พันธะแค้น ชะตารัก

พันธะแค้น ชะตารัก

By:  สืออีเหนียนUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
40Chapters
12views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
Scan code to read on App

เมืองหลวงแห่งต้าเซี่ยมีสตรีอยู่สองคนที่มีชื่อเสียงทั่วหล้า คนหนึ่งเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนอัครมหาเสนาบดีนามฉินเจิน หน้าตางดงามความสามารถมากมี ท่าทีสง่างามเกินใคร เป็นผู้ที่โดดเด่นเหนือใครในบรรดาหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ อีกคนหนึ่งเป็นถึงบุตรีเมียเอกแห่งจวนแม่ทัพใหญ่นามจวินเฟยเซ่อ ชื่อเสียงฉาวโฉ่ เย่อหยิ่งจองหอง ถือดีว่าบิดาของตนเป็นแม่ทัพที่มีผลงานเกรียงไกร ใช้อำนาจรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า เย้าแหย่กับหนุ่มรูปงามชาติตระกูลดีไปไม่รู้ตั้งเท่าไร ฉินเจินถูกน้องสาวต่างมารดาและคู่หมั้นร่วมมือกันสังหาร ส่วนจวินเฟยเซ่อนั้นเพราะแอบดูเสวียนอ๋องอาบน้ำ จึงถูกสังหารด้วยฝ่ามือเดียว ครั้นเมื่อฉินเจินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบว่านางกลายเป็นจวินเฟยเซ่อไปเสียแล้ว...

View More

Latest chapter

Free Preview

บทที่ 0001

ในยามนี้ ฝนกระหน่ำเทลงมาดุจฟ้ารั่ว อสนีบาตสาดแสงทั่วนภาฉินเจินนอนหายใจรวยรินอยู่ใต้หุบเขาอันมืดมิดอนธการ กระบี่เล่มหนึ่งปักอยู่ที่อกของนาง เลือดที่ไหลรินถูกฝนชะล้างจนพื้นดินเป็นสีแดงชาด"เพราะเหตุใดกัน เหตุใดจึงต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย"นางเอ่ยถามด้วยความแค้นเคือง ดวงตาคู่นั้นพยายามมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างยากเย็น หญิงสาวที่ได้ชื่อเป็นว่าเป็นน้องสาวอันเกิดจากอนุภรรยาของผู้เป็นบิดานามฉินหงซวง ที่ในยามปกติแล้วนางจะคอยดูแลเอาใจใส่อีกฝ่ายอยู่เสมอ ทั้งสองคนสนิทสนมกลมเกลียวกันดียิ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้เป็นน้องจะหลอกนางมายังหลังผา อาศัยช่วงที่นางไม่ทันระวังแทงกระบี่เข้าที่อกจนทะลุความคับข้องใจ คับแค้นจิตและความผิดหวังประดังประเดเข้ามาที่อกของนาง ดวงตาก็จ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตาฉินหงซวงก้าวเท้าออกมา มองดูฉินเจินด้วยท่าทีของผู้ถืออำนาจเหนือกว่า แม้แต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสะใจ หญิงสาวมองดูพี่สาวของจนที่นอนหายในแผ่วเบาแล้วค่อย ๆ แสยะยิ้มอันเยือกเย็นออกมา แม้แต่แววตาก็จ้องเอาเรื่องราวกับเคลือบไปด้วยพิษ ก่อนจะเอ่ยตอบ "ท่านพี่ หากท่านไม่ตายก็ต้องแต่งงานพี่อวี่ เรื่องเช่นนี้จ...

