เพียงริมฝีปากนุ่มสัมผัสแผ่วเบาเจ้าพ่อใหญ่ก็เผยอแย้มเรียวปากกว้างขึ้นเปิดช่องให้อีกฝ่ายสอดใส่ปลายลิ้นเล็กเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ส่วนสะโพกสอบก็ขยับขับเคลื่อนท่อนกายแกร่งที่บัดนี้แฝงตัวอย่างองอาจวาดลวดลายอยู่ในซอกหลืบนุ่ม ธารน้ำหลั่งไหลอาบตัวตนแห่งความเป็นชายจนชุ่มฉ่ำถ้วนทั่ว ยิ่งสุพิชญามอบจุมพิตแบบกล้าๆ กลัวๆ เขาก็ยิ่งเร่งจังหวะรัวเร็วขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายได้ปลดปล่อยตัวตนข้างในออกมา
สุพิชญาลืมเลือนไปเสียแล้วว่าเธอตั้งใจปฏิเสธเขาตั้งแต่แรก เพราะเพียงเขาแทรกกายผ่านกลางกายเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว หัวใจเธอก็เต้นรัวเร็วทั้งตื่นตระหนก ทั้งหวามไหว ปั่นป่วนไปทั่วเรือนกาย เธอไม่คิดว่าดิเอโกจะจู่โจมฝากฝังความเป็นชายเข้าในเรือนร่างของเธอรวดเร็วเช่นนั้น ซ้ำยังแสดงลีลารักผาดโผนแบบไม่คิดเกรงใจฟ้าดิน ด้วยยามนี้ ณ ตรงที่เขาวาดลวดลายมันคือผนังกระจกทั้งด้านที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกถ้วนทั่ว แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือบานกระจกใสจนภายนอกมองเข้ามาเห็นภายในได้เกือบทั่วทุกตารางนิ้ว
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าพ่อใหญ่จะไม่ใส่ใจ เพราะเพียงตวัดเสื้อคลุมตัวโคร่งออกจากร่างเธอแล้วปลดเปลื้องพันธนาการเรือนกายท่อนร่างของตัวเองออกเขาก็สอดใส่อาวุธร้ายเข้าจู่โจมเธอทันที แม้จะอยากหลีกหนีแต่ด้วยท่วงท่าที่ช่ำชองเหนือชั้นกว่าก็พาเธอที่หวาดผวาคล้อยตามได้โดยง่าย เรียวขาสวยกระหวัดรัดเรือนกายแกร่งมั่นยามถูกคุกคามกลางกาย
ยามนี้เรือนร่างบอบบางราวถูกอัดบีบให้เป็นเนื้อเดียวกับบานกระจกกว้าง แผ่นหลังบอบบางบดเบียดกับเนื้อกระจกจนแทบกลืนกินเป็นเนื้อเดียวกัน ยิ่งอีกฝ่ายโรมรันขับเคลื่อนเข้ายึดครองพื้นที่นวลเนื้อก็ยิ่งเบียดเสียดกับเนื้อกระจกแนบแน่น
“ชู่ว... ใจเย็นก่อนนะครับยาหยี” กระซิบบอกเมื่อผละศีรษะออกห่างแล้วคนร่างบางยังตามติดหมายแนบชิดจุมพิตดูดดื่ม สุพิชญาปรือตามองเมื่อเขาค่อยๆ ถอดถอยกายแกร่งออกแล้วจับให้เธอยืนหยัดกับพื้นพรมนุ่มอีกครั้ง หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ อย่างมึนงงที่จู่ๆ เขาก็หยุดการกระทำอันเร่าร้อน แต่เพียงเสี้ยววินาทีเธอก็เข้าใจดีในการกระทำนั้น เมื่อดิเอโกจับกายเธอหมุนให้หันหน้าเข้าหาบานกระจกเนื้อแน่น
