Home / LGBTQ+ / นิยายรักสองภาพ / ผู้ชายก็เป็นเมียได้

Share

ผู้ชายก็เป็นเมียได้

Author: ต๋อง น่ะ
last update Last Updated: 2024-11-20 18:37:22

             สองหนุ่มเพื่อนชี้ได้นั่งอ่านบทละครในห้องที่แสนอบอุ่น สองบทละครถูกเขื่อนและกัสอ่านจนหมดแต่ไม่จบเรื่อง

            “กัสชอบตัวละครไหน”เขื่อนเงยหน้าขึ้นปาดสายตามองกัส

            “ชอบทั้งสองบทเลยนะ บทแรกนี่ตรงข้ามกับเรามากเลย เป็นคนที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ตรงมาตรงไป ส่วนบทที่สองบทนิ่งๆเฉยๆเรียบๆนี่เราเลยนะ”

            “เราว่าบทที่สองเหมาะกับกัสนะ”

            “ใช่ เหมาะกับเรา แต่บทแรกก็เหมาะกับเขื่อนเหมือนกัน”

            “พวกเราจะเลือกบทที่เหมาะกับตัวเองหรือที่แตกต่างดีล่ะ”

            “เราว่าเลือกบทที่เหมาะกับตัวเองดีกว่า”กัสสบตาเขื่อนเพื่อนรัก

            “ถ้ากัสคิดว่าอย่างนั้น เราก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ”

            “ตกลงตามนี่ก็แล้วกัน แต่พี่เกรซให้บทละครมาแค่หนึ่งส่วนสี่ของเรื่องเอง เรายังไม่รู้เลยว่าตัวละครจะไปทิศทางไหน”

            “ใช่ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเล่นไปตามบทเรื่อยๆ เราคิดว่าพวกพี่ๆอยากได้การแสดงแบบดิบๆมากกว่า เลยไม่อยากให้รู้การดำเนินเรื่องเป็นอย่างไร”

            “ฮือ ถ้าจะจริง แต่เราก็อยากรู้ว่าบทไหนจะร้ายหนอ”

            “ไม่อยากเล่นบทร้ายเหรอ”เขื่อนเอ่ยขึ้น

            “ไม่เชิงหรอก  เรากลัวว่าเราเล่นไม่ได้ไงบทร้ายๆนะ”

            “ไม่ต้องห่วงหรอก  ถ้าบทของกัสเล่นร้ายก็จะเป็นร้ายลึก ถ้าเป็นเราก็จะร้ายแบบเปิดเผย น่าจะประมาณนี้ ซึ่งตรงกับคาแร็กเตอร์ของเราทั้งสองนะ”

            “เขื่อนว่าแอบว่าเราร้ายลึกหรือเปล่า”

            “เปล่า เราพูดถึงบทละคร”เขื่อนพูดเสียงสูงทีเดียว เพราะกลัวกัสเข้าใจความคิด

            “เราล้อเล่นมันก็แค่การแสดง เมื่อตกลงกันได้แล้วเราขอไปเขียนนิยายต่อนะ”

            “เราอยากอ่านนิยายของกัสจังเลย ขอเราอ่านหน่อยได้ไหม”

            “ไม่ได้หรอก รอจบเรื่องก่อนค่อยอ่าน เราพึ่งเขียนได้สองตอนเอง”

            “โอเค ถ้างั้นเรานอนแล้วนะ อย่าเขียนจนดึกล่ะ พรุ่งนี้อาจได้ซ้อมละครเวทีด้วย”

            “ฮือ คืนละตอนแค่นั้นแหละ”

            กัสหันหน้าเข้าหาโน๊คบุ๊คพร้อมเปิดเครื่อง สายตามองแป้นพิมพ์และตั้งสติ ทำสมองให้ปลอดโปร่ง เพราะนิยายเรื่องนี้เขาจะเขียนแนวโรแมนติดย้อนยุค

            ในห้องนอนที่เงียบสงัด มีเพียงแสงไฟสลัวๆที่เล็ดลอดเข้ามาจากนอกห้อง ซึ่งเป็นแสงพระจันทร์ที่สาดส่องลอดหน้าต่างที่เปิดกว้างไว้ ทว่าในความเงียบนั้นมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

            เสียงทหารเหล่ากล้าต่างตะโกนเรียกแม่ทัพวิศรุฒ เพราะภายในวังแห่งนี้เกิดการจลาจลอีกครา บรรดากองโจรในคราบทหารเมืองโสรยา ที่หลีกหนีหายไปก่อนเมืองจะแตก ได้นำพาพรรคพวกกลับมาโจมตีเอาเมืองคืน

            แม่ทัพวิศรุฒและยิวนักศึกษาหนุ่มลุกขึ้นพรวด เมื่อได้ยินเสียงผู้คนมากมายส่งเสียงดัง พร้อมกับเสียงกระทบของดาบหลายเล่มปะทะกัน

            “เกิดอะไรขึ้น”ยิวมีสีหน้าที่หวั่นวิตกกลัวเหตุซ้ำรอยเดิม

            “จะอะไรซะอีก ก็ทหารขององค์ชายนั่นแหละ น่าจะมาตีเมืองคืน”

            “ทำไงดี เราต้องหนีซิ”

            “หนีทำไม”แม่ทัพวิศรุฒคว้าดาบข้างกายและจับมือของยิวเดินออกจากห้อง

            “นายจะดึงเราไปไหน”

            “ข้าจะดึงองค์ชายไปเป็นตัวประกัน”

            “ตัวประกันอะไร เราไม่ใช่องค์ชาย”

            “อะไรน่ะ”แม่ทัพวิศรุฒหันหน้ามามองยิว ด้วยความพิศวง

            “เราไม่ใช่องค์ชายเราโกหก เราเป็นคนอีกโลกหนึ่ง จะอธิบายอย่างไงดีล่ะ ง่ายๆก็แล้วกัน เราไม่ใช่คนที่นี่”

            ยิวรู้สึกหวั่นกลัวและพลางคิดไปว่าไม่น่าโกหกว่าเป็นองค์ชายเลย ทั้งที่ๆเขาเป็นนักศึกษาที่กำลังอ่านนิยายแล้วหลงเข้ามา

            “อย่ามาโกหก”แม่ทัพวิศรุฒไม่เชื่อสิ่งที่ยิวพูด เขาจึงพายิวออกไปนอกห้องบรรทมของเจ้าเมืององค์เก่า

