“ว่าไงครับ” ถามย้ำอีกรอบไม่สนใจสีหน้าบ่งบอกอาการบุญไม่รับของอีกฝ่าย สุพิชญาได้แต่เข่นเขี้ยวในใจที่ไม่อาจทำอะไรดิเอโกได้ หญิงสาวจึงหย่อนกายนั่งลงอย่างกระแทกกระทั้น ดิเอโกกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจพร้อมไหวไหล่อย่างผู้ชนะ
“ก็แค่นั้น”
สุพิชญาหน้าบูดบึ้งมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าคล้ายหัวเราะยั่วยวนยามเอ่ยวาจานั้น แต่เธอก็ไม่คิดจะโต้ตอบให้ป่วยการเพราะรู้ดีว่าอย่างไรเสียก็คงไม่สามารถเอาชนะผู้ชายบ้าอำนาจตรงหน้าไปได้
“เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือว่าท้องผูกล่ะยาหยี”
“คะ” ขานรับอย่างงงงันกับคำถามที่แสนกวนนั้น
ดิเอโกยิ้มขันกับอาการตาโตหน้าเหวอของอีกฝ่าย เจ้าพ่อใหญ่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ เขาชอบให้เธอทำหน้าตาตื่น โวยวายเอากับเขามากกว่าร้องไห้หนักหน่วงเฉกเช่นวันนั้น
“ผมเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้คุณกลายเป็นคนชอบให้ผมพูดซ้ำๆ” เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มขันระบายเต็มใบหน้า สุพิชญาได้แต่ตะลึงอึ้งกับดวงตาพราวระยับและรอยยิ้มแสนเสน่หานั้น หัวใจสาวแกว่งไกวขึ้นมาทันใด เธอยอมรับว่าเวลานี้เขาช่างหล่อบาดตาบาดใจมากกว่ายามทำหน้าเคร่งขรึมหลายเท่านัก
“ตกลงคุณมีอะไรพูดกับฉันคะ ถ้าไม่มีฉันจะกลับ” ยังคงตอบกลับอย่างถือตัวทั้งที่ในใจเริ่มเต้นรัวด้วยหวั่นไหวกับดวงตาซุกซนของคนตรงข้ามที่มองมา และดูเหมือนว่าดิเอโกจะไม่ใส่ใจฟังวาจานั้นสักนิด
“ลองทานนี่สิอร่อยนะ รสชาติดีไม่มีที่ไหนเปรียบเชียวล่ะ แม่ครัวของผมคัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งนั้น” ว่าพลางตักอาหารตรงหน้าใส่จานให้หญิงสาวอย่างที่เขาไม่เคยทำกับใครมาก่อน สุพิชญารู้สึกหัวใจอ่อนยวบกับท่าทีแสนอ่อนโยนนั้น เธอจะหวั่นไหวกับภาพลวงตาที่เขาพยายามสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกล่อเธอไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันไม่หิว” บอกเสียงแข็งพร้อมเบือนหน้ามองไปทางอื่นด้วยไม่อยากประสานสบตากับเขาโดยตรง พลังบางอย่างในดวงตาสีสนิมคู่นั้นช่างดึงดูดเสียเหลือเกินจนเธอคิดว่าตัวเองคงได้หลงใหลในตัวเขาแน่แท้หากยังขืนสบตากับเจ้าพ่อใหญ่ผู้นี้ต่อไป
“อันนี้ก็อร่อยนะ ลองทานดูสิไม่อ้วนหรอกนะ” ตักอาหารอีกอย่างหนึ่งใส่จานให้อีกครั้ง ซ้ำยังเอ่ยชวนเชิญอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเอาแต่นั่งเชิดหน้าไม่อยากเสวนาด้วย และนั่นก็ได้ผลสุพิชญาหันมาตวาดแว้ดใส่เขาทันทีที่ได้ฟังคำเชื้อเชิญ
