“เจ้า...ตุ๋นไก่ให้ข้า”
ที่คิดจะออกปากตำหนิจึงพูดไม่ออก พลันรู้สึกวูบไหวในอก นานเพียงใดที่เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้
รู้สึกเป็นพิเศษ เป็นคนสำคัญ
“ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ฮูหยินเพียงต้องการลงมือทำอาหารบำรุงให้ท่าน ไม่ได้มีเจตนาร้าย ขอท่านแม่ทัพอย่าโกรธเคืองฮูหยินเลยนะเจ้าคะ”
ป้าหวงฝูอธิบาย ทหารคนอื่นก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย ฮูหยินท่านแม่ทัพเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมและงดงาม มีจิตใจดี รักใคร่ห่วงใยท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะเกือบเผาห้องครัวไปก็เถิดนะ
หรูซื่อช้อนตาขึ้นมอง “ข้าไม่ได้ตั้งใจเผาห้องครัวของท่านจริงๆ นะ”
เสียงถอนหายใจดังขึ้น เขาเองไม่ได้อยากตำหนินาง “เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่ บาดเจ็บที่ใดหรือเปล่า”
น้ำเสียงแม้ไม่ได้อ่อนโยนนัก แต่บรรดาทหารที่มักได้รับคำสั่งต่างอ้าปากค้างตะลึงงันกับสิ่งที่ได้ยิน แม่ทัพซุนมีอีกชื่อที่เรียกขานลับหลังว่า ‘แม่ทัพปีศาจ’ ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยินท่านแม่ทัพปีศาจใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อน
หญิงสาวฉีกยิ้มหวานส่ายหน้าไปมา แต่ซ่อนมือไว้ด้านหลัง รอยยิ้มของนางไม่ได้ช่วยกลบเกลื่อนอะไรได้เลย ซุนหลวนคุนเอื้อมมือไปจับมือของนางยกขึ้นมาดู ปลายนิ้วน้อย ๆ แดงจนน่าสงสาร
“ข้าไม่เจ็บ” นางร้อนรนรีบบอกเขาแล้วชักมือกลับ แต่เขายึดข้อมือนางไว้แน่นทำให้นางขยับไม่ได้ ดวงตาคู่งามหลุบลงไม่กล้าสบตากับเขา
“อย่างไรก็ต้องทำแผล” เขาจับมือนางนางขึ้นเป่าเบาๆ “อย่าทำอะไรให้ตนเองต้องบาดเจ็บอีก”
“ข้า...ข้าทราบแล้ว”
“พวกเจ้าดูแลที่นี่ให้เรียบร้อย ข้าจะพาฮูหยินไปทำแผล”
“ขะ...ขอรับท่านแม่ทัพ”
เหล่าทหารต่างยืนตะลึงงันมองร่างสูงสง่าของท่านแม่ทัพประคองฮูหยินเดินออกไปสุดสายตาแล้วจึงได้สติ
เมื่อครู่...
เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น
ท่านแม่ทัพ ‘เป่า’ นิ้วให้ฮูหยิน
ท่านแม่ทัพ ‘ประคอง’ฮูหยิน
ท่านแม่ทัพไม่ลงโทษผู้กระทำผิด
คนผู้นั้นคือบุรุษที่ถูกเรียกขานว่าเป็น ‘แม่ทัพปีศาจ’ นะหรือ?
“ยืนงงอะไรกัน รีบจัดการห้องครัวให้เรียบร้อยสิ” ป้าหวงฝูเตือนบรรดาทหารที่ยืนงงอยู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกชายของนางวิ่งกระหืดกระหอบตามมา
“ท่านแม่เกิดอะไรขึ้นขอรับ” หวงอี้ถามมารดา เขาเพิ่งปฏิบัติภารกิจให้ท่านแม่ทัพเสร็จจึงตามกลับเข้าจวนมาทีหลัง พอได้ยินว่าห้องครัวไฟไหม้และท่านแม่ทัพมาดูด้วยตนเองจึงวิ่งตามมาที่นี่ แต่มาถึงก็ไม่พบท่านแม่ทัพแล้ว
“ไม่มีอะไรแล้ว” นางโบกมือไปมา
“ท่านแม่ทัพเล่า”
“ฮูหยินบาดเจ็บ ท่านแม่ทัพพาไปรักษาแล้ว”
“อ๊า! ฮูหยินบาดเจ็บ ข้าจะไปตามหมอทหาร” หวงอี้ทำท่าจะวิ่งออกไปแต่ถูกมารดาดึงคอเสื้อไว้ก่อน
“ไม่ต้องๆ ท่านแม่ทัพรักษาให้ฮูหยินเอง”
“แต่ท่านแม่ทัพไม่ใช่หมอนะขอรับท่านแม่”
นางหวงฝูกลอกตามองท้องฟ้า
“เอาล่ะ ไม่ต้องตามท่านแม่ทัพกับฮูหยินไปก็พอแล้ว”
มิน่าเล่า ป่านนี้ลูกชายคนเดียวของนางยังหาสะใภ้ไม่ได้เสียที เดิมทีนางไม่อยากเป็นฝ่ายหาคู่ให้บุตรชาย เผื่อว่าหวงอี้มีนางในดวงใจ แต่เห็นท่าทางซื่อ ๆเช่นนี้แล้ว นางคงต้องลงมือหาสะใภ้ให้ลูกชายด้วยตนเองแล้ว
แม่ทัพหนุ่มพาภรรยาตัวน้อยกลับมาที่เรือนของตนซึ่งใกล้กว่าเดินไปที่เรือนของหรูซื่อ เขาสั่งบ่าวรับใช้ให้ยกน้ำอุ่นเข้ามา จับร่างเล็กนั่งบนตั่งแล้วหยิบผ้ามาชุบน้ำเช็ดใบหน้าให้นางอย่างเบามือ
“ท่านพี่ ข้าทำเองได้” นางยื่นมือไปหมายจะหยิบผ้ามาเช็ดหน้าด้วยตนเอง แต่เขาเพียงพลิกข้อมือหลบนางก็เอื้อมมือไม่ถึงมือของเขาแล้ว
“เจ้ามองไม่เห็นจะเช็ดไม่หมด” เขาให้เหตุผล แต่มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ทำเอาหรูซื่อตาพร่าไปชั่วขณะ
ยามแย้มยิ้ม ใบหน้าของเขาน่ามองถึงเพียงนี้
นางรู้สึกไม่เหมาะที่จ้องมองบุรุษ
แต่...
