บทที่ 19
“พี่บัวคะ คืนนี้มีงานเลี้ยงอีกแล้ว พี่บัวอยู่ด้วยไหมคะ”
“ไม่แน่ใจนะ พี่มีนัดช่วงเย็น”
บุษยาตอบปานขวัญเด็กสาวรุ่นน้องขณะที่ยกจานที่แต่งแล้วเรียบร้อยวางให้พนักงานเสิร์ฟหยิบออกไป
“เออ เดี๋ยวพี่มานะ พี่ไปโทรศัพท์ก่อน”
“แต่ว่าพี่บัว คืนนี้บอสใหม่จะพาแฟนมาด้วย”
เธอดึงสายของผ้ากันเปื้อนออกจากร่างใบหน้ายังยิ้มให้เด็กสาว
“แล้วยังไง”
“อ้าว เราก็จะได้ดูไงคะ เขาว่าเป็นนางแบบดังเมืองนอก เป็นฝรั่ง ปานก็อยากจะขอดูให้ชื่นใจ”
“เรานี่นะ พี่ว่าขืนพี่อยู่ดูก็ไม่มีประโยชน์ พี่จะไปชื่นใจอะไรด้วย”
“แหม ก็ชื่นใจชื่นชมของสวยของหล่อไงคะ”
“เดี๋ยวว่ากันอีกทีนะ พี่ขอไปโทรศัพท์ก่อน”
บุษยาเดินออกไปด้านนอกยังลานจอดรถของพนักงานด้านหลัง แล้วล้วงกุญแจรถออกมาเพื่อเปิดหยิบเอกสารที่อยู่ในรถ แต่เพราะเธอไว้ด้านหลังลึกเกินไปจึงตัดสินใจเข้าไปนั่งในรถ
คุยในรถแล้วกันจะได้ไม่มีคนอื่นได้ยิน
เธอสตาร์ทรถยนต์คันเก่าแล้วหยิบเอกสารออกมาจากซอง กดเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากกฎในเอกสาร
ตื๊ด ตื๊ด
“สวัสดีครับ สำนักงานทนายความศักดิ์สิทธิ์ครับ”
“สวัสดีค่ะ ฉันโทรมาจากนายหัวบัญชรค่ะ”
“อ้อ ครับ สักครู่นะครับ”
ปลายสายเงียบไปสักพักจึงมีเสียงของผู้สูงวัยกว่ารับสาย
“ครับ ผมศักดิ์สิทธิ์ครับ”
“ค่ะ ฉันเป็นลูกสาวของนายหัวบัญชร ได้รับเอกสารทวงหนี้แล้วค่ะ แต่ดิฉันเพิ่งจะเปิดอ่านเมื่อวานนี้ ไม่ทราบว่าเราพอนัดคุยกันได้บ้างไหมคะ”
“ได้ครับ แต่ทางที่ดีต้องนัดคุณพ่อของคุณมาด้วยครับ”
“คุณพ่อเสียนานแล้วค่ะ”
คราวนี้ปลายสายเงียบไปนานจนเธอเริ่มใจหาย แล้วเสียงผู้สูงวัยคนเดิมจึงเอ่ยขึ้น
“ถ้างั้นอาจมีข้อปัญหาแล้วล่ะครับ ยังไงผมขอนัดคุณพรุ่งนี้เลย ไม่ทราบสะดวกกี่โมง”
“ช่วงเย็นค่ะเลิกงาน”
“ถ้าแบบนั้นคุณช่วยบันทึกเบอร์โทรศัพท์ผมไว้แล้วติดต่อมาทางข้อความ ผมจะส่งสถานที่นัดไปให้ครับ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
บุษยาฟุบหน้ากับพวงมาลัยรถหลังจากวางหูโทรศัพท์ไปแล้ว
ตึ๊ง
เสียงข้อความเข้าทำให้เธอเปิดข้อความออกดูทั้ง ๆ ที่ยังนอนฟุบหน้าอยู่บนพวงมาลัย สำนักงานทนายความอยู่อีกฟากของเมือง แต่ไม่ไกลจากทางกลับบ้านมากนัก เธอส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับแล้วปัดหน้าจอปิดลง
ค่อยผงกใบหน้าขึ้นใช้คางเท้ากับพวงมาลัย มือยังกำรอบพวงมาลัยเคาะเป็นจังหวะสมองครุ่นคิดเรื่องการผ่อนส่งอย่างไรในอีกสามสิบปีข้างหน้า
สายตาชำเลืองมองไปรอบลานจอดรถในช่วงสายจนกระทั่งเห็นรถหรูสีดำคันหนึ่งเลี้ยวมาจอดในส่วนของพนักงาน คิ้วขมวดสงสัย
ร่างสูงชะลูดในชุดสูทก้าวลงจากรถด้านเบาะหลัง เธอยืดกายนั่งตรงทันที มองลักษณะบุคลิกที่คุ้นตาไม่ว่าการกวาดมือรวบสาบเสื้อเข้ามาตรงหน้า ลักษณะการก้าวเท้ามายังด้านหน้ารถ ผมดำหยักศกมัดรวบตึงด้านหลัง สีผิวคล้ำอย่างลูกครึ่งผิวสี ขนแขนของเธอลุกเกรียวไปทั้งร่าง ดวงตาคมรีเบิกกว้างปากอ้าค้างเมื่อใบหน้าที่ก้มอยู่พลันเงยขึ้นพูดคุยกับคนที่เดินตามลงมา
พี่แทน!!