“นี่คุณ! ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไงคะ”
“ถ้าคุณไม่ทานไอ้ที่ผมตักใส่จานให้ ผมจะให้คุณทานอย่างอื่นแทนนะยาหยี” พูดพร้อมส่งสายตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาจับจ้องมองอีกฝ่าย
“ลามก” สุพิชญาสบถอย่างหัวเสียเพราะแสนอายกับสายตานั้น ดิเอโกทำให้เธอร้อนผ่าวไปทั้งตัวและหัวใจ เจ้าพ่อใหญ่หัวเราะจนเห็นเรียวฟันขาวก่อนหรี่ตามองแล้วยอกย้อนคำต่อว่าของสุพิชญา
“ลามกตรงไหน ผมก็แค่จะให้แม่ครัวทำอย่างอื่นมาให้คุณหากคุณไม่ชอบอาหารพวกนี้ นี่คุณคิดอะไรของคุณนะยาหยี”
“คุณ!” อุทานพร้อมถลึงตาใส่เมื่อรู้ตัวว่าพลาดพลั้งเสียทีให้อีกฝ่ายปั่นหัวเล่น แต่ก่อนที่เธอจะทันได้สาดวาจาเผ็ดร้อนใส่เจ้าพ่อใหญ่ก็หักมุมจบชนิดที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“ทานเถอะครับ เรายังมีเวลาเถียงกันอีกนาน อย่าเพิ่งให้เสียบรรยากาศอาหารมือนี้เลยนะ” ว่าพลางส่งรอยยิ้มแสนหวานให้ แต่สุพิชญาก็เอาแต่หน้าบึ้งตึงเพราะปรับอารมณ์ไม่ถูกที่ถูกอีกฝ่ายก่อกวนอารมณ์ ดิเอโกเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอย่างสงสัยและเอ่ยถามออกไปเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งไม่ยอมลงมือจัดการอาหารสักที
“หรือว่าอยากทานอย่างอื่นจริงๆ”
ครั้งนี้พูดพร้อมตวัดสายตาสำรวจเรือนร่างอย่างจาบจ้วง สุพิชญาหน้าร้อนผ่าวกับสายตาที่เต็มไปด้วยเปลวไปร้อนแรงคู่นั้น หญิงสาวกัดฟันเก็บข่มความอึดอัดและขัดเขินไว้ก่อนลงมือจัดการกับอาหารในจานที่อีกฝ่ายคอยตักส่งให้ไม่ว่างเว้น เธอคงรู้สึกเปรมปรีดิ์หากเขาและเธอเริ่มต้นด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกัน
*******************************************
“ว้าย! ดิเอโก! คุณเข้ามาได้ยังไง ออกไปนะ” สุพิชญาอุทานลั่นอย่างตกใจเมื่อออกจากห้องน้ำแล้วพบเจ้าพ่อใหญ่นอนเอนกายอยู่บนเตียง มือน้อยกระชับเสื้อคลุมแน่นเพราะนอกจากนี้แล้วเธอก็ไม่มีอาภรณ์ใดห่อหุ้มร่างกายอีกเลย
ใจดวงน้อยเต้นระทึกเมื่อเห็นสายตาอันร้อนแรงคู่นั้น หญิงสาวรู้สึกขาสั่นขึ้นมาราวแทบไร้เรี่ยวแรงหยัดยืน ทั้งที่วันนี้เธอคลายกังวลไปมากเพราะการเผชิญหน้ากับดิเอโกนั้นก็แค่ระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างมื้ออาหารในตอนเช้า เพราะเขาแทบจากไปทันทีที่จัดการอาหารเช้าเสร็จสิ้น แต่เธอไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้งในคืนนี้ และที่สำคัญในห้องนอนอันคับแคบของเธอเสียด้วย!