เขาเป็นสามีของนาง
ภรรยาจ้องมองใบหน้าสามีคงไม่เป็นอะไรกระมัง
ซุนหลวนคุนเห็นนางยอมนั่งนิ่งจึงบรรจงเช็ดคราบเขม่าบนใบหน้าใ จากนั้นจึงเปลี่ยนผ้าแล้วเช็ดปลายนิ้วมือที่ละนิ้วอย่างทะนุถนอม หรูซื่อเองก็ไม่รู้ว่าตนเองได้แผลมาเมื่อใด แต่เห็นเขาทำเพื่อนางขนาดนี้ หัวใจดวงน้อยก็ยิ่งเต้นรัว และยิ่งนึกถึงคำสอนของป้าหวงฝูที่นางต้องพยายามใกล้ชิดสามีให้มาก ๆ หัวใจของนางก็ยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ
‘ต้องใกล้ชิดมาก ๆ เอ๋? มากแค่ไหนหรือป้างหวงฝู’
‘มือไม้สัมผัส ดวงตาประสาน เรือนร่างแนบชิด’
‘มือไม้สัมผัส ดวงตาประสาน เรือนร่าง..นะ..แนบ แนบชิด’
‘ใช่เจ้าค่ะ ฮูหยินมิต้องเขินอาย ท่านเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ การใกล้ชิดถูกเนื้อต้องตัวมิใช่เรื่องผิด’
‘ทำเช่นนี้แล้ว ข้าจะมีทายาทให้ท่านแม่ทัพได้หรือ?’ นางยังคงสงสัย
‘เรื่องนั้น...เรื่องนั้นท่านแม่ทัพจะเป็นผู้มอบบุตรให้ท่านเองเจ้าค่ะ’
ซุนหลวนคุนเห็นสีหน้าภรรยาแปลกไป ประเดี๋ยวซีดขาว ประเดี๋ยวแดงระเรื่อ คิ้วกระบี่พลันขมวดปมอย่างวิตกกังวล เขายื่นหน้าไปใกล้ ลมหายใจผ่าวร้อนรินรดใบหน้าหญิงสาว หรูซื่อคิดจะถอยหลบแต่เมื่อนึกถึงถ้อยคำของป้าหวงฝูก็ฝืนทำตัวแข็งเกร็งไม่หลบสายตา เพื่อให้ ‘ดวงตาประสาน’ กัน
“เจ้าไม่สบายเป็นแน่ ข้าจะไปให้คนไปเชิญหมอมาตรวจ”
ดวงตางามกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง จนเมื่อเห็นร่างสามีหมุนตัวก้าวออกไป นางจึงได้สติรีบยื่นมือไปหมายจะดึงเขาไว้ก่อน ทว่านางรีบร้อนจนกลายเป็นสวมกอดเขาจากด้านหลัง ร่างกายแม่ทัพหนุ่มกำยำดั่งหินผา หรูซื่อเหมือนเอาตัวไปกระแทกกับกำแพงหิน เจ็บจนน้ำตาร่วงสองหยด แต่นับว่าได้ผล เพราะร่างของเขาหยุดชะงักไปทันที
แผ่นหลังสัมผัสเรือนร่างอ่อนนุ่ม กลับทำให้เขานิ่งงันราวกับถูกจี้สกัดจุด ร่างของนางนุ่มเสียจนเขาไม่คิดว่าตนเองเคยสัมผัสอะไรที่นุ่มอย่างนี้มาก่อน เขามิใช่บุรุษไก่อ่อนไม่รู้จักรสชาติอิสตรี ทว่าเมื่อแต่งนางมาเป็นภรรยาแล้ว เขามิได้ข้องแวะกับหญิงใด แม้แต่หญิงนางโลมก็ไม่เคยเรียกมารับใช้ เสียงหัวใจของนางเต้นรัวแนบชิดแผ่นหลังเรียกสติชายหนุ่ม เขาจับมือนางออกแล้วค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับนาง
“ไม่...ไม่ต้องตามหมอ...ข้า...ข้าไม่ได้..ปะ..ป่วย”
“เจ้าไม่ป่วย แต่เหตุใดหน้าแดงถึงเพียงนี้” เขารู้แล้วแต่อยากหยอกเย้าภรรยาตัวน้อย โน้มหน้าลงให้หน้าผากของตนสัมผัสกับหน้าผากของนาง “ตัวก็ไม่ร้อน”
“ข้า...ข้า...” จุดที่เขาสัมผัสทำก่อเกิดไอร้อนลามเลียไปทั่วใบหน้า แต่นางไม่รู้ว่า แม้กระทั้งติ่งหูดุจไข่มุกของนางก็แดงระเรื่อไปด้วย
“น้องหญิงต้องการสิ่งใดรึ”
‘น้อง...น้องหญิง’
นางเบิกตากว้าง ใครเลยจะคิดว่าสามีที่ตีหน้าเคร่งขรึมเสมอกลับเอ่ยวาจาหยอกล้อนางเช่นนี้
“ข้า...ข้า...” นางพูดไม่ออกและเขาก็ใจเย็นเอาแต่จ้องมองดวงตาของนาง นางถูกเขาจ้องจนรู้สึกเหมือนจะเป็นลมแล้ว
“ว่าอย่างไร” ถามคาดคั้นแต่สองมือกลับจับเอวบางไว้มั่นเพราะกลัวนางจะร่วงลงไปกองกับพื้น
“ข้า...ข้าต้องการ...”