บุษยารีบดับเครื่องยนต์กำลังเปิดประตูรถลงไปหา ชายหนุ่มที่เธอรอคอยมาตลอดทั้งชีวิต แต่มือพลันหยุดชะงักเมื่อเห็นผู้หญิงอีกคนก้าวลงจากรถมายืนข้างเขา หญิงสาวชาวต่างชาติสูงโปร่ง หุ่นบอบบางดั่งนางแบบ ผมดำยาวปล่อยสยายกลางหลัง
ร่างเล็กเลื่อนตัวกลับมาที่เดิมหลังพวงมาลัย สายตาจับจ้องชายหญิงคู่นั้นไม่วางตา หญิงสาวคนนั้นยื่นหน้าออกไปพูดอะไรบางอย่างจนเขายิ้มกว้างออกมา ยิ้มกว้างเหมือนที่เคยยิ้มให้เธอ แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะอีกครั้งจนเธอได้ยินเสียงทุ้มกังวาลอย่างพี่แทนแต่เข้มกว่าด้วยวัยที่มากขึ้น
ดวงตาสีฟ้าสดที่เธอไม่ได้เห็นมานาน ดวงตาสีฟ้าที่เคยมองแต่เธอ มาบัดนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว เขามองหญิงสาวคนนั้นอย่างรักใคร่ก่อนโอบเอวพาเดินออกจากลานจอดรถเข้าโรงแรมไปทางด้านประตูพนักงาน
พี่แทน!!
มือกำพวงมาลัยสั่นสะท้านจนไม่สามารถกำมันได้อีกต้องปล่อยมือออกแล้วกอดตัวเองไว้จนแน่น หลังงองุ้มขดลงร่างทั้งร่างสั่นระริกจากอาการตื่นตระหนกและปวดร้าว
หรือเราอาจเข้าใจผิด ใช่เราอาจเข้าใจผิด
บุษยาสูดน้ำมูกเข้าลึกสะกดกลั้นน้ำตา เธอจะมัวมานั่งเสียใจแบบนี้ไม่ได้ เธอควรไปถามพสุธาให้รู้เรื่อง
เขาเองก็คงลำบากมามากเมื่อตอนที่ออกจากบ้านเธอไป แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว เขากลายเป็นคนมีเงินคนหนึ่งดูจากรถยนต์ที่เขาใช้
เธอนึกถึงบอสคนใหม่ ชาวต่างชาติลูกครึ่งที่คนในโรงแรมพูดถึงมาสักพักแล้ว แม้ว่าเธอยังไม่เคยเขา แต่เธอต้องทำให้แน่ใจว่าบอสคนใหม่เป็นพี่แทนหรือไม่ และพี่แทนจะยังจำเธอได้หรือเปล่า พี่แทนยังเห็นความสำคัญของเธอ เรื่องราวความรักของเด็กหนุ่มเด็กสาวหรือไม่
คำถามเวียนวนในใจร้อนรน บุษยาตัดสินใจลงจากรถ คืนนี้เธอจะอยู่ที่งานเลี้ยงเพื่อดูว่าผู้ชายคนนั้นใช่พสุธาหรือเปล่า ถ้าใช่ เขาจะจำเธอได้ไหม
ความเหนื่อยล้าเกาะกุมไหล่บอบบางที่ทำงานหนักมาแต่เช้าจรดค่ำ เธอยืนมองพนักงานลำเลียงอาหารออกจากครัวชั้นล่างแล้วนำมาจัดใส่จานในโถงด้านหลังของห้องรับรองขนาดใหญ่ วันนี้ทางจังหวัดได้จัดเลี้ยงนักธุรกิจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมือง เธอยืนชะเง้อมองไปตามโต๊ะแต่ยังไม่เห็นชาวต่างชาติคนไหนสักคน
“พี่บัวชะเง้อมองอะไรคะ”
“ก็ดูบอสคนใหม่ไงปาน ไหนเธอบอกว่าเขาจะมา”
“โธ่! พี่บัว โน้นอยู่ห้องวีไอพีนั่งกับผู้ว่า”
ร่างเล็กขยับตัวหลีกทางให้ปานขวัญถือจานผ่านเข้าไปในโถงจัดเลี้ยงเอียงหน้าหวานคมไปทางห้องวีไอพี คิ้วเรียวคันศรขมวดยุ่งทันที จะเข้าไปข้างในได้อย่างไร?
