“ทุกคน”
อินทิราถึงกับน้ำตาคลอที่ทุกคนเซอร์ไพรซ์เธอแบบนี้เธอรู้ว่าอิทธิกรคงจะรู้เห็นด้วยไม่อย่างนั้นคงจะไม่รีบกลับและทำท่าทีแปลกๆจนเธอต้องสงสัย
“นี่ครับแหวน”
อิทธิกรเห็นทุกคนเปิดตัวออกมากันหมดแล้วเขาก็เดินถือกล่องแหวนเพชรที่แม่ของเขาให้เอาไว้เพื่อให้คนที่เขารักมาคุกเข่าต่อหน้าหญิงสาว
“พี่อิท”
อินทิราถึงกับนั่งตัวเกร็งที่ชายหนุ่มทำอะไรโรแมนติกแบบนี้
“จดทะเบียนแล้วจะไม่มีแหวนได้ยังไง”
อิทธิกรดึงมือเล็กของหญิงสาวมาพร้อมสวมแหวนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายขนาดของแหวนของแม่เขาเข้ากับนิ้วมือของเธอได้อย่างดี
“ขอบคุณนะคะ”
อินทิราโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างสุขสุดหัวใจผู้ชายคนนี้คนที่กอดเธออยู่นั้นเป็นคนที่มอบคำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์และชีวิตใหม่ให้เธออย่างแท้จริง
“งุ้ยยเขินนน”
พีรยายืนดูสองคนนั้นกอดกันไปก็หน้าแดงไปเพรารู้สึกเขินกับการกระทำของทั้งคู่ด้วยความที่ยินดีกับเพื่อนเธอด้วยทั้งเธอและพรณภัทร์ต่างก็น้ำตาคลอเล็กๆด้วยความสุขหัวใจ
“ทานกันเต็มที่เลยนะคะในครัวมีอาหารอีกเพียบค่ะ”
ตอนนี้ทุกคนรวมตัวอยู่ที่โต๊ะอาหารเพราะหลังจากผ่านช่วงเวลาที่ค่อนข้างจะซึ้งใจกันไปแล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาพร้อมหน้าพร้อมตาปาร์ตี้ทานอาหารกันแบบเล็กๆพูดคุยกันตามประสา
“คุณอิทไหวไหมน่ะแก”
พรณภัทร์เห็นอิทธิกรแล้วก็อดจะสงสารสามีของเพื่อนเธอไม่ได้ที่ต้องแยกตัวไปนั่งที่อื่นทานได้แต่ผลไม้เพราะอาการคลื่นไส้เมื่อได้กลิ่นพวกอาหารคาว
“อืม..โอเคอยู่แกเถอะโอเครึเปล่า”
อินทิรารู้ว่าอิทธิกรโอเคอยู่แต่ที่ดูไม่น่าจะโอเคคงจะเป็นเพื่อนเธอมากกว่าที่ยังคงใส่เฝือกอยู่ตลอดตั้งแต่ที่เธอเจอที่เกาะแล้ว
“คริๆๆๆ..ท่าจะไม่ไหวพี่ชายฉันแทบจะหิ้วไปทุกที่เลยออม”
พีรยากลั้นขำเล็กน้อยบางทีเธอก็แอบสงสารเพื่อนเธออยู่เหมือนกันที่ยังเดินเหินและใช้ชีวิตประจำวันได้ยากลำบากไหนพี่ชายเธอจะชอบทำตัวติดกันกับเพื่อนเธอตลอดเวลาอีกไปไหนก็ต้องหิ้วไปด้วยไม่ได้ดูสังขารเพื่อนเธอเลยจริงๆ
“ก็อย่างว่าแหละน้า”
อินทิราหันไปยิ้มกับพีรยาเธอรู้ว่าทำไมภัคดนัยจึงไม่ยอมปล่อยให้พรณภัทร์อยู่ห่างหูห่างตาไปไกล
“อะไรของพวกแก”
พรณภัทร์รู้สึกแปลกๆที่สองคนนั้นจ้องตากันอย่างเข้าใจทั้งที่เธอไม่เข้าใจ
“เปล่าซะหน่อย”
พีรยารับผละการมองหน้าออกจากกันกับอินทิราแล้วหันไปสนใจกับอาหารในจานต่อ
21.00 น.
