บทที่ 44
พสุธาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาขว้างออกไปกระทบกับผนังห้องแตกกระจายเฉียดร่างของทัดทองที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาพอดี
“ตายห่า! ไอ้แทน เกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้น”
ทัดทองกระโดดข้ามจานอาหารเช้าและแก้วกาแฟที่ทั้งหกเลอะเทอะแตกเป็นเสี่ยงบนพื้น มองร่างนายหัวผิวเข้มพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวนั่งถ่างขาตรงโซฟาสูบบุหรี่จนควันโขมง ผมยาวสยายยุ่งเหยิงและใบหน้ากร้าวกระด้างอารมณ์ร้ายสุด ๆ
“บัวรู้เรื่องสัญญาแล้ว”
เพียงเท่านั้นทัดทองก็รู้ถึงสาเหตุที่ห้องเละเทะขนาดนี้และยังร่างของสาวน้อยที่โผลุกขึ้นจากพื้นลิฟต์ด้วยน้ำตานองหน้า
“กูว่าแล้วไอ้แทน”
พสุธาเหลือบมองหน้าแต่ไม่พูดอะไร ใจยังอัดแน่นเจ็บร้าวทั้งรู้สึกผิด ทั้งโกรธตัวเองที่โง่เง่าและโกรธบุษยาที่ไม่ยอมอยู่กับเขา
ทัดทองเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ลงไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัย พสุธาไม่ใส่ใจในเมื่อตอนนี้เขามีเรื่องให้ใส่ใจมากพอแล้ว
มือแกร่งคีบบุหรี่เข้าปากแล้วอัดเข้าเฮือกใหญ่อีกครั้ง ใจนึกภาพหน้าปวดร้าวของคนร่างเล็กแล้วใจยิ่งคับแน่น ต้องการพุ่งตัวออกไปแล้วดึงกลับมา
แต่เขาหยิ่งเกินไป ในเมื่อเขาไม่ผิด เขายังไม่ได้แต่งงาน และสัญญานั่นยังไม่ทันได้ลงลายมือชื่อด้วยซ้ำ
“อ้าวดูสะ”
พสุธาเหลือบตามองโทรศัพท์มือถือของทัดทองที่กระแทกตรงแขน ภาพหญิงสาวนั่งอยู่กับพื้นลิฟต์ไหล่สะท้านแรง แม้ว่าภาพไม่มีเสียงแต่เขารู้ว่าเธอต้องร้องออกมาเสียงดังเพราะอาการสะอื้นฮักจนตัวโยน
ร่างน้อยรีบลุกขึ้นจากพื้นถลาเล็กน้อยก่อนลากกระเป๋าออกไปสวนกับทัดทองที่เข้ามาในลิฟต์พอดี
“น่าสงสารคุณบัวที่มารักคนอย่างแกไอ้แทน”
เขาไม่สนใจคำพูดของบอดี้การ์ด ตายังมองภาพวีดิโอที่วนซ้ำ สังเกตเห็นมือสั่นสะท้าน ชั่วแวบหนึ่งสมองเขาขาวโพลนแล้วพลันมีสติขึ้นมา
นี่เขาทำบ้าอะไรลงไป!
ทัดทองมองพสุธาที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นจากโซฟาตรงไปยังประตูห้องจึงรีบร้องทัก
“เฮ้ย! ไอ้แทน ไปสวมเสื้อผ้าก่อนโว้ย! แล้วดับบุหรี่ด้วย”
พสุธามองมือตัวเองที่ยังคีบบุหรี่อยู่เผาไหม้ใกล้หมดมวน เขาเดินกลับไปยังที่เขี่ยเพื่อดับมัน แล้วสาวเท้าไปยังตู้เสื้อผ้าเปลือยกายอย่างไม่อายทัดทอง เลือกเสื้อผ้าออกมาลวก ๆ
“จะรีบไปไหน?”
