บทที่ 12
3 ปีต่อมา
มันเป็นเช้าอีกวันที่เหนื่อยยากสาหัสสำหรับเขา เด็กหนุ่มวัยยี่สิบหกยืนบนกระโดงเรือมองท้องฟ้าสีครามลมทะเลแปรปรวน
“ไอ้แทน มึงมานี่”
เขากระโดดลงมายังพื้นเรือเดินเข้าไปในห้องกัปตัน มองใบหน้ากร้านชีวิตของชายวัยสามสิบปลาย
“ครับพี่ทัด”
“มาบังคับเรือ”
เขาแทรกร่างเข้าไปตรงกลางจับพวงมาลัยเรือไม่ใหญ่มากนัก แล้วนึกไปถึงพวกคนด้านล่างที่แออัดใต้ท้องเรือ ในยามกลางวันคนพวกนี้จะต้องอยู่แต่ข้างล่างห้ามขึ้นมา ส่วนเวลากลางคืนเป็นเวลาทำงาน แต่ในบางวันก็อาจต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนเช่นกัน
พสุธาเหลือบตามองทัดทองชายหนุ่มวัยฉกรรจ์หยิบม้วนยาสูบขึ้นมามวน พวกเขาอยู่ในท้องทะเลมาใกล้ครบสามปีแล้ว
“อีกไม่กี่อาทิตย์เราก็จะกลับเข้าฝั่งเมืองไทยกันสักทีไอ้แทน”
“พี่จะเลิกแล้วใช่ไหมครับ”
“เออ กูอยากกลับบ้านไปอยู่กับเมียแล้ว เบื่อจะต้องชักว่าวเองแล้วว่ะ ฮ่า ฮ่า”
ทัดทองอัดยาสูบมวนเข้าปอดแล้วถึงสังเกตถึงใบหน้าหล่อของไอ้หนุ่มตาสีฟ้าที่ถูกโยนลงเรือมาเมื่อสามปีก่อน
“แล้วมึงล่ะไอ้แทน”
พสุธาเงียบไปครู่ก่อนเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ผมอาจจะกลับบ้านหรืออาจจะไม่กลับ”
“มึงก็รู้ว่านายหัวเอามึงตายแน่ถ้ามึงกลับไปบ้าน”
“ผมไม่ห่วงตัวเองหรอกพี่ทัด”
ทัดทองมองไปยังท้องทะเล นึกถึงตอนที่เอาไอ้หมอนี่ขึ้นมาจากใต้ท้องเรือ เขานึกชอบมันทันทีจนตัวเองยังแปลกประหลาดใจ อาจเพราะบุคลิกนิ่งเฉยหรือเพราะนัยน์ตาสีฟ้าที่สะกดเขาอยู่หมัด
“ถ้ามึงยังไม่มีที่ไปก็ไปอยู่บ้านกูก่อน”
“ขอบคุณพี่มากครับ แล้วพวกใต้เรือ”
“ไอ้พวกนี้จะถูกส่งต่อไปอีกเรือ คงเป็นเรือของมาเลเซีย”
พสุธาไม่พูดอะไรมาก เขารู้ว่าการค้ามนุษย์เถื่อนเป็นเรื่องโหดร้ายและมันขัดต่อมนุษยธรรมที่ปล่อยให้คนหนึ่งคนต้องถูกขายหรือตาย แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเขาเห็นคนตายมามากพอแล้ว เขาไม่อยากพูดมากแล้วถูกขายส่งต่อไปยังเรืออีกลำ
“พี่ว่าบนฝั่งจะมีอะไรเปลี่ยนไปมากไหมครับ”
