บทที่ 15
“แม่”
“ทะ แทน แทน!!”
พรพิศทิ้งตะหลิวที่อยู่ในมือกวักเรียกคนงานอีกคนให้เข้ามาทำต่อแล้วรีบเดินออกไปหาลูกชาย มือเหี่ยวผอมจับต้นแขนลูกชายไว้ทั้งสองข้างพลันสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ พสุธาก็คุกเข่าก้มลงกราบแทบเท้า
“ผมขอโทษที่มาช้า”
“ฮือ แทน ฮือ ไม่เป็นไรลูก ลูกหายไปไหนมา เราทุกคนเป็นห่วง หนูบัว..”
“ไม่ต้องพูดชื่อเขาอีกครับแม่”
“แต่ ลูก..”
“ผมอยากจะแวะมาบอกแม่ว่าผมจะไปอยู่ที่อื่นต่ออีกสักระยะ ถ้ายังไงแล้วผมจะกลับมารับแม่อีกทีนะครับ”
พรพิศประคองลูกชายให้ลุกขึ้นยืนแล้วดันให้นั่งลงบนแคร่ไม้ด้านหน้า เธอลูบแขน ลูบใบหน้า
“ลูกตัวใหญ่ขึ้นแล้วก็คล้ำลงอีก”
“มันเป็นไปตามธรรมชาติครับแม่”
“แล้วลูกจะไปอยู่ที่ไหน ทำไมลูกไม่อยู่ที่นี่”
พรพิศจับมือลูกชายขึ้นมากุมไว้ พยายามจ้องดวงตาที่ถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดสีดำ
“แม่ก็รู้ว่าผมอยู่ที่นี่ไม่ได้ นายหัวบัญชรเป็นคนส่งผมลงเรือเถื่อน แต่โชคยังดีที่ผมรอดมาได้”
“เรือเถื่อน!!”
“ครับ ผมโดนตีที่ศีรษะในเช้าวันที่ออกไปทำบุญ ตื่นมาอีกครั้งก็อยู่บนเรือแล้ว แต่เราไม่ต้องพูดถึงมันหรอกครับแม่ เพราะยังไงผมก็รอดมาแล้ว ผมแค่อยากให้แม่รอผมอยู่ที่นี่ก่อน ผมจะไปตั้งตัวสักพักแล้วกลับมารับแม่ไปอยู่ด้วย”
พรพิศเพ่งมองใบหน้าแกร่งที่มีเหลี่ยมคมขึ้นเพราะกล้ามเนื้ออย่างชายหนุ่มฉกรรจ์ ยกมือลูบหน้าลูกชายด้วยความรักใคร่
“แล้วหนูบัว”
“เธอหมั้นแล้วนะครับแม่ แสดงว่าเรื่องในวัยเด็กของเราก็จบสิ้นไปแล้ว”
“ไม่ลูก ไม่ใช่แบบนั้น ลูกควรได้คุยกับเธอ”
“ไม่มีประโยชน์ครับแม่ ผมต้องไปแล้ว ขืนอยู่นานนายหัวจะรู้ แม่ไม่ต้องบอกบัวหรือใครนะครับว่าผมมา”
“แทน!!”
พรพิศดึงมือลูกชายไว้เมื่อเขายืนขึ้น ร่างสูงใหญ่ก้มลงกราบไหล่บอบบางของพรพิศ มือเหี่ยวย่นลูบไหล่ลูบหลังลูกชายร้องไห้น้ำตาซึมเมื่อคิดว่าต้องจากกับพสุธาอีกครั้ง
“แทน แม่มีของจะให้”
พสุธาเงยหน้าขึ้นจากไหล่ผอมของมารดา เห็นมือสั่นเทาล้วงลงในขอบผ้าถุงที่แม่มักจะเย็บเพิ่มเป็นกระเป๋าข้างในไว้ใส่ของกันหล่นหาย
“แม่ไม่เคยบอกแทนว่าพ่อเป็นใคร แต่แม่ไม่อยากให้แทนลำบาก”
เขามองกระดาษแผ่นเล็กในมือที่แม่ส่งมาให้ เป็นที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์เขียนด้วยลายมือขยุกขยิก
“แม่พกติดตัวเสมอเผื่อลูกกลับมา เขาอยู่ที่นั่น แม่คิดว่าเขาจะช่วยแทนได้”
“ไม่ครับแม่ พ่อทิ้งเรา ผมจะไม่มีวันกลับไปให้เขาดูถูก”
พรพิศลูบต้นแขนลูกชาย ดวงตาแสบร้อนปนน้ำตาที่รินไหล
“พ่อไม่ได้ทิ้งเรา เขาแค่ไม่รู้ แม่อยากให้แทนลองไปหาเขา แล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง”
“แม่!!”
