“ก็พี่ห่วงของพี่นี่นา”
อิทธิกรหน้าเสียเล็กน้อยที่โดนหญิงสาวตอกลับมาแบบนั้นเขารู้ว่าเธอแค่ท้องแต่เขาเองก็แค่ห่วงคิดในใจว่าทำไมหญิงสาวไม่เข้าใจเขาบ้าง
“อะไรของพี่อิทเนี่ย”
อินทิราส่ายหัวหงึกหงักพร้อมหน้าตึงเล็กน้อยเดินจ้ำอ้าวหนีชายหนุ่มไปให้พ้นๆจะได้ไม่ต้องคอยมาบ่นให้เธอระวังใกล้ๆหูอีก
“เดี๋ยวพลอยเดินรอพี่ด้วยสิ...เดินช้าๆเดี๋ยวหกล้ม”
อิทธิกรจำต้องสาวเท้ายาวๆให้เดินตามคนเป็นภรรยาทันพร้อมปากก็ยังปรามไม่ให้หญิงสาวเดินไปไวแบบนั้นอีก
หลังจากที่ทุกคนเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเช้าในสวนดอกไม้เรียบร้อยแล้วก็กลับเข้ามาทานอาหารเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อทานเสร็จต่างก็แยกย้ายกันพักและเดินชมวิวกันต่อเพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่แปลงดอกไม้เพียงอย่างเดียวยังมีสถานที่จัดไว้ให้ถ่ายรูปเป็นตามจุดอีกมากมายที่จัดเอาไว้
“พลอย”
ภัคนัยเห็นพรณภัทร์ปลีกตัวมานั่งคนเดียวที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆกับซุ้มทานข้าวข้างๆก็มีไม้ค้ำยันคู่ใจของเธอวางพาดอยู่ใกล้ๆเขาจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆเธอ
“....”
พรณภัทร์หน้าตึงเล็กน้อยไม่ได้อะไรชายหนุ่มหากเขาอยากจะนั่งข้างๆเธอก็ขอให้นั่งเงียบๆก็แล้วกันเพราะเธออยากจะอยู่เงียบๆ
“อีกสองวันถ้ากลับแล้วพี่จะผ่าเฝือกให้แล้วเอ็กซเรย์ดูอีกทีว่าต้องใส่เฝือกต่อหรือเปล่าถ้ากระดูกสมานกันดีแล้วก็น่าจะใส่แค่เฝือกอ่อนได้”
ภัคดนัยเห็นจะต้องคุยเรื่องสุขภาพของเธอเพราะเห็นจะเป็นเรื่องเดียวที่หญิงสาวจะยอมคุยกับเขาได้นานหน่อย
“ดีค่ะพลอยจะได้ทำอะไรถนัดขึ้นแล้วก็จะได้ไม่ต้องอยู่รบกวนยัยพีคด้วย”
พรณภัทร์ขอให้อาการของเธอมันหายไปภายในเร็ววันเธอจะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้กับชายหนุ่มอีก
“ถ้าหายดีแล้วจะย้ายกลับไปอยู่ที่คอนโดพี่ก็ได้”
ภัคดนัยเห็นว่าหากหญิงสาวหายีแล้วและช่วยเหลือตัวเองได้ถ้าไม่อยากจะอยู่ที่บ้านของเขาต่อเขาก็อยากให้เธอย้ายกลับไปอยู่ที่คอนโดของเขาแบบเดิมจะได้ใกล้หูใกล้ตาเขาด้วย
“ไม่ค่ะ..พลอยไม่รบกวนดีกว่า”
พรณภัทร์คิดเอาไว้แล้วว่ายังไงเธอก็จะไม่ขออยู่ที่นั่นถ้าเธอหายดีแล้วเพราะไม่อยากจะรบกวนชายหนุ่มให้เป็นบุญคุณต่อเธอมากไปกว่านี้
“อย่าทำเหมือนพี่เป็นคนแปลกหน้าของพลอยได้ไหมในเมื่อพลอยเป็นคนของพี่”
ภัคดนัยไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้หญิงสาวเชื่อฟังในความหวังดีของเขาบ้างไม่ชอบให้เธอทำท่าทีเกรงใจเขาเหมือนเขาเป็นคนอื่นคนไกลกับเธอเลยทั้งที่เธอเป็นของเขาแล้วเธอก็รู้ดี
“พลอยไม่ได้เต็มใจเป็นคนของพี่ภาคย์เลยสักนิด”
