Share

บทที่ 0039

Author: สืออีเหนียน
เฝิงเฉินเอ่ยถามออกมา

สายตาของเขาแฝงด้วยความหวัง การรอคอย รวมถึงความสับสนและความเจ็บปวด

จิ่งสิงเป็นสหายที่ดีที่สุดของเขา เป็นกระทั่งผู้ที่นำทางให้เขาสนใจเรียนวิชาแพทย์ แต่สิ่งที่เขาเรียนรู้มาทั้งชีวิตกลับไม่อาจช่วยชีวิตสหายรักของเขาได้ ใครเลยจะรู้ว่าเขาสิ้นหวังมากเพียงใด

ครั้นพอฉินเจินได้ยินคำถามของเฝิงเฉิน สีหน้าของนางก็พลอยเคร่งเครียดไปด้วย นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยออกมา "เช่นนั้นพิษที่เสวียนอ๋องได้รับก็มิใช่พิษอัคคีเหมันต์"

"จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ดูจากปฏิกิริยาเมื่อพิษกำเริบ อาการป่วย ดูอย่างไรก็เป็นพิษอัคคีเหมันต์ เรื่องนี้สามารถยืนยันได้แน่นอน ข้ากำลังคิดว่า บางทีในตัวของจิ่งสิงอาจมีพิษอื่นที่ยังตรวจไม่พบ พอพิษทั้งสองผสานเข้าด้วยกัน ยาแก้พิษก็เลยใช้ไม่ได้ผลก็เป็นได้"

หากแต่ฉินเจินกลับส่ายหน้า "ถึงแม้อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด แต่จากประสบการณ์ที่ข้าเรียนวิชาแพทย์มาหลายปี ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ พิษอัคคีเหมันต์เป็นพิษที่ร้ายแรงมากแล้ว จะยังมีพิษอะไรที่อยู่ร่วมกับมันแล้วพวกเราจะไม่อาจรู้ได้เล่า"

คำตอบของฉินเจินได้ปัดข้อสันนิษฐานของเฝิงเฉินทิ้ง

"เว้นเสียแ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0040

    เดิมทีเซียวเฟิ่งชีเป็นคนที่โดดเด่นมากอยู่แล้ว ในยามที่เขาจ้องมองคน ความกดดันจึงมากยิ่งกว่าเดิม"มีอะไรหรือเพคะ บนหน้าหม่อมฉันมีอะไรติดอยู่หรือ"ฉินเจินเห็นว่าเซียวเฟิ่งชีจ้องมองตนเองอยู่จึงเอ่ยถามออกไป"เจ้าไม่รู้เชียวหรือว่าคราวก่อนที่ข้าพิษกำเริบคือเมื่อใด"จู่ ๆ เซียวเฟิ่งชีก็เอ่ยถามขึ้นฉินเจินกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความแปลกใจ จึงถามขึ้นทันที "หม่อมฉันจะทราบได้อย่างไรเพคะ"เซียวเฟิ่งชีนิ่งขรึมไปโดยไม่เอ่ยคำใดอีกเหลิ่งมู่เองก็เงยหน้ามองฉินเจินคล้ายอยากพูดอะไร แต่ก็มิได้พูดออกมาแม้แต่เฝิงเฉินเองก็เหมือนว่าอยากพูดอะไรขึ้นมาเช่นกันฉินเจินรู้สึกแปลกกับท่าทีของทุกคนอยู่บ้าง แต่นางยังคงเอ่ยกับเฝิงเฉินด้วยความสุภาพ "คุณชายเฝิง แม้วิชาแพทย์ของข้าจะพอใช้ได้ แต่ลำพังแค่การจับชีพจรนั้นไม่อาจรู้ได้จริง ๆ ว่าท่านอ๋องมีอาการพิษกำเริบครั้งล่าสุดเมื่อใดกัน""เหอะ..."แต่แล้วเซียวเฟิ่งชีกลับยิ้มเยาะออกมารัศมีที่เซียวเฟิ่งชีแผ่ออกมานั้นเปลี่ยนไปในฉับพลัน เพียงเขายกมือขึ้น ด้ายสีทองก็สว่างวาบจากนิ้วของเขาดุจสายฟ้า พุ่งตรงไปยังฉินเจิน เพียงครู่เดียวก็รัดลำคอของหญิงสาวไว้อีกครา"เสวียนอ๋อง