เพียงทรวงอกนุ่มนาบไปกับกระจกบานใหญ่ดิเอโกก็ดึงรั้งสะโพกงามงอนให้ออกห่างกระจกบานนั้นแล้วส่งท่อนกายล่วงล้ำเข้าไปในซอกอุ่นนุ่มอีกหน ครานี้คนที่กำลังมึนงงถึงกับครางฮือ... ดวงตาที่ปรือเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะสายตาสบเข้ากับทิวทัศน์ภายนอกอย่างจัง! เขากำลังบรรเลงเพลงรักอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวสักนิดว่าจะมีใครสอดส่องมองเข้ามาหรือไม่ หัวใจสาวไหวพลิ้วเป็นริ้วคลื่นตื่นตะลึงกึ่งวาบหวามกับบทรักท่ามกลางทิวทัศน์ที่กว้างไกลในเวลานี้
สุพิชญาไม่รู้ว่าเวลาผ่านเลยไปเนิ่นนานเท่าไร เธอรู้แต่ว่าทุกวินาทีมีแต่ความหวามไหวยามแก่นกายของเขาขยับเข้าออกทั้งว่องไวก่อนค่อยๆ ผ่อนคลายเป็นเชื่องช้า วิวทิวทัศน์ด้านหน้าก็พร่าเลือนราวเธอกำลังหลับแล้วฝันไป แต่ทว่าตัวตนแห่งความเป็นชายที่สอดแทรกตรงรอยแยกกลางกายเคลื่อนไหวไม่ได้หยุดหย่อนนั้นย้ำเตือนให้เธอตระหนักว่า... เธอไม่ได้ฝันไป!
กว่าเจ้าพ่อใหญ่จะปล่อยให้ร่างนุ่มนิ่มให้เป็นอิสระ เขาและเธอก็ได้ใช้แทบทุกตารางนิ้วในห้องนั้นโรมรันแลกเปลี่ยนบทรักอันเร่าร้อนจนแอร์ที่เย็นฉ่ำไร้ความหมายไปในบัดดล
*****************************************
“คุณจะพาฉันไปไหนคะ” สุพิชญาถามด้วยความสงสัยเมื่อดิเอโกสั่งให้สาวใช้เข้ามาจัดเตรียมเสื้อผ้าของเธอใส่กระเป๋า แต่ท่าทางดิเอโกเหมือนจะไม่ได้ฟังสักนิดเพราะเจ้าพ่อใหญ่หันกายกลับทันทีที่บอกให้เธอตามเขาออกไป
“เดี๋ยวสิคะดิเอโก คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ”
“ไปถึงแล้วคุณจะรู้เองยาหยี ไปกันเถอะช้าไปกว่านี้เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน” ตอบเพียงเท่านั้นดิเอโกก็ขยับเท้าก้าวเดิน แต่ทว่าก็ต้องหยุดชะงักเพราะสุพิชญาไม่ได้เดินตามไป ซ้ำยังเอ่ยวาจาร้องขอด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“ดิเอโกคะ... ฉันอยากกลับบ้าน”
“คุณได้กลับแน่แต่ไม่ใช่เวลานี้” หันมาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบสีหน้านิ่งเสียจนสุพิชญาใจเสีย แต่ความมีทิฐิทำให้ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างขึ้น
“ทำไมคะ ทำไมกลับไม่ได้ ในเมื่อฉัน...”
