บทที่ 1
สิบปีก่อน
ยังคงเป็นวันที่ฝนโปรยปรายจนเกิดละอองฝอย หลังจากตกหนักมาตลอดหลายวัน สาวน้อยรูปร่างไม่สูงแต่ไม่เตี้ยดูเค้าลางว่าอีกไม่กี่ปีคงอวบอิ่มเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ผิวไม่ขาวจัดแต่ก็ไม่คล้ำ หากแต่ใบหน้าคมอย่างคนใต้ปากกว้างอวบอิ่ม
ร่างของสาวที่กำลังใกล้บานนสะพรั่งวิ่งผ่านราวสะพานไม้เล็กแค่เพียงคนเดินผ่านวางเรี่ยบนน้ำดูแล้วน่าหวาดเสียว แต่ร่างเล็กกลับไม่ใส่ใจ เธอมีจุดมุ่งหมายเดียวคือการไปให้ถึงตัวชายหนุ่มที่กำลังสาวเชือกหอยตะโกรมขึ้นมาจากน้ำ
“พี่แทน”
เสียงหวานอย่างเด็กสาวตะโกนสุดเสียง ดวงตาคมรีขนตาดกหนาส่งประกายวาววับจนเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนแพกระชังตาพร่า
จากนั้นจึงหยุดร่างในชุดนักเรียนมัธยมปลายเมื่อใกล้ถึงตัวชายหนุ่มแล้วปีนขึ้นไปบนแพไม้ไผ่ที่สานเป็นตารางสำหรับพอยืนได้นั่งยองลงด้านข้าง
“บัวเรียกก็ไม่ขานรับ”
เสียงใสกระเง้ากระงอดอย่างเด็กสาวดังขึ้น จนเด็กหนุ่มหัวเราะ มือยังสาวหอยขึ้นจากน้ำเพื่อตรวจดูว่าโตเต็มที่หรือยัง
เขาเอี้ยวหน้ามองเด็กสาวที่เป็นเพื่อนเล่นกับเขามาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ บัว หรือ บุษยา เศวตร ลูกสาวของนายหัวบัญชร เศวตร เจ้าของฟาร์มหอยนางรมชื่อดังของเมืองสุราษฎร์ สวนยางอีกนับไม่ถ้วนที่ปล่อยให้เช่า
ตั้งแต่เขาเกิดมา เขาก็อยู่ที่ฟาร์มแห่งนี้ ในสวนนี้ ไม่เคยได้ก้าวเท้าออกไปนอกจากไปเรียนหนังสือ นั้นเพราะแม่ของเขาเป็นลูกจ้างของบ้านเศวตรมานานจากรุ่นตายาย
“จะตอบทำไม บัวส่งเสียงมาแต่ไกลแบบนั้น ขนาดปลาในน้ำคงได้ยินกันหมด ขืนพี่ตอบไป บัวคงตะโกนขึ้นอีก”
สาวร่างเล็กยิ้มเขินที่ พี่แทน หรือ พสุธา ทองคำ พูดขึ้น เธอเอี้ยวหน้าจ้องเขาตอบด้วยรอยยิ้มพิสุทธิ์ เด็กหนุ่มลูกจ้างที่บ้าน เด็กหนุ่มลูกครึ่งผิวคล้ำ ผมหยักศก นัยน์ตาสีฟ้า นั่นเป็นเพราะชาติกำเนิดของเขา
เธอก้มดูหอยในมือของชายหนุ่มร่างสูงชะลูดกล้ามเนื้อยังไม่หนั่นแน่นมากนัก เขาคุกเข่าหนึ่งข้างกับพื้นไม้แล้วจึงค่อยหย่อนราวเชือกที่มีหอยจำนวนหนึ่งเกาะอยู่ลงไปในน้ำดั่งเดิม
“หิวหรือยัง ได้แวะไปที่ห้องครัวมาหรือเปล่า”
บุษยาเงยหน้าขึ้นตอบเสียงแจ่มใส
“ยังเลยค่ะ บัวรอกินพร้อมพี่แทน”
“รอพี่ทำไมกัน อีกตั้งนานกว่าจะเลิกงาน”
พสุธายืดกายลุกขึ้นเพียงเพื่อออยากให้สาวน้อยลูกนายหัวบัญชรลุกขึ้นตาม ตั้งแต่เด็กจนโตความรู้สึกที่เติบโตขขึ้นตามวัยได้เปลี่ยนไป เขาเคยเฝ้ามองเด็กหญิงอ่อนกว่าเขาห้าปี ตามติดตัวเขาไม่ว่าเขาจะเข้าสวนยาง หรือลงเล่นน้ำทะเลบ้างบางครั้ง
แต่เมื่อบุษยาเริ่มโตเป็นสาว โดยเฉพาะปีนี้ที่ร่างกายของเขามีความรู้สึกพลุ่งพล่านแปลก ๆ ยามมองเธอ ผมสั้นเลยติ่งหูไปเล็กน้อยแต่หนาเป็นเงางาม และคาดว่าไม่นานคงยาวสยายถึงกลางหลัง
