Share

ต่อจากนั้น

ปอคุนกับป้อก้านเลิกคิ้วสูงด้วยความดีใจ แม้แต่ยอดฝีมือ แค่เพียงขึ้นเขาที่มีค่ายกลนับสิบ หากขึ้นผิดช่องทางก็มีค่ายกลนับร้อยเรียงรายก็ไม่สามารถฝันฝ่าขึ้นไป(ใครจะรู้ว่าคนอย่างปู้ตานซินนึกคึกทำค่ายกล โหดหินอะไรไว้บ้าง)

“เจ้ามารับเขาทั้งสองขึ้นเขาไปเช่นนั้นหรือ จะไม่เกรงข้อครหาในการฟันฝ่าค่ายกลหรือไร ที่ลูกชายหญิงของเราได้อภิสิทธิ์โดยมี ท่านปรมาจารย์มารับขึ้นไป”

“ค่ายกลของข้าหากเป็นศิษย์พี่ทั้งสองถ้าจับจุดถูกก็สามารถขึ้นไปได้ไม่ยาก แต่คนอื่นหรือศิษย์ต่างสำนักล้วนไม่อาจ”

มองก็รู้ว่าว่างเกิน ในแต่ละวันสามปีที่รอคอยเขาไม่เคยสั่งสอนศิษย์มีเพียงศิษย์รุ่นแรกที่เขาต้องตรากตรำ ต่อจากนั้นก็เพียงสร้างค่ายกลแล้วก็สร้างค่ายกล ที่เป็นเหมือนการเล่นสนุกสำหรับเขา ใครจะรู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังปู้ตานซินชอบแกล้ง ผู้อื่นยิ่งยากยิ่งสาใจ

“เจ้าจะให้เราสองคนพาเขาขึ้นไปอย่างนั้นหรือ”

“เป็นเช่นนั้น ค่ายกลของข้าล้วนมีจุดอ่อน หากเป็นศิษย์พี่ที่เก่งกาจทั้งสองจึงผ่านขึ้นไปง่ายดายยิ่ง”

เรื่องอะไรจะยอมเสียชื่อ หากนำเด็กสองคนขึ้นไปต้องถูกครหา แถมยังเรื่องเล่าจากปากของสองศิษย์ที่จะต้องป่าวประกาศว่าเขาตั้งใจจะมอบเคล็ดวิชาให้กับสองหลานเกรงว่าชื่อเสียงของปู้ตานซินต้องมัวหมอง ไหนจะเรื่องที่หากไม่เป็นดั่งคาดเขาจะได้พูดที่ลับว่าเป็นศิษย์พี่ทั้งสองที่นำลูกหญิงชายขึ้นมา คารวะเป็นศิษย์เขาเองเขาได้ร้องขอไม่

“เจ้าตั้งใจเช่นนั้น เราสองคนยินดียิ่งนักคงมีโอกาสขึ้นไปทัศนาสำนักเกาซิ่งที่โด่งดังดูสักครา”

“เช่นนั้นเดือน จิ่วเยว่(กันยายน)นำพวกเขาขึ้นเขาเพราะค่ายกลในเดือนนั้นข้าจะปิดจุดแข็งเสียก่อนเพื่อท่านพี่ทั้งสองจึงสามารถขึ้นเขาไปง่ายดาย”

“ความจริงเจ้าไม่ต้องทำเพื่อเราทั้งสองคนเพียงนั้น”

“ข้าแค่เพียงไม่ให้ถึงตายหรือบาดเจ็บสาหัส แต่ยังคงความเป็นค่ายกล ที่ยากเย็นแสนเข็ญเช่นเดิม ปกติเดือนจิ่วเยว่ ข้าไม่รับศิษย์ขึ้นเขาเพราะถึงคราวที่ต้องปิดปรับปรุงค่ายกลใหม่ทั้งหมด”

ป้อคุนกับป้อก้านพยักหน้ายิ้ม ๆนึกหวั่นใจกับค่ายกลไม่น้อยไม่มีใครหยั่งใจปู้ต้านชินได้กระนั้น ปู้ตานซินเองก็ยิ้มแต่เป็นยิ้มที่ เหมือนจะบอกว่าเขาทำสำเร็จไปอีกขั้น ความสำเร็จที่ว่าคือชื่อเสียงกังวานแต่ไม่ได้ปลิดชีพใคร โดยเฉพาะศิษย์พี่ทั้งสองที่ยืนยิ้มอยู่นี้ หากเขาไม่ย้อนเวลากลับมา ป่านนี้ทั้งสองคนคงรอวันเป็นศพไปแล้ว ยืนยันว่าเข้าเปลี่ยนแปลงอดีตได้จริงดังหวัง