“แม่เชื่อว่าพ่อคงไม่ใจไม้ไส้ระกำพอที่จะไม่ช่วยเหลือลูก เชื่อแม่เถอะนะ”
พสุธามีคำถามมากมายติดอยู่ที่ริมฝีปาก เขาต้องการถามเรื่องราวของพ่อกับแม่แต่ติดแค่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ดีนัก
“ผมจะไม่ติดต่อกลับมาอีก ผมอยากให้แม่ทำเหมือนผมตายไปแล้วจะได้ไหมครับ”
พรพิศพยักหน้าอ่อนแรง เธอเข้าใจลูกชายของเธอดีว่าเขาต้องการอะไร เขาไม่อยากให้แม่ของเขาเดือดร้อน และอาจทำให้ตัวพสุธาเองตกอยู่ในอันตราย
“ผมจะมาที่นี่อีกครั้งเมื่อผมพร้อม ซึ่งมันอาจจะนานมาก”
พสุธาก้มลงกราบที่ไหล่ของแม่อีกครั้งแล้วสวมกอดไว้แน่น ใจที่ปวดร้าวยังเจ็บหนึบไปทั้งกาย เสียงเบาอย่างหญิงทำงานหนักเอ่ยขึ้น
“แม่จะรอแทนอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน”
พรพิศมองตามหลังลูกชายที่เดินจากไปหลังจากผละออกจากอ้อมกอดของคนเป็นแม่ ร่างสูงกว่าคนทั่วไปทั้งใหญ่โตเดินผ่านแขกนับร้อยออกไปทางประตูรั้วด้านหน้า
เธอได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วงอย่างปวดร้าวเมื่อนึกถึงคุณหนูบุษยา สาวน้อยที่รอคอยพสุธาอยู่เช่นกัน
พสุธาสตาร์ทรถคันเดิมหักหัวเลี้ยวกลับมองรั้วและบ้านหลังใหญ่ผ่านกระจกมองข้าง เสียงเพลงดังกระหึ่มด้วยบทเพลงรักงานหมั้นยังดังก้องไปทั่วป่าและท้องทะเล
ลมชายฝั่งพัดพากลิ่นเค็มทะเลผ่านใบหน้าขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์กลับไปทางเดิม ทางคุ้นเคยที่เขาผ่านมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เด็กจนโต
แต่ไม่อีกแล้ว เขาจะไม่กลับมาที่นี่จนกว่าเขาจะพร้อม และเขาจะกลับมาแย่งชิงทุกอย่างที่เป็นของนายหัวบัญชรไปจากมือ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน สวนยาง เงินทอง หรือแม้แต่ลูกสาว ถ้าเธอแต่งงานไปแล้วเขาจะแย่งชิงมาจากเสี่ยรังสรร
ทุกอย่างที่เป็นของเศวตรจะถูกกลืนหายไปจนไม่เหลือ และกลายเป็นของเขา พสุธา ทองคำ เท่านั้น
“ป้าพิศคะ”
“คะคุณบัว”
พรพิศเอ่ยรับเมื่อยามเช้าของอีกวันมาถึงถัดจากวันหมั้น แม่บ้านเอี้ยวหน้ามองบุษยาที่เดินเข้ามาในห้องครัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมจ้องเธอไม่วางตา
“เมื่อวานนี้บัวเห็นพี่แทนใช่ไหมคะ”
บุษยาถามตรง ๆ ทันทีเมื่อเข้ามาในห้องครัว เมื่อวานนี้ตอนที่อยู่บนเวทีเธอเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างสูงมากคล้ายพสุธา หากแต่คนนี้รูปร่างกำยำผิดไปจากคนที่เธอเฝ้าคิดถึง ผมดำยาวประบ่าสวมเสื้อเชิ้ต และผิวคล้ำดำมากอย่างคนตากแดดตลอดเวลา
“ไม่ใช่ค่ะคุณบัว เป็นญาติน่ะค่ะ บังเอิญผ่านมาเลยแวะมาเยี่ยม”
“ป้าพิศมีญาติด้วยเหรอคะ”