“บัวอยากรอพี่แทน ไปกันเถอะค่ะ อีกแค่สิบนาทีเอง พ่อคงไม่ว่าถ้าพี่จะเลิกงานก่อน อันที่จริงพ่อไม่เคยเห็นต่างหากว่าใครเป็นยังไงบ้าง”
บุษยาคว้าข้อมือของพี่แทนเดินนำไปยังราวสะพานไม้ก่อนปล่อยมือออกแล้วเดินนำ คนร่างเล็กกว่ารู้ว่าพี่แทนเดินตามมาแต่โดยดี ไม่ว่าเธอจะหน้าบึ้ง จะกระเง้ากระงอด หรือบ่นออดแอดขนาดไหน
เด็กหนุ่มไม่เคยว่าหรือบ่นแม้แต่น้อย ร่างเล็กรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้เขา ถ้าเธอตกลงไปในน้ำ เธอมั่นใจว่าคนร่างโตด้านหลังจะไม่ปล่อยให้เธอจม เขาจะกระโดดลงน้ำตามเธอไป แม้ว่าตัวเขาอาจจมลงไปด้วยก็ตาม
“บัวค่อย ๆ เดิน”
หน้าหวานคมเอี้ยวหน้ากลับไปมองเด็กหนุ่มที่ก้าวเท้าลงจากสะพาน ส่วนร่างบอบบางของเธอนั้นวิ่งไปบนพื้นดินนำหน้าไปยังห้องครัวหลักของบ้านหลังใหญ่ที่ปลูกเลยฟาร์มแห่งนี้ค่อนข้างห่างพอสมควร
ฝนโปรยปรายในคราแรกหยุดตกแล้ว พื้นดินเฉอะแฉะนองด้วยหลุมบ่อน้ำฝน บุษยาวิ่งอย่างระมัดระวังแต่ยังทำรองเท้าถุงเท้าเลอะโคลน
“เร็ว ๆ พี่แทน บัวหิวแล้ว”
บุษยาตะโกนเร่งขึ้นน้ำเสียงเริงร่า วิ่งตรงไปทางห้องครัวด้านหลัง มองคนรับใช้ในบ้านกำลังปรุงอาหารค่ำสำหรับเหล่าคุณผู้หญิงของบ้าน
“ป้าพิศ มีอะไรทานบ้างคะ”
หน้าเล็กชะโงกเข้าไปในครัวก่อนเดินเข้าไปเต็มตัว
“หยุดเลยนะ คุณบัว ดูสิพื้นครัวเลอะหมดแล้ว!”
“แม่ ผมพยายามห้ามแล้ว”
เสียงเด็กหนุ่มเหนื่อยหอบอยู่ด้านหลัง แล้วดึงข้อมือเล็กให้นั่งลงตรงแคร่ไม้ด้านหน้าประตูทางเข้า ร่างสูงชะลูดนั่งยองลงค่อยถอดรองเท้าออกให้อย่างไม่รังเกียจ
“ผมของพี่แทนยาวแล้ว”
บุษยาใช้มือชอนเข้าไปในผมสีดำดกหนาสังเกตเห็นร่างของเด็กหนุ่มชะงักไปก่อนถอดรองเท้าพร้อมถุงเท้าให้เธอต่อ
“เดี๋ยวพี่ไปตัด เสร็จแล้วเข้าไปเถอะ”
บุษยาลุกขึ้นเดินเข้าครัวไปยังโต๊ะกลาง ป้าพรพิศแม่ของพสุธากำลังวางอาหารลงสองสามอย่าง
“คุณบัวทานได้เลยค่ะ ป้าแบ่งให้คุณ ๆ ข้างบนไว้แล้ว”
“มาสิพี่แทน”
ร่างสูงผอมเกร็งอย่างวัยรุ่นเลื่อนเก้าอี้ด้านข้างออกก่อนตักข้าวให้คนร่างเล็กพอเหมาะอย่างรู้ใจ เขาตักไข่เจียวใบเหลียงวางลงบนจานของบุษยา
“วันนี้บุหลันได้ออกไปรับรางวัลที่หน้าเสาธง”
จู่ ๆ บุษยาก็พูดขึ้นทั้ง ๆ ที่ปากยังเต็มไปด้วยข้าวไข่เจียว เธอเหลือบตามองพสุธา ต้องการให้เขาถามต่อ จนเขาต้องแสร้งถามเพื่อเอาใจสาวน้อย
“ได้รางวัลอะไร”
“ก็เขียนตัวหนังสือสวย”
เธอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้น จึงยกมือตีแขนสีคล้ำที่โผล่ออกมาจากเสื้อยืดแขนสั้นสีดำตัวเก่า พลันคิดว่าครั้งหน้าถ้าเธอเข้าเมืองจะซื้อเสื้อตัวใหม่กลับมาฝากเขา
“บัวก็หัดสิ พี่จะช่วย”
เธอตักข้าวเข้าปากยิ้มในหน้าพยักหน้ารับ แม้ว่าพสุธาเรียนจบแค่มัธยมศึกษาปีที่หก ในยามเป็นนักเรียนเขากลับเป็นนักเรียนดีเด่นและลายมือสวยมาก
