“อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” เขายิ้มร้ายกาจ โน้มหน้าลงดูดกลืนปลายถันที่แดงฉ่ำ ใช้ทั้งปากและลิ้นละเลียดความอ่อนนุ่มปลุกเร้าจนยอดอกชูชันท้าทายสายตา มือเรียวยกขึ้นโอบกอดเขาไว้ ส่งตัวตนของนางให้เขาลิ้มรส ในขณะที่สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวนำพาความเสียดเสียวไปทั่วร่าง เขาทำเช่นเดียวกับที่ใช้นิ้วและลิ้นแต่ครั้งนี้เป็นแท่งหยกร้อนระอุของเขาที่เคลื่อนไหวเข้าออกในร่องรัก ทุกการเคลื่อนไหวของเขานำพาความเสียวซ่านมาแทนที ความเจ็บปวดจางหายไปเมื่อใดไม่อาจรู้ได้
ร่องรักทั้งอุ่นร้อนและชุ่มฉ่ำ เสียงครางกระเส่าปลุกเร้าให้ชายหนุ่มแทบคลุ้มคลั่ง เหงื่อไหลโทรมกาย นัยต์ตาร้องแรงดุจลูกไฟ และดวงตาของเขาสะกดนางให้นางจ้องมองเพียงเขาเท่านั้น สะโพกสอบขยับโยกดุนดันจนร่างบางสั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้น มันเร็วขึ้น แรงขึ้น ถี่กระชั้นมากขึ้น นางบิดเอวเผลอจิกเล็บกับแผ่นหลังของเขา เสียงครางแหบพร่าทำให้นางได้สติ จ้องมองสีหน้าของเขาอย่างหลงใหล เหงื่อไหลชโลมกาย ผสานกับเสียงครวญหวานของนางเร่งเร้าผลักดันให้เขาขยับกาย
“ข้า...ข้าไม่ไหวแล้ว”
หรูซื่อพูดเสียงแผ่ว ครั้งนี้มันยิ่งกว่าเมื่อครู่ ราวกับมีพลุไฟระเบิดพร้อมกันนับสิบ นางไปถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง เขากลืนน้ำลายลงคอมองริมฝีปากสีชาดที่เผยอขึ้นส่งเสียงครางสุขสม เขาขยับตัวจับเรียวขางามพาดบ่า แล้วโยกสะโพกใส่ร่องรักที่หลั่งน้ำหวานอาบแท่งหยก ผิวขาวละเอียดบัดนี้กลายเป็นสีแดงระเรื่อ บางจุดมีรอยจูบที่เขาฝากรักไว้ เขาก้มมองกลีบเนื้อที่โอบรัดแก่นกาย เอื้อมมือไปบีบเคล้นหน้าอกของนางเพื่อให้นางได้ลิ้มรสความเสียวซ่านขึ้นอีก
“ท่าน...ท่านพี่ ช้า..ช้าหน่อย...ข้า...ข้า ...”
นางหวีดร้องร่างกายสั่นระริกพร้อมกับเสียงคำรามของซุนหลวนคุน เขากดแก่นกายเข้าไปจนสุดปลดปล่อยน้ำรักอุ่นร้อนในกายนาง กระแสความสุขไหลผ่านไปทั่วร่าง หรูซื่อไม่เหลือสติสัมปชัญญะ นางหมดสิ้นเรี่ยวแรง นางฝืนลืมตามองใบหน้าหล่อเหลาที่เผยรอยยิ้มที่นางหลงใหล เขาโอบกอดนางอย่างรักใคร่ ความอ่อนโยนที่ได้รับหลังถูกเขาเคี่ยวกรำทำให้ผล็อยหลับไปทันที
“ซื่อเอ๋อร์”
เขาพึมพำเรียกชื่อนาง กดหน้าผากของตนลงที่หน้าผากนาง ทุกรอยยิ้ม ทุกถ้อยคำ ทุกสิ่งที่ได้รับจากนาง เขาจะจดจำมันไปชั่วชีวิตที่เหลืออยู่
แม้ว่าวันหนึ่ง หากนางจำเรื่องทุกอย่างได้ สิ่งที่นางมอบให้เขาอาจเป็นความเกลียดชัง.
...
