เย็นนี้เป็นคิวของกัสที่รับบทวิน ซึ่งเป็นฉากมีนพาวินไปเที่ยว มีความคล้ายคลึงเมื่อวานที่มีนพานิวไปเที่ยว โดยความเป็นคนเจ้าชู้และมนุษย์สัมพันธ์ดีของมีน เขาจึงเริ่มคบทีเดียวสองคนทั้งวินและนิว
เมื่อกัสและพีคซ้อมฉากไปเที่ยวเสร็จ พีคจึงต้องมาส่งกัสเช่นเดิมเหมือนอย่างที่มาส่งเขื่อนเมื่อคืน แต่มีสิ่งที่ไม่เหมือนกันคือพีคไม่ได้พากัสไปกินข้าว ในระหว่างที่อยู่ในรถกัสนั่งนิ่งเงียบ และรู้สึกแปลกใจทำไมพีคถึงไม่ทำเช่นเดียวกันเหมือนอย่างเขื่อน
“วันนี้น้องกัสเก่งมากเลยนะ เล่นดีมากพี่เกรซไม่ต้องสอนเท่าไร พี่เจนนี่ยังชมกัสไม่ขาดปากเลย”
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”กัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะรู้สึกเคืองพีคเล็กน้อย
“อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย พี่ว่าถ้าเรียนจบกัสไปเป็นนักแสดงได้นะ”
“ไม่หรอกครับ กัสมีงานที่อยากทำอยู่แล้วครับ”
“งานอะไรล่ะ”
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ครับ รอให้กัสทำสำเร็จก่อนเดี๋ยวจะบอกพี่พีคเป็นคนแรก”
“พี่ก็นึกว่าจะบอกเขื่อนเป็นคนแรกซะอีก”
“เขื่อนเขารู้อยู่แล้วว่ากัสทำอะไร แต่พี่พีคยังไม่รู้ไง พี่พีคก็ต้องเป็นคนแรกที่กัสบอก”เพียงกัสได้ยินชื่อเขื่อนจากปากของพีค เขาเริ่มไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมาให้เห็นภายนอก
“ใช่สิ พี่ลืมไปกัสและเขื่อนเป็นเพื่อนรักกันนี่”
“ครับ”กัสตอบสีหน้าราบเรียบเช่นเดิม
“เดี๋ยวจะรอฟังข่าวจากกัสนะ”
“แต่กัสยังไม่รู้เลยว่าจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า แต่ถ้าพี่พีครอฟังข่าวแค่นี้กัสจะทำให้เต็มที่เลย”
“พี่เอาใจช่วยนะ”
“ครับพี่พีค”
“ถึงห้องกัสแล้ว”พีคพูดขึ้นทันที เมื่อมาถึงยังหน้าห้องเช่นของกัส
“ขอบคุณพี่มากนะครับที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงอย่างไรพี่ก็ต้องมาส่งทั้งกัสและเขื่อนจนกว่าละครเรื่องนี้จะจบ”
“ครับ”
กัสลงจากรถด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่ก็หันมายิ้มให้พีคนิดนึง แล้วสู่โหมดนิ่งเหมือนเดิม
เมื่อกัสเข้ามาในห้องเขาก็พบกับความว่างเปล่า เพราะเขื่อนยังไม่กลับเข้ามาซึ่งกัสก็ไม่แปลกใจอะไร เขาคิดไปว่าอาจจะยังไม่เลิกงานหรือไปเที่ยวที่ไหนต่ออีก ด้วยนิสัยของเขื่อนชอบสังสรรค์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
