บทที่ 13
อากาศยามเช้าของตำบลเล็ก ๆ ริมชายฝั่งอ่าวไทยในหน้าฝนที่โปรยปรายมาตลอดทั้งคืนจนเกือบรุ่งเช้าจึงหยุด ร่างของสาวน้อยสมส่วนหากแต่ยังติดผอมบางยืนนิ่งมองออกไปยังชายทะเลอันเป็นฟาร์มหอยนางรมของบ้าน
ร่างเล็กยืนนิ่งไม่ไหวติงทั้งที่ภายในรวดร้าวแสนสาหัส วันนี้เธอกำลังเข้าพิธีหมั้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเมื่อสองเดือนก่อน เสี่ยรังสรรวัยสามสิบนิด ๆ
“ถ้ามึงไม่แต่ง กูจะขายอีพรพิศไปทำงานที่มาเลเซีย”
เสียงตะโกนกร้าวยังดังก้องอยู่ในหู ใบหน้าดำคล้ำถมึงทึงชะโงกง้ำร่างเล็กขณะที่เธอนั่งคว่ำหน้าอยู่บนพื้น หลังจากที่พ่อทิ้งฝ่ามือไปบนใบหน้าของเธอสองครั้ง
มือเรียวบางเผลอยกขึ้นกุมพวงแก้มที่ตอบลงกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ความเจ็บร้าวของวันนั้นยังไม่เท่ากับวันที่พี่แทนหายไป
จากความสงสัยไม่เข้าใจในวันนั้น เมื่อเวลาผ่านไปสักพักความคิดของเธอกลับทะลุแจ่มแจ้งดั่งฟ้าในวันที่ไร้เมฆ พสุธาหายไปเพราะพ่อของเธอ นายหัวบัญชร เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอจึงทำได้แค่รออยู่ที่บ้านหลังนี้กับป้าพรพิศ
เสียงคนในบ้านอึกทึกครึมโครมเพราะนายหัวเกณฑ์คนมาจำนวนมากจัดงานหมั้นใหญ่โต กำหนดงานแต่งมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า
ในที่สุดเธอก็เลือกเรียนต่อแค่ประกาศนียบัตรชั้นสูงในเมืองสาขาคหกรรม เพราะต้องการอยู่บ้าน เธอจากเมืองนี้ไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะพลาดวันที่พี่แทนกลับบ้าน
แต่เขาไม่เคยกลับ ตลอดระยะเวลาสามปีที่เขาหายไป จนเธอหยุดร้องไห้ในปีที่สองเมื่อป้าพรพิศพูดว่าพี่แทนคงไม่สบายใจถ้ารู้ว่าเธอเป็นแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงกลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง
“ตื่นแล้วเหรอลูก”
ปทุมวดีเดินเข้ามาในห้อง มองเห็นลูกสาวเพียงคนเดียวยืนนิ่งข้างหน้าต่าง คนเป็นแม่ทำได้เพียงสะท้อนใจกับเรื่องราวในอดีตที่คล้ายคลึงกับเธอหวนกลับมา วันที่เธอเองต้องจำใจแต่งงานกับนายหัวบัญชรเช่นกัน
ใบหน้าหวานเอี้ยวหน้ากลับมามองมารดา พรางยิ้มอ่อนระโหย บุษยาผละออกมาจากข้างหน้าต่างนั่งลงบนเตียง
“ค่ะแม่ ต้องแต่งตัวเลยเหรอคะ”
“ใช่จ๊ะ ช่างแต่งหน้ามาแล้ว ให้เขาเข้ามาแต่งหน้าเลยนะลูก”
บุษยาพยักหน้าแล้วลุกขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้หน้ากระจก เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับช่างแต่งหน้าสองสามคนเดินเข้ามา
“คู่หมั้นเสี่ยรังสรรสวยจังเลยนะฮะ โชคดีของน้องนะฮะ เสี่ยรวยมากก”