“คุณเป็นเมียผม ผมอยู่ไหนคุณก็ต้องอยู่นั่น เข้าใจนะครับ” ดิเอโกตอบกลับก่อนที่สุพิชญาจะร่ายยาวไปมากกว่านั้น หญิงสาวชะงักงันกับสถานะที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้ ยามนี้เธอทั้งโกรธทั้งอับอาย แต่ก็พยายามเก็บกลั้นไว้แล้วโต้กลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันไม่ได้เป็นเมียคุณ! ”
ดิเอโกส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของสุพิชญา เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องมาทนโต้เถียงกับเธอด้วย ชีวิตของเขามีผู้หญิงมากหน้าหลายตาที่จะยอมทอดกายให้เขาบนเตียง แต่เขากลับต้องมาเล่นล่อเอาเถิดกับคนแสนพยศเช่นเธอ
“ไอ้ที่ร้องครวญครางเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมานี่ไม่ได้ช่วยเตือนความทรงจำคุณเลยหรือไงยาหยี”
“อีตาบ้า! ลามก” สุพิชญาตวาดแว้ดทันที หญิงสาวรู้สึกอยากกระโดดเข้าบีบคอเขาเสียเหลือเกิน
“ถึงจะบ้า... หรือลามก แต่ก็ได้ชื่อว่าสามีคุณนะ หรือจะต้องเตือนความทรงจำอีกซักกี่รอบดีคุณถึงจะยอมรับและจดจำมันยาหยี” คราวนี้ขยับเรียวฟันขบกัดริมฝีปากล่างพลางหรี่ตามองอย่างโลมเลีย พร้อมขยับเท้าก้าวเข้าหาคนปากดี
“มะ...ไม่ต้อง ฉันไม่กลับก็ได้ ว่าแต่คุณจะพาฉันไปไหนก็ไปสิ ไหนคุณว่าถ้าช้าจะค่ำไง” ปฏิเสธพลางขยับถอยหลังกรูดด้วยความตื่นตระหนก เพราะเธอรู้ดีว่าหากดิเอโกมีท่าทีแบบนี้ท้ายสุดจะต้องจบลงที่ใด
“แต่ผมชักไม่อยากไปแล้วสิ ความจริงไปพรุ่งนี้เช้าแทนก็น่าจะได้นะ” ว่าพร้อมตวัดสายตากวาดทั่วเรือนร่างก่อนดึงกลับมาจับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายที่ยามนี้วูบไหวราวกวางน้อยหวาดหวั่นกับภยันตราย
สุพิชญาถอยร่นจนหลังแนบชิดติดผนัง ดิเอโกได้โอกาสก็คว้าร่างนั้นมารวบกอดพร้อมตวัดปลายนิ้วแกร่งเชยคางมนให้คนถูกคุกคามแหงนเงยใบหน้าขึ้น สุพิชญาเบิกตากว้างขยับปากทักท้วงทันที
“ดะ...ดิเอโก อย่าค่ะ อื้อ...” เสียงหวานถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อถูกจู่โจมจุมพิตหนักหน่วง หัวใจดวงน้อยเต้นระทึกด้วยความหวามไหว เพราะดิเอโกไม่เพียงแต่ส่งมอบจุมพิตแสนเร่าร้อนเท่านั้น ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขายังโลมเล้าไปทั่วเรือนกายอีกด้วย
แต่ก่อนที่สุพิชญาจะระทวยไปทั้งกายและใจ เจ้าพ่อใหญ่ก็ถอนริมฝีปากบางเฉียบออกแล้วกระซิบบอกด้วยนัยน์ตาพราวระยับ
“ไปกันเถอะครับยาหยี ให้ถึงที่หมายก่อนแล้วเราค่อยต่อให้จบนะ”
สุพิชญาตาโตกับวาจาชวนระทึกนั้น หากดิเอโกไม่ประคองกอดเธอไว้ป่านนี้คงได้ร่วงลงไปกองกับพื้นแล้ว เพราะเรียวขาสวยสั่นระริกกับสัมผัสวาบหวามเมื่อเสี้ยวนาทีที่ผ่านมา ซ้ำยังได้ยินได้ฟังวาจาแสนตรงที่ชวนขัดเขินนั้นขาก็ยิ่งสั่นจนอ่อนแรง
