บทที่ 5
วื้อ วื้อ วื้อ แคร่ก แคร่ก!!
เสียงรถจักรยานคันเก่าดังตลอดทาง เด็กหนุ่มค่อยปั่นมีสาวน้อยร่างเล็กซ้อนท้าย หลังจากพายุฝนตกมาหลายวัน ท้องฟ้าก็เปิดเสียที มองเห็นสีฟ้าครามแจ่มใสจรดผืนน้ำ
ร่างแกร่งปั่นจักรยานพาสาวร่างบอบบางซ้อนท้าย เลาะเลียบถนนชายหาดไปยังสะพานปลาแต่เช้าตรู่ ตอนนี้เรือประมงหาปลาเข้าเทียบท่าทยอยกลับมาจากออกเรือ แม่พรพิศสั่งให้ซื้อปลาสักสองสามกิโลกรัมไปเก็บไว้ในตู้เย็น และกุ้งปลาหมึกเล็กน้อยเผื่อทำต้มยำหรือผัดพริกเผา
พสุธาเอี้ยวหน้าไปด้านหลังมองบุษยานั่งคร่อมแกว่งขาไปมาอย่างมีความสุข ผมสั้นติ่งหูปลิวไปตามแรงลมเปิดใบหน้าเรียวหวานสดใส เธอเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มกว้าง มือเล็กยังกุมเอวสอบของเขาไว้แน่น
“นั่งดี ๆ ล่ะ ตกไปแม่พี่คงเอาไม้เรียวตีพี่แน่”
“ฮ่า ฮ่า บัวไม่ใช่เด็กแล้วนะคะพี่แทน”
เธอซบหน้าลงแนบแผ่นหลังกว้างชื้นเหงื่อ กลิ่นกายพสุธาโรยริน หน้าหวานคมฝังดวงหน้าลงกลางแผ่นหลังสูดลมหายใจ
“นี่! ทำอะไรน่ะ พี่ตัวเหม็นนะ”
“ไม่เหม็นสักหน่อย ออกจะหอม”
บุษยาหัวเราะแกล้งใช้จมูกถูบดไปมาจนพสุธาจักจี้ รถจักรยานส่ายไปมาทำให้เธอโอบมือไปด้านหน้าเกี่ยวเอวสอบเขาไว้แน่น
“พี่แทน ขี่ดีดีสิ”
“เป็นไงล่ะ อยากแกล้งดีนัก นั่นถึงแล้ว”
สาวน้อยชะโงกหน้าออกมาดูทางข้างหน้า เห็นสะพานปลาของหมู่บ้านแต่ไกล เสียงคนในหมู่บ้านคอยมาซื้อของสดที่เพิ่งจับขึ้นมาจากทะเล
“ป้าพิศบอกว่าให้ดูกุ้งตัวเล็กไปด้วย เอากุ้งของสงขลานะ ป้าจะเอาไปทำกุ้งหวานไว้กินกับข้าวต้มตอนเช้า จะมีมาถึงเราไหมพี่แทน”
เธอแหงนหน้ามองขณะที่เขากำลังตั้งขาหยั่งจักรยาน คนร่างเล็กลงมายืนรอตรงตีนสะพานไม้ทำเป็นลานกว้างสำหรับนำปลาลง เรือประมงเข้าท่าแล้วหลายลำ ชาวบ้านกำลังมุงดูเลือกซื้ออาหารทะเล
“อ้าว แทน มาทำพรือ[1]?”
“แม่ให้มาซื้อปลาครับ”
พสุธาตอบเป็นภาษากลาง โดยปกติอยู่ที่บ้านพรพิศไม่เคยให้เขาพูดภาษาใต้และแม่เองก็ไม่พูด แม่บอกว่าถ้าเราพูดแล้วจะทำให้ติดทองแดง เวลาไปทำงานที่อื่นจะโดนคนภาคกลางล้อเลียน
ซึ่งอันที่จริงตัวเขาไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหา พูดติดทองแดงก็สามารถสื่อสารได้และเป็นเอกลักษณ์ดี แต่เขาตามใจแม่เสมอ ไม่อยากให้คิดมากจึงทำตามที่สอน
“แม่หม้ายพรือ[2]?”