“มันแน่อยู่แล้วไอ้แทน เวลากูออกเรือมาหลายปีแล้วกลับไปมักจำทางกลับบ้านแทบไม่ได้ ที่สำคัญสิ่งของน่ะเปลี่ยนได้ แต่มึงอย่าให้ใจคนเปลี่ยนก็แล้วกัน สิ่งนั้นมันเจ็บยิ่งกว่าสิ่งใด เจ็บลงไปถึงกระดูกเลยมึง”
ทัดทองเอี้ยวหน้ามองพสุธา ชายหนุ่มร่างสูงที่เมื่อแรกมายังเป็นกล้ามเนื้ออย่างเด็กหนุ่ม หากแต่ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มร่างโตจากการทำงานหนัก ผิวสองสีอย่างลูกครึ่งผิวสีกลายเป็นดำคล้ำอย่างชาวเล
เขาชอบความทรหดอดทนของไอ้หมอนี่ ยามสัปดาห์แรกที่มันดื้อรั้นและโดนเขาเฆี่ยนด้วยเชือกยาวจนเป็นแผลเหวอะหวะ ถึงมันร้องอย่างเจ็บปวดแต่ไม่โหยหวนอย่างคนทั่วไป และแผลมันเสือกหายจนกลับมาทำงานได้ดั่งเดิม
เด็กหนุ่มเป็นคนเงียบขรึมเขายิ่งชอบ เลยให้มันขึ้นมาอยู่บนเรือคอยช่วยงานทั่วไปจนกระทั่งขึ้นมาเป็นผู้ช่วยทั้งขับเรือ ทั้งดูแลพวกแรงงานเถื่อนที่โดนจับมาใหม่ ๆ
ทัดทองมองลงไปยังพื้นเรือที่ไอ้ทรงนั่งเล่นไพ่คนเดียวอยู่บนพื้น แล้วพลันส่ายหน้า ไอ้หมอนั่นมีดีแค่แรง เขาไว้ช่วยงานเรื่องจับแรงงานเถื่อนหรือไว้เฆี่ยนคนงาน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องสมองมันกลับห่วยแตกอย่างเด็กสามขวบ
“ผมตั้งใจว่าจะกลับบ้าน ผมมีคนที่รอผมอยู่ครับ”
จู่ ๆ พสุธาก็เอ่ยขึ้นจนทัดทองแปลกใจ เขาตั้งใจฟังสิ่งที่เด็กหนุ่มกำลังจะเล่าให้ฟังเพราะมันไม่เคยปริปากพูดเรื่องส่วนตัวเลยสักครั้ง คงเป็นเพราะพสุธาคิดว่าในที่สุดจะได้กลับบ้านจึงยอมเผยเรื่องราว
“ผมมีแม่คนหนึ่งทำงานเป็นแม่บ้านอยู่บ้านนายหัวบัญชร”
“ตายห่า!! ไอ้แทน! มึงกลับบ้านไม่ได้นะ มึงก็รู้ว่านายหัวล่าหัวมึงอยู่ ที่มึงโดนตีหัวจับมาลงเรือนี่ก็เพราะนายหัว”
พสุธาเบือนใบหน้ากลับไปมองทัดทอง เด็กหนุ่มกว่าไม่มีรอยยิ้ม ใบหน้าเรียบเฉยจนทัดทองเองยังหวาดกลัว
“แต่ผมมีคน ๆ หนึ่งที่ต้องไปหา เธอกำลังรอผมอยู่และผมไม่อยากให้เธอคิดว่าผมทิ้งเธอไป”
ทัดทองส่งมวนยาสูบที่เขาดูดไม่หมดไปให้เด็กหนุ่ม ซึ่งพสุธารับไปดูดต่อแต่โดยดี เมื่อก่อนนี้เขาไม่เคยคิดลองพวกนี้มาก่อนแต่พอมาอยู่บนเรืออันโดดเดี่ยว ยาสูบก็กลายเป็นสวรรค์ขึ้นมาทันที
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“ลูกสาวของนายหัวบัญชร”
“ไอ้แทน!!”