“ต้องการ?”
ถูกเขาต้อนจนไม่รู้จะทำเช่นไร นางหลับตาแน่นแล้วพูดรัวเร็วออกมา
“ข้าต้องการลูก ข้าอยากมีทายาทให้ท่าน ท่านมอบลูกให้ข้านะ!”
น่าแปลก
นางความจำเสื่อมก็จริง แต่เรื่องบางเรื่องนางกลับทำได้ดี
ซุนหลวนคุนให้นางย้ายข้าวของมาอยู่เรือนเดียวกับเขา แม้ใบหน้ายามสั่งการให้บ่าวไพรเคร่งขรึม ทว่าผู้คนเหล่านั้นกลับรับคำสั่งด้วยรอยยิ้ม ไม่มีใครกล้าพูดอะไร นอกจากส่งยิ้มให้นาง ทำเอาหญิงสาวเขินอายจนไม่รู้จะซ่อนหน้าที่ไหน
‘งานที่ค่ายทหารรัดตัวมาก ข้าอาจกลับมาดึก เจ้าไม่ต้องรอข้า’
‘เจ้าค่ะ’
เขาบอกไม่ต้องรอ แต่นางก็รอ รอจนไม่รู้ฟุบหลับไปบนโต๊ะเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าเลยว่าเขาอุ้มนางมานอนบนเตียงเมื่อใดกัน เขาแวะเวียนมากินข้าวกับนางสักมื้อหนึ่งแล้วรีบร้อนออกไป ป้าหวงฝูและบรรดาทหารยามบอกนางว่าช่วงนี้ท่านแม่ทัพมีงานรัดตัวจริง ๆ นางอยู่ว่างไม่รู้จะทำอะไร จึงหยิบจับเสื้อผ้าของเขาออกมาดู เห็นมีบางแห่งที่มีรอยขาดก็นึกประหลาดใจ จวนแม่ทัพมิได้ยากจน ไฉนเสื้อผ้าสามีนางจึงชำรุดขนาดนี้ นางจึงขอเข็มและด้ายจากป้าหวงฝูแล้วเอาเสื้อผ้าของเขามาซ่อมแซม น่าแปลก นางกลับคุ้นชินกับการเย็บปักเหล่านี้มากกว่าทำอาหารที่แทบจะเผาครัวของเขาไปเมื่อครั้งก่อน ขนาดป้าหวงฝูยังเอ่ยชมว่าฝีมือของนางนั้นประณีตจริง ๆ “ป้าหวงฝู ข้าอยากไปซื้อพวกอุปกรณ์เย็บปัก ท่านไปกับข้าได้หรือไม่ ข้าเพิ่งเคยมาเมืองนี้” “ได้สิเจ้าค่ะ ฮูหยินตั้งใจทำให้ท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ ท่านแม่ทัพต้องดีใจมากเป็นแน่” “ข้าอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็ทำได้แค่เรื่องพวกนี้” นางยิ้มเขินอายจนแก้มเนียนแดงปลั่ง “ข้า...ข้าต้องขอบคุณป้าหวงฝูที่คอยชี้แนะและดูแลข้า” “ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้
“ข้าเข้าใจแล้ว” นางเอ่ยไปเช่นนั้นแต่ในใจยังคงว้าวุ้นสับสน แสร้งหลับตาลง เมื่อรับรู้ว่าในห้องไม่เหลือผู้ใดแล้วจึงลืมตาขึ้น ริมฝีปากงามถอนหายใจหนักหน่วง นางบอกตัวเองไม่ให้คิดมาก แต่ไม่อาจทำได้ ตั้งแต่ได้สติฟื้นขึ้นมา นางพบซุนหลวนคุนเป็นคนแรก เขาบอกว่านางคือภรรยาของเขาชื่อหรูซื่อ นางก็เชื่อทุกสิ่งที่เขาพูด แต่นางคือ ‘หรูซื่อ’ ภรรยาของเขาจริง ๆหรือไม่นั้น ไม่มีใครยืนยันได้ เขาเล่าว่ารถม้าของนางถูกปล้นชิง คนติดตามล้วนถูกสังหารหมดสิ้น ข้าวของที่นำมาถูกขโมยไปสิ่งที่เหลือก็ใช้การอะไรไม่ได้ นางโชคดีที่เขาและทหารลาดตระเวนมาพบและเข้าช่วยเหลือได้ทัน ‘หรูซื่อ’ ‘หลิวหรูซื่อ’ ชายแปลกหน้าผู้นั้นก็เรียกนางว่า ‘หรูซื่อ’ นางคงเป็น‘หรูซื่อ’จริงๆ นั้นแหละ ทว่านางไม่คุ้นหน้าชายผู้นั้นเลย แต่น้ำเสียงและแววตาตัดพ้อนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นการจำคนผิดเป็นแน่ ทำไมคนผู้นั้นถึงมองนางเช่นนั้น นางทำสิ่งใดไว้หรือ? ทำเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ถึงขนาดที่จ้องมองด้วยสายตาเช่นนั้น หรือนางทำเรื่องผิดต่อซุนหลวนคุน เขาจึงไม่กลับบ้าน
“ท่านพี่เป็นอะไร” “ข้า...”น้ำเสียงที่ได้ยินแหบแห้งจนน่าตกใจ “ท่านพี่ไม่สบายหรือ?”