เสียงสาวประเภทสองช่างแต่งหน้ามือหลักเอ่ยขึ้นขณะใส่ที่ครอบผม เธอทำเพียงยิ้มอ่อนไม่เอ่ยตอบอะไร
“เห็นว่าเสี่ยจะย้ายมาอยู่จังหวัดนี้”
คำถามจากช่างแต่งหน้าเอ่ยชวนคุยแต่เธอไม่อยากตอบ จึงส่งเสียงเรียบเฉยออกไป
“ไม่ทราบสิคะ”
นั่นถึงทำให้ทั้งหมดเงียบเสียงลงได้และทำงานของตัวเองไปอย่างเงียบเชียบ บุษยาไม่สนใจว่าเสี่ยจะเป็นใครหรือรวยแค่ไหน เพราะเสี่ยรังสรรไม่ใช่พี่แทนของเธอ
เสียงอึกทึกครึกโครมจากเครื่องเสียงดังกระหึ่มไปทั่วลานบ้าน บุษยามองไปยังโต๊ะจีนราวห้าสิบโต๊ะในลานบ้านพร้อมอาหารจานแรกสำหรับแขกที่เริ่มทยอยออกมาาจากในครัว
“ได้ฤกษ์แล้วลูก”
เสียงปทุมวดีดังขึ้นทางด้านหลัง บุษยาจึงเดินลงเท้าแผ่วเบาตามแม่ออกไป สาวน้อยร่างบางแต่อวบอิ่มด้วยชุดไทยประยุกต์สำหรับงานหมั้น ผมดำยาวดกหนารวบขึ้นสูงด้านบนประดับด้วยดอกไม้ ดวงตาคมรีแต่งแต้มให้คมเข้มกว่าเดิม ริมฝีปากกว้างทาลิปสติกสีชมพูดอกบัวอ่อนหวาน
นัยน์ตาหวานคมลอบมองว่าที่คู่หมั้น วันนี้ชายหนุ่มดูดีกว่าครั้งที่แล้ว คงเพราะชุดไทยที่สวมอยู่บนร่างอ้วนเตี้ย ใบหน้าแดงจัดเมื่อมองมาทางเธอจนบุษยาขยะแขยง
“ไปลูก ไปไหว้พี่เขา”
เสียงแม่เอ่ยเตือนจนเธอจำต้องเดินไปใกล้แล้วนั่งลงที่พื้นตรงโซฟาตัวยาว ยกมือไหว้เสี่ยรังสรร แต่ยังไม่ทันที่เอามือลง มืออวบอูมของเสี่ยพลันประกบมือของเธอไว้ทั้งจับทั้งลูบ ส่งยิ้มที่ทำให้รู้สึกคลื่นไส้
“ไม่ต้องไหว้พี่หรอกน้องบัว อีกหน่อยเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว”
บุษยารูดมือออกอย่างรังเกียจแต่ยังทำหน้าเฉยชา วางมือของตัวเองไว้บนตัก
“เอา ๆ ได้ฤกษ์แล้ว แต่จะให้เสี่ยนั่งพื้นคงไม่เหมาะนัก ให้เสี่ยนั่งที่โซฟานี่ก็แล้วกัน ส่วนบัวก็นั่งนั่นแล่ะ อีกหน่อยแต่งงานไปจะได้เชื่อฟังเสี่ย”
ร่างเล็กนั่งนิ่งเงียบ ก้มหน้ามองแต่มือบนตักของตัวเอง ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของเสี่ยและพ่อ
“บัว ยื่นมือออกมา”
สาวน้อยนิ่งไปชั่วอึดใจจนคนรอบข้างใจหาย ก่อนผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อบุษยายื่นมือซ้ายออกไปให้เสี่ยหนุ่มสวมแหวนเพชรเม็ดใหญ่
มืออวบอูมของเสี่ยยังลูบฝ่ามือของเธอเล่นแม้ว่าสวมแหวนเรียบร้อยไปแล้ว ตอนนี้อาการคลื่นเหียนตีขึ้นมากกว่าเดิม เธอทำได้แต่อดทนรีบหยิบแหวนที่แม่ยื่นมาให้สวมบนนิ้วอ้วนของเสี่ย
“ไหว้พี่เขาอีกครั้งสิลูก”
บุษยาไหว้อย่างขอไปทีแล้วรีบลุกทันทีเอ่ยขอตัว วิ่งไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด เสียงโอ้กอ้ากดังลอดออกมาจนใบหน้าของเสี่ยเปลี่ยนสี
“บัวเขาไม่สบายน่ะ ไม่มีอะไรหรอกเสี่ย ไป ลุกไปข้างนอกกัน เสร็จแล้วให้ยายบัวตามออกไปด้วยล่ะ”
นายหัวบัญชรรีบพูดขึ้นพรางตบหลังเสี่ยเพื่อหันเหความสนใจ จากนั้นจึงพาเสี่ยเดินลงบันไดบ้าน สวัสดีแขกเหรื่อที่มากันมากมาย โดยมีแขไขและบุหลันเดินตามติด
“เป็นยังไงบ้างลูก”
“หนูขยะแขยงเสี่ยเหลือเกินค่ะแม่”
ปทุมวดีลูบหลังลูกสาวที่ก้มหน้าอยู่ที่อ่างล้างมือ ใบหน้าแดงก่ำจากแรงอาเจียน เธอหยิบกระดาษขึ้นซับหน้าให้ลูกสาว
“ถ้าลูกไม่อยากแต่ง ลูกก็ไม่ต้องแต่งนะลูก แม่พร้อมที่จะหนีไปกับลูก”
บุษยามองหน้ามารดาในกระจก ใบหน้างามยังสวยแม้วัยจะล่วงเลยเกือบห้าสิบปี เธอส่ายศีรษะอย่างยอมแพ้แล้วจับมือแม่ขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ แม่กับป้าพิศจะได้อยู่ที่นี่ต่อไป ลูกให้สัญญาค่ะว่าจะไม่มีอะไรมาทำร้ายพวกเราได้ ส่วนเสี่ย ลูกจะขออนุญาตเสี่ยมาเยี่ยมแม่ทุกอาทิตย์ ลูกคิดว่าเสี่ยคงยินยอมค่ะ”
ปทุมวดีสบตาคมรีของบุษยา แม้ว่าลูกสาวของเธอดูภายนอกบอบบางและอ่อนแอ แต่เธอมองเห็นความเข้มแข็งบางอย่างที่เริ่มปรากฎนับตั้งแต่วันที่เด็กหนุ่มในฟาร์มหอยคนนั้นหายตัวไป
ไหล่ผอมบางของเธอสั่นสะท้านเมื่อคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคงไม่มีวันได้กลับมาอีกแล้วเหมือนใครคนหนึ่งที่เธอเคยรู้จัก
“เราควรออกไปได้แล้วบัว ไม่อย่างนั้นพ่อคงอารมณ์เสีย”
“ค่ะแม่”
บทที่ 14พสุธาลงจากรถประจำทางในหมู่บ้านตรงศาลาข้างทาง มีความเปลี่ยนแปลงภายนอกที่เห็นได้ชัดคือถนนกว้างกว่าเดิม เขาเดินเท้าไปอีกหน่อยจึงมองเห็นบ้านหลังเล็กขายของชำประจำหมู่บ้านผิวของเขาดำคล้ำกว่าเดิมมาก ร่างกายใหญ่โตด้วยมัดกล้ามไม่ใช่เด็กหนุ่มอย่างแต่ก่อน ผมยาวประบ่าไม่ได้มัดสยายปลิวสยายรอบบ่าแกร่งไร้ระเบียบจากการใช้มีดพกตัด“ผมอยากขอเช่ารถมอเตอร์ไซหน่อยครับ”ป้าขายของเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดสีดำสนิท ชายแปลกหน้าคล้ายนักท่องเที่ยวสวมเสื้อเชิ้ตคอฮาวายกางเกงยีนส์“ไปไหน”ป้ากวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินเข้าไปหยิบกุญแจ แต่ยังไม่ส่งรอจนกว่าชายหนุ่มร่างโตจะตอบคำถาม“เยี่ยมเพื่อนครับ”“บ้านไหน”“บ้านฟาร์มหอยนายหัวบัญชร”พสุธาถามคำตอบคำ ยังเกรงว่ามีคนจำได้ว่าเป็นพสุธา“อ้อ วันนี้ที่บ้านนายหัวมีงาน เอ้า คิดแปดร้อย”พสุธานับเงินสดยื่นให้ป้าเกินจำนวนจนป้ายิ้มกว้างยื่นกุญแจส่งให้ทันที“ไปไม่นาน เดี๋ยวก็มาครับป้า”ป้าร้านของชำยื่นกุญแจส่งชายหนุ่ม ร่างสูงใหญ่ขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์คันเก่าสีน้ำเงินแบบรถผู้หญิงมีตะกร้าหน้า ท่าทางดูคล่องแคล่วแล้วเหยียบสตาร์ทเท้าตกเกียร์หนึ่ง มือบิดคันเร่งออกจา