“ยาหยีเมื่อไรคุณจะเลิกตกใจเสียที” เอ่ยอย่างขบขันกับท่าทีตื่นตระหนกนั้น เขาไม่จำเป็นต้องเดาให้มากความว่าเรือนร่างงดงามนั้นจะมีสิ่งใดห่อหุ้มบ้างนอกจากเสื้อคลุมตัวหนานี้ เพราะเก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งมีชุดนอนบางเบาของหญิงสาวพาดแขวนอยู่ ดังนั้นฟันธงได้ทันทีว่า... ไม่มี!
“ฉันบอกให้ออกไปไงไม่ได้ยินหรือไง” ตวาดเสียงกราดเกรี้ยวราวต้องการข่มขู่ทั้งที่รู้แก่ใจว่านั่นไม่ได้ทำให้ดิเอโกสะทกสะท้านสักนิด
“ได้ยิน! แต่ไม่ออกมีอะไรไหมครับ” ย้อนกลับหน้าตายพลางพาเรือนร่างแข็งแกร่งลงจากเตียงแล้วก้าวเข้ามาหาเธอราวราชสีห์กำลังต้อนเหยื่อ สุพิชญามองซ้ายขวาราวต้องการหาทางหนีทีไล่ แต่ก็ช้ากว่าดิเอโกที่เข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็ว
“อีตาบ้า! ปล่อยนะ!” หวีดร้องเสียงหลงเมื่อถูกรวบกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว มือน้อยทั้งสองรัวกระหน่ำทุบแผงอกกว้างหวังให้อีกฝ่ายถอยออกห่างตามคำสั่ง แต่ทว่ากลับไม่กระเทือนต่อดิเอโกสักนิด
“พูดกับสามีให้มันดีหน่อยสิจ๊ะยาหยี แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ก้มลงกระซิบหลังจากรวบมือน้อยไว้ด้วยกัน นั่นทำให้สุพิชญาแหงนเงยใบหน้านวลขึ้นจ้องมองเขาเขม็ง
“ใครสามีฉันพูดให้มันดีๆ นะ”
“ก็ผมไง หรือคุณจะบอกว่าระหว่างเราไม่เคยมี...”
“ใช่! มันไม่เคยมีความหมายอะไรเลยสักนิด ก็แค่ครั้งสองครั้ง” แทรกขึ้นอย่างถือดีก่อนที่ดิเอโกจะทันได้พูดจบ ริมฝีปากแสนสวยเหยียดยิ้มหวังให้อีกฝ่ายเสียหน้าที่กล้ากล่าวอ้างว่าเขาเป็นสามีเธอ แต่กว่าหญิงสาวจะรู้ตัวว่าคิดผิดถนัด ดิเอโกก็ช้อนอุ้มร่างน้อยลอยละลิ่วตรงดิ่งไปที่เตียงกว้างเสียแล้ว
“งั้นเราก็มาต่อกันอีกหลายๆ ครั้งแล้วกันนะยาหยี เผื่อคุณจะระลึกได้ว่าผมเป็นสามีคุณ”“อ๊ายยย... ดิเอโก! ปล่อยนะไอ้คนบ้า ไอ้คนหื่นกาม ปล่อย! ว้าย!” ท้ายประโยคหวีดร้องสุดเสียงเมื่อเจ้าพ่อใหญ่ทุ่มร่างน้อยลงบนเตียงกว้างแล้วก้าวย่างขึ้นตามติดประชิดตัวไม่เปิดช่องให้เธอได้ถอยหนี นั่นยังไม่ร้ายเท่ามือน้อยทั้งสองข้างถูกขึงตรึงกางแนบไปกับเตียงกว้าง ทรวงอกนุ่มหยุ่นขยับขึ้นลงรัวเร็วตามแรงหายใจหอบถี่ เรียวขาสวยถูกเรือนกายท่อนร่างของเขาตรึงไว้แน่นจนไม่อาจดิ้นหนีได้“ร้องไปนะยาหยีร้องให้ดังๆ เพราะเวลาคุณครวญครางมันดังกว่านี้หลายเท่านัก”“กรี๊ดดดด... อื้ม!”