“ครับ สบายดีครับ”
“เอารถถีบมาหรือ?”
“ครับ”
พสุธารีบดึงมือบุษยาไปอีกทาง เพื่อเลี่ยงคำถามที่ดูท่าจะตามมาอีกมาก เมื่อป้าสมหมายมองไปยังสาวร่างเล็กด้านหลังที่มาด้วยกัน ป้าสมหมายเป็นคนขายผักในตลาดสดที่แม่เคยเล่าให้ฟังว่าแกย้ายไปอยู่กับลูกในตัวเมืองแล้ว นี่คงมาหาซื้อของทะเลเหมือนกัน
“พี่แทนซื้อไปเยอะ ๆ นะ จะได้ไม่ต้องมาบ่อย ๆ”
“อืม เอาสิ”
พสุธาจัดการซื้อของตามใบรายการที่แม่จดมารวมไปถึงผักสดที่มีขายอยู่ที่สะพานปลาแม้ว่าจะไม่มากนักแต่ก็ทำให้ทั้งสองหิ้วถุงพะรุงพะรังกลับไปยังรถจักรยาน
“เอาใส่ตะกร้าหน้า”
เขาจัดแจงแย่งถุงมาจากมือบุษยาแล้วยัดใส่ลงในตะกร้าจักรยานจนหมด มีพูนออกมาเล็กน้อยแต่ไม่หล่นนอกตะกร้า แล้วใช้เท้าปัดขาหยั่งขึ้น
“ไม่กันเถอะบัว เริ่มสายแล้วแดดจะร้อน”
พสุธาขึ้นนั่งคร่อมใช้เท้ายันพื้นไว้รอจนบุษยานั่งเรียบร้อยจึงถีบรถออกจากสะพานปลา ขี่เลียบเลาะไปตามทางเดิมที่มาครั้งแรก
“พี่แทนแวะซื้อน้ำหน่อยสิ บัวหิวน้ำ”
เขาหักหัวรถจักรยานลงไปยังร้านค้าข้างทางแล้วหายไปในร้านออกมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำเย็นสองขวด พสุธาจึงยื่นให้บุษยาหนึ่งขวด
“ขอบคุณค่ะ เราแวะที่โขดหินที่เราชอบไปนั่งเล่นก่อนกลับบ้านได้ไหมพี่แทน”
พสุธาวางขวดน้ำที่ดื่มไปครึ่งขวดแล้วใส่ในตะกร้าหน้า ขึ้นคร่อมแล้วถีบตัวรถจักรยานออกจากข้างทางเข้าสู่ถนนเล็กเลียบทะเลตามเดิม
“แต่มันสายแล้วนะ ถ้าขืนไปช้าแดดจะแรง”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย แวะหน่อยสิ นะ นะ”
บุษยาใช้มือน้อยกำเสื้อยืดด้านหน้าตรงเอวสอบไว้แล้วเขย่าไปมาพร้อมส่งเสียงออดอ้อน เอาใบหน้ากลิ้งเกลือกบนแผ่นหลัง
“ก็ได้ ๆ แค่แปปเดียวนะ”
เธอลอบยิ้มกว้าง พี่แทนไม่เคยขัดใจเธอเลยสักครั้งตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าสิ่งนั้นยากเย็นมากขนาดไหน พสุธาจะหามาให้หรือตามใจเธอเสมอ
บุษยาซบหน้าลงบนแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม หันใบหน้าไปทางทะเล ดวงตาส่งสายตาทอดยาวไปไกลสุดขอบฟ้าสีคราม เธออยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ไม่อยากให้พี่แทนไปไหน และเธอเองก็จะไม่ไปไหนเช่นกัน
[1] มาทำไม
[2] แม่สบายดีไหม
