ช่วงเวลาดีๆของกัสกับเขื่อนก็มาถึง ทั้งสองได้มาที่ห้องประชุมชมรมละครเวที ซึ่งทุกคนต่างรอคอยว่าสองคนนี้จะเลือกบทละครตัวไหนกัน
“น้องกัสกับน้องเขื่อนตกลงกันได้หรือยังครับ ว่าใครจะเล่นบทอะไร”พีคมองหน้าทั้งกัสและเขื่อนด้วยความอยากรู้
“เราสองคนตกลงกันได้แล้วครับ เขื่อนจะเล่นบทของวิน ส่วนกัสจะเล่นบทของนิว ครับ”เขื่อนเป็นคนพูดส่วนกัสนั่งเฉยๆ ตามนิสัยที่เงียบนิ่งไม่ค่อยพูดเท่าไร
“พี่ก็นึกไว้แบบนี้เหมือนกัน เพราะบทของวินจะเด็ดเดี่ยวเป็นคนตรงมาตรงไป ซึ่งก็เหมาะกับเขื่อน ส่วนบทของนิวจะนิ่งๆลึกน่าจะเหมาะกับกัส เอาล่ะซึ่งเป็นอะไรที่ลงตัวมากเลย ต่อไปให้พี่จีน่ากับพี่เกรซอธิบายบทละครให้ฟังนะ”พีคเอ่ยขึ้น
“บทละครที่พี่ให้ไปนั้นเป็นแค่บางส่วน น้องๆก็จะรู้เรื่องราวแค่เบื้องต้นเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องต่อจากนั้น ทั้งวินและนิวจะแตกหักกัน เพราะรักผู้ชายคนเดียวกัน หลังจากนั้นทั้งสองคนก็จะร้ายใส่กัน มันจะเริ่มสนุกกันตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่เกรซพูดต่อก็แล้วกัน”
“คือบทของวินนั้นจะร้ายตรงๆ ส่วนบทของนิวจะร้ายลึก เบื้องหน้าจะดูเป็นคนดี ถูกกระทำ แต่ลึกๆร้ายเงียบ ซึ่งบทนี้จะเล่นยากกว่าบทของวินมากๆ เพราะต้องเล่นซ้อนอารมณ์ น้องกัสไหวไหม”เกรซหันมามองหน้ากัส เพียงเกรซเห็นหน้ากัสนั่งนิ่งๆ เธอก็มั่นใจทันทีว่ากัสเล่นได้แน่นอน
“คิดว่าเล่นได้ครับ”กัสยิ้มนิดๆ
“เขื่อนล่ะ”เกรซหันมองหน้าเขื่อนที่หน้าตาดุดูเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“ได้ครับ”
“พีคล่ะเล่นได้ไหม”เกรซหันมาถามพีคที่นั่งมองสองหนุ่มแล้วยิ้ม
“ได้สิ สบายมาก”พีคยิ้มอย่างเบิกกว้าง
“พี่พีคเขามือโปรอยู่แล้ว”จีน่าหันหน้ามาแซวเพื่อน
“พูดไปนั่นอย่าไปเชื่อพี่จีน่าน่ะ พี่ก็ไม่เก่งขนาดนั้นหรอก”
“พอๆอีกคนโดนอวย ส่วนคนโดนอวยก็ถ่อมตัว เอาเป็นว่าวันนี้พอก่อน เดี๋ยวพี่ให้บทเต็มไปอ่านน่ะ ซักสองสามวันค่อยมาซ้อมก็ได้ ตอนแรกพี่กะว่าจะให้ซ้อมวันนี้ แต่คิดอีกทีพวกน้องๆต้องไปทำความเข้าใจบทละครกันก่อน”เมื่อเกรซพูดจบก็นำบทละครเต็มเรื่องยื่นให้ทั้งเขื่อนและกัส
“วันนี้น้องสองคนไปไหนหรือเปล่า”พีคเอ่ยถามขึ้น เพราะอยากจะไปสลายพฤติกรรม ทำให้สนิทกันมากขึ้น
“เขื่อนต้องไปทำงานที่ห้างน่ะครับ”
“ขยันจังเลย พี่ก็กำลังจะไปซื้อของที่ห้างเหมือนกัน น้องกัสล่ะจะไปไหนหรือเปล่า”พีคหันหน้ามามองกัส
“กลับห้องครับ”
“ไม่ไปเที่ยวห้างกับพี่เหรอ”
“กัสต้องทำรายงานครับ”กัสไม่กล้าบอกว่ากำลังเขียนนิยาย เพราะเขายังไม่มั่นใจฝีมือตัวเอง ถ้าเกิดรุ่นพี่ขออ่านกัสคงปฏิเสธไม่ได้แน่นอน
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พีคก็ไปส่งเขื่อนที่ห้างส่วนเราจะไปส่งกัสที่ห้องเอง จะได้รู้จักที่พักของน้องๆด้วย”จีน่าหันมามองกัสแล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ตกลงตามนี้น่ะ”พีคเอ่ยขึ้น
ใจจริงกัสก็อยากที่จะไปเที่ยวกับพีคในห้าง แต่เขายังติดพันเขียนนิยายอยู่ ถ้าเกิดกัสไปเที่ยวกับพีคอาจจะทำให้นิยายของเขาจบช้าลงไปอีก แต่กัสก็รู้สึกอิจฉาเขื่อนเล็กๆที่ได้ไปเที่ยวกับพีค แต่ด้วยความฝันใฝ่อยากมีนิยายเป็นของตัวเองสักเรื่อง เขาจึงเลือกที่ปฏิเสธและกลับห้องโดยมีเกรซไปส่ง
เมื่อกัสมาถึงที่ห้องเขาก็รีบทำธุระเส่วนตัวทันที หลังจากนั้นเขาหยิบบทละครขึ้นดู แค่เห็นชื่อเรื่อง ฉันหรือเธอที่เผลอใจ กัสก็อยากจะอ่านทันที แต่ความต้องการเขียนนิยายมีมากกว่า กัสจึงวางบทละครทิ้งไว้ และหันไปที่แป้นพิมพ์เพื่อลงมือเขียนนิยายต่อทัน
ยิวนั่งซึมและหวาดกลัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หลังจากวิ่งตามแม่ทัพวิศรุฒจนหกล้มเท้าแพลง จึงทำให้ยิวไม่สามารถเดินตามแม่ทัพวิศรุฒทัน ยิวจึงทำได้แต่นั่งอยู่เพียงลำพัง ในค่ำคืนอันโหดร้ายสำหรับเขา
