ครู่ต่อมา
“นี่หมอชินอิจิโร่หมอชินเป็นหมอสูติจะเป็นคนมาดูแลเราเป็นระยะนะหนูอิงเค้าเป็นลูกชายเพื่อนพ่อเอง”
เอื้อการนัดชินอิจิโร่มาที่นี่เพื่อแนะนำให้รู้จักกับน้ำอิงเพราะเขาจะวานให้หมอชินมาดูแลน้ำอิงที่นี่เป็นระยะในระหว่างที่น้ำอิงอยู่ที่นี่หมอชินเป็นลูกชายของชินซาคุเพื่อนเอื้อการที่ทำธุรกิจด้วยกันที่อิตาลีที่นี่เป็นบ้านของชินซากุที่ซื้อเอาไว้นานแล้วเอื้อการเห็นว่าเวลานี้เขามีเรื่องจำเป็นที่จะต้องขอใช้ซึ่งชินซาคุก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งยังบอกให้อยู่เหมือนบ้านตัวเองและยังให้นัดเจอกับลูกชายของเขาเพื่อให้มาดูแลคนที่อยู่ที่นี่ด้วย
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
หมอชินก้มหัวลงเล็กน้อยทักทายหญิงสาว
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
น้ำอิงทักทายหมอหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“คุณเป็นพ่อฉันก็ต้องเป็นแม่สินะ”
เมื่อครู่กิ่งเกสรได้ยินสามีของเธอแทนตัวเองว่าพ่อกับน้ำอิงเธอจึงขอแทนตัวเองว่าแม่บ้าง น้ำอิงเกิดอาการเกร็งๆกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปของทั้งคู่เล็กน้อย
“งั้นหนูอิงเรียกน้าว่าแม่เลยแล้วกันนะเหมือนที่อายเรียกไง”
“เอ่อ...ค่ะ”
อัญญาหันมายิ้มให้เพื่อนเธออย่างมีเลศนัยเพราะรู้ว่าพ่อกับแม่ของเธอคิดอะไรกันอยู่
อาทิตย์ต่อมา
“พอเถอะครับคุณอาชน์พรุ่งนี้มีประชุมนะครับ”
ลอบซ์ปวดหัวกับเจ้านายของเขามากที่เป็นอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้ไปทำงานแถมยังเอาแต่ดื่มหนักแทบทุกคืนเมื่อตื่นมาก็จ้องแต่ถามเรื่องของน้ำอิงว่าเจอเธอแล้วหรือยังเมื่อได้คำตอบไม่ตรงใจก็หัวเสียไปทั้งวันจนใครก็เข้าหน้าไม่ติดแล้วในเวลานี้
“นายก็ประชุมแทนฉันแล้วกันลอบซ์”
“ได้ยังไงล่ะครับ”
ลอบซ์นั่งกุมขมับอยู่ข้างๆกับเจ้านายของเขาพร้อมส่ายหัวให้กับอาการของเจ้านายที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือว่าเขาจะต้องบอกความจริงกับเจ้านายของเขาดีว่าน้ำอิงนั้นอยู่ที่ไหนเผื่ออะไรๆมันจะดีกว่านี้ก็ได้
“ถ้าคุณอาชน์เจอคุณน้ำอิงแล้วจะทำยังไงต่อไปครับ”
ลอบซ์ตัดสินใจถามคำถามกับเจ้านายของเขาหากวันนี้เจ้านายของเขารู้ใจตัวเองแล้วเขาก็จะยอมทำผิดสัญญาที่ให้ไว้กับกิ่งเกสรบอกความจริงว่าน้ำอิงอยู่ที่ไหน
“ฉ...ฉัน...จะไม่ยอมให้เธอหนีฉันไปอีก”
อัศวินตอบในสิ่งที่หัวของเขาคิดตอนนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปไหนอีกเพราะการห่างเธอนานเป็นอาทิตย์แบบนี้มันทำให้เขาคิดถึงเธอแทบขาดใจ
“ด้วยเหตุผลอะไรคะพี่อาชน์”
อัญญากับพ่อและแม่ของเธอกลับมาจากญี่ปุ่นก็ตรงมาที่บ้านของพี่อัศซินหลังนี้ที่เธอพึ่งจะเคยมาหญิงสาวเดินดุ่มๆเข้ามายืนต่อหน้าพี่ชายของเธอและมองค้อนไปที่ลอบซ์เพราะรู้ว่าลอบซ์จะทำอะไรที่เธอไม่อยากให้ทำหากเธอมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียวแผนคงพังแน่
คำพูดเมื่อครู่ของพี่ชายเธอมันทำให้เธออยากจะตบหน้าเขาสักฉาดแต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากที่เขาเป็นพี่ชายของเธอคำพูดที่ดูว่ายังไม่หมดความเห็นแก่ตัวแบบนี้ก็ไม่สมควรที่จะได้รับฟังความจริงในตอนนี้ว่าน้ำอิงอยู่ที่ไหน
“ดูสภาพแกซิตาอาชน์งานการก็ไม่ไปทำ”
กิ่งเกสรเดินตามลูกสาวของเธอมาติดๆพรางบ่นลูกชายของเธอด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“คุณพ่อ..คุณแม่..”
