บทที่ 2
ช่วงค่ำของฟาร์มหอยนางรม อากาศของภาคใต้มักร้อนชื้นจนตัวเหนียวเหนอะ ร่างเล็กเดินลัดเลาะกระทั่งถึงบ้านพักคนงานถัดไปข้างในสวนยาง เป็นบ้านพักที่สร้างขึ้นอย่างง่ายเป็นหลัง กระจัดกระจายอยู่ทั่วภายในสวน
ขณะออกมายังแว่วเสียงแม่และแม่น้า หรือเมียอีกคนของพ่อโต้เถียงกันเพียงเรื่องใครจะได้ไปออกงานในเมืองวันพรุ่งนี้
ใจเด็กสาวแสนเบื่อหน่าย รู้สึกราวเป็นคนนอกตลอดเวลา ไม่เป็นที่ต้องการของบ้าน
ชื่อบัว แท้จริงแล้วชื่อมาจากชื่อของบัวผุดที่เป็นดอกไม้ประจำจังหวัด หากแต่บัวผุดเป็นเพียงพืชกาฝากที่อยู่บนรากของต้นเถาและมีกลิ่นเหม็นมาก
เท้าเล็กเตะก้อนหินก้อนเล็กขณะเดินไปก็เฝ้าครุ่นคิดไปด้วย แม่บอกว่ายามเธอเกิดเป็นวันที่แม่รู้เรื่องของน้าแขไขพอดี ทำให้แม่ต้องการแกล้งพ่อจึงตั้งชื่อของเธอว่าบัวผุด
แต่โชคยังเข้าข้างที่ยายบอกพ่อให้ไปเปลี่ยนชื่อเธอที่อำเภอจนกลายมาเป็นบุษยาที่แปลว่าดอกบัวเหมือนกัน
ก๊อก ก๊อก
มือเล็กเคาะประตูเก่าบ้านหลังเล็กของพี่แทน บ้านหลังนี้แยกมาจากบ้านของป้าพรพิศ ข้างในมีเพียงห้องเดียวและห้องน้ำอยู่ถัดออกไปด้านนอก
“ทำไมต้องล็อคประตูด้วยคะพี่แทน”
เสียงเล็กเอ่ยต่อว่าทันทีเมื่อร่างสีเข้มเปิดประตูออกมา เขาก้มลงมองสาวร่างเล็กกว่าสวมชุดนอนแบบกางเกงขายาวเสื้อเชิ้ตสีชมพู
“ใส่ขายาวมาก็เปื้อนหมด กลับไปเปลี่ยนชุดก่อนนอนด้วยนะ”
เธอเบ้ปากล้อเลียนเขาด้านหลัง นั่งลงที่โต๊ะแล้ววางสมุดปากกาที่เตรียมมา
“ไหนดูสิ ทำไมลายมือถึงไม่พัฒนาเลยบัว”
บุษยาไม่ใส่ใจ ตาหวานคมจดจ้องร่างสีเข้มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว มีกลิ่นหอมของสบู่และกลิ่นบางอย่างที่ทำให้ใจสาวน้อยเต้นรัว
“พี่แทน เพื่อนหนูเล่าให้ฟังว่าเห็นพี่แทนไปกับปิ่น เด็กห้องสอง”
เธอจ้องใบหน้าสีคล้ำแดงเข้มขึ้นต่อหน้า เขายังก้มหน้าดูสมุดไม่ตอบอะไร
“เพื่อนบอกว่าซ้อนมอไซกันไปยังป่าสวนยางหลังบ้านของเพื่อนบัวเอง”
บุษยายังจ้องจับผิดขณะที่เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มือสีคล้ำเปิดหนังสือสั่นเล็กน้อย หน้าแดงก่ำกว่าเดิม
“แล้วเพื่อนก็ตามไปแอบดู เห็น...”