ฟ้าเริ่มร้องฝนเริ่มโปรยปราย ยิวไม่สามารถเคลื่อนร่างกายไปไหนได้ ถึงเขาจะเดินได้แต่ก็ไม่รู้หนทางอันมืดมิดนี้ ไม่ว่ายิวจะตกอยู่ในสถานะอะไร เขาก็หมดหนทางเดินไปข้างหน้า ฝนเริ่มตกหนักขึ้นจนทำให้ร่างกายของยิว เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน พร้อมกับน้ำตาไหลรินรวมเป็นสายเดียวกัน ยิวไม่รู้จะทำอะไรต่อจากนี้ เขาได้แต่นั่งยกเข่าสูงและก้มหน้าชันเข่า
“ทำไมไม่หาที่หลบฝน”เสียงเข้มๆห้วนๆ ดังขึ้นข้างหลังของยิว เขาจึงรีบหันไปมองซึ่งเป็นแม่ทัพวิศรุฒยืนเปียกน้ำฝนเช่นเดียวกับเขา
“จะให้ไปไหนได้ล่ะ เราหกล้มจนเท้าแพลงเดินไม่ได้”
“ไหนข้าขอดูหน่อยซิ”แม่ทัพวิศรุฒก้มลงดูเท้าของยิวที่บวมแดง
“นายทำข้าเจ็บนายต้องรับผิดชอบด้วย”
“ก็ได้ ขี่หลังข้าก็แล้วกัน”
แม่ทัพวิศรุฒนั่งยองๆหันหลังให้ยิว เพื่อจะให้ยิวได้ขี่คอ เพราะเขารู้สึกผิดอย่างมาก ที่ทำรุนแรงและทิ้งยิวในครั้งนี้ ยิวขยับตัวเข้าใกล้แม่ทัพวิศรุฒและใช้สองแขนคล้องคอไว้ ส่วนแม่ทัพวิศรุฒจับสองขาของยิว หลังจากนั้นเขาพยุงตัวลุกขึ้นรีบเดินผ่ากลางสายฝน ไปยังสถานที่หลบฝนไม่ไกลจากป่าแห่งนี้
แม่ทัพวิศรุฒพายิวมายังถ้ำอันมีแสงสว่างจากไฟ ที่ก่อจากกิ่งไม้หลายอันสุมวางทับกันจนเกิดประกายไฟเจิดจ้า แม่ทัพวิศรุฒวางร่างของยิวไว้ข้างๆกองไฟ
“ข้าดูตีนอีกทีซิ”
“อยากดูก็ดูซิ”ยิวแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
แม่ทัพวิศรุฒจับเท้าของยิวและค่อยๆลูบ เพราะเขามีแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง โดยไม่ให้ยิวได้รู้ตัว
“ตีนของเอ็งเล็กมากเลย”
“ฮือ”
เมื่อแม่ทัพวิศรุฒเห็นยิวเผลอ เขาจึงจับข้อเท้าที่พลิก ทำการกระตุกให้เข้าที่อย่างเดิม จนเสียงดังเปาะ ยิวเจ็บสุดขีดตกใจจนหวีดร้องสุดเสียง
“โอ๊ย นายจะฆ่าเราหรือไง”ยิวจับเท้าของตัวเอง
“ไม่ได้ฆ่าเอ็ง แต่ช่วยเอ็ง ยังไม่สำนึกอีก”
“ช่วยอย่างไง”
“ก็ลองขยับตีนดูซิ”
ยิวทำตามคำของแม่ทัพวิศรุฒ ขยับเท้าไปมาและลุกขึ้นยืนเดิน ยิวไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย เขาดีใจมากจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองหน้าแม่ทัพวิศรุฒ
“ขอบใจนายมากนะ นายเก่งจริงๆท่านแม่ทัพ”
“ไม่ต้องมาขอบใจหรอก ข้าทำไปเพื่อมนุษยธรรมต่างหาก”
“ก็นั่นแหละ จะเพื่ออะไรก็แล้วแต่ อย่างไงเราต้องขอบใจนายมากๆ”
“แล้วแต่เอ็ง”
ยิวยืนยิ้มสักพัก หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงข้างๆแม่ทัพวิศรุฒที่เปลือยท่อนบน เผยเห็นมัดกล้ามชัดเจนจนยิวต้องหันสายตาไปทางอื่น
“ถอดเสื้อนั้นทิ้งไปซะ มันขาดรุ่งริ่งไปหมดแล้ว”แม่ทัพวิศรุฒรำคาญนัยลูกตา เสื้อผ้าที่ฉีกขาดของยิว
“ถอดแล้วจะใส่อะไรล่ะ”
“ก็ไม่ต้องใส่ไง ผิงไฟก็คลายหนาวได้ ถ้าเอ็งอยากใส่ก็ตามใจ ป่วยขึ้นมาข้าไม่พาไปรักษานะ จะปล่อยให้ตายอยู่ในถ้ำนี่แหละ”
“ใจร้าย”
“ถ้าข้าใจร้ายคงไม่พาเอ็งมาที่นี่หรอก”
“เราอยากรู้จังทำไมนายกลับมารับเราอีก”ยิวถอดเสื้ออกตามคำของแม่ทัพวิศรุฒ
“ก็ข้า คือเอ่อ”
แม่ทัพวิศรุฒหันหน้ามาได้จังหวะพอดี ที่ยิวถอดเสื้อออกจนหมด เผยเห็นผิวขาวเนียนใสไร้ริ้วรอย มัดกล้ามที่แขนและหน้าอกก็ไม่มี ส่วนหน้าท้องแบนราบหาพุงไม่เจอ แม่ทัพวิศรุฒมองขึ้นบนอีกครั้ง เขามองที่แผ่นอกของยิว เพื่อดูหัวนมสีชมพูอ่อนๆ เพียงแค่ได้เห็นใจของแม่ทัพวิศรุฒถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ
“มัวมองแต่เราอยู่นั่นแหล่ะ ยังไม่บอกเลยว่ามารับเราทำไม”
“ข้าอยากรู้ว่าสถานที่เจ้ามา ผู้ชายมีเมียเป็นผู้ชายจริงเหรอ แล้วเขาทำกันอย่างไง”
“มาถามแค่นี้น่ะเหรอ ก็นึกว่าอยากมีเมียซะอีก”ยิวอมยิ้ม
“ก็ใช่น่ะสิ ข้าอยากมีเมียใจจะขาด เพราะตั้งแต่โตเป็นหนุ่มข้ายังไม่ได้สัมผัสผู้หญิงใดเลย เพราะมัวแต่ออกรบทำศึกสงคราม กลับไปครานี้แม่ของข้า เตรียมเมียไว้ให้ข้าได้สมรสแล้วด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีนี่ ไม่ต้องมีหรอกเมียผู้ชาย”
“ข้าอยากลองดู ลองแบบลับๆ ไม่ต้องบอกใคร”
“ทำตรงนี้ไม่ได้มันกลางป่ากลางเขา”
