20.30 น.
“ฉันเป็นห่วงเธอกับลูกมากรู้ไหมคราวหน้าคราวหลังระวังกว่านี้หน่อย”
อัศวินนั่งกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังในขณะที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสือให้เธอฟังอยู่เขาวางหนังสือลงหลังจากที่อ่านไปได้พักใหญ่พลันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวันแล้วก็อดจะย้ำให้หญิงสาวเรื่องเมื่อกลางวันไม่ได้เพราะเป็นห่วงเธออย่างมากและรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรเมื่อเห็นเธอจะต้องเจ็บตัว
“รู้แล้วค่ะ... คุณอาชน์จะห่วงอิงกับลูกแบบนี้ตลอดไปหรือเปล่าคะ”
น้ำอิงพยักหน้ารับเธอหันหลังไปมองหน้าของเขาตาใสอยากได้คำตอบจากปากของเขาว่าถ้าหากเธอไมท้องแล้วเขาจะห่วงเธอแบบนี้ตลอดไปหรือไม่
“แน่สิ... เธอคือส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันไปแล้วยังไงฉันก็ต้องห่วงเธอกับลูกอยู่แล้ว”
อัศวินมองหน้าหญิงสาวจริงจังคำตอบของเขาออกมาจากหัวใจ
“แล้วคุณอาชน์จะกลับมาเป็นคนที่เอาแต่ใจกับอิงเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า”
“ตอนนี้ฉันก็ว่าฉันยอมเธอเยอะแล้วนะ”
“จะยอมและดูแลแบบนี้ตลอดไปใช่ไหมคะ??”
“ต..ลอด..ไป...??..หมายความว่าเธอจะให้ฉันดูแลเธอตลอดไปใช่ไหม”
อัศวินขมวดคิ้วหลี่ตาเล็กน้อยในเมื่อเฮพูดคำว่าตลอดไปแสดงว่าเธออยากให้เขามาอยู่ในชีวิตของเธอด้วยเป็นแน่ น้ำอิงฉีกยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มที่ดูท่าจะเข้าใจสิ่งที่เธอพูดแล้ว
“อิง...กว่าจะยอมใจอ่อนได้”
อัศวินยิ้มอย่างโล่งอกพร้อมกอดกุมร่างบางอย่างดีใจ
“อืม..อันที่จริงถ้าอิงใจแข็งก็คงไม่ให้คุณอยู่ที่นี่ต่อหรอกค่ะ”
“แบบนี้แสดงว่าที่ผ่านมาลองใจกันมาตลอดเลยใช่ไหม”
“ก็ต้องมีกันบ้างนี่คะ...ที่ผ่านมาคุณก็ทำกับอิงไว้เยอะเหมือนกันแค่นี้ยังน้อยไป”
“ฉันขอโทษนะ...ต่อไปนี้จะไม่มีคนที่ทำร้ายเธออีกแล้ว”
“สัญญานะคะ”
น้ำอิงยกมือพร้อมชูนิ้วก้อยให้ชายหนุ่ม
“สัญญา”
อัศวินชุนิ้วก้อยของเขาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของเธอทั้งยังกอดกันให้ชื่นใจอยู่พักใหญ่เก็บความสุขในวินาทีนี้ให้มากถึงมากที่สุดในที่สุดความพยายามของเขามันก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและเขาจะรักษาสัญญาที่ให้กับเธอเอาไว้ตลอดไป
สามเดือนต่อมา
โรงพยาบาล
ทั้งสองตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกสักพักคิดว่าใกล้คลอดแล้วค่อยกลับไปที่เมืองไทยเพราะอัศวินได้รับอนุญาตจากคนเป็นพ่อว่าให้พักผ่อนอยู่กับลูกกับภรรยาได้เต็มที่
ตอนนี้น้ำอิงอุ้มท้องได้สี่เดือนกว่าแล้วและวันนี้ก็เป็นวันที่หมอชินนัดหญิงสาวมาอัลตร้าซาวน์ที่โรงพยาบาลเพื่อจะขนาดตัวของเด็กในท้องและดูว่าเพศอะไรนั่นเอง
“เป็นยังไงบ้างหมอชิน”
อัศวินนั่งติดขอบเตียงอย่างใจจดใจจ่อน้ำอิงที่หมอชินกำลังอัลตร้าซาวน์และหันหน้าดูกล้องอยู่
“ท่าทางเจ้าตัวน้อยของคุณจะไม่ยอมให้คุณพ่อคุณแม่รู้เสียแล้วสิ”
หมอชินหันมาอมยิ้มให้คุณพ่อมือใหม่ที่ดูจะตื่นเต้นเสียเหลือเกินแต่เขาก็ต้องดับฝันเพราะเจ้าตัวเล็กในท้องน้ำอิงไม่ยอมเผยให้เห็นเพศ
“ไม่เห็นเหรอครับ”
อัศวินหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
“ครับ”
“เฮ้ออ..”