พนักงานที่อยู่ในห้องต้องสวมชุดไทยเอกลักษณ์ของภาคใต้สีชมพูเข้มออกบานเย็นซึ่งเป็นสีประจำโรงแรมและเป็นสีของดอกบัวผุด ดอกไม้ประจำจังหวัด
บุษยาเดินกลับลงยังแผนกเสื้อผ้าด้านล่าง ตามปกติชุดพวกนี้พนักงานแต่ละคนต้องเช่าตัดเป็นของตัวเอง แต่ไม่แน่อาจมีหลงเหลืออยู่ในแผนก
“คุณบัว มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
“พอดีจะมาถามว่าชุดไทยสำหรับพนักงานห้องวีไอพียังพอมีเหลือบ้างไหม”
“ทำไมคะคุณบัว เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“วันนี้แขกมากันเยอะมาก พนักงานไม่พอต้อนรับ พี่เลยอยากจะเข้าไปช่วยน้อง ๆ ด้านใน”
“อ้อ รอสักครู่นะคะ มีเหลืออยู่ชุดเดียวค่ะ เด็กใหม่ยังไม่มารับ คุณบัวเอาไปใส่ก่อนได้เลยค่ะ”
บุษยารีบรับแล้วเข้าไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พอเธอสวมชุดไทยประยุกต์ภาคใต้สีชมพูเรียบร้อยจึงรีบตรงกลับไปยังชั้นบนงานเลี้ยงทันที เห็นพนักงานกำลังลำเลียงอาหารชุดที่ห้าแล้ว เหลืออีกสามชุดก็จะหมด
“อ้าวพี่บัว ทำไมใส่ชุดนี้”
“พี่จะเข้าไปห้องวีไอพี เออ พี่ขอยืมป้ายชื่อหน่อยนะ”
บุษยารีบแกะแผ่นป้ายชื่อพนักงานบนหน้าอกด้านซ้ายของปานขวัญโดยที่เด็กสาวห้ามไม่ทัน
“พี่บัว!!”
“เดี๋ยวพี่เอามาคืน”
ช่วงนี้ภายในโรงแรมยังคงให้พนักงานที่ทำงานในห้องวีไอพีสวมหน้ากากอนามัย เธอจึงไม่ต้องกังวลว่าใครจะจำได้
เธอคว้าเอาถาดอาหารจากมือของน้องพนักงานคนหนึ่งแล้วพยักหน้าให้อย่างจำได้ก่อนเปิดประตูเข้าไป เสียงหัวเราะพูดคุยภายในห้องของคนในโต๊ะวีไอพีจำนวนสิบคน นั่งเป็นโต๊ะจีนวงกลมเช่นกัน
บุษยาสังเกตว่าภายในห้องมีชายหนุ่มยืนประจำอยู่ด้านหลังของเสี่ยรังสรร เธอกวาดตามองไปรอบโต๊ะ และเห็นเขาได้ในทันทีเมื่อมองครั้งแรก
พี่แทน!! จริง ๆ ด้วย
บทที่ 20มือเล็กเริ่มสั่นสะท้านขณะถือถาดใบใหญ่เดินเข้าไปแล้วรอให้เด็กที่อยู่ในห้องหยิบออกจากถาดวางไว้บนจานเลื่อนหมุนได้ตรงกลาง แล้วเธอจึงถูกดึงไปยังมุมห้องจากพนักงานด้วยกันอีกคน“พี่บัวมาทำอะไร!”“พี่แค่อยากมาดูหน้าบอส”พนักงานคนดังกล่างนิ่วหน้า“ไม่ต้องกลัว พี่จะยืนอยู่เฉย ๆ”บุษยาย้ำอีกครั้งเพิ่มความมั่นใจแล้วถือถาดห้อยไว้ด้านหน้า ยืนประสานมือกันยืนนิ่งไม่ไหวติงตรงด้านผนังห้องดวงตาคมรีจ้องนิ่งไปยังบุคคลเดียวที่นั่งอยู่ในโต๊ะ รูปร่างของพสุธาใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก ครั้งเป็นเด็กหนุ่มเขามีรูปร่างผอมเกร็งแต่บัดนี้กล้ามเนื้อหนาแน่นเป็นลูกตามหัวไหล่ ท่อนแขนผมดำหยักศกของเขามัดรวบไว้ด้านหลังเหมือนเมื่อกลางวัน ผิวคล้ำแต่ไม่เท่าแต่ก่อน คิ้วเข้มหนาดกพาดเฉียงตวัดลงปลาย จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากหนาเธอไล่สายตาไปยังกรามแกร่งที่เห็นชัดสู่ลำคอหนาตวัดลงไปที่มือใหญ่กำแก้วเหล้าไว้ยกดื่ม