“พอ ๆ นี่ไปเรียนหนังสือหรือไม่มัวคุยนินทาอะไรกัน”
พสุธารีบลุกขึ้นหยิบถ้วยขนมหวานที่แม่พรพิศเตรียมไว้ให้บุษยาโดยเฉพาะ บัวลอยไข่หวานอุ่นร้อน ตัวเม็ดทำด้วยฟักทองนึ่งและเผือก เขาวางถ้วยลงตรงหน้าสาวน้อยหวังว่าของกินคงหยุดคำถามที่กำลังหลั่งไหลออกมา เขารู้นิสัยของบุษยาดี ถ้าอยากรู้สิ่งใดเธอมักวนเวียนถามไม่หยุดจนกว่าจะได้คำตอบที่ต้องการ
หน้าเล็กยิ้มกว้างหยิบช้อนขึ้นตักบัวลอยใส่ปาก รสชาติไม่หวานมากติดเค็มนิดหน่อยน้ำกะทิเข้มข้น เธอสามารถกินเจ้าสิ่งได้ตลอดชีวิตโดยที่ไม่ต้องกินข้าว
เด็กหนุ่มวัยยี่สิบสองนั่งลงตรงเก้าอี้ใกล้เธอ เลื่อนสมุดคัดลายมือของบุษยาขึ้นดูอีกครั้ง
“ดูสิ ตัวโย้เย้ขนาดนี้”
“ก็บัวคิดว่าทำไมบัวต้องมัวเขียนลายมือให้สวยด้วย ในเมื่อบัวมีพี่แทนที่เขียนสวยอยู่แล้ว”
เขาเอี้ยวหน้ามองพรางส่ายหน้า ใบหน้าเล็กอมยิ้มทั้ง ๆ ที่มีบัวลอยเต็มปาก เธอละมือจากถ้วยชี้นิ้วไปยังอักษร ฒ
“เนี่ย เขียนยากสุด ทำไมต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากด้วย”
“งั้นก็คัดสักสองหน้า อ้อ แล้วนี่วิชาคณิต”
ตอนนี้บุษยาเริ่มหน้าจ๋อยใช้มือเกลี่ยขนมไปมาในถ้วย
“พี่ว่าเรื่องคัดลายมือให้บัวเอากลับไปคัดที่ห้อง ส่วนค่ำนี้เรามาติวคณิตศาสตร์ก่อนดีกว่า”
เขาเลื่อนหนังสือมาใกล้แล้ววงสมการที่บุษยาทำผิดจากนั้นจึงหยิบกระดาษเปล่าออกมาเขียน บุษยามองลายมืองดงามของพสุธาอย่างหลงใหล แม้ว่าเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น แต่ความหนักแน่นของน้ำหมึกและการตวัดหางกลับชัดเจน มั่นคง สมกับเป็นตัวเขา
ขณะกำลังมองมือของพสุธากลับคิดได้ว่า เธอลืมคำถามก่อนหน้านี้จึงเอี้ยวหน้าจ้องเด็กหนุ่มอีกครั้ง
มองจมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากที่หนาผิดไปจากคนไทย เผลอเอื้อมมือออกไปแตะริมฝีปากล่างของพสุธา
“บัว!! ทำอะไร!”
เขาผงะออกทันที หันตัวกลับมาสบตาหวานคมรีที่กำลังเยิ้มเล็กน้อยจากอาการง่วงงุน ผมดกหนาปกหน้าผากกลมเกลี้ยง จมูกโด่งเรียวเป็นสัน และปากกว้างเย้ายวน เด็กหนุ่มเผลอไผลมองนานเกินไปจนหัวใจเต้นกระหน่ำ รีบลุกขึ้นแสร้งหยิบน้ำ
“ทีหลังอย่าแตะตัวพี่อีก บัวโตแล้วไม่ใช่เด็ก”
บุษยามองตามร่างแกร่ง แล้วจึงซบหน้าลงบนโต๊ะพลางนึกไปถึงเรื่องวันนี้ที่เพื่อนเล่าให้ฟัง
“แต่กลับปิ่น พี่จูบเธอ และพี่ยังเอามือล้วงเข้าไปในกระโปรงอีกด้วย”
ตึก!!
มือสีเข้มกระแทกแก้วน้ำเสียงดังด้วยความตกใจ เขานึกไม่ถึงเลยว่าตำบลนี้ช่างเล็กแคบขนาดนี้ เด็กสาวที่ชื่อปิ่นเมื่อเย็น เธอเป็นลูกสาวของชาวประมงในหมู่บ้านถัดไป ผิดไปจากเด็กสาวที่นั่งอยู่กลางห้อง ที่สูงส่งเกินเอื้อม
“ถ้าจะแก่แดดขนาดนี้ก็ไม่ต้องมาที่ห้องพี่อีกเลย”
ตาหวานคมน้ำตาคลอเบ้ามองพี่แทนเปิดประตูห้องคาไว้ รอเธอเดินออกไปด้วยสีหน้าเอาเรื่อง สาวน้อยวางช้อนลงอย่างแรงกระแทกลำตัวขึ้นจากเก้าอี้
“งั้นบัวจะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีก”
“บัว!!”
เสียงเข้มตะโกนดังตามหลัง ทันเห็นน้ำตารื้นขึ้นจากนัยน์ตาคมพลันใจอ่อนยวบ ใครใช้ให้เขาหลงรักลูกสาวของนายหัวจนสุดใจขนาดนี้
ปึก!! บ้าจริง!!