“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว”
อิทธิกรเข้ามาสวมกอดหญิงสาวจากด้านหลังเขาเห็นเธอยืนยิ้มคนเดียวตั้งแต่เขาอาบน้ำเสร็จจนแต่งตัวเสร็จก็ยังเห็นหญิงสาวยืนยิ้มที่ริมหน้าต่างอยู่
“ออมมีความสุขนี่คะ...ทุกคนพักที่เรือนใหญ่โอเคใช่ไหมคะ”
ตั้งแต่อินทิราเกิดมาจำความได้ก็ยังไม่เคยที่จะรู้สึกมีความสุขและสบายใจเท่าตอนนี้มาก่อนวันที่เธอมีพร้อมทั้งกัลยานิมิตรและสามีที่ดีครอบครัวที่อบอุ่น
“วิทบอกว่าทุกคนโอเคแล้วก็ชอบมากด้วย...พรุ่งนี้พี่ว่าจะชวนทุกคนไปที่แปลงดอกคอสมอส”
อิทธิกรมีอีกหนึ่งที่ที่อยากให้ทุกคนได้เห็นรวมทั้งคนเป็นภรรยาของเขาด้วย
“ที่นี่มีด้วยเหรอคะออมไม่เห็นรู้เลย”
อินทิราถึงกับตาโตผู้หญิงอย่างเธอหรือจะไม่ชอบแปลงดอกไม้ไม่ยักรู้ว่าที่นี่จะมีด้วย
“มีสิครับแต่อีกฝั่งของไร่นะ”
ไร่อีกฝั่งส่วนมากจะเป็นสวนดอกไม้และจัดเป็นโซนที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปพักผ่อนส่วนด้านที่พวกเขาอยู่ก็จะเป็นโซนส่วนตัวเป็นแปลงที่ปลูกพืชไร่พืชผักผลไม้สำหรับส่งออกและส่งขายในประเทศคนนอกเข้ามาชมไม่ได้
“ออมครับ”
อิทธิกรกระซิบข้างหูหญิงสาว
“คะพี่อิท”
อินทิราเอียงหน้าเข้าหาชายหนุ่มเล็กน้อยสงสัยว่าเขาจะพูดอะไร
“ถ้าลูกเราออกมาแล้วพี่ขอมีคนต่อไปต่อเลยนะ”
“หืมม...พูดอะไรคะออมจะไปนอนแล้ว”
คำพูดเสียงเบาของชายหนุ่มที่พูดอยู่ข้างๆหูเธอทำเอาหญิงสาวหน้าแดงกล่ำพร้อมหันตัวออกจากอ้อมกอดชายหนุ่มไปลงนอนห่มผ้าที่เตียงทันที
“อ้าว...ก็พี่อยากมีลูกเยอะๆให้ทันใช้นี่นา”
อิทธิกรเดินไปปิดทำให้ห้องตอนนี้มีแสงสลัวของแสงจันทร์ในคืนเดือนหงายพร้อมเข้ามาซุกตัวนอนกอดอยู่ด้านหลังหญิงสาวที่นอนตะแคงห่มผ้าแทบจะมิดตัวอยู่
“ออมหลับแล้วค่ะไม่คุยด้วยแล้ว”
อินทิราไม่กล้าหันหน้าไปหาคนเป็นสามีเพระรู้สึกอายกับคำพูดของเขาอยู่
“คนหลับอะไรยังพูดได้แบบนี้ต้องลักหลับแล้วล่ะมั้ง”
ชายหนุ่มยังไม่หยุดหยอกล้อคนเป็นภรรยาที่เขินจนเขานั้นจับอาการได้
“อย่านะคะ..ออมจะนอนแล้ว”
อินทิราดึงมือของชายหนุ่มมาจับไว้เขาจะได้ไม่ทำตัวเป็นปลาหมึกปัดป่ายไปทั่วตัวของเธอได้อีกอิทธิกรอมยิ้มกับการกระทำของหญิงสาวเขาดึงตัวหญิงสาวมาให้ใกล้เขามากที่สุดและกระชับกอดพร้อมจูบที่ผมของเธอและหลับตาลงด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
เรือนใหญ่
“ไร่ที่นี่เงียบดีนะคะคุณอาเทอร์”
พีรยายืนชมบรรยากาศความงามยามค่ำคืนที่ระเบียงของห้องเธอคืนนี้เป็นคืนเดือนหงายที่พระจันทร์สวยมากแถมดาวที่นี่ก็ยังมองเห็นได้ชัดเธอจึงอดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บบรรยากาศที่นี่เอาไว้พลันเห็นชายหนุ่มห้องข้างๆเธอก็ออกมายืนอยู่ที่ระเบียงเช่นกันจึงร้องทักเขาขึ้นพร้อมไปยืนเกาะขอบระเบียงให้ใกล้กับคนอีกฝั่งมากที่สุด