พรณภัทร์ถึงกับไม่อยากมองหน้าชายหนุ่มดูคำพูดที่เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยว่าเธอคือคนของเขาทั้งที่ตัวเองก็น่าจะรู้ตัวดีว่าเธอเต็มใจหรือไม่
“ยังไงพี่ก็ต้องรับผิดชอบพลอยอยู่ดี”
“ไม่ต้องค่ะพี่ภาคย์ช่วยรักษาพลอยให้พลอยไม่ตายไปแค่นี้พลอยก็ถือว่าเป็นการรับผิดชอบแล้วล่ะค่ะพลอยหายดีเมื่อไรก็ชีวิตใครชีวิตมัน”
ทั้งสองต่างต่อปากต่อคำกันอย่างไม่ยอมลดละดูท่าแล้วคำพูดที่พูดใส่กันมันเหมือนจะทำให้เจ็บกันทั้งคู่เพราะไม่ยอมเผยความรู้สึกที่แท้จริงกันออกมาเสียทีพีรยาเองที่ยืนแอบฟังมาตั้งแต่แรกจึงทนไม่ได้อีกต่อไป
“สองคนคุยอะไรกันไปทานอาหารเที่ยงกันเร็ว”
หญิงสาวเห็นพี่ชายของเธอและเพื่อนสาวคุยกันท่าทางจะปล่อยให้นานกว่านี้ไม่ได้เลยส่งเสียงร้องทักทั้งสองให้ไปทานอาหารกลางวัน
โต๊ะอาหาร
“มากันแล้วค่ะ”
พีรยาเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารมีภัคดนัยและพรณภัทร์ที่เดินตามหลังมานั่งข้างๆกัน
“พี่อิททานได้ใช่ไหมคะ”
เมื่อทุกคนมานั่งพร้อมกันที่โต๊ะอาหารแล้วเชฟของที่นี่ก็เดินมาเสริฟเสต็กให้ทุกคนอินทิราเห็นว่าสามีของเธอไม่ได้รู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารคาวแล้วจึงถามขึ้นว่าเขานั้นไม่มีอาการคลื่นไส้เมื่อได้กลิ่นอาหารแล้วหรือ
“อืม..พี่ก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ..สงสัยเจ้าตัวเล็กคงสงสารพ่อล่ะมั้งที่วันๆทานได้แต่ผลไม้”
อิทธิกรรู้สึกว่าอาการเหม็นกลิ่นอาหารของเขามันไม่มีแล้วพร้อมพูดถึงลูกในท้องที่อนุญาตให้เขาทานของคาวได้เสียที
“ดีแล้วล่ะค่ะทานเยอะๆเลยนะคะอีกไม่กี่วันก็ต้องกลับไปทำงานแล้วขืนทานอะไรไม่ได้แย่เลย”
อินทิรายิ้มกว้างอย่างดีใจที่สามีเธอจะทานข้าวทานปลาได้เสียทีเพราะไม่กี่วันก็ต้องไปทำงานเธอเองก็ห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันดีที่ตอนนี้ขาสามารถที่จะทานอย่างอื่นที่นอกจากผลไม้ได้แล้ว
“พี่ภาคย์”
พีรยาสะกิดพี่ชายของเธอที่นั่งอยู่ข้างๆพรณภัทร์พลางมองไปที่จานสเต็กของเพื่อนเธอ
“เอ่อ...พลอยเดี๋ยวพี่หั่นให้”
ภัคดนัยรีบดึงจานสเต็กของหญิงสาวมาหั่นเพราะรู้ว่าเธอใช้มืออีกข้างไม่ถนัดเหตุเพราะแขนยังไม่หายดี
“ขอบคุณค่ะ”
พรณภัทร์ไม่ได้ปฏิเสธที่ชายหนุ่มจะช่วยเพราะไม่อย่างนั้นเธอเองก็คงจะไม่ได้ทาน
“นี่..อ้าปากสิ”
ภัคดนัยหั่นชิ้นสเต็กหมูพร้อมใช้ส้อมจิ้มแล้วยื่นไปที่ปากของหญิงสาวทำเอาคนทั้งโต๊ะอาหารมองกันเป็นตาเดียว
“พลอยทานเองได้ค่ะแค่หั่นให้พลอยก็พอแล้ว”
พรณภัทร์ไม่ชอบให้ทุกคนจับจ้องมาที่เธอแบบนี้เลยจึงรีบดึงจานของเธอกลับมาพร้อมหยิบส้อมจากมือชายหนุ่มกลับไปด้วย
“อิๆๆ/...คริๆ..”