บุษยาเหลือบตามองป้าพรพิศแม่ของพี่แทน ซึ่งยังวุ่นวายเรื่องอาหารเย็นของคุณนายทั้งสองคือแม่ของเธอ ปทุมวดี เศวตร ภรรยาอันดับหนึ่งของพ่อ และ แขไข อภิรัตน ภรรยาน้อยที่พ่อรับมาอยู่ด้วยที่บ้านนานมาแล้ว มีลูกด้วยกันอีกหนึ่งคนคือบุหลัน น้องสาวคนที่เธอเพิ่งพูดถึง
“งั้นเย็นนี้บัวไปบ้านพี่แทนนะ”
“อืม”
พสุธารับปากอย่างไม่คิดอะไรเพราะทั้งเขาและเธอมักไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นประจำตั้งแต่เด็กจนคนในบ้านคุ้นชินกันหมด มือสีเข้มรวบช้อนอย่างมีมารยาทผิดไปจากคนงานหนุ่มคนอื่นในสวนแล้วลุกขึ้นเอาจานไปล้างจึงหันมาดูว่าบุษยาทานเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง
เด็กสาวยังนั่งละเลียดเล็มทีละนิดเหมือนเคยจนเขาส่ายหน้ามองมารดาที่ยิ้มในหน้าเช่นกัน แม้ว่าบุษยาเป็นคนกระตือรือร้นและทำอะไรฉับไว แต่พอเรื่องทานข้าวเป็นต้องกินทีละน้อย ยิ่งเป็นอาหารเคี้ยวยากจะเพิ่มเวลาเป็นสองเท่า
เขายืนรอข้างอ่างล้างจานอย่างอดทน เธอเป็นดั่งแสงสว่างที่สุดรองจากแม่ของเขาที่ทำให้เขาอดทนเติบโตขึ้นมาได้ภายในบ้านหลังนี้
เขาต้องการไปทำงานที่อื่นเพื่อหาเงินกลับมารับเธอไปอยู่ด้วย แต่นั่นมันคือความฝัน ในความเป็นจริงเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มลูกกำพร้าที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร
แม่พรพิศในวัยสาวสวยจัด หนีออกจากบ้านทิ้งตากับยายไว้ที่บ้านหลังนี้ แต่เพียงไม่นานก็กลับมาแล้วเริ่มมีอาการแพ้ท้อง ไม่มีใครรู้ว่าพรพิศไปท้องกับใครเพราะเธอไม่ปริปากพูด แม้กระทั่งลูกชายของตัวเองเธอก็ไม่เล่าให้ฟัง
พสุธาโตขึ้นมาพร้อมกับความแปลกประหลาด ชาวต่างชาติลูกครึ่งผิวสีทิ้งร่องรอยความน่าอับอายของแม่ไว้บนร่างเขา สูงกว่าใครในหมู่บ้านราวเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ผิวคล้ำดำดั่งลูกครึ่ง ดวงตาสีฟ้าจัดดั่งน้ำทะเล
“อิ่มแล้ว”
เขามองจานที่บุษยายื่นมาตรงหน้า เธอยังทานข้าวไม่หมดจานเช่นเคย แต่พสุธาไม่คะยั้นคะยอให้ทานอีก ช่วงหัวค่ำเขาค่อยเอาขนมหวานมาล่อเธออาจยอมกินบ้าง
นัยน์ตาสีฟ้าเพ่งมองรูปร่างไม่ผอมมากนักแต่ไม่ใกล้กับคนสุขภาพดี แต่ทรวงอกและสะโพกกับผายออกเต็มที่ตามฮอร์โมนวัยรุ่น
“ขึ้นไปอาบน้ำเถอะแล้วพักผ่อน ค่ำ ๆ ค่อยไปที่บ้าน”
“ค่ะพี่แทน”
พรพิศลอบสังเกตสองหนุ่มสาว คนหนึ่งลูกชายของเธอ อีกคนคือคุณหนูของบ้าน เธอมองเห็นสายสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ออก แต่เธอรู้ว่าเรื่องของสองหนุ่มสาวคู่นี้เป็นไปไม่ได้
“แทน อย่าทำอะไรคุณบัวนะลูก”
แผ่นหลังเหยียดตึงด้วยความตกใจหันกลับมามองหน้าแม่ ผละออกจากอ่างล้างจานเดินไปยังกองผักที่แม่ของเขากำลังปอกอยู่
“ผมเข้าใจดีครับแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