บทที่ 6“ว่าไงนะคะ”ร่างเล็กผุดลุกขึ้นนั่งบนโขดหิน หลังจากได้ยินพสุธาบอกว่าเขากำลังจะไปทำงานที่อื่น“พี่ต้องไปนะบัว พี่จะเก็บเงินสักก้อนแล้วค่อยกลับมา”“แต่..แล้วบัวล่ะ”พสุธาลุกนั่งชันเข่าใช้แขนกำยำโอบเข่าของตัวเองตะแคงหน้าเอี้ยวมองคนร่างเล็ก ส่งยิ้มอ่อนแต่ไม่ถึงดวงตา เอื้อมมือออกไปปัดผมที่โดนลมพัดนำไปทัดใบหู“บัวต้องไปเรียนต่อไง ไปเรียนที่กรุงเทพ”“ไม่ บัวไม่เรียน บัวจะอยู่ที่บ้านนี่แล่ะ รอพี่แทน”“ไม่ได้นะบัว! บัวต้องไปเรียนต่อ นั่นมันอนาคตของบัว”บุษยาผวาเข้าหาร่างเกร็งของพสุธากอดหัวเข่าของเขาไว้แล้วซบหน้าลงกับท่อนแขนกำยำ เงยมองด้วยดวงตารีคมรื้นน้ำตา หัวใจเด็กหนุ่มสะท้านขึ้นเมื่อเห็น มักเป็นเช่นนี้เสมอ เขาไม่อาจใจแข็งกับเธอได้เลยและคนร่างเล็กตรงหน้าก็รู้ดี เขาลูบหัวบุษยาอย่างรักใคร่“มันแค่ไม่นานเท่านั้น พอบัวเรียนจบพี่คงเก็บเงินได้สักก้อน จากนั้นเราก็จะแต่งงานกัน ดีไหม”เธอดันร่างขึ้นจากท่อนแขนของพสุธาทันที ใช้มือปาดน้ำตาทิ้ง ดวงตาคมมีความหวัง เผยรอยยิ้มหวานจนเด็กหนุ่มหัวใจสั่นไหวใช้มือปัดลูกผมออกจากกรอบหน้าเบามือ“พี่แทนพูดจริงไหม อย่าทำให้บัวดีใจเก้อนะ”เขายิ้มอ่อนระบายทั่วใบหน
บทที่ 7“มากันแล้ว ทำไมช้าอย่างนี้ วันนี้นายหัวกลับมาบ้าน โน้นนั่งหน้าถมึงทึงอยู่บนบ้าน คุณบัวรีบไปเถอะค่ะ”บุษยาหน้าเจื่อนลง วางถุงปลาบนโต๊ะในครัว รีบเดินแกมวิ่งเข้าสู่ในบ้านกระทั่งถึงห้องนั่งเล่นดวงตาหวานคมกวาดตามองพ่อ นายหัวบัญชรเจ้าของฟาร์มหอยนางรม รูปร่างผิวคล้ำดำผมหยิกปากหนา ตัวไม่สูงมากนักแต่ล่ำด้วยกล้ามเนื้อ เธอค่อยจรดฝีเท้าเดินเข้าไปแผ่วเบา“มานี่บัว”ตาหวานลอบเหลือบมองแม่ของเธอปทุมวดี ผิวขาวคงเค้าความสวยเมื่อวัยสาวเห็นได้ชัด ยังคงรักษารูปร่างให้อรชร แม่นั่งอยู่ด้านข้างโดยมีแม่น้าอีกคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ถัดไป น้าแขไขรูปร่างหน้าตาสะสวยกว่าแม่ของเธอ ผิวพรรณยังเต่งตึงมีน้ำมีนวลบุษยามองน้องสาวคนละแม่นั่งอยู่ที่พื้นก้มหน้านิ่ง นึกแปลกใจว่าเหตุใดวันนี้ทุกคนถึงพร้อมใจกันมานั่งกันอยู่ในห้องนั่งเล่นร่างเล็กค่อยคุกเข่าลงแล้วคลานไปนั่งอยู่ตรงข้างลำขาของปทุมวดี เงยหน้าขึ้นประนมมือไหว้พ่อ หน้าตาตื่นเล็กน้อยบรรยากาศแปลกประหลาดจนบุษยาหวั่นใจ เธอมองเห็นใบหน้าแม่ซีดเผือด นั่งนิ่งเงียบ ส่วนน้องสาวก้มหน้านิ่งกลับมีรอยยิ้มไม่น่ามองนัก“คิดจะไปเรียนต่อที่ไหน”จู่ ๆ นายหัวบัญชรก็พูดขึ้น เธอแหงน
