Share

ตอนที่35

เดือนต่อมา

กรุงเทพมหานคร

อิทธิกรพาอินทิรามาพักอยู่บ้านที่กรุงเทพของเขาสักพักแล้วเพราะเขาต้องเข้ามาทำงานที่บริษัทเหมือนเดิม

“วันนี้เหนื่อยไหมคะ”

เมื่ออินทิราเห็นคนเป็นสามีกลับบ้านมาก็รีบเอาน้ำเย็นๆมาต้อนรับเพราะเห็นสามีของเธอดูยุ่งๆทุกวัน

“เห็นหน้าออมพี่ก็ไม่เหนื่อยแล้ว”

อิทธิกรเองถึงจะเหนื่อยเพียงใดแต่เขาก็รับมือไหวและไม่เอามาพูดในบ้านให้คนเป็นภรรยาที่กำลังท้องอยู่กังวลกับเขาไปด้วยเด็ดขาด

“วันนี้คุณแม่กับยัยเอมกลับมาแล้วพวกเค้าจะมาทานข้าวที่บ้านเราด้วย”

อิทธิกรรู้ว่าแม่กับน้องของเขากลับมาได้เป็นวันแล้วบ่นอยากจะมาหาอินทิราใจจะขาดเพราะอยากรู้ว่าหลานในท้องมีพัฒนาการไปอย่างไรบ้างแล้ว

“ตายจริงพี่อิทไม่บอกออมให้เร็วกว่านี้คะออมจะเตรียมอาหารไว้รอ”

อินทิราตำหนิคนเป็นสามีเพราะหากบอกเธอให้เร็วกว่านี้เธอเองก็จะเข้าครัวทำอาหารไว้ต้อนรับแม่และน้องสามีของเธอเอง

“ออมไม่ต้องทำหรอกพี่สั่งแม่บ้านไว้แล้วขืนพี่บอกออมก่อนก็คงจะต้องลงมือทำเองใช่ไหมล่ะ”

“..ค่ะ..”

อิทธิกรคิดถูกที่บอกแม่บ้านอย่างเดียวจะดีกว่าเพราะไม่เช่นนั้นคนเป็นภรรยาของเขาจะต้องเหนื่อยทำอาหารอีเป็นแน่ท้องยังอ่อนๆอยู่เขาไม่อยากให้หญิงสาวทำอะไรมากนัก

“นั่นไงมากันพอดีเลย”

ทั้งสองยังไม่ทันได้คุยกันเสร็จอิทธิกรก็ได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านจึงยืนรอต้อนรับเสียตรงนี้เลย

“เป็นไงหนูออมมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะนะนี่แม่ซื้อของบำรุงมาให้เต็มเลย”

“ฉันก็ซื้อพวกชุดคลุมท้องกับพวกหนังสือคุณแม่มือใหม่ให้เธอด้วยนะออม”

“ขอบคุณค่ะ”

ทั้งอรุณาและไอรดาต่างก็มีของมาให้อินทิรากันเต็มไปหมดเพราะด้วยความที่พึ่งจะมีหลานกันคนแรก

“ไม่ค่อยจะเห่อเท่าไรเลยนะครับ”

อิทธิกรอดแซวทั้งสองไม่ได้ที่ดูท่าจะเห่อหลานกันยกใหญ่

“แหมก็ยังดีกว่าคนที่จะตั้งชื่อลูกตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องได้สองเดือนล่ะมั้งยังไม่รู้เพศด้วยซ้ำ”

ไอรดาเองก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าพี่ชายเธอท่าจะเห่อหนักกว่าเธออยู่พอตัวเพราเธอเองก็ได้ติดต่อกับอินทิราอยู่บ่อยๆหลังจากที่ทั้งอินทิราและพี่ชายเธอเข้าใจกันดีแล้ว

“อิๆๆ”

อินทิราอมยิ้มให้คนเป็นสามีพร้อมเดินพากันเข้าไปนั่งในบ้าน

โต๊ะอาหาร

ทั้งสี่พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันได้พักใหญ่ก็ได้เวลาที่แม่บ้านจะมาจัดโต๊ะอาหารเย็นวันนี้อาหารมีมากมายหลายอย่างที่อิทธิกรสั่งให้แม่บ้านจัดเตรียมเพราะจะต้องมีเมนูโปรดให้ทั้งแม่กับน้องและคนเป็นภรรยา

“อืม..แล้วเรื่องแต่งงานว่ายังไงกันล่ะแม่ไม่ถือฤกษ์หรอกนะขอสะดวกยิ่งเร็วยิ่งดี”

อรุณาว่าจะถามเรื่องแต่งงานกับทั้งสองตั้งนานแล้วเพราะไม่เห็นว่าทั้งสองนั้นจะพูดถึงเรื่องนี้กับเธอเสียที

“ก็ออมสิครับคุณแม่ผมจะแต่งตั้งนานแล้วแต่เจ้าตัวก็จะรอคุณแม่กับยัยเอมกลับมาก่อน”