ตอนนี้ทัดทองนั่งไม่ติดต้องลุกขึ้นเดินไปทางเด็กหนุ่ม ยืนจ้องหน้าเห็นดวงตาสีฟ้าล้ำลึกด้วยอารมณ์บางอย่างจนเขาเองก็นึกกลัว
“มันเสี่ยงเกินไป ถ้ามึงโผล่กลับไปครั้งนี้นายหัวคงเอามึงถึงตาย”
“ผมยอมเสี่ยง แล้วถ้ามันได้ผลผมจะพาเธอไปหาพี่ที่ประจวบ”
หนุ่มใหญ่ทอดถอนใจ เขาคงไม่อาจทัดทานไอ้เด็กหนุ่มนี้ได้แล้วหลังจากที่ฟังมันพูด ดูท่าพสุธาคงตัดสินใจมาแล้วสักพักว่าจะทำสิ่งใด บางอย่างในตัวเด็กหนุ่มทำให้เขาเคารพมันจนทำได้เพียงตบบ่า
“งั้นก็ตามใจมึง”
พสุธาผละออกจากพวงมาลัยบังคับเรือเมื่อทัดทองเบียดร่างเข้ามาแทนที่ เขาถือมวนยาสูบมวนใหม่ในมือนั่งลงที่ขอบไม้ด้านนอกของห้องเดินเรือ มองท้องฟ้ายามเย็นใกล้จะถึงเวลาที่ต้องเปิดให้พวกใต้ท้องเรือขึ้นมากินข้าวและทำงาน
มือกำผ้าสีฟ้าที่เขาตัดออกมาจากเสื้อเชิ้ตตัวที่บุษยาซื้อให้วันเกิด อีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดเขาอีกครั้ง ครบสามปีพอดีที่เขาอาศัยอยู่บนเรือลำนี้ เรือค้ามนุษย์ที่พ่อของหญิงที่เขารักจับเขาโยนลงมาให้พบกับความทรมาน
เขาหยิบผ้าสีฟ้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงสีขุ่น สีฟ้ายังคมชัดเพราะเขาตัดมันออกมาจากเสื้อในสัปดาห์แรกที่ขึ้นเรือ เสื้อที่ขาดริ้วเพราะแส่เฆี่ยนลงกลางหลัง เขาจึงทำได้แค่ตัดเศษผ้าขนาดไม่ใหญ่มากคล้ายผ้าเช็ดหน้าออกมาเก็บไว้ในเกางเกง
ผ้าที่เคยนุ่มนวลดั่งผิวของบุษยา บัดนี้กลับหยาบกระด้างลงเช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่เริ่มชินชา จนเขากลัวว่าถ้าเขายังไม่ได้กลับขึ้นฝั่งในเวลาอันใกล้นี้ ใจของเขาคงไม่มีวันกลับมาอ่อนโยนได้ดั่งเดิม
บทที่ 13อากาศยามเช้าของตำบลเล็ก ๆ ริมชายฝั่งอ่าวไทยในหน้าฝนที่โปรยปรายมาตลอดทั้งคืนจนเกือบรุ่งเช้าจึงหยุด ร่างของสาวน้อยสมส่วนหากแต่ยังติดผอมบางยืนนิ่งมองออกไปยังชายทะเลอันเป็นฟาร์มหอยนางรมของบ้านร่างเล็กยืนนิ่งไม่ไหวติงทั้งที่ภายในรวดร้าวแสนสาหัส วันนี้เธอกำลังเข้าพิธีหมั้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเมื่อสองเดือนก่อน เสี่ยรังสรรวัยสามสิบนิด ๆ“ถ้ามึงไม่แต่ง กูจะขายอีพรพิศไปทำงานที่มาเลเซีย”เสียงตะโกนกร้าวยังดังก้องอยู่ในหู ใบหน้าดำคล้ำถมึงทึงชะโงกง้ำร่างเล็กขณะที่เธอนั่งคว่ำหน้าอยู่บนพื้น หลังจากที่พ่อทิ้งฝ่ามือไปบนใบหน้าของเธอสองครั้งมือเรียวบางเผลอยกขึ้นกุมพวงแก้มที่ตอบลงกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ความเจ็บร้าวของวันนั้นยังไม่เท่ากับวันที่พี่แทนหายไปจากความสงสัยไม่เข้าใจในวันนั้น เมื่อเวลาผ่านไปสักพักความคิดของเธอกลับทะลุแจ่มแจ้งดั่งฟ้าในวันที่ไร้เมฆ พสุธาหายไปเพราะพ่อของเธอ นายหัวบัญชร เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอจึงทำได้แค่รออยู่ที่บ้านหลังนี้กับป้าพรพิศเสียงคนในบ้านอึกทึกครึมโครมเพราะนายหัวเกณฑ์คนมาจำนวนมากจัดงานหมั้นใหญ่โต กำหนดงานแต่