บทที่ 8“พี่แทน อยู่ไหนนะ พี่แทนนน!!”พสุธาเปิดประตูห้องน้ำที่ทำแยกออกมาจากตัวบ้าน ร่างเด็กหนุ่มวัยยี่สิบสองพันผ้าเช็ดตัวสีขุ่นผืนเก่าที่ใช้มาเนิ่นนานรีบสาวเท้ากลับไปยังบ้านหลังเล็กก่อนที่เด็กสาวจะตามตัวเขาเจอปัง!!เขาปิดประตูลงกลอนทันทีแล้วรีบคว้าเสื้อขึ้นมาจากกองที่พับไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้ใส่กางเกงขาสั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อก“พี่แทนเปิดเร็ว บัวมีของจะให้”เสียงใสร่าเริงไร้กังวลดังขึ้นหน้าประตู เธอยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้เลย มือที่กำของซ่อนไว้ด้านหลังขยุกขยิกอย่างร้อนรน เธออยากเห็นหน้าพี่แทนเร็ว ๆ ในช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมาเธอสู้อุตส่าห์เก็บเงินที่มีทั้งหมดซื้อมาเป็นของขวัญวันเกิดให้เขาในวันพรุ่งนี้ยิ้มหวานกว้างใบหน้าแดงซ่าน พรุ่งนี้พี่แทนจะยี่สิบสามแล้ว และพอก่อนสิ้นปีเธอก็จะสิบแปดเต็ม เธอแหงนใบหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยร่มไม้ของต้นยางสูงใหญ่ ต้นยางเก่าแก่ที่ไม่ได้โค่นทิ้งและมันอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ก่อนเธอเกิดดวงตาคมหวานมองลูกยางปลิวลอยมากับสายลมดั่งลูกข่างเล็กหล่นลงแทบเท้า บุษยาก้มลงหยิบขึ้นมาหมุนเล่นก่อนจะยัดใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้นแอ๊ด!!“ทำไมช้าจั
บทที่ 9ก๊อก ก๊อก!!“ครับ”เสียงทุ้มดังตอบก่อนที่ประตูจะเปิดออก เธอก้าวเข้าสู่ภายในบ้านปล่อยให้พสุธารับร่มของเธอไปเก็บ ถอดรองเท้าและเดินตัวเปียกชื้นเข้าไปกลางโถง สายตาชำเลืองมองเตียงเล็กที่ทำจากไม้อัดตีง่าย ๆ และฟูกบางปูด้วยผ้าปูที่นอนผืนเก่า ผ้าห่มกำมะหยี่ราคาถูกสีแดง ซึ่งเป็นสีเดียวของห้องที่จัดจ้านและโดดเด่น“ฝนตกยังจะมาอีก ดูสิเปียกอีกแล้ว”เขาหยิบผ้าเช็ดตัวติดมือมาส่งให้บุษยาแล้วรับเค้กไปวางไว้บนโต๊ะ มองร่างเล็กใช้ผ้าคลุมลำตัวเดินตามเขามายังโต๊ะ“เปิดกล่องเค้กเลยนะพี่แทน”บุษยารีบเปิดกล่องกระดาษออก ข้างในเป็นเค้กครีมนมสดตกแต่งเรียบง่ายมีเพียงคำว่าสุขสันต์วันเกิดพี่แทน และรูปหัวใจสองสามดวง“จุดเทียนนะ แล้วพี่ก็อธิษฐานด้วย”พสุธามองบุษยาที่จัดแจงปัดเทียนลงบนเค้กห้าแท่งกระจายตัวไปทั่วหน้าเค้กแล้วจุดด้วยไฟแช็กที่เตรียมมา จากนั้นเธอจึงเดินไปปิดไฟในห้องจนมืดสนิทเหลือเพียงแสงจากแรงเทียนบนหน้าเค้ก“แฮปปี้เบิร์ด เดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ด เดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู..พี่แทน เป่าเลยสิคะ”ร่างแกร่งยืนมองหน้าหวานขณะที่ร้องเพลงอวยพรให้ แสงเทียนพลิ้วไหวตามแรงพัดลมภ