“นี่ลูกชายฉันจริงๆเหรอเนี่ย”
เอื้อการยอมรับเลยว่าลูกชายของเขาในวันนี้ไม่เหมือนคนที่เขาเคยรู้จักแม้แต่น้อยความรักมันทำให้ลูกชายของเขาเปลี่ยนไปได้เพียงนี้เชียวหรือ
“อิงได้ติดต่อหาเราบ้างหรือเปล่าอาย”
อัญญายังคงไม่ให้คำตอบพี่ของเธอ
“ตอบสิ...อายยย...ตอบพี่สิ”
อัศวินเดินเข้ามาหาน้องสาวของเขาจับไหล่ของเธอพร้อมถามอย่างต้องการคำตอบในตอนนี้แต่น้องสาวของเขากลับนิ่งเงียบจ้องตาของเขาเขม็งทำให้เขาฟิวส์ขาดแผดเสียงใส่อัญญาเหมือนคนไม่มีสติจนลอบซ์ต้องมาดึงตัวเขากลับไปนั่งที่เดิม
“อย่ามาอาละวาดใส่น้องนะถ้าแม่เป็นหนูอิงแม่ก็ไม่กลับมาหรอกกลับมาเจอคนเอาแต่ใจแบบนี้”
กิ่งเกสรอดที่จะพูดทำร้ายจิตใจลูกชายของเธอไม่ได้เพราะไม่ชอบพฤติกรรมใส่อารมณ์เมื่อครู่ที่ลูกชายของเธอทำแบบนั้นกับน้องสาวตัวเองได้
“จะซ้ำเติมผมไปถึงไหนครับคุณแม่”
“ฉันจะเข้าบริษัทแทนแกสักพักพนักงานเจอเจ้านายสภาพนี้คงหมดความเชื่อถือกันพอดี”
เอื้อการเห็นทีจะปล่อยบริษัทเอาไว้แบบนี้ไม่ได้เขาจำเป็นต้องเข้าไปทำงานแทนลูกชายของเขาเองก่อนในตอนนี้เสียแล้ว
“อายรู้นะคะว่าพี่ลอบซ์ต้องการจะทำอะไร”
เมื่อกลับมาถึงบ้านอัญญาเดินรีบเดินตามเข้าไปที่บ้านพักของลอบซ์ที่อยู่หลังบ้านใหญ่ด้วยสายตาคาดโทษอีกฝ่ายเธอรู้ว่าเขาเกือบจะบอกความจริงกับพี่ชายของเธอไปแล้วเป็นแน่ว่าน้ำอิงอยู่ที่ไหน
“ดูสภาพคุณอาชน์ตอนนี้สิครับไม่แน่หากสองคนเค้าได้เจอกันแล้วได้คุยกันอะไรๆมันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้นะครับ”
ลอบซ์ไม่ได้ปฏิเสธว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นเขาเพียงแค่คิดว่าหากทั้งสองได้มีโอกาสคุยกันในตอนนี้อะไรๆมันอาจจะดีขึ้นกว่าที่คิดก็เป็นได้
“ดีอะไรล่ะดูพี่ชายอายยังพูดจาเอาแต่ใจตัวเองอยู่เลย”
อัญญาพ่นเสียงออกมาพร้อมกอดอกอย่างไม่พอใจรู้สึกว่าลอบซ์คงจะเข้าข้างพี่ของเธอเพราะเห็นเป็นผู้ชายด้วยกันเสียมากกว่า
“คุณอายเข้าไปในบ้านใหญ่ดีกว่าครับนี่มันดึกแล้วเดี๋ยวคนอื่นเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี”
“นี่พี่ลอบซ์ไล่อายเหรอคะ...จำเอาไว้เลยนะคะว่าอายจะตามติดพี่ลอบซ์ทุกฝีก้าวอย่าหวังว่าจะมีโอกาสบอกพี่อาชน์ได้ว่าอิงอยู่ที่ไหน”
อัญญาเปลี่ยนจากอาการหน้าบึ้งเป็นการแยกเขี้ยวใส่ลอบซ์ทันทีเมื่อคำพูดของเขาเหมือนยจะเป็นการไล่เธอทางอ้อม
