"อย่าดิ้น...อืม"เสียงหลี่รุ่ยแหบพร่า ปากบอกห้ามนางดิ้น แต่เขากลับขยับสโพกเข้ามา ไป๋เจินจูเผลอยกสโพกตอบรับ รู้สึกเจ็บแปล๊บแปลก ๆ"อ๊ะ" นางหลุดปากครางออกมา"อยู่นิ่งๆ ...ชายาของข้า" เขาพึมพำเสียงแหบ ขณะเริ่มขยับเข้าออก รู้สึกถึงความเปียกชื้นที่เอ่อล้นชโลมตัวตนของเขาเมื่อรู้ว่านางพร้อมถึงที่สุดแล้ว เขาก็ถอนกายออกแล้วดันเข้าไปใหม่จนลึกและสุด"อ๊า! ข้าเจ็บ! " ไป๋เจินจูกรีดร้องน้ำตาไหล เล็บจิกบ่าบุรุษที่กำลังรังแกนางแน่น "ท่านเอาอะไรเข้ามา! ""ชู่ว" เขากระซิบริมหูนาง ช่วงล่างขยับเข้าออกช้า ๆ "อย่าเกร็งชายารัก...ผ่อนคลาย เดี๋ยวก็ดีขึ้น"นางหายใจเข้าออกช้า ๆ พยายามปรับตัวอย่างที่เขาบอก ไม่นาน...ความรู้สึกเจ็บก็เบาบางลง ความรู้สึกแปลก ๆ เข้ามาแทนที่นางรู้สึก...ใจสั่นหวิว ยามสโพกหนาแทรกกายเข้ามา สัมผัสกันเป็นจังหวะทำให้นางหลุดคราง"อื้อ" นางครางรับสัมผัสหนักหน่วงสมองตื้อไปหมด รู้สึกว่าร่างกายนี้เหมือนไม่ใช่ของตน เมื่อถูกบุรุษด้านบนโยกขยับตามใจ นางเงยหน้ามองความมืดที่ปกคลุมดวงตาเหม่อลอย เสียงเตียงดังเอี๊ยดอ๊าดเสียงกระเส่าของบุรุษ...เสียงเนื้อกระทบเนื้อ...ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ไป๋เจินจูตัว
"นิยายบ้า ๆ วัน ๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่อุ่นเตียง""ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ" หลินหลงที่กำลังจัดแต่งทรงผมให้ไป๋เจินจูเอ่ยถาม ด้วยความที่เป็นสาวใช้คนสนิทที่ติดตามมาจากจวน เมื่อเห็นไป๋เจินจูพูดพึมพำ ภาษาที่ได้ยินก็แปร่งหูจึงอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้"ปะ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก" นางรีบกลืนคำพูดที่เหลือลงท้อง ยกมือขึ้นนวดไหล่ตัวเองใบหน้าบูดบึ้ง "ข้าก็แค่...คิดอะไรนิดหน่อย""อย่าดิ้นสิเจ้าคะ..." หลินหลงบอกเจ้านายเสียงนุ่ม มองทรงผมที่นางจัดแต่งอย่างภูมิใจ "เสร็จแล้วเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนู ...พระชายางามมากนะเจ้าคะ ไม่สิ ท่านงดงามอยู่แล้ว""ปากหวาน..." นางอมยิ้ม ใครบ้างจะไม่ชอบเวลาถูกชม ไป๋เจินจู เอียงศรีษะ มองผ่านกระจกอย่างพึงพอใจ"วันนี้พระชายาจะเริ่มจัดระเบียบตำหนักเลยหรือเปล่าเจ้าคะ" หลินหลงถามขึ้น ตั้งแต่แต่งเข้าตำหนักองค์รัชทายาท นี่ก็ผ่านมาเจ็ดวัน เจ้านายตนถึงได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันถูกองค์รัชทายาทกักขังไว้แต่ในห้องหอเจ็ดวันเจ็ดคืน ช่างน่าสงสารพระชายา พอได้มาปรนนิบัติวันนี้ นางก็ต้องแอบทอดถอนใจ...พระชายาเนื้อตัวมีแต่ร่องรอยรักประทับทั่ว ใต้ตาดำคล้ำเหมือนคนอดนอน รูปร่างที่บอบบางน่าทะนุถนอมก็ดูผอมลง อง