บทที่ 14พสุธาลงจากรถประจำทางในหมู่บ้านตรงศาลาข้างทาง มีความเปลี่ยนแปลงภายนอกที่เห็นได้ชัดคือถนนกว้างกว่าเดิม เขาเดินเท้าไปอีกหน่อยจึงมองเห็นบ้านหลังเล็กขายของชำประจำหมู่บ้านผิวของเขาดำคล้ำกว่าเดิมมาก ร่างกายใหญ่โตด้วยมัดกล้ามไม่ใช่เด็กหนุ่มอย่างแต่ก่อน ผมยาวประบ่าไม่ได้มัดสยายปลิวสยายรอบบ่าแกร่งไร้ระเบียบจากการใช้มีดพกตัด“ผมอยากขอเช่ารถมอเตอร์ไซหน่อยครับ”ป้าขายของเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดสีดำสนิท ชายแปลกหน้าคล้ายนักท่องเที่ยวสวมเสื้อเชิ้ตคอฮาวายกางเกงยีนส์“ไปไหน”ป้ากวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินเข้าไปหยิบกุญแจ แต่ยังไม่ส่งรอจนกว่าชายหนุ่มร่างโตจะตอบคำถาม“เยี่ยมเพื่อนครับ”“บ้านไหน”“บ้านฟาร์มหอยนายหัวบัญชร”พสุธาถามคำตอบคำ ยังเกรงว่ามีคนจำได้ว่าเป็นพสุธา“อ้อ วันนี้ที่บ้านนายหัวมีงาน เอ้า คิดแปดร้อย”พสุธานับเงินสดยื่นให้ป้าเกินจำนวนจนป้ายิ้มกว้างยื่นกุญแจส่งให้ทันที“ไปไม่นาน เดี๋ยวก็มาครับป้า”ป้าร้านของชำยื่นกุญแจส่งชายหนุ่ม ร่างสูงใหญ่ขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์คันเก่าสีน้ำเงินแบบรถผู้หญิงมีตะกร้าหน้า ท่าทางดูคล่องแคล่วแล้วเหยียบสตาร์ทเท้าตกเกียร์หนึ่ง มือบิดคันเร่งออกจาก
บทที่ 15“แม่”“ทะ แทน แทน!!”พรพิศทิ้งตะหลิวที่อยู่ในมือกวักเรียกคนงานอีกคนให้เข้ามาทำต่อแล้วรีบเดินออกไปหาลูกชาย มือเหี่ยวผอมจับต้นแขนลูกชายไว้ทั้งสองข้างพลันสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ พสุธาก็คุกเข่าก้มลงกราบแทบเท้า“ผมขอโทษที่มาช้า”“ฮือ แทน ฮือ ไม่เป็นไรลูก ลูกหายไปไหนมา เราทุกคนเป็นห่วง หนูบัว..”“ไม่ต้องพูดชื่อเขาอีกครับแม่”“แต่ ลูก..”“ผมอยากจะแวะมาบอกแม่ว่าผมจะไปอยู่ที่อื่นต่ออีกสักระยะ ถ้ายังไงแล้วผมจะกลับมารับแม่อีกทีนะครับ”พรพิศประคองลูกชายให้ลุกขึ้นยืนแล้วดันให้นั่งลงบนแคร่ไม้ด้านหน้า เธอลูบแขน ลูบใบหน้า“ลูกตัวใหญ่ขึ้นแล้วก็คล้ำลงอีก”“มันเป็นไปตามธรรมชาติครับแม่”“แล้วลูกจะไปอยู่ที่ไหน ทำไมลูกไม่อยู่ที่นี่”พรพิศจับมือลูกชายขึ้นมากุมไว้ พยายามจ้องดวงตาที่ถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดสีดำ“แม่ก็รู้ว่าผมอยู่ที่นี่ไม่ได้ นายหัวบัญชรเป็นคนส่งผมลงเรือเถื่อน แต่โชคยังดีที่ผมรอดมาได้”“เรือเถื่อน!!”“ครับ ผมโดนตีที่ศีรษะในเช้าวันที่ออกไปทำบุญ ตื่นมาอีกครั้งก็อยู่บนเรือแล้ว แต่เราไม่ต้องพูดถึงมันหรอกครับแม่ เพราะยังไงผมก็รอดมาแล้ว ผมแค่อยากให้แม่รอผมอยู่ที่นี่ก่อน ผมจะไปตั้งตัวสักพักแล้วกลับมาร