พสุธาเผยอริมฝีปากจิบเหล้าผสมน้ำลงสู่ลำคอ เธอมองลูกกระเดือกที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าสมัยเด็ก แล้วพลันเหลือบขึ้นจนสบสายตาสีฟ้าจัดที่จ้องมองมาที่เธอเช่นเดียวกันบุษยาเห็นเขายืดกายขึ้นตรงจากนั้นชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ด้านหลังก
บทที่ 21เวลาเดิมในทุกเช้าของสาวร่างผอมบางต้องจอดรถที่ลานจอดรถของพนักงานเป็นประจำ และเดินเข้าประตู แต่วันนี้บุษยาเลี่ยงมาให้เร็วขึ้นขณะที่กำลังเดินออกจากลานจอดรถเพื่อตรงไปยังประตูใจยังรู้สึกเสียววาบหวาดหวั่น ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเจอพสุธา หากแต่เธอยังไม่พร้อม และยิ่งตัวเขาเองดูเปลี่ยนแปลงอย่างมากคล้ายคนแปลกหน้า เธอยิ่งไม่ต้องการพบเขา ต้องไม่ใช่เธอลักษณะนี้บุษยาเดินเข้าไปยังห้องเก็บของของแผนกครัวเพื่อเก็บกระเป๋าและสวมผ้ากันเปื้อน ภาพชายหนุ่มร่างใหญ่โตนั่งจ้องเธอไม่วางตา ลักษณะราศีคนรวยจับไปทั่วตัว ทั้งยังดูแข็งกระด้าง เย็นชาเขาไม่ใช่พี่แทนคนเดิมของเธออีกต่อไปแล้วสังเกตข้างกายเขามีผู้หญิงชาวต่างชาติคนเดิมนั่งประกบข้าง แต่เธอก็รู้เพียงแค่นั้นเพราะนัยน์ตาสีฟ้าดึงดูดความสนใจจากเธอไปจนหมดขณะที่มือกำลังสาละวนกับงานตรงหน้า เธอต้องเตรียมอบขนมปังชุดใหญ่เช้านี้เพื่อใช้ไปอีกสองวัน พลันนึกขึ้นได้ป้ายชื่อของปานขวัญถูกชายร่างยักษ์ฉกไปแล้วบุษยาหยุดเทแป้งลงโถเครื่องนวดแป้งทันที รีบเดินออกไปยังโถงหน้าของแผนกครัวจนกระทั่งเห็นปานขวัญเดินเข้ามา“ปาน!”“พี่บัว พอดีเลย ป้ายชื่อของปานล่ะ”“ปาน พี่ขอโทษด้ว
บทที่ 22มือชื้นเหงื่อกำสายสะพานกระเป๋าใบเล็กไว้แน่นขณะก้าวเดินตัดลานจอดรถของพนักงานที่เธอขับไปแอบไว้ด้านหลัง รถเก๋งคันเก่าที่เธอซื้อมาหลายปีแล้วหลังจากที่ขายรถคันอื่นไปจนหมดเพื่อใช้หนี้เธอควานหากุญแจรถด้วยมือสั่นเทารีบร้อน เธอรักพี่แทนของเธอ แต่เธอจะไม่ขอพบพี่แทนคนใหม่ การเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือทำให้เธอค่อนข้างสับสนและปวดใจ เวลามันผ่านไปนานเกินไปจนเหลือเพียงเธอเท่านั้นที่ยังจมอยู่กับความรักแบบเด็ก ๆเสียงกรุ๊งกริ๊งในกระเป๋าทำให้เธอโล่งใจว่าไม่ได้ลืมไว้ที่แผนกครัว มือบางหยิบกุญแจออกมาไขแล้วเปิดประตูขณะที่เธอกำลังเข้าไปในรถ ชายร่างสูงใหญ่พลันปรากฎในสายตา เขายืนนิ่งอยู่ตรงทางเข้าประตูของพนักงาน มือล้วงเข้าไปในกางเกงสูทราคาแพงข้างหนึ่งเหมือนกำลังสบายใจ แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่ปัง!!บุษยาปิดประตูเสียงดังจ้องดวงตาสีฟ้าจัดของเขาอย่างไม่ละสายตา เขารู้แล้วว่าเธอเป็นใคร กายสาวบอบบางสั่นไหวเหมือนที่เคยเป็นตั้งแต่แตกวัยสาว อายุของเธอเลยวัยสะพรั่งมาสักพักแล้วแต่เธอกลับพบว่ามันกำลังสนองตอบบรื้น!! มือสั่นเทาเสียบกุญแจรถ เสียงรถคันเก่าสตาร์ทเสียง เคลื่อนตัวออกจากซองแล้วหักเลี้ยวมุ่งหน้าไปยัง