“ข้ายังไม่บอกเลยว่าจะทำที่นี่ เอ็งนี่คิดอุบาทว์ ข้าหมายถึงกลับไปถึงบ้านเมืองข้าก่อน”
“อ่อ”ยิวโล่งใจ ถึงเขาจะชอบผู้ชายแต่จะให้มีความสัมพันธ์กับคนที่ไม่ได้รัก ยิวก็ไม่อยากจะทำ แต่ถ้ามันจำเป็นจริงๆยิวก็พร้อมใจที่จะทำ เพื่อเอาตัวรอดจากเมืองสมมุติในนิยายที่เขาอ่าน
“อีกไม่นานก็จะสว่าง ไม่ต้องนอนหรอก เพราะเราต้องรีบเดินทางออกไปจากที่นี่โดยเร็ว”
“ไปที่ไหนเหรอ”
“บ้านเมืองของข้าไง”
“แล้วทหารของนายล่ะ”
“ป่านนี้น่าจะเดินทางนำพวกเราไปแล้วแหละ”
“ถ้าเราไปบ้านเมืองของนาย ให้เราไปในฐานะอะไรล่ะ”
“เมียข้าไง”
“ฮ่ะ ท่านแม่ทัพพูดจริงเหรอ ท่านแม่ทัพไม่อายทหารและผู้คนใช่ไหม”
“อายสิ”
“อาย ยังจะเอาเราทำเมียอีกเหรอ”
“อย่าพึ่งพูดเรื่องนี้เลย เอาไว้ถึงบ้านเมืองข้าก่อนค่อยว่ากันอีกที แต่ไม่ต้องกลัวหรอกข้าเอาเอ็งเป็นเมียแน่ๆ ข้าอยากรู้ใจจะขาดแล้วว่าเขาทำกันอย่างไร”
“ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ แต่ตอนนี้หาเสื้อผ้าให้เราใส่ก่อนได้ไหม”
“ใช่ เอ็งต้องใส่เสื้อผ้า เพราะผิวพรรณเอ็งยังกับผู้หญิง ถ้าถอดเสื้อเดินป่าคงลายเต็มตัว เมียข้าจะโดนอะไรกัดขีดข่วนไม่ได้ เดี๋ยวตอนเช้าข้าจะไปหาเสื้อมาให้เอ็งใส่”
ยิวนั่งมองแม่ทัพวิศรุฒที่จริงจังกับการมีเมียมาก ซึ่งยิวก็เข้าใจดีเพราะแม่ทัพวิศรุฒมัวแต่ทำศึกสงครามจนลืมความสุขส่วนตัว เมื่อมีโอกาสที่จะได้รับสัมผัสแห่งสุข เขาคงไม่ปล่อยโอกาสนั้นทิ้งไป ถึงแม้โอกาสนั้นอาจจะได้เมียที่เป็นผู้ชาย
คืนนี้เขื่อนเลิกงานตามปกติ แต่มีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้ง เพียงเขื่อนก้าวเท้าออกจากร้านอาหาร หลังเลิกงานในช่วงเวลาสามทุ่มเศษ เขื่อนเลิกงานซะทีพี่รอตั้งนาน”พีคเอ่ยขึ้น “พี่พีค เขื่อนนึกว่าพี่กลับบ้านไปแล้วซะอีก”เขื่อนมีสีหน้าที่ประหลาดใจ “จะให้กลับได้ไง ในเมื่อพี่มาส่งเขื่อนก็ต้องรอรับกลับซิ “ “เขื่อนเกรงใจพี่ ไม่น่ารอรอรับเลย เสียเวลาพักผ่อนของพี่พีคแย่เลย” “ไม่เสียวเวลาหรอก พี่กลับไปบ้านก็ไม่ได้ทำอะไร อยู่นี่เดินเที่ยวห้างแล้วมารับน้องเขื่อนกลับบ้านดีกว่า” “ขอบคุณพี่พีคมากนะ” “มัวแต่ขอบคุณไม่ได้กลับกันซะที ไป เดี่ยวพี่ไปส่งที่ห้อง” “ครับพี่พีค” พีคได้ขับรถมาส่งเขื่อนยังห้องพัก ในระหว่างทางพีคได้ชวนเขื่อนคุยหลายเรื่อง ซึ่งทำให้เขื่อนมีความรู้สึกที่ดีต่อพีคมากขึ้น “อ่านบทไปบางส่วน เขื่อนคิดอย่างไงกับบทนี้” “บทดีนะ ทั้งของเขื่อนและกัส แต่ของกัสจะลึกกว่าเล่นยาก ส่วนของเขื่อนเป็นคนตรงแสดงออกมาตรงๆ คือมันง่ายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ”
กัสกำลังเดินกลับห้องเช่าด้วยอารมณ์ไม่มีความสุขเท่าไร เพราะยังค้างคาอยู่ไม่หายหลังจากหงุดหงิดเมื่อคืน ในระหว่างกำลังออกจากประตูรั้วมหาวิทยาลัย เขาก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย “กัสขึ้นมาบนรถเร็ว พี่จอดได้ไม่นาน” กัสไม่มีเวลาคิดอะไร เพราะเขามองไปด้านหลังมีรถจอดรถสองสามคัน กัสจึงวิ่งอ้อมไปข้างหน้าขึ้นไปบนรถ หลังจากนั้นพีคก็แล่นรถออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัย “ทำไมวันนี้เดินคนเดียวล่ะ”พีคเอ่ยขึ้น “เขื่อนไปทำงานครับ” “เอ่อ ใช่ พี่ก็ลืมไปเลย ดีเหมือนกันพี่จะได้ส่งกัสที่ห้อง” “พี่พีคไม่น่าลำบากเลย เพราะกัสขึ้นรถเมล์กลับเป็นประจำอยู่แล้วนี่” “พี่อยากทำความรู้จักกับกัสให้มากขึ้น เพราะเราต้องเล่นละครด้วยกันอีกหลายเดือน” “กัสไม่น่ามีอะไรให้รู้จักหรอก กัสเป็นคนแบบนี้แหละ ใครๆเห็นก็รู้ว่าเป็นคนอย่างไง” “ไม่ได้หรอก พี่ต้องรู้ให้ลึกรู้ให้จริง รู้ให้ถึงใจของกัสว่ากำลังคิดอะไรอยู่”พีคหันมายิ้มให้กัส “จะรู้ใจของกัสไปทำอะไรกันล่ะครับ” “ต้องรู้สิ เพราะในละครเวทีเราเล่น