บทที่ 10พสุธามอดไหม้หลงวนในห้วงอารมณ์ปรารถนาจนยากถอนตัว ใจต้องการทำทุกอย่างที่เคยเฝ้าคิดฝันมาเนิ่นนาน มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังรั้งให้ร่างเล็กแนบลำตัวแกร่ง แว่วเสียงฝนภายนอกยังดังไม่หยุดใบหน้าคมเข้มเลื่อนลงไปยังทรวงอกงามอวบอิ่มของสาวแรกรุ่น กอบกุมดันเต้าเต่งตึงให้ยอดหัวจงอยชันขึ้นเข้าสู่โพรงปาก ลิ้นไล้เลียเป็นทางไปทั่วทั้งทรวง อีกมือเลื่อนลงเบื้องล่างแยกความอ่อนนุ่มออก ส่งนิ้วร้อนสู่ใจกลาง“พี่แทน”เสียงหวานใสกระเส่าบิดกายเร้าบนฟูกเก่า มือเล็กโอบท้ายทอยไว้แน่นปล่อยอารมณ์ไปกับไฟพิศวาสที่แรงขึ้น สัมผัสถึงความชื้นแฉะยามนิ้วใหญ่แย้มกลีบบางออก ค่อยสอดเข้าทีละน้อย“บัว เราจะไม่ทำจนสุดนะคนดี”“อื้อ หมายความว่ายังไงคะ”พสุธาสอดใส่นิ้วสู่ร่องรัก สัมผัสความนุ่มด้านในยังคับแน่น ความสาวของคนร่างเล็กยังคับแคบจนนิ้วของเขาเองยังรู้สึกได้ใบหน้าแกร่งเลื่อนขึ้นจูบเธออีกครั้งยามสอดนิ้วเข้าไปให้ลึกอีก กายสาวแอ่นสะท้านร้องครางในลำคอ ปลายนิ้วแทรกสอดสัมผัสทางนุ่มนิ่มกระทั่งพบจุดอ่อนไหว จุดที่ทำให้คนใต้ร่างสุขสมเร็วยิ่งขึ้นวัยหนุ่มหนั่นแน่นอย่างเขาคงไม่อาจทนอดกลั้นได้นาน ถ้าขืนเขาชักช้าเล่นรักเนิบนาน เ
บทที่ 11“เฮ้ย โยนเบา ๆ หน่อยสิว่ะ เดี๋ยวมันคอหักตายสะก่อน”ชายฉกรรจ์วัยต้นสามสิบแต่หน้าแก่กว่าอายุ ผิวคล้ำดำอย่างชาวประมงตะโกนบอกเมื่อเห็นชายอีกคนโยนไอ้หนุ่มร่างสูงผิวคล้ำลงมาในท้องเรือจนกลิ้งไปทับกับคนอื่นที่ยังนอนสลบอยู่เช่นกัน“ไอ้นี่มันใครพี่ทัด”“ไม่รู้ว่ะ แต่นายหัวบอกให้เอาออกไปด้วยแล้วอย่าให้มันได้กลับมาอีก”“มันคงจะได้กลับหรอก ไอ้พวกนั้นก็ด้วย ร่างกายอ่อนแอกันฉิบหาย ออกทะเลไม่นานก็ตายสะแล้ว ต้องหามาเติมตลอด”“เออ หน้าที่มึง มึงก็ทำไป”ปัง!!ทัดทองปิดไม้กระดานบนพื้นเรือขัดกลอนไว้แน่นหนากันพวกที่จับมาหลบหนี เขาเดินเข้าไปยังห้องกัปตันเรือเปิดเครื่องเดินเรือเตรียมนำออกจากสะพานเรือเก่าที่ไม่มีคนใช้ก่อนฟ้าจะสาง ซึ่งถือว่าออกช้ากว่าทุกวัน เพราะตามปกติเขาจะออกเดินเรือในช่วงห้าทุ่ม แต่นั่นเพราะนายสั่งไว้ให้รอชายหนุ่มอีกคนที่กำลังจับมาให้ตึก ตึก ตึก!!