หลี่รุ่ยเห็นนางไม่ปริปากก็ยิ่งทวีความขุ่นเคืองในใจ หากเขาบอกนางว่าเสด็จพ่อให้รับชายารองเข้าตำหนัก อยากจะรู้นักนางจะตอบว่าอย่างไร"ท่านเป็นอะไร หือ" นางเอ่ยถาม เมื่อจู่ ๆ เขาก็ล้มตัวนอนทับนางอีกครั้ง ใบหน้าฝังอยู่บนทรวงอก"เสด็จพ่อมีรับสั่งให้ข้ารับชายารองเข้าตำหนัก..." เขาบอกเสียงอู้อี้กับอกนาง"อ๋อ" ไป๋เจินจูเหม่อมองเพดาน รับคำในลำคอ ชายารองรึ...ก็คือเมียน้อยสินะ ยุคจีนโบราณก็แบบนี้ ยิ่งเป็นองค์รัชทายาท จะมีเมียเดียวคงเป็นไม่ไม่ได้ นางคิด"เจ้า...เห็นด้วยหรือไม่ หากข้ามีชายารอง""ถามข้า? " นางสบตาเขาในความมืด หลี่รุ่ยเงยหน้ามองนาง รอฟังคำตอบ "ข้า...ก็มิได้ว่าอะไรนี่ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ข้า จะเป็นพระชายาที่ดี หากท่านจะรับชายารอง ข้าก็มิขัดข้อง ข้าจะดูแลนางให้ดี จะใจกว้าง ท่านสบายใจได้...""เจ้าจะเป็นพระชายาที่ดี? ""ใช่สิ" นางตอบรับอย่างรวดเร็ว ถึงแม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะดูเยือกเย็นแปลก ๆ "ข้าเห็นด้วยกับท่าน ท่านแต่งชายารองเข้ามาเถอะ""ข้าบอกหรือว่าต้องการแต่งชายารอง..." เขาเลื่อนฝ่ามือขึ้นบีบเคล้นซาลาเปาน้อย ออกแรงจนไป๋เจินจูนิ่วหน้า หลี่รุ่ยรู้สึกต้องการระบายอารมณ์ แต่งเข้ามาเป็นพ
"เวลานี้ยังมีหน้ามายิ้ม หึ รัชทายาทหื่นกาม เจ้าช่างหาเรื่องมาให้ข้าเสียจริง! "ไป๋เจินจูยกเท้าขึ้นเตะลม ท่าทางไม่สมกับเป็นบุตรีของอัครเสนาบดี แต่ใครสนกันล่ะ ตอนนี้นางโมโห อารมณ์หงุดหงิด จนอยากใช้กำลังเพื่อระบายอารมณ์!เมื่อเดินจากมาไกลจนถึงหน้าตำหนัก ท่าทางโมโหหงุดหงิดของนางตกอยู่ในสายตาหลินหลง สาวใช้คนสนิทมองผู้เป็นนายด้วยแววตาสงสารเห็นใจ"พระชายาอย่าโกรธเคืององค์รัชทายาทเลยนะเจ้าคะ""ทำไม นี่เจ้าก็เข้าข้างเขารึ" นางหันไปมองอีกฝ่ายตาขวาง "ตกลงใครเป็นนายของเจ้ากันแน่""โธ่ พระชายา ดูท่านพูดสิ" หลินหลงยิ้มเอ็นดูท่าทางแง่งอน ตอนนี้พระชายาดูเหมือนกลับไปเป็นเด็ก ก็ยังเด็กจริง ๆ พระชายาเพิ่งจะสิบห้าปี ก็แต่งให้กับองค์รัชทายาทแล้ว"เฮ้อ"ไป๋เจินจูนั่งลงบนพื้น ไม่สนใจเสียงร้องห้ามของหลินหลง นางยกมือขึ้นกอดเข่า ใบหน้าจมอยู่ตรงกลาง ในหัวปรากฏภาพหลี่รุ่ยรับชายารองเข้าตำหนัก บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข นางยืนมองสวามีเดินเข้าห้องหอด้วยสีหน้ายินดีนางต้องยินดีสิ จะมีคนช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักหน่วงแต่งกับเขาในฐานะพระชายา มีบ่าวรับใช้ปรนนิบัติ ชีวิตที่หญิงสาวทั่วเมืองหลวงต่างอิจฉา แต่นอกจากฐานะสูงศักด