“แล้วแต่คุณอายเลยครับ”
ลอบซ์รู้ว่าหากอัญญาจะทำอะไรเธอคงทำได้อยู่แล้วเพราะฉะนั้นเขาก็จะปล่อยให้เธอทำตามใจตัวเองไปคงห้ามอะไรไม่ได้
“พี่ลอบซ์พูดแบบนี้รำคาญอายใช่ไหมคะ”
ดูเหมือนอัญญาจะไม่ค่อยพอใจลอบซ์เอาเสียอย่างมากในตอนนี้
“คุณอายคิดไปเองแล้วครับ”
ลอบซ์ยืนมองหญิงสาวด้วยสีหน้าระอาดูเหมือนว่าเขาพูดอะไรก็ไม่เข้าหูหญิงสาวไปเสียทุกอย่างในตอนนี้
“พี่ลอบซ์...บบบ”
อัญญาแผดเสียงใส่ชายหนุ่มพร้อมกำมือแน่นอย่างคนเอาแต่ใจ
“จะตะโกนทำไมครับ”
ลอบซ์รีบเข้ามาโอบหญิงสาวปิดปากของเธอเอาไว้เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเข้ามามุงดูพวกเขาเสียก่อนว่าทะเลาะอะไรกัน
“หึ้ยยยยย...”
อัญญารีบปัดมือของชายหนุ่มออกพร้อมเดินกลับออกไปอย่างไม่สบอารมณ์
“เฮ้อ....กดขี่ได้กับเราเท่านั้นแหละน้า”
ลอบซ์ส่ายหัวพรางมองหญิงสาวที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปท่าทีที่เอาแต่ใจของเธอดูท่าจะเป็นกับเขาอยู่คนเดียวเท่านั้น
สนามบิน“เที่ยวให้สบายใจนะลูกสบายใจเมื่อไรก็ค่อยกลับมา”“ค่ะคุณพ่อ”สองพ่อลูกกอดกันอยู่ที่สนามบินท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาวันนี้ภัคดนัยมาส่งลูกสาวของเขาตามที่เธอขอว่าอยากจะไปเที่ยวเรื่องนี้เขาเห็นดีเห็นงามด้วยที่พลอยไพรินจะเดินทางไปญี่ปุ่นเขาหวังว่าการไปเที่ยวครั้งนี้จะทำให้ลูกสาวของเขาลืมเรื่องที่ช้ำใจในตอนนี้ได้“อย่าลืมว่าพ่ออยากเห็นรอยยิ้มที่สดใสของลูกอีกครั้งนะ”“ค่ะอยู่ทางนี้ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”ตอนนี้พลอยไพรินพอจะทำใจได้บ้างแล้วเพียงอยากหาที่สงบๆอยู่กับตัวเองให้พ้นจากข่าวคราวที่เธอยกเลิกงานแต่งเธอจึงเลือกที่จะไปพักผ่อนที่ญี่ปุ่นคนเดียวหวังว่าการเที่ยวครั้งนี้จะเยียวยาหัวใจของเธอให้กลับมาดีขึ้นในเร็ววันเหมือนกันญี่ปุ่น“อุ้บ...แหวะ...อุบบ..เฮ้ออออ...ทำไมไม่สงสารแม่บ้างเลยคะเจ้าตัวเล็กกินอะไรไปเท่าไรก็ออกมาหมดเลยแบบนี้จะได้สารอาหารบ้างไหมคะ”น้ำอิงนั่งฟุบลงกับพื้นมือเรียวของเธอลูบหน้าท้องพร้อมส่งเสียงคุยเบาๆอาการแพ้ท้องของเธอเริ่มจะหนักขึ้นทุกวันๆจนเธอนั้นซูบลงไปเยอะ“เป็นยังไงบ้างครับคุณอิง”“หมอชิน..”“นี่ท่าทางจะแพ้หนักใช่ไหมครับ”หมอชินเห็นสีหน้าของหญิงสาวก็พอจะดูอาการ