เสียงเครื่องเรือดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดของท่าเรือ มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งเท่านั้นเสียงเดียวที่ปะปน เรือเก่าออกจากท่าพร้อมกับลูกเรืออีกหนึ่งคนคือไอ้ทรง รูปร่างเตี้ยดำอายุยี่สิบต้น ๆ แต่ฟันเหลืองไปทั้งปากการออกเรือคราวนี้จะเป็นเที
บทที่ 123 ปีต่อมามันเป็นเช้าอีกวันที่เหนื่อยยากสาหัสสำหรับเขา เด็กหนุ่มวัยยี่สิบหกยืนบนกระโดงเรือมองท้องฟ้าสีครามลมทะเลแปรปรวน“ไอ้แทน มึงมานี่”เขากระโดดลงมายังพื้นเรือเดินเข้าไปในห้องกัปตัน มองใบหน้ากร้านชีวิตของชายวัยสามสิบปลาย“ครับพี่ทัด”“มาบังคับเรือ”เขาแทรกร่างเข้าไปตรงกลางจับพวงมาลัยเรือไม่ใหญ่มากนัก แล้วนึกไปถึงพวกคนด้านล่างที่แออัดใต้ท้องเรือ ในยามกลางวันคนพวกนี้จะต้องอยู่แต่ข้างล่างห้ามขึ้นมา ส่วนเวลากลางคืนเป็นเวลาทำงาน แต่ในบางวันก็อาจต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนเช่นกันพสุธาเหลือบตามองทัดทองชายหนุ่มวัยฉกรรจ์หยิบม้วนยาสูบขึ้นมามวน พวกเขาอยู่ในท้องทะเลมาใกล้ครบสามปีแล้ว“อีกไม่กี่อาทิตย์เราก็จะกลับเข้าฝั่งเมืองไทยกันสักทีไอ้แทน”“พี่จะเลิกแล้วใช่ไหมครับ”“เออ กูอยากกลับบ้านไปอยู่กับเมียแล้ว เบื่อจะต้องชักว่าวเองแล้วว่ะ ฮ่า ฮ่า”ทัดทองอัดยาสูบมวนเข้าปอดแล้วถึงสังเกตถึงใบหน้าหล่อของไอ้หนุ่มตาสีฟ้าที่ถูกโยนลงเรือมาเมื่อสามปีก่อน“แล้วมึงล่ะไอ้แทน”พสุธาเงียบไปครู่ก่อนเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ“ผมอาจจะกลับบ้านหรืออาจจะไม่กลับ”“มึงก็รู้ว่านายหัวเอามึงตายแน่ถ้ามึงกลับไปบ้าน”“ผมไม่ห่
บทที่ 13อากาศยามเช้าของตำบลเล็ก ๆ ริมชายฝั่งอ่าวไทยในหน้าฝนที่โปรยปรายมาตลอดทั้งคืนจนเกือบรุ่งเช้าจึงหยุด ร่างของสาวน้อยสมส่วนหากแต่ยังติดผอมบางยืนนิ่งมองออกไปยังชายทะเลอันเป็นฟาร์มหอยนางรมของบ้านร่างเล็กยืนนิ่งไม่ไหวติงทั้งที่ภายในรวดร้าวแสนสาหัส วันนี้เธอกำลังเข้าพิธีหมั้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเมื่อสองเดือนก่อน เสี่ยรังสรรวัยสามสิบนิด ๆ“ถ้ามึงไม่แต่ง กูจะขายอีพรพิศไปทำงานที่มาเลเซีย”เสียงตะโกนกร้าวยังดังก้องอยู่ในหู ใบหน้าดำคล้ำถมึงทึงชะโงกง้ำร่างเล็กขณะที่เธอนั่งคว่ำหน้าอยู่บนพื้น