บทที่ 15“แม่”“ทะ แทน แทน!!”พรพิศทิ้งตะหลิวที่อยู่ในมือกวักเรียกคนงานอีกคนให้เข้ามาทำต่อแล้วรีบเดินออกไปหาลูกชาย มือเหี่ยวผอมจับต้นแขนลูกชายไว้ทั้งสองข้างพลันสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ พสุธาก็คุกเข่าก้มลงกราบแทบเท้า“ผมขอโทษที่มาช้า”“ฮือ แทน ฮือ ไม่เป็นไรลูก ลูกหายไปไหนมา เราทุกคนเป็นห่วง หนูบัว..”“ไม่ต้องพูดชื่อเขาอีกครับแม่”“แต่ ลูก..”“ผมอยากจะแวะมาบอกแม่ว่าผมจะไปอยู่ที่อื่นต่ออีกสักระยะ ถ้ายังไงแล้วผมจะกลับมารับแม่อีกทีนะครับ”พรพิศประคองลูกชายให้ลุกขึ้นยืนแล้วดันให้นั่งลงบนแคร่ไม้ด้านหน้า เธอลูบแขน ลูบใบหน้า“ลูกตัวใหญ่ขึ้นแล้วก็คล้ำลงอีก”“มันเป็นไปตามธรรมชาติครับแม่”“แล้วลูกจะไปอยู่ที่ไหน ทำไมลูกไม่อยู่ที่นี่”พรพิศจับมือลูกชายขึ้นมากุมไว้ พยายามจ้องดวงตาที่ถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดสีดำ“แม่ก็รู้ว่าผมอยู่ที่นี่ไม่ได้ นายหัวบัญชรเป็นคนส่งผมลงเรือเถื่อน แต่โชคยังดีที่ผมรอดมาได้”“เรือเถื่อน!!”“ครับ ผมโดนตีที่ศีรษะในเช้าวันที่ออกไปทำบุญ ตื่นมาอีกครั้งก็อยู่บนเรือแล้ว แต่เราไม่ต้องพูดถึงมันหรอกครับแม่ เพราะยังไงผมก็รอดมาแล้ว ผมแค่อยากให้แม่รอผมอยู่ที่นี่ก่อน ผมจะไปตั้งตัวสักพักแล้วกลับมา
บทที่ 167 ปีต่อมา“พี่บัวกลับมาแล้ว”บุษยาก้มลงถอดรองเท้าทำงานด้วยความเหนื่อยล้า กว่าจะฝ่ารถติดจนมาถึงบ้านเกือบพลบค่ำ บ้านหลังใหญ่ดูทรุดโทรมลงไปมากเปิดไฟสว่างเพียงบางดวงเพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า“บุหลัน พี่แวะซื้อซาลาเปามาไว้กินพรุ่งนี้เช้า เราชอบกินใช่ไหม”“ค่ะ ขอบคุณพี่บัว”บุษยามองน้องสาวใช้มือไถล้อรถเข็นมารับถุงซาลาเปาไปด้วยรอยยิ้มกว้างสดใส ปีนี้บุหลันอายุยี่สิบหกปีแต่ใบหน้าอมทุกข์ดั่งเธออายุต้นสามสิบ นั่นเพราะความเครียดจากการต่อสู้กับร่างกายและจิตใจของตัวเองร่างเล็กบอบบางเดินตามน้องสาวไปยังห้องทานข้าวที่อยู่ติดกับห้องครัว ป้าพรพิศยังรอเธออยู่ที่โต๊ะเพื่อทานข้าวพร้อมกัน“มาเถอะค่ะคุณบัว ล้างมือแล้วทานข้าว”“ค่ะ ป้าพิศคะบัวซื้อซาลาเปาเจ้าดังมา พรุ่งนี้รบกวนอุ่นให้บุหลันด้วยนะคะ”“ได้ค่ะ นั่งเถอะค่ะ”บุษยาล้างมือเรียบร้อยเช็ดมือกับผ้าผืนเล็กแขวนหน้าอ่างล้างมือแล้วจึงนั่งลงที่โต๊ะทานอาหาร กับข้าวไม่กี่อย่างสำหรับคนสามคนเพียงพอและยังเหลือไว้อุ่นทานได้อีกสองมื้อ“อีกไม่กี่วันจะครบรอบทำบุญ คุณบัวคิดไว้หรือยังคะว่าจะถวายเพลเป็นอะไร”“แม่ชอบทานอาหารไทยภาคกลาง ก็เอาเป็นพวกแกงจืดลูกรอกก็ได้ค่ะ
