ยโยนเงินให้กับตู้ลี่จูอย่างดูหมิ่น แล้วเดินหันหลังกลับไปขึ้นรถม้าแต่กลับมีเสียงของคนคุ้นเคยดังขึ้นมาเสียก่อน“เป็นฮูหยินขุนนาง แล้วคิดจะเอาเงินฟาดหัวชาวบ้านยังไงก็ได้น่ะหรือ บุตรชายของสหายของข้าเจ็บถึงเพียงนี้ แม้แต่คำขอโทษสักคำ ยังไม่มี ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคนเมืองหลวงจะใจดำถึงเพียงนี้”เมื่อเซี่ยอ้ายเหม่ยหันกลับมาก็ถึงกับตกตะลึง เธอมองเกอรูปงามในชุดขาวลายหงส์แดงหรูหราที่รวบผมตึงราวกับบุรุษ ด้วยสีหน้าราวกับเห็นผี“เจ้า..เหอซีซวน เจ้าตายไปแล้ว”“ท่านพูดอะไร คนผู้นี้คือคุณชายหลิว หลิวซีซวนต่างหาก” “ไม่จริง นี่มันเหอซีซวน เกอแพศยาที่สวมหมวกเขียวให้สามีของข้า ข้าเป็นสหายของเจ้า ย่อมจำได้ เป็นเจ้าแน่นอน”“เป็นสหายแบบใดจึงได้แต่งกับสามีของสหายเล่า ฮูหยิน ท่านพูดแบบนี้มันดูแปลกๆ
บ่ายวันนั้น จบลงด้วยการที่พวกเขาพาอาจ้านไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายท่ามกลางสายตาชื่นชมของชาวบ้าน หลายคนที่หมั่นไส้เซี่ยอ้ายเหม่ยที่ชอบข่มคนอื่นมานาน ถึงกับเดินเข้ามาชื่นชมหลิวซีซวนที่แม้จะมาจากต่างเมือง ก็ยังกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งถูกต้องโชคดีที่อาจ้านไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก มีแค่แผลถลอกและเสียขวัญเล็กน้อยเท่านั้น เขาซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียนและหนังสือมาปลอบใจเด็กน้อยตามประสาเศรษฐีตระกูลหลิวผู้ร่ำรวย ก่อนจะพากันกลับจวนอย่างอารมณ์ดี เมื่อมาถึง สาวใช้ที่เซวียนจางหย่งมอบให้ ก็ตรงเข้ามาแจ้งเขาทันที“คุณชายหลิว ท่านกลับมาแล้ว เมื่อครู่มีแขกของท่านมาพบเจ้าค่ะ เขากำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงรับแขก” “แขกของข้าหรือ ใครกัน”“เขาแซ่จิน เขาบอกว่าหากแจ้งคุณชายเช่นนี้ คุณชายก็จะรู้เอง”หลิวซีซวนทำหน้างุนงงเล็กน้อย ก่อนจะนิ่งคิดคุณชายจิน แซ่จิน จิน..เดี๋ยวนะ องค์ชายพญานก องค์ชายห้าเฉินหนิงจินน่ะหรือเขารีบไปที่ห้องรับแขกที่มีแขกสูงศักดิ์กำลังนั่งคอยอยู่อย่างร้อนรน เมื่อถึงที่แล้วก็รีบทำความเคารพด้วยท่าทางที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี“ถวายพระพร องค์ชายห้า”“ลุกขึ้นเถิด อย่ามากพิธีเลย คนกันเองทั้งนั้น” องค์ชายห
องค์ชายห้าเนี่ยนะ เป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังของเมืองหลวง เขามองเฉินหนิงจินตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเคลือบแคลง“เจ้าคงไม่คิดว่าองค์ชายห้าจอมเสเพลที่ชอบเที่ยวตระเวนไปชมการแสดงและชิมอาหารทั่วเมือง เป็นจอมเกียจคร้านหรอกนะ”ถ้าพูดตามตรงจะหักหาญน้ำใจเกินไปรึเปล่านะ แต่คนทั้งเมืองก็คิดแบบเดียวกันทั้งนั้นองค์ชายห้านั้นชอบเที่ยวเตร่เสเพลยิ่งกว่าใคร“ร้านแห่งนี้ข้าเปิดมาได้สามปีแล้ว ลงทุนลงแรงทุกอย่างด้วยตนเองโดยมีญาติฝั่งมารดาออกหน้าให้ ด้วยความที่ข้านั้นเสาะแสวงหารายการอาหารชั้นยอดจากทุกหัวเมือง รวมถึงได้รวบรวมการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจมาไว้ที่นี่ ร้านอาหารของข้าจึงได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงในเวลาไม่นาน”“แต่เมื่อกี้ท่านบอกว่ามีพวกแม่ทัพหวงมาประชุมวางแผนการร้าย แล้วเหตุใดท่านก็ยังปล่อยให้พวกเขาเข้ามา ไม่ขับไล่ออกไป เหตุใดท่านจึงไม่ห้ามปรามหรือจับกุมพวกมันเล่า”“ห้ามทำไม เงินทั้งนั้น”“ ...” โอ้ สวรรค์ นี่หรือผู้มีสายเลือดมังกรอันสูงส่ง ดูเหมือนว่าหยวนหลี่เฉียงจะคุ้นชินกับความแปลกประหลาดขององค์ชายเกอผู้นี้ไม่น้อย จึงนั่งกินอย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด“ให้พวกมันมาดื่มกินที่นี่ วางแผนชั่วร้าย
“วู้ว นานๆ ได้เต้นทีก็สะใจดีเหมือนกันนะ”จู่ๆ ก็มีเสียงเพลงดังขึ้นมาในหัวว่า ‘เสียงปรบมือคือกำลังใจ ให้ต่อสู้ไป อย่าได้ถอยหนี’ บทเพลงนี้สมแล้วที่แต่งมาเพื่อนักแสดงเช่นเขา เพราะเพียงแค่ได้เห็นสีหน้าตื่นตาตื่นใจและเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องหลังการแสดง เขาก็อิ่มเอมจนไม่อยากอาหารมื้อเย็นไปเลยฉันมันเลิศใช่มั้ยล่ะ“ท่านเป็นใครหรือ เหตุใดจึงร่ายรำได้แปลกตาเช่นนี้ สอนพวกข้าได้หรือไม่”“นั่นสิ ท่านมาแสดงที่นี่เป็นครั้งคราว หรือว่าจะอยู่ประจำ พวกข้าอยากได้วิชาจากท่านนัก ท่านสอนท่าที่หมุนเอวเมื่อครู่ได้หรือไม่ มันช่างน่าอัศจรรย์”“ตัวข้ามาจากเหิงเยว่ ขอบคุณที่ชื่นชอบ”ไม่ใช่แค่เป็นที่นิยมในหมู่คนดู เหล่านักแสดงประจำในร้านอาหารเองก็ต่างพากันเข้ามารุมล้อมอย่างตื่นเต้น หลิวซีซวนแนะนำนักแสดงเหล่านั้นอยู่สองสามคำ ก็เดินอ้อมมาทางด้านหลังร้านเพื่อกลับขึ้นไปทางห้องรับรองชั้นสอง ในทางเข้าลับนี้แต่ก่อนที่จะได้ขึ้นไปกลับโดนแขนแกร่งของใครบางคนที่คุ้นเคย กระชากเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรุนแรง“เหอซีซวน เจ้ากลับมาแล้วหรือ” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างหู หลิวซีซวนจึงเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมคายหล่อเหลา สมกับเป็นขวัญ
“เจ้าจะบอกว่า ข้าจำภรรยาที่เคยร่วมหอมาหลายปีไม่ได้หรือ เหอซีซวน ไม่ว่าเจ้าจะปรับเปลี่ยนการแต่งกายอย่างไร แต่ข้าก็จำเจ้าได้ไม่ลืม” หลิวซีซวนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นเยียบ ถานตงหยางผู้นี้ช่างพูดได้ดีเหลือเกิน“หากท่านบอกว่าจำภรรยาท่านได้ แล้วภรรยาท่านไปไหนเสียแล้ว หากรักภรรยาผู้นั้น เหตุใดเขาจึงไม่อยู่กับท่านเล่า หรือที่เขาจากไปเพราะท่านขับไล่ไสส่ง ทำเรื่องเลวร้ายกับเขากันแน่”“ไม่นะ ข้าไม่เคยคิดร้ายกับเจ้า เจ้ากลับมาเพื่อแก้แค้นข้าหรือ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นนะ ทั้งหมดเป็นแผนของเซี่ยอ้ายเหม่ย หญิงผู้นั้นน่ากลัวยิ่งนัก เขาบีบบังคับข้า ใช่ เป็นเพราะนาง”เกอคนงามมีสีหน้ามืดครึ้ม มุมปากกระตุกขึ้น แสยะยิ้มสมเพชในความรักของอดีตเจ้าของร่างเหอซีซวนเอ๋ย เหตุใดอดีตของเจ้าถึงได้น่ารังเกียจถึงเพียงนี้“หากเจ้าอยากกลับมาอยู่ข้างกายข้า ย่อมได้เสมอ ข้ารักเจ้าไม่เคยเปลี่ยน”ถานตงหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความมั่นคง ก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือนุ่มอย่างทะนุถนอม ไม่แปลกใจที่เหอซีซวนคนเก่าจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแต่โทษทีนะ เขาคือหลิวซีซวน จับคลำบนหัวก็ไม่ได้มีเขา ข้าไม่ได้โง่ หูหนวกตาบอด