บรรยากาศในจวนแม่ทัพกรุ่นไอหวานละมุน ทำเอาทหารและบ่าวรับใช้ต่างหายใจหายคอโล่งอกไปด้วย ก่อนหน้านี้ไม่มีมีแต่ผู้คนหวาดกลัว ไม่กล้าเงยหน้าสบตา หากมีปัญหาอะไรก็ไม่มีใครกล้าพูด หากแต่เวลานี้มีฮูหยินท่านแม่ทัพอยู่ในจวน เมื่อมีเรื่องใดต่างมารายงานฮูหยินเพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่โตเพียงใด ทุกคนล้วนรายงานนางก่อนทั้งสิ้น
“ท่านดุมากเลยหรือ” หรูซื่อถามพลางยื่นถ้วยชาส่งให้ซุนหลวนคุน
“แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร” มือหนึ่งรับถ้วยชา อีกมือโอบเอวคอดมานั่งบนตัก นางขืนตัวออกแต่วงแขนนั้นรัดแน่นหนาทำให้นางจำนนจงใจนั่งบนตักแกร่งของเขา โชคดีที่อยู่ในห้องตามลำพัง ไม่มีผู้อื่นกล้าเข้ามา นางจึงยกน้ำชาให้เขาด้วยตนเอง
แท้จริงแล้วหรูซื่อไม่รู้ว่า เป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใกล้ ภรรยาตัวน้อยขี้อายมาก ยามร่วมอภิรมย์ยังต้องดับไฟให้หมด นางกลัวเสียงร้องของตนเองจะดังจนผู้อื่นได้ยินจึงยอมกัดผ้าห่ม ดูแล้วน่ารังแกเสียเหลือเกิน ยามเขาอยู่กับนาง เขาจึงไม่ให้ผู้อื่นมารบกวน
“ท่านพี่ใจดี” นางยิ้มจนดวงตาเป็นประกายหยาดเยิ้ม
ซุนหลวนคุนยกชาขึ้นดื่ม หลังวางถ้วยชาแล้วจึงยื่นนิ้วไล้แก้มแดงปลั่งของนางเบา ๆ
“ตั้งแต่ข้าเป็นทหารมา เพิ่งเคยได้ยินคนชมข้าเช่นนี้”
“ท่านดุมากเลยหรือ?” นางถามย้ำอีกครั้งอย่างแปลกใจ
“ผู้อื่นต่างพูดว่าข้าโหดเหี้ยม” เขายิ้มให้นาง ปลายนิ้วเลื่อนมาหยุดที่รอยจางๆ บริเวณลำคอของนาง หรูซื่อรู้ว่าเขาแตะรอยที่นางพยายามปกปิดพลันขวยเขินขึ้นมา จึงยกมือทุบแผ่นอกของเขา
“ใช่ ท่านโหดเหี้ยมจริง ๆ ผู้คนในจวนต่างรู้กันหมดว่าท่านกลืนกินข้าจนอ่อนเปลี้ยลุกจากเตียงไม่ไหว”
น้ำเสียงแง่งอนทำให้เขาหัวเราะในลำคอ “ข้าก็อยู่นี่คอยปรนนิบัติรับใช้ฮูหยินอย่างไรเล่า”
“ท่านพี่...” ไม่เคยรู้เลยว่า เขาพูดจาหยอกล้อเป็นเหมือนกัน แล้วนางก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือของเขาปัดผ่านบัวคู่งาม “จะทำอะไร...นี่...กลางวันแสกๆ ท่านพี่อย่ามารุ่มร่ามเช่นนี้นะ”
“สามีจะปรนนิบัติภรรยาอย่างไรเล่า”
มือไม้ว่องไวปลดสายรัดเอว สาปเสื้อคลายออกเผยผิวขาวเนียนละเอียดดุจหยกใส เอี๊ยมสีขาวไข่มุกขับเน้นทรวงอกคู่งาม ลมหายใจอุ่นร้อนนเป่ารดผิวกาย สิ่งที่เขาทำนั้นทำให้ลมหายใจของนางติดขัด เสื้อผ้านางหลุดลุ่ย กลีบปากแดงนุ่มดั่งดอกไม้เผยอขึ้นเล็กน้อย
“ทะ...ท่านพี่...มะ...ไม่ได้นะ”
นางรวบรวมเรี่ยวแรงผลักไส การดิ้นรนน้อย ๆ ของนางทำให้ร่างกายบดเบียดแนบชิดกันมากยิ่งขึ้น หลังจากร่วมรักกันมาแล้ว นางจึงได้เข้าใจว่า ‘สามี-ภรรยา’ ทำสิ่งใดร่วมกัน และตอนนี้นางก็รู้ว่า สิ่งที่นางนั่งทับอยู่แข็งขันขึ้นมาแล้ว
“ทำไมเล่า ข้าปรนนิบัติไม่ถูกใจหรือ” เสียงแหบพร่าเอ่ยถาม ดวงตาลุกโชนด้วยไฟปรารถนาที่พร้อมจะเผานางให้ทุรนทุราย มือใหญ่เลื่อนไปดึงปิ่นปักผมของนางออก เส้นผมยาวสลวยคลี่สยายล้อมกรอบใบหน้าที่แดงระเรื่อ
“มะ...ไม่ได้...” นางส่ายหน้าไปมากลายเป็นลูกนกตัวน้อยเสียขวัญในอ้อมอกของเขา “กลางวันอย่างนี้ ประเดี๋ยวมีคนเข้ามา”
“ใครกล้า” เขาหัวเราะในลำคอ มีแต่คนอยากตายเท่านั้นที่กล้าเข้ามารบกวนในเวลานี้
“ท่านพี่อย่าเลย...ข้า...” นางยังพูดไม่ทันจบความก็กลายเป็นเสียงครางหวานเมื่อเสื้อบังทรงถูกกระดุกออกไปพ้นทางและริมฝีปากร้อนอ้าปากครอบครองปทุมถัน แรงดูดดึงและบีบเคล้นทำให้นางเสียวซ่านไปทั่วร่าง ทุกครั้งที่ร่วมรักหลับนอน นางขอร้องให้เขาดับเทียนทุกดวง เพราะนางเขินอายจนเกินไป เขายอมตามใจนางทุกคราว แต่ครั้งนี้แม้อยู่ในห้องหับแต่กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ นาง...นาง...