            เพียงแม่ทัพวิศรุฒเปิดประตูออกไป สายตาที่กลมโตของยิวกลับขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพราะภาพตรงหน้าคือเหล่าทหารกล้า กำลังต่อสู้สุดกำลังกับกองโจรแอบแฝงชนชั้นสูงแห่งเมืองโสรยา ที่ฝีมือการต่อสู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าพลทหารของแม่ทัพวิศรุฒเลย

            “ท่านแม่ทัพเราคงต้านไว้ไม่ไหว ขืนเราต่อสู้คงจะเสืยเลือดเนื้อมากกว่านี้”

            “ข้ายอมตายดีกว่ายอมอดสูหลบหนี”

            “ทหารคนนั้นพูดถูกเราต้องหนี เพื่อไปตั้งหลักก่อน หลังจากนั้นเราค่อยมาแก้แค้นเอาคืนอย่างสาสม”ยิวพูดจบหลบอยู่หลังแม่ทัพวิศวรุฒทันที

            “องค์ชายท่านพูดอะไร พวกเราอยู่คนละฝ่ายไม่ใช่รึ”

            “อย่าพูดมากเลย โน้นมาทหารมาเป็นกองร้อยแล้วนั่น”

            “แต่ที่องค์ชายพูดก็ถูกนะขอรับ แล้วเราก็เอาตัวองค์ชายนี่แหละเป็นตัวประกัน”ทันทหารคนสนิทจ้องมองยิวไม่คาดสายตา

            ยิวยืนนิ่งตะลึงกับคำพูดของทันทหารคนสนิทของแม่ทัพวิศรุฒ  ซึ่งยิวก็ยืนนิ่งได้ไม่นานเพราะแม่ทัพวิศรุฒรีบจับร่างของเขามายืนตรงหน้า จ่อดาบไว้ที่คอพร้อมตะโกนเสียงดังลั่น

            “หยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่หยุดข้าจะฆ่าองค์ชายโสพลของพวกเอ็ง”

            เหล่าทหารกองโจรแห่งเมืองโสรยา หยุดกะทันหันพร้อมมุ่งสายตามาที่แม่ทัพวิศรุฒแต่ สิ่งที่เหล่าทหารเห็นกลับสร้างความหึกเหิมขึ้นมาทวีคูณ

            “เมืองนี้ไม่มีองค์ชายแต่งตัวประหลาด ช่างน่าขันท่านแม่ทัพใหญ่ ไปเอาใครที่ไหนมาสมอ้างว่าเป็นองค์ชาย”หัวหน้าทหารกองโจรรายหนึ่งตะโกนขึ้น

            “เราบอกแล้วว่าไม่ใช่องค์ชาย”ยิวพูดอย่างเสียงแผ่วเบา

            แม่ทัพวิศรุฒปล่อยมือยิวทันที เมื่อความจริงปรากฏจากปากของทหารเมืองโสรยา หลังจากนั้นเขาผลักร่างยิวกระเด็นไปข้างหลัง ส่วนตัวของแม่ทัพวิศรุมก็ยกดาบฟาดไปยังกลุ่มกองโจร

            “หยุดก่อนท่านแม่ทัพเราถอยดีกว่า ทหารของพวกเรามีพ่อมีแม่มีลูกเมียนะ”ทันทหารคนสนิทตะโกนขึ้น

            “ได้ ถอย”แม่ทัพวิศรุฒตะโกนเสียงดัง

            ยิวที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ เขามองไปยังสายตาของแม่ทัพวิศรุฒ ซึ่งเหมือนมีการส่งสัญญาณบางอย่างออกมา จึงทำให้ยิวนั้นต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างต่อจากนี้

            “ขอรับ”ทันทหารคนสนิทพยักหน้า พร้อมส่งสัญญาณให้เหล่าทหารกล้าเมืองศิลานคร ที่ไม่ได้อยู่ในห้องแห่งนี้ ทำการเผาเมืองโสรยา

            ยิวรู้สึกหวาดกลัวเพราะแค่เพียงชั่วอึดใจไฟก็ลุกไหม้ลามอย่างรวดเร็ว เพราะบรรดาทหารที่แม่ทัพวิศรุฒให้ซ่อนตัวไว้ ได้ออกถือไฟที่ลุกโชนโยนลงทั่วห้องโถง จึงทำให้เกิดเวลาเแสนจะชุลมุนวุ่นวาย ยิวนักศึกษาหนุ่มจึงฉวยโอกาสทอง วิ่งหลบหนีแต่ไม่เล็ดลอดสายตาของแม่ทัพวิศรุฒไปได้  แม่ทัพวิศรุฒจึงวิ่งตามเพียงไม่กี่ก้าวก็ทันร่างบางของยิว

            “จะไปไหนองค์ชายปลอม”แม่ทัพวิศรุฒดึงคอเสื้อของยิวไว้จนขาดเป็นสองท่อน

            “ใครจะอยู่ให้โง่ล่ะ ขืนอยู่มีแต่ตายกับตาย”

            สิ้นเสียงของยิวเหล่าทหารเมืองโสรยา มุ่งพุ่งวิ่งเข้าหาร่างสูงใหญ่และร่างบางที่ยืนคู่กัน แม่ทัพวิศรุฒรู้ตัวเองดีว่า ไม่สามารถรับมือทหารร่วมร้อยพร้อมกันได้ เขาจึงดึงมือของยิววิ่งออกทางประตูเมือง ส่วนมือที่ถือดาบก็ฟาดฟันทหารบางส่วนที่จู่โจมตลอดทาง

            ยิวไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้ เขาทำได้เพียงแต่หลบอย่างข้างหลังแม่ทัพวิศรุฒ มีบางครั้งที่ตะโกนบอกแม่ทัพวิศรุฒยามทหารจู่โจมจากด้านหลัง ถึงแม้ทหารจะเข้าปะทะแม่ทัพวิศรุฒตลอดทาง ทว่ามาแค่ครั้งละคนสองคนจึงไม่คณามือของเขา

            ด้วยพละกำลังมีเหนือกว่าและชั้นเชิงการต่อสู้อันเป็นเลิศ แม่ทัพวิศรุฒสามารถพายิวออกจากประตูเมือง เร้นกลายหายเข้าไปภายในความมืด ที่รายล้อมด้วยไม้สูงใหญ่และต้นหญ้าที่หนาแน่นกลางป่าห่างไกลตัวเมืองโสรยา