บทที่ 2ช่วงค่ำของฟาร์มหอยนางรม อากาศของภาคใต้มักร้อนชื้นจนตัวเหนียวเหนอะ ร่างเล็กเดินลัดเลาะกระทั่งถึงบ้านพักคนงานถัดไปข้างในสวนยาง เป็นบ้านพักที่สร้างขึ้นอย่างง่ายเป็นหลัง กระจัดกระจายอยู่ทั่วภายในสวนขณะออกมายังแว่วเสียงแม่และแม่น้า หรือเมียอีกคนของพ่อโต้เถียงกันเพียงเรื่องใครจะได้ไปออกงานในเมืองวันพรุ่งนี้ใจเด็กสาวแสนเบื่อหน่าย รู้สึกราวเป็นคนนอกตลอดเวลา ไม่เป็นที่ต้องการของบ้าน ชื่อบัว แท้จริงแล้วชื่อมาจากชื่อของบัวผุดที่เป็นดอกไม้ประจำจังหวัด หากแต่บัวผุดเป็นเพียงพืชกาฝากที่อยู่บนรากของต้นเถาและมีกลิ่นเหม็นมากเท้าเล็กเตะก้อนหินก้อนเล็กขณะเดินไปก็เฝ้าครุ่นคิดไปด้วย แม่บอกว่ายามเธอเกิดเป็นวันที่แม่รู้เรื่องของน้าแขไขพอดี ทำให้แม่ต้องการแกล้งพ่อจึงตั้งชื่อของเธอว่าบัวผุดแต่โชคยังเข้าข้างที่ยายบอกพ่อให้ไปเปลี่ยนชื่อเธอที่อำเภอจนกลายมาเป็นบุษยาที่แปลว่าดอกบัวเหมือนกันก๊อก ก๊อกมือเล็กเคาะประตูเก่าบ้านหลังเล็กของพี่แทน บ้านหลังนี้แยกมาจากบ้านของป้าพรพิศ ข้างในมีเพียงห้องเดียวและห้องน้ำอยู่ถัดออกไปด้านนอก“ทำไมต้องล็อคประตูด้วยคะพี่แทน”เสียงเล็กเอ่ยต่อว่าทันทีเมื่อร่างส
บทที่ 3หน้าหวานคมแหงนหน้ามองท้องฟ้าขณะที่ยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ ฝนตกลงมาตั้งแต่รุ่งเช้าจนกระทั่งตอนนี้ เอี้ยวตัวหยิบร่มคันใหญ่ออกกางขณะเดินไปยังรถ พลันชะงักเท้าเมื่อเห็นร่างสีเข้มของเด็กหนุ่มร่างสูงวิ่งฝ่าสายฝนตรงมา ในมือถือถุงพลาสติกมาด้วย บุษยารีบก้าวเท้าลงบันไดบ้าน เธอไม่ต้องการเห็นหน้าพสุธาในตอนนี้ ใจยังกรุ่นโกรธปนน้อยใจ“บัว!!”เสียงเข้มแหบพร่าตะโกนเรียกแต่คนร่างเล็กทำเป็นไม่สนใจ ก้าวเท้าเดินต่อให้ถึงรถเร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันถึงประตูรถเด็กหนุ่มร่างสูงพลันมายืนตรงหน้าเธอเสียก่อน ยื่นถุงพลาสติกที่อยู่ในมือออกมาตรงหน้า“บัวลืมหนังสือไว้เมื่อคืน”ใบหน้าหวานคมแหงนขึ้นมองคนร่างสูงกว่าเธอมาก ตัวเปียกโชกด้วยน้ำฝนเม็ดใหญ่ ยืนตากฝนนิ่งรอจนกว่าเธอจะรับถุงหนังสือไปจากมือ“พี่แทนจะบ้าเหรอ มันแค่หนังสือ!!”บุษยากระแทกเสียงใส่ ยื่นมือออกไปรับถุงหนังสือมาแล้วผลักร่มให้แทน เข้าไปนั่งในรถที่บุหลันกำลังนั่งคอยอยู่ปัง!!มือเล็กปิดประตูเสียงดังเอี้ยวใบหน้ากลับไปมองร่างสูงยืนกางร่มกลางสายฝน นัยน์ตาสีฟ้ามองมาที่เธอเช่นกันจนลับสายตา“พี่บัวชอบหมอนั่นเหรอ”“พูดให้ดี ๆ นะบุหลัน”“อ้าวก็เรื่องจริงนี่ อย
บทที่ 4ฝนยังคงตกหนักไปอีกหลายวัน ทั่วทั้งท้องฟ้าและท้องทะเลที่เว้าเป็นอ่าวฟาร์มหอยขาวโพลน บุษยานอนเบื่ออยู่แต่ภายในห้องร่างเล็กลุกขึ้นจากเตียงแล้วนั่งลงข้างหน้าต่างห้องนอน หันหน้าออกไปมองเห็นผืนน้ำทะเล ฟาร์มหอยนางรมตั้งอยู่ในอ่าวเล็ก ๆ ขดเข้ามาเป็นน้ำกร่อย มีลำน้ำผ่านจากสวนยางด้านหลังไหลลงทะเลข้างหน้า