สุพิชญาพยายามเบี่ยงหน้าหลบหนีไม่ยอมให้อีกฝ่ายครอบครองกลีบปากนุ่มนิ่มตามใจชอบ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้เพราะเจ้าพ่อใหญ่ก็ตามติดประกบปิดริมฝีปากแสนหวานได้ในที่สุด และนั่นก็ทำให้หัวใจดวงน้อยแทบหยุดเต้นเพราะเขาทั้งขบเม้มดูดดื่มราวกับหิวกระหายมาแรมปี จุมพิตเร่าร้อนรุนแรงช่างยาวนานไม่เปิดช่องให้เธอได้หายใจสักนิดสุพิชญาคิดว่าเธอจะขาดอากาศหายใจเสียให้ได้ เพราะยามนี้เธอเริ่มหายใจติดขัดแต่เหมือนดิเอโกจะล่วงรู้ เจ้าพ่อใหญ่จึงปล่อยกลีบปากนุ่มนิ่มให้เป็นอิสระ แต่ท
บรรยากาศยามเช้าวันนี้ช่างอบอุ่นหัวใจเสียเหลือเกินในความรู้สึกของสุพิชญา หญิงสาวทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอนปล่อยใจให้ล่องลอยไปบนท้องฟ้ากว้าง ดวงตาคู่งามเหม่อมองไปไกลจนสุดปลายสายรุ้งที่ตรงโค้งฟ้า เธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่าช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาเธอไม่ได้เศร้าเสียใจสักนิด แต่กลับกันเธอกลับรู้สึกเหมือนเสี้ยวหนึ่งของชีวิตได้รับการเติมเต็มดิเอโกทำให้เธอสั่นสะท้านไปกับทุกสัมผัสที่เร่าร้อนของเขา คำว่า “สามี” ที่เขาเฝ้าตอกย้ำให้เธอจดจำราวสายฝนที่โปรยปรายจนชุ่มฉ่ำในหัวใจ แม้จะไม่มีการเอ่ยคำว่ารัก แต่ทุกการกระทำที่เขาแสดงออกว่าหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวเธอนั้นมันสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดแม้เช้านี้ตื่นขึ้นมาข้างกายจะไร้ซึ่งเรือนกายแกร่งที่เธอกอดก่ายเมื่อตอนรุ่งสาง แต่ทว่านั่นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกมัวหมองสักนิด แม้ในใจลึกๆ จะผิดหวังที่ไม่ได้เจอหน้าเขาเมื่อยามลืมตาตื่นขึ้นมา เหตุใดหนอเธอจึงเป็นไปได้มากมายเช่นนี้ ทั้งที่ปากบอกรังเกียจ แต่เพียงได้ชิดใกล้ เขากลับมาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจเธอไม่ว่างเว้น อารมณ์หงุดหงิดขุ่นเคืองใจเมื่อหลายวันก่อนหายไปไหนกัน ดิเอโกมีอิทธิพลกับเธอมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ไม่เคยรู้จักแต่กลับป
เพียงริมฝีปากนุ่มสัมผัสแผ่วเบาเจ้าพ่อใหญ่ก็เผยอแย้มเรียวปากกว้างขึ้นเปิดช่องให้อีกฝ่ายสอดใส่ปลายลิ้นเล็กเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ส่วนสะโพกสอบก็ขยับขับเคลื่อนท่อนกายแกร่งที่บัดนี้แฝงตัวอย่างองอาจวาดลวดลายอยู่ในซอกหลืบนุ่ม ธารน้ำหลั่งไหลอาบตัวตนแห่งความเป็นชายจนชุ่มฉ่ำถ้วนทั่ว ยิ่งสุพิชญามอบจุมพิตแบบกล้าๆ กลัวๆ เขาก็ยิ่งเร่งจังหวะรัวเร็วขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายได้ปลดปล่อยตัวตนข้างในออกมาสุพิชญาลืมเลือนไปเสียแล้วว่าเธอตั้งใจปฏิเสธเขาตั้งแต่แรก