 เขาจำได้วันนั้นในเดือนจิ่วเยว่

“ พรรคมารเหิมเกริมศิษย์พี่ทั้งสองข้าอาสาจัดการพวกมันเพียงลำพัง ชื่อเสียงของพรรคเกาซิ่งของเราจึงจะขจรไกล”

ปู้ตานซินเหิมเกริมด้วยเคล็ดวิชาที่ปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงให้มา ยิ่งสร้างความมั่นใจปะมือกันครั้งใดสองศิษย์พี่แพ้พ่ายกับเขาเรื่อยมา

“อาสาจัดการ เราแค่เพียงเตือนเขาจึงดี”

ปอก้านออกความเห็น

“จัดการให้เข็ดหลาบ”ป้อก้านกับป้อคุน จ้องมองด้วยความผิดหวัง

“อาจารย์สอนจิตเมตตาแก่เราทั้งหมด ปู้ตานซินหากยังฝักใฝ่ไปในด้านนี้เกรงว่า เจ้าจะเข้าสู่ด้านมืดเต็มตัว”

 ปอก้านเตือน

“กำจัดคนชั่ว เช่นไรถึงเรียกว่าด้านมืด ข้าเพียงแต่กำจัดคนชั่วโฉดเพื่อความสงบสุขของยุทธ์ภพ เช่นไรจึงต้องเมตตาในเมื่อคนพวกนั้นคือพรรคมาร ศิษย์พี่ทั้งสองไม่เห็นด้วยข้าก็จะทำ”

“เช่นนั้นเราสองคนทำได้เพียงห้ามปราม” 

เรื่องราวหลังจากนั้นไม่ต้องพูดถึง ปู้ตานซินไม่ชอบให้ใครมาห้ามปราม………………. แต่ภายในใจ ของศิษย์พี่ทั้งสองกลับบอกว่ายับยั้งเขาโดยการฆ่าเขาเสีย

เคล็ดวิชาอ่านใจถูกใช้ในทันที หลังจากนั้นศิษย์พี่ทั้งสองก็ ต้องจบชีวิตลงทันทีเช่นกัน

……………………………………………...

“ เราสองคนพร้อม นำลูกหญิงชายขึ้นไปบนเขา หวังว่าปรมาจารย์ปู้ตานซินศิษย์น้องจะรับเขาทั้งสองเป็นศิษย์”

ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายแต่ศิษย์พี่ทั้งสองหารู้ไม่ว่าเขา คิดเช่นไรในครั้งนี้ เป็นปู้ต้านซินที่รู้ดีที่สุด

“หยางหว่าน กับจี้โม่คารวะอาจารย์เสียต่อไปเจ้าทั้งสองจะต้อง มีอาจารย์คอยดูแล”

ปู้ตานซินมีสีหน้าเรียบเฉยทว่าภายในกลับชื่นชมความน่าเอ็นดูของหยางหว่านไม่น้อยนางมีใบหน้างดงามแต่เด็ก จี้โม่เองก็หน่วยก้านดียิ่ง

“หยางหว่านคารวะอาจรย์”

“จี้โม่ครารวะอาจารย์”

เสียงใสใสของของเด็กน้อยหามีผลกับปู้ตานซินในเมื่อที่ผ่านมาความทรงจำครบถ้วนสมบูรณ์จี้โม่และหยางหว่าน ร้ายกาจเพียงใดยังจำอยู่ในใจ เขาสองคนร่วมมือกันวางแผนปลิดชีพเขา ดีที่เขาใช้เคล็ดวิชาอ่านใจหนึ่งในสองเคล็ดวิชาที่ปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงให้มา แต่หามีผู้ใดล่วงรู้เรื่องที่เคล็ดวิชาที่เขาได้มาไม่ มีเพียงศิษย์พี่สองคนที่รู้ว่าเขาได้เคล็ดวิชาท่องกาลเวลามา เคล็ดวิชาอ่านใจปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงย้ำกับเขาก่อนตายว่าอย่าได้แพร่งพรายบอกกล่าวผู้อื่นเช่นนั้นเขาจึงจะใช้ชีวิตยากเย็น เพราะเคล็ดวิชาอ่านใจนี้ ไม่อาจใช้พร่ำเพรื่อ 

หนึ่งเดือนเหมาะจะใช้เพียงครั้งเดียวเท่ากับสิบสองครั้งในหนึ่งปี

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status