Interesting books of the same period

Comments

No Comments
40 Chapters
บทที่ 0001
ในยามนี้ ฝนกระหน่ำเทลงมาดุจฟ้ารั่ว อสนีบาตสาดแสงทั่วนภาฉินเจินนอนหายใจรวยรินอยู่ใต้หุบเขาอันมืดมิดอนธการ กระบี่เล่มหนึ่งปักอยู่ที่อกของนาง เลือดที่ไหลรินถูกฝนชะล้างจนพื้นดินเป็นสีแดงชาด"เพราะเหตุใดกัน เหตุใดจึงต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย"นางเอ่ยถามด้วยความแค้นเคือง ดวงตาคู่นั้นพยายามมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างยากเย็น หญิงสาวที่ได้ชื่อเป็นว่าเป็นน้องสาวอันเกิดจากอนุภรรยาของผู้เป็นบิดานามฉินหงซวง ที่ในยามปกติแล้วนางจะคอยดูแลเอาใจใส่อีกฝ่ายอยู่เสมอ ทั้งสองคนสนิทสนมกลมเกลียวกันดียิ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้เป็นน้องจะหลอกนางมายังหลังผา อาศัยช่วงที่นางไม่ทันระวังแทงกระบี่เข้าที่อกจนทะลุความคับข้องใจ คับแค้นจิตและความผิดหวังประดังประเดเข้ามาที่อกของนาง ดวงตาก็จ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตาฉินหงซวงก้าวเท้าออกมา มองดูฉินเจินด้วยท่าทีของผู้ถืออำนาจเหนือกว่า แม้แต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสะใจ หญิงสาวมองดูพี่สาวของจนที่นอนหายในแผ่วเบาแล้วค่อย ๆ แสยะยิ้มอันเยือกเย็นออกมา แม้แต่แววตาก็จ้องเอาเรื่องราวกับเคลือบไปด้วยพิษ ก่อนจะเอ่ยตอบ "ท่านพี่ หากท่านไม่ตายก็ต้องแต่งงานพี่อวี่ เรื่องเช่นนี้จ
Read more
บทที่ 0002
เจ็บปวดเหลือเกินกระดูกทั่วทั้งร่างราวกับแหลกสลายก็มิปานฉินเจินลืมตาขึ้น พลันสายตาก็มองเห็นมุ้งสีม่วงกับห้องที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายโบราณ ทำให้หญิงสาวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ครั้นเมื่อทวนความจำ ภาพอันน่าอนาถบนยอดเขาก็ย้อนกลับมาในห้วงความคิดจนนางลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทีสะดุ้งโหยง สายตาเปี่ยมไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงมีคนช่วยนางไว้อย่างนั้นหรือไม่ เป็นไปไม่ได้ฉินหงซวงรินยาสลายร่างลงบนหน้าอกของนาง ทำให้ร่างทั้งร่างของนางเน่าเปื่อยจวบจนเหลือแค่กองเลือดทั้งเคียดแค้น ทั้งเจ็บปวดเหลือทนในยามนี้เอง ประตูก็ถูกเปิดเสียงดังแอดจนฉินเจินต้องหันขวับ แลเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่บนเกล้ามวยผมปักดอกไม้ เดินยกถาด ๆ หนึ่งเข้ามาในห้องคล้ายว่าผู้มาเยือนยังไม่ทันสังเกตเห็นในคราแรก ครั้นเมื่อหันมาเห็นว่าเจ้าของห้องลุกขึ้นมานั่ง หญิงสาวก็ตะลึงงันจนเผลอทำถาดไม้นั้นร่วงหล่นจากมือไป สายตาเปี่ยมไปด้วยความดีใจ "คุณหนูฟื้นแล้ว ในที่สุดคุณหนูก็ฟื้นแล้ว ฮือ ๆ ๆ ..."หญิงสาวร้องไห้โฮเสียงดัง วิ่งเข้าหาผู้เป็นนายด้วยความดีใจจนตาแดงก่ำฉินเจินเหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่ายก็เห็นว่าเป็นสาวใช้ที่นางไม่รู้จัก แม้พอจะคุ้นตาอยู่บ้