กัสกับเขื่อนรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะวันนี้เป็นวันแรก ที่ทั้งสองต้องมาซ้อมบทละครกัน ซึ่งเขื่อนจะรับบทวินส่วนกัสรับบทนิว ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน และได้แอบหลงรักผู้ชายคนเดียวกันคือมีนรับบทโดยพีครุ่นพี่ชมรมละครเวที โดยมีเจนนี่เป็นผู้กำกับส่วนเกรซเป็นแอ็คติ้งโค้ช “ฉากแรกเป็นฉากพบรัก วินเดินมาชนมีนหน้าคณะวิศวะ เมื่อทั้งสองเดินชนกันปุ๊บ สายตาจะประสานจ้องมองกัน”เจนนี่อธิบายฉากต่างๆ โดยละเอียดให้ฟัง ส่วนเกรซนั้นจะมาสอนการแสดงอินเนอร์ที่ออกมาจากข้างใน กัสนั่งดูเขื่อนกับพีคอย่างมีนัยแอบแฝง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเป็นการแสดง แต่ในส่วนลึกของจิตใจเขายังแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับการแสดง ยิ่งเห็นพีคประคองร่างไม่ให้เขื่อนล้มลง กัสถึงใจสั่นโดยไม่รู้สาเหตุ “โอเค ผ่าน”เจนนี่สั่งหยุดทันที เมื่อเขื่อนและพีคเล่นฉากนี้จบ ในช่วงเวลานี้กัสยังเหม่อลอยมองเขื่อนและพีคด้วยความสับสน กัสยืนนิ่งใจล่องลอยไปไกล จินตนาการว่าถ้าเป็นตัวของเขาเองจะเล่นฉากนี้อย่างไร “น้องกัส ถึงคิวน้องต้องแสดงแล้วนะ มัวเหม่ออะไรอยู่พี่เรียกตั้งนานแล้วนะ”เจนนี่เดินเข้ามาใกล้ๆกัน
วันนี้กัสไม่มีบทซ้อมละครเพราะเป็นคิวของเขื่อน จึงทำให้ค่ำคืนนี้กัสรู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็ยังมีความหวังในวันพรุ่งนี้ เพราะกัสกับพีคจะซ้อมบทละครกันเพียงสองคน เพราะตามเนื้อเรื่อง นิวกับวินเป็นเพื่อนรัก และรักผู้ชายคนเดียวกัน ต่างคนต่างไม่รู้ว่าผู้ชายที่เขาทั้งสองมอบความรักให้นั้น เป็นคนเดียวกันจึงทำให้ทั้งสองได้แตกหักในเวลาต่อมา อย่างมองหน้ากันไม่ติดทีเดียว เมื่อกัสมาถึงห้องเขาจึงไม่รอช้า ใส่จินตนาการในนิยายของเขาด้วยอารมณ์ในขณะนี้ ก่อนเริ่มลงมือเขียนกัสสองจิตสองใจ กับเนื้อเรื่องที่ร่างไว้กับใส่ใหม่ ในที่สุดกัสตัดบทร่างเดิมทิ้งไปหมด เริ่มต้นเขียนตามอารมณ์ความรู้สึกทันที เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมยังไม่หยุดตามราวียิว ผู้ซึ่งทำให้เขาได้รับความอับอายในใจ ที่หลงผิดคิดว่ายิวเป็นหญิงสาวรูปงาม เสือเข้มจึงบุกป่าฝ่าดงจนพบแม่ทัพวิศรุฒกับยิว เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา เขาเห็นทั้งสองออกมายืนอยู่หัวเรือ เสือเข้มจึงได้แต่รอเวลาโดยขี่ม้าตามสายน้ำในป่าไม่ลึกมาก จวบจนมืดค่ำเขาก็ได้เห็นเรือจอดริมฝั่ง เพื่อพักผ่อนยามค่ำคืน เสือเข้มผู้อำมหิตและมีเลห์กลเพทุบายหลากหลาย เข
เย็นนี้เป็นคิวของกัสที่รับบทวิน ซึ่งเป็นฉากมีนพาวินไปเที่ยว มีความคล้ายคลึงเมื่อวานที่มีนพานิวไปเที่ยว โดยความเป็นคนเจ้าชู้และมนุษย์สัมพันธ์ดีของมีน เขาจึงเริ่มคบทีเดียวสองคนทั้งวินและนิว เมื่อกัสและพีคซ้อมฉากไปเที่ยวเสร็จ พีคจึงต้องมาส่งกัสเช่นเดิมเหมือนอย่างที่มาส่งเขื่อนเมื่อคืน แต่มีสิ่งที่ไม่เหมือนกันคือพีคไม่ได้พากัสไปกินข้าว ในระหว่างที่อยู่ในรถกัสนั่งนิ่งเงียบ และรู้สึกแปลกใจทำไมพีคถึงไม่ทำเช่นเดียวกันเหมือนอย่างเขื่อน “วันนี้น้องกัสเก่งมากเลยนะ เล่นดีมากพี่เกรซไม่ต้องสอนเท่าไร พี่เจนนี่ยังชมกัสไม่ขาดปากเลย” “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”กัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะรู้สึกเคืองพีคเล็กน้อย “อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย พี่ว่าถ้าเรียนจบกัสไปเป็นนักแสดงได้นะ” “ไม่หรอกครับ กัสมีงานที่อยากทำอยู่แล้วครับ” “งานอะไรล่ะ” “ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ครับ รอให้กัสทำสำเร็จก่อนเดี๋ยวจะบอกพี่พีคเป็นคนแรก” “พี่ก็นึกว่าจะบอกเขื่อนเป็นคนแรกซะอีก” “เขื่อนเขารู้อยู่แล้วว่ากัสทำอะไร แต่พี่พีค