ภายในห้องพักสุดหรูของบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ส่วนบุคคลหลายร้อยไร่บนเกาะบาหลียามนี้ บรรยากาศภายในห้องช่างสุดแสนโรแมนติก แสงนวลสีเหลืองอ่อนจากโคมไฟระย้าที่ตกกระทบผนังห้องสีครีมชวนให้เกิดแสงสว่างนุ่มนวลตา บนเตียงกว้างด้านหนึ่งของห้องปรากฏเรือนร่างของหญิงสาวทรวดทรงสุดเซ็กซี่ภายใต้ชุดราตรีสั้นสีเขียวมรกตขับให้ผิวนวลดูผุดผ่องต้องตาตรงหน้าประตูห้องน้ำที่เพิ่งแง้มออก ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มชาวสเปนผู้มีเชื้อสายละตินวัยสามสิบห้าปี ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มตัดรองทรงดูยุ่งเหยิงน้อยๆ ด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่ถูกฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นซับน้ำให้พอแห้งหมาดๆ ดวงตาสีสนิมจับจ้องเรือนร่างยวนตาบนเตียงกว้างอย่างพอใจ เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกระตุ้นความต้องการของเขามากเท่านี้สองเท้าค่อยๆ ก้าวเข้าหาเตียงกว้างก่อนที่จะหยุดข้างเตียงและหย่อนกายนั่งลงข้างเรือนร่างโปร่งบาง ริมฝีปากบางเฉียบกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจยามยื่นฝ่ามือหนาออกไปสัมผัสลูบไล้นวลเนื้อเนียนตรงต้นแขนเรียวอย่างแผ่วเบา ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเท่านั้นเรือนกายแกร่งก็ออกอาการสั่นเทาราวเป็นไข้ ดวงตาสีสนิมตวัดไล้ไปทั่วเรือนร่างราวต้อ
กายสาวกระตุกเฮือกราวหวาดผวาเมื่อยอดดอกบัวงามสัมผัสถึงความร้อนชื้นในโพรงปากนุ่มที่เข้าครอบครองดื่มด่ำราวกำลังหิวกระหายหลังจากฝ่ามือร้อนระอุบรรจงสรรค์สร้างให้ก้อนเนื้อนุ่มกลายเป็นดอกบัวคู่งามชูชันแข่งกันอวดโฉมรอเหล่าภมรมาคลอเคล้าเสียงหวีดร้องขัดขืนแปรเปลี่ยนเป็นครวญครางกระเส่าด้วยรู้สึกเร่าร้อนไปทั้งกายและใจยามทั้งมือและอุ้งปากที่เต็มไปด้วยธารน้ำอุ่นซ่านสลับสับกันคลึงเคล้าด้วยท่วงทำนองที่สอดประสานกันราวกำลังบรรจงสรรค์สร้างดอกบัวคู่งามให้เป็นงานศิลป์อันตระการตาแรงขัดขืนค่อยๆ ลดน้อยถอยลงจนแทบมลายหายไปสิ้น ทั้งที่ใจอยากต่อต้านแต่กายกลับไหวสะท้านสั่นระริกไปกับสัมผัสแปลกใหม่จากชายแปลกหน้าชนิดที่หญิงสาวผู้รักนวลสงวนตัวอย่าง สุพิชญา นาฏดิลก ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตนี้เรียวแขนอันงดงามผวาเข้ากอดรัดต้นคอแกร่งแน่นอย่างหวาดผวา เพราะเพียงฝ่ามือใหญ่ปลดปล่อยข้อมือน้อยทั้งสองข้างให้หลุดออกจากพันธนาการ เรือนร่างบอบบางก็ถูกผลักให้นอนราบทาบทับลงไปกับเตียงกว้าง ทุกการกระทำช่างรวดเร็วเสียจนหญิงสาวไม่มีโอกาสดึงสติให้กลับมาสมบูรณ์พร้อม เพียงเธอผวาเกาะกอด เรือนกายแข็งแกร่งก็โน้มทาบทับลงมาและเริ่มรุกเร้