            แม่ทัพวิศรุฒยืนนิ่งมองรอบๆตัวอย่างช้าๆสายตาสอดส่องมองทั่วบริเวณ จนเขาแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดและใครตามมา แม่ทัพวิศรุฒจึงคลายมือที่หยาบกร้าน ออกจากฝ่ามือที่เรียวงามของยิว

            “นึกว่าไม่รอดซะแล้ว นายนี่เก่งมากเลยนะ สมกับเป็นแม่ทัพใหญ่”

            “เอ็งไม่ต้องมาพูดมาก  ความผิดเอ็งยังมีอยู่ ที่มาหลอกข้าว่าเป็นองค์ชาย”

            “เราขอโทษ เราต้องเอาตัวรอดใช่ไหม จำเป็นต้องโกหกนาย”

            “เอ็งนี่ช่างขี้ขลาดเสียจริง แต่ก็ช่างมันเถอะ ถ้างั้นเราแยกกันตรงนี้ เอ็งมาจากไหนก็ไปทางนั้น”แม่ทัพวิศรุฒหันหลังให้ยิวและเดินออกห่างไปทันที

            “เดี๋ยวก่อนท่านแม่ทัพ เราไปด้วย เอาเราไปเป็นคนรับใช้ก็ได้”

            “คนรับใช้ข้ามีเยอะแล้ว อย่างเอ็งจะเอาไปทำอะไรได้ รูปร่างก็บอบบาง เรียวแรงก็น้อยยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก”แม่ทัพวิศรุฒยังเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยมียิวเดินกึ่งวิ่งตามไปติดๆ

            “เราจะพยายามทำให้ได้ทุกอย่าง ที่คนเมืองนี้ทำได้ เอาเราไปด้วยนะ จะทิ้งเราไว้อย่างนี้ไม่ได้เรากลัว”

            “ทำไมจะทิ้งไม่ได้ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

            “เป็นเพื่อนกันไง”

            “เอาไปเป็นเพื่อนก็อายเขา เอ็งเป็นผู้ชายที่อ่อนแอ เพื่อนๆของข้าล้วนเป็นแต่ทหาร”

            “แล้วนายยังขาดคนช่วยทำอะไร หรือว่าต้องการใครทำอะไรให้ เราทำแทนได้หมด เรามาจากโลกที่ทันสมัย เราช่วยนายได้นะ ขอให้นายพาเราไปด้วยนะ นะ นะ ท่านแม่พัพ”

            “สิ่งที่ข้าต้องการเอ็งให้ข้าไม่ได้หรอก”

            “ได้สิ ลองพูดมาเลย”

            “ข้าอยากมีเมีย”

            “เราเป็นเมียนายได้นะ”

            แม่ทัพวิศรุฒหยุดเดินทันทีและหันมามองยิวที่กำลังยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า ยิวพยายามคิดหาหนทางที่จะติดตามแม่ทัพวิศรุฒ เพราะคือหนทางเดียวที่เขาจะรอดจากเหตุการณ์ร้ายนี้ได้

            “เอ็งเป็นผู้ชายจะมาเป็นเมียข้าได้อย่างไง ถึงหน้าตาเอ็งจะคล้ายผู้หญิง แต่เอ็งก็เป็นผู้ชาย เอ็งมีทุกอย่างเหมือนข้า แล้วจะมาเป็นเมียข้าไม่ได้”

            “ที่โลกของเรานะ ผู้ชายกับผู้ชายกินกันเองเยอะแยะ บางคนสักเต็มตัวกล้ามอย่างบึกมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน”

            “แฟนอะไร”

            “แฟนก็คือเมีย”

            “ฟ้าไม่ผ่าตายรึ”

            “ไม่ผ่าหรอก มันส์จะตาย”ยิวเกาะแขนแม่ทัพวิศรุฒไว้แน่น

            “ปล่อยข้า เอ็งช่างทำตัวน่ารังเกียจ”แม่ทัพวิศรุฒแกะมือยิวออกจากแขนของเขา

            ยิวไม่ยอมแพ้จับแขนแม่ทัพวิศรุฒอีกครั้ง คราวนี้แม่ทัพวิศรุฒสลัดและผลักร่างของยิว จนกระเด็นล้มลง ยิวพยายามลุกขึ้นยืนและวิ่งตามแม่ทัพวิศรุฒ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะตามแม่ทัพวิศรุฒทัน เพราะยิวได้สะดุดกิ่งไม้จนหกล้มลุกไม่ขึ้นทำให้เท้าของเขาแพลง ยิวจึงขยับตัวเข้าไปใต้ต้นไม่ใหญ่ แล้วมองไปรอบๆซึ่งมีแต่ความมืดที่เงียบสงัด แม้แต่เสียงจักจั่นเรไรก็ไม่มีให้ได้ยิน

Related chapters

  • นิยายรักสองภาพ   ว่าที่เมียท่านแม่ทัพ

    ช่วงเวลาดีๆของกัสกับเขื่อนก็มาถึง ทั้งสองได้มาที่ห้องประชุมชมรมละครเวที ซึ่งทุกคนต่างรอคอยว่าสองคนนี้จะเลือกบทละครตัวไหนกัน “น้องกัสกับน้องเขื่อนตกลงกันได้หรือยังครับ ว่าใครจะเล่นบทอะไร”พีคมองหน้าทั้งกัสและเขื่อนด้วยความอยากรู้ “เราสองคนตกลงกันได้แล้วครับ เขื่อนจะเล่นบทของวิน ส่วนกัสจะเล่นบทของนิว ครับ”เขื่อนเป็นคนพูดส่วนกัสนั่งเฉยๆ ตามนิสัยที่เงียบนิ่งไม่ค่อยพูดเท่าไร “พี่ก็นึกไว้แบบนี้เหมือนกัน เพราะบทของวินจะเด็ดเดี่ยวเป็นคนตรงมาตรงไป ซึ่งก็เหมาะกับเขื่อน ส่วนบทของนิวจะนิ่งๆลึกน่าจะเหมาะกับกัส เอาล่ะซึ่งเป็นอะไรที่ลงตัวมากเลย ต่อไปให้พี่จีน่ากับพี่เกรซอธิบายบทละครให้ฟังนะ”พีคเอ่ยขึ้น “บทละครที่พี่ให้ไปนั้นเป็นแค่บางส่วน น้องๆก็จะรู้เรื่องราวแค่เบื้องต้นเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องต่อจากนั้น ทั้งวินและนิวจะแตกหักกัน เพราะรักผู้ชายคนเดียวกัน หลังจากนั้นทั้งสองคนก็จะร้ายใส่กัน มันจะเริ่มสนุกกันตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่เกรซพูดต่อก็แล้วกัน” “คือบทของวินนั้นจะร้ายตรงๆ ส่วนบทของนิวจะร้ายลึก เบื้องหน้าจะดูเป็นคนดี ถูกกระทำ แต่