บทที่ 17“พี่บัวคะ เชฟบอกว่าต้องการเพิ่มดอกไม้แบบทานได้เข้ามาในเมนูใหม่ค่ะ”บุษยาเงยหน้าขึ้นจากรายการสั่งซื้อวัตถุดิบในแต่ละวันเพื่อมองปานขวัญ เด็กสาวอายุราวสิบเก้าปีเพิ่งจบคหกรรมในวิทยาลัยท้องถิ่น“ได้สิ แล้วได้ระบุมาหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ เออจริงสิพี่บัว พี่รู้เรื่องเจ้านายคนใหม่ที่มาซื้อโรงแรมเราหรือเปล่าคะ”เธอจดรายการดอกไม้ทานได้เพิ่มลงในตารางการสั่งซื้อเพื่อไปยื่นให้แผนกจัดซื้อจัดการต่อ อันที่จริงฝ่ายหัวหน้าอยากจัดการให้เธอขึ้นมาเป็นหัวหน้าเชฟแทนคนปัจจุบันเพราะเธอสามารถทำอย่างอื่นได้อีกนอกจากทำอาหาร อย่างเช่นออกเมนูใหม่ หรือช่วยดูเรื่องแนวทางการเลือกอาหารขึ้นโต๊ะเวลามีงานเลี้ยงสำคัญ แต่บุษยาปฏิเสธเพราะเธอต้องการกลับบ้านไปใช้เวลาที่เหลือดูแลงานฟาร์มด้วย“ไม่เลย มัวแต่ยุ่งเรื่องงานเลี้ยงที่จะมีในอีกไม่กี่วันนี้”เธอยื่นรายการให้น้องแผนกจัดซื้อแล้วจึงเดินกลับไปในฝ่ายครัวโดยที่เด็กสาวคนนี้ยังเดินชวนคุยไม่ห่าง“ก็งานนี้ล่ะค่ะ เห็นว่าเป็นชาวต่างชาติหล่อมาก”“ทำอย่างกับว่าเราไม่เคยเห็นคนหล่อมาก่อนอย่างนั้นแหล่ะ”“พี่บัวก็ นั่นมันแขกที่มาพัก แต่นี่กำลังจะมาเป็นบอสคนใหม่ พี่ไม่รู้สึกอะไรบ้าง
บทที่ 18หญิงสาวร่างบอบบางเหนื่อยล้าจากการทำงาน วันนี้เธอต้องอยู่ถึงค่ำเพราะงานลี้ยงต้อนรับบอสคนใหม่ของโรงแรมบุษยาได้โทรศัพท์มาบอกคนที่บ้านแล้วว่าไม่ต้องรอ เธออาจกลับดึกหน่อย ร่างเล็กสาวเท้าเข้าไปยังห้องทำงานเดิมของพ่อเพื่อตรวจเอกสารหลังจากที่ไม่ได้ทำมาหลายวัน ซึ่งอันที่จริงเธอจงใจหลีกเลี่ยงมันมาสักพักแล้วร่างอันอ่อนแรงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน กลิ่นหนังเก่าลอยคลุ้งและกลิ่นอับจากการปิดห้องทำงานไว้หลายวันเอื้อมมือเปิดไฟโคมเล็กที่โต๊ะแล้วจึงหยิบเอกสารที่กองไว้ตรงหน้ามาตรวจดูทีละฉบับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นใบแจ้งหนี้ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าปุ๋ยและจิปาถะค่าใช้จ่ายพวกนี้เธอยังพอมีบ้างอาจต้องเจียดจากเงินเก็บที่มีอยู่น้อยนิด แต่ซองเอกสารปึกใหญ่ซึ่งแม้เธอไม่เปิดดูก็รู้ว่ามันคือเอกสารการทวงหนี้ที่พ่อของเธอนำสวนไปค้ำไว้นานมาแล้วเธอค่อนข้างแปลกใจเสียด้วยซ้ำว่านายหัวบัญชรทำไมถึงมีเงินเหลือน้อยนิดขนาดนั้น แต่พอได้เห็นบัญชีเงินกู้และรายจ่ายที่พ่อของเธอต้องเสียไปไม่ว่าจะเงินน้ำเลี้ยงน้ำชาที่ต้องส่งเป็นประจำ หรือการเลี้ยงผู้หญิงในเมืองไว้อีกหลายคน ทั้งยังนิสัยมือเติบชอบเล่นการพนัน เธอจึงไม่แปลกใจอีก