“เห็นไหม... มันก็เหมือนๆ กับที่คุณเคยสัมผัส มันอาจจะใหญ่กว่าแต่ผมสัญญาว่าคุณกับมันจะเข้ากันได้ดี” ดิเอโกกระซิบปลอบประโลมดวงตา สีสนิมจับจ้องดวงตาคู่หวานราวต้องการถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้“ดะ...ดิเอโก ฉันไม่” สุพิชญาพยายามทักท้วงว่าเขากำลังเข้าใจผิด แต่สติแทบหลุดเมื่ออีกฝ่ายจับกุมมือน้อยของเธอไว้มั่นไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังบังคับให้ขยับเขยื้อนลูบคลำส่วนนั้นของร่างกายที่กำลังตื่นตัวตอบรับสัมผัสจากเธออย่างเริงร่า“ปะ...ปล่อย! ได้โปรด... ” สุพิชญาพยายามวิงวอนอีกครั้ง ใจดวงน้อยทั้งหวาดหวั่นและหวามไหว ใจหนึ่งใคร่อยากรู้อยากเห็นอยากลิ้มลองสัมผัสแสนวาบหวามนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด แต่ใจหนึ่งยื้อยุดให้ตระหนักถึงศีลธรรมอันดีงาม ยามนี้ไฟราคะกำลังปะทะกับสำนึกฝ่ายดีจนหญิงสาวแทบอยาก กรีดร้องระบายความอึดอัดที่แสนทรมานนั้นให้หมดไป“มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ผมถอยง่ายๆ ได้ไงยาหยี” เจ้าพ่อใหญ่กระซิบด้วยเสียงแหบพร่า ปล่อยมือน้อยให้เป็นอิสระแล้วเปลี่ยนเป้าหมายลากไล้ทักทายจุดกระสันเพื่อสร้างความซาบซ่านให้อีกฝ่ายทันที“ดะ...ดิเอโก อย่า... อื้อ!” เสียงหวานขยับจะทักท้วงแต่เพียงแค่เอ่ยห้ามปลายเสียงก็กลับกลายเป็นครวญครางเมื่อเจ้
“แกว่าอะไรนะเควิน” เจ้าพ่อใหญ่ตวาดกร้าวราวกำลังเกรี้ยวกราดอย่างสุดแสนเควิน เมดิสัน ผู้เป็นทั้งคนสนิทและมือขวาของ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนผู้ยิ่งใหญ่ ได้แต่ยืนก้มหน้าสงบนิ่งอย่างยอมรับความผิดพลาดในงานที่ได้รับมอบหมาย ดวงตาสีน้ำทะเลภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิทมองผ่านเลนส์แว่นนั้นจับจ้องที่ผืนพรมนิ่งไม่ไหวติง“มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” ดิเอโกเค้นเสียงถามอย่างหงุดหงิดใจเมื่อลูกน้องคู่ใจเอาแต่สงบเงียบ เจ้าพ่อใหญ่หัวเสียกับสิ่งที่ได้รับรู้เมื่อแรกอรุณของวันใหม่ ทั้งที่เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนอิ่มเอมใจ หญิงสาวแสนบริสุทธิ์ผู้เร่าร้อนทำให้กระทิงถึกอย่างเขาคึกคะนองจนแทบไม่ได้หลับนอนตลอดทั้งคืน“เจ๊ใหญ่บอกว่าผู้หญิงที่เจ๊ส่งตัวมาเกิดหลงทางเลยมาถึงที่นัดหมายช้ากว่ากำหนด แล้วแบตเตอรี่มือถือก็หมดเลยทำให้ติดต่อกันไม่ได้ครับ ดิเอโก”“แล้วผู้หญิงที่นายพามาเป็นใคร” เจ้าพ่อใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นยามตวัดสายตาคมกล้าจับจ้องลูกน้องคนสนิทอย่างคาดคั้น เขาไว้วางใจให้เควินทำงานให้นับครั้งไม่ถ้วนทั้งงานใหญ่งานเล็ก เควินไม่เคยผิดพลาด แต่ทว่าครั้งนี้เควินกลับพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย“ไม่ทรา