ความเงียบสงัดของฟาร์มหอยในวันฝนตกได้ยินเพียงเสียงน้ำฝนกระทบลงบนพื้นดินดวงตาหวานคมชำเลืองมองไปยังด้านข้างบ้านจนเห็นบ้านพักของคนงานไม่ไกลนัก บ้านพักทุกหลังปิดสนิท ในเวลาเช่นนี้แม้แต่คนงานยังไม่ออกมานอกบ้านบุษยาตัดสินใจลุกขึ้นอีกครั้ง สวมเสื้อคลุมตัวหนาแล้วเดินลงบันไดบ้าน หมุนตัวไปยังทางออกด้านหลัง หยิบร่มคันใหญ่ขึ้นมากางและสวมรองเท้าแตะธรรมดาใจสาวน้อยร้อนรนไม่อาจอยู่เฉย เธอต้องการเห็นหน้าพี่แทน เดี๋ยวนี้ เดินแกมวิ่งฝ่าฝนไปตลอดทางกระทั่งถึงบ้านพักหลังเล็กก๊อก ก๊อก!!แอ๊ด!“บัว!!”ร่างแกร่งเบี่ยงตัวหลบให้คนร่างเล็กกว่าที่สาวเท้าเข้ามาในบ้านทันทีที่พี่แทนเปิดประตู ถอดรองเท้าข้างประตูเช่นเคยและถอดเสื้อคลุมออกจนเห็นเสื้อยืดตัวเล็กด้านใน ชื้นเปียกจนมองเห็นเงาเลือนลางของชุดชั้นใน
บทที่ 5วื้อ วื้อ วื้อ แคร่ก แคร่ก!!เสียงรถจักรยานคันเก่าดังตลอดทาง เด็กหนุ่มค่อยปั่นมีสาวน้อยร่างเล็กซ้อนท้าย หลังจากพายุฝนตกมาหลายวัน ท้องฟ้าก็เปิดเสียที มองเห็นสีฟ้าครามแจ่มใสจรดผืนน้ำร่างแกร่งปั่นจักรยานพาสาวร่างบอบบางซ้อนท้าย เลาะเลียบถนนชายหาดไปยังสะพานปลาแต่เช้าตรู่ ตอนนี้เรือประมงหาปลาเข้าเทียบท่าทยอยกลับมาจากออกเรือ แม่พรพิศสั่งให้ซื้อปลาสักสองสามกิโลกรัมไปเก็บไว้ในตู้เย็น และกุ้งปลาหมึกเล็กน้อยเผื่อทำต้มยำหรือผัดพริกเผาพสุธาเอี้ยวหน้าไปด้านหลังมองบุษยานั่งคร่อมแกว่งขาไปมาอย่างมีความสุข ผมสั้นติ่งหูปลิวไปตามแรงลมเปิดใบหน้าเรียวหวานสดใส เธอเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มกว้าง มือเล็กยังกุมเอวสอบของเขาไว้แน่น“นั่งดี ๆ ล่ะ ตกไปแม่พี่คงเอาไม้เรียวตีพี่แน่”“ฮ่า ฮ่า บัวไม่ใช่เด็กแล้วนะคะพี่แทน”เธอซบหน้าลงแนบแผ่นหลังกว้างชื้นเหงื่อ กลิ่นกายพสุธาโรยริน หน้าหวานคมฝังดวงหน้าลงกลางแผ่นหลังสูดลมหายใจ“นี่! ทำอะไรน่ะ พี่ตัวเหม็นนะ”“ไม่เหม็นสักหน่อย ออกจะหอม”บุษยาหัวเราะแกล้งใช้จมูกถูบดไปมาจนพสุธาจักจี้ รถจักรยานส่ายไปมาทำให้เธอโอบมือไปด้านหน้าเกี่ยวเอวสอบเขาไว้แน่น“พี่แทน ขี่ดีดีสิ”“เป็นไ
บทที่ 6“ว่าไงนะคะ”ร่างเล็กผุดลุกขึ้นนั่งบนโขดหิน หลังจากได้ยินพสุธาบอกว่าเขากำลังจะไปทำงานที่อื่น“พี่ต้องไปนะบัว พี่จะเก็บเงินสักก้อนแล้วค่อยกลับมา”“แต่..แล้วบัวล่ะ”พสุธาลุกนั่งชันเข่าใช้แขนกำยำโอบเข่าของตัวเองตะแคงหน้าเอี้ยวมองคนร่างเล็ก ส่งยิ้มอ่อนแต่ไม่ถึงดวงตา เอื้อมมือออกไปปัดผมที่โดนลมพัดนำไปทัดใบหู“บัวต้องไปเรียนต่อไง ไปเรียนที่กรุงเทพ”“ไม่ บัวไม่เรียน บัวจะอยู่ที่บ้านนี่แล่ะ รอพี่แทน”“ไม่ได้นะบัว! บัวต้องไปเรียนต่อ นั่นมันอนาคตของบัว”บุษยาผวาเข้าหาร่างเกร็งของพสุธากอดหัวเข่าของเขาไว้แล้วซบหน้าลงกับท่อนแขนกำยำ เงยมองด้วยดวงตารีคมรื้นน้ำตา หัวใจเด็กหนุ่มสะท้านขึ้นเมื่อเห็น มักเป็นเช่นนี้เสมอ เขาไม่อาจใจแข็งกับเธอได้เลยและคนร่างเล็กตรงหน้าก็รู้ดี เขาลูบหัวบุษยาอย่างรักใคร่“มันแค่ไม่นานเท่านั้น พอบัวเรียนจบพี่คงเก็บเงินได้สักก้อน จากนั้นเราก็จะแต่งงานกัน ดีไหม”เธอดันร่างขึ้นจากท่อนแขนของพสุธาทันที ใช้มือปาดน้ำตาทิ้ง ดวงตาคมมีความหวัง เผยรอยยิ้มหวานจนเด็กหนุ่มหัวใจสั่นไหวใช้มือปัดลูกผมออกจากกรอบหน้าเบามือ“พี่แทนพูดจริงไหม อย่าทำให้บัวดีใจเก้อนะ”เขายิ้มอ่อนระบายทั่วใบหน