ชายนัยน์ตาสีฟ้าไม่ตอบทำท่าจะเดินผ่านไปแต่เสียงทัดทองยังรั้งเขาไว้อยู่เมื่อพูดมาอีกประโยค
“นายไปไม่ได้ไอ้แทน ปู่นายกำลังจะลงจากเครื่องบินในอีกครึ่งชั่วโมงนี้”
จากนั้นทัดทองจึงลุกขึ้นดับบุหรี่แล้วเดินนำพสุธาออกไปจากห้องแต่ไม่ก่อนที่จะแวะตบไหล่นายหัวที่เป็นเสมือนน้องสองสามครั้งอย่างปลอบใจ
“ภาระของนายหัวยังมี ส่วนคุณบัวคงต้องรอพรุ่งนี้”
พสุธาสบถสาบานออกมาชุดใหญ่จนทัดทองเดินไปหัวเราะไป เหลือบเห็นนายหัวเดินตามมาแต่โดยดีแม้ว่าหน้าบูดบึ้งขนาดไหนก็ตาม บอดี้การ์ดหน้ายักษ์ลอบยิ้มสมน้ำหน้า
ไอ้แทนเอ้ย ดีเอาให้เข็ด คุณบัวก็อย่ายอมมันง่าย ๆ นะ ผมจะเอาใจช่วย ฮ่า ฮ่า
สาวร่างบอบบางนั่งห้อยขาอยู่บนกระชังหอยนางรมเพียงลำพังเช้ามืดของวันถัดมา ฟาร์มหอยนางรมเป็นแอ่งเว้าโค้งเข้ามาจากทะเลคล้ายอ่าวแต่ขนาดเล็กกว่าและรับน้ำจืดที่ไหลลงมาจากเชิงเขาสวนยางจนกลายเป็นน้ำกร่อย
ภาพความทรงจำวัยเยาว์ผุดขึ้น พี่แทนในอดีตช่างแตกต่างจากปัจจุบัน ความอบอุ่นอ่อนโยนที่มีให้เธอเสมอหายไป ในตอนนั้นถ้าเธอบอกให้พี่แทนไปตายเขาอาจทำตามคำสั่งโดยไม่เอ่ยถาม
ดวงหน้าหวานคมแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีแสงรำไรสาดส่องจากขอบฟ้าไกล สีส้มทองหลังฝนตกกลางทะเลอันไกลโพ้นออกไปก่อให้เกิดลำแสงสวยงาม
อาการสะอื้นฮักเมื่อวานจางลงมากแล้วแม้ว่าขอบตาดำคล้ำและบวมช้ำ สติค่อยกลับคืนมาจากอารมณ์กรุ่นโกรธและหึงหวง
บุษยายอมรับกับตัวเองว่าเธอหึงพสุธาจริง ๆ ด้วยอาการหึงจนหน้ามืดทำให้เกิดอีกหลายเรื่องตามมาจนทำให้เธอต้องมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
เธอจะเอายังไงกับอนาคตต่อไปในเมื่อพสุธาเอ่ยออกปากมาแล้วว่าไม่ให้เธอกลับไป เธอยังมีหน้าแบกร่างของเธอไปเสนอเขาหรือเปล่า แล้วถ้าเกิดเขาไม่รับ เธอจะเสียใจยิ่งกว่าเดิมไหม
ส่วนบ้านหลังนี้ถ้าถึงที่สุดแล้วเธอต้องออก เธอเองก็พร้อมที่จะทิ้งมันไปดีกว่าต้องเสียศักดิ์ศรีนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่ามองเขามีผู้หญิงอีกคนอื่น
ร่างบางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เช้านี้เธอต้องบอกความจริงกับป้าพรพิศเสียที ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะให้ป้าพรพิศทิ้งเธอกลับไปอยู่กับพสุธา
คิดได้ดังนั้นบุษยาจึงลุกขึ้นแล้วเดินกลับทางเดิม เดินบนสะพานไม้เล็กเรียบพื้นท้องน้ำแผ่นเดียวด้วยความชำนาญที่ทำมาตั้งแต่เด็ก
เมื่อถึงฝั่งแล้วเงยหน้าขึ้นเธอจึงเห็นป้าพรพิศแต่ไกลยืนรอเธออยู่แล้วที่บันไดบ้านด้วยความเป็นห่วง
“คุณบัว ทำไมตื่นแต่เช้าเลยคะ”
“บัวก็ตื่นเช้าแบบนี้ประจำไม่ใช่เหรอคะป้าพิศ”
มือเล็กเข้าสวมกอดคล้องแขนเหี่ยวย่นป้าพาเดินเข้าบ้าน เธอเห็นร่องรอยกังวลใจบนใบหน้าของหญิงสูงวัย
“ป้าพิศคิดอะไรอยู่คะ”
“ป้าไม่รู้ว่าช่วงสองเดือนมานี้เกิดอะไรขึ้นกับคุณบัว คุณบัวไปนอนในเมืองกลับมาก็วันอาทิตย์วันเดียว และเอาเสื้อผ้ากลับมาซักไม่มาก แต่คราวนี้เสื้อผ้าเยอะเสียจนกระเป๋าใหญ่เกือบปิดไม่ลง”
บุษยายิ้มอ่อนก้มหน้าขณะที่ยังก้าวเดินไปพร้อมกับป้าพรพิศ เธอน่าจะรู้ว่าอย่างไรป้าพรพิศต้องผิดสังเกต
“แล้วป้าพรพิศคิดว่าเกิดจากอะไรคะ”
คำถามแผ่วเบาทำให้ป้าพรพิศหันมองบุษยา เด็กสาวที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ใบหน้ายังมีรอยกังวลเมื่อเอ่ยชื่อของผู้ชายคนหนึ่งออกมา
“แทนทำอะไรคุณบัวหรือเปล่า?”