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0001

    ในยามนี้ ฝนกระหน่ำเทลงมาดุจฟ้ารั่ว อสนีบาตสาดแสงทั่วนภาฉินเจินนอนหายใจรวยรินอยู่ใต้หุบเขาอันมืดมิดอนธการ กระบี่เล่มหนึ่งปักอยู่ที่อกของนาง เลือดที่ไหลรินถูกฝนชะล้างจนพื้นดินเป็นสีแดงชาด"เพราะเหตุใดกัน เหตุใดจึงต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย"นางเอ่ยถามด้วยความแค้นเคือง ดวงตาคู่นั้นพยายามมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างยากเย็น หญิงสาวที่ได้ชื่อเป็นว่าเป็นน้องสาวอันเกิดจากอนุภรรยาของผู้เป็นบิดานามฉินหงซวง ที่ในยามปกติแล้วนางจะคอยดูแลเอาใจใส่อีกฝ่ายอยู่เสมอ ทั้งสองคนสนิทสนมกลมเกลียวกันดียิ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้เป็นน้องจะหลอกนางมายังหลังผา อาศัยช่วงที่นางไม่ทันระวังแทงกระบี่เข้าที่อกจนทะลุความคับข้องใจ คับแค้นจิตและความผิดหวังประดังประเดเข้ามาที่อกของนาง ดวงตาก็จ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตาฉินหงซวงก้าวเท้าออกมา มองดูฉินเจินด้วยท่าทีของผู้ถืออำนาจเหนือกว่า แม้แต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสะใจ หญิงสาวมองดูพี่สาวของจนที่นอนหายในแผ่วเบาแล้วค่อย ๆ แสยะยิ้มอันเยือกเย็นออกมา แม้แต่แววตาก็จ้องเอาเรื่องราวกับเคลือบไปด้วยพิษ ก่อนจะเอ่ยตอบ "ท่านพี่ หากท่านไม่ตายก็ต้องแต่งงานพี่อวี่ เรื่องเช่นนี้จ

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0002

    เจ็บปวดเหลือเกินกระดูกทั่วทั้งร่างราวกับแหลกสลายก็มิปานฉินเจินลืมตาขึ้น พลันสายตาก็มองเห็นมุ้งสีม่วงกับห้องที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายโบราณ ทำให้หญิงสาวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ครั้นเมื่อทวนความจำ ภาพอันน่าอนาถบนยอดเขาก็ย้อนกลับมาในห้วงความคิดจนนางลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทีสะดุ้งโหยง สายตาเปี่ยมไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงมีคนช่วยนางไว้อย่างนั้นหรือไม่ เป็นไปไม่ได้ฉินหงซวงรินยาสลายร่างลงบนหน้าอกของนาง ทำให้ร่างทั้งร่างของนางเน่าเปื่อยจวบจนเหลือแค่กองเลือดทั้งเคียดแค้น ทั้งเจ็บปวดเหลือทนในยามนี้เอง ประตูก็ถูกเปิดเสียงดังแอดจนฉินเจินต้องหันขวับ แลเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่บนเกล้ามวยผมปักดอกไม้ เดินยกถาด ๆ หนึ่งเข้ามาในห้องคล้ายว่าผู้มาเยือนยังไม่ทันสังเกตเห็นในคราแรก ครั้นเมื่อหันมาเห็นว่าเจ้าของห้องลุกขึ้นมานั่ง หญิงสาวก็ตะลึงงันจนเผลอทำถาดไม้นั้นร่วงหล่นจากมือไป สายตาเปี่ยมไปด้วยความดีใจ "คุณหนูฟื้นแล้ว ในที่สุดคุณหนูก็ฟื้นแล้ว ฮือ ๆ ๆ ..."หญิงสาวร้องไห้โฮเสียงดัง วิ่งเข้าหาผู้เป็นนายด้วยความดีใจจนตาแดงก่ำฉินเจินเหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่ายก็เห็นว่าเป็นสาวใช้ที่นางไม่รู้จัก แม้พอจะคุ้นตาอยู่บ้

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0003

    ลี่ว์จู๋เห็นท่าทีของฉินเจินแล้วก็ตกใจยิ่งนัก ยิ่งพอได้เห็นท่าทีในยามนี้ของฉินเจิน น้ำตาก็ยิ่งร่วงเผาะ รู้เพียงว่าคุณหนูของนางสลบไสลจนจำอะไรไม่ได้ ในใจก็พลันเจ็บปวดขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ "คุณหนู คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินผู้นั้นเป็นเพียงอดีตไปแล้วเจ้าค่ะ สามปีก่อน คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินนั่นหนีไปกับคนขับรถม้าของจวนก่อนที่จะเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายหกเพียงไม่กี่วัน ทั้งตระกูลฉินและองค์ชายหกต่างก็กลายเป็นตัวตลกของต้าเซี่ย ทั้งที่คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินเป็นถึงต้นแบบแห่งกุลสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวง แต่กลับทำตัวให้ตระกูลเสื่อมเสียถึงเพียงนั้น ทำให้ตระกูลฉินอับอายขายหน้าจนสิ้น"ฉินเจินได้ยินดังนั้นก็แทบประคองสติไม่อยู่ทันที นางรู้สึกได้เพียงว่าเบื้องหน้านั้นดำมืด มองไม่ชัดไปเสียทุกอย่าง เห็นเพียงปากของลี่ว์จู๋ที่ขยับไปมาเท่านั้น"จะเป็นไปได้อย่างไรกัน"ฉินเจินกัดฟันกรอด ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า แต่น้ำตากลับมิได้หยดลงมาแม้เพียงหยดเดียวหากแต่ลี่ว์จู๋ที่ได้ยินกลับรีบส่ายหัวทันที "จริง ๆ นะเจ้าคะ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินนั่นเขียนจดหมายทิ้งไว้เอง บอกว่ารู้จักกับคนขับรถม้านั่นมานานจนเกิดเป็นความ