หลายวันผ่านไป ณ หอสุราหว่าชุน"องค์รัชทายาทมีเรื่องกลุ้มใจอันใด อยู่ดี ๆ ถึงชวนข้ามากินดื่มนอกวัง"องค์ชายห้าหลี่จิ้นยื่นมือรับจอกเหล้าที่ถูกรินไว้รอ เขายกขึ้นจดริมฝีปาก สายตามองบุรุษที่นั่งตรงข้าม บัดนี้หลี่รุ่ยผู้มีฐานะเป็นองค์รัชทายาทนั่งเงียบ ใบหน้าดำคล้ำ เคร่งขรึม ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก"ทะเลาะกับพระชายามาหรือ" เขาวางจอกเหล้าลงแล้วถามไปตรง ๆหลี่รุ่ยเงยหน้ามอง นิ่งไปนานกว่าจะเอ่ยปาก"ข้ามองออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ..." เขาพูดพลางยกจอกเหล้าขึ้นบ้าง "ก็ไม่เชิงว่าทะเลาะหรอก...""ถ้าไม่ทะเลาะ ทำไมท่านจึงมีสีหน้าอมทุกข์เช่นนี้" หลี่จิ้นยื่นใบหน้าไปใกล้ เอียงคอมองอีกฝ่าย "มีพระชายาอายุน้อย ท่านต้องรู้จักเอาใจ ถนอมนางบ้างสิ""แล้วข้าไม่ถนอมนางหรือ" เขาวางจอกเหล้ากระแทกกับโต๊ะเสียงดัง “เรื่องยุ่งยากภายในข้าไม่เคยคิดให้นางมาร่วมกังวล เสด็จพ่อต้องการให้ข้าแต่งชายารองเข้าตำหนัก วางตัวบุตรสาวราชครูฟางไว้แล้ว แต่เพราะข้าถนอมนาง ไม่อยากให้นางต้องมายุ่งกับวังวนอำนาจ ไม่อยากให้นางต้องมาปวดหัว รบรากับสตรีอื่น มากสตรี ก็มากความ ข้าจึงกำชับให้นางปฏิเสธหากถูกถามความเห็น แต่ทำไมนางจึงทำท่าปั่นปึ่งใส่ข้า
นางตกตะลึง คิดคำพูดไม่ออกชั่วครู่ เมื่อเห็นเขาจะเดินจากไปจึงได้สติร้องเรียก"เดี๋ยว! ""หืม" บุรุษผู้นั้นหยุดเดิน หันกลับมามองนาง ไป๋เจินจูมองสำรวจ เขาสวมชุดขุนนาง อายุราวยี่สิบปี ใบหน้าคมเข้ม ผิวคล้ำตัดกับฟันขาวสะอาด หน้าตาก็...นับว่าหล่อเหลา เสียแต่ว่าดวงตาดูเจิดจ้าเกินไป นิสัยก็...เหมือนจะมือเติบ เห็นได้จากการควักเงินซื้อสิ่งของให้สตรีตามข้างทาง โดยที่ไม่ได้รู้จัก ดูก็รู้ว่าเป็นคนเจ้าชู้"หลินหลงเอาเงินค่าปิ่นคืนให้เขา" นางสั่งหลินหลง"ข้าไม่รับ ข้าซื้อให้เจ้า" เขาโบกมือ ตั้งท่าจะเดินต่อ ไป๋เจินจูรีบตะโกนบอก"ข้าไม่รู้จักท่าน ทำไมต้องซื้อของให้ข้า หากท่านไม่รับเงินคืน ข้าก็ไม่เอาปิ่นนี้หรอกนะ” นางพูดก่อนวางปิ่นไม้ลงเมื่อนางพูดจบ เขาก็หยุดเดินอีกครั้ง สุดท้ายก็หมุนตัวกลับมา ยื่นมือรับเงินที่หลินหลงเดินไปยื่นให้ เห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับเงินค่าปิ่นคืนไป นางจึงหยิบปิ่นไม้ขึ้น แล้วยิ้มรับคำขอบคุณจากคนขาย เมื่อตั้งท่าจะเดินไปที่อื่นต่อ เสียงบุรุษก็ร้องเรียกขึ้นบ้าง“เดี๋ยว!”นางหันไป“เจ้าชื่ออะไร”ไป๋เจินจูยกนิ้วชี้ใส่ตนเอง “ถามข้า?”“ถามเจ้านั่นแหละ” บรุษผิวคล้ำส่งเสียงอึกอัก “เจ้าเป็นบุต
ไป๋เจินจูเดินเข้าตำหนักเงียบ ๆ ด้านหลังมีองค์รัชทายาทหลี่รุ่ยเดินตามมาติด ๆ นางได้ยินเสียงฝีเท้าตามไม่ห่างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อ นึกถึงเหตุการณ์ในรถม้าเมื่อครู่หัวใจก็เต้นแรง...เขาสารภาพรักกับนาง...แล้วนางควรทำอย่างไร...“พระชายา...”เสียงองค์รัชทายาทเรียกนาง ไป๋เจินจูหยุดฝีเท้า สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหมุนตัวมาเผชิญหน้า พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่เมื่อได้สบตาคมเข้มของเขา ถ้อยคำที่ตระเตรียมไว้ก็นึกไม่ออก เสียงที่เปล่งออกมาจึงตะกุกตะกัก“ขะ ข้า...”