มือแกร่งทุบลงขอบประตูยืนมองร่างเล็กเดินแกมวิ่งไปสุดสายตาแล้วจึงค่อยปิดประตูห้องลงกลอน มองกองหนังสือที่ยังกางอยู่บนโต๊ะจึงเก็บรวบรวมไว้ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปดักที่ชานบันไดหลังบ้านเพื่อส่งหนังสือคืน
พี่แทนบ้า!! ปึก ปึก!!
บุษยากดหน้าคมหวานจมไปในหมอนใบใหญ่ มือน้อยทุบเตียงทั้งสองข้างด้วยความช้ำใจ ใจของเด็กสาวร้อนรนหึงหวงเมื่อได้ยินข่าวลือ เธอนอนพลิกร่างกลับมาอีกครั้งเอี้ยวหน้ามองโคมไฟของขวัญวันเกิดที่พี่แทนซื้อมาให้เมื่อปีที่แล้ว
โคมไฟเซรามิครูปคนแคระและสโนว์ไวท์ที่เจาะรูเป็นพรุนแล้วมีหลอดไฟดวงเล็กสีนวลอยู่ข้างใน เวลาแสงลอดออกมาจากโคมปรากฎแสงเป็นวง ๆ ส่องประกายตามผนังเพดาน เธอจำได้ว่าวันนั้นเธอถูกใจมากจนกระโดดกอดเขาแน่น
ตั้งแต่เด็กจนโตเธอพบเห็นแต่หน้าพี่แทนมากกว่าใบหน้าของพ่อตัวเองเสียอีก เธอเดินตามติดตั้งแต่เริ่มจำความได้ ช่วงก่อนสิบขวบเธอยังวิ่งทโมนอยู่รอบตัวเด็กหนุ่มยามเขาดึงเชือกหอยขึ้นจากกระชัง
ใจเด็กสาวไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเชิงชู้สาวมันเริ่มขึ้นขึ้นเมื่อไร เธอรู้แค่ว่าทุกครั้งยามเธอทุกข์ใจ เธอจะมีพี่แทนอยู่ข้าง ๆ เสมอ
ตั้งแต่ต้นปีมานี่ เธอเริ่มรู้สึกได้ว่าพี่แทนเองก็เปลี่ยนไปมาก เขาระวังตัวมากขึ้นเมื่ออยู่กับเธอ ไม่แตะเนื้อต้องตัว ไม่ค่อยพาเธอซ้อนจักรยานอีกแล้ว
แล้ววันนี้เธอได้ยินว่าเขาไปติดใจหญิงสาวคนอื่นหลายคน แต่คนชื่อปิ่นเป็นคนแรกที่เธอได้ยินว่าเขาถึงขนาดจูบและลูบคลำด้วย
ใบหน้าหล่อเถื่อนอย่างลูกครึ่งผิวสีลอยเข้ามาอยู่ตรงหน้าเธอ สาวน้อยวัยสิบเจ็ดปีอย่างบุษยาต้องการเอื้อมมือไปคว้ามากอดไว้เหลือเกินแต่ทำไม่ได้
ต้องการบอกพี่แทนเหลือเกินว่าเธอรักพี่แทนมากขนาดไหน
พี่แทน
บทที่ 3หน้าหวานคมแหงนหน้ามองท้องฟ้าขณะที่ยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ ฝนตกลงมาตั้งแต่รุ่งเช้าจนกระทั่งตอนนี้ เอี้ยวตัวหยิบร่มคันใหญ่ออกกางขณะเดินไปยังรถ พลันชะงักเท้าเมื่อเห็นร่างสีเข้มของเด็กหนุ่มร่างสูงวิ่งฝ่าสายฝนตรงมา ในมือถือถุงพลาสติกมาด้วย บุษยารีบก้าวเท้าลงบันไดบ้าน เธอไม่ต้องการเห็นหน้าพสุธาในตอนนี้ ใจยังกรุ่นโกรธปนน้อยใจ“บัว!!”เสียงเข้มแหบพร่าตะโกนเรียกแต่คนร่างเล็กทำเป็นไม่สนใจ ก้าวเท้าเดินต่อให้ถึงรถเร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันถึงประตูรถเด็กหนุ่มร่างสูงพลันมายืนตรงหน้าเธอเสียก่อน ยื่นถุงพลาสติกที่อยู่ในมือออกมาตรงหน้า“บัวลืมหนังสือไว้เมื่อคืน”ใบหน้าหวานคมแหงนขึ้นมองคนร่างสูงกว่าเธอมาก ตัวเปียกโชกด้วยน้ำฝนเม็ดใหญ่ ยืนตากฝนนิ่งรอจนกว่าเธอจะรับถุงหนังสือไปจากมือ“พี่แทนจะบ้าเหรอ มันแค่หนังสือ!!”บุษยากระแทกเสียงใส่ ยื่นมือออกไปรับถุงหนังสือมาแล้วผลักร่มให้แทน เข้าไปนั่งในรถที่บุหลันกำลังนั่งคอยอยู่ปัง!!มือเล็กปิดประตูเสียงดังเอี้ยวใบหน้ากลับไปมองร่างสูงยืนกางร่มกลางสายฝน นัยน์ตาสีฟ้ามองมาที่เธอเช่นกันจนลับสายตา“พี่บัวชอบหมอนั่นเหรอ”“พูดให้ดี ๆ นะบุหลัน”“อ้าวก็เรื่องจริงนี่ อย่