บทที่ 23บุษยาเดินอ่อนระโหยมากกว่าทุกวันเมื่อได้ยินชื่อของเจ้าหนี้จากปากของทนายความ มือบางไม่สวยงามเหมือนก่อนกำซองเอกสารจนแน่นยับย่น เธอเดินขึ้นบันไดหน้าบ้านแล้วเลี้ยวไปยังห้องครัวหยุดมองป้าพรพิศที่ยังวุ่นอยู่หน้าเตาคนเดียว ตั้งแต่เกิดวิกฤตเธอต้องลดรายจ่ายทุกทางทำให้ตอนนี้ภายในบ้านเหลือป้าพรพิศและเด็กที่ไว้คอยกวาดถูทั่วไปอีกหนึ่งคนเท่านั้น“อ้าว คุณบัวกลับมาแล้ว ป้ายังทำกับข้าวไม่เสร็จเลยค่ะ”บุษยาวางเอกสารลงบนโต๊ะพร้อมกระเป๋าก่อนนั่งลง เธอพยายามนิ่งคิดประโยคที่จะถามป้าพรพิศ“คุณบัวเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”พรพิศหันกลับมาจากเตา ร่างผอมหยิบจานมาแล้วเทผัดเผ็ดปลากะพงลงไปแล้วนำมาวางบนโต๊ะ หลังจากนั้นจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวถัดไป“ป้าพิศคะ ป้าพิศอยู่กับบัวมากนานมาก บัวรักและเคารพป้าพิศเหมือนกับแม่แท้ ๆ ของบัว บัวอยากจะถามป้าพิศตรง ๆ บัวอยากให้ป้าพิศตอบบัวตรง ๆ เหมือนกันนะคะ”เธอสังเกตใบหน้าของป้าพรพิศเจื่อนลงเล็กน้อย ทำให้เธอรู้ว่าป้าพรพิศทราบเรื่องของพสุธาแล้ว แต่จะมากขนาดไหนนั้นคงต้องถามดู“คุณบัว ป้าอยู่ที่นี่มานานก่อนที่คุณบัวจะเกิด แล้วพอคุณบัวเกิดป้าก็เป็นคนช่วยเลี้ยงดูคุณบัวมาตลอด ป้าเองก
บทที่ 24ร่างอ้วนเตี้ยนั่งทานอาหารเช้าอยู่หัวโต๊ะทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ทุกครั้งที่เห็น แต่ก็จำทนต้องอยู่กับคนนี้มาหลายปีเพราะการแต่งงานด้วยเงินเป็นตัวตั้ง“นี่เสี่ย กินเบา ๆ สิ เสียงดังขนาดนี้อายเขา”“จะอายไปทำไม มีกันอยู่แค่นี้ รีบ ๆ กินเข้าเถอะฉันจะต้องรีบไป”เบญจมาศ ภรรยาของเสี่ยรังสรร รูปร่างอรชรผิวขาวอย่างคนจีนแต่ใบหน้าคมดั่งคนใต้ ลอบเบ้ปากก่อนก้มหน้าลงทานอาหารเช้าต่อ“เสี่ยครับ”เสียงทุ้มเรียกเสี่ยอย่างเกรงใจจากคนสนิทดังขึ้นหน้าประตู เธอเหลือบตามองเสี่ยรังสรรที่พยักหน้ารับ“ว่ามา มีใครยื่นประมูลบ้าง”“ก็ไม่มากครับ เพราะราคาค่อนข้างแรง แต่มีคนหนึ่งที่น่าหนักใจที่สุดเสี่ย”“ใคร?”“คุณพสุธา แบล็ค เจ้าของโรงแรมคนใหม่ครับ”เสี่ยรังสรรอึ้งไป นี่ไอ้ลูกครึ่งเฮงซวยนั่นกำลังคิดมาแย่งชิ้นปลามัน ใบหน้าอวบอูมแสยะปากยิ้มก่อนก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อ แล้วชะงักเงยหน้ากลับไปสั่งลูกน้อง“คอยตามดูมันไว้ให้ดี อย่าให้คลาดสายตา อ้อ ส่งคนเข้าไปในโรงแรมมันด้วย ดูให้หมดลูกเมียที่แอบเก็บไว้ คนรัก คนโปรด”“ครับเสี่ย”เบญจมาศนั่งก้มหน้าทานอย่างไม่สนใจ แต่ภาพนายหัวคนใหม่ของเมือง รูปหล่อและรวยทำให้เธอสะท้านทุกค