“เรียกผมว่าพี่อาทสิครับ”
อาเทอร์คิดว่าหญิงสาวจะนอนแล้วเสียอีกเขาขยับตัวมาใกล้กับขอบระเบียงเช่นเดียวกับหญิงสาวพร้อมบอกกับคนตรงหน้าให้เปลี่ยนการเรียกชื่อเขาใหม่
“อ..เอ่อ..พี่อาท”พีรยาเห็นว่าคำนี้มีแต่เอลิซ่าน้องสาวของเขาเท่านั้นที่เรียกซึ่งถ้าชายหนุ่มให้เธอเรียกเขาแบบนี้ก็รู้สึกแปลกๆเล็กน้อยแต่มันก็ทำให้เธอเคอะเขินกว่าจะพูดคำนั้นออกมาได้“ยังไม่นอนอีกเหรอครับเห็นคุณอิทส่งข้อความบอกว่าพรุ่งนี้เค้าจะพาพวกเราไปเที่ยวที่แปลงดอกคอสมอสที่ไร่อีกฝั่งแต่เช้า”“พีคได้รับข้อความแล้วค่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้พีคจะแต่งตัวสวยๆไปถ่ายรูป”พีรยาเองก็ได้รับข้อความจากอิทธิกรเมื่อสักพักเหมือนกันตอนนี้เธอเองก็ได้จัดเตรียมชุดสำหรับถ่ายรูปกับเหล่าดอกไม้เอาไว้แล้ว“พรุ่งนี้ผมอาสาเป็นตากล้องให้เองครับแต่ว่าคุณพีคไม่ต้องแต่งตัวอะไรมากก็สวยอยู่แล้วครับ”อาเทอร์อดที่จะพูดหยอดคำหวานกับหญิงสาวไม่ได้อย่างเธอในสายตาของเขาไม่ต้องแต่งอะไรก็สวยอยู่แล้ว“ปากหวานจังคนบ้าเอ้ย..”พีรยากลั้นยิ้มจนหน้าแดงพร้อมพูดกับตัวเองเบาๆ“อะไรนะครับ”อาเทอร์ได้เอียงหูฟังหญิงสาวแต่เขาก็ได้ยินที่เธอพูดไม่ค่อยถนัดเท่าไร“เปล่าค่ะ..คืนนี้พระจันทร์สวยดีนะคะ”พีรยารีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีที่ชายหนุ่มทำหน้าสงสัยเธอจะมาเขินเขาจนเสียอาการตรงนี้ไม่ได้“คนตรงหน้าผมสวยกว่า”“อีกแล้วนะคะ...พีคไปนอนแล้วฝันดีค่ะ”ถึงต
“ก็พี่ห่วงของพี่นี่นา”อิทธิกรหน้าเสียเล็กน้อยที่โดนหญิงสาวตอกลับมาแบบนั้นเขารู้ว่าเธอแค่ท้องแต่เขาเองก็แค่ห่วงคิดในใจว่าทำไมหญิงสาวไม่เข้าใจเขาบ้าง“อะไรของพี่อิทเนี่ย”อินทิราส่ายหัวหงึกหงักพร้อมหน้าตึงเล็กน้อยเดินจ้ำอ้าวหนีชายหนุ่มไปให้พ้นๆจะได้ไม่ต้องคอยมาบ่นให้เธอระวังใกล้ๆหูอีก“เดี๋ยวพลอยเดินรอพี่ด้วยสิ...เดินช้าๆเดี๋ยวหกล้ม”อิทธิกรจำต้องสาวเท้ายาวๆให้เดินตามคนเป็นภรรยาทันพร้อมปากก็ยังปรามไม่ให้หญิงสาวเดินไปไวแบบนั้นอีกหลังจากที่ทุกคนเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเช้าในสวนดอกไม้เรียบร้อยแล้วก็กลับเข้ามาทานอาหารเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อทานเสร็จต่างก็แยกย้ายกันพักและเดินชมวิวกันต่อเพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่แปลงดอกไม้เพียงอย่างเดียวยังมีสถานที่จัดไว้ให้ถ่ายรูปเป็นตามจุดอีกมากมายที่จัดเอาไว้“พลอย”ภัคนัยเห็นพรณภัทร์ปลีกตัวมานั่งคนเดียวที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆกับซุ้มทานข้าวข้างๆก็มีไม้ค้ำยันคู่ใจของเธอวางพาดอยู่ใกล้ๆเขาจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆเธอ“....”พรณภัทร์หน้าตึงเล็กน้อยไม่ได้อะไรชายหนุ่มหากเขาอยากจะนั่งข้างๆเธอก็ขอให้นั่งเงียบๆก็แล้วกันเพราะเธออยากจะอยู่เงียบๆ“อีกสองวันถ้