หลี่รุ่ยมองเห็นอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัดของนาง ก็ยิ้มกว้าง เดินตรงเข้ามาแล้วยกร่างบอบบางขึ้น“อ๊ะ” ไป๋เจินจูร้องอย่างตกใจ จู่ ๆ ก็ถูกยกจนตัวลอย นางถูกเขากอดรัดจนเท้าลอยเหนือพื้น “องค์รัชทายาท ท่านเล่นอะไร ปล่อยข้าลงนะ ข้าเวียนหัว”หลุ่รุ่ยได้ยินดังนั้นจึงปล่อยนางลง“ขอโทษ...ข้าดีใจจนลืมตัวไปหน่อย” เสียงของเขานุ่มทุ้ม แววตาที่มองนางเต็มไปด้วยความรักใคร่ “ดีใจ...ที่ความรู้สึกของเราตรงกัน”“ทะ ท่านมัน...หลงตัวเองนัก ข้าไม่ได้พูดแบบนั้นเสียหน่อย”“แค่เจ้าจูบตอบข้า อิงแอบแนบอกข้า ข้าก็รู้แล้ว...” เขาพูดพลางดึงมือนางไปกุม“หย
ไป๋เจินจูฝัน...นางเดินอยู่บนเส้นทางแห่งหนึ่ง รอบด้านขาวโพลน เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็มองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ปลายทาง นางเร่งฝีเท้าไปใกล้ อยากจะถามหญิงสาวผู้นั้นว่าที่นี่คือที่ไหน“ขออภัย คือข้าอยากจะถาม...” นางมองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีครีม คนตรงหน้ารูปร่างผอมบาง ใบหน้าเล็กเรียว นัยน์ตาโศก เมื่อเห็นการแต่งกายเหมือนหญิงสาวยุคปัจจุบัน ถ้อยคำต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นทันสมัยอัตโนมัติ “ที่นี่ที่ไหนคะ คุณพอจะทราบไหม”หญิงสาวตรงหน้านิ่งเงียบ ไป๋เจินจูจึงถามย้ำอีกครั้ง“คุณคะ...ได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม”“ค่ะ ได้ยิน”ได้ผล คนตรงหน้าตอบกลับ เมื่อตอบนางเสร็จก็เผยรอยยิ้มลึกลับ ไป๋เจินจูรู้สึกขนลุก จนยกมือขึ้นกอดตัวเองยะ...อย่าบอกนะว่า นางเจอผี!“ใช่ ฉันเป็นผี”เสียงหญิงสาวในชุดสีครีมดังขึ้นก้องหูโดยที่ริมฝีปากไม่ขยับ ไป๋เจินจูเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่นางคิดในใจ แต่อีกฝ่ายกลับได้ยิน“เอ่อ...”“เป็นยังไงนิยายที่ฉันแต่ง เธอบ่นว่าไม่สนุก ไร้สมอง แต่เมื่อมาอยู่ในนิยายของฉัน สุดท้ายเธอก็หลงรักพระเอกที่เธออ่านไปด่าไป”“ธะ เธอ เป็นคนแต่งนิยายเรื่องนี้?”“ใช่” หญิงสาวตรงหน้าบอ
"องค์รัชทายาท ข้าง่วง เมื่อไรจะปล่อยให้ข้าได้นอนเสียที! "ไป๋เจินจูพยายามเบี่ยงตัวหนี ร่างกายเปลือยเปล่าชื้นไปด้วยเหงื่อ นางถูกเขารังแกตั้งแต่ยามซวี ตอนนี้จะค่อนคืนแล้ว อีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกแทง เอ๊ย ทำ!"ปากเจ้าบอกให้พอ...แต่ร่างกายกลับตอบสนองข้า..."หลี่รุ่ยมองร่างกายขาวเนียนของพระชายา แสงจากตะเกียงทำให้เห็นเงา ภาพความงดงามตรงหน้าทำจิตใจปั่นป่วน ฝ่ามือร้อนลากไล้ไปทั่ว ก่อนหยุดอยู่ที่ซาลาเปาอวบ...