บทที่ 167 ปีต่อมา“พี่บัวกลับมาแล้ว”บุษยาก้มลงถอดรองเท้าทำงานด้วยความเหนื่อยล้า กว่าจะฝ่ารถติดจนมาถึงบ้านเกือบพลบค่ำ บ้านหลังใหญ่ดูทรุดโทรมลงไปมากเปิดไฟสว่างเพียงบางดวงเพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า“บุหลัน พี่แวะซื้อซาลาเปามาไว้กินพรุ่งนี้เช้า เราชอบกินใช่ไหม”“ค่ะ ขอบคุณพี่บัว”บุษยามองน้องสาวใช้มือไถล้อรถเข็นมารับถุงซาลาเปาไปด้วยรอยยิ้มกว้างสดใส ปีนี้บุหลันอายุยี่สิบหกปีแต่ใบหน้าอมทุกข์ดั่งเธออายุต้นสามสิบ นั่นเพราะความเครียดจากการต่อสู้กับร่างกายและจิตใจของตัวเองร่างเล็กบอบบางเดินตามน้องสาวไปยังห้องทานข้าวที่อยู่ติดกับห้องครัว ป้าพรพิศยังรอเธออยู่ที่โต๊ะเพื่อทานข้าวพร้อมกัน“มาเถอะค่ะคุณบัว ล้างมือแล้วทานข้าว”“ค่ะ ป้าพิศคะบัวซื้อซาลาเปาเจ้าดังมา พรุ่งนี้รบกวนอุ่นให้บุหลันด้วยนะคะ”“ได้ค่ะ นั่งเถอะค่ะ”บุษยาล้างมือเรียบร้อยเช็ดมือกับผ้าผืนเล็กแขวนหน้าอ่างล้างมือแล้วจึงนั่งลงที่โต๊ะทานอาหาร กับข้าวไม่กี่อย่างสำหรับคนสามคนเพียงพอและยังเหลือไว้อุ่นทานได้อีกสองมื้อ“อีกไม่กี่วันจะครบรอบทำบุญ คุณบัวคิดไว้หรือยังคะว่าจะถวายเพลเป็นอะไร”“แม่ชอบทานอาหารไทยภาคกลาง ก็เอาเป็นพวกแกงจืดลูกรอกก็ได้ค่ะ
บทที่ 17“พี่บัวคะ เชฟบอกว่าต้องการเพิ่มดอกไม้แบบทานได้เข้ามาในเมนูใหม่ค่ะ”บุษยาเงยหน้าขึ้นจากรายการสั่งซื้อวัตถุดิบในแต่ละวันเพื่อมองปานขวัญ เด็กสาวอายุราวสิบเก้าปีเพิ่งจบคหกรรมในวิทยาลัยท้องถิ่น“ได้สิ แล้วได้ระบุมาหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ เออจริงสิพี่บัว พี่รู้เรื่องเจ้านายคนใหม่ที่มาซื้อโรงแรมเราหรือเปล่าคะ”เธอจดรายการดอกไม้ทานได้เพิ่มลงในตารางการสั่งซื้อเพื่อไปยื่นให้แผนกจัดซื้อจัดการต่อ อันที่จริงฝ่ายหัวหน้าอยากจัดการให้เธอขึ้นมาเป็นหัวหน้าเชฟแทนคนปัจจุบันเพราะเธอสามารถทำอย่างอื่นได้อีกนอกจากทำอาหาร อย่างเช่นออกเมนูใหม่ หรือช่วยดูเรื่องแนวทางการเลือกอาหารขึ้นโต๊ะเวลามีงานเลี้ยงสำคัญ แต่บุษยาปฏิเสธเพราะเธอต้องการกลับบ้านไปใช้เวลาที่เหลือดูแลงานฟาร์มด้วย“ไม่เลย มัวแต่ยุ่งเรื่องงานเลี้ยงที่จะมีในอีกไม่กี่วันนี้”เธอยื่นรายการให้น้องแผนกจัดซื้อแล้วจึงเดินกลับไปในฝ่ายครัวโดยที่เด็กสาวคนนี้ยังเดินชวนคุยไม่ห่าง“ก็งานนี้ล่ะค่ะ เห็นว่าเป็นชาวต่างชาติหล่อมาก”“ทำอย่างกับว่าเราไม่เคยเห็นคนหล่อมาก่อนอย่างนั้นแหล่ะ”“พี่บัวก็ นั่นมันแขกที่มาพัก แต่นี่กำลังจะมาเป็นบอสคนใหม่ พี่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเ
บทที่ 18หญิงสาวร่างบอบบางเหนื่อยล้าจากการทำงาน วันนี้เธอต้องอยู่ถึงค่ำเพราะงานลี้ยงต้อนรับบอสคนใหม่ของโรงแรมบุษยาได้โทรศัพท์มาบอกคนที่บ้านแล้วว่าไม่ต้องรอ เธออาจกลับดึกหน่อย ร่างเล็กสาวเท้าเข้าไปยังห้องทำงานเดิมของพ่อเพื่อตรวจเอกสารหลังจากที่ไม่ได้ทำมาหลายวัน ซึ่งอันที่จริงเธอจงใจหลีกเลี่ยงมันมาสักพักแล้วร่างอันอ่อนแรงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน กลิ่นหนังเก่าลอยคลุ้งและกลิ่นอับจากการปิดห้องทำงานไว้หลายวันเอื้อมมือเปิดไฟโคมเล็กที่โต๊ะแล้วจึงหยิบเอกสารที่กองไว้ตรงหน้ามาตรวจดูทีละฉบับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นใบแจ้งหนี้ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าปุ๋ยและจิปาถะค่าใช้จ่ายพวกนี้เธอยังพอมีบ้างอาจต้องเจียดจากเงินเก็บที่มีอยู่น้อยนิด แต่ซองเอกสารปึกใหญ่ซึ่งแม้เธอไม่เปิดดูก็รู้ว่ามันคือเอกสารการทวงหนี้ที่พ่อของเธอนำสวนไปค้ำไว้นานมาแล้วเธอค่อนข้างแปลกใจเสียด้วยซ้ำว่านายหัวบัญชรทำไมถึงมีเงินเหลือน้อยนิดขนาดนั้น แต่พอได้เห็นบัญชีเงินกู้และรายจ่ายที่พ่อของเธอต้องเสียไปไม่ว่าจะเงินน้ำเลี้ยงน้ำชาที่ต้องส่งเป็นประจำ หรือการเลี้ยงผู้หญิงในเมืองไว้อีกหลายคน ทั้งยังนิสัยมือเติบชอบเล่นการพนัน เธอจึงไม่แปลกใจอีกต
บทที่ 19“พี่บัวคะ คืนนี้มีงานเลี้ยงอีกแล้ว พี่บัวอยู่ด้วยไหมคะ”“ไม่แน่ใจนะ พี่มีนัดช่วงเย็น”บุษยาตอบปานขวัญเด็กสาวรุ่นน้องขณะที่ยกจานที่แต่งแล้วเรียบร้อยวางให้พนักงานเสิร์ฟหยิบออกไป“เออ เดี๋ยวพี่มานะ พี่ไปโทรศัพท์ก่อน”“แต่ว่าพี่บัว คืนนี้บอสใหม่จะพาแฟนมาด้วย”เธอดึงสายของผ้ากันเปื้อนออกจากร่างใบหน้ายังยิ้มให้เด็กสาว“แล้วยังไง”“อ้าว เราก็จะได้ดูไงคะ เขาว่าเป็นนางแบบดังเมืองนอก เป็นฝรั่ง ปานก็อยากจะขอดูให้ชื่นใจ”“เรานี่นะ พี่ว่าขืนพี่อยู่ดูก็ไม่มีประโยชน์ พี่จะไปชื่นใจอะไรด้วย”“แหม ก็ชื่นใจชื่นชมของสวยของหล่อไงคะ”“เดี๋ยวว่ากันอีกทีนะ พี่ขอไปโทรศัพท์ก่อน”บุษยาเดินออกไปด้านนอกยังลานจอดรถของพนักงานด้านหลัง แล้วล้วงกุญแจรถออกมาเพื่อเปิดหยิบเอกสารที่อยู่ในรถ แต่เพราะเธอไว้ด้านหลังลึกเกินไปจึงตัดสินใจเข้าไปนั่งในรถคุยในรถแล้วกันจะได้ไม่มีคนอื่นได้ยินเธอสตาร์ทรถยนต์คันเก่าแล้วหยิบเอกสารออกมาจากซอง กดเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากกฎในเอกสารตื๊ด ตื๊ด“สวัสดีครับ สำนักงานทนายความศักดิ์สิทธิ์ครับ”“สวัสดีค่ะ ฉันโทรมาจากนายหัวบัญชรค่ะ”“อ้อ ครับ สักครู่นะครับ”ปลายสายเงียบไปสักพักจึงมีเสียงของผู