“เจ้าชอบแบบนี้ไหม ซื่อเอ๋อร์” ถามพลางขบปลายถันสลับกับไล้เลียจนเปียกชุ่มและเปลี่ยนเป็นสีแดงสุกปลั่งและยั่วเย้าให้ปลายลิ้นตวัดไปมา หรูซื่อตัวสั่น ความเขินอายกลับกลายเป็นตื่นเต้นจนใจเต้นรัว ใบหน้างามแหงนหงายร้องครางอย่างพอใจ มอบคำตอบที่เขาต้องการให้ด้วยร่างกายที่ตอบสนองทุกสัมผัสของเขา
ชายหนุ่มถอนริมฝีปากแล้วใช้มือข้างเดียวกวาดหนังสือรายงานลงจากโต๊ะแล้วจับเอวบางยกขึ้นนั่งบนโต๊ะ เสียงหวีดร้องตกใจหลุดจากกลีบปากสีชาด กางกางชั้นในผ้าไหมเรียบรื่นถูกถอดออกไปพ้นทาง แม่ทัพหนุ่มนั่งที่เก้าอี้ ยามนี้เบื้องหน้าคือดอกไม้สาวที่แย้มกลีบรอเชยชมมือเล็กยื่นมาปิดส่วนที่น่าอาย แต่เขากลับยิ้มร้ายกาจล่อลวงใจออกมา
“เหตุใดไม่ให้ข้ามอง”
นางส่ายหน้าไปมา กัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องของตน หรูซื่อตัวเกร็งก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสั่นสะท้าน ลิ้นร้อนตวัดไล้กลีบดอกไม้สาวยั่วเย้าจนหลั่งน้ำหวานวาวใส นางกระถดสะโพกหนี แต่มือแกร่งจับเอวบางไว้มั่นให้รองรับการปรนเปรอจากลิ้นอุกอาจ ร่างกายบิดเร่าตามสัญชาตญาณเรียกร้องการเติบเต็มจากเขา
“ดีหรือไม่ซื่อเอ๋อร์ของข้า”
เขาชอบถามในสิ่งที่นางไม่กล้าเอ่อยตอบ แต่เขาได้คำตอบนั้นจากเสียงครางเย้ายวนพรูออกจากกลีบปากสวย ลิ้นของเขาทำให้นางหอบครางปนสะอื้นและหยัดสะโพกรับอย่างไม่รู้ตัว เกลียวคลื่นแห่งดำกฤษณาโถมเข้าใส่ เป็นความทรมานอันแสนหวานระลอกแล้วระลอกเล่าจนนางหวีดร้องพร้อมร่างกายที่เกร็งกระตุก ซุนหลวนคุนไม่รอช้า เมื่อนางถึงจุดสุขสมแล้วจึงหยัดกายขึ้นยืน ปลดเปลื้องอาภรณ์อย่างรวดเร็ว จับเรียวขางามเกี่ยวรัดเอวสอบของตน
“ดีจัง”“อะไรรึ” เขาถามโดยไม่ได้หันมามองนาง “ท่านแบกข้าไว้เช่นนี้” นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ท่านจะแบกข้าไปชั่วชีวิตได้หรือไม่” “แน่นอน”“ถ้าข้าอ้วนกว่านี้เล่า”“ข้าแข็งแรงแบกเจ้าไหว” ซุนหลวนคุนหัวเราะในลำคอ หากนางกลายร่างเป็นหญิงอวบอ้วนก็ช่างประไร ของให้นางคือ ‘หรูซื่อ’ ของเขาก็พอ แสงสว่างที่กระทบเปลือกตา ทำให้คนที่หลับใหลค่อยๆ ตื่นฟื้น มือเรียวเล็กยกขึ้นบังแสงที่เข้ามากระทบใบหน้า ทว่าข้อมือกลับถูกจับไว้แน่น ไอร้อนจากฝ่ามือทำให้หญิงสาวได้สติ นางหลุดเสียงร้องบางเบา แต่กระนั้นกลับทำให้เจ้าของฝ่ามือคลายมือลงอย่างรวดเร็ว “เจ้า...ฟื้นแล้ว” ดวงตากลมจ้องมองเจ้าของเสียงแหบพร่า น้ำเสียงเหนื่อยล้าระคนดีใจทำให้นางงุนงง หญิงสาวกะพริบตาปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งจึงจ้องมองบุรุษเบื้องหน้า ยังไม่ทันตั้งสติได้ ร่างของนางถูกเขารวบขึ้นมากอดแนบแน่นกับแผ่นอกกว้างของเขา “ฟื้นเสียที” ร่างของนางเกร็งขึ้นทันที สองมือพยายามดันแผ่นอกและดิ้นรนอย่างตื่นกลัว อาการต่อต้านทำให้ชายหนุ่มผ่อนวงแขนแล้วก้มมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ “เป็นอะไ
“ผู้ใดปลูกดอกโบตั๋นได้งดงามถึงเพียงนี้” “เรือนหลังนี้ ท่านแม่ทัพให้คนเตรียมไว้เพื่อฮูหยินเจ้าคะ” “หมายถึงข้าหรือ?” นางชี้นิ้วที่หน้าตัวเอง “อันที่จริง ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องในจวนนัก แต่เจ้าทึ่มหวงอี้ชอบเล่าให้ข้าฟังบ่อยๆ ท่านแม่ทัพให้คนมาทำความสะอาดอยู่เสมอ บอกว่าสักวันท่านจะมา พวกเรายังคิดอยู่ว่าเมื่อไหร่ฮูหยินท่านแม่ทัพจะมา แล้ววันนี้ท่านก็มาจริงๆ” “เขา...รอข้า...” เหตุใดหัวใจนางเต้นรัวเช่นนี้ หรูซื่อยกมือขึ้นกดที่หน้าอกตัวเอง หัวใจเต้นรัวเหลือเกิน ดีใจ? นางกำลังดีใจอย่างนั้นหรือ? หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ ภายในอกเกิดระลอกคลื่นอารมณ์แปลกประหลาด รู้สึกดีเหลือเกินที่มีคนรอคอยนางถึงเพียงนี้ ยิ่งกวาดตามองเห็นสวนดอกไม้งดงาม ยิ่งทำให้เชื่อว่าเขาใส่ใจและรอคอยนางจริงๆ แล้วเหตุใดนางไม่รีบมาหาเขา เป็นสามีภรรยาต้องอยู่ด้วยกันนี่ “เจ้าเป็นอะไรไป เจ็บหัวใจรึ” น้ำเสียงร้อนรนทำให้หญิงสาวรีบหมุนตัวกลับมา นางปะทะกับแผงอกของเขา เพราะไม่คิดว่าคนที่พูดจะยืนอยู่ใกล้มาก ความสูงที่ต่าง กัน