  • นิยายรักสองภาพ   เมียโจร

    คืนนี้เขื่อนเลิกงานตามปกติ แต่มีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้ง เพียงเขื่อนก้าวเท้าออกจากร้านอาหาร หลังเลิกงานในช่วงเวลาสามทุ่มเศษ เขื่อนเลิกงานซะทีพี่รอตั้งนาน”พีคเอ่ยขึ้น “พี่พีค เขื่อนนึกว่าพี่กลับบ้านไปแล้วซะอีก”เขื่อนมีสีหน้าที่ประหลาดใจ “จะให้กลับได้ไง ในเมื่อพี่มาส่งเขื่อนก็ต้องรอรับกลับซิ “ “เขื่อนเกรงใจพี่ ไม่น่ารอรอรับเลย เสียเวลาพักผ่อนของพี่พีคแย่เลย” “ไม่เสียวเวลาหรอก พี่กลับไปบ้านก็ไม่ได้ทำอะไร อยู่นี่เดินเที่ยวห้างแล้วมารับน้องเขื่อนกลับบ้านดีกว่า” “ขอบคุณพี่พีคมากนะ” “มัวแต่ขอบคุณไม่ได้กลับกันซะที ไป เดี่ยวพี่ไปส่งที่ห้อง” “ครับพี่พีค” พีคได้ขับรถมาส่งเขื่อนยังห้องพัก ในระหว่างทางพีคได้ชวนเขื่อนคุยหลายเรื่อง ซึ่งทำให้เขื่อนมีความรู้สึกที่ดีต่อพีคมากขึ้น “อ่านบทไปบางส่วน เขื่อนคิดอย่างไงกับบทนี้” “บทดีนะ ทั้งของเขื่อนและกัส แต่ของกัสจะลึกกว่าเล่นยาก ส่วนของเขื่อนเป็นคนตรงแสดงออกมาตรงๆ คือมันง่ายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ”

  • นิยายรักสองภาพ   รอดพ้นเงื้อมมือโจร

    กัสกำลังเดินกลับห้องเช่าด้วยอารมณ์ไม่มีความสุขเท่าไร เพราะยังค้างคาอยู่ไม่หายหลังจากหงุดหงิดเมื่อคืน ในระหว่างกำลังออกจากประตูรั้วมหาวิทยาลัย เขาก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย “กัสขึ้นมาบนรถเร็ว พี่จอดได้ไม่นาน” กัสไม่มีเวลาคิดอะไร เพราะเขามองไปด้านหลังมีรถจอดรถสองสามคัน กัสจึงวิ่งอ้อมไปข้างหน้าขึ้นไปบนรถ หลังจากนั้นพีคก็แล่นรถออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัย “ทำไมวันนี้เดินคนเดียวล่ะ”พีคเอ่ยขึ้น “เขื่อนไปทำงานครับ” “เอ่อ ใช่ พี่ก็ลืมไปเลย ดีเหมือนกันพี่จะได้ส่งกัสที่ห้อง” “พี่พีคไม่น่าลำบากเลย เพราะกัสขึ้นรถเมล์กลับเป็นประจำอยู่แล้วนี่” “พี่อยากทำความรู้จักกับกัสให้มากขึ้น เพราะเราต้องเล่นละครด้วยกันอีกหลายเดือน” “กัสไม่น่ามีอะไรให้รู้จักหรอก กัสเป็นคนแบบนี้แหละ ใครๆเห็นก็รู้ว่าเป็นคนอย่างไง” “ไม่ได้หรอก พี่ต้องรู้ให้ลึกรู้ให้จริง รู้ให้ถึงใจของกัสว่ากำลังคิดอะไรอยู่”พีคหันมายิ้มให้กัส “จะรู้ใจของกัสไปทำอะไรกันล่ะครับ” “ต้องรู้สิ เพราะในละครเวทีเราเล่น

  • นิยายรักสองภาพ   ล่องเรือกลางลำน้ำ

    กัสกับเขื่อนรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะวันนี้เป็นวันแรก ที่ทั้งสองต้องมาซ้อมบทละครกัน ซึ่งเขื่อนจะรับบทวินส่วนกัสรับบทนิว ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน และได้แอบหลงรักผู้ชายคนเดียวกันคือมีนรับบทโดยพีครุ่นพี่ชมรมละครเวที โดยมีเจนนี่เป็นผู้กำกับส่วนเกรซเป็นแอ็คติ้งโค้ช “ฉากแรกเป็นฉากพบรัก วินเดินมาชนมีนหน้าคณะวิศวะ เมื่อทั้งสองเดินชนกันปุ๊บ สายตาจะประสานจ้องมองกัน”เจนนี่อธิบายฉากต่างๆ โดยละเอียดให้ฟัง ส่วนเกรซนั้นจะมาสอนการแสดงอินเนอร์ที่ออกมาจากข้างใน กัสนั่งดูเขื่อนกับพีคอย่างมีนัยแอบแฝง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเป็นการแสดง แต่ในส่วนลึกของจิตใจเขายังแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับการแสดง ยิ่งเห็นพีคประคองร่างไม่ให้เขื่อนล้มลง กัสถึงใจสั่นโดยไม่รู้สาเหตุ “โอเค ผ่าน”เจนนี่สั่งหยุดทันที เมื่อเขื่อนและพีคเล่นฉากนี้จบ ในช่วงเวลานี้กัสยังเหม่อลอยมองเขื่อนและพีคด้วยความสับสน กัสยืนนิ่งใจล่องลอยไปไกล จินตนาการว่าถ้าเป็นตัวของเขาเองจะเล่นฉากนี้อย่างไร “น้องกัส ถึงคิวน้องต้องแสดงแล้วนะ มัวเหม่ออะไรอยู่พี่เรียกตั้งนานแล้วนะ”เจนนี่เดินเข้ามาใกล้ๆกัน