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0004

    ฉินเจินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ใช่สิ ตอนนี้นางคือจวินเฟยเซ่อเมื่อตั้งสติได้แล้ว ฉินเจินก็เอ่ยขึ้น "หวังเอ้อร์ ข้าต้องการพบอัครมหาเสนาบดีฉิน""เอ๊ะ ทำไมท่านถึงรู้จักชื่อข้าได้เล่า"หวังเอ้อร์เกาหัวแกรก ๆ ด้วยท่าทีงุนงง"ว่าแต่ท่านเป็นใครกันหรือ"ชายหนุ่มถามขึ้นอีกครั้งฉินเจินเม้มปากแน่น ดึงเอาผ้าคลุมหน้าออก "ข้าคือคุณหนูใหญ่ตระกูลจวิน"ใช่แล้ว บัดนี้นางเป็นได้เพียงคุณหนูใหญ่ตระกูลจวิน นามจวินเฟยเซ่อเท่านั้นครั้นพอฉินเจินแจ้งชื่อเสียงเรียงนามก็เห็นได้ว่าสีหน้าของหวังเอ้อร์ดูเปี่ยมไปด้วยความตกใจ สีหน้าราวกับรู้สึกแปลกประหลาดปนอยู่ชั่วครู่ เขาพินิจพิจารณาฉินเจินอย่างถี่ถ้วน ว่าในที่สุดเขาก็เผยสีหน้าแปลก ๆ ออกมาราวกับมองเห็นได้ชัดแล้วว่าคนตรงหน้าคือคุณหนูใหญ่ตระกูลจวินจริง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น "คุณหนูจวินโปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะเข้าไปแจ้งให้ทราบ"เมื่อพูดจบก็ปิดประตูใหญ่บานนั้นดังปังทันที"รีบไปรายงานเสีย คุณหนูใหญ่ตระกูลจวินมาที่นี่ บอกว่ามาหาท่านเสนาบดี""ใครนะ คุณหนูใหญ่ตระกูลจวินหรือ นางมาที่ตระกูลฉินเราได้อย่างไรกัน หรือว่านางเกิดชอบคุณชายเราขึ้นมา""เร็วเข้า ๆ ๆ ไปบอกนายท่าน แ

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0005

    ฉินเจินราวกับตกลงไปในธารน้ำแข็งที่แท้ความเจ็บปวดขีดสุดนั้นคือความด้านชาหญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางแดดอันร้อนแรง คล้ายได้ยินเสียงอื้ออึงอยู่ข้างหู โลหิตหลั่งรินอยู่ภายในใจนางรู้มาตลอดว่าบิดาเป็นเคร่งครัด ปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์อยู่เสมอ ซ้ำยังคาดหวังกับนางยิ่งกว่าอะไร แต่นางรู้ว่าบิดารักนาง ถึงแม้ว่าตอนเด็กนางจะเคยอิจฉาภาพที่เห็นว่าบิดาอุ้มฉินหงซวงหมุนรอบตัวด้วยรอยยิ้มก็ตามแต่หญิงสาวรู้ดีว่าตนเองเป็นบุตรีในภรรยาเอก เป็นผู้ที่ต้องวางตัวเป็นเยี่ยงอย่าง จะมีอิสรเสรีอย่างน้องสาวต่างมารดาได้อย่างไรกันเล่า นางพยายามเรียนอักษรกลอนกวี เรียนดนตรี หมากล้อม ภาพ อักษร ยามหน้าหนาวเดือนสิบสองก็ไม่เคยหยุดหย่อนการร่ำเรียนวิชามารยาทกุลสตรีชั้นสูง ค่อย ๆ ทำให้นางกลายเป็นต้นแบบของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ บิดาของนางก็จะตบที่บ่าของนางเบา ๆ แล้วเอ่ยชม 'ไม่เลวเลย'ทรัพย์สินในเรือน งานชุมนุมในสังคมก็เป็นนางที่ไปเข้าร่วมเสียส่วนใหญ่ นางเป็นบุตรีในภรรยาเอกของตระกูลฉิน เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลฉิน เป็นความภาคภูมิใจของบิดาแต่บัดนี้ ฉินเจินกลับตกอยู่ในความคลางแคลงใจอย่างลึกซึ้งเหมือนว่าบิดาของนางไม่เคยรักนางเลยมิเช่นน