วันหยุดนี้เขื่อนได้ออกไปจากห้องเช่าในขณะที่กัสยังไม่ตื่น เมื่อเขารู้สึกตัวก็พบแต่ความว่างเปล่า กัสไม่สามารถดาดเดาได้ว่าเขื่อนนั้นได้ไปไหนกับใคร แต่กัสก็ไม่สนใจอะไรเพราะในวันนี้เขาจะเขียนนิยายต่ออีกหลายตอน กัสจึงเริ่มต้นเขียนช่วงสายๆ หลังจากยิวและจันเด็กน้อยที่พึ่งรู้จักเดินตามขบวนจนจวบช่วงเวลาเย็น ซึ่งในตอนนี้นี่เองทุกคนต้องออกหาอาหารมากินเพื่อประทังชีวิต “พี่ชื่ออะไรน่ะ” “พี่ชื่อ เอ่อ โสภณ”ยิวไม่อยากบอกชื่อจริงออกไป เพราะเขาคิดว่าจันเด็กน้อยคนนี้อาจสงสัยอีกว่าทำไมไหมชื่อแปลก ยิวขึ้เกียจตอบคำตอบจึงเอาชื่อไม่แท้ที่เคยปลอมตัวมาเป็นชื่อของตัวเอง “ชื่อยังกับองค์ชาย”จันยิ้มร่ามองยิว “แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ” “จัน” “จัน แล้วเราจะหาอะไรกินกันดีล่ะเย็นนี้” “เอาของมีค่าไปแลกก็ได้” ยิวยืนทำตาปริบๆเพราะเขาอดเสียดายแหวนทองเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ของเขาก็ตามที และรู้สึกผิดที่เอาของคนอื่นมาขายแลกอาหารประทังชีวิต “ถ้างั้นพาพี่ไปซื้ออาหารหน่อยได้ไหม แต่ดูของมีค่าของพี่ก่อนได้
เมื่อชายหนุ่มทั้งสองได้เดินจากไป ยิวรีบไปหาจันทันที พอเขาเห็นจันแค่นั้นแหละยิวแท่บน้ำตาไหล เพราะร่างกายของจันฟกซ้ำดำเขียว แล้วยังมีรอยผิวหนังไหม้เกรียมอยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นท่อนแขนและขา “จันเจ็บมากไหม”ยิวกอดร่างของจันไว้อย่างเอ็นดู “พี่ก็เจ็บด้วยใช่ไหม”จันร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ใช่พี่ก็เจ็บ แต่พี่โตแล้วและไม่ได้โดนหนักอย่างจัน แต่จันไม่ต้องกลัวนะอดทนเข้าไว้ พอไปถึงเมืองศิลานคร พี่จะให้ท่านแม่ทัพวิศรุฒหาหมอเก่งๆมารักษาจันเอง” “ขอบคุณพี่โสพลมากเลยครับ” ยิวไม่รู้จะจัดการกับแผลของจันอย่างไร เขาได้เพียงแต่หาผ้ามาพันแผลไว้ และในช่วงเวลาเดียวกันยิวต้องพาจันเดินทางไปยังเมืองศิลานครกับกลุ่มคนพวกนี้ด้วย ถึงแม้จะหิวปานใดทั้งสองก็ต้องอดทนเพื่อความอยู่รอดให้ได้ และเมื่อยิวได้ยินว่าอีกสองวันก็ถึงเมืองศิลานคร เขาดีใจอย่างมาก แต่ยิวก็ไม่รู้จะทนความหิวได้นานแค่ไหน เพราะตอนนี้เขาไม่มีอะไรเหลือที่พอจะขายได้เลย “ออกเดินทางได้แล้ว”หัวหน้าขบวนตะโกนเสียงดัง “เดินไหวไหมจัน” “ข้าเดินไหวอยู่แผลแค่
ในวันนี้กัสต้องอยู่ในมหาวิทยาลัย เพื่อซ้อมบทละครสองฉากสำคัญ ซึ่งซ้อมเฉพาะฉากของกัสกับพีคแค่นั้น ส่วนเขื่อนได้ซ้อมไปทุกฉากแล้วที่เข้าคู่กับพีค “น้องกัสวันนี้เป็นซ้อมใหญ่ฉากของนิวและมีนไหวไหม”เจนนี่ผู้กำกับละครเวทีพูดขึ้นด้วยความมั่นใจในความสามารถของกัส “ไหวครับ” “พีคล่ะ ไหวไหมซ้อมหนักทุกวัน”เจนนี่อมยิ้มนิดๆให้กับพีคเพื่อนหนุ่ม “โอ๊ย สบายมากยิ่งได้เล่นกับกัสเข้าขากันดี” กัสฟังคำพูดของพีคแล้วรู้สึกทะแม่งในใจ เพราะเขาและพีคไม่ได้สนิทกันเลย แค่ไปส่งที่ห้องเช่าอย่างเดียว ไม่เคยไปไหนมาไหนกับพีคเหมือนเขื่อน “เอาล่ะ เริ่มเลยนะ เอาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลย” “ครับกัสรับคำ” นิวนักศึกษาหนุ่มกำลังเดินตามหาวินที่คณะ เขาจึงไม่ได้มองทางเดินเท่าไรนัก เพราะใจของเขาอยากจะไปเจอเพื่อนไวๆ นิวจึงไม่ทันระวังจนไปชนนักศึกษาหนุ่ม จนร่างของขาเซล้มลงกับพื้น “โอ๊ย”นิวร้องด้วยตกใจและเจ็บก้นกบ “ผมขอโทษไม่ได้ตั้งใจ”มีนนักศึกษาหนุ่มนั่งยองๆยื่นมือให้นิว เพียงนิวเงยหน้ามองมีนเขาถึ
เป็กผู้ช่ำชองในยามราตรี เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ศุกร์เสาร์ทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวตัวยงที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ นอกจากพ่อรวยรูปหล่อสายเปย์อีกต่างหาก จึงมีหลายคนเข้ามาพัวพันไม่ขาดสาย เมื่อเป็กพายิวมาเที่ยว จึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองด้วยความอิจฉา แต่ยิวหาสนใจไม่ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นชินในโลกปัจจุบันเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น“เป็นไงบ้างมาเปิดหูเปิดตา” เป็กยื่นแก้วเพื่อชน“ก็โอเคนะ เป็นครั้งแรกที่เราได้มา รู้สึกว่าน่าสนใจกว่าเมืองโบราณอีก” ยิวเผลอคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ออกมา“เมืองโบราณอะไร” เป็กมีสีหน้าที่มึนงง“อ่อ เปล่า สนุกดีเราไปเต้นกันไหม”“อะไรนะ เราไม่อยากเชื่อเลยนายจะชวนเราไปเต้น นายเปลื่ยนไปหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายว่ะ” เป็กหัวเราะ“ไม่ได้เปลื่ยนนี่แหละตัวจริง ที่เห็นก่อนหน้านี้ตัวปลอม แอ๊บไว้ไงแต่ไม่เห็นมีใครชอบเลย เป็นตัวของตัวเองดีกว่า” ยิวเสแสร้งแกล้งพูดเพราะในความจริงเป็นร่างของคนอื่น เพียงแต่เขาแค่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้เท่านั้น“ร้ายนะ แกล้งเงียบถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้เราจีบตั้งนานแล้ว”“อะไรนะ” ยิวรู้สึกมึนงงและสับสนกับคำพูดของเป็ก“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ เ
กัสนั่งนิ่งๆ ก่อนที่จะไปท้องพระโรง เขาคิดย้อนเหตุการณ์เมื่อเสือเข้มพามาถึงยังหมู่บ้านกองโจร ซึ่งคนละที่กับซุ้มเสือเข้ม เพียงแค่เข้าไปถึงแม้จะไม่ประหลาดใจ แต่ก็ต้องอึ้งกับผู้คนในที่แห่งนี้ ที่มีหลากหลายอายุคละกันไป และมีการฝีกปรือฝีดาบอย่างขะมักเขม้น แต่เขาก็พยายามมองผ่านและเดินตามเสือเข้าไปข้างใน“แม่นมข้ากลับมาแล้ว” เสือเข้มวิ่งเข้าไปกราบแท่บเท้าของ มัณฑนานางกำนัลเก่าแห่งเมืองเมฆาบุรี“หายไปนายมากเลยนะ แม่อดคิดถึงเอ็งไม่ได้เลย เอ้า แล้วพาใครมาด้วยล่ะนะ” มัณฑนามองมายังกัสที่ยืนนิ่ง แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของมัณฑนาเขาก็ต้องนั่งลงแต่โดยดี“เพื่อนข้าเอง” เสือเข้มอมยิ้ม“เพื่อนเอ็งเป็นใครกัน ทำไมผิวพรรณยังกับคนในรั้วในวัง รูปร่างก็บอบบางยังกับอิสตรี เอ็งไปรู้จักกับเขาได้อย่างไรกัน”“ข้าเจอโดยบังเอิญชื่อโสภณ เป็นโอรสลับๆ ของสนมแห่งเมืองโสรยานคร”กัสรู้สึกประดักประเด่อพอสมควร เพราะเขากับเสือเข้มได้ตกลงตอนเดินทางมาที่แห่งนี้ ความคิดเช่นเดิมได้เกิดครั้งแรกที่เขาได้เจอแม่ทัพวิศรุฒ แต่ได้ปดมดเท็จว่าเป็นองค์ชายโสภณ กัสจึงทำตามเช่นเคยซึ่งเสือเข้มก็เห็นพ้องไม่ทัดทาน“อ่อ องค์ชายตกยาก คงจะเป็นคนองค์ชา
ยิวหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดดูแต่เป็นที่น่าเสียดาย มันสามารถที่จะติดได้เนื่องจากวันนั้นล้มกระแทกจนเสียหาย ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะเขาต้องทำงานส่งอาจารย์ และอีกอย่างหนึ่งด้วยความอยากรู้ว่ากัสได้บันทึกหรือทำอะไรไว้ในนี้บ้างยิวจึงพับโน๊ดบุ๊คไว้ตามเดิม และกะว่าช่วงเย็นจะเอาไปซ่อม แต่ติดปัญหาคือเขาไม่มีเงินพอที่จะนำไปซ่อม เขาจึงหยิบโทรศัท์มือถือของกัสมาเปิดดู ซึ่งได้ล็อครหัสไว้จึงทำให้ไม่สามารถเปิดได้ มีเพียงรับสายอย่างเดียวแค่นั้น ยิวจึงลองนำวันเดือนปีเกิดของกัสมาใส่ ซึ่งก็ได้ผลทันทีมือถือเครื่องนี้ปลดรหัสได้ แต่นั่นไม่เท่ากับภาพหน้าปกเป็นรูปของพีค ยิวจึงเกิดความอยากรู้ต่อไปเขาจึงเปิดดูในแกเลอรี่ ซึ่งในนั้นมีแต่ภาพพีคเต็มไปหมดดวงตาอันกลมโตของยิวได้หลับลง พร้อมจินตนาการเรื่องราวของกัสว่าเป็นอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้ ซึ่งในหัวของเขาก็เห็นแต่หน้าพีคอยู่เพียงผู้เดียว พอเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบดูทันทีซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นพีคนั่นเอง“อยู่ห้องไหมน้องกัส”“อยู่พี่พีคมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่โทรถามเฉยๆ ถ้าอยู่พี่จะไปหา”“พี่มีธุระอะไรเหรอ”“จะไปหาต้องมีธุระด้วยใช่ไหม”“เป