  • นิยายรักสองภาพ   โดนลักพาตัว

    วันนี้กัสไม่มีบทซ้อมละครเพราะเป็นคิวของเขื่อน จึงทำให้ค่ำคืนนี้กัสรู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็ยังมีความหวังในวันพรุ่งนี้ เพราะกัสกับพีคจะซ้อมบทละครกันเพียงสองคน เพราะตามเนื้อเรื่อง นิวกับวินเป็นเพื่อนรัก และรักผู้ชายคนเดียวกัน ต่างคนต่างไม่รู้ว่าผู้ชายที่เขาทั้งสองมอบความรักให้นั้น เป็นคนเดียวกันจึงทำให้ทั้งสองได้แตกหักในเวลาต่อมา อย่างมองหน้ากันไม่ติดทีเดียว เมื่อกัสมาถึงห้องเขาจึงไม่รอช้า ใส่จินตนาการในนิยายของเขาด้วยอารมณ์ในขณะนี้ ก่อนเริ่มลงมือเขียนกัสสองจิตสองใจ กับเนื้อเรื่องที่ร่างไว้กับใส่ใหม่ ในที่สุดกัสตัดบทร่างเดิมทิ้งไปหมด เริ่มต้นเขียนตามอารมณ์ความรู้สึกทันที เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมยังไม่หยุดตามราวียิว ผู้ซึ่งทำให้เขาได้รับความอับอายในใจ ที่หลงผิดคิดว่ายิวเป็นหญิงสาวรูปงาม เสือเข้มจึงบุกป่าฝ่าดงจนพบแม่ทัพวิศรุฒกับยิว เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา เขาเห็นทั้งสองออกมายืนอยู่หัวเรือ เสือเข้มจึงได้แต่รอเวลาโดยขี่ม้าตามสายน้ำในป่าไม่ลึกมาก จวบจนมืดค่ำเขาก็ได้เห็นเรือจอดริมฝั่ง เพื่อพักผ่อนยามค่ำคืน เสือเข้มผู้อำมหิตและมีเลห์กลเพทุบายหลากหลาย เข

  • นิยายรักสองภาพ   หนี

    เย็นนี้เป็นคิวของกัสที่รับบทวิน ซึ่งเป็นฉากมีนพาวินไปเที่ยว มีความคล้ายคลึงเมื่อวานที่มีนพานิวไปเที่ยว โดยความเป็นคนเจ้าชู้และมนุษย์สัมพันธ์ดีของมีน เขาจึงเริ่มคบทีเดียวสองคนทั้งวินและนิว เมื่อกัสและพีคซ้อมฉากไปเที่ยวเสร็จ พีคจึงต้องมาส่งกัสเช่นเดิมเหมือนอย่างที่มาส่งเขื่อนเมื่อคืน แต่มีสิ่งที่ไม่เหมือนกันคือพีคไม่ได้พากัสไปกินข้าว ในระหว่างที่อยู่ในรถกัสนั่งนิ่งเงียบ และรู้สึกแปลกใจทำไมพีคถึงไม่ทำเช่นเดียวกันเหมือนอย่างเขื่อน “วันนี้น้องกัสเก่งมากเลยนะ เล่นดีมากพี่เกรซไม่ต้องสอนเท่าไร พี่เจนนี่ยังชมกัสไม่ขาดปากเลย” “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”กัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะรู้สึกเคืองพีคเล็กน้อย “อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย พี่ว่าถ้าเรียนจบกัสไปเป็นนักแสดงได้นะ” “ไม่หรอกครับ กัสมีงานที่อยากทำอยู่แล้วครับ” “งานอะไรล่ะ” “ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ครับ รอให้กัสทำสำเร็จก่อนเดี๋ยวจะบอกพี่พีคเป็นคนแรก” “พี่ก็นึกว่าจะบอกเขื่อนเป็นคนแรกซะอีก” “เขื่อนเขารู้อยู่แล้วว่ากัสทำอะไร แต่พี่พีค

  • นิยายรักสองภาพ   เส้นทางอันโหดร้าย

    วันหยุดนี้เขื่อนได้ออกไปจากห้องเช่าในขณะที่กัสยังไม่ตื่น เมื่อเขารู้สึกตัวก็พบแต่ความว่างเปล่า กัสไม่สามารถดาดเดาได้ว่าเขื่อนนั้นได้ไปไหนกับใคร แต่กัสก็ไม่สนใจอะไรเพราะในวันนี้เขาจะเขียนนิยายต่ออีกหลายตอน กัสจึงเริ่มต้นเขียนช่วงสายๆ หลังจากยิวและจันเด็กน้อยที่พึ่งรู้จักเดินตามขบวนจนจวบช่วงเวลาเย็น ซึ่งในตอนนี้นี่เองทุกคนต้องออกหาอาหารมากินเพื่อประทังชีวิต “พี่ชื่ออะไรน่ะ” “พี่ชื่อ เอ่อ โสภณ”ยิวไม่อยากบอกชื่อจริงออกไป เพราะเขาคิดว่าจันเด็กน้อยคนนี้อาจสงสัยอีกว่าทำไมไหมชื่อแปลก ยิวขึ้เกียจตอบคำตอบจึงเอาชื่อไม่แท้ที่เคยปลอมตัวมาเป็นชื่อของตัวเอง “ชื่อยังกับองค์ชาย”จันยิ้มร่ามองยิว “แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ” “จัน” “จัน แล้วเราจะหาอะไรกินกันดีล่ะเย็นนี้” “เอาของมีค่าไปแลกก็ได้” ยิวยืนทำตาปริบๆเพราะเขาอดเสียดายแหวนทองเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ของเขาก็ตามที และรู้สึกผิดที่เอาของคนอื่นมาขายแลกอาหารประทังชีวิต “ถ้างั้นพาพี่ไปซื้ออาหารหน่อยได้ไหม แต่ดูของมีค่าของพี่ก่อนได้