“ค่ะ ก็ญาติห่าง ๆ เลยดูเหมือนเจ้าแทนไงคะ ป้าจะโกหกคุณบัวไปทำไม ถ้าเป็นเจ้าแทนมาจริง ป้าต้องดีใจจนต้องรีบบอกคุณบัวแล้วค่ะ”
บุษยานั่งนิ่ง เมื่อคืนนี้เธอนอนไม่หลับตลอดคืนเพียงนึกถึงว่าคนนั้นจะเป็นพสุธา ใจร้อนรนจนแทบรอให้เช้าไม่ไหว ต้องการมาหาป้าพรพิศเพื่อถามให้แน่ใจ
มือเล็กกำรวบไว้บนโต๊ะนิ่ง เธอคิดถึงพสุธามากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเขาจะยังอยู่ดีหรือตายจากไปแล้ว
“คุณบัวคะ อย่าคิดมากนะคะ คุณบัวหมั้นแล้วอีกไม่กี่เดือนก็ต้องแต่งงานกับเสี่ยรังสรร คุณบัวควรลืมเจ้าแทนแล้วใช้ชีวิตใหม่อย่างมีความสุข”
ใบหน้าหวานคมมองมือเหี่ยวเล็กน้อยที่กุมมือเธอไว้ บุษยาเอนร่างเข้าไปหาป้าพรพิศเพื่อซบศีรษะบนไหล่อันบอบบาง ไหล่ที่คอยซับน้ำตาเธอมาตลอดสามปี
“บัวทำไม่ได้ค่ะป้าพิศ บัวลืมพี่แทนไม่ได้”
“คุณบัว!!”
“ป้าพิศไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ บัวจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาแม่และป้าพิศไว้ ให้อยู่ที่บ้านหลังนี้เพื่อรอพี่แทนกลับมา ไม่ว่านานแค่ไหนบัวก็จะรอ”
มือเหี่ยวย่นโอบประคองไหล่บอบบางของบุษยาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าไหล่เล็กเริ่มสะท้านด้วยแรงสะอื้น กี่ครั้งแล้วจนเธอไม่อาจนับได้ว่าสาวน้อยคนนี้ต้องร้องไห้ออกมา เสียงสะอื้นจากการสะกดกลั้นเสียงร้องยิ่งทำให้เธอปวดใจ
แทนลูกแม่ คุณบัวรักลูกจริง ๆ แม่อยากให้ลูกเข้าใจเหลือเกิน
บทที่ 167 ปีต่อมา“พี่บัวกลับมาแล้ว”บุษยาก้มลงถอดรองเท้าทำงานด้วยความเหนื่อยล้า กว่าจะฝ่ารถติดจนมาถึงบ้านเกือบพลบค่ำ บ้านหลังใหญ่ดูทรุดโทรมลงไปมากเปิดไฟสว่างเพียงบางดวงเพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า“บุหลัน พี่แวะซื้อซาลาเปามาไว้กินพรุ่งนี้เช้า เราชอบกินใช่ไหม”“ค่ะ ขอบคุณพี่บัว”บุษยามองน้องสาวใช้มือไถล้อรถเข็นมารับถุงซาลาเปาไปด้วยรอยยิ้มกว้างสดใส ปีนี้บุหลันอายุยี่สิบหกปีแต่ใบหน้าอมทุกข์ดั่งเธออายุต้นสามสิบ นั่นเพราะความเครียดจากการต่อสู้กับร่างกายและจิตใจของตัวเองร่างเล็กบอบบางเดินตามน้องสาวไปยังห้องทานข้าวที่อยู่ติดกับห้องครัว ป้าพรพิศยังรอเธออยู่ที่โต๊ะเพื่อทานข้าวพร้อมกัน“มาเถอะค่ะคุณบัว ล้างมือแล้วทานข้าว”“ค่ะ ป้าพิศคะบัวซื้อซาลาเปาเจ้าดังมา พรุ่งนี้รบกวนอุ่นให้บุหลันด้วยนะคะ”“ได้ค่ะ นั่งเถอะค่ะ”บุษยาล้างมือเรียบร้อยเช็ดมือกับผ้าผืนเล็กแขวนหน้าอ่างล้างมือแล้วจึงนั่งลงที่โต๊ะทานอาหาร กับข้าวไม่กี่อย่างสำหรับคนสามคนเพียงพอและยังเหลือไว้อุ่นทานได้อีกสองมื้อ“อีกไม่กี่วันจะครบรอบทำบุญ คุณบัวคิดไว้หรือยังคะว่าจะถวายเพลเป็นอะไร”“แม่ชอบทานอาหารไทยภาคกลาง ก็เอาเป็นพวกแกงจืดลูกรอกก็ได้ค่ะ