พีรยาและอินทิราต่างมองตากันอมยิ้มเล็กน้อยที่เห็นความรู้สึกของภัคดนัยที่ออกมาจากการกระทำอย่างชัดเจนว่าห่วงพรณภัทร์ขนาดไหน
วันต่อมา
“กลับดีๆว่างๆก็แวะมาเที่ยวใหม่นะ”
“แน่นอนจะ”
อินทิราโบกไม้โบกมือลาพวกเพื่อนๆเธอที่กำลังจะแยกย้ายกันกลับใบหน้าเธอแอบเสียดายเล็กๆที่ทุกคนอยู่ที่นี่ได้ไม่นานเพราะต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองและยังไม่ลืมที่จะบอกให้ทุกคนมาหาในเมื่อวันที่ว่างเอเองหากเข้ากรุงเทพเมื่อไรก็คงจะหาเวลาไปหาเพื่อนๆเธอเองที่บ้านด้วย
“เสียดายพวกเค้าอยู่ได้ไม่กี่วันเองก็ต้องกลับแล้ว”
อิทธิกรไม่อยากให้ความสุขแบบนี้มันหายไปเร็วเลยเมื่อก่อนเขาไม่ค่อยชอบพบปะสังสรรค์กับใครมากเท่าไรแต่พอมีหญิงสาวเข้ามาในชีวิตความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป
เดือนต่อมากรุงเทพมหานครอิทธิกรพาอินทิรามาพักอยู่บ้านที่กรุงเทพของเขาสักพักแล้วเพราะเขาต้องเข้ามาทำงานที่บริษัทเหมือนเดิม“วันนี้เหนื่อยไหมคะ”เมื่ออินทิราเห็นคนเป็นสามีกลับบ้านมาก็รีบเอาน้ำเย็นๆมาต้อนรับเพราะเห็นสามีของเธอดูยุ่งๆทุกวัน“เห็นหน้าออมพี่ก็ไม่เหนื่อยแล้ว”อิทธิกรเองถึงจะเหนื่อยเพียงใดแต่เขาก็รับมือไหวและไม่เอามาพูดในบ้านให้คนเป็นภรรยาที่กำลังท้องอยู่กังวลกับเขาไปด้วยเด็ดขาด“วันนี้คุณแม่กับยัยเอมกลับมาแล้วพวกเค้าจะมาทานข้าวที่บ้านเราด้วย”อิทธิกรรู้ว่าแม่กับน้องของเขากลับมาได้เป็นวันแล้วบ่นอยากจะมาหาอินทิราใจจะขาดเพราะอยากรู้ว่าหลานในท้องมีพัฒนาการไปอย่างไรบ้างแล้ว“ตายจริงพี่อิทไม่บอกออมให้เร็วกว่านี้คะออมจะเตรียมอาหารไว้รอ”อินทิราตำหนิคนเป็นสามีเพราะหากบอกเธอให้เร็วกว่านี้เธอเองก็จะเข้าครัวทำอาหารไว้ต้อนรับแม่และน้องสามีของเธอเอง“ออมไม่ต้องทำหรอกพี่สั่งแม่บ้านไว้แล้วขืนพี่บอกออมก่อนก็คงจะต้องลงมือทำเองใช่ไหมล่ะ”“..ค่ะ..”อิทธิกรคิดถูกที่บอกแม่บ้านอย่างเดียวจะดีกว่าเพราะไม่เช่นนั้นคนเป็นภรรยาของเขาจะต้องเหนื่อยทำอาหารอีเป็นแน่ท้องยังอ่อนๆอยู่เขาไม่อยากให้หญิงสาวทำอะ