บทที่ 7“มากันแล้ว ทำไมช้าอย่างนี้ วันนี้นายหัวกลับมาบ้าน โน้นนั่งหน้าถมึงทึงอยู่บนบ้าน คุณบัวรีบไปเถอะค่ะ”บุษยาหน้าเจื่อนลง วางถุงปลาบนโต๊ะในครัว รีบเดินแกมวิ่งเข้าสู่ในบ้านกระทั่งถึงห้องนั่งเล่นดวงตาหวานคมกวาดตามองพ่อ นายหัวบัญชรเจ้าของฟาร์มหอยนางรม รูปร่างผิวคล้ำดำผมหยิกปากหนา ตัวไม่สูงมากนักแต่ล่ำด้วยกล้ามเนื้อ เธอค่อยจรดฝีเท้าเดินเข้าไปแผ่วเบา“มานี่บัว”ตาหวานลอบเหลือบมองแม่ของเธอปทุมวดี ผิวขาวคงเค้าความสวยเมื่อวัยสาวเห็นได้ชัด ยังคงรักษารูปร่างให้อรชร แม่นั่งอยู่ด้านข้างโดยมีแม่น้าอีกคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ถัดไป น้าแขไขรูปร่างหน้าตาสะสวยกว่าแม่ของเธอ ผิวพรรณยังเต่งตึงมีน้ำมีนวลบุษยามองน้องสาวคนละแม่นั่งอยู่ที่พื้นก้มหน้านิ่ง นึกแปลกใจว่าเหตุใดวันนี้ทุกคนถึงพร้อมใจกันมานั่งกันอยู่ในห้องนั่งเล่นร่างเล็กค่อยคุกเข่าลงแล้วคลานไปนั่งอยู่ตรงข้างลำขาของปทุมวดี เงยหน้าขึ้นประนมมือไหว้พ่อ หน้าตาตื่นเล็กน้อยบรรยากาศแปลกประหลาดจนบุษยาหวั่นใจ เธอมองเห็นใบหน้าแม่ซีดเผือด นั่งนิ่งเงียบ ส่วนน้องสาวก้มหน้านิ่งกลับมีรอยยิ้มไม่น่ามองนัก“คิดจะไปเรียนต่อที่ไหน”จู่ ๆ นายหัวบัญชรก็พูดขึ้น เธอแหงน
บทที่ 8“พี่แทน อยู่ไหนนะ พี่แทนนน!!”พสุธาเปิดประตูห้องน้ำที่ทำแยกออกมาจากตัวบ้าน ร่างเด็กหนุ่มวัยยี่สิบสองพันผ้าเช็ดตัวสีขุ่นผืนเก่าที่ใช้มาเนิ่นนานรีบสาวเท้ากลับไปยังบ้านหลังเล็กก่อนที่เด็กสาวจะตามตัวเขาเจอปัง!!เขาปิดประตูลงกลอนทันทีแล้วรีบคว้าเสื้อขึ้นมาจากกองที่พับไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้ใส่กางเกงขาสั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อก“พี่แทนเปิดเร็ว บัวมีของจะให้”เสียงใสร่าเริงไร้กังวลดังขึ้นหน้าประตู เธอยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้เลย มือที่กำของซ่อนไว้ด้านหลังขยุกขยิกอย่างร้อนรน เธออยากเห็นหน้าพี่แทนเร็ว ๆ ในช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมาเธอสู้อุตส่าห์เก็บเงินที่มีทั้งหมดซื้อมาเป็นของขวัญวันเกิดให้เขาในวันพรุ่งนี้ยิ้มหวานกว้างใบหน้าแดงซ่าน พรุ่งนี้พี่แทนจะยี่สิบสามแล้ว และพอก่อนสิ้นปีเธอก็จะสิบแปดเต็ม เธอแหงนใบหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยร่มไม้ของต้นยางสูงใหญ่ ต้นยางเก่าแก่ที่ไม่ได้โค่นทิ้งและมันอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ก่อนเธอเกิดดวงตาคมหวานมองลูกยางปลิวลอยมากับสายลมดั่งลูกข่างเล็กหล่นลงแทบเท้า บุษยาก้มลงหยิบขึ้นมาหมุนเล่นก่อนจะยัดใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้นแอ๊ด!!“ทำไมช้าจั