นางกำนัลสาลินีได้นำพาพระโอรสของราชาเมษากับราชินีสีวิกา เดินลัดเลาะหลบมุมตลอดทาง จนมาถึงข้างๆ ตำหนักของชายามาริสา เธอรออยู่พักหนึ่งมันฑนานางกำนัลร่วมรุ่นมาพร้อมพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสา“ข้ารอตั้งนานนึกว่าเอ็งไม่มาแล้ว ยังดีที่พระโอรสไม่ร้องเลย” นางกำนัลสาลินีเอ่ยขึ้นด้วยใจระทึกมองซ้ายมองขวา แล้วมององค์ชายแสนอาภัพที่เธออุ้มมา“เอาน่าอย่าพูดมากเลยเอาเด็กมาสลับกัน” นางกำนัลนำพระโอรสที่ซ่อนมาในตะกร้าผ้าออกมานางกำนัลสาลินีและนางกำนัลมัฑนาต่างสลับพระโอรสกันตรงนั้น แต่สายตาทั้งสองก็ไมวายมองรอบๆ บริเวณ ด้วยความกลัวใครจะมาพบเห็น“เอ่อ เอ็งออกมาได้อย่างไงไม่มีทหารเหรอ” นางกำนันสาลินีถาม“มี แต่ทหารที่เฝ้ารู้จักกันก็เลยพอเอาออกมาได้”“เอ้านี่ คือแหวนที่มเหสีสีวิกามอบไว้ให้องค์ชาย”“อือ”มัณฑรับแหวนไว้แล้วรีบพาองค์ชายเข้าไปในพระตำหนักอย่างทันท่วงที ส่วนสาลินีไม่รอช้ารีบน้ำองค์ชายที่สลับเปลื่ยนไปยังตำหนักราชินีสีวิกาเช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหลบเหล่าทหารที่กำลังออกตระเวนเมื่อสาลินีมาถึงยังตำหนักของราชินีสาลินี เธอรีบน้ำพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสาวางไว้ข
หนึ่งหนุ่มกับสาวอีกคนนั่งมองหน้ากันในห้องชมรมละคร หลังจากนักศึกษาในชมรมนี้ออกไปไปหมดแล้ว เจนนี่ผู้กำกับสาวนั่งนิ่งมองหน้ายิวอยู่พักหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่มองอยู่นั้น ได้เห็นแววตาอันเปลื่ยนแปลงไป เพราะมีความสู้คนและเปิดเผยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด“วันนี้น้องกัสเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมการแสดงของน้องแปลกไป และไม่เข้ากับบมที่ได้รับ”“เปล่าครับ ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง”“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องนะ แต่พี่อยากบอกว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับการแสดงให้มาก คือเมื่อก่อนกัสอินกับละครจนไม่สามารถที่จะออกจากบทนั้นได้ แต่ทำไมตอนนี้กัสไม่อินเหมือนเดิมกลับกันเป็นคนละคนเลย”ยิวอยากจะเถียงแต่เขาก็ต้องเก็บกลั้นอามรมณ์นั้นไว้ เพราะในตอนนี้เขาได้เขามาอยู่ในร่างของกัน ซึ่งจากการคาดคะเนของยิวนั้น กัสน่าจะมีนิสัยที่แตกต่างจากเขาอย่างมาก“ครับ” ยิวรับคำแต่โดยดีและไม่พูดสิ่งใดออกมา“ดีแล้ว พี่จะให้กัสพักสองวันนะเพื่อลองทบทวนอะไรบางอย่าง กลับได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำจะอันตราย”“ขอบคุณพี่มากครับ” ยิวยกมือไหว้พร้อมกับศีรษะให้เจนนี่ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และไม่หันหรือหยุถเดินแต่อย
กัสเดินเข้ามาในตำหนักว่างเปล่าที่มีผู้คนคอยรับใช้อย่างมากมาย ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต่อไปนี้ไม่น่าจะลำบากกาย แต่อันตรายนั้นน่าจะอยู่รอบตัวเขาอย่างแน่นอน กัสจึงหวั่นผวากลัวอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอนกจากทนและจำยอมมาในที่แห่งนี้ พร้อมกับเสือเข้มผู้องอาจ และท่านอำมาตย์มงคลผู้มีแผนการอันแยบยล“เอ็งจำไว้นะว่าชื่อเมธี เป็นรัชทายาทแห่งเมืองเมฆาบุรี เป็นพระราชโอรสของอดีตราชาเมษากับราชินีสีวิกา” อำมาตย์มงคลพูดจบก็หันไปมองกัสที่นั่งนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ“ส่วนองค์ชายตัวจริง กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ต้องเรียกว่าองครักษ์เข้ม”“ไม่เป็นไรหรอกข้าแค่อยากมาแก้แค้นให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น”“ดีมากพระองค์ แต่พระองค์ต้องลำบากลำบนเป็นโจรก็เพราะราชาเมฆาที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไปนี่พระเจ้าค่ะ”“ท่านอำมาตย์ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นองครักษ์เข้ม ท่านอย่าพูดกับข้าเป็นองค์ชายอย่างนั้น องค์ชายตัวจริงอยู่โน่น” เสือเข้มโบ้ยปากไปทางกัสที่กำลังนั่งนิ่งๆ“เอ่อ ขอโทษข้าลืมไป ถ้าอย่างขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอาไปว่าคืนนี้คุยกันดีๆ และเตรียมตัวอย่างที่เราตกลงกันไว้” เมื่ออำมาตย์มงคลพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันทีกัสครุ่นคิด