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0006

    แววตาของฉินเจินนั้นเย็นชา อีกยังไร้ซึ่งอารมณ์ทางสีหน้าใด ๆ ดวงตาคู่นั้นดุจหิมะที่ตกลงสู่ดินจนกลายเป็นสีขาวโพลนอันเยือกเย็น มีเพียงความเย็นชาที่ฉายออกมาทางแววตาเท่านั้น หาได้มีความรู้สึกอื่นไม่ ไร้ซึ่งความโกรธ ไร้ซึ่งความแค้น ไร้ซึ่งทุกอารมณ์เซี่ยจืออั๋งยืนนิ่งอึ้งไป เขามองท่าทีของจวินเฟยเซ่อที่ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกขึ้นมาฉินเจินเห็นว่าว่าเซี่ยจืออั๋งจ้องนางอยู่เช่นนั้นโดยไม่ได้มีท่าทีว่าจะหลีกทางให้ นางจึงเม้มปากขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา"จวินเฟยเซ่อ เจ้าเป็นใครมาจากไหนอย่างนั้นหรือถึงได้กล้าสั่งข้า"เซี่ยจืออั๋งคำรามใส่หญิงสาวเสียงดังลั่น ดวงตาดอกท้อของเขาคู่นั้นก็เปี่ยมไปด้วยเพลิงโทสะ ราวกับว่ายิ่งเสียงของเขาดังเท่าไร ความโกรธแค้นก็ยิ่งลุกโชนขึ้นเท่านั้น มีเพียงการทำเช่นนี้ถึงจะปกปิดท่าทีที่เขาผงะไปเมื่อครู่ได้ ฉินเจินไม่อยากเสียเวลากับชายหนุ่มอีก จึงคิดจะสาวเท้าเดินอ้อมเขาเข้าไปภายในหอโดยไม่พูดอะไรสักคำหากแต่เซี่ยจืออั๋งกลับถูกท่าทีเช่นนี้ของฉินเจินทำให้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ "จวินเฟยเซ่อ นี่เจ้ากล้าเมินข้าหรือ"ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นแล้วเอื้อมมือออกไปคว้าตัวฉินเจินไว้ทว่า

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0007

    เมื่อเซี่ยจืออั๋งเห็นว่าเซียวเฟิ่งชีปรากฏตัวขึ้น ก็ร้องไห้โวยวายออกมาทันทีด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในยามนี้เอง ความแค้นในใจของฉินเจินค่อย ๆ สงบลง หญิงสาวปล่อยมือที่คว้าตัวเซี่ยจืออั๋งเอาไว้ สายตาละออกจากเซียวเฟิ่งชีก่อนจะกวาดตามองทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสอง ก็ไม่พบคนสวมชุดฟ้านั่นเซียวหงอวี่มิได้อยู่ที่นี่นางหลุบตาลงต่ำ ไม่เอ่ยซึ่งคำใด แต่กลับเผยให้เห็นได้ว่านางกำลังเหนื่อยล้ายิ่งนักเซี่ยจืออั๋งถูกโยนตัวลงสู่พื้นจนตาของเขากลอกไปมา ชายหนุ่มเจ็บปวดไปทั้งร่างจนพูดอะไรไม่ออก"ออกไป"เสียงอันเย็นชานั้นดังขึ้นเซียวเฟิ่งชีหมุนล้อรถเข็นจากชั้นสองลงมายังชั้นหนึ่งของหอรถเข็นของเสวียนอ๋องค่อย ๆ เคลื่อนมาทางหญิงสาว เกิดเสียงยามล้อทองคำกระทบกับพื้นกระดาน ทุกครั้งที่เกิดเสียงดังนั้นราวกับชนเข้าในใจของนาง ทำให้นางยิ่งวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นห้วงความคิดที่เคยเปี่ยมด้วยความโกรธแค้นก็สงบลงขึ้นในทันใด นางไม่ลืมว่าจวินเฟยเซ่อตายด้วยน้ำมือของเสวียนอ๋องเซียวเฟิ่งชีกระทั่งรถเข็นมาหยุดอยู่ตรงหน้านางความกดดันอันน่าหวาดกลัวก็พุ่งตรงเข้ามาเช่นกัน"นี่ฟื้นขึ้นมาได้แล้วหรือ"จู่ ๆ เซียวเฟิ่งชีก็เอ่ยขึ้นด