บทที่ 25หน้าหวานคมแดงซ่านขึ้นทีละน้อยจนแดงก่ำเพราะอับอาย ทั้งอายที่ร่างกายของตัวเองตอบสนองเพียงแค่มองตา ทั้งอายที่เธอน่ารังเกียจจนเขาต้องพูดมันออกมาเตือนสติ“ค่ะ ขอโทษด้วย”“บ้าจริง! พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ช่างเถอะ! พูดมา”เสียงเข้มห้วนกระชากทำให้ยิ่งแน่ใจว่าเขาเปลี่ยนไปจริง ๆ คงลืมความรักวัยเด็กไปแล้ว ร่างผอมบางยืดตัวขึ้นตรงเช่นเดิมแล้วดึงเอกสารในซองออกมา“ฉันเพิ่งได้รับใบทวงนี้ฉบับนี้ ฉันไม่ทราบมาก่อนว่าพ่อเอาบ้านไปจำนองไว้”พสุธาไม่ได้รับกลับมาดู เอกสารพวกนี้เขาเห็นมาหมดแล้ว ตั้งแต่ร่างเล็กแสนบอบบางเข้ามาในห้อง ร่างกายเขาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาจนอยู่นิ่งไม่ได้ เขานั่งเคาะนิ้วเป็นจังหวะ ขยับตัวบ้างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกจากร่างผอมบางของเธอผอมบาง? นัยน์ตาสีฟ้าจัดเพ่งมองคนร่างเล็กตรงหน้าอีกครั้งอย่างละเอียดระหว่างที่เธอกำลังสาธยายว่าจะชำระหนี้ยังไง ผมดำดกหนามัดรวบตามระเบียบของโรงแรม ใบหน้าแต่งแต้มเล็กน้อยเท่านั้นจนแทบไม่มีสีสัน คิ้วโก่งสวยธรรมชาติ ขนตายาวงอนรับไปกับดวงตาคมรีที่เขาเคยเผลอหลงใหล จมูกเล็กโด่งรั้นปลายเล็กน้อย และริมฝีปากกว้างเย้ายวนที่เขาชอบที่สุดเขาเคยใช้เวลาไปกับ
บทที่ 26“อันที่จริง เราคุยกันก่อนก็ได้นะคะ น่าจะใช้เวลาไม่นาน นายหัวจะได้ทานข้าวอย่างสบายใจ”“ไม่มีเรื่องไหนที่เกี่ยวกับบัวแล้วพี่จะสบายใจหรอก”มือเรียวบางชะงักหยุดชั่วครู่ก่อนหยิบเอกสารออกมาจากซอง หน้าคมเข้มลอบยิ้มชื่นชมที่คนร่างเล็กสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีแม้ว่าโดนเขาพูดกระทบหลายครั้ง เขาแสร้งเหลือบตามองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจเอกสารที่เธอพยายามดันมาตรงหน้า“นายหัวไม่ดูสักหน่อยหรือคะ อันนี้เป็นแผนชำระหนี้ที่ฉันทำมา”“มันไกลไป”ปากหนาลอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคนตัวเล็กถอนหายใจอีกครั้ง แล้วเบาะด้านข้างพลันยุบตัวลงจนเขารู้สึกถึงไอร้อน เสียงหวานนุ่มดั่งน้ำผึ้งดังขึ้นใกล้ตัว เขาขยับตัวแกล้งเอามือขึ้นเท้าบนโต๊ะแต่ยิ่งทำให้ตัวเองจุกเลยจำต้องเอนตัวไปด้านหลัง“นายหัวนั่งดีดีสิคะ แบบนี้จะมองเห็นได้ยังไง”เสียงหวานเริ่มแหลมขึ้นอย่างไม่พอใจ เขาเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง จมูกโด่งปลายรั้นรับกับหน้าละมุน เธอเอี้ยวหน้ากลับมาทางเขา ดวงตาคมรีปรากฎรอยขุ่นเคือง“พี่จุก สงสัยจะหิวมาก เลยต้องนั่งเอนตัว”เขาบอกเธอตรง ๆ หากแต่อาการจุกมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาหารเลย พสุธาวางมือลงข้างตัวซึ่งอยู่ด้านหลังของร่