“ว่าไงนะ” ดิเอโกเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้าที่หาญกล้าว่าเขาเป็นผู้ชายบ้ากามและโมโหร้ายอย่างไม่เกรงกลัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านหรืองุนงงเท่ากับสิ่งที่หญิงสาวกล่าวหาว่าเขาเป็นฝ่ายลักพาตัวเธอมา“นี่คุณ! หูตึงรึไง ฉันถามคุณว่า คุณจับตัวฉันมาทำไม ฉันไม่มีเงินมากพอขนาดที่จะเรียกค่าไถ่ได้หรอกนะ” สุพิชญาสบถด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ดวงตาคู่งามวาววับอย่างไม่คิดเกรงกลัวสักนิด เจ้าพ่อหนุ่มถึงกับตะลึงอึ้งอีกครั้งกับวาจากล่าวหานั้น“ผมเนี่ยนะจับคุณมาเรียกค่าไถ่”“ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณจะจับฉันมาทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณ” สุพิชญา ตวาดกลับเสียงขุ่น หญิงสาวจับจ้องผู้ชายที่ทำหน้าเหรอหราราวกับไม่รู้เรื่องใดๆ อย่างหมายมาดเอาเรื่องให้จงได้ผู้ชายบ้า! หน้าไม่อาย ข่มเหงรังแกฉันแล้วยังมีหน้ามาทำไม่รู้เรื่อง อย่าให้ฉันหลุดรอดออกไปได้นะ ฉันจะลากคอนายเข้าตะรางแน่ นายดิเอโก!ดิเอโกจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาสีสนิมแปรเปลี่ยนเป็นเรืองรองยามหลุบต่ำจ้องมองเนินอกที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนา อาการหายใจแรงๆ ทำให้เนินอกกระเพื่อมเคลื่อนไหววับๆ แวมๆ ล่อตาล่อใจให้อยากโน้มใบหน้าไปฝากฝังปลายจมูกซุกไซ้เฉกเช่นที่เคยสัมผัสมาเมื่อค่ำคืน“
“ดิเอโก! นี่คุณ!” สุพิชญาอุทานขานนามชายหนุ่มที่เธอรู้จักเพียงชื่อเขาอย่างตื่นตะลึง ดวงตาคู่งามเบิกกว้างจ้องมองเจ้าพ่อใหญ่อย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดนั้น“ผมชื่อ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนที่ใครๆ ก็ยอมสยบแทบเท้า ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธผม จำไว้!” ดิเอโกเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน เขาไม่จำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียงหรือพะเน้าพะนอเอาใจใคร ในเมื่ออะไรที่เขาต้องการเขาต้องได้เสมอเธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่เขาขึ้นเตียงด้วย แม้จะติดใจในรสสวาท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องสยบแทบเท้าและปล่อยให้เธอแผลงฤทธิ์ใส่เขาอย่างไม่กลัวเกรงสุพิชญายิ่งตะลึงหนักขึ้นเมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัวเองเสียเต็มยศ คำว่า ‘เจ้าพ่อบ่อนคาสิโน’ กระตุกใจดวงน้อยได้ดีทีเดียว แต่ทว่าคนอย่างสุพิชญาหรือจะยอมลงให้ใครง่ายๆ หากเธอถูกระรานเธอก็จะต่อต้านสุดฤทธิ์เช่นกัน“คุณไม่กล้าแน่ดิเอโก ฉันไม่ใช่คนจรจัดที่คุณจะจับมัดมือขายทอดตลาดอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากฉันหายไป คนที่บ้านฉันเขาต้องแจ้งความและตามหา อีกไม่นานคุณก็จะถูกตำรวจจับแน่นอน”เมื่อเอ่ยวาจาท้าทายไปแล้วหญิงสาวก็ต้องกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ที่แล่นขึ้นมาจุกแน่นตรงลำคอ ความจริงที่เธอรู้ดี ไม