หรูซื่อคิดว่าตนเองโชคดีนัก แต่งงานห้าปีไร้ทายาท สามีไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ซ้ำยังดูแลเอาใจใส่อย่างดี “แล้ว...แล้ว ครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรเจ้าคะ พวกเขารักข้าหรือไม่ ดีกับท่านหรือเปล่า แล้ว...แล้วมารดาของท่าน เอ่อ แม่สามีของข้า รักใคร่เอ็นดูข้าหรือไม่เจ้าคะ เอ๋...เหมือนว่าข้าจะได้ยินท่านพูดเรื่องอนุ” คำถามของนางทำเอาดวงตาของเขาวูบไหวครู่หนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็กักเก็บมันไว้ได้ทัน กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “บิดามารดาของเจ้ามีบุตรชายสามคน เจ้าเป็นบุตรคนที่สี่เป็นบุตรสาวคนเดียวและบุตรคนเล็ก เป็นแก้วตาดวงใจของท่านราชครู ข้าได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดีมิให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ บิดาเจ้ามีมารดาเพียงผู้เดียวไม่มีหญิงอื่น ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่รับอนุมีไม่หลายภรรยาให้เจ้าต้องปวดใจ ส่วนเรื่องรับอนุนั้น เป็นความใจร้อนของมารดาข้าเอง” “ท่าน...ท่านพี่อย่าได้ตำหนิมารดาของท่านเช่นนั้น” นางรีบพูดขึ้น “แต่งงานกันห้าปีไร้ทายาท แม่สามีไม่ขับไล่ข้าก็นับว่าดียิ่งนัก หาก...หากว่าข้าไม่สามารถมีทายาทให้ท่านได้ ท่าน.
“เจ้า...ตุ๋นไก่ให้ข้า” ที่คิดจะออกปากตำหนิจึงพูดไม่ออก พลันรู้สึกวูบไหวในอก นานเพียงใดที่เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้ รู้สึกเป็นพิเศษ เป็นคนสำคัญ “ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ฮูหยินเพียงต้องการลงมือทำอาหารบำรุงให้ท่าน ไม่ได้มีเจตนาร้าย ขอท่านแม่ทัพอย่าโกรธเคืองฮูหยินเลยนะเจ้าคะ” ป้าหวงฝูอธิบาย ทหารคนอื่นก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย ฮูหยินท่านแม่ทัพเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมและงดงาม มีจิตใจดี รักใคร่ห่วงใยท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะเกือบเผาห้องครัวไปก็เถิดนะ หรูซื่อช้อนตาขึ้นมอง “ข้าไม่ได้ตั้งใจเผาห้องครัวของท่านจริงๆ นะ” เสียงถอนหายใจดังขึ้น เขาเองไม่ได้อยากตำหนินาง “เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่ บาดเจ็บที่ใดหรือเปล่า” น้ำเสียงแม้ไม่ได้อ่อนโยนนัก แต่บรรดาทหารที่มักได้รับคำสั่งต่างอ้าปากค้างตะลึงงันกับสิ่งที่ได้ยิน แม่ทัพซุนมีอีกชื่อที่เรียกขานลับหลังว่า ‘แม่ทัพปีศาจ’ ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยินท่านแม่ทัพปีศาจใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อน หญิงสาวฉีกยิ้มหวานส่ายหน้าไปมา แต่ซ่อนมือไว้ด้านหลัง รอยยิ้มของนางไม่ได