บทที่ 27บุษยาเสียวแผ่นหลังวาบเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูตามหลัง มองร่างแกร่งเดินกลับยังหน้าโต๊ะพยักหน้าให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมสาวร่างผอมบางเดินอย่างไม่มั่นใจตามคำสั่งของนายหัว ใจกระวนกระวายด้วยความรู้สึกบางอย่างทันทีเมื่อบุษยานั่งลง พสุธาเดินอ้อมมาด้านหลัง เท้าฝ่ามือลงบนโต๊ะด้านหน้าคล้ายโอบกอด“ไหนเปิดดูแผนการชำระหนี้สิ”มือเล็กหยิบเอกสารออกมาพยายามไม่เพ่งความสนใจไปยังใบหน้าคมเข้มที่โน้มต่ำลง กลิ่นบุหรี่เบาบางและกลิ่นฟีโรโมนเพศชายกรุ่นกำจายไปทั่วโพรงจมูกบุษยายื่นเอกสารขึ้นให้เขาแต่มือแกร่งดันลงแล้วกางบนโต๊ะใช้ลำตัวดันเก้าอี้ล้อเลื่อนให้เธอไปอยู่ชิดกับขอบโต๊ะ กักขังเธอด้วยวงแขนกำยำหัวใจดวงน้อยเต้นรัวดั่งมีชีวิตขึ้นอีกครั้งหลังจากตายด้านมาหลายปี มือทั้งสองกุมแน่นบนตักตัวเองบีบให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ฝันไป จมูกใหญ่งองุ้มเล็กน้อยเฉียดแก้มนวลแดงซ่าน ถ้าเธอได้ยินไม่ผิด เขาแอบสูดลมหายใจอยู่ด้านหลัง“สามสิบปี พี่ว่ามันนานเกินไปหน่อยนะบัว”เสียงมือแกร่งพลิกหน้ากระดาษตรงหน้าแทรกเข้ามาในห้วงอารมณ์ที่กำลังกระเจิดกระเจิง ร่างเล็กเอนกายถอยจนหน้าอกชิดขอบโต๊ะแต่กายสูงใหญ่ยังโน้มส่งน้ำหนักลงบนแผ่น
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนห
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อ
บทที่ 44พสุธาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาขว้างออกไปกระทบกับผนังห้องแตกกระจายเฉียดร่างของทัดทองที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาพอดี“ตายห่า! ไอ้แทน เกิดเรื่องห่าเหวอะไรขึ้น”ทัดทองกระโดดข้ามจานอาหารเช้าและแก้วกาแฟที่ทั้งหกเลอะเทอะแตกเป็นเสี่ยงบนพื้น มองร่างนายหัวผิวเข้มพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวนั่งถ่างขาตรงโซฟาสูบบุหรี่จนควันโขมง ผมยาวสยายยุ่งเหยิงและใบหน้ากร้าวกระด้างอารมณ์ร้ายสุด ๆ“บัวรู้เรื่องสัญญาแล้ว”เพียงเท่านั้นทัดทองก็รู้ถึงสาเหตุที่ห้องเละเทะขนาดนี้และยังร่างของสาวน้อยที่โผลุกขึ้นจากพื้นลิฟต์ด้วยน้ำตานองหน้า“กูว่าแล้วไอ้แทน”พสุธาเหลือบมองหน้าแต่ไม่พูดอะไร ใจยังอัดแน่นเจ็บร้าวทั้งรู้สึกผิด ทั้งโกรธตัวเองที่โง่เง่าและโกรธบุษยาที่ไม่ยอมอยู่กับเขาทัดทองเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ลงไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัย พสุธาไม่ใส่ใจในเมื่อตอนนี้เขามีเรื่องให้ใส่ใจมากพอแล้วมือแกร่งคีบบุหรี่เข้าปากแล้วอัดเข้าเฮือกใหญ่อีกครั้ง ใจนึกภาพหน้าปวดร้าวของคนร่างเล็กแล้วใจยิ่งคับแน่น ต้องการพุ่งตัวออกไปแล้วดึงกลับมาแต่เขาหยิ่งเกินไป ในเมื่อเขาไม่ผิด เขายังไม่ได้แต่งงาน และสัญญานั่นยังไม่ทันได้ลงลายมือชื่อด้วยซ้ำ“อ