บทที่ 17“พี่บัวคะ เชฟบอกว่าต้องการเพิ่มดอกไม้แบบทานได้เข้ามาในเมนูใหม่ค่ะ”บุษยาเงยหน้าขึ้นจากรายการสั่งซื้อวัตถุดิบในแต่ละวันเพื่อมองปานขวัญ เด็กสาวอายุราวสิบเก้าปีเพิ่งจบคหกรรมในวิทยาลัยท้องถิ่น“ได้สิ แล้วได้ระบุมาหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ เออจริงสิพี่บัว พี่รู้เรื่องเจ้านายคนใหม่ที่มาซื้อโรงแรมเราหรือเปล่าคะ”เธอจดรายการดอกไม้ทานได้เพิ่มลงในตารางการสั่งซื้อเพื่อไปยื่นให้แผนกจัดซื้อจัดการต่อ อันที่จริงฝ่ายหัวหน้าอยากจัดการให้เธอขึ้นมาเป็นหัวหน้าเชฟแทนคนปัจจุบันเพราะเธอสามารถทำอย่างอื่นได้อีกนอกจากทำอาหาร อย่างเช่นออกเมนูใหม่ หรือช่วยดูเรื่องแนวทางการเลือกอาหารขึ้นโต๊ะเวลามีงานเลี้ยงสำคัญ แต่บุษยาปฏิเสธเพราะเธอต้องการกลับบ้านไปใช้เวลาที่เหลือดูแลงานฟาร์มด้วย“ไม่เลย มัวแต่ยุ่งเรื่องงานเลี้ยงที่จะมีในอีกไม่กี่วันนี้”เธอยื่นรายการให้น้องแผนกจัดซื้อแล้วจึงเดินกลับไปในฝ่ายครัวโดยที่เด็กสาวคนนี้ยังเดินชวนคุยไม่ห่าง“ก็งานนี้ล่ะค่ะ เห็นว่าเป็นชาวต่างชาติหล่อมาก”“ทำอย่างกับว่าเราไม่เคยเห็นคนหล่อมาก่อนอย่างนั้นแหล่ะ”“พี่บัวก็ นั่นมันแขกที่มาพัก แต่นี่กำลังจะมาเป็นบอสคนใหม่ พี่ไม่รู้สึกอะไรบ้าง
บทที่ 18หญิงสาวร่างบอบบางเหนื่อยล้าจากการทำงาน วันนี้เธอต้องอยู่ถึงค่ำเพราะงานลี้ยงต้อนรับบอสคนใหม่ของโรงแรมบุษยาได้โทรศัพท์มาบอกคนที่บ้านแล้วว่าไม่ต้องรอ เธออาจกลับดึกหน่อย ร่างเล็กสาวเท้าเข้าไปยังห้องทำงานเดิมของพ่อเพื่อตรวจเอกสารหลังจากที่ไม่ได้ทำมาหลายวัน ซึ่งอันที่จริงเธอจงใจหลีกเลี่ยงมันมาสักพักแล้วร่างอันอ่อนแรงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน กลิ่นหนังเก่าลอยคลุ้งและกลิ่นอับจากการปิดห้องทำงานไว้หลายวันเอื้อมมือเปิดไฟโคมเล็กที่โต๊ะแล้วจึงหยิบเอกสารที่กองไว้ตรงหน้ามาตรวจดูทีละฉบับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นใบแจ้งหนี้ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าปุ๋ยและจิปาถะค่าใช้จ่ายพวกนี้เธอยังพอมีบ้างอาจต้องเจียดจากเงินเก็บที่มีอยู่น้อยนิด แต่ซองเอกสารปึกใหญ่ซึ่งแม้เธอไม่เปิดดูก็รู้ว่ามันคือเอกสารการทวงหนี้ที่พ่อของเธอนำสวนไปค้ำไว้นานมาแล้วเธอค่อนข้างแปลกใจเสียด้วยซ้ำว่านายหัวบัญชรทำไมถึงมีเงินเหลือน้อยนิดขนาดนั้น แต่พอได้เห็นบัญชีเงินกู้และรายจ่ายที่พ่อของเธอต้องเสียไปไม่ว่าจะเงินน้ำเลี้ยงน้ำชาที่ต้องส่งเป็นประจำ หรือการเลี้ยงผู้หญิงในเมืองไว้อีกหลายคน ทั้งยังนิสัยมือเติบชอบเล่นการพนัน เธอจึงไม่แปลกใจอีก