ทั้งคู่ต่างเดินมาถึงบันไดบ้านหลังใหญ่แล้ว บุษยาฉุดมือป้าพรพิศที่หยุดเดินเพื่อรอคำตอบ
“ไปคุยในครัวดีไหมคะ”
พรพิศพิจารณาใบหน้าซีดเซียวที่มีร่องรอยของการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง ใจเธอเองก็ปวดร้าวที่ลูกชายหายตัวไปหลายปีแม้ว่าเธอรู้ว่าพสุธาสบายดี แต่กลับคุณบัวมันเป็นความรู้สึกอีกอย่าง
หญิงสูงวัยเดินตามบุษยาจนกระทั่งถึงในครัวแล้วนั่งตรงเก้าอี้ที่เธอทำงานทิ้งไว้ก่อนหน้าที่จะเดินไปยืนรอคุณบัว
“เล่าให้ป้าฟังสิคะ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ป้าพิศคะ บัวกับบุหลันอาจต้องย้ายออกไปจากที่นี่”
“คุณบัว!!”
“ป้าพิศไม่ต้องเป็นห่วงบัวกับบุหลันนะคะ น้องเขามีเงินเก็บพอสมควรที่ทำให้เราสองพี่น้องไปหาที่อยู่ตั้งต้นชีวิตใหม่ได้ ส่วนบัวเองก็มีความสามารถหางานทำได้ไม่ยาก”
“แต่ว่า...”
“ส่วนป้าพิศควรกลับไปอยู่กับพี่แทนได้แล้วนะคะ พี่แทนเขาต้องการป้าพิศ”
“แล้วคุณบัวไม่ต้องการป้าพิศแล้วเหรอคะ คุณบัวต้องมีคนดูแล”
“ป้าพิศคะ กลับไปอยู่กับพี่แทน ป้าพิศจะได้สบาย บัวไม่สามารถดูแลป้าพิศได้อีกแล้วค่ะ”
“แล้วบ้านหลังนี้?”
บุษยากัดริมฝีปากเบือนหน้าจากใบหน้าตั้งคำถามของป้าพรพิศ แล้วตัดใจเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด
“บ้านหลังนี้ รวมทั้งฟาร์มกับสวนยางที่พ่อนำไปจำนองไว้ตอนนี้เป็นของพี่แทนหมดแล้วค่ะ”
“แทน! งั้นไม่ดีเหรอคะคุณบัว คุณบัวสามารถพูดให้แทน...”
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะป้าพิศ เขาต้องการให้บัวย้ายออกให้เร็วที่สุด”
“ไม่มีทาง มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่ใช่ แทนไม่มีทางทำแบบนั้นกับคุณบัว”
“มันเป็นเรื่องจริงค่ะ เขาบอกบัวเมื่อวานนี้”
“แล้วที่คุณบัวไปอยู่ในเมืองมาสองเดือนนี้ คุณบัวไปอยู่กับแทนมาใช่ไหมคะ”
บุษยาไม่ตอบ เธอเบือนหน้าไปทางอีกใบหน้าแดงซ่านขึ้นมาจนลามไปยังลำคอ แต่เพียงเท่านี้คนแก่ที่ผ่านโลกมาก่อนพลันเข้าใจเรื่องทุกอย่าง
ลูกชายของเธอกำลังเข้าใจผิดและทำให้บุษยาเสียใจจากการที่ตัวเองไม่ได้ความยุติธรรมในสมัยวัยหนุ่ม
แต่เรื่องมันผ่านมาสิบปีแล้วและคุณบัวเองก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือทำผิดกับพสุธา ซ้ำร้ายยังรอคอยด้วยความหวังมาเสมอกระทั่งพสุธาเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
“ป้าจะพูดกับแทนเอง!!”