หรูซื่อขยับตัวทำให้เพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของสามี แก้มเนียนฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที เห็นท่าทีของนางกลับมาเป็นเช่นเดิมหัวใจจึงกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง “ข้าแค่ตกใจ” “ตกใจ?” “เจ้าทำข้ากลัวเหลือเกิน” เขากุมมือที่ยังแนบแก้มของเขาอยู่ “เจ้าฝันร้ายและข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้” “แค่ฝันร้าย” นางยิ้มเขินอาย นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร้องไห้ “ข้าทำให้ท่านเป็นห่วงอีกแล้ว” “เจ้าฝันถึงสิ่งใด เหตุใดจึงร้องไห้จนดวงตาเปียกชุ่มเช่นนี้” หรูซื่อเพิ่งรู้ตัว นางดึงมือกลับมาใช้หลังมือเช็ดที่ใต้ตา รอยเปียกชื้นที่เหลืออยู่ยืนยันได้ว่านางร้องไห้ “ข้าร้องไห้หรือ? แต่ข้าจำไม่ได้เลยว่าร้องไห้เรื่องอันใดกัน” “จำไม่ได้ก็ดีแล้ว ข้าเห็นเจ้าร้องไห้ก็ปวดใจเหลือเกิน” “ท่านพี่” หัวใจนางเหมือนจะพองโตคับอก แม้ผู้อื่นเกรงกลัวสามีของนางมาก แต่เขาอ่อนโยนและห่วงใย ใส่ใจทุกเรื่องของนาง แม้นางความจำเส
“อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” เขายิ้มร้ายกาจ โน้มหน้าลงดูดกลืนปลายถันที่แดงฉ่ำ ใช้ทั้งปากและลิ้นละเลียดความอ่อนนุ่มปลุกเร้าจนยอดอกชูชันท้าทายสายตา มือเรียวยกขึ้นโอบกอดเขาไว้ ส่งตัวตนของนางให้เขาลิ้มรส ในขณะที่สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวนำพาความเสียดเสียวไปทั่วร่าง เขาทำเช่นเดียวกับที่ใช้นิ้วและลิ้นแต่ครั้งนี้เป็นแท่งหยกร้อนระอุของเขาที่เคลื่อนไหวเข้าออกในร่องรัก ทุกการเคลื่อนไหวของเขานำพาความเสียวซ่านมาแทนที ความเจ็บปวดจางหายไปเมื่อใดไม่อาจรู้ได้ ร่องรักทั้งอุ่นร้อนและชุ่มฉ่ำ เสียงครางกระเส่าปลุกเร้าให้ชายหนุ่มแทบคลุ้มคลั่ง เหงื่อไหลโทรมกาย นัยต์ตาร้องแรงดุจลูกไฟ และดวงตาของเขาสะกดนางให้นางจ้องมองเพียงเขาเท่านั้น สะโพกสอบขยับโยกดุนดันจนร่างบางสั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้น มันเร็วขึ้น แรงขึ้น ถี่กระชั้นมากขึ้น นางบิดเอวเผลอจิกเล็บกับแผ่นหลังของเขา เสียงครางแหบพร่าทำให้นางได้สติ จ้องมองสีหน้าของเขาอย่างหลงใหล เหงื่อไหลชโลมกาย ผสานกับเสียงครวญหวานของนางเร่งเร้าผลักดันให้เขาขยับกาย “ข้า...ข้าไม่ไหวแล้ว” หรูซื่อพูดเสียงแผ่ว ครั้งนี้มันยิ่งกว่าเมื่อครู
“ซื่อเอ๋อร์...มองข้า” น้ำเสียงเว้าวอนทำให้นางลืมตามองเขา อารมณ์ปรารถนาในดวงตาคู่นี้ทำให้นางไม่อาจหลบสายตาได้เลย เขาต้องการนางเช่นเดียวกับที่นางปรารถนาในตัวเขา สองมือยื่นมือไปโอบล้อมลำคอ เขายกบั้นท้ายงามงอนขึ้นก่อนจะชำแรกเข้าไปในร่องรักที่ฉ่ำแฉะ ฝากฝั่งตัวตนจนหมด เสียงหวานครางออกมาผสานกับเสียงคำรามอย่างพอใจ เพราะความเสียวซ่านทำให้นางรัดเอวเขาแน่น เขายกนางอุ้มทั้งที่สอดประสาน ยกสะโพกนางขึ้นแล้วกดลง “อ๊า...” หรูซื่อกอดรัดเขาแน่น ทรวงอกงามบดเบียดแผงอกกำยำ ทุกการขยับโยกของเขาทำให้นางแทบสำลักความเสียวซ่าน กระแสแห่งความสุขแล่นไปทั่วร่างยันปลายนิ้วเท้า เขาอุ้มนางพร้อมยกสะโพกตอกตรึงลำทวน มันลึกเสียจนนางได้แต่จิกเล็บกับแผ่นหลังของเขา “ชอบหรือไม่”เขายังคงเพียรถามทั้งที่ร่องรักนางขมิบรัดลำทวนแข็งแกร่งจนเขาแทบคลั่ง นางพยักหน้าอย่างสิ้นอาย เขายกสะโพกนางขึ้นลงกระแทกกระทั้นอย่างดุเดือด เหงื่อไหลพราวไปทั่วร่าง ความปรารถนาถาโถมราวพายุหลงฤดู หรูซื่อไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้นอกจากความสุขสมที่เขามอบให้ กระทั่งเขาอุ้มนางมาที่โต๊ะอีกครั้ง วางสะโพกนางไว้หมิ่นเหม่ ตาม
“ข้านะหรือ?” หรูซื่อชี้หน้าตัวเอง เห็นเขาพยักหน้ารับแล้วนางก็คิดตามแล้วพยักหน้าตาม“มิน่าเล่า ข้าเข้าครัวทำอาหารก็เกือบทำไฟไหม้ห้องครัวของท่านแล้ว แต่พอได้จับเข็มจับด้าย ข้ากลับรู้สึกทำได้คล่องแคล่ว เช่นนั้นข้าจะเย็บเสื้อให้ท่านเอง” “ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเหนื่อย” เขาจับมือเรียวเล็กขึ้นมาลูบไล้นิ้วงามอย่างทะนุถนอม “ข้าอยากทำให้ท่านพี่” นางยิ้มเขินอาย เพราะตั้งใจหลบสายตาร้อนแรงของเขาจึงเสมองไปทางอื่น ทว่ากลับเห็นแผ่นที่กางอยู่บนโต๊ะ นางหลุบตาลงทันที แต่กระนั้น