บทที่ 19“พี่บัวคะ คืนนี้มีงานเลี้ยงอีกแล้ว พี่บัวอยู่ด้วยไหมคะ”“ไม่แน่ใจนะ พี่มีนัดช่วงเย็น”บุษยาตอบปานขวัญเด็กสาวรุ่นน้องขณะที่ยกจานที่แต่งแล้วเรียบร้อยวางให้พนักงานเสิร์ฟหยิบออกไป“เออ เดี๋ยวพี่มานะ พี่ไปโทรศัพท์ก่อน”“แต่ว่าพี่บัว คืนนี้บอสใหม่จะพาแฟนมาด้วย”เธอดึงสายของผ้ากันเปื้อนออกจากร่างใบหน้ายังยิ้มให้เด็กสาว“แล้วยังไง”“อ้าว เราก็จะได้ดูไงคะ เขาว่าเป็นนางแบบดังเมืองนอก เป็นฝรั่ง ปานก็อยากจะขอดูให้ชื่นใจ”“เรานี่นะ พี่ว่าขืนพี่อยู่ดูก็ไม่มีประโยชน์ พี่จะไปชื่นใจอะไรด้วย”“แหม ก็ชื่นใจชื่นชมของสวยของหล่อไงคะ”“เดี๋ยวว่ากันอีกทีนะ พี่ขอไปโทรศัพท์ก่อน”บุษยาเดินออกไปด้านนอกยังลานจอดรถของพนักงานด้านหลัง แล้วล้วงกุญแจรถออกมาเพื่อเปิดหยิบเอกสารที่อยู่ในรถ แต่เพราะเธอไว้ด้านหลังลึกเกินไปจึงตัดสินใจเข้าไปนั่งในรถคุยในรถแล้วกันจะได้ไม่มีคนอื่นได้ยินเธอสตาร์ทรถยนต์คันเก่าแล้วหยิบเอกสารออกมาจากซอง กดเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากกฎในเอกสารตื๊ด ตื๊ด“สวัสดีครับ สำนักงานทนายความศักดิ์สิทธิ์ครับ”“สวัสดีค่ะ ฉันโทรมาจากนายหัวบัญชรค่ะ”“อ้อ ครับ สักครู่นะครับ”ปลายสายเงียบไปสักพักจึงมีเสียงของผ
บทที่ 20มือเล็กเริ่มสั่นสะท้านขณะถือถาดใบใหญ่เดินเข้าไปแล้วรอให้เด็กที่อยู่ในห้องหยิบออกจากถาดวางไว้บนจานเลื่อนหมุนได้ตรงกลาง แล้วเธอจึงถูกดึงไปยังมุมห้องจากพนักงานด้วยกันอีกคน“พี่บัวมาทำอะไร!”“พี่แค่อยากมาดูหน้าบอส”พนักงานคนดังกล่างนิ่วหน้า“ไม่ต้องกลัว พี่จะยืนอยู่เฉย ๆ”บุษยาย้ำอีกครั้งเพิ่มความมั่นใจแล้วถือถาดห้อยไว้ด้านหน้า ยืนประสานมือกันยืนนิ่งไม่ไหวติงตรงด้านผนังห้องดวงตาคมรีจ้องนิ่งไปยังบุคคลเดียวที่นั่งอยู่ในโต๊ะ รูปร่างของพสุธาใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก ครั้งเป็นเด็กหนุ่มเขามีรูปร่างผอมเกร็งแต่บัดนี้กล้ามเนื้อหนาแน่นเป็นลูกตามหัวไหล่ ท่อนแขนผมดำหยักศกของเขามัดรวบไว้ด้านหลังเหมือนเมื่อกลางวัน ผิวคล้ำแต่ไม่เท่าแต่ก่อน คิ้วเข้มหนาดกพาดเฉียงตวัดลงปลาย จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากหนาเธอไล่สายตาไปยังกรามแกร่งที่เห็นชัดสู่ลำคอหนาตวัดลงไปที่มือใหญ่กำแก้วเหล้าไว้ยกดื่ม พสุธาเผยอริมฝีปากจิบเหล้าผสมน้ำลงสู่ลำคอ เธอมองลูกกระเดือกที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าสมัยเด็ก แล้วพลันเหลือบขึ้นจนสบสายตาสีฟ้าจัดที่จ้องมองมาที่เธอเช่นเดียวกันบุษยาเห็นเขายืดกายขึ้นตรงจากนั้นชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ด้านหลังก