บทที่ 4ฝนยังคงตกหนักไปอีกหลายวัน ทั่วทั้งท้องฟ้าและท้องทะเลที่เว้าเป็นอ่าวฟาร์มหอยขาวโพลน บุษยานอนเบื่ออยู่แต่ภายในห้องร่างเล็กลุกขึ้นจากเตียงแล้วนั่งลงข้างหน้าต่างห้องนอน หันหน้าออกไปมองเห็นผืนน้ำทะเล ฟาร์มหอยนางรมตั้งอยู่ในอ่าวเล็ก ๆ ขดเข้ามาเป็นน้ำกร่อย มีลำน้ำผ่านจากสวนยางด้านหลังไหลลงทะเลข้างหน้า ความเงียบสงัดของฟาร์มหอยในวันฝนตกได้ยินเพียงเสียงน้ำฝนกระทบลงบนพื้นดินดวงตาหวานคมชำเลืองมองไปยังด้านข้างบ้านจนเห็นบ้านพักของคนงานไม่ไกลนัก บ้านพักทุกหลังปิดสนิท ในเวลาเช่นนี้แม้แต่คนงานยังไม่ออกมานอกบ้านบุษยาตัดสินใจลุกขึ้นอีกครั้ง สวมเสื้อคลุมตัวหนาแล้วเดินลงบันไดบ้าน หมุนตัวไปยังทางออกด้านหลัง หยิบร่มคันใหญ่ขึ้นมากางและสวมรองเท้าแตะธรรมดาใจสาวน้อยร้อนรนไม่อาจอยู่เฉย เธอต้องการเห็นหน้าพี่แทน เดี๋ยวนี้ เดินแกมวิ่งฝ่าฝนไปตลอดทางกระทั่งถึงบ้านพักหลังเล็กก๊อก ก๊อก!!แอ๊ด!“บัว!!”ร่างแกร่งเบี่ยงตัวหลบให้คนร่างเล็กกว่าที่สาวเท้าเข้ามาในบ้านทันทีที่พี่แทนเปิดประตู ถอดรองเท้าข้างประตูเช่นเคยและถอดเสื้อคลุมออกจนเห็นเสื้อยืดตัวเล็กด้านใน ชื้นเปียกจนมองเห็นเงาเลือนลางของชุดชั้นในเขารีบปิดปร
บทที่ 5วื้อ วื้อ วื้อ แคร่ก แคร่ก!!เสียงรถจักรยานคันเก่าดังตลอดทาง เด็กหนุ่มค่อยปั่นมีสาวน้อยร่างเล็กซ้อนท้าย หลังจากพายุฝนตกมาหลายวัน ท้องฟ้าก็เปิดเสียที มองเห็นสีฟ้าครามแจ่มใสจรดผืนน้ำร่างแกร่งปั่นจักรยานพาสาวร่างบอบบางซ้อนท้าย เลาะเลียบถนนชายหาดไปยังสะพานปลาแต่เช้าตรู่ ตอนนี้เรือประมงหาปลาเข้าเทียบท่าทยอยกลับมาจากออกเรือ แม่พรพิศสั่งให้ซื้อปลาสักสองสามกิโลกรัมไปเก็บไว้ในตู้เย็น และกุ้งปลาหมึกเล็กน้อยเผื่อทำต้มยำหรือผัดพริกเผาพสุธาเอี้ยวหน้าไปด้านหลังมองบุษยานั่งคร่อมแกว่งขาไปมาอย่างมีความสุข ผมสั้นติ่งหูปลิวไปตามแรงลมเปิดใบหน้าเรียวหวานสดใส เธอเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มกว้าง มือเล็กยังกุมเอวสอบของเขาไว้แน่น“นั่งดี ๆ ล่ะ ตกไปแม่พี่คงเอาไม้เรียวตีพี่แน่”“ฮ่า ฮ่า บัวไม่ใช่เด็กแล้วนะคะพี่แทน”เธอซบหน้าลงแนบแผ่นหลังกว้างชื้นเหงื่อ กลิ่นกายพสุธาโรยริน หน้าหวานคมฝังดวงหน้าลงกลางแผ่นหลังสูดลมหายใจ“นี่! ทำอะไรน่ะ พี่ตัวเหม็นนะ”“ไม่เหม็นสักหน่อย ออกจะหอม”บุษยาหัวเราะแกล้งใช้จมูกถูบดไปมาจนพสุธาจักจี้ รถจักรยานส่ายไปมาทำให้เธอโอบมือไปด้านหน้าเกี่ยวเอวสอบเขาไว้แน่น“พี่แทน ขี่ดีดีสิ”“เป็นไง