บทที่ 9ก๊อก ก๊อก!!“ครับ”เสียงทุ้มดังตอบก่อนที่ประตูจะเปิดออก เธอก้าวเข้าสู่ภายในบ้านปล่อยให้พสุธารับร่มของเธอไปเก็บ ถอดรองเท้าและเดินตัวเปียกชื้นเข้าไปกลางโถง สายตาชำเลืองมองเตียงเล็กที่ทำจากไม้อัดตีง่าย ๆ และฟูกบางปูด้วยผ้าปูที่นอนผืนเก่า ผ้าห่มกำมะหยี่ราคาถูกสีแดง ซึ่งเป็นสีเดียวของห้องที่จัดจ้านและโดดเด่น“ฝนตกยังจะมาอีก ดูสิเปียกอีกแล้ว”เขาหยิบผ้าเช็ดตัวติดมือมาส่งให้บุษยาแล้วรับเค้กไปวางไว้บนโต๊ะ มองร่างเล็กใช้ผ้าคลุมลำตัวเดินตามเขามายังโต๊ะ“เปิดกล่องเค้กเลยนะพี่แทน”บุษยารีบเปิดกล่องกระดาษออก ข้างในเป็นเค้กครีมนมสดตกแต่งเรียบง่ายมีเพียงคำว่าสุขสันต์วันเกิดพี่แทน และรูปหัวใจสองสามดวง“จุดเทียนนะ แล้วพี่ก็อธิษฐานด้วย”พสุธามองบุษยาที่จัดแจงปัดเทียนลงบนเค้กห้าแท่งกระจายตัวไปทั่วหน้าเค้กแล้วจุดด้วยไฟแช็กที่เตรียมมา จากนั้นเธอจึงเดินไปปิดไฟในห้องจนมืดสนิทเหลือเพียงแสงจากแรงเทียนบนหน้าเค้ก“แฮปปี้เบิร์ด เดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ด เดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู..พี่แทน เป่าเลยสิคะ”ร่างแกร่งยืนมองหน้าหวานขณะที่ร้องเพลงอวยพรให้ แสงเทียนพลิ้วไหวตามแรงพัดลมภ
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนห
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อ
บทที่ 44พสุธาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาขว้างออกไปกระทบกับผนังห้องแตกกระจายเฉียดร่างของทัดทองที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาพอดี“ตายห่า! ไอ้แทน เกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้น”ทัดทองกระโดดข้ามจานอาหารเช้าและแก้วกาแฟที่ทั้งหกเลอะเทอะแตกเป็นเสี่ยงบนพื้น มองร่างนายหัวผิวเข้มพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวนั่งถ่างขาตรงโซฟาสูบบุหรี่จนควันโขมง ผมยาวสยายยุ่งเหยิงและใบหน้ากร้าวกระด้างอารมณ์ร้ายสุด ๆ“บัวรู้เรื่องสัญญาแล้ว”เพียงเท่านั้นทัดทองก็รู้ถึงสาเหตุที่ห้องเละเทะขนาดนี้และยังร่างของสาวน้อยที่โผลุกขึ้นจากพื้นลิฟต์ด้วยน้ำตานองหน้า“กูว่าแล้วไอ้แทน”พสุธาเหลือบมองหน้าแต่ไม่พูดอะไร ใจยังอัดแน่นเจ็บร้าวทั้งรู้สึกผิด ทั้งโกรธตัวเองที่โง่เง่าและโกรธบุษยาที่ไม่ยอมอยู่กับเขาทัดทองเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ลงไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัย พสุธาไม่ใส่ใจในเมื่อตอนนี้เขามีเรื่องให้ใส่ใจมากพอแล้วมือแกร่งคีบบุหรี่เข้าปากแล้วอัดเข้าเฮือกใหญ่อีกครั้ง ใจนึกภาพหน้าปวดร้าวของคนร่างเล็กแล้วใจยิ่งคับแน่น ต้องการพุ่งตัวออกไปแล้วดึงกลับมาแต่เขาหยิ่งเกินไป ในเมื่อเขาไม่ผิด เขายังไม่ได้แต่งงาน และสัญญานั่นยังไม่ทันได้ลงลายมือชื่อด้วยซ้ำ“อ