Read more
บทที่ 0003
ลี่ว์จู๋เห็นท่าทีของฉินเจินแล้วก็ตกใจยิ่งนัก ยิ่งพอได้เห็นท่าทีในยามนี้ของฉินเจิน น้ำตาก็ยิ่งร่วงเผาะ รู้เพียงว่าคุณหนูของนางสลบไสลจนจำอะไรไม่ได้ ในใจก็พลันเจ็บปวดขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ "คุณหนู คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินผู้นั้นเป็นเพียงอดีตไปแล้วเจ้าค่ะ สามปีก่อน คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินนั่นหนีไปกับคนขับรถม้าของจวนก่อนที่จะเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายหกเพียงไม่กี่วัน ทั้งตระกูลฉินและองค์ชายหกต่างก็กลายเป็นตัวตลกของต้าเซี่ย ทั้งที่คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินเป็นถึงต้นแบบแห่งกุลสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวง แต่กลับทำตัวให้ตระกูลเสื่อมเสียถึงเพียงนั้น ทำให้ตระกูลฉินอับอายขายหน้าจนสิ้น"ฉินเจินได้ยินดังนั้นก็แทบประคองสติไม่อยู่ทันที นางรู้สึกได้เพียงว่าเบื้องหน้านั้นดำมืด มองไม่ชัดไปเสียทุกอย่าง เห็นเพียงปากของลี่ว์จู๋ที่ขยับไปมาเท่านั้น"จะเป็นไปได้อย่างไรกัน"ฉินเจินกัดฟันกรอด ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า แต่น้ำตากลับมิได้หยดลงมาแม้เพียงหยดเดียวหากแต่ลี่ว์จู๋ที่ได้ยินกลับรีบส่ายหัวทันที "จริง ๆ นะเจ้าคะ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินนั่นเขียนจดหมายทิ้งไว้เอง บอกว่ารู้จักกับคนขับรถม้านั่นมานานจนเกิดเป็นความ
Read more
บทที่ 0004
ฉินเจินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ใช่สิ ตอนนี้นางคือจวินเฟยเซ่อเมื่อตั้งสติได้แล้ว ฉินเจินก็เอ่ยขึ้น "หวังเอ้อร์ ข้าต้องการพบอัครมหาเสนาบดีฉิน""เอ๊ะ ทำไมท่านถึงรู้จักชื่อข้าได้เล่า"หวังเอ้อร์เกาหัวแกรก ๆ ด้วยท่าทีงุนงง"ว่าแต่ท่านเป็นใครกันหรือ"ชายหนุ่มถามขึ้นอีกครั้งฉินเจินเม้มปากแน่น ดึงเอาผ้าคลุมหน้าออก "ข้าคือคุณหนูใหญ่ตระกูลจวิน"ใช่แล้ว บัดนี้นางเป็นได้เพียงคุณหนูใหญ่ตระกูลจวิน นามจวินเฟยเซ่อเท่านั้นครั้นพอฉินเจินแจ้งชื่อเสียงเรียงนามก็เห็นได้ว่าสีหน้าของหวังเอ้อร์ดูเปี่ยมไปด้วยความตกใจ สีหน้าราวกับรู้สึกแปลกประหลาดปนอยู่ชั่วครู่ เขาพินิจพิจารณาฉินเจินอย่างถี่ถ้วน ว่าในที่สุดเขาก็เผยสีหน้าแปลก ๆ ออกมาราวกับมองเห็นได้ชัดแล้วว่าคนตรงหน้าคือคุณหนูใหญ่ตระกูลจวินจริง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น "คุณหนูจวินโปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะเข้าไปแจ้งให้ทราบ"เมื่อพูดจบก็ปิดประตูใหญ่บานนั้นดังปังทันที"รีบไปรายงานเสีย คุณหนูใหญ่ตระกูลจวินมาที่นี่ บอกว่ามาหาท่านเสนาบดี""ใครนะ คุณหนูใหญ่ตระกูลจวินหรือ นางมาที่ตระกูลฉินเราได้อย่างไรกัน หรือว่านางเกิดชอบคุณชายเราขึ้นมา""เร็วเข้า ๆ ๆ ไปบอกนายท่าน แ