  • นิยายรักสองภาพ   อุปสรรคยังไม่หมดสิ้น

    เมื่อชายหนุ่มทั้งสองได้เดินจากไป ยิวรีบไปหาจันทันที พอเขาเห็นจันแค่นั้นแหละยิวแท่บน้ำตาไหล เพราะร่างกายของจันฟกซ้ำดำเขียว แล้วยังมีรอยผิวหนังไหม้เกรียมอยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นท่อนแขนและขา “จันเจ็บมากไหม”ยิวกอดร่างของจันไว้อย่างเอ็นดู “พี่ก็เจ็บด้วยใช่ไหม”จันร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ใช่พี่ก็เจ็บ แต่พี่โตแล้วและไม่ได้โดนหนักอย่างจัน แต่จันไม่ต้องกลัวนะอดทนเข้าไว้ พอไปถึงเมืองศิลานคร พี่จะให้ท่านแม่ทัพวิศรุฒหาหมอเก่งๆมารักษาจันเอง” “ขอบคุณพี่โสพลมากเลยครับ” ยิวไม่รู้จะจัดการกับแผลของจันอย่างไร เขาได้เพียงแต่หาผ้ามาพันแผลไว้ และในช่วงเวลาเดียวกันยิวต้องพาจันเดินทางไปยังเมืองศิลานครกับกลุ่มคนพวกนี้ด้วย ถึงแม้จะหิวปานใดทั้งสองก็ต้องอดทนเพื่อความอยู่รอดให้ได้ และเมื่อยิวได้ยินว่าอีกสองวันก็ถึงเมืองศิลานคร เขาดีใจอย่างมาก แต่ยิวก็ไม่รู้จะทนความหิวได้นานแค่ไหน เพราะตอนนี้เขาไม่มีอะไรเหลือที่พอจะขายได้เลย “ออกเดินทางได้แล้ว”หัวหน้าขบวนตะโกนเสียงดัง “เดินไหวไหมจัน” “ข้าเดินไหวอยู่แผลแค่

Latest chapter

  • นิยายรักสองภาพ   หลงระเริงในโลกความจริง

    เป็กผู้ช่ำชองในยามราตรี เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ศุกร์เสาร์ทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวตัวยงที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ นอกจากพ่อรวยรูปหล่อสายเปย์อีกต่างหาก จึงมีหลายคนเข้ามาพัวพันไม่ขาดสาย เมื่อเป็กพายิวมาเที่ยว จึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองด้วยความอิจฉา แต่ยิวหาสนใจไม่ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นชินในโลกปัจจุบันเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น“เป็นไงบ้างมาเปิดหูเปิดตา” เป็กยื่นแก้วเพื่อชน“ก็โอเคนะ เป็นครั้งแรกที่เราได้มา รู้สึกว่าน่าสนใจกว่าเมืองโบราณอีก” ยิวเผลอคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ออกมา“เมืองโบราณอะไร” เป็กมีสีหน้าที่มึนงง“อ่อ เปล่า สนุกดีเราไปเต้นกันไหม”“อะไรนะ เราไม่อยากเชื่อเลยนายจะชวนเราไปเต้น นายเปลื่ยนไปหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายว่ะ” เป็กหัวเราะ“ไม่ได้เปลื่ยนนี่แหละตัวจริง ที่เห็นก่อนหน้านี้ตัวปลอม แอ๊บไว้ไงแต่ไม่เห็นมีใครชอบเลย เป็นตัวของตัวเองดีกว่า” ยิวเสแสร้งแกล้งพูดเพราะในความจริงเป็นร่างของคนอื่น เพียงแต่เขาแค่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้เท่านั้น“ร้ายนะ แกล้งเงียบถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้เราจีบตั้งนานแล้ว”“อะไรนะ” ยิวรู้สึกมึนงงและสับสนกับคำพูดของเป็ก“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ เ

  • นิยายรักสองภาพ   เผชิญหน้ากับความจริง

    กัสนั่งนิ่งๆ ก่อนที่จะไปท้องพระโรง เขาคิดย้อนเหตุการณ์เมื่อเสือเข้มพามาถึงยังหมู่บ้านกองโจร ซึ่งคนละที่กับซุ้มเสือเข้ม เพียงแค่เข้าไปถึงแม้จะไม่ประหลาดใจ แต่ก็ต้องอึ้งกับผู้คนในที่แห่งนี้ ที่มีหลากหลายอายุคละกันไป และมีการฝีกปรือฝีดาบอย่างขะมักเขม้น แต่เขาก็พยายามมองผ่านและเดินตามเสือเข้าไปข้างใน“แม่นมข้ากลับมาแล้ว” เสือเข้มวิ่งเข้าไปกราบแท่บเท้าของ มัณฑนานางกำนัลเก่าแห่งเมืองเมฆาบุรี“หายไปนายมากเลยนะ แม่อดคิดถึงเอ็งไม่ได้เลย เอ้า แล้วพาใครมาด้วยล่ะนะ” มัณฑนามองมายังกัสที่ยืนนิ่ง แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของมัณฑนาเขาก็ต้องนั่งลงแต่โดยดี“เพื่อนข้าเอง” เสือเข้มอมยิ้ม“เพื่อนเอ็งเป็นใครกัน ทำไมผิวพรรณยังกับคนในรั้วในวัง รูปร่างก็บอบบางยังกับอิสตรี เอ็งไปรู้จักกับเขาได้อย่างไรกัน”“ข้าเจอโดยบังเอิญชื่อโสภณ เป็นโอรสลับๆ ของสนมแห่งเมืองโสรยานคร”กัสรู้สึกประดักประเด่อพอสมควร เพราะเขากับเสือเข้มได้ตกลงตอนเดินทางมาที่แห่งนี้ ความคิดเช่นเดิมได้เกิดครั้งแรกที่เขาได้เจอแม่ทัพวิศรุฒ แต่ได้ปดมดเท็จว่าเป็นองค์ชายโสภณ กัสจึงทำตามเช่นเคยซึ่งเสือเข้มก็เห็นพ้องไม่ทัดทาน“อ่อ องค์ชายตกยาก คงจะเป็นคนองค์ชา