“ไม่เป็นไรนะคะคุณอาชน์คิดซะว่าเซอร์ไพรซ์วันคลอดทีเดียวเลย”
น้ำอิงไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้เท่ากับอัศวินเธอรออรู้วันคลอดทีเดียวเลยก็ได้
“ก็ได้..”
และแล้วอัศวินก็ต้องพาหญิงสาวกลับบ้านด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง
“เป็นอะไรคะสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เลย”
น้ำอิงเห็นว่าตั้งแต่กลับบ้านมาชายหนุ่มก็เอาแต่ทำหน้าเจื่อนๆเหมือนคนไม่มีความสุข
“ก็ฉันอยากรู้นี่ว่าลูกเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะได้รีบหาซื้อของให้ถูกและก็จะได้ทำห้องให้เค้าใหม่ด้วย”
ชายหนุ่มบ่นเรื่องที่เขากังวลอยู่ในใจออกมา
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะตอนนี้ลูกเราพึ่งจะสี่เดือนกว่าเองนะคะรออีกสักพักค่อยซื้อก็ได้...อย่ากังวลไปเลยค่ะ..นะคะ”
น้ำอิงนั่งลงตรงหน้าของชายหนุ่มพร้อมยกมือทั้งสองจับพวงแก้มของเขาอย่างปลอบใจพร้อมส่งยิ้มเล็กน้อยเธอคิดว่าเขาจะไม่คิดมากเรื่องนี้เสียอีก อัศวินโผกอดหญิงสาวพยายามทำใจให้ว่างในเรื่องนี้เป็นเพราะเขาเองที่หวังตั้งแต่หญิงสาวท้องได้ใหม่ๆว่าไม่กี่เดือนจะรู้เพศลูกแต่พอไม่รู้ก็มีอาการผิดหวังแบบนี้ยังไงเขาก็จะพยายามกำจัดมันออกไปให้ได้
บ้านใหญ่
“ตกลงเราไม่รู้เพศหลานใช่ไหมคุณ”
เอื้อการกลับมาจากบริษัทก็ถามเรื่องที่พึ่งจะรู้ข่าวกับคนเป็นภรรยาที่นั่งอยู่ที่สวนหลังบ้าน
“ใช่ค่ะเห็นหนูอิงว่าตาอาชน์นอยไปเลย”
“คงจะหวังเอาไว้มากว่าจะรู้สินะ”
เอื้อการนึกถึงตอนที่ตัวเองรู้ว่ามีลูกคนแรกก็มีอาการเช่นเดียวกับลูกชายของเขาเหมือนกันกังวลไปเสียทุกเรื่องจริงๆ
“คุณพ่อคะพี่ลอบซ์ไปไหนคะทำไมไม่ไปทำงาน”
อัญญาเดินเข้ามาหาพ่อของเธอด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นักเพราะเธอไม่เห็นว่าลอบซ์จะไปทำงานแถมยังติดต่อไม่ได้อีกต่างหาก
“ลอบซ์เค้าพักร้อนสองเดือนไม่ได้บอกลูกเหรอ”
เอื้อการมองลูกสาวของเขาอย่างสงสัย
“เปล่านี่คะ.... หนอยจะพักจะอะไรก็ไม่ยอมบอกกันบ้างเลย”
จากที่สีหน้าบึ้งตึงอยู่แล้วตอนนี้หญิงสาวเริ่มหน้ายุ่งไปกันใหญ่ที่เหมือนลอบซ์ไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
“แล้วจะทำไมพี่เค้าล่ะ”
“พี่ลอบซ์ไปไหนคะอายจะตามไปด้วยอายก็ขอพักเหมือนกัน”
อัญญาเห็นว่าหากลอบซ์พักได้เธอก็พักได้เช่นกันและเธอจะตามเขาไปทุกที่อีกด้วยยิ่งอยากหลบหน้าเธอตัวเธอเองก็อยากจะเอาหน้าเธอไปอยู่ใกล้ๆเขาตลอดเวลาอย่างคนที่ชอบเอาชนะ
“พ่อว่าลอบซ์คงไม่อยากให้ใครไปกวนใจมั้ง”
“อายไม่เคยกวนใจพี่ลอบซ์นะคะ”
“แน่ใจ๊...”
เอื้อการรู้ดีว่าอัญญาจ้องแต่จะเอาแต่ใจกับลอบซ์อยู่ท่าเดียวไม่รู้ว่าเป็นอะไรของลูกสาวของเขาเหมือนกัน
“อืม.. ค่ะตกลงพี่ลอบซ์อยู่ไหนคะ”
“เค้าไปพักที่บ้านยายของเค้าที่ลำปาง”
“อืม.. บ้านนั้นไม่มีใครอยู่แล้วนี่คะ”
“ใช่... เห็นว่าลอบซ์จะกลับไปจัดการเรื่องคนที่บุกรุกที่ดินของยายเค้าด้วย”
“อ๋อค่ะ... งั้นเดี๋ยวอายขอไปเก็บกระเป๋าก่อนนะคะพรุ่งนี้จะไปเลย”
อัญญาพูดจบก็เดินดุ่มๆเข้าบ้านขึ้นห้องไปเก็บกระเป๋าทันที
“นี่ลอบซ์ไปทำเวรทำกรรมอะไรกับลูกเราไว้นักหนาถึงได้โดนยัยอายโขกสับอยู่ตลอดเวลา”
กิ่งเกสรพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
“นั่นสิ”
“แล้วคุณจะให้ลูกไปจริงๆเหรอคะ”
“อยากไปก็ให้ไปเชื่อว่าลอบซ์น่าจะดูแลลูกเราได้อย่างดี”
เอื้อการรู้ว่าหากอัญญาอยู่ใกล้ลอบซ์แล้วยังไงลอบซ์ก็ไม่ปล่อยให้ลูกสาวของเขาลำบากแน่แต่คนที่จะลำบากในช่วงเวลาที่อบยากจะพักน่าจะเป็นลอบซ์มากกว่า
ลำปางบ้านเรือนไทยลอบซ์นอนอยู่ที่เปลใต้ถุนบ้านเรือนไทยของยายของเขาที่นี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปยังคงความร่มรื่นไว้อย่างไม่ต่างจากเดิมหลังจากที่ยายของเขาเสียไปเมื่อกลับมาถึงบ้านลอบซ์ก็จัดการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่เพราะที่นี่ไม่มีใครดูแลด้านในมานานบ้านเรือนไทยของยายของเขาอายุเกือบจะห้าสิบปีแต่ทุกอย่างยังคงสภาพดีหลังบ้านเป็นที่ดินหลายร้อยไร่ห่างออกไปไม่ไกลตอนนี้เป็นทุ่งนาสลับกับบ่อน้ำและพื้นที่เลี้ยงสัตว์ทำไร่สวนผสมของยายของเขาที่ตกทอดมาเป็นมรดกของเขาที่เป็นหลานชายเพียงคนเดียวโดยมีคนงานดูแลอยู่ตลอดและที่ดินที่ให้ชาวบ้านเช่าทำกินที่อื่นที่ไม่ได้ติดกับบ้านอีกหลายสิบไร่ตอนนี้กำลังมีปัญหาเพราะมีคนมีอิทธิพลรุกล้ำเข้ามาทำไร่ในที่ดินของเขาอยู่หลายที่หากไม่มีชาวบ้านติดต่อเขาไปก็คงจะไม่รู้ตอนนี้ที่เขากลับมาก็คิดว่าจะมาสะสางเรื่องนี้ให้มันจบๆไปถึงจะมีอิทธิพลแค่ไหนเขาก็ไม่เกรงกลัวบ้านเสี่ยเฮ็ง“ผมว่าคงจะเข้าใจผิดกันล่ะมั้งครับ”“หากคิดว่าเข้าใจผิดนี่ก็คือภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ผมขยายมาแล้วเสี่ยดูให้เต็มตานะครับว่ามันเกินมาเท่าไรหากยังไม่จัดการให้รวดเร็วผมคงต้องแจ้งความ”ลอบซ์เข้าไปที่บ้านของเสี่ย
โรงพัก“ผมว่าคุณอาจจะเข้าใจผิดมากกว่าไหนล่ะหลักฐานถ้าไม่มีคุณกลับไปก่อนเถอะ”สารวัตรวัยกลางคนที่รับเรื่องของชายหนุ่มยังไม่ทันได้ฟังที่เล่าจบก็หาว่าเขาเข้าใจผิดเสียแล้วพร้อมเปรยตามองลอบซ์อย่างไม่สนใจตำรวจที่นั่งอยู่ด้วยกันก็เช่นกันเหมือนเห็นการแจ้งความของเขาเป็นเรื่องไร้สาระ“บริการประชาชนแบบนี้เหรอคะชื่อนามสกุลอะไรเหตุการณ์เป็นยังไงยังไม่ได้ถามเลยไล่กลับซะแล้ว”อัญญาไม่พอใจกับตำรวจในโรงพักที่นี่เลยโวยวายยกใหญ่“คุณอายกลับกันก่อนเถอะครับ”ลอบซ์พอจะเดาออกกว่าคนที่นี่เป็นอย่างไรเขาจึงต้องถอยออกมาก่อนและดึงอัญญาออกมาด้วย“....หึ้ย...”อัญญาไม่พอใจอย่างมากที่ลอบซ์เหมือนจะยอมคนพวกนั้นง่ายๆ ลอบซ์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่จูงมือหญิงสาวมาที่รถแล้วเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง“ทำไมยอมออกมาง่ายๆคะ”อัญญาเห็นลอบซ์ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วจึงถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัยเพราะปกติแล้วลอบซ์เห็นความถูกต้องเป็นที่หนึ่งแต่ครั้งนี้เขาทำไมยอมง่ายๆ“ดูก็รู้ว่าเค้าเป็นคนของใคร”ลอบซ์คิดว่าพูดแค่นี้หญิงสาวก็น่าจะเข้าใจได้ในตอนนี้เข้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบจะต้องจัดการอะไรให้รอบคอบเสียก่อนและเขาจะไม่ปล่อยให้ความอยุติธรรมนี้ม
ปังงง“คุณอาย”ลอบซ์ถีบประตูจนพังภาพตรงหน้าทำให้เขาอยากจะฆ่าไอ้โจรใจโฉดคนนี้เสียตอนนี้เลยจริงๆ“ฮือๆๆๆ”อัญญาน้ำตาไหลพรากเมื่อได้ยินเสียงของลอบซ์เธอคิดว่าเธอจะไม่รอดน้ำมือโจรพวกนี้เสียแล้ว“ไอ้เลว..แก”พลั้กก“โอ้ยย...”ตุบ..ตับ..พลั้กๆๆ..ตุ้บ..ลอบซ์เข้าไปต่อยโจรชุดดำที่กำลังทำมิดีมิร้ายหญิงสาวจนมันล้มลงแล้วจึงกระทืบมันอย่างหัวเสียจนสลบคากองเลือดไป“ไอ้ชั่ว...คุณอาย..”ชายหนุ่มสบถด่าออกมาอย่างเหลืออดและรีบเข้าไปดึงผ้าห่มมาคลุมร่างบางเอาไว้พร้อมกอดคนที่ตัวสั่นเทาอย่างรู้สึกผิด“ฮึก..ฮือๆๆๆ..”“.ผมขอโทษที่ปล่อยคุณไว้คนเดียว”ลอบซ์อุ้มหญิงสาวไปนอนที่ห้องของเขาพร้อมโทรแจ้งความให้ตำรวจมารับตัวคนพวกนี้ไปดำเนินคดีเมื่อเขาจัดการเรียบร้อยแล้วจึงเข้ามาดูแลหญิงสาวในห้องตามเดิม“ฮึกๆๆ...ฮือๆๆๆ”เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงหญิงสาวก็ยังร้องไม่หยุด“นอนนะครับผมจะอยู่ข้างๆคุณเอง”ลอบซ์นั่งอยู่ข้างเตียงจับมือหญิงสาวเอาไว้แน่นให้เอได้อุ่นใจว่าเขาจะดูแลเธออยู่ใกล้ไม่ไปไหนทั้งยังรอให้เธอหลับสนิทแล้วเขาจึงผละตัวไปนอนอยู่ที่โซฟาข้างๆเตียงที่หญิงสาวนอนอยู่วันต่อมาบ้านสุทธนสินไท“ท่านคะมีสายจากคุณลอบซ์ค่ะ”“ลอบซ
“แบบนี้นี่เอง...”น้ำอิงพยักหน้าเข้าใจ“มีอะไรจะบอก”ชายหนุ่มเข้ามากอดคนเป็นภรรยากระซิบข้างๆหูของเธอเบาๆ“อะไรคะ”“อีกสองวันอายกับลอบซ์จะมาที่นี่”“จริงเหรอคะ...”น้ำอิงเบิกตาโพรงดีใจเป็นพิเศษที่จะได้เจอเพื่อนเธอเสียทีเมื่อไม่ได้เจอกันร่วมสามเดือนแล้ว“ดูท่าฉันจะหัวเน่าซะแล้วล่ะมั้งดูจะคิดถึงเพื่อนขนาดนี้”อัศวินทำสีหน้าน้อยใจ“ก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่คะก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดา”“เธอไม่คิดถึงฉันบ้างเหรอ”“ก็คุณอาชน์อยู่กับอิงตลอดเวลานี่คะ”“ตอนฉันออกไปข้างนอกซื้อพวกของสดมาไว้ที่บ้านไง”“ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองค่ะ”น้ำอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย“ไม่กี่ชั่วโมงเธอก็ต้องคิดถึงเพราะฉันเป็นสามีเธอ”“คุณอาชน์...”“หืม...”“เป็นขนาดนี้แล้วเหรอคะเนี่ย...”น้ำอิงส่ายหัวทั้งยังอมยิ้มให้กับความขี้อ้อนที่ไม่รู้ว่าช่วงน้าสรรหาคำอ้อนมาจากไหนนักหนา“ก็ต้องขนาดนี้แหละ”อัศวินโน้มตัวภรรยาของเขานอนลง“..อื้อ...ท..ทำอะไรคะ??”น้ำอิงถดตัวหนีเล็กน้อย“ฉันว่าฉันไม่ได้ลึกซึ้งกับเธอมานานแล้วนะ..”อัศวินกอดหญิงสาวไว้หลวมๆเพื่อไม่ให้ทับตัวของเธอ“ต...แต่ว่า..เจ้าตัวเล็กอยู่ในท้องนะคะ”น้ำอิงเข้าใจแล้วว่าเขาจะทำอะไรแต่เธอไ
“ยังไม่ได้บอกเลยอ่ะ”อัญญาก้มหน้างุดความรู้สึกในใจที่เธอเก็บซ่อนมานานมีเพียงแค่ผักหวานและน้ำอิงเท่านั้นที่รู้เธออยากจะบอกให้เจ้าตัวที่เธอแอบชอบรู้หลายครั้งแต่ก็ไมได้มีโอกาสบอกเสียที“นานแล้วนะ..”ผักหวานบุ้ยปากเล็กน้อยผิดหวังที่เธอกะจะได้ฟังข่าวดีจากอัญญาเสียหน่อย“ก็จะให้ทำยังไงก็มันยังไมได้บอกซะทีนี่นา”“รีบๆหน่อยๆเดี่ยวจะโดนสอยไปกินไม่รู้ด้วยนะ”“รู้แล้วน่า”วันต่อมา“จะไปเที่ยวป่า”“ค่ะ..พี่ลอบซ์พาอายไปนะคะ”“ง..งั้นก็ได้ครับแล้วคุณหวานจะไปด้วยหรือเปล่า”“อ่อ..