“ไม่คะป้าพิศ ป้าต้องไม่พูด”
พรพิศขมวดคิ้วก้มมองมือเรียวหยาบกร้านจากการทำงานหนักของคุณหนู บุษยากำมือของเธอไว้แน่นก่อนพูดทวงคำสัญญาที่เธอเคยให้ไว้
“ป้าต้องไม่พูด ป้าเคยสัญญากับบัวไว้แล้ว”
“แต่มันต้องไม่ใช่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง คุณบัว ต้องมีใครสักคนเตือนสติลูกชายป้า และคนนั้นต้องเป็นป้า”
“ไม่ค่ะ ถ้าป้าพิศไม่รับปาก บัวจะหนีไปและไม่ติดต่อป้าอีกเลย”
หญิงชราที่ใจเคยบอบช้ำจากการหายหน้าของลูกชายไป เธอจำได้ดีว่าความรู้สึกของการสูญเสียคนรักเป็นเช่นไรและไม่ต้องการพบกับความรู้สึกนั้นอีก จึงพยักหน้าตอบอย่างไม่เต็มใจนัก
“งั้นบัวขอตัวก่อนนะคะ บัวต้องไปคุยกับุหลัน”
“แล้วคุณบัวตั้งใจจะไปวันไหนคะ”
“บัวต้องคุยกับบุหลันก่อนค่ะป้า”
“คุณบัวรับปากป้านะคะว่าถ้าคุณบัวกับคุณบุหลันตกลงใจจะย้ายออกเมื่อไรต้องบอกป้าคนแรกนะคะ”
“ค่ะป้าพิศ”
เธอตบหลังมือป้าพรพิศเบา ๆ ปลอบใจแล้วจึงพาร่างอ่อนระโหยอดนอนเดินไปยังห้องนอนของน้องสาวด้านหลัง
พรพิศมองตามร่างเล็กสีหน้าเป็นกังวล พลันนึกขึ้นได้ว่าพสุธาเคยทิ้งเบอร์โทรศัพท์ให้เธอไว้จึงรีบค้นหาดูและพบว่ามันอยู่ในลิ้นชักเก็บมีดในครัว จึงผ่อนลมหายใจออกมาโล่งอก
อย่างน้อยถ้าคุณบัวตัดสินใจจะไปเธอจะเป็นคนโทรไปบอกลูกชายเอง และเธออยากได้ยินกับหูว่าพสุธาจะเอายังไง
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อ
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนห
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทนำชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มนอนอาบแดดอยู่บนเรือสำราญขนาดเล็กลำใหม่ที่เพิ่งซื้อมา เสียงหญิงสาวและเพื่อนภายในเรือยังครื้นเครงจากแอลกอฮอล์และเล่นพนันท้องฟ้าที่ภูเก็ตสวยเสมอไม่ว่าเขาจะมากี่ครั้ง ชายหนุ่มลูกครึ่งผิวสีมักโหยหาทะเลตลอดเวลาจนต้องเจียดเวลาแม้เพียงน้อยนิดให้ร่างของเขาจุ่มลงในผืนน้ำเค็มอันกว้างใหญ่สุดลูกตา“มานอนทำอะไรคนเดียว”กลิ่นยาสูบแบบดั่งเดิมโชยมาก่อนที่ตัวชายฉกรรจ์วัยสี่สิบห้าจะนั่งลงด้านข้าง สวมเสื้อเชิ้ตเปิดกระดุม กางเกงขาสั้นสำหรับการลงเรือเล่น เอนกายนอนคู่กับเขาตรงกาบเรือด้านหน้า“อาบแดด”“ฮึ คิดว่าจะเชื่อหรือไง คนอย่างนายพสุธาถ้าลองได้อยู่คนเดียวคงคิดวางแผนทำอะไรสักอย่าง ซี้ดดด”เสียงดูดยามวนดังขึ้น นัยน์ตาสีฟ้ามองกลุ่มควันสีขาวลอยคลุ้งตรงหน้าพรางยิ้มมุมปาก ทัดทองไม่เคยลืมกำพรืดตัวเอง ยังสูบยามวนราคาถูกเหมือนเดิม“เมื่อไรจะเปลี่ยนไปสูบอย่างอื่น ตอนนี้มีเงินมากขนาดนี้จะสูบอะไรก็ได้”ทัดทองเอี้ยวหน้ามองพสุธา ร่างสูงใหญ่เอนกายนอนอาบแดดสวมแว่นกันแดด มองไม่เห็นดวงตาสีฟ้าจัดว่าคิดอะไรอยู่“มันเป็นเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเป็นใคร”ร่างแกร่งนิ่งขึ้ง การ