  • นิยายรักสองภาพ   เริ่มเห็นความน่ารัก

    ยิวหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดดูแต่เป็นที่น่าเสียดาย มันสามารถที่จะติดได้เนื่องจากวันนั้นล้มกระแทกจนเสียหาย ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะเขาต้องทำงานส่งอาจารย์ และอีกอย่างหนึ่งด้วยความอยากรู้ว่ากัสได้บันทึกหรือทำอะไรไว้ในนี้บ้างยิวจึงพับโน๊ดบุ๊คไว้ตามเดิม และกะว่าช่วงเย็นจะเอาไปซ่อม แต่ติดปัญหาคือเขาไม่มีเงินพอที่จะนำไปซ่อม เขาจึงหยิบโทรศัท์มือถือของกัสมาเปิดดู ซึ่งได้ล็อครหัสไว้จึงทำให้ไม่สามารถเปิดได้ มีเพียงรับสายอย่างเดียวแค่นั้น ยิวจึงลองนำวันเดือนปีเกิดของกัสมาใส่ ซึ่งก็ได้ผลทันทีมือถือเครื่องนี้ปลดรหัสได้ แต่นั่นไม่เท่ากับภาพหน้าปกเป็นรูปของพีค ยิวจึงเกิดความอยากรู้ต่อไปเขาจึงเปิดดูในแกเลอรี่ ซึ่งในนั้นมีแต่ภาพพีคเต็มไปหมดดวงตาอันกลมโตของยิวได้หลับลง พร้อมจินตนาการเรื่องราวของกัสว่าเป็นอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้ ซึ่งในหัวของเขาก็เห็นแต่หน้าพีคอยู่เพียงผู้เดียว พอเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบดูทันทีซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นพีคนั่นเอง“อยู่ห้องไหมน้องกัส”“อยู่พี่พีคมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่โทรถามเฉยๆ ถ้าอยู่พี่จะไปหา”“พี่มีธุระอะไรเหรอ”“จะไปหาต้องมีธุระด้วยใช่ไหม”“เป

  • นิยายรักสองภาพ   ต้นกำเนิดเสือเข้ม

    นางกำนัลสาลินีได้นำพาพระโอรสของราชาเมษากับราชินีสีวิกา เดินลัดเลาะหลบมุมตลอดทาง จนมาถึงข้างๆ ตำหนักของชายามาริสา เธอรออยู่พักหนึ่งมันฑนานางกำนัลร่วมรุ่นมาพร้อมพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสา“ข้ารอตั้งนานนึกว่าเอ็งไม่มาแล้ว ยังดีที่พระโอรสไม่ร้องเลย” นางกำนัลสาลินีเอ่ยขึ้นด้วยใจระทึกมองซ้ายมองขวา แล้วมององค์ชายแสนอาภัพที่เธออุ้มมา“เอาน่าอย่าพูดมากเลยเอาเด็กมาสลับกัน” นางกำนัลนำพระโอรสที่ซ่อนมาในตะกร้าผ้าออกมานางกำนัลสาลินีและนางกำนัลมัฑนาต่างสลับพระโอรสกันตรงนั้น แต่สายตาทั้งสองก็ไมวายมองรอบๆ บริเวณ ด้วยความกลัวใครจะมาพบเห็น“เอ่อ เอ็งออกมาได้อย่างไงไม่มีทหารเหรอ” นางกำนันสาลินีถาม“มี แต่ทหารที่เฝ้ารู้จักกันก็เลยพอเอาออกมาได้”“เอ้านี่ คือแหวนที่มเหสีสีวิกามอบไว้ให้องค์ชาย”“อือ”มัณฑรับแหวนไว้แล้วรีบพาองค์ชายเข้าไปในพระตำหนักอย่างทันท่วงที ส่วนสาลินีไม่รอช้ารีบน้ำองค์ชายที่สลับเปลื่ยนไปยังตำหนักราชินีสีวิกาเช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหลบเหล่าทหารที่กำลังออกตระเวนเมื่อสาลินีมาถึงยังตำหนักของราชินีสาลินี เธอรีบน้ำพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสาวางไว้ข

  • นิยายรักสองภาพ   ตัวตนที่แท้จริง

    หนึ่งหนุ่มกับสาวอีกคนนั่งมองหน้ากันในห้องชมรมละคร หลังจากนักศึกษาในชมรมนี้ออกไปไปหมดแล้ว เจนนี่ผู้กำกับสาวนั่งนิ่งมองหน้ายิวอยู่พักหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่มองอยู่นั้น ได้เห็นแววตาอันเปลื่ยนแปลงไป เพราะมีความสู้คนและเปิดเผยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด“วันนี้น้องกัสเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมการแสดงของน้องแปลกไป และไม่เข้ากับบมที่ได้รับ”“เปล่าครับ ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง”“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องนะ แต่พี่อยากบอกว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับการแสดงให้มาก คือเมื่อก่อนกัสอินกับละครจนไม่สามารถที่จะออกจากบทนั้นได้ แต่ทำไมตอนนี้กัสไม่อินเหมือนเดิมกลับกันเป็นคนละคนเลย”ยิวอยากจะเถียงแต่เขาก็ต้องเก็บกลั้นอามรมณ์นั้นไว้ เพราะในตอนนี้เขาได้เขามาอยู่ในร่างของกัน ซึ่งจากการคาดคะเนของยิวนั้น กัสน่าจะมีนิสัยที่แตกต่างจากเขาอย่างมาก“ครับ” ยิวรับคำแต่โดยดีและไม่พูดสิ่งใดออกมา“ดีแล้ว พี่จะให้กัสพักสองวันนะเพื่อลองทบทวนอะไรบางอย่าง กลับได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำจะอันตราย”“ขอบคุณพี่มากครับ” ยิวยกมือไหว้พร้อมกับศีรษะให้เจนนี่ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และไม่หันหรือหยุถเดินแต่อย