บทที่ 19“พี่บัวคะ คืนนี้มีงานเลี้ยงอีกแล้ว พี่บัวอยู่ด้วยไหมคะ”“ไม่แน่ใจนะ พี่มีนัดช่วงเย็น”บุษยาตอบปานขวัญเด็กสาวรุ่นน้องขณะที่ยกจานที่แต่งแล้วเรียบร้อยวางให้พนักงานเสิร์ฟหยิบออกไป“เออ เดี๋ยวพี่มานะ พี่ไปโทรศัพท์ก่อน”“แต่ว่าพี่บัว คืนนี้บอสใหม่จะพาแฟนมาด้วย”เธอดึงสายของผ้ากันเปื้อนออกจากร่างใบหน้ายังยิ้มให้เด็กสาว“แล้วยังไง”“อ้าว เราก็จะได้ดูไงคะ เขาว่าเป็นนางแบบดังเมืองนอก เป็นฝรั่ง ปานก็อยากจะขอดูให้ชื่นใจ”“เรานี่นะ พี่ว่าขืนพี่อยู่ดูก็ไม่มีประโยชน์ พี่จะไปชื่นใจอะไรด้วย”“แหม ก็ชื่นใจชื่นชมของสวยของหล่อไงคะ”“เดี๋ยวว่ากันอีกทีนะ พี่ขอไปโทรศัพท์ก่อน”บุษยาเดินออกไปด้านนอกยังลานจอดรถของพนักงานด้านหลัง แล้วล้วงกุญแจรถออกมาเพื่อเปิดหยิบเอกสารที่อยู่ในรถ แต่เพราะเธอไว้ด้านหลังลึกเกินไปจึงตัดสินใจเข้าไปนั่งในรถคุยในรถแล้วกันจะได้ไม่มีคนอื่นได้ยินเธอสตาร์ทรถยนต์คันเก่าแล้วหยิบเอกสารออกมาจากซอง กดเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากกฎในเอกสารตื๊ด ตื๊ด“สวัสดีครับ สำนักงานทนายความศักดิ์สิทธิ์ครับ”“สวัสดีค่ะ ฉันโทรมาจากนายหัวบัญชรค่ะ”“อ้อ ครับ สักครู่นะครับ”ปลายสายเงียบไปสักพักจึงมีเสียงของผ
บทที่ 20มือเล็กเริ่มสั่นสะท้านขณะถือถาดใบใหญ่เดินเข้าไปแล้วรอให้เด็กที่อยู่ในห้องหยิบออกจากถาดวางไว้บนจานเลื่อนหมุนได้ตรงกลาง แล้วเธอจึงถูกดึงไปยังมุมห้องจากพนักงานด้วยกันอีกคน“พี่บัวมาทำอะไร!”“พี่แค่อยากมาดูหน้าบอส”พนักงานคนดังกล่างนิ่วหน้า“ไม่ต้องกลัว พี่จะยืนอยู่เฉย ๆ”บุษยาย้ำอีกครั้งเพิ่มความมั่นใจแล้วถือถาดห้อยไว้ด้านหน้า ยืนประสานมือกันยืนนิ่งไม่ไหวติงตรงด้านผนังห้องดวงตาคมรีจ้องนิ่งไปยังบุคคลเดียวที่นั่งอยู่ในโต๊ะ รูปร่างของพสุธาใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก ครั้งเป็นเด็กหนุ่มเขามีรูปร่างผอมเกร็งแต่บัดนี้กล้ามเนื้อหนาแน่นเป็นลูกตามหัวไหล่ ท่อนแขนผมดำหยักศกของเขามัดรวบไว้ด้านหลังเหมือนเมื่อกลางวัน ผิวคล้ำแต่ไม่เท่าแต่ก่อน คิ้วเข้มหนาดกพาดเฉียงตวัดลงปลาย จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากหนาเธอไล่สายตาไปยังกรามแกร่งที่เห็นชัดสู่ลำคอหนาตวัดลงไปที่มือใหญ่กำแก้วเหล้าไว้ยกดื่ม พสุธาเผยอริมฝีปากจิบเหล้าผสมน้ำลงสู่ลำคอ เธอมองลูกกระเดือกที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าสมัยเด็ก แล้วพลันเหลือบขึ้นจนสบสายตาสีฟ้าจัดที่จ้องมองมาที่เธอเช่นเดียวกันบุษยาเห็นเขายืดกายขึ้นตรงจากนั้นชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ด้านหลังก