หลังจากที่พ่อทิ้งฝ่ามือไปบนใบหน้าของเธอสองครั้งมือเรียวบางเผลอยกขึ้นกุมพวงแก้มที่ตอบลงกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ความเจ็บร้าวของวันนั้นยังไม่เท่ากับวันที่พี่แทนหายไปจากความสงสัยไม่เข้าใจในวันนั้น เมื่อเวลาผ่านไปสักพักความคิดของเธอกลับทะลุแจ่มแจ้งดั่งฟ้าในวันที่ไร้เมฆ พสุธาหายไปเพราะพ่อของเธอ นายหัวบัญชร เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอจึงทำได้แค่รออยู่ที่บ้านหลังนี้กับป้าพรพิศเสียงคนในบ้านอึกทึกครึมโครมเพราะนายหัวเกณฑ์คนมาจำนวนมากจัดงานหมั้นใหญ่โต กำหนดงานแต
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนห
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อ
บทที่ 44พสุธาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาขว้างออกไปกระทบกับผนังห้องแตกกระจายเฉียดร่างของทัดทองที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาพอดี“ตายห่า! ไอ้แทน เกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้น”ทัดทองกระโดดข้ามจานอาหารเช้าและแก้วกาแฟที่ทั้งหกเลอะเทอะแตกเป็นเสี่ยงบนพื้น มองร่างนายหัวผิวเข้มพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวนั่งถ่างขาตรงโซฟาสูบบุหรี่จนควันโขมง ผมยาวสยายยุ่งเหยิงและใบหน้ากร้าวกระด้างอารมณ์ร้ายสุด ๆ“บัวรู้เรื่องสัญญาแล้ว”เพียงเท่านั้นทัดทองก็รู้ถึงสาเหตุที่ห้องเละเทะขนาดนี้และยังร่างของสาวน้อยที่โผลุกขึ้นจากพื้นลิฟต์ด้วยน้ำตานองหน้า“กูว่าแล้วไอ้แทน”พสุธาเหลือบมองหน้าแต่ไม่พูดอะไร ใจยังอัดแน่นเจ็บร้าวทั้งรู้สึกผิด ทั้งโกรธตัวเองที่โง่เง่าและโกรธบุษยาที่ไม่ยอมอยู่กับเขาทัดทองเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ลงไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัย พสุธาไม่ใส่ใจในเมื่อตอนนี้เขามีเรื่องให้ใส่ใจมากพอแล้วมือแกร่งคีบบุหรี่เข้าปากแล้วอัดเข้าเฮือกใหญ่อีกครั้ง ใจนึกภาพหน้าปวดร้าวของคนร่างเล็กแล้วใจยิ่งคับแน่น ต้องการพุ่งตัวออกไปแล้วดึงกลับมาแต่เขาหยิ่งเกินไป ในเมื่อเขาไม่ผิด เขายังไม่ได้แต่งงาน และสัญญานั่นยังไม่ทันได้ลงลายมือชื่อด้วยซ้ำ“อ