  • นิยายรักสองภาพ   ยอมจำนนฟ้าลิขิต

    กัสเดินเข้ามาในตำหนักว่างเปล่าที่มีผู้คนคอยรับใช้อย่างมากมาย ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต่อไปนี้ไม่น่าจะลำบากกาย แต่อันตรายนั้นน่าจะอยู่รอบตัวเขาอย่างแน่นอน กัสจึงหวั่นผวากลัวอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอนกจากทนและจำยอมมาในที่แห่งนี้ พร้อมกับเสือเข้มผู้องอาจ และท่านอำมาตย์มงคลผู้มีแผนการอันแยบยล“เอ็งจำไว้นะว่าชื่อเมธี เป็นรัชทายาทแห่งเมืองเมฆาบุรี เป็นพระราชโอรสของอดีตราชาเมษากับราชินีสีวิกา” อำมาตย์มงคลพูดจบก็หันไปมองกัสที่นั่งนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ“ส่วนองค์ชายตัวจริง กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ต้องเรียกว่าองครักษ์เข้ม”“ไม่เป็นไรหรอกข้าแค่อยากมาแก้แค้นให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น”“ดีมากพระองค์ แต่พระองค์ต้องลำบากลำบนเป็นโจรก็เพราะราชาเมฆาที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไปนี่พระเจ้าค่ะ”“ท่านอำมาตย์ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นองครักษ์เข้ม ท่านอย่าพูดกับข้าเป็นองค์ชายอย่างนั้น องค์ชายตัวจริงอยู่โน่น” เสือเข้มโบ้ยปากไปทางกัสที่กำลังนั่งนิ่งๆ“เอ่อ ขอโทษข้าลืมไป ถ้าอย่างขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอาไปว่าคืนนี้คุยกันดีๆ และเตรียมตัวอย่างที่เราตกลงกันไว้” เมื่ออำมาตย์มงคลพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันทีกัสครุ่นคิด

  • นิยายรักสองภาพ   ความสัมสนอลหม่าน

    ยิวนั่งมองเขื่อนขนของย้ายห้องออกไปอย่างไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยแต่อย่างใด ยิวจึงมีแต่ความเย็นชาใส่เขื่อน เมื่อเขื่อนขนของเสร็จเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำลาสักคำ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ไม่พูดอะไรออกมาให้เขื่อนได้อย่างยินเช่นกัน พออยู่คนเดียวภาวะจิตใจของยิวนั้นเริ่มว้าวุ่นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้ง เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรียนอยู่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พอกับจากมหาวิทยาลัยเขาก็นอนอ่านนิยายแล้วหลับไปตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์นิยายเรื่องนักรักบันลือโลกไปแล้ว นักเขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดตัวเขาให้มากพอ ยิวจึงมีความทรงจำในยุคปัจจุบันอยู่แค่นี้ แต่เรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันยิวกับรู้ทำได้ทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ยิวเริ่มค้นห้องและตรวจสอบทุกอย่างในความเป็นตัวกัส เขาจึงรู้ว่ากัสเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ซึ่งคนละคณะกับเขาเลย เพราะยิวเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิวยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรกับชีวิตที่อยู่ในร่างกัส แต่เขาคิดว่ายังดีกว่าไปอยู่นิยายเมืองโบราณที่ไม่มีความทันสมัย ซึ่งเขาได้พบความอยากลำบากมาแล้ว ยิวจึง

  • นิยายรักสองภาพ   ตัวเราลิขิตเอง

    ตอนที่24 ตัวเราลิขิตเอง น้ำกระเด็นทั่วเรือนร่างและโดนหนักตรงบริเวณใบหน้า จึงทำให้กัสได้สติเขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย และภาพตรงหน้าที่เขาได้พบเห็น เป็นชายหนุ่มสูงใหญ่มีหนาวดเคราหนาจนกัสรู้สึกหวั่นกลัวอย่างหนัก เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณ ซึ่งมีแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่และหญ้าสูงเคียงเอว “มึงเป็นบ้าอะไรใส่ชุดใหญ่ผู้หญิงไอ้ยิว”เสือเข้มผู้ช่วยชีวิตกัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขมึงตึง “เราไม่ได้ชื่อยิวเราชื่อกัส”เมื่อกัสได้ยินชื่อยิวเขาก็ใคร่สงสัยและครุ่นคิดอย่างหนัก ยิ่งเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้ด้วย ทำให้กัสถึงกับพอจะรู้อะไรบ้างแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร “มึงพูดดีๆว่ามึงชื่ออะไร” กัสมองไปรอบๆอีกครั้งและหยิกตัวเองซึ่งเขาก็รู้สึกเจ็บพอสมควร ในช่วงเวลานี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เท่าที่เขาจำได้ก่อนหน้านี้กำลังทะเลาะอยู่กับเขื่อน และก็โดนผลักจนล้มลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากนั้นกัสไม่สามารถที่จะจำอะไรได้อีกเลย “ที่นี่ที่ไหน”กัสพูดด้วยความมึนงง “ศิลานคร” “แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

  • นิยายรักสองภาพ   ความสัมพันธ์ร้าวฉาน

    เมื่อเขียนนิยายได้หนึ่งตอนกัสจึงรู้สึกง่วงอย่างมาก จึงหยุดเขียนและนั่งอ่านซ้ำจนเกือบจะจบตอน จูจู่เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กัสพีคมานอนนี่ได้อย่างไง” กัสได้ยินเสียงห้วนและดังมาก เขาจึงหันหน้ามองด้วยความตกใจ กัสทำอะไรไม่ถูกถึงแม้สิ่งที่เขาทำก้ำกึ่งไม่ตั้งใจก็ตาม “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเขื่อน” “ไม่ใช่แล้วพี่พีคมานอนอยู่ที่ห้องได้ไง” “ก็พี่พีคเขาเมาตามหานายไม่เจอ เขาก็มานอนรอนายอยู่นี่ไม่เห็นเหรอนะ” “ทำไมต้องถอดเสื้อผ้านอนด้วย”เขื่อนจ้องหน้ากัสเขม็ง “เหล้ามันหกเปื้อนเสื้อผ้าเขา โน้น เสื้อกางเกงของพีคเราซักตากไว้ให้”กัสชี้ไปยังที่ตากเสื้อกางเกงของพีค “เราไม่เชื่อหรอกนายสองคนต้องมีอะไรกัน” “ไม่เชื่อก็ถามพี่พีคสิ” “พี่พีค”เขื่อนตะโกนอย่างดัง พีคตกใจตื่นด้วยเสียงอันดังของเขื่อน เมื่อเขาลืมตาขึ้นและหันมามองตามเสียง ภาพที่ได้เห็นคือเขื่อนยืนนิ่งๆมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พีครู้สึกแปลกใจเขาจึงลุกขึ้นแล้วลงมาจากเตียง “มีอะไรเหรอเรียกพ

DMCA.com Protection Status