บทที่ 43บุษยาตาโตด้วยความตกใจ ตามปกติพสุธาไม่นำเอกสารหรืองานกลับมาทำที่บ้าน แต่ซองนี้เธอเห็นเขานั่งอ่านอยู่นานเมื่อคืนฉะนั้นต้องสำคัญอย่างมากมือสั่นรีบหยิบกระดาษอเนกประสงค์เช็คจนรอบจากนั้นจึงหยิบเอกสารออกมาจากซอง มีร่องรอยคราบกาแฟอย่างที่เธอคาดไว้ จึงรีบซับน้ำโดยเร็วยิ่งเป็นหมึกพิมพ์แบบน้ำ ตัวหนังสือจึงเริ่มเลอะออก สายตาพลันเผลออ่านเข้าโดยไม่ตั้งใจสัญญาร่วมค้ากับบริษัทจรัญ อ่านดูหน้าแรกไม่มีสิ่งใดผิดปกติและดูท่าเป็นความลับ จึงรีบเช็ดให้สะอาดจนทั่วกระทั่งถึงคำว่าตามรายละเอียดแต่งงานที่ได้แนบท้ายมาด้วยดวงตาคมเบิกกว้างมือสั่นเทาพลิกไปยังหน้าสุดท้ายแห่งสัญญา เธออ่านข้อตกลงที่ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่สามารถมีบ้านเล็กได้แต่ห้ามออกนอกหน้า รวมไปถึงสามารถมีลูกกับผู้อื่นได้ยกเว้นแค่ทายาทต้องเกิดกับดารณีเท่านั้นร่างบางถึงกับเข่าทรุดใช้มืออีกข้างพยุงโต๊ะไว้ขณะที่ค่อย ๆ นั่งลงแล้วอ่านทวนอีกครั้งเผื่อเธอเข้าใจผิด แต่ถึงแม้เธออ่านถึงสามรอบข้อความในสัญญาชัดเจนจนไม่อาจหาข้อแก้ตัวให้กับพสุธาได้การประมูลท่าเรือเฟอร์รี่คงมีความสำคัญต่อเขามาก เธอไม่เคยถามเขามาก่อนว่าเขามีธุรกิจอะไรบ้าง แค่พอแตะเรื่องหลัง
บทที่ 42“เรียบร้อยแล้วครับนายหัว”เสียงทัดทองพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้องทำงานระหว่างที่พสุธากำลังเซ็นต์เอกสาร เขาไม่ใส่ใจปล่อยให้บอดี้การ์ดรอก่อนจนสักพักเมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นนายหัวผิวสีเข้มหยิบซองบุหรี่จากบนโต๊ะขึ้นจุด แล้วโยนให้ทัดทองรอจนกระทั่งบอดี้การ์ดอัดควันเข้าปอดเรียบร้อยจึงค่อยเอ่ยถาม“ว่ามา”“ผู้หญิงคนนั้นเดินทางออกไปเรียบร้อยแล้วครับ”“ดี แล้วไงอีก”“จากที่สอบเค้นเห็นว่าเสี่ยยังติดใจคุณบัวไม่น้อย และค่อนข้างเกรี้ยวกราดเมื่อรู้ว่าคุณบัวย้ายมาอยู่กับนายหัว หล่อนบอกว่าคุณบัวถูกบังคับให้แต่งงานกับเสี่ย แล้วพอเกิดเรื่องก็ได้มาที่บ้านของเสี่ยเองเพื่อคืนของหมั้นทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่าขอเวลาทำใจสักหนึ่งปี แต่เจ้าเสี่ยมันรอไม่ไหวเลยไปคว้าลูกสาวของอีกบ้านมา ได้ทั้งผู้หญิง ได้ทั้งเงิน เพราะฝังนั้นไม่กลวงเหมือนนายหัวบัญชร”พสุธาชะงักไปตั้งแต่ประโยคแรก อารมณ์กรุ่นโกรธวันนั้นที่เขาแสดงออกมาคงทำให้สาวน้อยเสียใจ เพราะสองวันที่ผ่านมายังมีสีหน้าไม่ค่อยดีแม้ว่าเขาจะรีดเค้นพลังทางเพศบนเตียงมากแค่ไหนก็เหมือนจำใจทำ“แล้วหล่อนมาทำอะไรที่โรงแรม”ซี้ดดดดด!!เสียงสูดบุหรี่ก่อนพ่นออกมา