ทางเดินด้านหน้าเป็นถนนเส้นยาวที่ไกลสุดหูสุดตาไม่อาจคาดเดาได้ว่าปลายทางไปบรรจบลงตรงที่ใด สองข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสีขาวจางที่พอรวมตัวกันทำให้มองรอบข้างได้ไม่ชัดเจนนัก หญิงสาวพยายามเพ่งมองไปข้างหน้าตามเส้นทางที่พอมองเห็นเลือนลาง เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ใดแล้วใครๆ หายไปไหนกันหมด หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงเพื่อตะโกนเรียกหาใครสักคนแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา สุพิชญารู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาในใจลึกๆ พลันสายตาก็เริ่มมองเห็นใครคนหนึ่งเดินอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก หญิงสาวพยายามวิ่งตามแต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหน ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ ไกลออกไปแต่กลับยิ่งชัดเจนในดวงตาคู่งาม‘พี่ติ’สุพิชญาส่งเสียงเรียกชายหนุ่มตรงหน้าแผ่วเบาแต่เหมือนเขาจะได้ยินเสียงเรียกนั้น เขาหันกลับมามองเธอ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน คล้ายกับว่าเขากำลังพูดอะไรสักอย่างกับเธอ หญิงสาวพยายามตั้งใจฟัง เสียงที่ลอยมาแผ่วเบาแต่เธอรู้สึกเหมือนมันดังก้องอยู่ในหัว‘พิชชา... พี่รักเธอ’ได้ยินเท่านั้นพลันสุพิชญาก็รู้สึกราวถูกตีอย่างแรงที่หัว ความรู้สึกหมุนคว้างดังกำลังตกจากที่สูง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป เธอก็รู้สึกสะดุ้งสุดตัวแกร๊
เสียงปรบมือกับเสียงโห่ร้องดังกึกก้องกังวานจนสุพิชญารู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ ยามนี้หญิงสาวรู้สึกดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวไปด้วยธารน้ำตาที่เอ่อล้นจนแทบจะไหลริน มือน้อยขย้ำผ้าปูแสนสวยแน่นเมื่อตระหนักถึงชะตากรรมที่กำลังเผชิญ เวรกรรมใดหนอถึงนำพาให้เธอต้องเจอแต่ความเจ็บแค้นแสนสาหัสเช่นนี้“เชิญครับคุณผู้หญิง” เสียงทุ้มกังวานของบุรุษเพศเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมฉุดดึงให้สุพิชญาหลุดออกจากห้วงความคิด หญิงสาวรีบกระพริบเปลือกตาขับไล่น้ำตาแห่งความรันทดให้ไหลคืนกลับสู่ภายใน เธอไม่ต้องการเรียกร้องความเห็นใจใด และไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เป็นที่น่าสังเวชในสายตาของคนพวกนี้“คุณจะพาฉันไปไหน” สุพิชญาถามด้วยเสียงห้วนสั้นออกกร้าวกระด้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำยืนตระหง่านอยู่ด้านหน้าคนพวกนี้อีกแล้ว ทำไมพวกจิตใจทรามต่ำช้าถึงต้องสวมใส่ชุดสูทเหล่านี้ให้มันเสื่อมเสียด้วยนะ คิดจะทำชั่วแต่กลัวถูกตราหน้ารึไงถึงต้องมาสวมใส่สูทให้มันดูดี! สุพิชญาคิดอย่างแค้นเคืองในใจ ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาเมื่อเช้าวันใหม่เธอเจอแต่คนในสูทสีดำจนมันดูกราดเกลื่อนไปหมด“เดฟให้พวกเรามาเชิญคุณไปที่ เดอะลัส!” หนึ่งในสองคนเอ่ยขึ้นด้วยเ