บทที่ 1สิบปีก่อนยังคงเป็นวันที่ฝนโปรยปรายจนเกิดละอองฝอย หลังจากตกหนักมาตลอดหลายวัน สาวน้อยรูปร่างไม่สูงแต่ไม่เตี้ยดูเค้าลางว่าอีกไม่กี่ปีคงอวบอิ่มเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ผิวไม่ขาวจัดแต่ก็ไม่คล้ำ หากแต่ใบหน้าคมอย่างคนใต้ปากกว้างอวบอิ่มร่างของสาวที่กำลังใกล้บานนสะพรั่งวิ่งผ่านราวสะพานไม้เล็กแค่เพียงคนเดินผ่านวางเรี่ยบนน้ำดูแล้วน่าหวาดเสียว แต่ร่างเล็กกลับไม่ใส่ใจ เธอมีจุดมุ่งหมายเดียวคือการไปให้ถึงตัวชายหนุ่มที่กำลังสาวเชือกหอยตะโกรมขึ้นมาจากน้ำ“พี่แทน”เสียงหวานอย่างเด็กสาวตะโกนสุดเสียง ดวงตาคมรีขนตาดกหนาส่งประกายวาววับจนเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนแพกระชังตาพร่าจากนั้นจึงหยุดร่างในชุดนักเรียนมัธยมปลายเมื่อใกล้ถึงตัวชายหนุ่มแล้วปีนขึ้นไปบนแพไม้ไผ่ที่สานเป็นตารางสำหรับพอยืนได้นั่งยองลงด้านข้าง“บัวเรียกก็ไม่ขานรับ”เสียงใสกระเง้ากระงอดอย่างเด็กสาวดังขึ้น จนเด็กหนุ่มหัวเราะ มือยังสาวหอยขึ้นจากน้ำเพื่อตรวจดูว่าโตเต็มที่หรือยังเขาเอี้ยวหน้ามองเด็กสาวที่เป็นเพื่อนเล่นกับเขามาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ บัว หรือ บุษยา เศวตร ลูกสาวของนายหัวบัญชร เศวตร เจ้าของฟาร์มหอยนางรมชื่อดังของเมืองสุราษฎร์
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนห
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อ
บทที่ 44พสุธาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาขว้างออกไปกระทบกับผนังห้องแตกกระจายเฉียดร่างของทัดทองที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาพอดี“ตายห่า! ไอ้แทน เกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้น”ทัดทองกระโดดข้ามจานอาหารเช้าและแก้วกาแฟที่ทั้งหกเลอะเทอะแตกเป็นเสี่ยงบนพื้น มองร่างนายหัวผิวเข้มพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวนั่งถ่างขาตรงโซฟาสูบบุหรี่จนควันโขมง ผมยาวสยายยุ่งเหยิงและใบหน้ากร้าวกระด้างอารมณ์ร้ายสุด ๆ“บัวรู้เรื่องสัญญาแล้ว”เพียงเท่านั้นทัดทองก็รู้ถึงสาเหตุที่ห้องเละเทะขนาดนี้และยังร่างของสาวน้อยที่โผลุกขึ้นจากพื้นลิฟต์ด้วยน้ำตานองหน้า“กูว่าแล้วไอ้แทน”พสุธาเหลือบมองหน้าแต่ไม่พูดอะไร ใจยังอัดแน่นเจ็บร้าวทั้งรู้สึกผิด ทั้งโกรธตัวเองที่โง่เง่าและโกรธบุษยาที่ไม่ยอมอยู่กับเขาทัดทองเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ลงไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัย พสุธาไม่ใส่ใจในเมื่อตอนนี้เขามีเรื่องให้ใส่ใจมากพอแล้วมือแกร่งคีบบุหรี่เข้าปากแล้วอัดเข้าเฮือกใหญ่อีกครั้ง ใจนึกภาพหน้าปวดร้าวของคนร่างเล็กแล้วใจยิ่งคับแน่น ต้องการพุ่งตัวออกไปแล้วดึงกลับมาแต่เขาหยิ่งเกินไป ในเมื่อเขาไม่ผิด เขายังไม่ได้แต่งงาน และสัญญานั่นยังไม่ทันได้ลงลายมือชื่อด้วยซ้ำ“อ