ไป๋เจินจูตอนนี้ที่เป็นมารดา เคยผ่านการให้นมบุตร จากรูปร่างผอมบางกลับดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวลขึ้น จับตรงไหนก็ให้ความรู้สึกดี"อะ! ขะ ข้าเปล่าเสียหน่อย! " นางปฎิเสธเสียงแผ่ว แม้สองตาจะแทบลืมไม่ขึ้น แต่ร่างกายกลับขยับไปตามจังหวะของบุรุษที่ทาบทับอยู่ด้านบน ประกอบกับถูกกระตุ้นจากฝ่ามือร้อน แผ่นหลังก็แอ่นขึ้นอัตโนมัตินางกับเขาใช้ชีวิตร่วมกันมาห้าปีแล้ว ไม่รู้ว่านางควรดีใจที่เขายึดมั่นในคำสัญญาว่าจะไม่มีชายารอง หรือนางน้อย ๆ มาให้นางกวนใจ หรือควรสงสารตนเอง ที่แม้เวลาผ่านไปห้าปีแล้ว เขายังขยันอุ่นเตียง รังแกนางทุกค่ำคืนโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย!ต้องโทษที่ตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นตำแหน่งที่ว่าง
ไป๋เจินจูคลอดลูกในเวลาต่อมา เวลานั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศอบอุ่น นางคลอดเจ้าแป้งน้อยสามก้อน เป็นชายทั้งหมด ใบหน้าพิมพ์เดียวกัน สร้างความตื่นตะลึง และยินดีไปทั่วตำหนักองค์รัชทายาท ของขวัญแสดงความยินดีหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ฮ่องเต้และฮองเฮาก็เสด็จมาแสดงความยินดีหลังจากไป๋เจินจูคลอดเด็ก ๆ ออกมาอย่างปลอดภัย นางก็ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ร้องเรียกหาบุตรชายทั้งสาม พร้อมกับบอกความต้องการว่าจะให้นมลูกเอง หลินหลงและแม่นมจึงนำพระโอรสทั้งสามมาส่งที่ห้อง ไป๋เจินจูมองเจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งสามก็ยิ้มทั้งน้ำตา นางค่อย ๆ อุ้มลูกน้อยขึ้น ใช้มืออีกข้างแกะเสื้อคลุมออก แล้วจับลูกน้อยหันหน้าตะแคงเข้าหาอกเสียงจ๊วบ ๆ ดังขึ้นแทบจะทันที ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ หลี่รุ่ยไล่แม่นมและหลินหลงออกไปข้างนอกให้หมด เหลือเพียงเขาและพระชายารัก กับบุตรอีกสามคน เขามองไป๋เจินจูให้นมลูกเงียบ ๆ เมื่อคนแรกอิ่ม คนที่สองอิ่มก็ยกคนที่สามขึ้นมาบ้าง สลับวนเวียนไปอย่างนั้น เขาเดินเข้าไปใกล้นาง เห็นนางเหน็ดเหนื่อย ซูบผอมก็ปวดใจ“ให้ข้าเรียกแม่นมเข้ามาดีหรือไม่ เจ้าจะได้พัก”“ไม่ต้องหรอกเพคะ” ไป๋เจินจูเงยหน้า
ไป๋เจินจูฝัน...นางเดินอยู่บนเส้นทางแห่งหนึ่ง รอบด้านขาวโพลน เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็มองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ปลายทาง นางเร่งฝีเท้าไปใกล้ อยากจะถามหญิงสาวผู้นั้นว่าที่นี่คือที่ไหน“ขออภัย คือข้าอยากจะถาม...” นางมองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีครีม คนตรงหน้ารูปร่างผอมบาง ใบหน้าเล็กเรียว นัยน์ตาโศก เมื่อเห็นการแต่งกายเหมือนหญิงสาวยุคปัจจุบัน ถ้อยคำต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นทันสมัยอัตโนมัติ “ที่นี่ที่ไหนคะ คุณพอจะทราบไหม”หญิงสาวตรงหน้านิ่งเงียบ ไป๋เจินจูจึงถามย้ำอีกครั้ง“คุณคะ...ได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม”“ค่ะ ได้ยิน”ได้ผล คนตรงหน้าตอบกลับ เมื่อตอบนางเสร็จก็เผยรอยยิ้มลึกลับ ไป๋เจินจูรู้สึกขนลุก จนยกมือขึ้นกอดตัวเองยะ...