บทที่ 6“ว่าไงนะคะ”ร่างเล็กผุดลุกขึ้นนั่งบนโขดหิน หลังจากได้ยินพสุธาบอกว่าเขากำลังจะไปทำงานที่อื่น“พี่ต้องไปนะบัว พี่จะเก็บเงินสักก้อนแล้วค่อยกลับมา”“แต่..แล้วบัวล่ะ”พสุธาลุกนั่งชันเข่าใช้แขนกำยำโอบเข่าของตัวเองตะแคงหน้าเอี้ยวมองคนร่างเล็ก ส่งยิ้มอ่อนแต่ไม่ถึงดวงตา เอื้อมมือออกไปปัดผมที่โดนลมพัดนำไปทัดใบหู“บัวต้องไปเรียนต่อไง ไปเรียนที่กรุงเทพ”“ไม่ บัวไม่เรียน บัวจะอยู่ที่บ้านนี่แล่ะ รอพี่แทน”“ไม่ได้นะบัว! บัวต้องไปเรียนต่อ นั่นมันอนาคตของบัว”บุษยาผวาเข้าหาร่างเกร็งของพสุธากอดหัวเข่าของเขาไว้แล้วซบหน้าลงกับท่อนแขนกำยำ เงยมองด้วยดวงตารีคมรื้นน้ำตา หัวใจเด็กหนุ่มสะท้านขึ้นเมื่อเห็น มักเป็นเช่นนี้เสมอ เขาไม่อาจใจแข็งกับเธอได้เลยและคนร่างเล็กตรงหน้าก็รู้ดี เขาลูบหัวบุษยาอย่างรักใคร่“มันแค่ไม่นานเท่านั้น พอบัวเรียนจบพี่คงเก็บเงินได้สักก้อน จากนั้นเราก็จะแต่งงานกัน ดีไหม”เธอดันร่างขึ้นจากท่อนแขนของพสุธาทันที ใช้มือปาดน้ำตาทิ้ง ดวงตาคมมีความหวัง เผยรอยยิ้มหวานจนเด็กหนุ่มหัวใจสั่นไหวใช้มือปัดลูกผมออกจากกรอบหน้าเบามือ“พี่แทนพูดจริงไหม อย่าทำให้บัวดีใจเก้อนะ”เขายิ้มอ่อนระบายทั่วใบหน้
บทที่ 7“มากันแล้ว ทำไมช้าอย่างนี้ วันนี้นายหัวกลับมาบ้าน โน้นนั่งหน้าถมึงทึงอยู่บนบ้าน คุณบัวรีบไปเถอะค่ะ”บุษยาหน้าเจื่อนลง วางถุงปลาบนโต๊ะในครัว รีบเดินแกมวิ่งเข้าสู่ในบ้านกระทั่งถึงห้องนั่งเล่นดวงตาหวานคมกวาดตามองพ่อ นายหัวบัญชรเจ้าของฟาร์มหอยนางรม รูปร่างผิวคล้ำดำผมหยิกปากหนา ตัวไม่สูงมากนักแต่ล่ำด้วยกล้ามเนื้อ เธอค่อยจรดฝีเท้าเดินเข้าไปแผ่วเบา“มานี่บัว”ตาหวานลอบเหลือบมองแม่ของเธอปทุมวดี ผิวขาวคงเค้าความสวยเมื่อวัยสาวเห็นได้ชัด ยังคงรักษารูปร่างให้อรชร แม่นั่งอยู่ด้านข้างโดยมีแม่น้าอีกคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ถัดไป น้าแขไขรูปร่างหน้าตาสะสวยกว่าแม่ของเธอ ผิวพรรณยังเต่งตึงมีน้ำมีนวลบุษยามองน้องสาวคนละแม่นั่งอยู่ที่พื้นก้มหน้านิ่ง นึกแปลกใจว่าเหตุใดวันนี้ทุกคนถึงพร้อมใจกันมานั่งกันอยู่ในห้องนั่งเล่นร่างเล็กค่อยคุกเข่าลงแล้วคลานไปนั่งอยู่ตรงข้างลำขาของปทุมวดี เงยหน้าขึ้นประนมมือไหว้พ่อ หน้าตาตื่นเล็กน้อยบรรยากาศแปลกประหลาดจนบุษยาหวั่นใจ เธอมองเห็นใบหน้าแม่ซีดเผือด นั่งนิ่งเงียบ ส่วนน้องสาวก้มหน้านิ่งกลับมีรอยยิ้มไม่น่ามองนัก“คิดจะไปเรียนต่อที่ไหน”จู่ ๆ นายหัวบัญชรก็พูดขึ้น เธอแหงนห