บทที่ 43บุษยาตาโตด้วยความตกใจ ตามปกติพสุธาไม่นำเอกสารหรืองานกลับมาทำที่บ้าน แต่ซองนี้เธอเห็นเขานั่งอ่านอยู่นานเมื่อคืนฉะนั้นต้องสำคัญอย่างมากมือสั่นรีบหยิบกระดาษอเนกประสงค์เช็คจนรอบจากนั้นจึงหยิบเอกสารออกมาจากซอง มีร่องรอยคราบกาแฟอย่างที่เธอคาดไว้ จึงรีบซับน้ำโดยเร็วยิ่งเป็นหมึกพิมพ์แบบน้ำ ตัวหนังสือจึงเริ่มเลอะออก สายตาพลันเผลออ่านเข้าโดยไม่ตั้งใจสัญญาร่วมค้ากับบริษัทจรัญ อ่านดูหน้าแรกไม่มีสิ่งใดผิดปกติและดูท่าเป็นความลับ จึงรีบเช็ดให้สะอาดจนทั่วกระทั่งถึงคำว่าตามรายละเอียดแต่งงานที่ได้แนบท้ายมาด้วยดวงตาคมเบิกกว้างมือสั่นเทาพลิกไปยังหน้าสุดท้ายแห่งสัญญา เธออ่านข้อตกลงที่ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่สามารถมีบ้านเล็กได้แต่ห้ามออกนอกหน้า รวมไปถึงสามารถมีลูกกับผู้อื่นได้ยกเว้นแค่ทายาทต้องเกิดกับดารณีเท่านั้นร่างบางถึงกับเข่าทรุดใช้มืออีกข้างพยุงโต๊ะไว้ขณะที่ค่อย ๆ นั่งลงแล้วอ่านทวนอีกครั้งเผื่อเธอเข้าใจผิด แต่ถึงแม้เธออ่านถึงสามรอบข้อความในสัญญาชัดเจนจนไม่อาจหาข้อแก้ตัวให้กับพสุธาได้การประมูลท่าเรือเฟอร์รี่คงมีความสำคัญต่อเขามาก เธอไม่เคยถามเขามาก่อนว่าเขามีธุรกิจอะไรบ้าง แค่พอแตะเรื่องหลัง
บทที่ 42“เรียบร้อยแล้วครับนายหัว”เสียงทัดทองพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้องทำงานระหว่างที่พสุธากำลังเซ็นต์เอกสาร เขาไม่ใส่ใจปล่อยให้บอดี้การ์ดรอก่อนจนสักพักเมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นนายหัวผิวสีเข้มหยิบซองบุหรี่จากบนโต๊ะขึ้นจุด แล้วโยนให้ทัดทองรอจนกระทั่งบอดี้การ์ดอัดควันเข้าปอดเรียบร้อยจึงค่อยเอ่ยถาม“ว่ามา”“ผู้หญิงคนนั้นเดินทางออกไปเรียบร้อยแล้วครับ”“ดี แล้วไงอีก”“จากที่สอบเค้นเห็นว่าเสี่ยยังติดใจคุณบัวไม่น้อย และค่อนข้างเกรี้ยวกราดเมื่อรู้ว่าคุณบัวย้ายมาอยู่กับนายหัว หล่อนบอกว่าคุณบัวถูกบังคับให้แต่งงานกับเสี่ย แล้วพอเกิดเรื่องก็ได้มาที่บ้านของเสี่ยเองเพื่อคืนของหมั้นทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่าขอเวลาทำใจสักหนึ่งปี แต่เจ้าเสี่ยมันรอไม่ไหวเลยไปคว้าลูกสาวของอีกบ้านมา ได้ทั้งผู้หญิง ได้ทั้งเงิน เพราะฝังนั้นไม่กลวงเหมือนนายหัวบัญชร”พสุธาชะงักไปตั้งแต่ประโยคแรก อารมณ์กรุ่นโกรธวันนั้นที่เขาแสดงออกมาคงทำให้สาวน้อยเสียใจ เพราะสองวันที่ผ่านมายังมีสีหน้าไม่ค่อยดีแม้ว่าเขาจะรีดเค้นพลังทางเพศบนเตียงมากแค่ไหนก็เหมือนจำใจทำ“แล้วหล่อนมาทำอะไรที่โรงแรม”ซี้ดดดดด!!เสียงสูดบุหรี่ก่อนพ่นออกมา