เพราะเพียงเขาแทรกกายผ่านกลางกายเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว หัวใจเธอก็เต้นรัวเร็วทั้งตื่นตระหนก ทั้งหวามไหว ปั่นป่วนไปทั่วเรือนกาย เธอไม่คิดว่าดิเอโกจะจู่โจมฝากฝังความเป็นชายเข้าในเรือนร่างของเธอรวดเร็วเช่นนั้น ซ้ำยังแสดงลีลารักผาดโผนแบบไม่คิดเกรงใจฟ้าดิน ด้วยยามนี้ ณ ตรงที่เขาวาดลวดลายมันคือผนังกระจกทั้งด้านที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกถ้วนทั่ว แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือบานกระจกใสจนภายนอกมองเข้ามาเห็นภายในได้เกือบทั่วทุกตารางนิ้วแต่ดูเหมือนว่าเจ้าพ่อใหญ่จะไม่ใส่ใจ เพราะเพียงตวัดเสื้อคลุมตัวโคร่งออกจากร่างเธอแล้วปลดเปลื้องพันธนาการเรือนกายท่อนร่างของตัวเองออกเขาก็สอ
ภายในห้องพักสุดหรูของบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ส่วนบุคคลหลายร้อยไร่บนเกาะบาหลียามนี้ บรรยากาศภายในห้องช่างสุดแสนโรแมนติก แสงนวลสีเหลืองอ่อนจากโคมไฟระย้าที่ตกกระทบผนังห้องสีครีมชวนให้เกิดแสงสว่างนุ่มนวลตา บนเตียงกว้างด้านหนึ่งของห้องปรากฏเรือนร่างของหญิงสาวทรวดทรงสุดเซ็กซี่ภายใต้ชุดราตรีสั้นสีเขียวมรกตขับให้ผิวนวลดูผุดผ่องต้องตาตรงหน้าประตูห้องน้ำที่เพิ่งแง้มออก ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มชาวสเปนผู้มีเชื้อสายละตินวัยสามสิบห้าปี ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มตัดรองทรงดูยุ่งเหยิงน้อยๆ ด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่ถูกฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นซับน้ำให้พอแห้งหมาดๆ ดวงตาสีสนิมจับจ้องเรือนร่างยวนตาบนเตียงกว้างอย่างพอใจ เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกระตุ้นความต้องการของเขามากเท่านี้สองเท้าค่อยๆ ก้าวเข้าหาเตียงกว้างก่อนที่จะหยุดข้างเตียงและหย่อนกายนั่งลงข้างเรือนร่างโปร่งบาง ริมฝีปากบางเฉียบกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจยามยื่นฝ่ามือหนาออกไปสัมผัสลูบไล้นวลเนื้อเนียนตรงต้นแขนเรียวอย่างแผ่วเบา ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเท่านั้นเรือนกายแกร่งก็ออกอาการสั่นเทาราวเป็นไข้ ดวงตาสีสนิมตวัดไล้ไปทั่วเรือนร่างราวต้อ