บทที่ 8“พี่แทน อยู่ไหนนะ พี่แทนนน!!”พสุธาเปิดประตูห้องน้ำที่ทำแยกออกมาจากตัวบ้าน ร่างเด็กหนุ่มวัยยี่สิบสองพันผ้าเช็ดตัวสีขุ่นผืนเก่าที่ใช้มาเนิ่นนานรีบสาวเท้ากลับไปยังบ้านหลังเล็กก่อนที่เด็กสาวจะตามตัวเขาเจอปัง!!เขาปิดประตูลงกลอนทันทีแล้วรีบคว้าเสื้อขึ้นมาจากกองที่พับไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้ใส่กางเกงขาสั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อก“พี่แทนเปิดเร็ว บัวมีของจะให้”เสียงใสร่าเริงไร้กังวลดังขึ้นหน้าประตู เธอยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้เลย มือที่กำของซ่อนไว้ด้านหลังขยุกขยิกอย่างร้อนรน เธออยากเห็นหน้าพี่แทนเร็ว ๆ ในช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมาเธอสู้อุตส่าห์เก็บเงินที่มีทั้งหมดซื้อมาเป็นของขวัญวันเกิดให้เขาในวันพรุ่งนี้ยิ้มหวานกว้างใบหน้าแดงซ่าน พรุ่งนี้พี่แทนจะยี่สิบสามแล้ว และพอก่อนสิ้นปีเธอก็จะสิบแปดเต็ม เธอแหงนใบหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยร่มไม้ของต้นยางสูงใหญ่ ต้นยางเก่าแก่ที่ไม่ได้โค่นทิ้งและมันอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ก่อนเธอเกิดดวงตาคมหวานมองลูกยางปลิวลอยมากับสายลมดั่งลูกข่างเล็กหล่นลงแทบเท้า บุษยาก้มลงหยิบขึ้นมาหมุนเล่นก่อนจะยัดใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้นแอ๊ด!!“ทำไมช้าจัง
บทที่ 9ก๊อก ก๊อก!!“ครับ”เสียงทุ้มดังตอบก่อนที่ประตูจะเปิดออก เธอก้าวเข้าสู่ภายในบ้านปล่อยให้พสุธารับร่มของเธอไปเก็บ ถอดรองเท้าและเดินตัวเปียกชื้นเข้าไปกลางโถง สายตาชำเลืองมองเตียงเล็กที่ทำจากไม้อัดตีง่าย ๆ และฟูกบางปูด้วยผ้าปูที่นอนผืนเก่า ผ้าห่มกำมะหยี่ราคาถูกสีแดง ซึ่งเป็นสีเดียวของห้องที่จัดจ้านและโดดเด่น“ฝนตกยังจะมาอีก ดูสิเปียกอีกแล้ว”เขาหยิบผ้าเช็ดตัวติดมือมาส่งให้บุษยาแล้วรับเค้กไปวางไว้บนโต๊ะ มองร่างเล็กใช้ผ้าคลุมลำตัวเดินตามเขามายังโต๊ะ“เปิดกล่องเค้กเลยนะพี่แทน”บุษยารีบเปิดกล่องกระดาษออก ข้างในเป็นเค้กครีมนมสดตกแต่งเรียบง่ายมีเพียงคำว่าสุขสันต์วันเกิดพี่แทน และรูปหัวใจสองสามดวง“จุดเทียนนะ แล้วพี่ก็อธิษฐานด้วย”พสุธามองบุษยาที่จัดแจงปัดเทียนลงบนเค้กห้าแท่งกระจายตัวไปทั่วหน้าเค้กแล้วจุดด้วยไฟแช็กที่เตรียมมา จากนั้นเธอจึงเดินไปปิดไฟในห้องจนมืดสนิทเหลือเพียงแสงจากแรงเทียนบนหน้าเค้ก“แฮปปี้เบิร์ด เดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ด เดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู..พี่แทน เป่าเลยสิคะ”ร่างแกร่งยืนมองหน้าหวานขณะที่ร้องเพลงอวยพรให้ แสงเทียนพลิ้วไหวตามแรงพัดลมภา