Latest chapter

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0040

    เดิมทีเซียวเฟิ่งชีเป็นคนที่โดดเด่นมากอยู่แล้ว ในยามที่เขาจ้องมองคน ความกดดันจึงมากยิ่งกว่าเดิม"มีอะไรหรือเพคะ บนหน้าหม่อมฉันมีอะไรติดอยู่หรือ"ฉินเจินเห็นว่าเซียวเฟิ่งชีจ้องมองตนเองอยู่จึงเอ่ยถามออกไป"เจ้าไม่รู้เชียวหรือว่าคราวก่อนที่ข้าพิษกำเริบคือเมื่อใด"จู่ ๆ เซียวเฟิ่งชีก็เอ่ยถามขึ้นฉินเจินกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความแปลกใจ จึงถามขึ้นทันที "หม่อมฉันจะทราบได้อย่างไรเพคะ"เซียวเฟิ่งชีนิ่งขรึมไปโดยไม่เอ่ยคำใดอีกเหลิ่งมู่เองก็เงยหน้ามองฉินเจินคล้ายอยากพูดอะไร แต่ก็มิได้พูดออกมาแม้แต่เฝิงเฉินเองก็เหมือนว่าอยากพูดอะไรขึ้นมาเช่นกันฉินเจินรู้สึกแปลกกับท่าทีของทุกคนอยู่บ้าง แต่นางยังคงเอ่ยกับเฝิงเฉินด้วยความสุภาพ "คุณชายเฝิง แม้วิชาแพทย์ของข้าจะพอใช้ได้ แต่ลำพังแค่การจับชีพจรนั้นไม่อาจรู้ได้จริง ๆ ว่าท่านอ๋องมีอาการพิษกำเริบครั้งล่าสุดเมื่อใดกัน""เหอะ..."แต่แล้วเซียวเฟิ่งชีกลับยิ้มเยาะออกมารัศมีที่เซียวเฟิ่งชีแผ่ออกมานั้นเปลี่ยนไปในฉับพลัน เพียงเขายกมือขึ้น ด้ายสีทองก็สว่างวาบจากนิ้วของเขาดุจสายฟ้า พุ่งตรงไปยังฉินเจิน เพียงครู่เดียวก็รัดลำคอของหญิงสาวไว้อีกครา"เสวียนอ๋อง

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0039

    เฝิงเฉินเอ่ยถามออกมาสายตาของเขาแฝงด้วยความหวัง การรอคอย รวมถึงความสับสนและความเจ็บปวดจิ่งสิงเป็นสหายที่ดีที่สุดของเขา เป็นกระทั่งผู้ที่นำทางให้เขาสนใจเรียนวิชาแพทย์ แต่สิ่งที่เขาเรียนรู้มาทั้งชีวิตกลับไม่อาจช่วยชีวิตสหายรักของเขาได้ ใครเลยจะรู้ว่าเขาสิ้นหวังมากเพียงใดครั้นพอฉินเจินได้ยินคำถามของเฝิงเฉิน สีหน้าของนางก็พลอยเคร่งเครียดไปด้วย นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยออกมา "เช่นนั้นพิษที่เสวียนอ๋องได้รับก็มิใช่พิษอัคคีเหมันต์""จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ดูจากปฏิกิริยาเมื่อพิษกำเริบ อาการป่วย ดูอย่างไรก็เป็นพิษอัคคีเหมันต์ เรื่องนี้สามารถยืนยันได้แน่นอน ข้ากำลังคิดว่า บางทีในตัวของจิ่งสิงอาจมีพิษอื่นที่ยังตรวจไม่พบ พอพิษทั้งสองผสานเข้าด้วยกัน ยาแก้พิษก็เลยใช้ไม่ได้ผลก็เป็นได้"หากแต่ฉินเจินกลับส่ายหน้า "ถึงแม้อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด แต่จากประสบการณ์ที่ข้าเรียนวิชาแพทย์มาหลายปี ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ พิษอัคคีเหมันต์เป็นพิษที่ร้ายแรงมากแล้ว จะยังมีพิษอะไรที่อยู่ร่วมกับมันแล้วพวกเราจะไม่อาจรู้ได้เล่า"คำตอบของฉินเจินได้ปัดข้อสันนิษฐานของเฝิงเฉินทิ้ง"เว้นเสียแ