ทุกกิริยาของนางอยู่ในสายตาของซุนหลวนคุน “ไม่ใช่ความลับอะไร เจ้าดูได้” เขาเชยคางนางขึ้น “หากเจ้าอยากรู้อะไรก็ถาม เพียงแต่เรื่องพวกนี้อาจจะทำให้เจ้าหมดสนุก ข้าจึงไม่ได้ให้เจ้าดู” “ข้าดูได้หรือ?” แววตาวาววับจ้องมองกลับ และเมื่อเขาพยักหน้ายืนยัน นางจึงหันไปมองที่กระดาษแผ่นนั้น “นี่คือแผนที่หรือเจ้าคะ” “ใช่” เขาตอบแล้วจับเอวนางให้นางตัวตรง แผ่นหลังของนางแนบอกแกร่ง วงแขนกว้างโอบร่างเล็กแล้วชี้ให้นางดูตำแหน่งต่างๆ “นี่คือค่ายทหาร ตรงนี้เป็นกำแพงเมือง แนวเขานี้เป็นเสมือ
“อีกสองวันข้าจะไปพบเจ้า” “อย่าลืมฮูหยินของท่านด้วยสิ” ลี่หย่าย้ำ “แน่นอน ข้าต้องไปอยู่แล้ว” หรูซื่อยิ้มกว้าง สีหน้าไร้เดียงสาของนางทำให้ซุนหลวนคุนอ่อนใจ ในจังหวะเดียวกัน เขารับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่จึงวาดแขนโอบไหล่ร่างบางเข้ามาใกล้ “มีอะไรรึ” นางถาม จู่ ๆ เขาก็โอบนางเช่นนี้ “กลัวเจ้าจะร้อน” “หากข้าไม่เห็นด้วยตาตนเอง ย่อมไม่มีวันเชื่อว่าแม่ทัพปีศาจอย่างท่าน จะอ่อนโยนใส่ใจกับสตรีถึงเพียงนี้”ลี่หย่าหัวเราะเสียงใส แต่แววตาที่จ้องมองกลับตรงข้าม ซุนหลวนคุนเหมือนม้าป่างามสง่า ไม่น่าเชื่อว่า ผู้ที่ปราบม้าพยศได้นั้นเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ท่าทางไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น... หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมจานผลไม้ที่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ สายตาจับจ้องไปยังบุรุษหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านอะไรสักอย่างอย่างตั้งใจ คล้ายไม่รับรู้ว่ามีคนเดินเข้ามา นางเผลอขบริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ผู้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นเขาจะไม่รู้ว่านางเดินเข้ามา หรูซื่อจึงเปลี่ยนใจหมุนตัวเดินกลับออกมา ทว่าเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว คนที่ฝืนทำใจแข็ง
“ท่านพี่...ท่านกอดข้าแน่นเช่นนี้ กระดูกข้าจะแหลกเหลวแล้วนะ” หรูซื่อแสร้งร้องโอดครวญเบา ๆ ทว่าเสียงของนางชวนให้คนฟังใจเตลิดไปเรื่องอื่น“หรือท่านยังคิดเรื่องรับอนุอีก” นางดิ้นขลุกขลักพลางผลักไสมือใหญ่ที่เลื่อนมาเกาะกุมบัวคู่งาม“ข้าสาบานว่าจะมีเจ้าเพียงคนเดียว” เขาฝืนยิ้มออกมา สลัดความขุ่นมัวในใจแล้วสนใจกับเรือนร่างหอมกรุ่นที่ปลุกเร้าแก่นกายบุรุษเพศให้แข็งขัน “ลำบากฮูหยินแล้ว” ยังไม่ทันเอ่ยถามว่าเขาพูดถึงเรื่องใด หรูซื่อก็เข้าใจได้เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งขันดุนดันก้นของนางอยู่ ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีพร้อมกับผ้าคาดเอวที่ถูกปลดออก เสื้อตัวนอกเลื่อนหล่นเผยผิวกายขาวผ่องที่โผล่พ้นเอี๊ยมบังทรงตัวน้อย ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับ“ท่านพี่! เหลวไหลใหญ่แล้วนะ” นางเขินอายจนใบหน้าแดงจัดพยายามดึงเสื้อผ้าของตนเองขึ้นปกปิด แต่ต้องหลุดเสียงครางหวิวเมื่อมือซุกซนบีบเคล้นทรวงอกของนาง ร่างกายอ่อนยวบลงไปไร้แรงขัดขืน นางเอนหลังผิงแผ่นอกกว้างอย่างจำนนต่อความรัญจวนที่เขามอบให้ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอย่างน่าอับอาย ลิ้นร้อนตวัดไล้เลียใบหู จุดอ่อนไหวที่ถูกค้นพบทำให้หญิงสาวได้แต่ครางเสียงหวา