เดือนต่อมากรุงเทพมหานครอิทธิกรพาอินทิรามาพักอยู่บ้านที่กรุงเทพของเขาสักพักแล้วเพราะเขาต้องเข้ามาทำงานที่บริษัทเหมือนเดิม“วันนี้เหนื่อยไหมคะ”เมื่ออินทิราเห็นคนเป็นสามีกลับบ้านมาก็รีบเอาน้ำเย็นๆมาต้อนรับเพราะเห็นสามีของเธอดูยุ่งๆทุกวัน“เห็นหน้าออมพี่ก็ไม่เหนื่อยแล้ว”อิทธิกรเองถึงจะเหนื่อยเพียงใดแต่เขาก็รับมือไหวและไม่เอามาพูดในบ้านให้คนเป็นภรรยาที่กำลังท้องอยู่กังวลกับเขาไปด้วยเด็ดขาด“วันนี้คุณแม่กับยัยเอมกลับมาแล้วพวกเค้าจะมาทานข้าวที่บ้านเราด้วย”อิทธิกรรู้ว่าแม่กับน้องของเขากลับมาได้เป็นวันแล้วบ่นอยากจะมาหาอินทิราใจจะขาดเพราะอยากรู้ว่าหลานในท้องมีพัฒนาการไปอย่างไรบ้างแล้ว“ตายจริงพี่อิทไม่บอกออมให้เร็วกว่านี้คะออมจะเตรียมอาหารไว้รอ”อินทิราตำหนิคนเป็นสามีเพราะหากบอกเธอให้เร็วกว่านี้เธอเองก็จะเข้าครัวทำอาหารไว้ต้อนรับแม่และน้องสามีของเธอเอง“ออมไม่ต้องทำหรอกพี่สั่งแม่บ้านไว้แล้วขืนพี่บอกออมก่อนก็คงจะต้องลงมือทำเองใช่ไหมล่ะ”“..ค่ะ..”อิทธิกรคิดถูกที่บอกแม่บ้านอย่างเดียวจะดีกว่าเพราะไม่เช่นนั้นคนเป็นภรรยาของเขาจะต้องเหนื่อยทำอาหารอีเป็นแน่ท้องยังอ่อนๆอยู่เขาไม่อยากให้หญิงสาวทำอะ
“แม่ว่าคงต้องปล่อยให้อัญชัญได้เรียนรู้ด้วยตัวเองสักพักไม่นานคงจะปรับตัวได้เอง”“ค่ะคุณแม่”อรุณาเองก็พอจะรู้อยู่ว่าอัญชัญเป็นอย่างไรแต่คนเรามันก็ต้องโตขึ้นไปทุกวันยังไงเธอก็คิดว่าชีวิตที่อัญชัญจะต้องเจอจะเป็นการสอนเด็กสาวเองว่าจะต้องรับมือกับมันยังไงเธอเชื่อว่าคนที่มีสำนึกดีอย่างอัญชัญจะต้องผ่านมันไปได้บ้านโรจน์วินิจวรกุล18.00 น.“ช่วงนี้อินเลิฟวันหยุดก็หายไปแต่เช้ากลับมาซะเย็นทุกเลยนะ”ภัคดนัยที่นั่งอยู่หน้าบ้านในช่วงเย็นเห็นคนเป็นน้องสาวกลับมาเห็นเดินอารมณ์ดีเข้ามาก็ต้องเอ่ยปากพูดตามประสาพี่ชายหยอกน้องสาว“น้องก็ขอมีความสุขอยู่ใกล้แฟนบ้างอะไรบ้าง...ใครจะไปเหมือนคนบางคนที่น่าอิจฉาได้อยู่ใกล้คนที่อยากอยู่ใกล้ตลอด”พีรยาไม่เองก็ไม่ลืมที่จะยอกย้อนพี่ชายเธอกลับตามนิสัยของเธอ“พีคกลับมาก็ดีแล้วฉันมีเรื่องจะคุยกับแกอยู่พอดี”พรณภัทร์รีบเดินมาจูงมือเพื่อนสาวของเธอเข้าไปคุยอย่างรีบร้อนตอนนี้หญิงสาวเดินเหินได้สะดวกขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นเพราะถอดเฝือกออกนานแล้ว“อ๋อ..อืมไปคุยกันในห้องดีกว่า” พีรยาเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวเธอก็พอจะเดาออกว่ามีธุระสำคัญจึงให้เข้าไปคุยในห้องเธอจะดีกว่า“มีอะไรหรือเ