บทที่ 21เวลาเดิมในทุกเช้าของสาวร่างผอมบางต้องจอดรถที่ลานจอดรถของพนักงานเป็นประจำ และเดินเข้าประตู แต่วันนี้บุษยาเลี่ยงมาให้เร็วขึ้นขณะที่กำลังเดินออกจากลานจอดรถเพื่อตรงไปยังประตูใจยังรู้สึกเสียววาบหวาดหวั่น ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเจอพสุธา หากแต่เธอยังไม่พร้อม และยิ่งตัวเขาเองดูเปลี่ยนแปลงอย่างมากคล้ายคนแปลกหน้า เธอยิ่งไม่ต้องการพบเขา ต้องไม่ใช่เธอลักษณะนี้บุษยาเดินเข้าไปยังห้องเก็บของของแผนกครัวเพื่อเก็บกระเป๋าและสวมผ้ากันเปื้อน ภาพชายหนุ่มร่างใหญ่โตนั่งจ้องเธอไม่วางตา ลักษณะราศีคนรวยจับไปทั่วตัว ทั้งยังดูแข็งกระด้าง เย็นชาเขาไม่ใช่พี่แทนคนเดิมของเธออีกต่อไปแล้วสังเกตข้างกายเขามีผู้หญิงชาวต่างชาติคนเดิมนั่งประกบข้าง แต่เธอก็รู้เพียงแค่นั้นเพราะนัยน์ตาสีฟ้าดึงดูดความสนใจจากเธอไปจนหมดขณะที่มือกำลังสาละวนกับงานตรงหน้า เธอต้องเตรียมอบขนมปังชุดใหญ่เช้านี้เพื่อใช้ไปอีกสองวัน พลันนึกขึ้นได้ป้ายชื่อของปานขวัญถูกชายร่างยักษ์ฉกไปแล้วบุษยาหยุดเทแป้งลงโถเครื่องนวดแป้งทันที รีบเดินออกไปยังโถงหน้าของแผนกครัวจนกระทั่งเห็นปานขวัญเดินเข้ามา“ปาน!”“พี่บัว พอดีเลย ป้ายชื่อของปานล่ะ”“ปาน พี่ขอโทษด้ว
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนห
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อ
บทที่ 44พสุธาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาขว้างออกไปกระทบกับผนังห้องแตกกระจายเฉียดร่างของทัดทองที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาพอดี“ตายห่า! ไอ้แทน เกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้น”ทัดทองกระโดดข้ามจานอาหารเช้าและแก้วกาแฟที่ทั้งหกเลอะเทอะแตกเป็นเสี่ยงบนพื้น มองร่างนายหัวผิวเข้มพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวนั่งถ่างขาตรงโซฟาสูบบุหรี่จนควันโขมง ผมยาวสยายยุ่งเหยิงและใบหน้ากร้าวกระด้างอารมณ์ร้ายสุด ๆ“บัวรู้เรื่องสัญญาแล้ว”เพียงเท่านั้นทัดทองก็รู้ถึงสาเหตุที่ห้องเละเทะขนาดนี้และยังร่างของสาวน้อยที่โผลุกขึ้นจากพื้นลิฟต์ด้วยน้ำตานองหน้า“กูว่าแล้วไอ้แทน”พสุธาเหลือบมองหน้าแต่ไม่พูดอะไร ใจยังอัดแน่นเจ็บร้าวทั้งรู้สึกผิด ทั้งโกรธตัวเองที่โง่เง่าและโกรธบุษยาที่ไม่ยอมอยู่กับเขาทัดทองเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ลงไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัย พสุธาไม่ใส่ใจในเมื่อตอนนี้เขามีเรื่องให้ใส่ใจมากพอแล้วมือแกร่งคีบบุหรี่เข้าปากแล้วอัดเข้าเฮือกใหญ่อีกครั้ง ใจนึกภาพหน้าปวดร้าวของคนร่างเล็กแล้วใจยิ่งคับแน่น ต้องการพุ่งตัวออกไปแล้วดึงกลับมาแต่เขาหยิ่งเกินไป ในเมื่อเขาไม่ผิด เขายังไม่ได้แต่งงาน และสัญญานั่นยังไม่ทันได้ลงลายมือชื่อด้วยซ้ำ“อ