“แม่ว่าคงต้องปล่อยให้อัญชัญได้เรียนรู้ด้วยตัวเองสักพักไม่นานคงจะปรับตัวได้เอง”“ค่ะคุณแม่”อรุณาเองก็พอจะรู้อยู่ว่าอัญชัญเป็นอย่างไรแต่คนเรามันก็ต้องโตขึ้นไปทุกวันยังไงเธอก็คิดว่าชีวิตที่อัญชัญจะต้องเจอจะเป็นการสอนเด็กสาวเองว่าจะต้องรับมือกับมันยังไงเธอเชื่อว่าคนที่มีสำนึกดีอย่างอัญชัญจะต้องผ่านมันไปได้บ้านโรจน์วินิจวรกุล18.00 น.“ช่วงนี้อินเลิฟวันหยุดก็หายไปแต่เช้ากลับมาซะเย็นทุกเลยนะ”ภัคดนัยที่นั่งอยู่หน้าบ้านในช่วงเย็นเห็นคนเป็นน้องสาวกลับมาเห็นเดินอารมณ์ดีเข้ามาก็ต้องเอ่ยปากพูดตามประสาพี่ชายหยอกน้องสาว“น้องก็ขอมีความสุขอยู่ใกล้แฟนบ้างอะไรบ้าง...ใครจะไปเหมือนคนบางคนที่น่าอิจฉาได้อยู่ใกล้คนที่อยากอยู่ใกล้ตลอด”พีรยาไม่เองก็ไม่ลืมที่จะยอกย้อนพี่ชายเธอกลับตามนิสัยของเธอ“พีคกลับมาก็ดีแล้วฉันมีเรื่องจะคุยกับแกอยู่พอดี”พรณภัทร์รีบเดินมาจูงมือเพื่อนสาวของเธอเข้าไปคุยอย่างรีบร้อนตอนนี้หญิงสาวเดินเหินได้สะดวกขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นเพราะถอดเฝือกออกนานแล้ว“อ๋อ..อืมไปคุยกันในห้องดีกว่า” พีรยาเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวเธอก็พอจะเดาออกว่ามีธุระสำคัญจึงให้เข้าไปคุยในห้องเธอจะดีกว่า“มีอะไรหรือเ
“อิๆๆๆ”พีรยาเองไม่ได้ไปหายาให้พี่ชายเธอที่ไหนเพียงแต่กลับเข้าไปในห้องของเธอก็เท่านั้นตอนนี้หญิงสาวดีดดิ้นดีใจอยู่บนเตียงนอนที่แผนของเธอสำเร็จอีกแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่พี่ชายเธอเองเท่านั้นที่จะช่วยให้ตัวเองได้สมหวังหรือเปล่าแกร็กกกกก“......”ภัคดนัยที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่ถึงกับเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสีหน้าที่แปลกใจเล็กน้อยที่เธอรีบร้อนเข้าห้องของเขามาด้วยในมือถือกะละมังน้ำเข้ามาอย่างรีบร้อน“พี่ภาคย์เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะเดี๋ยวพลอยจะเช็ดตัวให้ก่อนนะคะยัยพลอยน่าจะกำลังไปหายามาเป็นถึงหมอทำไมไม่ดูแลตัวเองปล่อยให้ป่วยหนักแบบนี้ได้ไงล่ะคะ”พรณภัทร์วางกะละมังน้ำที่โต๊ะวางของข้างเตียงของชายหนุ่มพร้อมใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆเตรียมที่จะเช็ดตัวให้คนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่“........???”ภัคดนัยมองการกระทำของหญิงสาวอย่างสงสัยในคราแรกแต่เมื่อได้ยินว่าน้องสาวของเขากำลังจะไปเอายามาให้จากปากหญิงสาวเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่คงจะเป็นการเล่นอะไรแผลงๆของน้องสาวของเขาอีกแล้วสินะ“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา”พรณภัทร์นั่งลงข้างๆชายหนุ่มในมืออีกผ้าถือผ้าเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลส่วนมืออีกข้างก็ยื่นไปแตะที