“อิๆๆๆ”พีรยาเองไม่ได้ไปหายาให้พี่ชายเธอที่ไหนเพียงแต่กลับเข้าไปในห้องของเธอก็เท่านั้นตอนนี้หญิงสาวดีดดิ้นดีใจอยู่บนเตียงนอนที่แผนของเธอสำเร็จอีกแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่พี่ชายเธอเองเท่านั้นที่จะช่วยให้ตัวเองได้สมหวังหรือเปล่าแกร็กกกกก“......”ภัคดนัยที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่ถึงกับเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสีหน้าที่แปลกใจเล็กน้อยที่เธอรีบร้อนเข้าห้องของเขามาด้วยในมือถือกะละมังน้ำเข้ามาอย่างรีบร้อน“พี่ภาคย์เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะเดี๋ยวพลอยจะเช็ดตัวให้ก่อนนะคะยัยพลอยน่าจะกำลังไปหายามาเป็นถึงหมอทำไมไม่ดูแลตัวเองปล่อยให้ป่วยหนักแบบนี้ได้ไงล่ะคะ”พรณภัทร์วางกะละมังน้ำที่โต๊ะวางของข้างเตียงของชายหนุ่มพร้อมใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆเตรียมที่จะเช็ดตัวให้คนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่“........???”ภัคดนัยมองการกระทำของหญิงสาวอย่างสงสัยในคราแรกแต่เมื่อได้ยินว่าน้องสาวของเขากำลังจะไปเอายามาให้จากปากหญิงสาวเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่คงจะเป็นการเล่นอะไรแผลงๆของน้องสาวของเขาอีกแล้วสินะ“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา”พรณภัทร์นั่งลงข้างๆชายหนุ่มในมืออีกผ้าถือผ้าเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลส่วนมืออีกข้างก็ยื่นไปแตะที
บริษัทXXX17.00 น.“ทำอะไรอยู่เหรอ”“ออมถักกระเป๋าจิ๋วอยู่ค่ะเสร็จแล้ว2ใบน่ารักไหมคะ”อิทธิกรหิ้วคนเป็นภรรยามาที่ทำงานด้วยแทบจะทุกวันให้เธอมานั่งๆนอนๆที่นี่จนเธอเบื่อต้องหาอะไรทำในระหว่างที่เขาทำงานอยู่“พี่ชักจะอิจฉาไหมพรมในมือออมซะแล้วสิดูออมจะสนใจมันมากกว่าพี่”ชายหนุ่มลงนั่งบนโซฟาข้างๆกับภรรยาพร้อมใช้มือโอบไหล่ของเธอเอาไว้หลวมๆมีสีหน้าที่แกล้งทำเป็นแอบงอนเล็กน้อยที่วันนี้เธอเอาแต่นั่งจดจ่ออยู่กับก้อนไหมพรม“หืม..ออมก็สนใจพี่อิทตลอดนั่นแหละค่ะทำเป็นน้อยใจไปได้”อินทิราถึงกับต้องหยุดมือแล้วหันมาโอบกอดสามีขี้งอนของเธอที่อิจฉาแม้กระทั่งไหมพรมพร้อมบอกกับเขาใจจริงว่าเธอไม่เคยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว“แหม..เอมมาผิดจังหวะหรือเปล่าคะพี่อิท”ไอรดาเผลอเข้าห้องทำงานพี่ชายเธอโดยที่ไม่ได้เคาะประตูไม่คิดว่าทั้งสองกำลังหวานกันอยู่“มีอะไรเหรอเอม”อิทธิกรหันไปถามคนเป็นน้องสาวว่าที่เข้ามามีเรื่องอะไร“พอดีเอมนัดช่างที่เราสั่งตัดชุดเอาไว้ที่บ้านค่ะตอนนี้ชุดเสร็จแล้วเหลือแค่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปลอง”ไอรดาต้องการมาบอกให้ทั้งสองรีบกลับบ้านเพราะตอนนี้เธอนัดช่างที่ตัดชุดให้ไปรอที่บ้านหลังจากที่พวกเธอเล