หรูซื่องอแงราวเด็กน้อย พลันในหัวของนางปรากฏภาพเลือนลางเป็นตัวนางที่ถูกอบรมสั่งสอน จากหญิงผู้หญิงใบหน้าละม้ายคล้ายบุรุษตรงหน้าอยู่หลายส่วน ‘สตรีต้องใช้ชีวิตเพื่อบุรุษ แม้ออกเรือนแล้วก็ตกเป็นของสามี สามีเป็นผู้วางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในครอบครัว ส่วนหน้าที่ของภรรยาก็คือต้องปรนนิบัติสามีและญาติพี่น้องของสามีด้วย พร้อมดูแลงานบ้านงานครัวไม่ให้ขาดตกบกพร่อง หรูซื่อ...เจ้าเกิดในตระกูลใหญ่ งานบ้านงานเรือนมีบ่าวรับใช้ทำให้ก็จริง แต่บางเรื่องก็ควรทำเป็นบ้าง และที่สำคัญ เจ้าแต่งงานมาหลายปีแต่ไร้บุตร อนาคตอาจต้องรับอนุเข้าเรือน เจ้าจะเป็นสตรีใจแคบไม่ได้ เข้าใจหรือไม่’“ไม่...ข้าไม่เข้าใจ” นางทุบแผ่นอกของเขา แต่รู้สึกเหมือนมือไม้หนักยกแทบไม่ขึ้นจึงได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาไว้ “เจ้าพูดถึงเรื่องใด” เขาโน้นหน้าลงเอ่ยถาม ปล่อยให้ทางทุบเขาให้พอใจ อย่างไรเขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บ มีแต่มือน้อย ๆ ของนางจะเจ็บเสียเอง“ทำไม...ทำไมต้องให้ข้าใจกว้าง” นางช้อนตาขึ้นมอง “ทำไมข้าต้องยินยอมรับอนุ ข้า...ข้าไม่อยากให้สตรีอื่นมาแตะต้องสามีของข้า ทั้งที่...ทั้งที่ข้าเฝ้ารอมาหลายปี แต่ทำไมต้องให้ข้า...ข้ายินดีรับอนุเข้าเรือ
“ข้าจะดื่ม” “เจ้าดื่มมากไปแล้ว” “เหล้านี้หวานดี ข้าชอบ เราขอซื้อเอากลับไปด้วยได้ไหม” “ได้ๆ ฮูหยินอยากได้ลูกแพะข้าก็ประลองมาให้ ฮูหยินอยากได้สุราผลไม้ของเปียนเจียง ข้าก็จะนำกลับไปให้” หรูซื่อหัวเราะคิกคักแล้วยื่นหน้าไปกระซิบ “สามีของข้าดีที่สุดเลย” กลิ่นลมหายใจเจือสุราผลไม้หอมหวาน ชวนให้คนมึนเมาเสียเหลือเกิน ซุนหลวนคุนได้แต่อ่อนใจที่ทำตัวเหลวไหลตามใจนางขนาดนี้ แต่คงมีเวลานี้เท่านั้นที่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยาทั่วไป ได้ใกล้ชิดเอาใจใส่ตามใจ นางหลังจากที่เขาห่างเหินกับนางไปเกือบห้าปี การตีดาบเสร็จสิ้นลง หนึ่งในบุรุษที่ตีดาบถือดาบสั้นเล่มนั้นตรงมาหานางแล้วยื่นให้ หรูซื่อทำหน้าไม่ถูกหันไปทางซุนหลวนคุน เขาเอียงหน้าแล้วกระซิบบอกนาง “พวกเขาต้องการมอบให้เจ้าเป็นของที่ระลึก” “ให้ข้า?” นางแปลกใจและดีใจไปพร้อมกัน นางยื่นมือมามีดสั้นน้ำหนักพอดีมือ “ข้าชอบมาก ขอบคุณทุกท่านมาก” หรูซื่อไม่รู้จะเอ่ยถ้อยคำใดได้อีก นางรับมือถือไว้อย่างทะนุถนอม ซุนหลวนคุนยื่นมือมารับมีดสั้นแล้วเก็บไว้
“ถ้าวันหนึ่งเราไม่มีภาระใดแล้ว เราเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันดีไหม ค่ำไหนก็นอนนั้น ข้าตัวเล็กกินไม่จุ คงไม่ลำบากท่านพี่กระมัง”“ถ้าเจ้าไม่กลัวลำบาก ข้าก็ไม่มีอะไรให้กลัว ขอเพียงมีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าก็พอใจแล้ว” “ข้าก็เช่นกัน ท่านห้ามลืมคำพูดตนเองนะ”“ข้าสัญญา”‘ไม่ว่าจะผ่านความเจ็บปวดมากี่ครั้งกี่ครา ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเด็ดขาด’ ซุนหลวนคุนบังคับม้าพากลับมาที่ลานประลองเพื่อส่งม้าคืน ทว่าเมื่อกลับมาถึง ทั้งสองต้องประหลาดใจเมื่อเห็นลานประลองกลายเป็นลานเลี้ยงฉลองเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ทั้งสองตั้งใจมาลากลับ หรือว่าจะมีผู้อื่นมาอีก ปาปังเห็นสีหน้างุนงงของทั้งสองก็หัวเราะออกมาแล้วเดินตรงมาตบไหล่แม่ทัพหนุ่ม “วันนี้กลับไม่ทันแล้ว ประเดี๋ยวก็พลบค่ำเดินทางค่ำมืดมันอันตราย พวกท่านค้างคืนที่นี่สักคืนเถิด พวกเราจัดเตรียมกระโจมที่พักไว้ให้แล้ว ท่านพ่อของข้าก็อยากเลี้ยงอาหารเย็นแม่ทัพและฮูหยิน รวมทั้งผู้ติดตามของท่านด้วย” หรูซื่อเงยหน้ามองสามีแล้วพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม เห็นทีว่าจะเดินทางกลับไม่ได้แล้วจริงๆ ซุนหลวนคุนได้แต่กล่าวขอบคุณน้ำใจที่เปียนเจียงมอบให้ ปาปัง