กายสาวกระตุกเฮือกราวหวาดผวาเมื่อยอดดอกบัวงามสัมผัสถึงความร้อนชื้นในโพรงปากนุ่มที่เข้าครอบครองดื่มด่ำราวกำลังหิวกระหายหลังจากฝ่ามือร้อนระอุบรรจงสรรค์สร้างให้ก้อนเนื้อนุ่มกลายเป็นดอกบัวคู่งามชูชันแข่งกันอวดโฉมรอเหล่าภมรมาคลอเคล้าเสียงหวีดร้องขัดขืนแปรเปลี่ยนเป็นครวญครางกระเส่าด้วยรู้สึกเร่าร้อนไปทั้งกายและใจยามทั้งมือและอุ้งปากที่เต็มไปด้วยธารน้ำอุ่นซ่านสลับสับกันคลึงเคล้าด้วยท่วงทำนองที่สอดประสานกันราวกำลังบรรจงสรรค์สร้างดอกบัวคู่งามให้เป็นงานศิลป์อันตระการตาแรงขัดขืนค่อยๆ ลดน้อยถอยลงจนแทบมลายหายไปสิ้น ทั้งที่ใจอยากต่อต้านแต่กายกลับไหวสะท้านสั่นระริกไปกับสัมผัสแปลกใหม่จากชายแปลกหน้าชนิดที่หญิงสาวผู้รักนวลสงวนตัวอย่าง สุพิชญา นาฏดิลก ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตนี้เรียวแขนอันงดงามผวาเข้ากอดรัดต้นคอแกร่งแน่นอย่างหวาดผวา เพราะเพียงฝ่ามือใหญ่ปลดปล่อยข้อมือน้อยทั้งสองข้างให้หลุดออกจากพันธนาการ เรือนร่างบอบบางก็ถูกผลักให้นอนราบทาบทับลงไปกับเตียงกว้าง ทุกการกระทำช่างรวดเร็วเสียจนหญิงสาวไม่มีโอกาสดึงสติให้กลับมาสมบูรณ์พร้อม เพียงเธอผวาเกาะกอด เรือนกายแข็งแกร่งก็โน้มทาบทับลงมาและเริ่มรุกเร้
“เห็นไหม... มันก็เหมือนๆ กับที่คุณเคยสัมผัส มันอาจจะใหญ่กว่าแต่ผมสัญญาว่าคุณกับมันจะเข้ากันได้ดี” ดิเอโกกระซิบปลอบประโลมดวงตา สีสนิมจับจ้องดวงตาคู่หวานราวต้องการถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้“ดะ...ดิเอโก ฉันไม่” สุพิชญาพยายามทักท้วงว่าเขากำลังเข้าใจผิด แต่สติแทบหลุดเมื่ออีกฝ่ายจับกุมมือน้อยของเธอไว้มั่นไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังบังคับให้ขยับเขยื้อนลูบคลำส่วนนั้นของร่างกายที่กำลังตื่นตัวตอบรับสัมผัสจากเธออย่างเริงร่า“ปะ...ปล่อย! ได้โปรด... ” สุพิชญาพยายามวิงวอนอีกครั้ง ใจดวงน้อยทั้งหวาดหวั่นและหวามไหว ใจหนึ่งใคร่อยากรู้อยากเห็นอยากลิ้มลองสัมผัสแสนวาบหวามนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด แต่ใจหนึ่งยื้อยุดให้ตระหนักถึงศีลธรรมอันดีงาม ยามนี้ไฟราคะกำลังปะทะกับสำนึกฝ่ายดีจนหญิงสาวแทบอยาก กรีดร้องระบายความอึดอัดที่แสนทรมานนั้นให้หมดไป“มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ผมถอยง่ายๆ ได้ไงยาหยี” เจ้าพ่อใหญ่กระซิบด้วยเสียงแหบพร่า ปล่อยมือน้อยให้เป็นอิสระแล้วเปลี่ยนเป้าหมายลากไล้ทักทายจุดกระสันเพื่อสร้างความซาบซ่านให้อีกฝ่ายทันที“ดะ...ดิเอโก อย่า... อื้อ!” เสียงหวานขยับจะทักท้วงแต่เพียงแค่เอ่ยห้ามปลายเสียงก็กลับกลายเป็นครวญครางเมื่อเจ้