Read more
บทที่ 0005
ฉินเจินราวกับตกลงไปในธารน้ำแข็งที่แท้ความเจ็บปวดขีดสุดนั้นคือความด้านชาหญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางแดดอันร้อนแรง คล้ายได้ยินเสียงอื้ออึงอยู่ข้างหู โลหิตหลั่งรินอยู่ภายในใจนางรู้มาตลอดว่าบิดาเป็นเคร่งครัด ปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์อยู่เสมอ ซ้ำยังคาดหวังกับนางยิ่งกว่าอะไร แต่นางรู้ว่าบิดารักนาง ถึงแม้ว่าตอนเด็กนางจะเคยอิจฉาภาพที่เห็นว่าบิดาอุ้มฉินหงซวงหมุนรอบตัวด้วยรอยยิ้มก็ตามแต่หญิงสาวรู้ดีว่าตนเองเป็นบุตรีในภรรยาเอก เป็นผู้ที่ต้องวางตัวเป็นเยี่ยงอย่าง จะมีอิสรเสรีอย่างน้องสาวต่างมารดาได้อย่างไรกันเล่า นางพยายามเรียนอักษรกลอนกวี เรียนดนตรี หมากล้อม ภาพ อักษร ยามหน้าหนาวเดือนสิบสองก็ไม่เคยหยุดหย่อนการร่ำเรียนวิชามารยาทกุลสตรีชั้นสูง ค่อย ๆ ทำให้นางกลายเป็นต้นแบบของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ บิดาของนางก็จะตบที่บ่าของนางเบา ๆ แล้วเอ่ยชม 'ไม่เลวเลย'ทรัพย์สินในเรือน งานชุมนุมในสังคมก็เป็นนางที่ไปเข้าร่วมเสียส่วนใหญ่ นางเป็นบุตรีในภรรยาเอกของตระกูลฉิน เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลฉิน เป็นความภาคภูมิใจของบิดาแต่บัดนี้ ฉินเจินกลับตกอยู่ในความคลางแคลงใจอย่างลึกซึ้งเหมือนว่าบิดาของนางไม่เคยรักนางเลยมิเช่นน
Read more
บทที่ 0006
แววตาของฉินเจินนั้นเย็นชา อีกยังไร้ซึ่งอารมณ์ทางสีหน้าใด ๆ ดวงตาคู่นั้นดุจหิมะที่ตกลงสู่ดินจนกลายเป็นสีขาวโพลนอันเยือกเย็น มีเพียงความเย็นชาที่ฉายออกมาทางแววตาเท่านั้น หาได้มีความรู้สึกอื่นไม่ ไร้ซึ่งความโกรธ ไร้ซึ่งความแค้น ไร้ซึ่งทุกอารมณ์เซี่ยจืออั๋งยืนนิ่งอึ้งไป เขามองท่าทีของจวินเฟยเซ่อที่ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกขึ้นมาฉินเจินเห็นว่าว่าเซี่ยจืออั๋งจ้องนางอยู่เช่นนั้นโดยไม่ได้มีท่าทีว่าจะหลีกทางให้ นางจึงเม้มปากขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา"จวินเฟยเซ่อ เจ้าเป็นใครมาจากไหนอย่างนั้นหรือถึงได้กล้าสั่งข้า"เซี่ยจืออั๋งคำรามใส่หญิงสาวเสียงดังลั่น ดวงตาดอกท้อของเขาคู่นั้นก็เปี่ยมไปด้วยเพลิงโทสะ ราวกับว่ายิ่งเสียงของเขาดังเท่าไร ความโกรธแค้นก็ยิ่งลุกโชนขึ้นเท่านั้น มีเพียงการทำเช่นนี้ถึงจะปกปิดท่าทีที่เขาผงะไปเมื่อครู่ได้ ฉินเจินไม่อยากเสียเวลากับชายหนุ่มอีก จึงคิดจะสาวเท้าเดินอ้อมเขาเข้าไปภายในหอโดยไม่พูดอะไรสักคำหากแต่เซี่ยจืออั๋งกลับถูกท่าทีเช่นนี้ของฉินเจินทำให้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ "จวินเฟยเซ่อ นี่เจ้ากล้าเมินข้าหรือ"ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นแล้วเอื้อมมือออกไปคว้าตัวฉินเจินไว้ทว่า