เขาบอกไม่ต้องรอ แต่นางก็รอ รอจนไม่รู้ฟุบหลับไปบนโต๊ะเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าเลยว่าเขาอุ้มนางมานอนบนเตียงเมื่อใดกัน เขาแวะเวียนมากินข้าวกับนางสักมื้อหนึ่งแล้วรีบร้อนออกไป ป้าหวงฝูและบรรดาทหารยามบอกนางว่าช่วงนี้ท่านแม่ทัพมีงานรัดตัวจริง ๆ นางอยู่ว่างไม่รู้จะทำอะไร จึงหยิบจับเสื้อผ้าของเขาออกมาดู เห็นมีบางแห่งที่มีรอยขาดก็นึกประหลาดใจ จวนแม่ทัพมิได้ยากจน ไฉนเสื้อผ้าสามีนางจึงชำรุดขนาดนี้ นางจึงขอเข็มและด้ายจากป้าหวงฝูแล้วเอาเสื้อผ้าของเขามาซ่อมแซม น่าแปลก นางกลับคุ้นชินกับการเย็บปักเหล่านี้มากกว่าทำอาหารที่แทบจะเผาครัวของเขาไปเมื่อครั้งก่อน ขนาดป้าหวงฝูยังเอ่ยชมว่าฝีมือของนางนั้นประณีตจริง ๆ “ป้าหวงฝู ข้าอยากไปซื้อพวกอุปกรณ์เย็บปัก ท่านไปกับข้าได้หรือไม่ ข้าเพิ่งเคยมาเมืองนี้” “ได้สิเจ้าค่ะ ฮูหยินตั้งใจทำให้ท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ ท่านแม่ทัพต้องดีใจมากเป็นแน่” “ข้าอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็ทำได้แค่เรื่องพวกนี้” นางยิ้มเขินอายจนแก้มเนียนแดงปลั่ง “ข้า...ข้าต้องขอบคุณป้าหวงฝูที่คอยชี้แนะและดูแลข้า” “ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้
“ข้าเข้าใจแล้ว” นางเอ่ยไปเช่นนั้นแต่ในใจยังคงว้าวุ้นสับสน แสร้งหลับตาลง เมื่อรับรู้ว่าในห้องไม่เหลือผู้ใดแล้วจึงลืมตาขึ้น ริมฝีปากงามถอนหายใจหนักหน่วง นางบอกตัวเองไม่ให้คิดมาก แต่ไม่อาจทำได้ ตั้งแต่ได้สติฟื้นขึ้นมา นางพบซุนหลวนคุนเป็นคนแรก เขาบอกว่านางคือภรรยาของเขาชื่อหรูซื่อ นางก็เชื่อทุกสิ่งที่เขาพูด แต่นางคือ ‘หรูซื่อ’ ภรรยาของเขาจริง ๆหรือไม่นั้น ไม่มีใครยืนยันได้ เขาเล่าว่ารถม้าของนางถูกปล้นชิง คนติดตามล้วนถูกสังหารหมดสิ้น ข้าวของที่นำมาถูกขโมยไปสิ่งที่เหลือก็ใช้การอะไรไม่ได้ นางโชคดีที่เขาและทหารลาดตระเวนมาพบและเข้าช่วยเหลือได้ทัน ‘หรูซื่อ’ ‘หลิวหรูซื่อ’ ชายแปลกหน้าผู้นั้นก็เรียกนางว่า ‘หรูซื่อ’ นางคงเป็น‘หรูซื่อ’จริงๆ นั้นแหละ ทว่านางไม่คุ้นหน้าชายผู้นั้นเลย แต่น้ำเสียงและแววตาตัดพ้อนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นการจำคนผิดเป็นแน่ ทำไมคนผู้นั้นถึงมองนางเช่นนั้น นางทำสิ่งใดไว้หรือ? ทำเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ถึงขนาดที่จ้องมองด้วยสายตาเช่นนั้น หรือนางทำเรื่องผิดต่อซุนหลวนคุน เขาจึงไม่กลับบ้าน
“ท่านพี่เป็นอะไร” “ข้า...”น้ำเสียงที่ได้ยินแหบแห้งจนน่าตกใจ “ท่านพี่ไม่สบายหรือ?”หรูซื่อขยับตัวทำให้เพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของสามี แก้มเนียนฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที เห็นท่าทีของนางกลับมาเป็นเช่นเดิมหัวใจจึงกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง “ข้าแค่ตกใจ” “ตกใจ?” “เจ้าทำข้ากลัวเหลือเกิน” เขากุมมือที่ยังแนบแก้มของเขาอยู่ “เจ้าฝันร้ายและข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้” “แค่ฝันร้าย” นางยิ้มเขินอาย นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร้องไห้ “ข้าทำให้ท่านเป็นห่วงอีกแล้ว” “เจ้าฝันถึงสิ่งใด เหตุใดจึงร้องไห้จนดวงตาเปียกชุ่มเช่นนี้” หรูซื่อเพิ่งรู้ตัว นางดึงมือกลับมาใช้หลังมือเช็ดที่ใต้ตา รอยเปียกชื้นที่เหลืออยู่ยืนยันได้ว่านางร้องไห้ “ข้าร้องไห้หรือ? แต่ข้าจำไม่ได้เลยว่าร้องไห้เรื่องอันใดกัน” “จำไม่ได้ก็ดีแล้ว ข้าเห็นเจ้าร้องไห้ก็ปวดใจเหลือเกิน” “ท่านพี่” หัวใจนางเหมือนจะพองโตคับอก แม้ผู้อื่นเกรงกลัวสามีของนางมาก แต่เขาอ่อนโยนและห่วงใย ใส่ใจทุกเรื่องของนาง แม้นางความจำเส
“อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” เขายิ้มร้ายกาจ โน้มหน้าลงดูดกลืนปลายถันที่แดงฉ่ำ ใช้ทั้งปากและลิ้นละเลียดความอ่อนนุ่มปลุกเร้าจนยอดอกชูชันท้าทายสายตา มือเรียวยกขึ้นโอบกอดเขาไว้ ส่งตัวตนของนางให้เขาลิ้มรส ในขณะที่สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวนำพาความเสียดเสียวไปทั่วร่าง เขาทำเช่นเดียวกับที่ใช้นิ้วและลิ้นแต่ครั้งนี้เป็นแท่งหยกร้อนระอุของเขาที่เคลื่อนไหวเข้าออกในร่องรัก ทุกการเคลื่อนไหวของเขานำพาความเสียวซ่านมาแทนที ความเจ็บปวดจางหายไปเมื่อใดไม่อาจรู้ได้ ร่องรักทั้งอุ่นร้อนและชุ่มฉ่ำ เสียงครางกระเส่าปลุกเร้าให้ชายหนุ่มแทบคลุ้มคลั่ง เหงื่อไหลโทรมกาย นัยต์ตาร้องแรงดุจลูกไฟ และดวงตาของเขาสะกดนางให้นางจ้องมองเพียงเขาเท่านั้น สะโพกสอบขยับโยกดุนดันจนร่างบางสั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้น มันเร็วขึ้น แรงขึ้น ถี่กระชั้นมากขึ้น นางบิดเอวเผลอจิกเล็บกับแผ่นหลังของเขา เสียงครางแหบพร่าทำให้นางได้สติ จ้องมองสีหน้าของเขาอย่างหลงใหล เหงื่อไหลชโลมกาย ผสานกับเสียงครวญหวานของนางเร่งเร้าผลักดันให้เขาขยับกาย “ข้า...ข้าไม่ไหวแล้ว” หรูซื่อพูดเสียงแผ่ว ครั้งนี้มันยิ่งกว่าเมื่อครู
“ท่านพี่เป็นอะไร” “ข้า...”น้ำเสียงที่ได้ยินแหบแห้งจนน่าตกใจ “ท่านพี่ไม่สบายหรือ?”หรูซื่อขยับตัวทำให้เพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของสามี แก้มเนียนฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที เห็นท่าทีของนางกลับมาเป็นเช่นเดิมหัวใจจึงกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง “ข้าแค่ตกใจ” “ตกใจ?” “เจ้าทำข้ากลัวเหลือเกิน” เขากุมมือที่ยังแนบแก้มของเขาอยู่ “เจ้าฝันร้ายและข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้” “แค่ฝันร้าย” นางยิ้มเขินอาย นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร้องไห้ “ข้าทำให้ท่านเป็นห่วงอีกแล้ว” “เจ้าฝันถึงสิ่งใด เหตุใดจึงร้องไห้จนดวงตาเปียกชุ่มเช่นนี้” หรูซื่อเพิ่งรู้ตัว นางดึงมือกลับมาใช้หลังมือเช็ดที่ใต้ตา รอยเปียกชื้นที่เหลืออยู่ยืนยันได้ว่านางร้องไห้ “ข้าร้องไห้หรือ? แต่ข้าจำไม่ได้เลยว่าร้องไห้เรื่องอันใดกัน” “จำไม่ได้ก็ดีแล้ว ข้าเห็นเจ้าร้องไห้ก็ปวดใจเหลือเกิน” “ท่านพี่” หัวใจนางเหมือนจะพองโตคับอก แม้ผู้อื่นเกรงกลัวสามีของนางมาก แต่เขาอ่อนโยนและห่วงใย ใส่ใจทุกเรื่องของนาง แม้นางความจำเส
“ข้าเข้าใจแล้ว” นางเอ่ยไปเช่นนั้นแต่ในใจยังคงว้าวุ้นสับสน แสร้งหลับตาลง เมื่อรับรู้ว่าในห้องไม่เหลือผู้ใดแล้วจึงลืมตาขึ้น ริมฝีปากงามถอนหายใจหนักหน่วง นางบอกตัวเองไม่ให้คิดมาก แต่ไม่อาจทำได้ ตั้งแต่ได้สติฟื้นขึ้นมา นางพบซุนหลวนคุนเป็นคนแรก เขาบอกว่านางคือภรรยาของเขาชื่อหรูซื่อ นางก็เชื่อทุกสิ่งที่เขาพูด แต่นางคือ ‘หรูซื่อ’ ภรรยาของเขาจริง ๆหรือไม่นั้น ไม่มีใครยืนยันได้ เขาเล่าว่ารถม้าของนางถูกปล้นชิง คนติดตามล้วนถูกสังหารหมดสิ้น ข้าวของที่นำมาถูกขโมยไปสิ่งที่เหลือก็ใช้การอะไรไม่ได้ นางโชคดีที่เขาและทหารลาดตระเวนมาพบและเข้าช่วยเหลือได้ทัน ‘หรูซื่อ’ ‘หลิวหรูซื่อ’ ชายแปลกหน้าผู้นั้นก็เรียกนางว่า ‘หรูซื่อ’ นางคงเป็น‘หรูซื่อ’จริงๆ นั้นแหละ ทว่านางไม่คุ้นหน้าชายผู้นั้นเลย แต่น้ำเสียงและแววตาตัดพ้อนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นการจำคนผิดเป็นแน่ ทำไมคนผู้นั้นถึงมองนางเช่นนั้น นางทำสิ่งใดไว้หรือ? ทำเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ถึงขนาดที่จ้องมองด้วยสายตาเช่นนั้น หรือนางทำเรื่องผิดต่อซุนหลวนคุน เขาจึงไม่กลับบ้าน