บทที่ 10พสุธามอดไหม้หลงวนในห้วงอารมณ์ปรารถนาจนยากถอนตัว ใจต้องการทำทุกอย่างที่เคยเฝ้าคิดฝันมาเนิ่นนาน มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังรั้งให้ร่างเล็กแนบลำตัวแกร่ง แว่วเสียงฝนภายนอกยังดังไม่หยุดใบหน้าคมเข้มเลื่อนลงไปยังทรวงอกงามอวบอิ่มของสาวแรกรุ่น กอบกุมดันเต้าเต่งตึงให้ยอดหัวจงอยชันขึ้นเข้าสู่โพรงปาก ลิ้นไล้เลียเป็นทางไปทั่วทั้งทรวง อีกมือเลื่อนลงเบื้องล่างแยกความอ่อนนุ่มออก ส่งนิ้วร้อนสู่ใจกลาง“พี่แทน”เสียงหวานใสกระเส่าบิดกายเร้าบนฟูกเก่า มือเล็กโอบท้ายทอยไว้แน่นปล่อยอารมณ์ไปกับไฟพิศวาสที่แรงขึ้น สัมผัสถึงความชื้นแฉะยามนิ้วใหญ่แย้มกลีบบางออก ค่อยสอดเข้าทีละน้อย“บัว เราจะไม่ทำจนสุดนะคนดี”“อื้อ หมายความว่ายังไงคะ”พสุธาสอดใส่นิ้วสู่ร่องรัก สัมผัสความนุ่มด้านในยังคับแน่น ความสาวของคนร่างเล็กยังคับแคบจนนิ้วของเขาเองยังรู้สึกได้ใบหน้าแกร่งเลื่อนขึ้นจูบเธออีกครั้งยามสอดนิ้วเข้าไปให้ลึกอีก กายสาวแอ่นสะท้านร้องครางในลำคอ ปลายนิ้วแทรกสอดสัมผัสทางนุ่มนิ่มกระทั่งพบจุดอ่อนไหว จุดที่ทำให้คนใต้ร่างสุขสมเร็วยิ่งขึ้นวัยหนุ่มหนั่นแน่นอย่างเขาคงไม่อาจทนอดกลั้นได้นาน ถ้าขืนเขาชักช้าเล่นรักเนิบนาน เข
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง
บทที่ 44พสุธาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาขว้างออกไปกระทบกับผนังห้องแตกกระจายเฉียดร่างของทัดทองที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาพอดี“ตายห่า! ไอ้แทน เกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้น”ทัดทองกระโดดข้ามจานอาหารเช้าและแก้วกาแฟที่ทั้งหกเลอะเทอะแตกเป็นเสี่ยงบนพื้น มองร่างนายหัวผิวเข้มพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวนั่งถ่างขาตรงโซฟาสูบบุหรี่จนควันโขมง ผมยาวสยายยุ่งเหยิงและใบหน้ากร้าวกระด้างอารมณ์ร้ายสุด ๆ“บัวรู้เรื่องสัญญาแล้ว”เพียงเท่านั้นทัดทองก็รู้ถึงสาเหตุที่ห้องเละเทะขนาดนี้และยังร่างของสาวน้อยที่โผลุกขึ้นจากพื้นลิฟต์ด้วยน้ำตานองหน้า“กูว่าแล้วไอ้แทน”พสุธาเหลือบมองหน้าแต่ไม่พูดอะไร ใจยังอัดแน่นเจ็บร้าวทั้งรู้สึกผิด ทั้งโกรธตัวเองที่โง่เง่าและโกรธบุษยาที่ไม่ยอมอยู่กับเขาทัดทองเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ลงไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัย พสุธาไม่ใส่ใจในเมื่อตอนนี้เขามีเรื่องให้ใส่ใจมากพอแล้วมือแกร่งคีบบุหรี่เข้าปากแล้วอัดเข้าเฮือกใหญ่อีกครั้ง ใจนึกภาพหน้าปวดร้าวของคนร่างเล็กแล้วใจยิ่งคับแน่น ต้องการพุ่งตัวออกไปแล้วดึงกลับมาแต่เขาหยิ่งเกินไป ในเมื่อเขาไม่ผิด เขายังไม่ได้แต่งงาน และสัญญานั่นยังไม่ทันได้ลงลายมือชื่อด้วยซ้ำ“อ้