เสียงของลี่หย่าเรียกสติของหรูซื่อ นางพยักหน้ารับ ครู่ต่อมาเสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้นตามด้วยเสียงโฮ่ร้องของคนในเผ่า ม้ากว่าสิบตัวในลานประลองวิ่งห้อทะยานไปด้านหน้าเผื่อไปให้ถึงจุดที่สามารถยิงธนูได้ ทว่าก็มีม้าตัวอื่นเข้ามาเบียดกระแทก หรูซื่อหลุดเสียงร้องตกใจแล้วหันไปทางหวงอี้ “ไม่ใช่แค่การยิงธนูให้เข้าเป้าหรอกหรือ? เหตุใดเหมือนต่อสู้บนหลังม้าเช่นนี้” “เผ่าเปียนเจียงมีการแข่งขันไม่เหมือนผู้ใด นี่ไม่ใช่แค่การยิงธนู แต่ทุกคนต้องต่อสู้บนหลังม้า ถ้าตกจากม้าก่อนก็ถือว่าแพ้เช่นกัน” หรูซื่อถึงกับหน้าซีด นางคิดว่าแข่งยิงธนูก็คือประลองความแม่นยำเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเป็นการต่อสู้กันเช่นนี้ ในลานประลองผู้อื่นล้วนเป็นคนในเผ่าเดียวกัน มีเพียงซุนหลวนคุนที่เป็นคนนอก แน่นอนว่าทุกคนบังคับม้าสกัดมิให้เขาสามารถตั้งหลักยิงธนูได้ ปาปังอาศัยจังหวะที่แม่ทัพหนุ่มไม่อาจหลบหลีกผู้อื่นได้ ยกคันธนูขึ้นเล็งยิงทันทีแม้ใช้หางตามองก็ยังรับรู้ทุกอย่าง ซุนหลวนคุนบังคับม้วนตัวหลบผู้อื่นที่พุงเข้ามา ยิงธนูไปสกัดมิให้ธนูของปาปังเข้าเป้าได้สำเร็จ ปาปังตวัดสายตามองอ
หรูซื่ออยู่ในชุดกระโปรงสีสันสดใสปักลวดลายเป็นเรื่องราวการเลี้ยงสัตว์ของคนในเผ่า แต่รองเท้านั้นเป็นรองเท้าหนังกวางสูงถึงหน้าแข้งเหมาะสำหรับการขี่ม้า บนศีรษะประดับเครื่องประดับผมที่ทำจากลูกปัดหลากสีและขนนก และเพราะนางผิวขาวดุจหิมะต่างจากสตรีในทุ่งหญ้า ยามนี้นางจึงงดงามราวเทพธิดาสะกดสายตาบุรุษที่เผลอมองมา “ท่านพี่” หรูซื่อเห็นเขาตะลึงงันไปก็เรียกเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มได้สติแล้วกระแอมไอออกมาแก้เก้อ “ผิวนางเหมาะกับเสื้อผ้าสีแดงมากจริง ๆ” ลี่หย่าอดเย้าไม่ได้ “นี่ๆ เจ้าเคยกินชานมแพะหรือไม่ ลองชิมดูก่อนสิ” ลี่หย่าดึงมือหรูซื่อให้นั่งลงข้างกายนาง แล้วจัดแจงรินชานมแพะส่งให้ “ไม่เหม็นหรอก ลองชิมดู” หรูซื่อรับมาจิบที่ละนิด รสชาติแปลกไม่คุ้นลิ้น แต่พอได้ชิมก็ติดใจ “อร่อย แปลกดี ข้าเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก” “นมแพะทำได้หลายอย่าง ถ้าเจ้าได้แพะไปก็เลี้ยงมันดี ๆ จะได้เอาน้ำนมมันมากิน” “ต้องได้อยู่แล้ว” หรูซื่อพูดด้วยความมั่นใจแล้วหลิวตามองสามีของตน นางฝากความหวังที่จะได้ลูกแพะกลับไปจวนแม่ทัพ ซุนหลวนคุนอ่อนใจกับภรรยาตัวน้อ
“ท่าน!” นางหน้าแดงขึ้นมาทันทีแล้วยกมือขึ้นทุบแผ่นอกไปหลายที เรียกเสียงหัวเราะจนแม่ทัพโหดจนดังไปนอกรถม้า นางรู้ว่าทุบไปก็ไร้ประโยชน์ไม่สะเทือนเขาเลยสักนิด จึงฮึดฮัดแสร้งไม่สนใจเขาอีก รถม้าหยุดนิ่งก่อนเข้าหมู่บ้านที่ส่วนมากเป็นกระโจมขนาดใหญ่ ซุนหลวนคุนช่วยจับแต่งเสื้อผ้าของหรูซื่อให้เรียบร้อยก่อนจะก้าวลงจากรถม้าไปก่อนแล้วจึงยื่นมือไปประคองนางลงตามมา ท่าทางเอาใจใส่นี้ทำให้ลี่หย่ากำแส้ม้าในมือแน่นแต่ยังคงฝืนยิ้มออกมา “ดีใจที่เห็นพวกท่านมาเยือนถึงที่นี่” ลี่หย่าเอ่ยออกมาแต่อดกวาดตามองหญิงสาวข้างกายแม่ทัพหนุ่มไม่ได้ ซุนหลวนคุนคิดจะใช้ร่างกายตัวเองบดบังสายตาของลี่หย่า แต่หรูซื่อกลับก้าวเท้าออกมาด้านหน้าพร้อมรอยยิ้มและยื่นถุงผ้าใบน้อยให้ “เดินทางมากะทันหัน ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมามอบให้ เมื่อคืนข้าเย็บถุงเงินตั้งใจมอบให้แม่นางลี่หย่า ของเล็กน้อยนี้ หวังว่าแม่นางจะรับไว้” “ถุงเงินหรือ? ข้าชอบ” ลี่หย่ายื่นมือไปรับอย่างไม่เกรงมารยาทและไม่สนใจสายตาดุดันของแม่ทัพซุน นางคว้ามือของหรูซื่อแล้วใช้ร่างแทรกกลางระหว่างสองสามีภรรยา พาหรูซื่