เขาบอกไม่ต้องรอ แต่นางก็รอ รอจนไม่รู้ฟุบหลับไปบนโต๊ะเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าเลยว่าเขาอุ้มนางมานอนบนเตียงเมื่อใดกัน เขาแวะเวียนมากินข้าวกับนางสักมื้อหนึ่งแล้วรีบร้อนออกไป ป้าหวงฝูและบรรดาทหารยามบอกนางว่าช่วงนี้ท่านแม่ทัพมีงานรัดตัวจริง ๆ นางอยู่ว่างไม่รู้จะทำอะไร จึงหยิบจับเสื้อผ้าของเขาออกมาดู เห็นมีบางแห่งที่มีรอยขาดก็นึกประหลาดใจ จวนแม่ทัพมิได้ยากจน ไฉนเสื้อผ้าสามีนางจึงชำรุดขนาดนี้ นางจึงขอเข็มและด้ายจากป้าหวงฝูแล้วเอาเสื้อผ้าของเขามาซ่อมแซม น่าแปลก นางกลับคุ้นชินกับการเย็บปักเหล่านี้มากกว่าทำอาหารที่แทบจะเผาครัวของเขาไปเมื่อครั้งก่อน ขนาดป้าหวงฝูยังเอ่ยชมว่าฝีมือของนางนั้นประณีตจริง ๆ “ป้าหวงฝู ข้าอยากไปซื้อพวกอุปกรณ์เย็บปัก ท่านไปกับข้าได้หรือไม่ ข้าเพิ่งเคยมาเมืองนี้” “ได้สิเจ้าค่ะ ฮูหยินตั้งใจทำให้ท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ ท่านแม่ทัพต้องดีใจมากเป็นแน่” “ข้าอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็ทำได้แค่เรื่องพวกนี้” นางยิ้มเขินอายจนแก้มเนียนแดงปลั่ง “ข้า...ข้าต้องขอบคุณป้าหวงฝูที่คอยชี้แนะและดูแลข้า” “ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้
“เจ้า...ตุ๋นไก่ให้ข้า” ที่คิดจะออกปากตำหนิจึงพูดไม่ออก พลันรู้สึกวูบไหวในอก นานเพียงใดที่เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้ รู้สึกเป็นพิเศษ เป็นคนสำคัญ “ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ฮูหยินเพียงต้องการลงมือทำอาหารบำรุงให้ท่าน ไม่ได้มีเจตนาร้าย ขอท่านแม่ทัพอย่าโกรธเคืองฮูหยินเลยนะเจ้าคะ” ป้าหวงฝูอธิบาย ทหารคนอื่นก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย ฮูหยินท่านแม่ทัพเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมและงดงาม มีจิตใจดี รักใคร่ห่วงใยท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะเกือบเผาห้องครัวไปก็เถิดนะ หรูซื่อช้อนตาขึ้นมอง “ข้าไม่ได้ตั้งใจเผาห้องครัวของท่านจริงๆ นะ” เสียงถอนหายใจดังขึ้น เขาเองไม่ได้อยากตำหนินาง “เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่ บาดเจ็บที่ใดหรือเปล่า” น้ำเสียงแม้ไม่ได้อ่อนโยนนัก แต่บรรดาทหารที่มักได้รับคำสั่งต่างอ้าปากค้างตะลึงงันกับสิ่งที่ได้ยิน แม่ทัพซุนมีอีกชื่อที่เรียกขานลับหลังว่า ‘แม่ทัพปีศาจ’ ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยินท่านแม่ทัพปีศาจใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อน หญิงสาวฉีกยิ้มหวานส่ายหน้าไปมา แต่ซ่อนมือไว้ด้านหลัง รอยยิ้มของนางไม่ได
หรูซื่อคิดว่าตนเองโชคดีนัก แต่งงานห้าปีไร้ทายาท สามีไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ซ้ำยังดูแลเอาใจใส่อย่างดี “แล้ว...แล้ว ครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรเจ้าคะ พวกเขารักข้าหรือไม่ ดีกับท่านหรือเปล่า แล้ว...แล้วมารดาของท่าน เอ่อ แม่สามีของข้า รักใคร่เอ็นดูข้าหรือไม่เจ้าคะ เอ๋...เหมือนว่าข้าจะได้ยินท่านพูดเรื่องอนุ” คำถามของนางทำเอาดวงตาของเขาวูบไหวครู่หนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็กักเก็บมันไว้ได้ทัน กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “บิดามารดาของเจ้ามีบุตรชายสามคน เจ้าเป็นบุตรคนที่สี่เป็นบุตรสาวคนเดียวและบุตรคนเล็ก เป็นแก้วตาดวงใจของท่านราชครู ข้าได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดีมิให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ บิดาเจ้ามีมารดาเพียงผู้เดียวไม่มีหญิงอื่น ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่รับอนุมีไม่หลายภรรยาให้เจ้าต้องปวดใจ ส่วนเรื่องรับอนุนั้น เป็นความใจร้อนของมารดาข้าเอง” “ท่าน...ท่านพี่อย่าได้ตำหนิมารดาของท่านเช่นนั้น” นางรีบพูดขึ้น “แต่งงานกันห้าปีไร้ทายาท แม่สามีไม่ขับไล่ข้าก็นับว่าดียิ่งนัก หาก...หากว่าข้าไม่สามารถมีทายาทให้ท่านได้ ท่าน.