ยิวนั่งมองเขื่อนขนของย้ายห้องออกไปอย่างไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยแต่อย่างใด ยิวจึงมีแต่ความเย็นชาใส่เขื่อน เมื่อเขื่อนขนของเสร็จเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำลาสักคำ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ไม่พูดอะไรออกมาให้เขื่อนได้อย่างยินเช่นกัน พออยู่คนเดียวภาวะจิตใจของยิวนั้นเริ่มว้าวุ่นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้ง เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรียนอยู่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พอกับจากมหาวิทยาลัยเขาก็นอนอ่านนิยายแล้วหลับไปตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์นิยายเรื่องนักรักบันลือโลกไปแล้ว นักเขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดตัวเขาให้มากพอ ยิวจึงมีความทรงจำในยุคปัจจุบันอยู่แค่นี้ แต่เรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันยิวกับรู้ทำได้ทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ยิวเริ่มค้นห้องและตรวจสอบทุกอย่างในความเป็นตัวกัส เขาจึงรู้ว่ากัสเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ซึ่งคนละคณะกับเขาเลย เพราะยิวเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิวยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรกับชีวิตที่อยู่ในร่างกัส แต่เขาคิดว่ายังดีกว่าไปอยู่นิยายเมืองโบราณที่ไม่มีความทันสมัย ซึ่งเขาได้พบความอยากลำบากมาแล้ว ยิวจึง
ตอนที่24 ตัวเราลิขิตเอง น้ำกระเด็นทั่วเรือนร่างและโดนหนักตรงบริเวณใบหน้า จึงทำให้กัสได้สติเขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย และภาพตรงหน้าที่เขาได้พบเห็น เป็นชายหนุ่มสูงใหญ่มีหนาวดเคราหนาจนกัสรู้สึกหวั่นกลัวอย่างหนัก เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณ ซึ่งมีแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่และหญ้าสูงเคียงเอว “มึงเป็นบ้าอะไรใส่ชุดใหญ่ผู้หญิงไอ้ยิว”เสือเข้มผู้ช่วยชีวิตกัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขมึงตึง “เราไม่ได้ชื่อยิวเราชื่อกัส”เมื่อกัสได้ยินชื่อยิวเขาก็ใคร่สงสัยและครุ่นคิดอย่างหนัก ยิ่งเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้ด้วย ทำให้กัสถึงกับพอจะรู้อะไรบ้างแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร “มึงพูดดีๆว่ามึงชื่ออะไร” กัสมองไปรอบๆอีกครั้งและหยิกตัวเองซึ่งเขาก็รู้สึกเจ็บพอสมควร ในช่วงเวลานี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เท่าที่เขาจำได้ก่อนหน้านี้กำลังทะเลาะอยู่กับเขื่อน และก็โดนผลักจนล้มลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากนั้นกัสไม่สามารถที่จะจำอะไรได้อีกเลย “ที่นี่ที่ไหน”กัสพูดด้วยความมึนงง “ศิลานคร” “แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เมื่อเขียนนิยายได้หนึ่งตอนกัสจึงรู้สึกง่วงอย่างมาก จึงหยุดเขียนและนั่งอ่านซ้ำจนเกือบจะจบตอน จูจู่เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กัสพีคมานอนนี่ได้อย่างไง” กัสได้ยินเสียงห้วนและดังมาก เขาจึงหันหน้ามองด้วยความตกใจ กัสทำอะไรไม่ถูกถึงแม้สิ่งที่เขาทำก้ำกึ่งไม่ตั้งใจก็ตาม “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเขื่อน” “ไม่ใช่แล้วพี่พีคมานอนอยู่ที่ห้องได้ไง” “ก็พี่พีคเขาเมาตามหานายไม่เจอ เขาก็มานอนรอนายอยู่นี่ไม่เห็นเหรอนะ” “ทำไมต้องถอดเสื้อผ้านอนด้วย”เขื่อนจ้องหน้ากัสเขม็ง “เหล้ามันหกเปื้อนเสื้อผ้าเขา โน้น เสื้อกางเกงของพีคเราซักตากไว้ให้”กัสชี้ไปยังที่ตากเสื้อกางเกงของพีค “เราไม่เชื่อหรอกนายสองคนต้องมีอะไรกัน” “ไม่เชื่อก็ถามพี่พีคสิ” “พี่พีค”เขื่อนตะโกนอย่างดัง พีคตกใจตื่นด้วยเสียงอันดังของเขื่อน เมื่อเขาลืมตาขึ้นและหันมามองตามเสียง ภาพที่ได้เห็นคือเขื่อนยืนนิ่งๆมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พีครู้สึกแปลกใจเขาจึงลุกขึ้นแล้วลงมาจากเตียง “มีอะไรเหรอเรียกพ