“แกว่าอะไรนะเควิน” เจ้าพ่อใหญ่ตวาดกร้าวราวกำลังเกรี้ยวกราดอย่างสุดแสนเควิน เมดิสัน ผู้เป็นทั้งคนสนิทและมือขวาของ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนผู้ยิ่งใหญ่ ได้แต่ยืนก้มหน้าสงบนิ่งอย่างยอมรับความผิดพลาดในงานที่ได้รับมอบหมาย ดวงตาสีน้ำทะเลภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิทมองผ่านเลนส์แว่นนั้นจับจ้องที่ผืนพรมนิ่งไม่ไหวติง“มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” ดิเอโกเค้นเสียงถามอย่างหงุดหงิดใจเมื่อลูกน้องคู่ใจเอาแต่สงบเงียบ เจ้าพ่อใหญ่หัวเสียกับสิ่งที่ได้รับรู้เมื่อแรกอรุณของวันใหม่ ทั้งที่เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนอิ่มเอมใจ หญิงสาวแสนบริสุทธิ์ผู้เร่าร้อนทำให้กระทิงถึกอย่างเขาคึกคะนองจนแทบไม่ได้หลับนอนตลอดทั้งคืน“เจ๊ใหญ่บอกว่าผู้หญิงที่เจ๊ส่งตัวมาเกิดหลงทางเลยมาถึงที่นัดหมายช้ากว่ากำหนด แล้วแบตเตอรี่มือถือก็หมดเลยทำให้ติดต่อกันไม่ได้ครับ ดิเอโก”“แล้วผู้หญิงที่นายพามาเป็นใคร” เจ้าพ่อใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นยามตวัดสายตาคมกล้าจับจ้องลูกน้องคนสนิทอย่างคาดคั้น เขาไว้วางใจให้เควินทำงานให้นับครั้งไม่ถ้วนทั้งงานใหญ่งานเล็ก เควินไม่เคยผิดพลาด แต่ทว่าครั้งนี้เควินกลับพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย“ไม่ทรา
“ว่าไงนะ” ดิเอโกเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้าที่หาญกล้าว่าเขาเป็นผู้ชายบ้ากามและโมโหร้ายอย่างไม่เกรงกลัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านหรืองุนงงเท่ากับสิ่งที่หญิงสาวกล่าวหาว่าเขาเป็นฝ่ายลักพาตัวเธอมา“นี่คุณ! หูตึงรึไง ฉันถามคุณว่า คุณจับตัวฉันมาทำไม ฉันไม่มีเงินมากพอขนาดที่จะเรียกค่าไถ่ได้หรอกนะ” สุพิชญาสบถด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ดวงตาคู่งามวาววับอย่างไม่คิดเกรงกลัวสักนิด เจ้าพ่อหนุ่มถึงกับตะลึงอึ้งอีกครั้งกับวาจากล่าวหานั้น“ผมเนี่ยนะจับคุณมาเรียกค่าไถ่”“ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณจะจับฉันมาทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณ” สุพิชญา ตวาดกลับเสียงขุ่น หญิงสาวจับจ้องผู้ชายที่ทำหน้าเหรอหราราวกับไม่รู้เรื่องใดๆ อย่างหมายมาดเอาเรื่องให้จงได้ผู้ชายบ้า! หน้าไม่อาย ข่มเหงรังแกฉันแล้วยังมีหน้ามาทำไม่รู้เรื่อง อย่าให้ฉันหลุดรอดออกไปได้นะ ฉันจะลากคอนายเข้าตะรางแน่ นายดิเอโก!ดิเอโกจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาสีสนิมแปรเปลี่ยนเป็นเรืองรองยามหลุบต่ำจ้องมองเนินอกที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนา อาการหายใจแรงๆ ทำให้เนินอกกระเพื่อมเคลื่อนไหววับๆ แวมๆ ล่อตาล่อใจให้อยากโน้มใบหน้าไปฝากฝังปลายจมูกซุกไซ้เฉกเช่นที่เคยสัมผัสมาเมื่อค่ำคืน“