บทที่ 43บุษยาตาโตด้วยความตกใจ ตามปกติพสุธาไม่นำเอกสารหรืองานกลับมาทำที่บ้าน แต่ซองนี้เธอเห็นเขานั่งอ่านอยู่นานเมื่อคืนฉะนั้นต้องสำคัญอย่างมากมือสั่นรีบหยิบกระดาษอเนกประสงค์เช็คจนรอบจากนั้นจึงหยิบเอกสารออกมาจากซอง มีร่องรอยคราบกาแฟอย่างที่เธอคาดไว้ จึงรีบซับน้ำโดยเร็วยิ่งเป็นหมึกพิมพ์แบบน้ำ ตัวหนังสือจึงเริ่มเลอะออก สายตาพลันเผลออ่านเข้าโดยไม่ตั้งใจสัญญาร่วมค้ากับบริษัทจรัญ อ่านดูหน้าแรกไม่มีสิ่งใดผิดปกติและดูท่าเป็นความลับ จึงรีบเช็ดให้สะอาดจนทั่วกระทั่งถึงคำว่าตามรายละเอียดแต่งงานที่ได้แนบท้ายมาด้วยดวงตาคมเบิกกว้างมือสั่นเทาพลิกไปยังหน้าสุดท้ายแห่งสัญญา เธออ่านข้อตกลงที่ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่สามารถมีบ้านเล็กได้แต่ห้ามออกนอกหน้า รวมไปถึงสามารถมีลูกกับผู้อื่นได้ยกเว้นแค่ทายาทต้องเกิดกับดารณีเท่านั้นร่างบางถึงกับเข่าทรุดใช้มืออีกข้างพยุงโต๊ะไว้ขณะที่ค่อย ๆ นั่งลงแล้วอ่านทวนอีกครั้งเผื่อเธอเข้าใจผิด แต่ถึงแม้เธออ่านถึงสามรอบข้อความในสัญญาชัดเจนจนไม่อาจหาข้อแก้ตัวให้กับพสุธาได้การประมูลท่าเรือเฟอร์รี่คงมีความสำคัญต่อเขามาก เธอไม่เคยถามเขามาก่อนว่าเขามีธุรกิจอะไรบ้าง แค่พอแตะเรื่องหลัง
บทที่ 42“เรียบร้อยแล้วครับนายหัว”เสียงทัดทองพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้องทำงานระหว่างที่พสุธากำลังเซ็นต์เอกสาร เขาไม่ใส่ใจปล่อยให้บอดี้การ์ดรอก่อนจนสักพักเมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นนายหัวผิวสีเข้มหยิบซองบุหรี่จากบนโต๊ะขึ้นจุด แล้วโยนให้ทัดทองรอจนกระทั่งบอดี้การ์ดอัดควันเข้าปอดเรียบร้อยจึงค่อยเอ่ยถาม“ว่ามา”“ผู้หญิงคนนั้นเดินทางออกไปเรียบร้อยแล้วครับ”“ดี แล้วไงอีก”“จากที่สอบเค้นเห็นว่าเสี่ยยังติดใจคุณบัวไม่น้อย และค่อนข้างเกรี้ยวกราดเมื่อรู้ว่าคุณบัวย้ายมาอยู่กับนายหัว หล่อนบอกว่าคุณบัวถูกบังคับให้แต่งงานกับเสี่ย แล้วพอเกิดเรื่องก็ได้มาที่บ้านของเสี่ยเองเพื่อคืนของหมั้นทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่าขอเวลาทำใจสักหนึ่งปี แต่เจ้าเสี่ยมันรอไม่ไหวเลยไปคว้าลูกสาวของอีกบ้านมา ได้ทั้งผู้หญิง ได้ทั้งเงิน เพราะฝังนั้นไม่กลวงเหมือนนายหัวบัญชร”พสุธาชะงักไปตั้งแต่ประโยคแรก อารมณ์กรุ่นโกรธวันนั้นที่เขาแสดงออกมาคงทำให้สาวน้อยเสียใจ เพราะสองวันที่ผ่านมายังมีสีหน้าไม่ค่อยดีแม้ว่าเขาจะรีดเค้นพลังทางเพศบนเตียงมากแค่ไหนก็เหมือนจำใจทำ“แล้วหล่อนมาทำอะไรที่โรงแรม”ซี้ดดดดด!!เสียงสูดบุหรี่ก่อนพ่นออกมา