อย่าบอกนะว่า นางเจอผี!“ใช่ ฉันเป็นผี”เสียงหญิงสาวในชุดสีครีมดังขึ้นก้องหูโดยที่ริมฝีปากไม่ขยับ ไป๋เจินจูเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่นางคิดในใจ แต่อีกฝ่ายกลับได้ยิน“เอ่อ...”“เป็นยังไงนิยายที่ฉันแต่ง เธอบ่นว่าไม่สนุก ไร้สมอง แต่เมื่อมาอยู่ในนิยายของฉัน สุดท้ายเธอก็หลงรักพระเอกที่เธออ่านไปด่าไป”“ธะ เธอ เป็นคนแต่งนิยายเรื่องนี้?”“ใช่” หญิงสาวตรงหน้าบอ
ไป๋เจินจูเดินเข้าตำหนักเงียบ ๆ ด้านหลังมีองค์รัชทายาทหลี่รุ่ยเดินตามมาติด ๆ นางได้ยินเสียงฝีเท้าตามไม่ห่างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อ นึกถึงเหตุการณ์ในรถม้าเมื่อครู่หัวใจก็เต้นแรง...เขาสารภาพรักกับนาง...แล้วนางควรทำอย่างไร...“พระชายา...”เสียงองค์รัชทายาทเรียกนาง ไป๋เจินจูหยุดฝีเท้า สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหมุนตัวมาเผชิญหน้า พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่เมื่อได้สบตาคมเข้มของเขา ถ้อยคำที่ตระเตรียมไว้ก็นึกไม่ออก เสียงที่เปล่งออกมาจึงตะกุกตะกัก“ขะ ข้า...”หลี่รุ่ยมองเห็นอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัดของนาง ก็ยิ้มกว้าง เดินตรงเข้ามาแล้วยกร่างบอบบางขึ้น“อ๊ะ” ไป๋เจินจูร้องอย่างตกใจ จู่ ๆ ก็ถูกยกจนตัวลอย นางถูกเขากอดรัดจนเท้าลอยเหนือพื้น “องค์รัชทายาท ท่านเล่นอะไร ปล่อยข้าลงนะ ข้าเวียนหัว”หลุ่รุ่ยได้ยินดังนั้นจึงปล่อยนางลง“ขอโทษ...ข้าดีใจจนลืมตัวไปหน่อย” เสียงของเขานุ่มทุ้ม แววตาที่มองนางเต็มไปด้วยความรักใคร่ “ดีใจ...ที่ความรู้สึกของเราตรงกัน”“ทะ ท่านมัน...หลงตัวเองนัก ข้าไม่ได้พูดแบบนั้นเสียหน่อย”“แค่เจ้าจูบตอบข้า อิงแอบแนบอกข้า ข้าก็รู้แล้ว...” เขาพูดพลางดึงมือนางไปกุม“หย
นางตกตะลึง คิดคำพูดไม่ออกชั่วครู่ เมื่อเห็นเขาจะเดินจากไปจึงได้สติร้องเรียก"เดี๋ยว! ""หืม" บุรุษผู้นั้นหยุดเดิน หันกลับมามองนาง ไป๋เจินจูมองสำรวจ เขาสวมชุดขุนนาง อายุราวยี่สิบปี ใบหน้าคมเข้ม ผิวคล้ำตัดกับฟันขาวสะอาด หน้าตาก็...นับว่าหล่อเหลา เสียแต่ว่าดวงตาดูเจิดจ้าเกินไป นิสัยก็...เหมือนจะมือเติบ เห็นได้จากการควักเงินซื้อสิ่งของให้สตรีตามข้างทาง โดยที่ไม่ได้รู้จัก ดูก็รู้ว่าเป็นคนเจ้าชู้"หลินหลงเอาเงินค่าปิ่นคืนให้เขา" นางสั่งหลินหลง"ข้าไม่รับ ข้าซื้อให้เจ้า" เขาโบกมือ ตั้งท่าจะเดินต่อ ไป๋เจินจูรีบตะโกนบอก"ข้าไม่รู้จักท่าน ทำไมต้องซื้อของให้ข้า หากท่านไม่รับเงินคืน ข้าก็ไม่เอาปิ่นนี้หรอกนะ” นางพูดก่อนวางปิ่นไม้ลงเมื่อนางพูดจบ เขาก็หยุดเดินอีกครั้ง สุดท้ายก็หมุนตัวกลับมา ยื่นมือรับเงินที่หลินหลงเดินไปยื่นให้ เห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับเงินค่าปิ่นคืนไป นางจึงหยิบปิ่นไม้ขึ้น แล้วยิ้มรับคำขอบคุณจากคนขาย เมื่อตั้งท่าจะเดินไปที่อื่นต่อ เสียงบุรุษก็ร้องเรียกขึ้นบ้าง“เดี๋ยว!”นางหันไป“เจ้าชื่ออะไร”ไป๋เจินจูยกนิ้วชี้ใส่ตนเอง “ถามข้า?”“ถามเจ้านั่นแหละ” บรุษผิวคล้ำส่งเสียงอึกอัก “เจ้าเป็นบุต