Read more
บทที่ 0007
เมื่อเซี่ยจืออั๋งเห็นว่าเซียวเฟิ่งชีปรากฏตัวขึ้น ก็ร้องไห้โวยวายออกมาทันทีด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในยามนี้เอง ความแค้นในใจของฉินเจินค่อย ๆ สงบลง หญิงสาวปล่อยมือที่คว้าตัวเซี่ยจืออั๋งเอาไว้ สายตาละออกจากเซียวเฟิ่งชีก่อนจะกวาดตามองทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสอง ก็ไม่พบคนสวมชุดฟ้านั่นเซียวหงอวี่มิได้อยู่ที่นี่นางหลุบตาลงต่ำ ไม่เอ่ยซึ่งคำใด แต่กลับเผยให้เห็นได้ว่านางกำลังเหนื่อยล้ายิ่งนักเซี่ยจืออั๋งถูกโยนตัวลงสู่พื้นจนตาของเขากลอกไปมา ชายหนุ่มเจ็บปวดไปทั้งร่างจนพูดอะไรไม่ออก"ออกไป"เสียงอันเย็นชานั้นดังขึ้นเซียวเฟิ่งชีหมุนล้อรถเข็นจากชั้นสองลงมายังชั้นหนึ่งของหอรถเข็นของเสวียนอ๋องค่อย ๆ เคลื่อนมาทางหญิงสาว เกิดเสียงยามล้อทองคำกระทบกับพื้นกระดาน ทุกครั้งที่เกิดเสียงดังนั้นราวกับชนเข้าในใจของนาง ทำให้นางยิ่งวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นห้วงความคิดที่เคยเปี่ยมด้วยความโกรธแค้นก็สงบลงขึ้นในทันใด นางไม่ลืมว่าจวินเฟยเซ่อตายด้วยน้ำมือของเสวียนอ๋องเซียวเฟิ่งชีกระทั่งรถเข็นมาหยุดอยู่ตรงหน้านางความกดดันอันน่าหวาดกลัวก็พุ่งตรงเข้ามาเช่นกัน"นี่ฟื้นขึ้นมาได้แล้วหรือ"จู่ ๆ เซียวเฟิ่งชีก็เอ่ยขึ้นด
Read more
บทที่ 0008
นางเอ่ยประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ทว่าเซียวเฟิ่งชีก็ได้ยินมัน ลูกน้องที่เป็นชายชุดดำทั้งสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังก็ได้ยินแล้วเช่นกัน สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปในทันที กระบี่ที่อยู่ในมือพร้อมเข้าฟาดฟันร่างของฉินเจินจนเกือบควบคุมไม่อยู่แต่ใบหน้างดงามอันเย็นชาของฉินเจินในบัดนี้กลับมิได้แสดงซึ่งสีหน้าใด ๆ ดวงตาทั้งสองข้างก็จับจ้องไปยังเซียวเฟิ่งชี"ชีพจรอยู่ไม่นิ่ง พิษเข้าสู่ปอด อยู่ได้นานสุดอีกสามเดือน"นางเอ่ยปากขึ้นอีกครั้งแม้จะเป็นการพูดอย่างไม่รีบร้อน แต่กลับทำให้คนฟังวิตกกังวลยิ่งเซียวเฟิ่งชีเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาที่เย็นชาภายใต้หน้ากากของเขาประสานเข้ากับดวงตาของหญิงสาวเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครส่งเสียงอันใดออกมา...ชาติภพก่อน ฉินเจินมีความลับอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่มีใครเคยได้รู้ กระทั่งอดีตคู่หมั้นของนางอย่างเซียวหงอวี่ก็ไม่รู้เช่นกันยามที่นางอายุยังน้อย เคยได้ติดตามท่านยายในตระกูลไปไว้พระขอพรให้แก่ตระกูลฉินที่วัดเชียนอวิ๋น ต้องจำศีลกินเจอยู่ในวัดถึงเจ็ดวัน แต่เพราะนางติดเล่นสนุกจึงแอบหนีไปเล่นหลังเขาและได้ช่วยชายชราคนหนึ่งที่บาดเจ็บสาหัสเอาไว้ชายชราผู้นั้นนอนหายใจรวยริน