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0038

    แต่นางคิดไม่ถึงว่าเซียวเฟิ่งชีจะเจอเรื่องที่น่าอนาถยิ่งกว่านาง เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงโอรสสวรรค์พิษอัคคีเหมันต์ เป็นหนึ่งในสิบพิษที่ร้ายแรงที่สุด เป็นพิษที่ทำให้ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตาย ไม่เพียงแต่ทำลายร่างกายเท่านั้น แต่ยังทำลายจิตใจและสติสัมปชัญญะอีกด้วยมีคนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อถูกพิษนี้แล้วไม่สามารถทนได้ตั้งแต่ระยะแรก และเลือกที่จะปลิดชีพหรือจบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตายใครกันแน่ที่เกลียดชังเซียวเฟิ่งชีถึงขนาดวางยาพิษอัคคีเหมันต์ให้แก่เขาได้"ใช่ พิษอัคคีเหมันต์นี่ละ !"เฝิงเฉินพยักหน้ายืนยันดวงตาของชายหนุ่มเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น และเพราะความเศร้าใจที่เกิดเมื่อพูดถึงอาการป่วยของเซียวเฟิ่งชี"พิษอัคคีเหมันต์ เป็นหนึ่งในสิบพิษที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดในใต้หล้าก็จริง แต่ถ้าจัดยาแก้พิษมาก็จะสามารถแก้ไขพิษนี้ได้ ยาแก้พิษอัคคีเหมันต์ ต้องใช้หญ้าตี้จิ่นธาตุร้อน บัวปิงเสวี่ยธาตุเย็น เพิ่มด้วยแมลงจิ่วเซียงที่อาศัยอยู่ชั้นใต้ผิวดิน แล้วหลอมออกมาเป็นยา ก็จะสามารถแก้พิษอัคคีเหมันต์ได้"ฉินเจินเอ่ยตำรับยาแก้พิษออกมาได้ทันทีทันทีที่หญิงสาวเอ่ยจบ เฝิงเฉ

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0037

    ขณะที่ฉินเจินเอ่ยอธิบาย ท่าทีของเซียวเฟิ่งชีก็ดูเย็นลงไม่น้อยขณะที่เฝิงเฉินและเหลิ่งมู่กลับมองฉินเจินด้วยแววตาตกตะลึงเมื่อได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ย โดยเฉพาะเฝิงเฉินที่มองหญิงสาวด้วยแววตาตื่นเต้นยิ่งกว่าอะไร"ร่างกายของพระองค์ทรุดโทรมมากแล้ว ถ้ายังหาวิธีแก้พิษไม่ได้อีก เกรงว่าพระองค์คงอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปี"เสียงของฉินเจินดูเครียดขึ้นเล็กน้อย เพราะนางค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่ของเซียวเฟิ่งชีเข้าเสียแล้ว หญิงสาวเริ่มเกิดความรู้สึกสงสารอีกฝ่ายขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ นางคิดว่าเซียวเฟิ่งชีนับได้ว่าน่าสงสารอยู่บ้าง"ครั้งที่แล้วเจ้าบอกว่าข้าจะอยู่ได้อีกไม่นาน อย่างมากที่สุดก็เพียงสามเดือนมิใช่หรือ เหตุใดตอนนี้ถึงบอกว่าหนึ่งปีเล่า"อารมณ์ของเซียวเฟิ่งชีนั้นเรียบเฉย ไร้ซึ่งความกลัวหรือความเศร้าโศก ราวกับว่าเขายอมรับความจริงข้อนี้ได้นานแล้ว เพียงแต่เอ่ยถามด้วยความสงสัยเท่านั้น"ตอนนี้มีหม่อมฉันอยู่มิใช่หรือเพคะ หากหาวิธีแก้พิษไม่ได้ หม่อมฉันสามารถฝังเข็มเพื่อยื้อเวลาให้พระองค์ต่อไป แต่นี่จะเป็นวิธีสุดท้ายที่ใช้แก้ไข ดังนั้นจึงยื้อได้นานที่สุดถึงหนึ่งปี"  ฉินเจินกล่าวขึ้นน้ำเสียงที่นางพูดถึง