หลายวันผ่านไป ณ หอสุราหว่าชุน"องค์รัชทายาทมีเรื่องกลุ้มใจอันใด อยู่ดี ๆ ถึงชวนข้ามากินดื่มนอกวัง"องค์ชายห้าหลี่จิ้นยื่นมือรับจอกเหล้าที่ถูกรินไว้รอ เขายกขึ้นจดริมฝีปาก สายตามองบุรุษที่นั่งตรงข้าม บัดนี้หลี่รุ่ยผู้มีฐานะเป็นองค์รัชทายาทนั่งเงียบ ใบหน้าดำคล้ำ เคร่งขรึม ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก"ทะเลาะกับพระชายามาหรือ" เขาวางจอกเหล้าลงแล้วถามไปตรง ๆหลี่รุ่ยเงยหน้ามอง นิ่งไปนานกว่าจะเอ่ยปาก"ข้ามองออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ..." เขาพูดพลางยกจอกเหล้าขึ้นบ้าง "ก็ไม่เชิงว่าทะเลาะหรอก...""ถ้าไม่ทะเลาะ ทำไมท่านจึงมีสีหน้าอมทุกข์เช่นนี้" หลี่จิ้นยื่นใบหน้าไปใกล้ เอียงคอมองอีกฝ่าย "มีพระชายาอายุน้อย ท่านต้องรู้จักเอาใจ ถนอมนางบ้างสิ""แล้วข้าไม่ถนอมนางหรือ" เขาวางจอกเหล้ากระแทกกับโต๊ะเสียงดัง “เรื่องยุ่งยากภายในข้าไม่เคยคิดให้นางมาร่วมกังวล เสด็จพ่อต้องการให้ข้าแต่งชายารองเข้าตำหนัก วางตัวบุตรสาวราชครูฟางไว้แล้ว แต่เพราะข้าถนอมนาง ไม่อยากให้นางต้องมายุ่งกับวังวนอำนาจ ไม่อยากให้นางต้องมาปวดหัว รบรากับสตรีอื่น มากสตรี ก็มากความ ข้าจึงกำชับให้นางปฏิเสธหากถูกถามความเห็น แต่ทำไมนางจึงทำท่าปั่นปึ่งใส่ข้า
"เวลานี้ยังมีหน้ามายิ้ม หึ รัชทายาทหื่นกาม เจ้าช่างหาเรื่องมาให้ข้าเสียจริง! "ไป๋เจินจูยกเท้าขึ้นเตะลม ท่าทางไม่สมกับเป็นบุตรีของอัครเสนาบดี แต่ใครสนกันล่ะ ตอนนี้นางโมโห อารมณ์หงุดหงิด จนอยากใช้กำลังเพื่อระบายอารมณ์!เมื่อเดินจากมาไกลจนถึงหน้าตำหนัก ท่าทางโมโหหงุดหงิดของนางตกอยู่ในสายตาหลินหลง สาวใช้คนสนิทมองผู้เป็นนายด้วยแววตาสงสารเห็นใจ"พระชายาอย่าโกรธเคืององค์รัชทายาทเลยนะเจ้าคะ""ทำไม นี่เจ้าก็เข้าข้างเขารึ" นางหันไปมองอีกฝ่ายตาขวาง "ตกลงใครเป็นนายของเจ้ากันแน่""โธ่ พระชายา ดูท่านพูดสิ" หลินหลงยิ้มเอ็นดูท่าทางแง่งอน ตอนนี้พระชายาดูเหมือนกลับไปเป็นเด็ก ก็ยังเด็กจริง ๆ พระชายาเพิ่งจะสิบห้าปี ก็แต่งให้กับองค์รัชทายาทแล้ว"เฮ้อ"ไป๋เจินจูนั่งลงบนพื้น ไม่สนใจเสียงร้องห้ามของหลินหลง นางยกมือขึ้นกอดเข่า ใบหน้าจมอยู่ตรงกลาง ในหัวปรากฏภาพหลี่รุ่ยรับชายารองเข้าตำหนัก บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข นางยืนมองสวามีเดินเข้าห้องหอด้วยสีหน้ายินดีนางต้องยินดีสิ จะมีคนช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักหน่วงแต่งกับเขาในฐานะพระชายา มีบ่าวรับใช้ปรนนิบัติ ชีวิตที่หญิงสาวทั่วเมืองหลวงต่างอิจฉา แต่นอกจากฐานะสูงศักด