บทที่ 21เวลาเดิมในทุกเช้าของสาวร่างผอมบางต้องจอดรถที่ลานจอดรถของพนักงานเป็นประจำ และเดินเข้าประตู แต่วันนี้บุษยาเลี่ยงมาให้เร็วขึ้นขณะที่กำลังเดินออกจากลานจอดรถเพื่อตรงไปยังประตูใจยังรู้สึกเสียววาบหวาดหวั่น ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเจอพสุธา หากแต่เธอยังไม่พร้อม และยิ่งตัวเขาเองดูเปลี่ยนแปลงอย่างมากคล้ายคนแปลกหน้า เธอยิ่งไม่ต้องการพบเขา ต้องไม่ใช่เธอลักษณะนี้บุษยาเดินเข้าไปยังห้องเก็บของของแผนกครัวเพื่อเก็บกระเป๋าและสวมผ้ากันเปื้อน ภาพชายหนุ่มร่างใหญ่โตนั่งจ้องเธอไม่วางตา ลักษณะราศีคนรวยจับไปทั่วตัว ทั้งยังดูแข็งกระด้าง เย็นชาเขาไม่ใช่พี่แทนคนเดิมของเธออีกต่อไปแล้วสังเกตข้างกายเขามีผู้หญิงชาวต่างชาติคนเดิมนั่งประกบข้าง แต่เธอก็รู้เพียงแค่นั้นเพราะนัยน์ตาสีฟ้าดึงดูดความสนใจจากเธอไปจนหมดขณะที่มือกำลังสาละวนกับงานตรงหน้า เธอต้องเตรียมอบขนมปังชุดใหญ่เช้านี้เพื่อใช้ไปอีกสองวัน พลันนึกขึ้นได้ป้ายชื่อของปานขวัญถูกชายร่างยักษ์ฉกไปแล้วบุษยาหยุดเทแป้งลงโถเครื่องนวดแป้งทันที รีบเดินออกไปยังโถงหน้าของแผนกครัวจนกระทั่งเห็นปานขวัญเดินเข้ามา“ปาน!”“พี่บัว พอดีเลย ป้ายชื่อของปานล่ะ”“ปาน พี่ขอโทษด้ว
บทที่ 22มือชื้นเหงื่อกำสายสะพานกระเป๋าใบเล็กไว้แน่นขณะก้าวเดินตัดลานจอดรถของพนักงานที่เธอขับไปแอบไว้ด้านหลัง รถเก๋งคันเก่าที่เธอซื้อมาหลายปีแล้วหลังจากที่ขายรถคันอื่นไปจนหมดเพื่อใช้หนี้เธอควานหากุญแจรถด้วยมือสั่นเทารีบร้อน เธอรักพี่แทนของเธอ แต่เธอจะไม่ขอพบพี่แทนคนใหม่ การเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือทำให้เธอค่อนข้างสับสนและปวดใจ เวลามันผ่านไปนานเกินไปจนเหลือเพียงเธอเท่านั้นที่ยังจมอยู่กับความรักแบบเด็ก ๆเสียงกรุ๊งกริ๊งในกระเป๋าทำให้เธอโล่งใจว่าไม่ได้ลืมไว้ที่แผนกครัว มือบางหยิบกุญแจออกมาไขแล้วเปิดประตูขณะที่เธอกำลังเข้าไปในรถ ชายร่างสูงใหญ่พลันปรากฎในสายตา เขายืนนิ่งอยู่ตรงทางเข้าประตูของพนักงาน มือล้วงเข้าไปในกางเกงสูทราคาแพงข้างหนึ่งเหมือนกำลังสบายใจ แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่ปัง!!บุษยาปิดประตูเสียงดังจ้องดวงตาสีฟ้าจัดของเขาอย่างไม่ละสายตา เขารู้แล้วว่าเธอเป็นใคร กายสาวบอบบางสั่นไหวเหมือนที่เคยเป็นตั้งแต่แตกวัยสาว อายุของเธอเลยวัยสะพรั่งมาสักพักแล้วแต่เธอกลับพบว่ามันกำลังสนองตอบบรื้น!! มือสั่นเทาเสียบกุญแจรถ เสียงรถคันเก่าสตาร์ทเสียง เคลื่อนตัวออกจากซองแล้วหักเลี้ยวมุ่งหน้าไปยัง