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0036

    ฉินเจินพยักหน้ารับแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองเซียวเฟิ่งชี "ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะช่วยจับชีพจรให้พระองค์ก่อนแล้วกันนะเพคะ""ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อคืนเจ้าได้ช่วยเซี่ยจืออั๋งไว้ ข้าคงไม่อาจเชื่อใจเจ้าได้ เพราะเจ้าเป็นหมอที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองโดนวางยาพิษ"เซียวเฟิ่งชีเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเย็นชาเย่อหยิ่ง แลน้ำเสียงที่ทำให้คนหมั่นไส้ฝ่ายฉินเจินเมื่อถูกเซียวเฟิ่งชีขัดขาอีกคราก็เกิดความโกรธขึ้นในใจ จึงอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่อีกฝ่าย "เสวียนอ๋องทรงคิดจะหาเรื่องหม่อมฉันเช่นนี้ตลอดให้ได้เลยใช่หรือไม่เพคะ""ข้าก็แค่พูดความจริง"หากแต่เซียวเฟิ่งชีกลับตอบหน้าตาเฉยเล่นเอาเฟิงเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังถึงกับเอามือลูบจมูกไปมาแล้วหลุดหัวเราะเสียงเบา ๆเซียวเฟิ่งชีกับฉินเจินได้ยินเสียงจึงพากันหันไปมองโดยพร้อมเพรียงกัน เฝิงเฉินจึงทำได้เพียงกระแอมไอเบา ๆ "ไม่มีอะไร ข้าสำลักน่ะ"เมื่อได้ยินคำตอบ ทั้งคู่จึงเบนหน้าหนีพร้อมกัน"รบกวนท่านอ๋องยื่นข้อมือออกมาด้วยเพคะ"ฉินเจินเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวเฟิ่งชีแล้วเอ่ยขึ้นคราวนี้เซียวเฟิ่งชีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขายื่นมือออกมา ฉินเจินถึงได้รู้ว่าข้อมือของเซียวเฟิ่

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0035

    เซียวเฟิ่งชีเอ่ยขึ้นฉินเจินเผยอปากด้วยคิดจะเถียงกลับตามสัญชาตญาณ แต่ก็รั้งสติตัวเองไว้ได้ทันเวลา หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น "อันหุนเล่อเดิมทีเป็นยาพิษที่ทำให้คนตายไปในห้วงนิทรา ไร้สีไร้รส เว้นเสียแต่จะตรวจเลือดจึงจะรู้ได้แต่หม่อมฉันมิได้สังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ ในร่างกายของหม่อมฉัน นั่นแปลว่าพิษอันหุนเล่อนี้เพิ่งอยู่ในร่างกายของหม่อมฉันได้ไม่นาน หลายวันก่อนหม่อมฉันถูกท่านอ๋องทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส นี่ก็เพิ่งฟื้นมาได้เพียงสองวัน ช่วงระหว่างนี้คงมีใครคิดจะฆ่าหม่อมฉัน เพียงแต่หม่อมฉันดวงแข็ง ฟื้นกลับมาได้ พิษอันหุนเล่อที่ตกตะกอนอยู่ในร่างกายจนกระอักเลือดออกมาในวันนี้ได้"เซียวเฟิ่งชีหาได้ตอบโต้เรื่องที่ฉินเจินเอ่ยถึงการถูกท่านอ๋องทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ฝ่ายหญิงสาวเองก็มีสีหน้าเย็นชาไม่ต่างกัน จนเฝิงเฉินที่ยืนฟังอยู่คิดไปว่าทั้งสองคนกำลังจะลงไม้ลงมือกันขึ้นมาเสียแล้ว"แม่นางจวินวิเคราะห์ได้ถูกต้องยิ่งนัก"เฝิงเฉินเอ่ยขึ้นมา ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นไม่น้อยฉินเจินจึงหันไปส่งยิ้มให้เฝิงเฉินเซียวเฟิ่งชีเหลือบมองภาพตรงหน้า ก่อนจะขยับริมฝีปากบางแล้วเอ่ยขึ้น "ขนาดตอนหมดสติยังม

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0034

    ปีนี้คุณชายเฝิงอายุราวยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดปีแล้ว บัดนี้เขาก็ยังอยู่ตัวคนเดียว ไม่เคยได้ยินว่าเขาหมั้นหมายกับหญิงสาวจากตระกูลขุนนางบ้านไหนมาก่อน เพียงแต่นางเองก็นึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะปรากฏตัวที่จวนเสวียนอ๋องเสียได้"แม่นางจวิน ยาชามนี้ข้าต้มไว้ให้เจ้าเพื่อปรับสมดุลของร่างกายและชำระล้างพิษที่ยังตกค้าง รีบดื่มตอนร้อน ๆ เถอะ"เฝิงเฉินยื่นถ้วยยาในมือของตนเองให้แก่ฉินเจินหากแต่ฉินเจินที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ความสงสัยฉายแววผ่านดวงตากลมโตของนาง "พิษตกค้างหรือ นี่ข้าถูกพิษอย่างนั้นหรือ""แม่นางจวินไม่ทราบหรือ"  เฝิงเฉินเองก็เอ่ยถามด้วยความตกใจเช่นกันหญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะแล้วจึงส่ายหัว "ข้าไม่รู้หรอก"ใช่ว่าก่อนหน้านี้นางไม่เคยตรวจชีพจรของตัวเองมาก่อน เพียงแต่ชีพจรที่ตรวจพบนั้นผันผวนไม่มั่นคง อาการเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่นัก นางจึงคิดว่าอาจเป็นผลที่เกิดจากการกลับมาเกิดใหม่ โดยมิได้นึกไปถึงว่าตนเองจะถูกพิษเลยแม้แต่น้อยนางถูกพิษได้อย่างไรกันใครเป็นคนวางยานางกันแน่ฝ่ายเฝิงเฉินเองพอได้ยินฉินเจินตอบเช่นนั้นก็พลอยขมวดคิ้วไปด้วย คล้ายว่าชายหนุ่มเองก็คิดไม่ถึงเช่นว