“ท่านพี่...ท่านกอดข้าแน่นเช่นนี้ กระดูกข้าจะแหลกเหลวแล้วนะ” หรูซื่อแสร้งร้องโอดครวญเบา ๆ ทว่าเสียงของนางชวนให้คนฟังใจเตลิดไปเรื่องอื่น“หรือท่านยังคิดเรื่องรับอนุอีก” นางดิ้นขลุกขลักพลางผลักไสมือใหญ่ที่เลื่อนมาเกาะกุมบัวคู่งาม“ข้าสาบานว่าจะมีเจ้าเพียงคนเดียว” เขาฝืนยิ้มออกมา สลัดความขุ่นมัวในใจแล้วสนใจกับเรือนร่างหอมกรุ่นที่ปลุกเร้าแก่นกายบุรุษเพศให้แข็งขัน “ลำบากฮูหยินแล้ว” ยังไม่ทันเอ่ยถามว่าเขาพูดถึงเรื่องใด หรูซื่อก็เข้าใจได้เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งขันดุนดันก้นของนางอยู่ ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีพร้อมกับผ้าคาดเอวที่ถูกปลดออก เสื้อตัวนอกเลื่อนหล่นเผยผิวกายขาวผ่องที่โผล่พ้นเอี๊ยมบังทรงตัวน้อย ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับ“ท่านพี่! เหลวไหลใหญ่แล้วนะ” นางเขินอายจนใบหน้าแดงจัดพยายามดึงเสื้อผ้าของตนเองขึ้นปกปิด แต่ต้องหลุดเสียงครางหวิวเมื่อมือซุกซนบีบเคล้นทรวงอกของนาง ร่างกายอ่อนยวบลงไปไร้แรงขัดขืน นางเอนหลังผิงแผ่นอกกว้างอย่างจำนนต่อความรัญจวนที่เขามอบให้ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอย่างน่าอับอาย ลิ้นร้อนตวัดไล้เลียใบหู จุดอ่อนไหวที่ถูกค้นพบทำให้หญิงสาวได้แต่ครางเสียงหวา
“อีกสองวันข้าจะไปพบเจ้า” “อย่าลืมฮูหยินของท่านด้วยสิ” ลี่หย่าย้ำ “แน่นอน ข้าต้องไปอยู่แล้ว” หรูซื่อยิ้มกว้าง สีหน้าไร้เดียงสาของนางทำให้ซุนหลวนคุนอ่อนใจ ในจังหวะเดียวกัน เขารับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่จึงวาดแขนโอบไหล่ร่างบางเข้ามาใกล้ “มีอะไรรึ” นางถาม จู่ ๆ เขาก็โอบนางเช่นนี้ “กลัวเจ้าจะร้อน” “หากข้าไม่เห็นด้วยตาตนเอง ย่อมไม่มีวันเชื่อว่าแม่ทัพปีศาจอย่างท่าน จะอ่อนโยนใส่ใจกับสตรีถึงเพียงนี้”ลี่หย่าหัวเราะเสียงใส แต่แววตาที่จ้องมองกลับตรงข้าม ซุนหลวนคุนเหมือนม้าป่างามสง่า ไม่น่าเชื่อว่า ผู้ที่ปราบม้าพยศได้นั้นเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ท่าทางไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น... หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมจานผลไม้ที่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ สายตาจับจ้องไปยังบุรุษหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านอะไรสักอย่างอย่างตั้งใจ คล้ายไม่รับรู้ว่ามีคนเดินเข้ามา นางเผลอขบริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ผู้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นเขาจะไม่รู้ว่านางเดินเข้ามา หรูซื่อจึงเปลี่ยนใจหมุนตัวเดินกลับออกมา ทว่าเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว คนที่ฝืนทำใจแข็ง
“ข้านะหรือ?” หรูซื่อชี้หน้าตัวเอง เห็นเขาพยักหน้ารับแล้วนางก็คิดตามแล้วพยักหน้าตาม“มิน่าเล่า ข้าเข้าครัวทำอาหารก็เกือบทำไฟไหม้ห้องครัวของท่านแล้ว แต่พอได้จับเข็มจับด้าย ข้ากลับรู้สึกทำได้คล่องแคล่ว เช่นนั้นข้าจะเย็บเสื้อให้ท่านเอง” “ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเหนื่อย” เขาจับมือเรียวเล็กขึ้นมาลูบไล้นิ้วงามอย่างทะนุถนอม “ข้าอยากทำให้ท่านพี่” นางยิ้มเขินอาย เพราะตั้งใจหลบสายตาร้อนแรงของเขาจึงเสมองไปทางอื่น ทว่ากลับเห็นแผ่นที่กางอยู่บนโต๊ะ นางหลุบตาลงทันที แต่กระนั้น ทุกกิริยาของนางอยู่ในสายตาของซุนหลวนคุน “ไม่ใช่ความลับอะไร เจ้าดูได้” เขาเชยคางนางขึ้น “หากเจ้าอยากรู้อะไรก็ถาม เพียงแต่เรื่องพวกนี้อาจจะทำให้เจ้าหมดสนุก ข้าจึงไม่ได้ให้เจ้าดู” “ข้าดูได้หรือ?” แววตาวาววับจ้องมองกลับ และเมื่อเขาพยักหน้ายืนยัน นางจึงหันไปมองที่กระดาษแผ่นนั้น “นี่คือแผนที่หรือเจ้าคะ” “ใช่” เขาตอบแล้วจับเอวนางให้นางตัวตรง แผ่นหลังของนางแนบอกแกร่ง วงแขนกว้างโอบร่างเล็กแล้วชี้ให้นางดูตำแหน่งต่างๆ “นี่คือค่ายทหาร ตรงนี้เป็นกำแพงเมือง แนวเขานี้เป็นเสมือ