บทที่ 23บุษยาเดินอ่อนระโหยมากกว่าทุกวันเมื่อได้ยินชื่อของเจ้าหนี้จากปากของทนายความ มือบางไม่สวยงามเหมือนก่อนกำซองเอกสารจนแน่นยับย่น เธอเดินขึ้นบันไดหน้าบ้านแล้วเลี้ยวไปยังห้องครัวหยุดมองป้าพรพิศที่ยังวุ่นอยู่หน้าเตาคนเดียว ตั้งแต่เกิดวิกฤตเธอต้องลดรายจ่ายทุกทางทำให้ตอนนี้ภายในบ้านเหลือป้าพรพิศและเด็กที่ไว้คอยกวาดถูทั่วไปอีกหนึ่งคนเท่านั้น“อ้าว คุณบัวกลับมาแล้ว ป้ายังทำกับข้าวไม่เสร็จเลยค่ะ”บุษยาวางเอกสารลงบนโต๊ะพร้อมกระเป๋าก่อนนั่งลง เธอพยายามนิ่งคิดประโยคที่จะถามป้าพรพิศ“คุณบัวเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”พรพิศหันกลับมาจากเตา ร่างผอมหยิบจานมาแล้วเทผัดเผ็ดปลากะพงลงไปแล้วนำมาวางบนโต๊ะ หลังจากนั้นจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวถัดไป“ป้าพิศคะ ป้าพิศอยู่กับบัวมากนานมาก บัวรักและเคารพป้าพิศเหมือนกับแม่แท้ ๆ ของบัว บัวอยากจะถามป้าพิศตรง ๆ บัวอยากให้ป้าพิศตอบบัวตรง ๆ เหมือนกันนะคะ”เธอสังเกตใบหน้าของป้าพรพิศเจื่อนลงเล็กน้อย ทำให้เธอรู้ว่าป้าพรพิศทราบเรื่องของพสุธาแล้ว แต่จะมากขนาดไหนนั้นคงต้องถามดู“คุณบัว ป้าอยู่ที่นี่มานานก่อนที่คุณบัวจะเกิด แล้วพอคุณบัวเกิดป้าก็เป็นคนช่วยเลี้ยงดูคุณบัวมาตลอด ป้าเองก
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนห
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อ
บทที่ 44พสุธาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาขว้างออกไปกระทบกับผนังห้องแตกกระจายเฉียดร่างของทัดทองที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาพอดี“ตายห่า! ไอ้แทน เกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้น”ทัดทองกระโดดข้ามจานอาหารเช้าและแก้วกาแฟที่ทั้งหกเลอะเทอะแตกเป็นเสี่ยงบนพื้น มองร่างนายหัวผิวเข้มพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวนั่งถ่างขาตรงโซฟาสูบบุหรี่จนควันโขมง ผมยาวสยายยุ่งเหยิงและใบหน้ากร้าวกระด้างอารมณ์ร้ายสุด ๆ“บัวรู้เรื่องสัญญาแล้ว”เพียงเท่านั้นทัดทองก็รู้ถึงสาเหตุที่ห้องเละเทะขนาดนี้และยังร่างของสาวน้อยที่โผลุกขึ้นจากพื้นลิฟต์ด้วยน้ำตานองหน้า“กูว่าแล้วไอ้แทน”พสุธาเหลือบมองหน้าแต่ไม่พูดอะไร ใจยังอัดแน่นเจ็บร้าวทั้งรู้สึกผิด ทั้งโกรธตัวเองที่โง่เง่าและโกรธบุษยาที่ไม่ยอมอยู่กับเขาทัดทองเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ลงไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัย พสุธาไม่ใส่ใจในเมื่อตอนนี้เขามีเรื่องให้ใส่ใจมากพอแล้วมือแกร่งคีบบุหรี่เข้าปากแล้วอัดเข้าเฮือกใหญ่อีกครั้ง ใจนึกภาพหน้าปวดร้าวของคนร่างเล็กแล้วใจยิ่งคับแน่น ต้องการพุ่งตัวออกไปแล้วดึงกลับมาแต่เขาหยิ่งเกินไป ในเมื่อเขาไม่ผิด เขายังไม่ได้แต่งงาน และสัญญานั่นยังไม่ทันได้ลงลายมือชื่อด้วยซ้ำ“อ