Read more
บทที่ 0009
เสียงของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง เปี่ยมไปด้วยความเสียใจสุดคณานับฉินเจินเม้มริมฝีปาก นางพยายามจะเอ่ยปากแต่ไม่ว่าอย่างไรก็เรียกว่าท่านพ่อไม่ได้เสียทีเมื่อครู่นางเพิ่งถูกขับไล่ออกจากตระกูลฉิน ความรู้สึกในใจนั้นยังมิทันได้ปรับตัวได้ แล้วจะเรียกได้อย่างไรกัน จะไม่เป็นการผิดต่อความรู้สึกหรือจวินเหลยถิงมองดูลูกสาวที่เย็นชาห่างเหินแล้วก็ยิ่งปวดใจจนไม่อาจรับได้อีก แต่ในยามนี้เอง จู่ ๆ เสียงของเซี่ยจืออั๋งก็ดังโวยวายขึ้น "แม่ทัพจวิน ท่านมาพอดีเลย ท่านดูลูกสาวตัวดีที่ท่านเลี้ยงมาสิ นี่เพิ่งฟื้นมาก็จะมาดักรอพี่ชายข้าที่หอฮุ่ยอิงแล้ว นอกจากจะทำร้ายข้าจนสาหัสแล้วยังกล้าหยอกล้อ ลวนลามพี่ชายข้าอีก ท่านว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า"เซี่ยจืออันตวาดขึ้นมา เขานอนแผ่อยู่บนพื้นอยู่นานสองนาน ความเจ็บปวดทั่วร่างทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าอะไร เลยถือโอกาสนี้หาใครสักคนระบายอารมณ์ ร้องโอดโอยขึ้นมาทันทีจวินเหลยถิงที่กำลังปวดใจดุจมีดกรีดแทงอยู่นั้น เมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยจืออั๋งก็หันขวับไปมอง จึงได้พบว่าที่แท้ยังมีคนนอนอยู่บนพื้นอีกคน อ้อ... ที่แท้ก็คือเซี่ยซือจื่อที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงไม่ย
Read more
บทที่ 0010
ของในมือเขาเป็นกล่องไม้เคลือบสีดำ บนกล่องสลักเป็นลวดลายดอกไม้อันวิจิตรบริวารของเซียวเฟิ่งชีก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อรับกล่องนั้นไป แล้วส่งให้แก่เซียวเฟิ่งชีฉินเจินเองก็เงยหน้าขึ้นไปมองเช่นกัน นางต้องการรู้ว่าจวินเหลยถิงมอบอะไรให้แก่เซียวเฟิ่งชีครั้นเมื่อกล่องนั้นถูกเปิดออก ก็เห็นป้ายเหล็กรูปทรงคล้ายกระเบื้องหลังคาปรากฏอยู่ตรงหน้า บนป้ายเหล็กนั้นหลักตัวอักษรไว้มาก แต่ตัวอักษรใหญ่ด้านบนสุดนั้นปรากฏอยู่ในสายตาของฉินเจินแจ่มชัดที่สุด ป้ายเหล็กอักษรชาดฉินเจินสูดลมหายใจเข้าไปเบา ๆ ด้วยความตกใจ แม้แต่ดวงตาที่แดงก่ำก็ค่อย ๆ เบิกกว้างบนป้ายเหล็กนั้น สลักไว้ซึ่งคุณงามความดีที่ตระกูลจวินทั้งสี่รุ่นได้ทำเพื่อราชวงศ์ต้าเซี่ย มีระบุเวลาที่พระราชทาน ชื่อสกุล ยศศักดิ์ ที่ดินของผู้ที่ได้รับพระราชทาน เป็นเกียรติยศพิเศษและรางวัลที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้ต่อตระกูลจวินป้ายเหล็กอักษรชาด คือป้ายละเว้นโทษตาย !ฉินเจินตื่นตะลึงในสิ่งที่เห็น นางคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่จวินเหลยถิงมอบให้เสวียนอ๋องจะเป็นป้ายละเว้นโทษตายที่มีความสำคัญมากเช่นนี้ นี่เป็นเกียรติยศอันหาที่สุดมิได้ของตระกูล เป็นของที่สำคัญที่สุดใน
Read more
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status