บริษัทXXX17.00 น.“ทำอะไรอยู่เหรอ”“ออมถักกระเป๋าจิ๋วอยู่ค่ะเสร็จแล้ว2ใบน่ารักไหมคะ”อิทธิกรหิ้วคนเป็นภรรยามาที่ทำงานด้วยแทบจะทุกวันให้เธอมานั่งๆนอนๆที่นี่จนเธอเบื่อต้องหาอะไรทำในระหว่างที่เขาทำงานอยู่“พี่ชักจะอิจฉาไหมพรมในมือออมซะแล้วสิดูออมจะสนใจมันมากกว่าพี่”ชายหนุ่มลงนั่งบนโซฟาข้างๆกับภรรยาพร้อมใช้มือโอบไหล่ของเธอเอาไว้หลวมๆมีสีหน้าที่แกล้งทำเป็นแอบงอนเล็กน้อยที่วันนี้เธอเอาแต่นั่งจดจ่ออยู่กับก้อนไหมพรม“หืม..ออมก็สนใจพี่อิทตลอดนั่นแหละค่ะทำเป็นน้อยใจไปได้”อินทิราถึงกับต้องหยุดมือแล้วหันมาโอบกอดสามีขี้งอนของเธอที่อิจฉาแม้กระทั่งไหมพรมพร้อมบอกกับเขาใจจริงว่าเธอไม่เคยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว“แหม..เอมมาผิดจังหวะหรือเปล่าคะพี่อิท”ไอรดาเผลอเข้าห้องทำงานพี่ชายเธอโดยที่ไม่ได้เคาะประตูไม่คิดว่าทั้งสองกำลังหวานกันอยู่“มีอะไรเหรอเอม”อิทธิกรหันไปถามคนเป็นน้องสาวว่าที่เข้ามามีเรื่องอะไร“พอดีเอมนัดช่างที่เราสั่งตัดชุดเอาไว้ที่บ้านค่ะตอนนี้ชุดเสร็จแล้วเหลือแค่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปลอง”ไอรดาต้องการมาบอกให้ทั้งสองรีบกลับบ้านเพราะตอนนี้เธอนัดช่างที่ตัดชุดให้ไปรอที่บ้านหลังจากที่พวกเธอเล
“ใกล้จะถึงแล้วเราไปกั้นประตูเงินประตูทองกันเถอะ”เมื่อขบวนใกล้ถึงพีรยาก็ดึงมือพรณภัทร์ออกไปด้านนอกทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวกั้นประตูเงินประตูทองกับคนอื่นๆที่รออยู่ที่นี่“ออม”“พี่อิท”และแล้วก็ได้เวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะสวมแหวนแต่งงานและทำพิธีลดน้ำสังข์เสียทีทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่เรื่อยๆต่างยิ้มให้กำลังใจกันและกันและปลื้มปริ่มอยู่ในใจอย่างมากที่พวกเขานั้นได้แต่งงานกันอย่างเป็นพิธีเสียทีช่วงเย็นของวันอินทิราอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวกระโปรงสุ่มที่ดูเหมือนตุ๊กตามากๆหลังจากที่ช่างแต่งตัวให้เธอเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็หาเวลาเดินมาดูเพื่อนเธอเสียหน่อยว่าเป็นยังไงกันบ้างเพราะตั้งแต่เช้าก็ไม่ค่อยจะได้คุยกันเลย“เหนื่อยไหมแก”พีรยาเห็นอินทิราเดินเข้ามาในห้องก็เอ่ยถามคนเป็นเจ้าสาวว่าวันนี้รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือเปล่ากำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย“ไม่เลยพวกแกนั่นแหละที่ฉันต้องถามว่าเหนื่อยไหม”อินทิราคิดว่าคำถามนี้ควรจะเป็นเธอที่ถามมากกว่าเพราะว่าเธอนั้นแค่เข้าพิธีเฉยๆส่วนงานอย่างอื่นเพื่อนๆเธจัดแจงเองหมด“ไม่เลยพวกฉันเต็มใจทำให้แก”พรณภัทร์ยิ้มกว้างพร้อมหันไปตอบอินทิราพวกเธอไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิดกับอ
เขาใหญ่ไร่แก้วกัลยา08.00 น.เพล้งง“ออกไป”เป็นอีกวันที่เสียงอาละวาดดังขึ้นมาในบ้านหลังเล็กท้ายไร่อิทธิกรไม่ค่อยจะยอมทานอะไรอีกเช่นเคยหลังจากที่เขาได้รับอุบัติเหตุจนเสียการมองเห็นและย้ายจากคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กรุงเทพมาขลุกอยู่ที่ไร่ของคนเป็นแม่นี่ก็เป็นเวลาสามสี่เดือนแล้วที่คนรักของเขาหายหน้าหายตาไม่กลับมาดูดำดูดีเขาเลยสักนิด“เป็นแบบนี้แทบทุกวันเลยหรือเปล่าเอื้อง”อรุณาถามแม่บ้านที่เธอให้ดูแลอยู่ที่นี่ด้วยสีหน้าอ่อนใจเธอคิดว่าเวลาผ่านไปร่วมสามเดือนจะทำให้ลูกชายคนโตของเธออาการดีขึ้นบ้างเสียอีก“ค่ะคุณณาเอื้องก็เห็นเป็นแบบนี้แทบทุกวันจนเด็กที่เรือนใหญ่ต่างก็หวาดคุณอิทกันหมดแล้วล่ะค่ะ”ช่อเอื้องที่รู้จักอิทธิกรเป็นอย่างดีเพราะเห็นมาตั้งแต่เด็กๆเธอรู้ว่าชายหนุ่มค่อนข้างที่จะโมโหร้ายแต่ก็มีเหตุผลอยู่พอตัวแต่ครั้งนี้ดูท่าชายหนุ่มจะอาการหนักเอาการเพราะหลังจากป่วยมานี้ก็ไม่เคยฟังอะไรใครทั้งนั้นแถมคนอื่นที่คอยดูแลยังเข้าหน้าไม่ค่อยจะติดอีกด้วย“เอมว่าป่วยกายคงไม่เท่าไรหรอกค่ะคุณแม่คงจะป่วยใจร่วมด้วยมากกว่า”ไอรดามองหน้าคนเป็นแม่เธอพอจะรู้อาการของพี่ชายเธออยู่บ้างว่าไอ้ที่ทำตัวค่อนข้างงี่เง่าอ