ให้ทายว่า เซวียนจางหย่งอุ้มเขาไปที่ไหนหลังจากที่ขยับความสัมพันธ์เป็นคนที่กำลังจะแต่งงานกัน หากมีโอกาส เซวียนจางหย่งก็ไม่เคยที่จะปล่อยให้หลิวซีซวนห่างกาย บุรุษหน้าตายแห่งหน่วยตงฉางอุ้มคนงามเข้าเรือนของตัวเองอย่างไม่มีเหนียมอาย“เอ่อ เหตุใดเจ้าจึงพาข้ามาที่นี่”สิ้นคำ เขาก็โดนปล้นจูบอย่างดุเดือดบนเตียงนุ่มของเซวียนจางหย่ง หลิวซีซวนนั้นแม้จะตกใจแต่ก็ไม่คิดที่จะผลักไส เขาจะต้องแสดงแสนยานุภาพในฐานะที่เป็นตัวแทนของคนต่างโลก ไม่อยากจะอวดว่าสมัยเป็นนักแสดง เขาได้ฉายาว่าพระเอกจูบดุมาด้วย ฉะนั้นเรื่องอะไรจะต้องยอมกันทั้งคู่ป้อนจูบดูดดื่มให้แก่กันจนแทบลืมวันเวลา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หลิวซีซวนแทบจะหายใจไม่ออก แล้วผลักคนตัวใหญ่ออกมา“แฮ่กๆๆ เจ้าเป็นอะไรเนี่ย”“ขออภัย เจ้างามเกินไป ข้าอดใจไว้ไม่ไหว”พูดได้ดี พูดดีสมกับเป็นว่าที่สามีคนบ้ายออย่างเขา“เมื่อครู่ เจ้าพบกับถานตงหยาง เจ้ารู้สึกอะไรบ้าง” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วคล้ายกับไม่แน่ใจในคำถามของตัวเอง“รู้สึกสิ รู้สึกรังเกียจ คนบ้าอะไรหน้าถีบชะมัด ดีแต่พูดเอาดีเข้าตัวเอง”“เจ้าไม่ได้ เอ่อ ไม่ได้คิดถึงห่วงหาอะไรบุรุษผู้นั้นแล้วหรือ”“ห๊ะ คิดถึง ห
ณ จวนรองเก้ากรมโยธา เสียงทะเลาะของสามีภรรยาดังลั่นเช่นทุกคืน ทว่าคืนนี้ดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อภรรยาอย่างเซี่ยอ้ายเหม่ยจับได้คาหนังคาเขา“ท่านพี่ เหตุใดท่านไม่พูดอะไรสักคำ ที่ข้าเห็นเมื่อกี้มันคืออะไร แอบพาเกอแพศยามากินดื่มที่ห้องอาหารส่องดาว ท่านพี่ทำเช่นนี้ ไม่เห็นแก่หน้าข้าเลย” หญิงสาวโวยวายเสียงดัง ใบหน้างามมีหยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มไม่หยุด ความรักครั้งนี้เธอยอมแลกหลายอย่าง ถึงขั้นยอมทำตัวเลวร้าย แย่งชิงบุรุษมาจากผู้อื่น สังหารภรรยาเก่าของเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ต้องมาเห็นสามีของเธอยื้อแย่งบุรุษกับผู้อื่นอย่างหน้าด้านๆซ้ำยังกล้าปัดความผิดมาให้เธออีก เหตุใดถานตงหยางถึงได้ใจดำเช่นนี้“เซี่ยอ้ายเหม่ย หยุดทำตัวน่ารำคาญสักที ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าข้าไปทำงาน”“ทำงาน ท่านก็อ้างว่าทำงานทุกครั้ง แต่ที่ข้าเห็น มันไม่ใช่ ท่านไปกับเกอผู้นั้น ท่านออกไปกับนังแพศยา เหอซีซวน”“เหตุใดต้องพูดถึงเหอซีซวนด้วย คนก็จากไปแล้ว เจ้าควรจะปล่อยวาง”“ทำไมข้าจะพูดถึงไม่ได้ ทำไมหรือ ท่านพี่ ท่านยังอาลัยอาวรณ์มันนัก พอมันกลับมาก็คิดจะสานสัมพันธ์ กลับไปกินของเก่า แล้วข้าเล่า ข้าผู้นี้คือฮูหยินของท่าน ท
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา