"บุษกร" นักอ่านธรรมดาวัยยี่สิบห้าปี จู่ ๆ ก็ไปโผล่ในนิยายจีนเรื่องหนึ่งหลังจากถูกรถชนตาย นิยายจีนที่เธอเคยอ่านแถมยังอ่านไปด่าไปเพราะหาความสมจริงไม่ได้!
ดูเพิ่มเติม"องค์รัชทายาท ข้าง่วง เมื่อไรจะปล่อยให้ข้าได้นอนเสียที! "ไป๋เจินจูพยายามเบี่ยงตัวหนี ร่างกายเปลือยเปล่าชื้นไปด้วยเหงื่อ นางถูกเขารังแกตั้งแต่ยามซวี ตอนนี้จะค่อนคืนแล้ว อีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกแทง เอ๊ย ทำ!"ปากเจ้าบอกให้พอ...แต่ร่างกายกลับตอบสนองข้า..."หลี่รุ่ยมองร่างกายขาวเนียนของพระชายา แสงจากตะเกียงทำให้เห็นเงา ภาพความงดงามตรงหน้าทำจิตใจปั่นป่วน ฝ่ามือร้อนลากไล้ไปทั่ว ก่อนหยุดอยู่ที่ซาลาเปาอวบ...ไป๋เจินจูตอนนี้ที่เป็นมารดา เคยผ่านการให้นมบุตร จากรูปร่างผอมบางกลับดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวลขึ้น จับตรงไหนก็ให้ความรู้สึกดี"อะ! ขะ ข้าเปล่าเสียหน่อย! " นางปฎิเสธเสียงแผ่ว แม้สองตาจะแทบลืมไม่ขึ้น แต่ร่างกายกลับขยับไปตามจังหวะของบุรุษที่ทาบทับอยู่ด้านบน ประกอบกับถูกกระตุ้นจากฝ่ามือร้อน แผ่นหลังก็แอ่นขึ้นอัตโนมัตินางกับเขาใช้ชีวิตร่วมกันมาห้าปีแล้ว ไม่รู้ว่านางควรดีใจที่เขายึดมั่นในคำสัญญาว่าจะไม่มีชายารอง หรือนางน้อย ๆ มาให้นางกวนใจ หรือควรสงสารตนเอง ที่แม้เวลาผ่านไปห้าปีแล้ว เขายังขยันอุ่นเตียง รังแกนางทุกค่ำคืนโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย!ต้องโทษที่ตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นตำแหน่งที่ว่าง
ไป๋เจินจูคลอดลูกในเวลาต่อมา เวลานั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศอบอุ่น นางคลอดเจ้าแป้งน้อยสามก้อน เป็นชายทั้งหมด ใบหน้าพิมพ์เดียวกัน สร้างความตื่นตะลึง และยินดีไปทั่วตำหนักองค์รัชทายาท ของขวัญแสดงความยินดีหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ฮ่องเต้และฮองเฮาก็เสด็จมาแสดงความยินดีหลังจากไป๋เจินจูคลอดเด็ก ๆ ออกมาอย่างปลอดภัย นางก็ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ร้องเรียกหาบุตรชายทั้งสาม พร้อมกับบอกความต้องการว่าจะให้นมลูกเอง หลินหลงและแม่นมจึงนำพระโอรสทั้งสามมาส่งที่ห้อง ไป๋เจินจูมองเจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งสามก็ยิ้มทั้งน้ำตา นางค่อย ๆ อุ้มลูกน้อยขึ้น ใช้มืออีกข้างแกะเสื้อคลุมออก แล้วจับลูกน้อยหันหน้าตะแคงเข้าหาอกเสียงจ๊วบ ๆ ดังขึ้นแทบจะทันที ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ หลี่รุ่ยไล่แม่นมและหลินหลงออกไปข้างนอกให้หมด เหลือเพียงเขาและพระชายารัก กับบุตรอีกสามคน เขามองไป๋เจินจูให้นมลูกเงียบ ๆ เมื่อคนแรกอิ่ม คนที่สองอิ่มก็ยกคนที่สามขึ้นมาบ้าง สลับวนเวียนไปอย่างนั้น เขาเดินเข้าไปใกล้นาง เห็นนางเหน็ดเหนื่อย ซูบผอมก็ปวดใจ“ให้ข้าเรียกแม่นมเข้ามาดีหรือไม่ เจ้าจะได้พัก”“ไม่ต้องหรอกเพคะ” ไป๋เจินจูเงยหน้า
ไป๋เจินจูฝัน...นางเดินอยู่บนเส้นทางแห่งหนึ่ง รอบด้านขาวโพลน เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็มองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ปลายทาง นางเร่งฝีเท้าไปใกล้ อยากจะถามหญิงสาวผู้นั้นว่าที่นี่คือที่ไหน“ขออภัย คือข้าอยากจะถาม...” นางมองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีครีม คนตรงหน้ารูปร่างผอมบาง ใบหน้าเล็กเรียว นัยน์ตาโศก เมื่อเห็นการแต่งกายเหมือนหญิงสาวยุคปัจจุบัน ถ้อยคำต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นทันสมัยอัตโนมัติ “ที่นี่ที่ไหนคะ คุณพอจะทราบไหม”หญิงสาวตรงหน้านิ่งเงียบ ไป๋เจินจูจึงถามย้ำอีกครั้ง“คุณคะ...ได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม”“ค่ะ ได้ยิน”ได้ผล คนตรงหน้าตอบกลับ เมื่อตอบนางเสร็จก็เผยรอยยิ้มลึกลับ ไป๋เจินจูรู้สึกขนลุก จนยกมือขึ้นกอดตัวเองยะ...อย่าบอกนะว่า นางเจอผี!“ใช่ ฉันเป็นผี”เสียงหญิงสาวในชุดสีครีมดังขึ้นก้องหูโดยที่ริมฝีปากไม่ขยับ ไป๋เจินจูเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่นางคิดในใจ แต่อีกฝ่ายกลับได้ยิน“เอ่อ...”“เป็นยังไงนิยายที่ฉันแต่ง เธอบ่นว่าไม่สนุก ไร้สมอง แต่เมื่อมาอยู่ในนิยายของฉัน สุดท้ายเธอก็หลงรักพระเอกที่เธออ่านไปด่าไป”“ธะ เธอ เป็นคนแต่งนิยายเรื่องนี้?”“ใช่” หญิงสาวตรงหน้าบอ
ไป๋เจินจูเดินเข้าตำหนักเงียบ ๆ ด้านหลังมีองค์รัชทายาทหลี่รุ่ยเดินตามมาติด ๆ นางได้ยินเสียงฝีเท้าตามไม่ห่างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อ นึกถึงเหตุการณ์ในรถม้าเมื่อครู่หัวใจก็เต้นแรง...เขาสารภาพรักกับนาง...แล้วนางควรทำอย่างไร...“พระชายา...”เสียงองค์รัชทายาทเรียกนาง ไป๋เจินจูหยุดฝีเท้า สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหมุนตัวมาเผชิญหน้า พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่เมื่อได้สบตาคมเข้มของเขา ถ้อยคำที่ตระเตรียมไว้ก็นึกไม่ออก เสียงที่เปล่งออกมาจึงตะกุกตะกัก“ขะ ข้า...”หลี่รุ่ยมองเห็นอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัดของนาง ก็ยิ้มกว้าง เดินตรงเข้ามาแล้วยกร่างบอบบางขึ้น“อ๊ะ” ไป๋เจินจูร้องอย่างตกใจ จู่ ๆ ก็ถูกยกจนตัวลอย นางถูกเขากอดรัดจนเท้าลอยเหนือพื้น “องค์รัชทายาท ท่านเล่นอะไร ปล่อยข้าลงนะ ข้าเวียนหัว”หลุ่รุ่ยได้ยินดังนั้นจึงปล่อยนางลง“ขอโทษ...ข้าดีใจจนลืมตัวไปหน่อย” เสียงของเขานุ่มทุ้ม แววตาที่มองนางเต็มไปด้วยความรักใคร่ “ดีใจ...ที่ความรู้สึกของเราตรงกัน”“ทะ ท่านมัน...หลงตัวเองนัก ข้าไม่ได้พูดแบบนั้นเสียหน่อย”“แค่เจ้าจูบตอบข้า อิงแอบแนบอกข้า ข้าก็รู้แล้ว...” เขาพูดพลางดึงมือนางไปกุม“หย
นางตกตะลึง คิดคำพูดไม่ออกชั่วครู่ เมื่อเห็นเขาจะเดินจากไปจึงได้สติร้องเรียก"เดี๋ยว! ""หืม" บุรุษผู้นั้นหยุดเดิน หันกลับมามองนาง ไป๋เจินจูมองสำรวจ เขาสวมชุดขุนนาง อายุราวยี่สิบปี ใบหน้าคมเข้ม ผิวคล้ำตัดกับฟันขาวสะอาด หน้าตาก็...นับว่าหล่อเหลา เสียแต่ว่าดวงตาดูเจิดจ้าเกินไป นิสัยก็...เหมือนจะมือเติบ เห็นได้จากการควักเงินซื้อสิ่งของให้สตรีตามข้างทาง โดยที่ไม่ได้รู้จัก ดูก็รู้ว่าเป็นคนเจ้าชู้"หลินหลงเอาเงินค่าปิ่นคืนให้เขา" นางสั่งหลินหลง"ข้าไม่รับ ข้าซื้อให้เจ้า" เขาโบกมือ ตั้งท่าจะเดินต่อ ไป๋เจินจูรีบตะโกนบอก"ข้าไม่รู้จักท่าน ทำไมต้องซื้อของให้ข้า หากท่านไม่รับเงินคืน ข้าก็ไม่เอาปิ่นนี้หรอกนะ” นางพูดก่อนวางปิ่นไม้ลงเมื่อนางพูดจบ เขาก็หยุดเดินอีกครั้ง สุดท้ายก็หมุนตัวกลับมา ยื่นมือรับเงินที่หลินหลงเดินไปยื่นให้ เห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับเงินค่าปิ่นคืนไป นางจึงหยิบปิ่นไม้ขึ้น แล้วยิ้มรับคำขอบคุณจากคนขาย เมื่อตั้งท่าจะเดินไปที่อื่นต่อ เสียงบุรุษก็ร้องเรียกขึ้นบ้าง“เดี๋ยว!”นางหันไป“เจ้าชื่ออะไร”ไป๋เจินจูยกนิ้วชี้ใส่ตนเอง “ถามข้า?”“ถามเจ้านั่นแหละ” บรุษผิวคล้ำส่งเสียงอึกอัก “เจ้าเป็นบุต
หลายวันผ่านไป ณ หอสุราหว่าชุน"องค์รัชทายาทมีเรื่องกลุ้มใจอันใด อยู่ดี ๆ ถึงชวนข้ามากินดื่มนอกวัง"องค์ชายห้าหลี่จิ้นยื่นมือรับจอกเหล้าที่ถูกรินไว้รอ เขายกขึ้นจดริมฝีปาก สายตามองบุรุษที่นั่งตรงข้าม บัดนี้หลี่รุ่ยผู้มีฐานะเป็นองค์รัชทายาทนั่งเงียบ ใบหน้าดำคล้ำ เคร่งขรึม ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก"ทะเลาะกับพระชายามาหรือ" เขาวางจอกเหล้าลงแล้วถามไปตรง ๆหลี่รุ่ยเงยหน้ามอง นิ่งไปนานกว่าจะเอ่ยปาก"ข้ามองออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ..." เขาพูดพลางยกจอกเหล้าขึ้นบ้าง "ก็ไม่เชิงว่าทะเลาะหรอก...""ถ้าไม่ทะเลาะ ทำไมท่านจึงมีสีหน้าอมทุกข์เช่นนี้" หลี่จิ้นยื่นใบหน้าไปใกล้ เอียงคอมองอีกฝ่าย "มีพระชายาอายุน้อย ท่านต้องรู้จักเอาใจ ถนอมนางบ้างสิ""แล้วข้าไม่ถนอมนางหรือ" เขาวางจอกเหล้ากระแทกกับโต๊ะเสียงดัง “เรื่องยุ่งยากภายในข้าไม่เคยคิดให้นางมาร่วมกังวล เสด็จพ่อต้องการให้ข้าแต่งชายารองเข้าตำหนัก วางตัวบุตรสาวราชครูฟางไว้แล้ว แต่เพราะข้าถนอมนาง ไม่อยากให้นางต้องมายุ่งกับวังวนอำนาจ ไม่อยากให้นางต้องมาปวดหัว รบรากับสตรีอื่น มากสตรี ก็มากความ ข้าจึงกำชับให้นางปฏิเสธหากถูกถามความเห็น แต่ทำไมนางจึงทำท่าปั่นปึ่งใส่ข้า
"เวลานี้ยังมีหน้ามายิ้ม หึ รัชทายาทหื่นกาม เจ้าช่างหาเรื่องมาให้ข้าเสียจริง! "ไป๋เจินจูยกเท้าขึ้นเตะลม ท่าทางไม่สมกับเป็นบุตรีของอัครเสนาบดี แต่ใครสนกันล่ะ ตอนนี้นางโมโห อารมณ์หงุดหงิด จนอยากใช้กำลังเพื่อระบายอารมณ์!เมื่อเดินจากมาไกลจนถึงหน้าตำหนัก ท่าทางโมโหหงุดหงิดของนางตกอยู่ในสายตาหลินหลง สาวใช้คนสนิทมองผู้เป็นนายด้วยแววตาสงสารเห็นใจ"พระชายาอย่าโกรธเคืององค์รัชทายาทเลยนะเจ้าคะ""ทำไม นี่เจ้าก็เข้าข้างเขารึ" นางหันไปมองอีกฝ่ายตาขวาง "ตกลงใครเป็นนายของเจ้ากันแน่""โธ่ พระชายา ดูท่านพูดสิ" หลินหลงยิ้มเอ็นดูท่าทางแง่งอน ตอนนี้พระชายาดูเหมือนกลับไปเป็นเด็ก ก็ยังเด็กจริง ๆ พระชายาเพิ่งจะสิบห้าปี ก็แต่งให้กับองค์รัชทายาทแล้ว"เฮ้อ"ไป๋เจินจูนั่งลงบนพื้น ไม่สนใจเสียงร้องห้ามของหลินหลง นางยกมือขึ้นกอดเข่า ใบหน้าจมอยู่ตรงกลาง ในหัวปรากฏภาพหลี่รุ่ยรับชายารองเข้าตำหนัก บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข นางยืนมองสวามีเดินเข้าห้องหอด้วยสีหน้ายินดีนางต้องยินดีสิ จะมีคนช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักหน่วงแต่งกับเขาในฐานะพระชายา มีบ่าวรับใช้ปรนนิบัติ ชีวิตที่หญิงสาวทั่วเมืองหลวงต่างอิจฉา แต่นอกจากฐานะสูงศักด
หลี่รุ่ยเห็นนางไม่ปริปากก็ยิ่งทวีความขุ่นเคืองในใจ หากเขาบอกนางว่าเสด็จพ่อให้รับชายารองเข้าตำหนัก อยากจะรู้นักนางจะตอบว่าอย่างไร"ท่านเป็นอะไร หือ" นางเอ่ยถาม เมื่อจู่ ๆ เขาก็ล้มตัวนอนทับนางอีกครั้ง ใบหน้าฝังอยู่บนทรวงอก"เสด็จพ่อมีรับสั่งให้ข้ารับชายารองเข้าตำหนัก..." เขาบอกเสียงอู้อี้กับอกนาง"อ๋อ" ไป๋เจินจูเหม่อมองเพดาน รับคำในลำคอ ชายารองรึ...ก็คือเมียน้อยสินะ ยุคจีนโบราณก็แบบนี้ ยิ่งเป็นองค์รัชทายาท จะมีเมียเดียวคงเป็นไม่ไม่ได้ นางคิด"เจ้า...เห็นด้วยหรือไม่ หากข้ามีชายารอง""ถามข้า? " นางสบตาเขาในความมืด หลี่รุ่ยเงยหน้ามองนาง รอฟังคำตอบ "ข้า...ก็มิได้ว่าอะไรนี่ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ข้า จะเป็นพระชายาที่ดี หากท่านจะรับชายารอง ข้าก็มิขัดข้อง ข้าจะดูแลนางให้ดี จะใจกว้าง ท่านสบายใจได้...""เจ้าจะเป็นพระชายาที่ดี? ""ใช่สิ" นางตอบรับอย่างรวดเร็ว ถึงแม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะดูเยือกเย็นแปลก ๆ "ข้าเห็นด้วยกับท่าน ท่านแต่งชายารองเข้ามาเถอะ""ข้าบอกหรือว่าต้องการแต่งชายารอง..." เขาเลื่อนฝ่ามือขึ้นบีบเคล้นซาลาเปาน้อย ออกแรงจนไป๋เจินจูนิ่วหน้า หลี่รุ่ยรู้สึกต้องการระบายอารมณ์ แต่งเข้ามาเป็นพ
"นิยายบ้า ๆ วัน ๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่อุ่นเตียง""ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ" หลินหลงที่กำลังจัดแต่งทรงผมให้ไป๋เจินจูเอ่ยถาม ด้วยความที่เป็นสาวใช้คนสนิทที่ติดตามมาจากจวน เมื่อเห็นไป๋เจินจูพูดพึมพำ ภาษาที่ได้ยินก็แปร่งหูจึงอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้"ปะ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก" นางรีบกลืนคำพูดที่เหลือลงท้อง ยกมือขึ้นนวดไหล่ตัวเองใบหน้าบูดบึ้ง "ข้าก็แค่...คิดอะไรนิดหน่อย""อย่าดิ้นสิเจ้าคะ..." หลินหลงบอกเจ้านายเสียงนุ่ม มองทรงผมที่นางจัดแต่งอย่างภูมิใจ "เสร็จแล้วเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนู ...พระชายางามมากนะเจ้าคะ ไม่สิ ท่านงดงามอยู่แล้ว""ปากหวาน..." นางอมยิ้ม ใครบ้างจะไม่ชอบเวลาถูกชม ไป๋เจินจู เอียงศรีษะ มองผ่านกระจกอย่างพึงพอใจ"วันนี้พระชายาจะเริ่มจัดระเบียบตำหนักเลยหรือเปล่าเจ้าคะ" หลินหลงถามขึ้น ตั้งแต่แต่งเข้าตำหนักองค์รัชทายาท นี่ก็ผ่านมาเจ็ดวัน เจ้านายตนถึงได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันถูกองค์รัชทายาทกักขังไว้แต่ในห้องหอเจ็ดวันเจ็ดคืน ช่างน่าสงสารพระชายา พอได้มาปรนนิบัติวันนี้ นางก็ต้องแอบทอดถอนใจ...พระชายาเนื้อตัวมีแต่ร่องรอยรักประทับทั่ว ใต้ตาดำคล้ำเหมือนคนอดนอน รูปร่างที่บอบบางน่าทะนุถนอมก็ดูผอมลง อง
"เอี๊ยดดดดดดดด โครม! "เสียงเบรกของรถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงปะทะเข้ากับหญิงสาวรูปร่างบอบบางที่ก้มลงผูกเชือกรองเท้าอยู่ริมฟุตบาทบุษกรได้ยินเสียงเบรกมาแต่ไกล ไหนจะเสียงหวีดร้องของคนรอบข้าง พอเธอเงยหน้าเพื่อที่จะมองว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นแต่ภาพดำมืด แล้วสติก็หลุดลอยไป...เมืองหลวง ฉางอาน ณ จวนเสนาบดี"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู"เสียงสาวใช้หน้าประตูร้องเรียก หญิงสาวในห้องเดินกระสับกระส่ายไปมา ใบหน้างามล่มเมืองบัดนี้ซีดเซียว บุษกร หญิงสาวที่จู่ ๆ ก็ตายโดยไม่ทันตั้งตัว พอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในร่างหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวหน้าตางดงาม เอวบางร่างน้อย อายุไม่น่าจะเกินสิบห้าปีไม่นานความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมแล่นเข้าหัวตามฉบับนวนิยาย บุษกรเม้มริมฝีปาก เจ้าของร่างนี้คือ ไป๋เจินจู หญิงสาวที่เพิ่งพ้นวัยปักปิ่น บุตรีเพียงคนเดียวของอัครเสนาบดีไป๋ฉางชิง มารดาเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก เป็นแก้วตาดวงใจของท่านเสนาบดี รูปโฉมงดงามล่มเมือง และเมื่อพ้นวัยปักปิ่นก็จะต้องแต่งให้กับองค์รัชทายาท...เอาล่ะ ไม่ต้องเกริ่นไปไกลรู้แต่ว่าเธอได้ตายแล้วมาเข้าร่างของหญิงสาวคนนี้ก็แล้วกัน หญิงไทยวัยยี่สิบห้าปี ผัว เอ๊ย แฟนก็ไม่เ...
ความคิดเห็น