บทที่ 20มือเล็กเริ่มสั่นสะท้านขณะถือถาดใบใหญ่เดินเข้าไปแล้วรอให้เด็กที่อยู่ในห้องหยิบออกจากถาดวางไว้บนจานเลื่อนหมุนได้ตรงกลาง แล้วเธอจึงถูกดึงไปยังมุมห้องจากพนักงานด้วยกันอีกคน“พี่บัวมาทำอะไร!”“พี่แค่อยากมาดูหน้าบอส”พนักงานคนดังกล่างนิ่วหน้า“ไม่ต้องกลัว พี่จะยืนอยู่เฉย ๆ”บุษยาย้ำอีกครั้งเพิ่มความมั่นใจแล้วถือถาดห้อยไว้ด้านหน้า ยืนประสานมือกันยืนนิ่งไม่ไหวติงตรงด้านผนังห้องดวงตาคมรีจ้องนิ่งไปยังบุคคลเดียวที่นั่งอยู่ในโต๊ะ รูปร่างของพสุธาใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก ครั้งเป็นเด็กหนุ่มเขามีรูปร่างผอมเกร็งแต่บัดนี้กล้ามเนื้อหนาแน่นเป็นลูกตามหัวไหล่ ท่อนแขนผมดำหยักศกของเขามัดรวบไว้ด้านหลังเหมือนเมื่อกลางวัน ผิวคล้ำแต่ไม่เท่าแต่ก่อน คิ้วเข้มหนาดกพาดเฉียงตวัดลงปลาย จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากหนาเธอไล่สายตาไปยังกรามแกร่งที่เห็นชัดสู่ลำคอหนาตวัดลงไปที่มือใหญ่กำแก้วเหล้าไว้ยกดื่ม พสุธาเผยอริมฝีปากจิบเหล้าผสมน้ำลงสู่ลำคอ เธอมองลูกกระเดือกที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าสมัยเด็ก แล้วพลันเหลือบขึ้นจนสบสายตาสีฟ้าจัดที่จ้องมองมาที่เธอเช่นเดียวกันบุษยาเห็นเขายืดกายขึ้นตรงจากนั้นชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ด้านหลังก็
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง
บทที่ 44พสุธาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาขว้างออกไปกระทบกับผนังห้องแตกกระจายเฉียดร่างของทัดทองที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาพอดี“ตายห่า! ไอ้แทน เกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้น”ทัดทองกระโดดข้ามจานอาหารเช้าและแก้วกาแฟที่ทั้งหกเลอะเทอะแตกเป็นเสี่ยงบนพื้น มองร่างนายหัวผิวเข้มพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวนั่งถ่างขาตรงโซฟาสูบบุหรี่จนควันโขมง ผมยาวสยายยุ่งเหยิงและใบหน้ากร้าวกระด้างอารมณ์ร้ายสุด ๆ“บัวรู้เรื่องสัญญาแล้ว”เพียงเท่านั้นทัดทองก็รู้ถึงสาเหตุที่ห้องเละเทะขนาดนี้และยังร่างของสาวน้อยที่โผลุกขึ้นจากพื้นลิฟต์ด้วยน้ำตานองหน้า“กูว่าแล้วไอ้แทน”พสุธาเหลือบมองหน้าแต่ไม่พูดอะไร ใจยังอัดแน่นเจ็บร้าวทั้งรู้สึกผิด ทั้งโกรธตัวเองที่โง่เง่าและโกรธบุษยาที่ไม่ยอมอยู่กับเขาทัดทองเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ลงไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัย พสุธาไม่ใส่ใจในเมื่อตอนนี้เขามีเรื่องให้ใส่ใจมากพอแล้วมือแกร่งคีบบุหรี่เข้าปากแล้วอัดเข้าเฮือกใหญ่อีกครั้ง ใจนึกภาพหน้าปวดร้าวของคนร่างเล็กแล้วใจยิ่งคับแน่น ต้องการพุ่งตัวออกไปแล้วดึงกลับมาแต่เขาหยิ่งเกินไป ในเมื่อเขาไม่ผิด เขายังไม่ได้แต่งงาน และสัญญานั่นยังไม่ทันได้ลงลายมือชื่อด้วยซ้ำ“อ้