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0033

    ก่อนที่นางจะหมดสติไป คล้ายว่ามือคู่หนึ่งได้คว้าคอเสื้อของหญิงสาวไว้ เพื่อมิให้ร่างของนางต้องลงไปกองกับพื้นอย่างน่าอนาถสายลมอ่อนโยนน่าสดชื่น แสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องกระทบผ่านริมหน้าต่างมายังเตียง ขนตาแพยาวของฉินเจินเคลื่อนไหวอยู่เล็กน้อยก่อนที่หญิงสาวจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นสิ่งที่หญิงสาวเห็นคือกระโจมสีเข้มที่ดูเคร่งขรึม ไม่เหมือนห้องส่วนตัวของเด็กสาว แต่ตอนนี้นางนอนอยู่บนเตียงที่ปูด้วยผ้าไหมชั้นดี นี่ตอนนี้นางอยู่ที่ใดกันแน่... เมื่อคิดได้ดังนี้ หญิงสาวก็นึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตรอกฉินเจินพบกับฉินหงซวงและลงมือทำร้ายนาง แล้วหลังจากนั้นเล่าเซียวเฟิ่งชี !ใช่แล้ว เซียวเฟิ่งชี !ฉินเจินคิดได้เช่นนั้นก็ลุกพรวดขึ้นทันที แต่เพราะออกแรงมากเกินไปทำให้นางเริ่มรู้สึกเวียนหัวจนเกือบจะล้มตัวลงบนเตียงภาพเหตุการณ์ก่อนที่จะสลบไปฉายเข้ามาในหัวของหญิงสาว ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะต่อยตัวเองสักหมัดสองหมัด ตอนนั้นนางรู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมา จากนั้นก็กระอักเลือด ภาพจำที่ชัดเจนที่สุดก็คือชุดสีมรกตของเซียวเฟิ่งชีเปื้อนไปด้วยคราบเลือด แล้วยังมีใต้คางของเขาอีก..."คุณพระคุณเจ้า !"ฉินเจินเอามือกุมหัว

  • พันธะแค้น ชะตารัก   บทที่ 0032

    ฉินเจินสูดลมหายใจเข้าจนลึกพลางมองไปยังเซียวเฟิ่งชีด้วยแววตาที่เป็นประกาย "เสวียนอ๋อง เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันเถอะเพคะ""หืม"เซียวเฟิ่งชีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองไปทางหญิงสาวการกระทำของชายหนุ่มนั้นเป็นไปโดยธรรมชาติ หากแต่ยังแฝงไปด้วยกิริยาท่าทีที่แสดงว่าตนเองมีความสูงศักดิ์และเย่อหยิ่ง อยู่เหนือกว่าอีกฝ่ายไว้"หม่อมฉันรู้ว่าพระวรกายของพระองค์ไม่สู้ดีนัก หม่อมฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาให้พระองค์ แต่พระองค์ช่วยทำเมินเฉยต่อทุกอย่างที่หม่อมฉันทำได้หรือไม่เพคะ"นี่คือแผนที่ฉินเจินพยายามคิดออกมาอย่างรอบคอบภายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆหญิงสาวมีความแค้นครั้งใหญ่ที่ต้องสะสาง ไร้ซึ่งเวลาที่จะไปรับมือกับเสวียนอ๋องได้แม้แต่วันนั้นที่จวินเหลยถิงหยิบป้ายเหล็กอักษรชาดออกมาจนเซียวเฟิ่งชีเอ่ยว่าจะไม่เอาเรื่องอีก นางก็หาได้เชื่อคำพูดนั้นไม่ เพราะนางรู้ความลับของเซียวเฟิ่งชีเข้าแล้ว จะถอนตัวออกไปง่าย ๆ ได้อย่างไรกันเล่า"เจ้าคิดว่าข้าจะรับปากเจ้าหรือ"เซียวเฟิ่งชีถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่ยี่หระนักฉินเจินนึกไปถึงก่อนหน้านี้ที่นางใช้การช่วยชีวิตมาต่อรองกับเซียวเฟิ่งชี ชายหนุ่มถามนางก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status