หลี่รุ่ยเห็นนางไม่ปริปากก็ยิ่งทวีความขุ่นเคืองในใจ หากเขาบอกนางว่าเสด็จพ่อให้รับชายารองเข้าตำหนัก อยากจะรู้นักนางจะตอบว่าอย่างไร"ท่านเป็นอะไร หือ" นางเอ่ยถาม เมื่อจู่ ๆ เขาก็ล้มตัวนอนทับนางอีกครั้ง ใบหน้าฝังอยู่บนทรวงอก"เสด็จพ่อมีรับสั่งให้ข้ารับชายารองเข้าตำหนัก..." เขาบอกเสียงอู้อี้กับอกนาง"อ๋อ" ไป๋เจินจูเหม่อมองเพดาน รับคำในลำคอ ชายารองรึ...ก็คือเมียน้อยสินะ ยุคจีนโบราณก็แบบนี้ ยิ่งเป็นองค์รัชทายาท จะมีเมียเดียวคงเป็นไม่ไม่ได้ นางคิด"เจ้า...เห็นด้วยหรือไม่ หากข้ามีชายารอง""ถามข้า? " นางสบตาเขาในความมืด หลี่รุ่ยเงยหน้ามองนาง รอฟังคำตอบ "ข้า...ก็มิได้ว่าอะไรนี่ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ข้า จะเป็นพระชายาที่ดี หากท่านจะรับชายารอง ข้าก็มิขัดข้อง ข้าจะดูแลนางให้ดี จะใจกว้าง ท่านสบายใจได้...""เจ้าจะเป็นพระชายาที่ดี? ""ใช่สิ" นางตอบรับอย่างรวดเร็ว ถึงแม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะดูเยือกเย็นแปลก ๆ "ข้าเห็นด้วยกับท่าน ท่านแต่งชายารองเข้ามาเถอะ""ข้าบอกหรือว่าต้องการแต่งชายารอง..." เขาเลื่อนฝ่ามือขึ้นบีบเคล้นซาลาเปาน้อย ออกแรงจนไป๋เจินจูนิ่วหน้า หลี่รุ่ยรู้สึกต้องการระบายอารมณ์ แต่งเข้ามาเป็นพ
"นิยายบ้า ๆ วัน ๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่อุ่นเตียง""ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ" หลินหลงที่กำลังจัดแต่งทรงผมให้ไป๋เจินจูเอ่ยถาม ด้วยความที่เป็นสาวใช้คนสนิทที่ติดตามมาจากจวน เมื่อเห็นไป๋เจินจูพูดพึมพำ ภาษาที่ได้ยินก็แปร่งหูจึงอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้"ปะ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก" นางรีบกลืนคำพูดที่เหลือลงท้อง ยกมือขึ้นนวดไหล่ตัวเองใบหน้าบูดบึ้ง "ข้าก็แค่...คิดอะไรนิดหน่อย""อย่าดิ้นสิเจ้าคะ..." หลินหลงบอกเจ้านายเสียงนุ่ม มองทรงผมที่นางจัดแต่งอย่างภูมิใจ "เสร็จแล้วเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนู ...พระชายางามมากนะเจ้าคะ ไม่สิ ท่านงดงามอยู่แล้ว""ปากหวาน..." นางอมยิ้ม ใครบ้างจะไม่ชอบเวลาถูกชม ไป๋เจินจู เอียงศรีษะ มองผ่านกระจกอย่างพึงพอใจ"วันนี้พระชายาจะเริ่มจัดระเบียบตำหนักเลยหรือเปล่าเจ้าคะ" หลินหลงถามขึ้น ตั้งแต่แต่งเข้าตำหนักองค์รัชทายาท นี่ก็ผ่านมาเจ็ดวัน เจ้านายตนถึงได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันถูกองค์รัชทายาทกักขังไว้แต่ในห้องหอเจ็ดวันเจ็ดคืน ช่างน่าสงสารพระชายา พอได้มาปรนนิบัติวันนี้ นางก็ต้องแอบทอดถอนใจ...พระชายาเนื้อตัวมีแต่ร่องรอยรักประทับทั่ว ใต้ตาดำคล้ำเหมือนคนอดนอน รูปร่างที่บอบบางน่าทะนุถนอมก็ดูผอมลง อง