อิทธิกรโบ้ยให้เป็นความลีลาของภรรยาของเขาที่บอกว่าจะขอรอให้แม่กับน้องของเขากลับมาก่อนจึงจะพูดถึงเรื่องนี้เขาเองอยากจะจัดงานแต่งให้มันเสร็จเรียบร้อยไปใจจะขาดจะได้ประกาศให้ทุกคนได้รู้เสียทีว่าภรรยาของเขาเป็นใครหากจะบอกตอนนี้ก็กลัวว่าคนอื่นจะมองหญิงสาวไม่ดี

“อย่างนั้นเหรอ..งั้นแม่ขอเป็นคนหาวันเองก็แล้วกันนะหนูออม”

อรุณาคิดว่าอินทิราคงจะอยากให้พวกเธออยู่ด้วยในงานแต่งในเมื่อตอนนี้เธอเองก็กลับมาแล้วก็ขอเป็นคนดูวันเองก็แล้วกันเพราะเธอก็อยากให้ทั้งสองรีบแต่งกันก่อนที่ลูกสะใภ้เธอจะท้องโตไปมากกว่านี้

“ค่ะคุณแม่..แต่ออมขอเป็นงานเล็กๆจัดที่ไร่ก็พอนะคะ”

อินทิราไม่ขัดที่อรดีจะเป็นคนหาวันแต่งเองเพราะเธอก็อยากจะให้อรุณากลับมากำหนดวันให้เธออยู่แล้วเพียงแต่เธอแค่อยากให้งานแต่งของเธอเป็นงานเล็กๆแล้วก็จัดที่ไร่แก้วกัลยาก็เท่านั้น

“ว่ายังไงล่ะตาอิท”

อรุณาหันไปถามคนเป็นลูกชายว่าจะเอาแบบที่อินทิราว่าหรือไม่หากเห็นดีด้วยเธอจะได้สั่งคนที่นั่นให้เตรียมการได้เลย

“ผมแล้วแต่ออมครับคุณแม่”

อิทธิกรไม่ขัดอะไรเจ้าสาวของเขาทั้งนั้นแค่เธอจะแต่งกับเขาเสียดีก็ดีแล้ว

“......”

ไอรดาถึงกับวางช้อนทานข้าวพร้อมอมยิ้มออกมาแก้มปริที่รู้ชะตาของพี่ชายเธอแล้วว่าแต่งงานไปแล้วใครจะเป็นใหญ่ในบ้าน

“ยิ้มอะไรยัยเอม”

อิทธิกรไม่ค่อยชอบเวลาน้องสาวของเขายิ้มเจ้าเล่ห์สักเท่าไรเพราะเขาพอจะเดาออกว่าน้องสาวของเขานั้นคิดอะไรอยู่

“เปล่าค่ะ..”

ไอรดาปฏิเสธหน้าตาเฉยพร้อมหันไปสนใจจานข้าวของเธอต่อ

“แม่ว่าจะคุยถึงเรื่องอัญชัญน่ะที่เราตกลงกันไว้เธอจะมาที่นี่เมื่อไร”

อรุณาเองมาเจอลูกชายของเธอทั้งทีก็อยากจะคุยธุระที่มันคาใจให้มันจบๆไปเธอเองพอจะรู้มาว่าลูกชายของเธอเป็นผู้ปกครองให้กับลูกคนงานที่พึ่งเสียไปเธอเองก็เห็นเด็กคนนั้นวิ่งเล่นอยู่ในไร่ตั้งแต่เล็กแต่น้อยเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานคนนึงจึงไถ่ถามเรื่องนี้ขึ้น

“ผมจะให้เธอเรียนให้จบม.6ที่นั่นก่อนครับแล้วค่อยย้ายมาที่นี่”

อิทธิกรและอินทิราปรึกษากันดีแล้วว่าให้คนที่เรือนใหญ่ที่ไร่ดูแลเด็กสาวให้จบม.6ที่โรงเรียนที่เธอเรียนอยู่ไปก่อนเมื่อจบแล้วก็ค่อยให้ย้ายมาเรียนที่นี่

“ดีแล้วหละเธอจะได้ไม่ต้องย้ายกลางคัน”

อรุณาเห็นว่าวิธีแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันอัญชัญจะได้ไม่ต้องย้ายกลางคันให้มันยุ่งยาก

“แต่ออมก็ยังห่วงๆเรื่องนี้อยู่เหมือนกันอัญชัญเป็นเด็กหัวอ่อนไม่รู้ว่าจะเข้ากับคนที่นี่ได้มากน้อยแค่ไหน”

อินทิราดูๆแล้วอัญชัญยังดูเป็นเด็กอยู่มากเมื่อเทียบกับเด็กในเมืองที่อายุเท่ากับเธอจึงรู้สึกเป็นห่วงเล็กๆว่าถ้าหากอัญชัญต้องมาเจอกับสังคมจะเป็นอย่างไรเธอเองรู้ดีว่าสังคมที่นี่กับบ้านนอกมันต่างกันแค่ไหนเธอจึงอดห่วงอัญชัญไม่ได้เมื่อถึงเวลาที่จะเข้ามาเรียนต่อที่นี่

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status