“ใกล้จะถึงแล้วเราไปกั้นประตูเงินประตูทองกันเถอะ”เมื่อขบวนใกล้ถึงพีรยาก็ดึงมือพรณภัทร์ออกไปด้านนอกทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวกั้นประตูเงินประตูทองกับคนอื่นๆที่รออยู่ที่นี่“ออม”“พี่อิท”และแล้วก็ได้เวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะสวมแหวนแต่งงานและทำพิธีลดน้ำสังข์เสียทีทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่เรื่อยๆต่างยิ้มให้กำลังใจกันและกันและปลื้มปริ่มอยู่ในใจอย่างมากที่พวกเขานั้นได้แต่งงานกันอย่างเป็นพิธีเสียทีช่วงเย็นของวันอินทิราอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวกระโปรงสุ่มที่ดูเหมือนตุ๊กตามากๆหลังจากที่ช่างแต่งตัวให้เธอเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็หาเวลาเดินมาดูเพื่อนเธอเสียหน่อยว่าเป็นยังไงกันบ้างเพราะตั้งแต่เช้าก็ไม่ค่อยจะได้คุยกันเลย“เหนื่อยไหมแก”พีรยาเห็นอินทิราเดินเข้ามาในห้องก็เอ่ยถามคนเป็นเจ้าสาวว่าวันนี้รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือเปล่ากำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย“ไม่เลยพวกแกนั่นแหละที่ฉันต้องถามว่าเหนื่อยไหม”อินทิราคิดว่าคำถามนี้ควรจะเป็นเธอที่ถามมากกว่าเพราะว่าเธอนั้นแค่เข้าพิธีเฉยๆส่วนงานอย่างอื่นเพื่อนๆเธจัดแจงเองหมด“ไม่เลยพวกฉันเต็มใจทำให้แก”พรณภัทร์ยิ้มกว้างพร้อมหันไปตอบอินทิราพวกเธอไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิดกับอ
เขาใหญ่ไร่แก้วกัลยา08.00 น.เพล้งง“ออกไป”เป็นอีกวันที่เสียงอาละวาดดังขึ้นมาในบ้านหลังเล็กท้ายไร่อิทธิกรไม่ค่อยจะยอมทานอะไรอีกเช่นเคยหลังจากที่เขาได้รับอุบัติเหตุจนเสียการมองเห็นและย้ายจากคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กรุงเทพมาขลุกอยู่ที่ไร่ของคนเป็นแม่นี่ก็เป็นเวลาสามสี่เดือนแล้วที่คนรักของเขาหายหน้าหายตาไม่กลับมาดูดำดูดีเขาเลยสักนิด“เป็นแบบนี้แทบทุกวันเลยหรือเปล่าเอื้อง”อรุณาถามแม่บ้านที่เธอให้ดูแลอยู่ที่นี่ด้วยสีหน้าอ่อนใจเธอคิดว่าเวลาผ่านไปร่วมสามเดือนจะทำให้ลูกชายคนโตของเธออาการดีขึ้นบ้างเสียอีก“ค่ะคุณณาเอื้องก็เห็นเป็นแบบนี้แทบทุกวันจนเด็กที่เรือนใหญ่ต่างก็หวาดคุณอิทกันหมดแล้วล่ะค่ะ”ช่อเอื้องที่รู้จักอิทธิกรเป็นอย่างดีเพราะเห็นมาตั้งแต่เด็กๆเธอรู้ว่าชายหนุ่มค่อนข้างที่จะโมโหร้ายแต่ก็มีเหตุผลอยู่พอตัวแต่ครั้งนี้ดูท่าชายหนุ่มจะอาการหนักเอาการเพราะหลังจากป่วยมานี้ก็ไม่เคยฟังอะไรใครทั้งนั้นแถมคนอื่นที่คอยดูแลยังเข้าหน้าไม่ค่อยจะติดอีกด้วย“เอมว่าป่วยกายคงไม่เท่าไรหรอกค่ะคุณแม่คงจะป่วยใจร่วมด้วยมากกว่า”ไอรดามองหน้าคนเป็นแม่เธอพอจะรู้อาการของพี่ชายเธออยู่บ้างว่าไอ้ที่ทำตัวค่อนข้างงี่เง่าอ