บทที่ 43บุษยาตาโตด้วยความตกใจ ตามปกติพสุธาไม่นำเอกสารหรืองานกลับมาทำที่บ้าน แต่ซองนี้เธอเห็นเขานั่งอ่านอยู่นานเมื่อคืนฉะนั้นต้องสำคัญอย่างมากมือสั่นรีบหยิบกระดาษอเนกประสงค์เช็คจนรอบจากนั้นจึงหยิบเอกสารออกมาจากซอง มีร่องรอยคราบกาแฟอย่างที่เธอคาดไว้ จึงรีบซับน้ำโดยเร็วยิ่งเป็นหมึกพิมพ์แบบน้ำ ตัวหนังสือจึงเริ่มเลอะออก สายตาพลันเผลออ่านเข้าโดยไม่ตั้งใจสัญญาร่วมค้ากับบริษัทจรัญ อ่านดูหน้าแรกไม่มีสิ่งใดผิดปกติและดูท่าเป็นความลับ จึงรีบเช็ดให้สะอาดจนทั่วกระทั่งถึงคำว่าตามรายละเอียดแต่งงานที่ได้แนบท้ายมาด้วยดวงตาคมเบิกกว้างมือสั่นเทาพลิกไปยังหน้าสุดท้ายแห่งสัญญา เธออ่านข้อตกลงที่ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่สามารถมีบ้านเล็กได้แต่ห้ามออกนอกหน้า รวมไปถึงสามารถมีลูกกับผู้อื่นได้ยกเว้นแค่ทายาทต้องเกิดกับดารณีเท่านั้นร่างบางถึงกับเข่าทรุดใช้มืออีกข้างพยุงโต๊ะไว้ขณะที่ค่อย ๆ นั่งลงแล้วอ่านทวนอีกครั้งเผื่อเธอเข้าใจผิด แต่ถึงแม้เธออ่านถึงสามรอบข้อความในสัญญาชัดเจนจนไม่อาจหาข้อแก้ตัวให้กับพสุธาได้การประมูลท่าเรือเฟอร์รี่คงมีความสำคัญต่อเขามาก เธอไม่เคยถามเขามาก่อนว่าเขามีธุรกิจอะไรบ้าง แค่พอแตะเรื่องหลังจ
บทที่ 42“เรียบร้อยแล้วครับนายหัว”เสียงทัดทองพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้องทำงานระหว่างที่พสุธากำลังเซ็นต์เอกสาร เขาไม่ใส่ใจปล่อยให้บอดี้การ์ดรอก่อนจนสักพักเมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นนายหัวผิวสีเข้มหยิบซองบุหรี่จากบนโต๊ะขึ้นจุด แล้วโยนให้ทัดทองรอจนกระทั่งบอดี้การ์ดอัดควันเข้าปอดเรียบร้อยจึงค่อยเอ่ยถาม“ว่ามา”“ผู้หญิงคนนั้นเดินทางออกไปเรียบร้อยแล้วครับ”“ดี แล้วไงอีก”“จากที่สอบเค้นเห็นว่าเสี่ยยังติดใจคุณบัวไม่น้อย และค่อนข้างเกรี้ยวกราดเมื่อรู้ว่าคุณบัวย้ายมาอยู่กับนายหัว หล่อนบอกว่าคุณบัวถูกบังคับให้แต่งงานกับเสี่ย แล้วพอเกิดเรื่องก็ได้มาที่บ้านของเสี่ยเองเพื่อคืนของหมั้นทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่าขอเวลาทำใจสักหนึ่งปี แต่เจ้าเสี่ยมันรอไม่ไหวเลยไปคว้าลูกสาวของอีกบ้านมา ได้ทั้งผู้หญิง ได้ทั้งเงิน เพราะฝังนั้นไม่กลวงเหมือนนายหัวบัญชร”พสุธาชะงักไปตั้งแต่ประโยคแรก อารมณ์กรุ่นโกรธวันนั้นที่เขาแสดงออกมาคงทำให้สาวน้อยเสียใจ เพราะสองวันที่ผ่านมายังมีสีหน้าไม่ค่อยดีแม้ว่าเขาจะรีดเค้นพลังทางเพศบนเตียงมากแค่ไหนก็เหมือนจำใจทำ“แล้วหล่อนมาทำอะไรที่โรงแรม”ซี้ดดดดด!!เสียงสูดบุหรี่ก่อนพ่นออกมาข