“ผู้ใดปลูกดอกโบตั๋นได้งดงามถึงเพียงนี้” “เรือนหลังนี้ ท่านแม่ทัพให้คนเตรียมไว้เพื่อฮูหยินเจ้าคะ” “หมายถึงข้าหรือ?” นางชี้นิ้วที่หน้าตัวเอง “อันที่จริง ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องในจวนนัก แต่เจ้าทึ่มหวงอี้ชอบเล่าให้ข้าฟังบ่อยๆ ท่านแม่ทัพให้คนมาทำความสะอาดอยู่เสมอ บอกว่าสักวันท่านจะมา พวกเรายังคิดอยู่ว่าเมื่อไหร่ฮูหยินท่านแม่ทัพจะมา แล้ววันนี้ท่านก็มาจริงๆ” “เขา...รอข้า...” เหตุใดหัวใจนางเต้นรัวเช่นนี้ หรูซื่อยกมือขึ้นกดที่หน้าอกตัวเอง หัวใจเต้นรัวเหลือเกิน ดีใจ? นางกำลังดีใจอย่างนั้นหรือ? หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ ภายในอกเกิดระลอกคลื่นอารมณ์แปลกประหลาด รู้สึกดีเหลือเกินที่มีคนรอคอยนางถึงเพียงนี้ ยิ่งกวาดตามองเห็นสวนดอกไม้งดงาม ยิ่งทำให้เชื่อว่าเขาใส่ใจและรอคอยนางจริงๆ แล้วเหตุใดนางไม่รีบมาหาเขา เป็นสามีภรรยาต้องอยู่ด้วยกันนี่ “เจ้าเป็นอะไรไป เจ็บหัวใจรึ” น้ำเสียงร้อนรนทำให้หญิงสาวรีบหมุนตัวกลับมา นางปะทะกับแผงอกของเขา เพราะไม่คิดว่าคนที่พูดจะยืนอยู่ใกล้มาก ความสูงที่ต่าง กัน
“ดีจัง”“อะไรรึ” เขาถามโดยไม่ได้หันมามองนาง “ท่านแบกข้าไว้เช่นนี้” นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ท่านจะแบกข้าไปชั่วชีวิตได้หรือไม่” “แน่นอน”“ถ้าข้าอ้วนกว่านี้เล่า”“ข้าแข็งแรงแบกเจ้าไหว” ซุนหลวนคุนหัวเราะในลำคอ หากนางกลายร่างเป็นหญิงอวบอ้วนก็ช่างประไร ของให้นางคือ ‘หรูซื่อ’ ของเขาก็พอ แสงสว่างที่กระทบเปลือกตา ทำให้คนที่หลับใหลค่อยๆ ตื่นฟื้น มือเรียวเล็กยกขึ้นบังแสงที่เข้ามากระทบใบหน้า ทว่าข้อมือกลับถูกจับไว้แน่น ไอร้อนจากฝ่ามือทำให้หญิงสาวได้สติ นางหลุดเสียงร้องบางเบา แต่กระนั้นกลับทำให้เจ้าของฝ่ามือคลายมือลงอย่างรวดเร็ว “เจ้า...ฟื้นแล้ว” ดวงตากลมจ้องมองเจ้าของเสียงแหบพร่า น้ำเสียงเหนื่อยล้าระคนดีใจทำให้นางงุนงง หญิงสาวกะพริบตาปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งจึงจ้องมองบุรุษเบื้องหน้า ยังไม่ทันตั้งสติได้ ร่างของนางถูกเขารวบขึ้นมากอดแนบแน่นกับแผ่นอกกว้างของเขา “ฟื้นเสียที” ร่างของนางเกร็งขึ้นทันที สองมือพยายามดันแผ่นอกและดิ้นรนอย่างตื่นกลัว อาการต่อต้านทำให้ชายหนุ่มผ่อนวงแขนแล้วก้มมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ “เป็นอะไ