บทที่ 43บุษยาตาโตด้วยความตกใจ ตามปกติพสุธาไม่นำเอกสารหรืองานกลับมาทำที่บ้าน แต่ซองนี้เธอเห็นเขานั่งอ่านอยู่นานเมื่อคืนฉะนั้นต้องสำคัญอย่างมากมือสั่นรีบหยิบกระดาษอเนกประสงค์เช็คจนรอบจากนั้นจึงหยิบเอกสารออกมาจากซอง มีร่องรอยคราบกาแฟอย่างที่เธอคาดไว้ จึงรีบซับน้ำโดยเร็วยิ่งเป็นหมึกพิมพ์แบบน้ำ ตัวหนังสือจึงเริ่มเลอะออก สายตาพลันเผลออ่านเข้าโดยไม่ตั้งใจสัญญาร่วมค้ากับบริษัทจรัญ อ่านดูหน้าแรกไม่มีสิ่งใดผิดปกติและดูท่าเป็นความลับ จึงรีบเช็ดให้สะอาดจนทั่วกระทั่งถึงคำว่าตามรายละเอียดแต่งงานที่ได้แนบท้ายมาด้วยดวงตาคมเบิกกว้างมือสั่นเทาพลิกไปยังหน้าสุดท้ายแห่งสัญญา เธออ่านข้อตกลงที่ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่สามารถมีบ้านเล็กได้แต่ห้ามออกนอกหน้า รวมไปถึงสามารถมีลูกกับผู้อื่นได้ยกเว้นแค่ทายาทต้องเกิดกับดารณีเท่านั้นร่างบางถึงกับเข่าทรุดใช้มืออีกข้างพยุงโต๊ะไว้ขณะที่ค่อย ๆ นั่งลงแล้วอ่านทวนอีกครั้งเผื่อเธอเข้าใจผิด แต่ถึงแม้เธออ่านถึงสามรอบข้อความในสัญญาชัดเจนจนไม่อาจหาข้อแก้ตัวให้กับพสุธาได้การประมูลท่าเรือเฟอร์รี่คงมีความสำคัญต่อเขามาก เธอไม่เคยถามเขามาก่อนว่าเขามีธุรกิจอะไรบ้าง แค่พอแตะเรื่องหลัง
บทที่ 42“เรียบร้อยแล้วครับนายหัว”เสียงทัดทองพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้องทำงานระหว่างที่พสุธากำลังเซ็นต์เอกสาร เขาไม่ใส่ใจปล่อยให้บอดี้การ์ดรอก่อนจนสักพักเมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นนายหัวผิวสีเข้มหยิบซองบุหรี่จากบนโต๊ะขึ้นจุด แล้วโยนให้ทัดทองรอจนกระทั่งบอดี้การ์ดอัดควันเข้าปอดเรียบร้อยจึงค่อยเอ่ยถาม“ว่ามา”“ผู้หญิงคนนั้นเดินทางออกไปเรียบร้อยแล้วครับ”“ดี แล้วไงอีก”“จากที่สอบเค้นเห็นว่าเสี่ยยังติดใจคุณบัวไม่น้อย และค่อนข้างเกรี้ยวกราดเมื่อรู้ว่าคุณบัวย้ายมาอยู่กับนายหัว หล่อนบอกว่าคุณบัวถูกบังคับให้แต่งงานกับเสี่ย แล้วพอเกิดเรื่องก็ได้มาที่บ้านของเสี่ยเองเพื่อคืนของหมั้นทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่าขอเวลาทำใจสักหนึ่งปี แต่เจ้าเสี่ยมันรอไม่ไหวเลยไปคว้าลูกสาวของอีกบ้านมา ได้ทั้งผู้หญิง ได้ทั้งเงิน เพราะฝังนั้นไม่กลวงเหมือนนายหัวบัญชร”พสุธาชะงักไปตั้งแต่ประโยคแรก อารมณ์กรุ่นโกรธวันนั้นที่เขาแสดงออกมาคงทำให้สาวน้อยเสียใจ เพราะสองวันที่ผ่านมายังมีสีหน้าไม่ค่อยดีแม้ว่าเขาจะรีดเค้นพลังทางเพศบนเตียงมากแค่ไหนก็เหมือนจำใจทำ“แล้วหล่อนมาทำอะไรที่โรงแรม”ซี้ดดดดด!!เสียงสูดบุหรี่ก่อนพ่นออกมา