บทที่ 43บุษยาตาโตด้วยความตกใจ ตามปกติพสุธาไม่นำเอกสารหรืองานกลับมาทำที่บ้าน แต่ซองนี้เธอเห็นเขานั่งอ่านอยู่นานเมื่อคืนฉะนั้นต้องสำคัญอย่างมากมือสั่นรีบหยิบกระดาษอเนกประสงค์เช็คจนรอบจากนั้นจึงหยิบเอกสารออกมาจากซอง มีร่องรอยคราบกาแฟอย่างที่เธอคาดไว้ จึงรีบซับน้ำโดยเร็วยิ่งเป็นหมึกพิมพ์แบบน้ำ ตัวหนังสือจึงเริ่มเลอะออก สายตาพลันเผลออ่านเข้าโดยไม่ตั้งใจสัญญาร่วมค้ากับบริษัทจรัญ อ่านดูหน้าแรกไม่มีสิ่งใดผิดปกติและดูท่าเป็นความลับ จึงรีบเช็ดให้สะอาดจนทั่วกระทั่งถึงคำว่าตามรายละเอียดแต่งงานที่ได้แนบท้ายมาด้วยดวงตาคมเบิกกว้างมือสั่นเทาพลิกไปยังหน้าสุดท้ายแห่งสัญญา เธออ่านข้อตกลงที่ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่สามารถมีบ้านเล็กได้แต่ห้ามออกนอกหน้า รวมไปถึงสามารถมีลูกกับผู้อื่นได้ยกเว้นแค่ทายาทต้องเกิดกับดารณีเท่านั้นร่างบางถึงกับเข่าทรุดใช้มืออีกข้างพยุงโต๊ะไว้ขณะที่ค่อย ๆ นั่งลงแล้วอ่านทวนอีกครั้งเผื่อเธอเข้าใจผิด แต่ถึงแม้เธออ่านถึงสามรอบข้อความในสัญญาชัดเจนจนไม่อาจหาข้อแก้ตัวให้กับพสุธาได้การประมูลท่าเรือเฟอร์รี่คงมีความสำคัญต่อเขามาก เธอไม่เคยถามเขามาก่อนว่าเขามีธุรกิจอะไรบ้าง แค่พอแตะเรื่องหลัง
บทที่ 42“เรียบร้อยแล้วครับนายหัว”เสียงทัดทองพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้องทำงานระหว่างที่พสุธากำลังเซ็นต์เอกสาร เขาไม่ใส่ใจปล่อยให้บอดี้การ์ดรอก่อนจนสักพักเมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นนายหัวผิวสีเข้มหยิบซองบุหรี่จากบนโต๊ะขึ้นจุด แล้วโยนให้ทัดทองรอจนกระทั่งบอดี้การ์ดอัดควันเข้าปอดเรียบร้อยจึงค่อยเอ่ยถาม“ว่ามา”“ผู้หญิงคนนั้นเดินทางออกไปเรียบร้อยแล้วครับ”“ดี แล้วไงอีก”“จากที่สอบเค้นเห็นว่าเสี่ยยังติดใจคุณบัวไม่น้อย และค่อนข้างเกรี้ยวกราดเมื่อรู้ว่าคุณบัวย้ายมาอยู่กับนายหัว หล่อนบอกว่าคุณบัวถูกบังคับให้แต่งงานกับเสี่ย แล้วพอเกิดเรื่องก็ได้มาที่บ้านของเสี่ยเองเพื่อคืนของหมั้นทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่าขอเวลาทำใจสักหนึ่งปี แต่เจ้าเสี่ยมันรอไม่ไหวเลยไปคว้าลูกสาวของอีกบ้านมา ได้ทั้งผู้หญิง ได้ทั้งเงิน เพราะฝังนั้นไม่กลวงเหมือนนายหัวบัญชร”พสุธาชะงักไปตั้งแต่ประโยคแรก อารมณ์กรุ่นโกรธวันนั้นที่เขาแสดงออกมาคงทำให้สาวน้อยเสียใจ เพราะสองวันที่ผ่านมายังมีสีหน้าไม่ค่อยดีแม้ว่าเขาจะรีดเค้นพลังทางเพศบนเตียงมากแค่ไหนก็เหมือนจำใจทำ“แล้วหล่อนมาทำอะไรที่โรงแรม”ซี้ดดดดด!!เสียงสูดบุหรี่ก่อนพ่นออกมา