บทที่ 43บุษยาตาโตด้วยความตกใจ ตามปกติพสุธาไม่นำเอกสารหรืองานกลับมาทำที่บ้าน แต่ซองนี้เธอเห็นเขานั่งอ่านอยู่นานเมื่อคืนฉะนั้นต้องสำคัญอย่างมากมือสั่นรีบหยิบกระดาษอเนกประสงค์เช็คจนรอบจากนั้นจึงหยิบเอกสารออกมาจากซอง มีร่องรอยคราบกาแฟอย่างที่เธอคาดไว้ จึงรีบซับน้ำโดยเร็วยิ่งเป็นหมึกพิมพ์แบบน้ำ ตัวหนังสือจึงเริ่มเลอะออก สายตาพลันเผลออ่านเข้าโดยไม่ตั้งใจสัญญาร่วมค้ากับบริษัทจรัญ อ่านดูหน้าแรกไม่มีสิ่งใดผิดปกติและดูท่าเป็นความลับ จึงรีบเช็ดให้สะอาดจนทั่วกระทั่งถึงคำว่าตามรายละเอียดแต่งงานที่ได้แนบท้ายมาด้วยดวงตาคมเบิกกว้างมือสั่นเทาพลิกไปยังหน้าสุดท้ายแห่งสัญญา เธออ่านข้อตกลงที่ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่สามารถมีบ้านเล็กได้แต่ห้ามออกนอกหน้า รวมไปถึงสามารถมีลูกกับผู้อื่นได้ยกเว้นแค่ทายาทต้องเกิดกับดารณีเท่านั้นร่างบางถึงกับเข่าทรุดใช้มืออีกข้างพยุงโต๊ะไว้ขณะที่ค่อย ๆ นั่งลงแล้วอ่านทวนอีกครั้งเผื่อเธอเข้าใจผิด แต่ถึงแม้เธออ่านถึงสามรอบข้อความในสัญญาชัดเจนจนไม่อาจหาข้อแก้ตัวให้กับพสุธาได้การประมูลท่าเรือเฟอร์รี่คงมีความสำคัญต่อเขามาก เธอไม่เคยถามเขามาก่อนว่าเขามีธุรกิจอะไรบ้าง แค่พอแตะเรื่องหลัง
บทที่ 42“เรียบร้อยแล้วครับนายหัว”เสียงทัดทองพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้องทำงานระหว่างที่พสุธากำลังเซ็นต์เอกสาร เขาไม่ใส่ใจปล่อยให้บอดี้การ์ดรอก่อนจนสักพักเมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นนายหัวผิวสีเข้มหยิบซองบุหรี่จากบนโต๊ะขึ้นจุด แล้วโยนให้ทัดทองรอจนกระทั่งบอดี้การ์ดอัดควันเข้าปอดเรียบร้อยจึงค่อยเอ่ยถาม“ว่ามา”“ผู้หญิงคนนั้นเดินทางออกไปเรียบร้อยแล้วครับ”“ดี แล้วไงอีก”“จากที่สอบเค้นเห็นว่าเสี่ยยังติดใจคุณบัวไม่น้อย และค่อนข้างเกรี้ยวกราดเมื่อรู้ว่าคุณบัวย้ายมาอยู่กับนายหัว หล่อนบอกว่าคุณบัวถูกบังคับให้แต่งงานกับเสี่ย แล้วพอเกิดเรื่องก็ได้มาที่บ้านของเสี่ยเองเพื่อคืนของหมั้นทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่าขอเวลาทำใจสักหนึ่งปี แต่เจ้าเสี่ยมันรอไม่ไหวเลยไปคว้าลูกสาวของอีกบ้านมา ได้ทั้งผู้หญิง ได้ทั้งเงิน เพราะฝังนั้นไม่กลวงเหมือนนายหัวบัญชร”พสุธาชะงักไปตั้งแต่ประโยคแรก อารมณ์กรุ่นโกรธวันนั้นที่เขาแสดงออกมาคงทำให้สาวน้อยเสียใจ เพราะสองวันที่ผ่านมายังมีสีหน้าไม่ค่อยดีแม้ว่าเขาจะรีดเค้นพลังทางเพศบนเตียงมากแค่ไหนก็เหมือนจำใจทำ“แล้วหล่อนมาทำอะไรที่โรงแรม”ซี้ดดดดด!!เสียงสูดบุหรี่ก่อนพ่นออกมา