เห็นหวานบ่นว่าอยากนอนพักก็เลยไม่ได้ไปค่ะ”“อ๋อ..ครับ”ชั่วโมงต่อมา“ป่าในช่วงฤดูนี้ที่นี่ดีนะคะไม่มีแมลงเลย”อัญญาเดินเที่ยวอย่างอารมณ์ดีเพราะสถานที่ที่นี่คนค่อนข้างน้อยเป็นส่วนตัวเหมาะแก่การที่เธอจะบอกบางสิ่งบางอย่างในใจกับชายหนุ่มที่เธอมีความรู้สึกดีๆด้วยความรู้สึกนี้มันมีมานานนมนี่คือสาเหตุที่เธอชอบทำตัวเอาแต่ใจกับลอบซ์อยู่บ่อยๆนั่นเองและการตามใจเธอแบบของเขาแบบนี้ล่ะมั้งที่ทำให้เธอมีใจให้เขาโดยไม่รู้ตัว“ครับอากาศก็โอเคด้วย”“พี่ลอบซ์ชอบไหมคะ”“ก็ชอบนะครับดูสงบดี”“เดินไปตรงสะพานนั่นดีกว่าค่ะ...”อัญญาเห็นว่าสะพานใหญ่ตรงห
โรงแรมXXX“จะดื่มทำไมให้เมาขนาดนี้ครับถ้าผมไม่ตามไปจะเป็นยังไง”ลอบซ์อุ้มหญิงสาวมานอนที่ห้องของเธอเขานั่งลงที่ขอบเตียงมองดูเธอพร้อมส่ายหน้ามือหนาดึงผ้านวมมาห่มให้กับคนเมาที่ตาปรืออยู่บนเตียง“อื้อ...”จู่ๆอัญญาก็พลิกตัวขึ้นมานอนซบอยู่บนอกของชายหนุ่มโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว“คุณอาย...”“ไม่ชอบอายที่เอาแต่ใจไม่ใช่เหรอคะแล้วจะมายุ่งอะไรกับชีวิตอาย”“ยังไม่ลืมเรื่องวันนั้นอีกเหรอครับ”ลอบซ์ไม่คิดว่าคำพูดของเขาวันนั้นจะทำให้หญิงสาวฝังใจและทำตัวประชดประชันเขาจนถึงทุกวันนี้“ใครจะลืมได้เล่าเจอคนที่ตัวเองชอบว่ามาแบบนั้นอ่ะ”“คุณอาย..พูดอะไรครับ”ลอบซ์มองหน้าหญิงสาวอย่างตะลึง“อายชอบพี่ลอบซ์ชอบมานานแล้วด้วย...”ฟึ่บบบเมื่อพูดจบหญิงสาวก็ตัวอ่อนนอนฟุบลงไปที่แผงอกของชายหนุ่มอย่างไม่ได้สติ“คุณอาย...”ลอบซ์ยังคงนิ่งอึ้งกับสิ่งที่พึ่งจะได้รู้เมื่อครู่เขาพยายามผลักตัวหญิงสาวให้ไปนอนในที่ของเธอดีๆแต่มือของเธอดันกำเสื้อของเขาเอาไว้แน่นทำให้เขาต้องนอนอยู่กับเธอทั้งคืนวันต่อมา“คุณอายครับ..”ลอบซ์ขยับตัวหญิงสาวให้พระออกจากตัวเขาแต่ดูเหมือนเธอจะเกาะติดเขาหนึบไม่ยอมออกง่ายๆ“อือ...”“ปล่อยผมก่อนครับ”“
“ยังอีกเหรอแกก็ทำตัวดีกับเค้ามานานแล้วนะหรือว่าพี่ลอบซ์ของแกจะมีคนอื่นไปแล้ว”ผักหวานยังแกล้งหยอกเพื่อนเธอไม่จบไม่สิ้น“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า”หน้าอัญญาตอนนี้จากที่ยุ่งอยู่แล้วก็ยิ่งยิ่งขึ้นไปอีกเป็นสิบเท่า“วันนี้พี่แกนึกยังไงชวนฉันมาปาร์ตี้ที่นี่กัน”ผักหวานอยากจะรู้นักว่าทำไมวันนี้พี่ชายของอัญญาถึงได้อยากจัดงานปาร์ตี้รวมตัวพวกเพื่อนๆกัน“ไม่รู้สิอยากให้บ้านครึกครื้นล่ะมั้ง”อัญญาเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ก็คิดว่ามันน่าจะเป็นข้อดีทำให้บ้านนี้ครึกครื้นขึ้นมาบ้าง“สาวๆครับไปที่สนามหญ้ากันเถอะ”แดเนียลเดินมาตามสาวๆทั้งสามให้ลงไปที่สนามหญ้าหลังบ้าน“คุณมาด้วยเหรอ”ผักหวานหน้าบึ้งเล็กน้อยที่ไม่คิดว่าเขาจะมาดีด้วย“ต้องมาอยู่แล้วมาให้คุณเห็นจนเบื่อหน้าไปเลย”หลังจากที่กลับจากเกาะตอนนั้นแดเนียลก็ตามจีบผักหวานมาพักใหญ่แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบหน้าเขาเอาเสียเลยทั้งที่เขาพยายามทำตัวดีๆกับเธอมาตลอด“หึ่..”ผักหวานไม่รู้ว่าเขาไปแอบปิ๊งเธอตอนไหนทั้งที่เอาแต่แกล้งเธอเธอไม่ชอบพฤติกรรมที่มีผู้หญิงเยอะของเขาที่เคยมีให้เธอได้เห็นนั้นมันยิ่งเป็นข้อที่เธอไม่อยากได้เขามาเป็นแฟน“ตาหนูมาหาคุณพ่อมาครับ”เมื่อ
เป็นเวลาตี1ที่คลับหรูแห่งนี้เต็มไปด้วยนักท่องราตรีชายหญิงที่กำลังมึนเมากันอย่างได้ที่เสียงอึกกระทึกครึกโครมจากเสียงดนตรีด้านในตัวคลับเหมือนจะเร้าใจจนชอบทำให้เกิดเหตุการณ์ตีกันอยู่เรื่อยไปจนเจ้าของคลับหรูหลายแห่งอย่างอาชน์อัศวินต้องปวดหัวกับเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยครั้งกับพวกชอบกร่างในเวลาที่ไม่ค่อยจะได้สติซ่า.....ลอบซ์คนสนิทของอาชน์สาดน้ำในถังใหญ่ในมือไปที่กลุ่มวัยรุ่นวัยเกรียนที่อายุคงจะพึ่งผ่านเกณฑ์การเข้าสถานที่อโคจรที่มากร่างทำซ่าท้าตีท้าต่อยกับคนในคลับให้ฟื้นขึ้นมาหลังจากโนสั่งสอนกันไปจนพอตัว“ปล่อยพวกผมไปเถอะครับ”เด็กวัยรุ่นสี่ห้าคนที่อยู่ในวงล้อมบอดี้การ์ดกล้ามโตรีบคลานเข่ายกมือขอร้องชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างมองจ้องพวกเขาอย่างไร้อารมณ์ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทราคาแพงสีดำปลดเนคไทหลวมๆเล็กน้อยพอไม่อึดอัดเกินไปนั่งไขว่ห้างพาดขายาวๆอยู่บนเก้าอี้ราคาแพงสายตาคมกริบของอัศวินนั้นไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ในตอนนี้ว่ารู้สึกอย่างไรแต่คนที่มองก็ต้องเสียวสันหลังวาบเพราะพลังความอำมหิตที่แผ่ออกมามันช่างน่ากลัวเหลือเกินคงจะทำให้เด็กพวกนี้เลิกซ่ากันไปอีกนานเลยทีเดียว“จะมาทำซ่าที่นี่อีกไหม”ลอบซ์มือขวาร่าง