“ไม่ต้องสงสาร”อัญญาพูดกับเพื่อนเธอด้วยแววตามุ่งมั่น“อันนี้ความแค้นส่วนตัวหรือเปล่าเนี่ย”ผักหวานแอบอมยิ้มมองหน้าเพื่อนเธออย่างมีเลศนัย“อืมก็นิดหน่อยหมั่นไส้มานาน”อัญญายอมรับว่าเรื่องที่พี่ชายเธอหาน้ำอิงไม่เจอเสียทีเธอก็แอบสะใจอยู่เหมือนกันจะได้รู้เสียบ้างว่าเวลาอยากจะติดต่อใครแล้วหาตัวยากเย็นมันรู้สึกยังไง“แกนี่จริงๆเลยนะ...จะให้พี่แกอยู่ในสภาพที่เน่าไปกว่านี้อีกสักเท่าไรถึงจะยอมบอกว่าอิงอยู่ที่ไหน”“อืม...ขอดูอีกสักพักแล้วกัน”อัญญาก็ไม่รู้ว่าเธอจะปล่อยให้พี่เธอเป็นแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไรแต่ถ้าหากพี่ชายเธอรู้ใจตัวเองเร็วเธอก็อาจจะบอกกับเขาเร็วก็ได้“แล้วอิงเป็นไงบ้างช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้ติดต่ออิงเลยมัวแต่ช่วยงานพี่กร”“อารมณ์ดีขึ้นเยอะนะแต่ก็แพ้ท้องหนักอะ”“อยู่ที่นั่นน่าจะเหงาเนอะ”“เห็นว่าว่างๆก็อ่านหนังสือฟังเพลงแก้เบื่อมั้ง”“นี่ไว้เราหาเวลาว่างไปหาอิงกันไหม”ผักหวานรู้ว่าคนท้องมักจะอารมณ์แปรปรวนไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอาจจะเหงาหดหู่ได้เธอเลยอยากหาเวลาว่างไปหา“ก็ดีเหมือนกันนะ”อัญญาเห็นด้วยกับเพื่อนเธอแต่ครั้งนี้คงยังรีบไปไมได้เพราะหากไปบ่อยเกินเดี๋ยวพี่ชายของเธอจะสงสัยเอาได้บ้
ญี่ปุ่น“หืม....หมอชินเหรอคะ??”น้ำอิงที่กำลังนั่งพิงหมอนอ่านหนังสืออยู่ในห้องเมื่อได้ยินว่าข้างนอกมีเสียงคนเดินเข้ามาเธอจึงเลื่อนประตูออกมาดู“..ฉันเอง..”“คุณอาชน์..”น้ำอิงผงะถอยกรูดสองสามก้าวตกใจกับคนตรงหน้าที่เขาตามหาเธอเจอได้อย่างไร อัศวินโผเข้ากอดหญิงสาวด้วยความคิดถึง“ปล่อยอิงค่ะ”น้ำอิงพยายามดันตัวชายหนุ่มให้ออกห่างจากตัวเธอแต่ดูท่าว่าจะยากเสียเหลือเกิน“ไม่..”อัศวินกระชับกอดหญิงสาวแน่นขึ้นกว่าเดิม“ปล่อย...”“ฉันขอโทษ..”ชายหนุ่มพ่นคำพูดด้วยเสียงแผ่วเบาข้างหูของหญิงสาวที่เขากอดอยู่ น้ำอิงชะงักงันไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของเขาคนที่หยิ่งทรนงในศักดิ์ศรีตัวเองคนที่เอาแต่ใจคนเดิมไม่เคยมีคำพูดนี้ให้เธอ“ขอโทษที่ฉันชอบบังคับจิตใจเธอเพราะฉันมันเห็นแกตัวอยากเก็บเธอเอาไว้ใกล้ๆแต่ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่าการบังคับ”“มาที่นี่เพียงเพื่อจะขอโทษใช่ไหมคะ..”น้ำอิงอยากจะถามเขาให้แน่ใจว่าเขามาหาเธอเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ใช่หรือไม่หากเป็นอย่างที่อัญญาบอกกับเธอจริงมันจะต้องมีคำพูดที่มากกว่านี้แน่นอนซึ่งเธอเองก็อยากจะได้ยินคำนั้นจากปากของเขาอยู่ลึกๆเหมือนกัน“คือ..”“อิงให้อภัยคุณค่ะแล้วคุณก็ก