เย็นของวันเรือนเล็กท้ายไร่ถึงตาอิทธิกรยังมองไม่เห็นแต่เขาก็สามารถที่จะหาน้ำเมามาเพื่อดับความทุกข์ในใจของเขาได้ตอนนี้ในใจของเขามันร้อนลุ่มดั่งไฟสุมเขาเกลียดอุบัติเหตุวันนั้นที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนตาบอดแบบนี้หนำซ้ำหญิงคนรักยังไม่คิดจะเป็นห่วงมาดูดำดูดีเขาอีกแกร๊กกก“กิ่ง!!”อิทธิพลได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็ดีใจขึ้นมาแวบหนึ่งเพราะคิดว่าเป็นหญิงคนรักที่เขาคอยเฝ้ารอมาหาเขาแล้ว“เอมกับคุณแม่เองค่ะพี่อิท”ไอรดาถึงกับส่ายหัวให้กับพี่ชายของเธอที่ไม่รู้จะละเมอเพ้อพกอะไรถึงผู้หญิงคนนั้นนักหนาตอนนี้เธอคันปากอยากจะบอกความจริงแย่แล้วว่าวีรกรรมของกรกนกมันมีอะไรบ้าง“นี่ดื่มหนักขนาดนี้ไม่คิดจะเป็นห่วงสุขภาพของตัวเองบ้างหรือไงตาอิท”อรุณาไม่อยากเห็นลูกชายเธอเป็นแบบนี้นานๆเลยใบหน้าที่เคยดูหล่อเหลากลับดูเหี่ยวเฉาอิดโรยผอมขอบตาดำคล้ำผมเผ้าหนวดเคราเฟิ้มดูไม่เป็นผู้เป็นคนแถมยังดื่มแต่ของมึนเมาอีกต่างหาก“กิ่งเธอติดต่อมาบ้างหรือเปล่าครับคุณแม่”อิทธิกรอยากจะรู้ว่าคนรักของเขานั้นได้ติดต่อกับครอบครัวของเขาบ้างหรือเปล่าตอนนี้เขาหวังว่าจะได้คำตอบที่ทำให้เขาได้ใจชื้นขึ้นมาบ้างจากปากของคนที่เป็นแม่ของเขา“เอ่
“ถ้าพี่เป็นออมอย่าหวังว่าพี่จะทน”ภัคดนัยถึงกับนั่งลงที่เก้าอี้ด้วยความเซ็งพร้อมนึกถึงชีวิตของอินทิราแล้วเขาก็เหนื่อยใจแทนบ้านปัทมกร“มัวไปถเลถไหลที่ไหนจนต้องให้ฉันโทรตามล่ะ”อรดียืนรออินทิราอยู่ที่หน้าบ้านเพราะในใจรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันที่หญิงสาวเงินเดือนออกเมื่อหญิงสาวเข้ามาในบ้านได้เธอก็ส่งเสียงพูดจาจีบปากจีบคออย่างไม่พอใจและมีสีหน้าโมโหเล็กน้อย“พอดีออมไปงานวันเกิดพี่ภาคย์มาน่ะค่ะ...นี่เงินเดือนออมค่ะคุณแม่”อินทิรารีบเข้ามาบอกคนเป็นแม่ใหญ่ของเธออย่างรวดเร็วว่าที่เธอกลับช้าเธอไปที่ไหนมาพร้อมทั้งควักเงินเดือนที่เกือบทั้งหมดที่เป็นเงินเดือนของเธอยื่นให้หญิงตรงหน้าอย่างเต็มใจเงินที่เหลือของเธอก็เก็บไว้แค่พอมีกินและค่ารถไปทำงานก็เท่านั้น“อืม..รู้หน้าที่แบบนี้ก็ดีนี่ลาออกแล้วใช่ไหมวันมะรืนนี้ทางนั้นเค้าจะมารับแกไปแล้วนะเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”อรดีรีบรับเงินจากอินทิราด้วยสีหน้าพอใจพร้อมเดินกลับเข้าไปในบ้านทันทีแต่ก็ยังมิวายย้ำสิ่งที่หญิงสาวจะต้องทำในอีกไม่กี่วันนี้“ค่ะคุณแม่”ทุกๆเดือนเวลาเงินเดือนออกอินทิราก็จะนำเงินที่หักจากค่ากินค่ารถของเธอทั้งหมดให้กับอรดีเพราะรู้ว่าสถานะทางบ้านของเ