บทที่ 43บุษยาตาโตด้วยความตกใจ ตามปกติพสุธาไม่นำเอกสารหรืองานกลับมาทำที่บ้าน แต่ซองนี้เธอเห็นเขานั่งอ่านอยู่นานเมื่อคืนฉะนั้นต้องสำคัญอย่างมากมือสั่นรีบหยิบกระดาษอเนกประสงค์เช็คจนรอบจากนั้นจึงหยิบเอกสารออกมาจากซอง มีร่องรอยคราบกาแฟอย่างที่เธอคาดไว้ จึงรีบซับน้ำโดยเร็วยิ่งเป็นหมึกพิมพ์แบบน้ำ ตัวหนังสือจึงเริ่มเลอะออก สายตาพลันเผลออ่านเข้าโดยไม่ตั้งใจสัญญาร่วมค้ากับบริษัทจรัญ อ่านดูหน้าแรกไม่มีสิ่งใดผิดปกติและดูท่าเป็นความลับ จึงรีบเช็ดให้สะอาดจนทั่วกระทั่งถึงคำว่าตามรายละเอียดแต่งงานที่ได้แนบท้ายมาด้วยดวงตาคมเบิกกว้างมือสั่นเทาพลิกไปยังหน้าสุดท้ายแห่งสัญญา เธออ่านข้อตกลงที่ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่สามารถมีบ้านเล็กได้แต่ห้ามออกนอกหน้า รวมไปถึงสามารถมีลูกกับผู้อื่นได้ยกเว้นแค่ทายาทต้องเกิดกับดารณีเท่านั้นร่างบางถึงกับเข่าทรุดใช้มืออีกข้างพยุงโต๊ะไว้ขณะที่ค่อย ๆ นั่งลงแล้วอ่านทวนอีกครั้งเผื่อเธอเข้าใจผิด แต่ถึงแม้เธออ่านถึงสามรอบข้อความในสัญญาชัดเจนจนไม่อาจหาข้อแก้ตัวให้กับพสุธาได้การประมูลท่าเรือเฟอร์รี่คงมีความสำคัญต่อเขามาก เธอไม่เคยถามเขามาก่อนว่าเขามีธุรกิจอะไรบ้าง แค่พอแตะเรื่องหลังจ
บทที่ 42“เรียบร้อยแล้วครับนายหัว”เสียงทัดทองพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้องทำงานระหว่างที่พสุธากำลังเซ็นต์เอกสาร เขาไม่ใส่ใจปล่อยให้บอดี้การ์ดรอก่อนจนสักพักเมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นนายหัวผิวสีเข้มหยิบซองบุหรี่จากบนโต๊ะขึ้นจุด แล้วโยนให้ทัดทองรอจนกระทั่งบอดี้การ์ดอัดควันเข้าปอดเรียบร้อยจึงค่อยเอ่ยถาม“ว่ามา”“ผู้หญิงคนนั้นเดินทางออกไปเรียบร้อยแล้วครับ”“ดี แล้วไงอีก”“จากที่สอบเค้นเห็นว่าเสี่ยยังติดใจคุณบัวไม่น้อย และค่อนข้างเกรี้ยวกราดเมื่อรู้ว่าคุณบัวย้ายมาอยู่กับนายหัว หล่อนบอกว่าคุณบัวถูกบังคับให้แต่งงานกับเสี่ย แล้วพอเกิดเรื่องก็ได้มาที่บ้านของเสี่ยเองเพื่อคืนของหมั้นทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่าขอเวลาทำใจสักหนึ่งปี แต่เจ้าเสี่ยมันรอไม่ไหวเลยไปคว้าลูกสาวของอีกบ้านมา ได้ทั้งผู้หญิง ได้ทั้งเงิน เพราะฝังนั้นไม่กลวงเหมือนนายหัวบัญชร”พสุธาชะงักไปตั้งแต่ประโยคแรก อารมณ์กรุ่นโกรธวันนั้นที่เขาแสดงออกมาคงทำให้สาวน้อยเสียใจ เพราะสองวันที่ผ่านมายังมีสีหน้าไม่ค่อยดีแม้ว่าเขาจะรีดเค้นพลังทางเพศบนเตียงมากแค่ไหนก็เหมือนจำใจทำ“แล้วหล่อนมาทำอะไรที่โรงแรม”ซี้ดดดดด!!เสียงสูดบุหรี่ก่อนพ่นออกมาข