“คุณอาชน์ทำเป็นเหรอคะ”“เธอบอกฉันก็ได้ว่าต้องใส่อะไรบ้าง”น้ำอิงหยักหน้าตกลงเธออยากจะเห็นอยู่เหมือนกันว่าอัศวินที่ทำเป็นแต่งานเวลาเข้าครัวทำอาหารจะออกมาเป็นแบบไหน“คนแบบนี้ใช่ไหม...เอ่อ”อัศวินดูเก้ๆกังๆในขณะที่ตอนนี้ข้าวหนึ่งถ้วยใหญ่ได้เข้าไปอยู่ในกระทะผัดเรียบร้อยแล้วเขามัวแต่หันมาถามหญิงสาวทั้งที่มือก็ยังทำงานอยู่ข้าวในกระทะจึงหกอกมาเลอะเทอะ“อิงทำเองดีกว่าค่ะ”น้ำอิงคิดว่าหากมื้อนี้เธอไม่เองคงจะไม่ได้กินเป็นแน่“ก..ก็ได้”อัศวินหน้าเสียเล็กน้อยแต่ทุกอย่างก็ต้องเรียนรู้ครั้งนี้เขามองดูเธอทำก่อนก็ได้หากครั้งต้อไปเขาจะต้องทำเป็นให้ได้จะได้ดูแลเธออย่างเต็มที่หญิงสาวใช้เวลาไม่นานข้าวผัดไข่ทั้งสองจานก็มาวางอยู่ที่โต๊ะทานอาหารต่อหน้าของเธอและชายหนุ่ม“ชอบกินแบบนี้เหรอ”อัศวินมองหญิงสาวที่กำลังตักข้าวเข้าปากท่าทางที่ดูจะมีความสุขกับการกินข้าวผัดของเธอทำให้เขาต้องตั้งคำถามขึ้นทั้งมองหญิงสาวฝั่งตรงข้ามอย่างสงสัยเพราะจากที่เขาได้ลองชิมข้าวในจานแล้วรู้สึกว่ามันจะจืดชืดไม่ค่อยจะมีรสชาติอะไรเท่าไรนัก“ค่ะ..ก็กินได้แต่แบบนี้”น้ำอิงเลิกสายตามองชายหนุ่มชั่วครู่แล้วจึงกลับไปสนใจข้าวในจานของเธอต่อ
น้ำอิงอ่านหนังสืออยู่ในห้องของเธอละสายตามองหนังสือแล้วมองชายหนุ่มที่เลื่อนประตูเข้ามาด้วยใบหน้านิ่งเฉย“อ่านอะไรอยู่เหรอ”น้ำอิงไม่ได้ตอบอีกฝ่ายเธอรู้ว่าเขาเห็นเธออ่านหนังสือเกี่ยวกับคุณแม่มือใหม่อยู่ก็ยังจะถามอยากจะรู้อีกว่าหากเธอยังทำนิ่งกับเขาอยู่เขาจะทำอย่างไรจะเค้นเธอให้เธอตอบเพื่อเอาชนะตามนิสัยเดิมของเขาหรือไม่“ฉ..ฉันไม่กวนก็ได้”อัศวินนั่งฟุบลงกับพื้นข้างๆหญิงสาวหากเธอไม่อยากคุยกับเขาก็ไม่เป็นไรเขาจะขอนั่งเงียบๆอยู่ใกล้ๆกับเธอก็พอน้ำอิงนั่งอ่านหนังสือได้พักใหญ่ตอนนี้ตาของเธอก็เริ่มปรือด้วยความง่วงแต่ก็ยังฝืนอ่านเพราะอยากที่จะอ่านต่อให้มันจบ“ถ้าง่วงก็ควรจะนอนนะอย่าฝืน”อัศวินไม่อยากให้หญิงสาวได้ฝืนอ่านต่อไปหากเธอง่วงเขาก็อยากจะให้เธอได้นอนพัก“แต่อิงยังอยากอ่านนี่คะ”“นอนเถอะเดี๋ยวฉันอ่านให้ฟังก็ได้”อัศวินโน้มตัวหญิงสาวลงมานอนที่ตักของเขาพร้อมหยิบหนังสือจากมือของเธอมาอ่านต่อให้เธอได้ฟังเป็นการหาความรู้ไปในตัวของเขาด้วย“..เมื่อไรจะยอมใจอ่อนกับฉันนะ..”ชายหนุ่มอ่านหนังสือได้ไม่กี่หน้าหญิงสาวก็หลับตานอนหายใจสม่ำเสมออัศวินจึงวางหนังสือลงอมยิ้มพร้อมก้มหน้าไปกดหอมแก้มนวลของหญิงสา
20.30 น.“ฉันเป็นห่วงเธอกับลูกมากรู้ไหมคราวหน้าคราวหลังระวังกว่านี้หน่อย”อัศวินนั่งกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังในขณะที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสือให้เธอฟังอยู่เขาวางหนังสือลงหลังจากที่อ่านไปได้พักใหญ่พลันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวันแล้วก็อดจะย้ำให้หญิงสาวเรื่องเมื่อกลางวันไม่ได้เพราะเป็นห่วงเธออย่างมากและรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรเมื่อเห็นเธอจะต้องเจ็บตัว“รู้แล้วค่ะ... คุณอาชน์จะห่วงอิงกับลูกแบบนี้ตลอดไปหรือเปล่าคะ”น้ำอิงพยักหน้ารับเธอหันหลังไปมองหน้าของเขาตาใสอยากได้คำตอบจากปากของเขาว่าถ้าหากเธอไมท้องแล้วเขาจะห่วงเธอแบบนี้ตลอดไปหรือไม่“แน่สิ... เธอคือส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันไปแล้วยังไงฉันก็ต้องห่วงเธอกับลูกอยู่แล้ว”อัศวินมองหน้าหญิงสาวจริงจังคำตอบของเขาออกมาจากหัวใจ“แล้วคุณอาชน์จะกลับมาเป็นคนที่เอาแต่ใจกับอิงเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า”“ตอนนี้ฉันก็ว่าฉันยอมเธอเยอะแล้วนะ”“จะยอมและดูแลแบบนี้ตลอดไปใช่ไหมคะ??”“ต..ลอด..ไป...??..หมายความว่าเธอจะให้ฉันดูแลเธอตลอดไปใช่ไหม”อัศวินขมวดคิ้วหลี่ตาเล็กน้อยในเมื่อเฮพูดคำว่าตลอดไปแสดงว่าเธออยากให้เขามาอยู่ในชีวิตของเธอด้วยเป็นแน่ น้ำอิงฉีกยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มท
ลำปางบ้านเรือนไทยลอบซ์นอนอยู่ที่เปลใต้ถุนบ้านเรือนไทยของยายของเขาที่นี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปยังคงความร่มรื่นไว้อย่างไม่ต่างจากเดิมหลังจากที่ยายของเขาเสียไปเมื่อกลับมาถึงบ้านลอบซ์ก็จัดการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่เพราะที่นี่ไม่มีใครดูแลด้านในมานานบ้านเรือนไทยของยายของเขาอายุเกือบจะห้าสิบปีแต่ทุกอย่างยังคงสภาพดีหลังบ้านเป็นที่ดินหลายร้อยไร่ห่างออกไปไม่ไกลตอนนี้เป็นทุ่งนาสลับกับบ่อน้ำและพื้นที่เลี้ยงสัตว์ทำไร่สวนผสมของยายของเขาที่ตกทอดมาเป็นมรดกของเขาที่เป็นหลานชายเพียงคนเดียวโดยมีคนงานดูแลอยู่ตลอดและที่ดินที่ให้ชาวบ้านเช่าทำกินที่อื่นที่ไม่ได้ติดกับบ้านอีกหลายสิบไร่ตอนนี้กำลังมีปัญหาเพราะมีคนมีอิทธิพลรุกล้ำเข้ามาทำไร่ในที่ดินของเขาอยู่หลายที่หากไม่มีชาวบ้านติดต่อเขาไปก็คงจะไม่รู้ตอนนี้ที่เขากลับมาก็คิดว่าจะมาสะสางเรื่องนี้ให้มันจบๆไปถึงจะมีอิทธิพลแค่ไหนเขาก็ไม่เกรงกลัวบ้านเสี่ยเฮ็ง“ผมว่าคงจะเข้าใจผิดกันล่ะมั้งครับ”“หากคิดว่าเข้าใจผิดนี่ก็คือภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ผมขยายมาแล้วเสี่ยดูให้เต็มตานะครับว่ามันเกินมาเท่าไรหากยังไม่จัดการให้รวดเร็วผมคงต้องแจ้งความ”ลอบซ์เข้าไปที่บ้านของเสี่ย
โรงพัก“ผมว่าคุณอาจจะเข้าใจผิดมากกว่าไหนล่ะหลักฐานถ้าไม่มีคุณกลับไปก่อนเถอะ”สารวัตรวัยกลางคนที่รับเรื่องของชายหนุ่มยังไม่ทันได้ฟังที่เล่าจบก็หาว่าเขาเข้าใจผิดเสียแล้วพร้อมเปรยตามองลอบซ์อย่างไม่สนใจตำรวจที่นั่งอยู่ด้วยกันก็เช่นกันเหมือนเห็นการแจ้งความของเขาเป็นเรื่องไร้สาระ“บริการประชาชนแบบนี้เหรอคะชื่อนามสกุลอะไรเหตุการณ์เป็นยังไงยังไม่ได้ถามเลยไล่กลับซะแล้ว”อัญญาไม่พอใจกับตำรวจในโรงพักที่นี่เลยโวยวายยกใหญ่“คุณอายกลับกันก่อนเถอะครับ”ลอบซ์พอจะเดาออกกว่าคนที่นี่เป็นอย่างไรเขาจึงต้องถอยออกมาก่อนและดึงอัญญาออกมาด้วย“....หึ้ย...”อัญญาไม่พอใจอย่างมากที่ลอบซ์เหมือนจะยอมคนพวกนั้นง่ายๆ ลอบซ์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่จูงมือหญิงสาวมาที่รถแล้วเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง“ทำไมยอมออกมาง่ายๆคะ”อัญญาเห็นลอบซ์ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วจึงถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัยเพราะปกติแล้วลอบซ์เห็นความถูกต้องเป็นที่หนึ่งแต่ครั้งนี้เขาทำไมยอมง่ายๆ“ดูก็รู้ว่าเค้าเป็นคนของใคร”ลอบซ์คิดว่าพูดแค่นี้หญิงสาวก็น่าจะเข้าใจได้ในตอนนี้เข้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบจะต้องจัดการอะไรให้รอบคอบเสียก่อนและเขาจะไม่ปล่อยให้ความอยุติธรรมนี้ม