กัสจึงรีบอาบน้ำกินข้าวและมายังที่ประจำของเขา กัสเปิดโน๊คบุ๊ดและครุ่นคิดว่าจะเขียนอะไรต่อจากนี้ดี เพราะก่อนหน้านี้เขาร่างโครงเรื่องไว้หมดแล้ว แต่กัสเปลื่ยนแปลงจนโครงเรื่องเริ่มรวน ในค่ำคืนนี้กัสจึงต้องปรับโครงเรื่องให้เข้าทีเข้าทาง
ในระหว่างทางที่เสือเข้มพายิวไปยังหมู่บ้านกลางหุบเขา ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับม้าคู่ใจของเสือเข้ม ม้าตัวนั้นได้หกล้มเพราะแบกรับน้ำหนักสองคนต่อไปไหว
“โอ๊ย”ยิวร้องเสียงหลงเพราะก้นกระแทกลงพื้น ที่หนักไปกว่านั้นเสือเข้มได้ล้มทับเขาอีกต่างหาก
ยิวรีบผลักร่างของเสือเข้มให้ออกจากร่างของเขา เพราะรู้สึกอึดอัดและจุกอย่างหนัก ที่ร่างอันใหญ่มาทาบทับตัวของเขา
“จะทำไงต่อม้ามันเหนื่อยแล้วนี่”ยิวลุกขึ้นั่งทันทีเมื่อร่างของเสือเข้มพ้นตัวของเขา
“ก็เดินไง ไม่ไกลจากที่นี่จะถึงหมู่บ้านคน เราค่อยไปเปลื่ยนม้าตัวใหม่”
“เราเดินไม่ไหวแล้วนะ”
“เป็นผู้ชายทำไมช่างอ่อนแออย่างนี้”
“เราไม่ใช่ผู้ชาย”
“มึงยังจะมาเถียงกูอีก เดี๋ยวกูเตะคว่ำเลย”
“ผู้ชายก็ผู้ชาย แต่ตอนนี้เราหิวมากเลย มีอะไรกินไหม”
“ไม่มี รออีกหน่อยถึงหมู่บ้านนั้นแล้วค่อยปล้นข้าวเขากิน”เสือเข้มพูดเสียงห้วนๆ
“แค่ข้าวยังปล้นอีกเหรอ ทำไมนายไม่เอาเงินไปซื้อข้าวมากิน”
“มันเรื่องของกูอย่าพูดมาก เอ่อ กูยังไม่รู้เลยว่ามึงชื่ออะไร”
“ยิว นายล่ะเสืออะไร”
“เสือเข้ม แต่มึงชื่อแปลกดีนะยิว”
“เมืองที่เรามาชื่อแปลกกว่านี้อีก ยิวนี่ถือว่าธรรมดามาก”
“บ้านเมืองมึงนี่แปลกดีหนอ ก็คงจริงนั่นแหละเพราะกูเห็นมึงนอนกอดกับไอ้แม่ทัพนั่น”
“ที่เมืองของเราทำยิ่งกว่านี้อีกนะ ทั้งกอดทั้งหอมทั้งมีอะไรกัน”ยิวเผลอพูดออกมาจนทำให้เสือเข้มอ้าปากค้าง เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ยิวพูด
“ผู้ชายกับผู้ชายนี่นะ”
“ใช่ เป็นผัวเมียกันด้วย”
“กูไม่เชื่อมึงหรอก ไม่มีทางเป็นไปได้ ผู้ชายกับผู้ชายจะทำกันได้อย่างไร”ถึงเสือเข้มไม่เชื่อแต่เขาก็อยากรู้ว่ายิวจะพูดอย่างไงต่อ
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้”
“ทำอย่างไงมึงบอกกูมาสิ”
ยิวไม่รู้จะพูดต่ออย่างไรดี เพราะขืนพูดออกไปเสือเข้มคงไม่เชื่อ ถ้าเกิดเชื่อขึ้นมาแล้วให้เขาทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ยิวไม่สามารถที่จะทำใจได้ เพราะเสือเข้มหน้ากลัวตัวใหญ่หนวดเครารุงรัง ยิวมองแล้วขนลุกขนชัน
“มึงเป็นอะไรขนลุก”
“หนาวน่ะ”
“หนาวบ้าบออะไรร้อนตายชัก แค่นี้มึงก็โกหกกู คนอย่างมึงน่าฆ่าให้ตายไม่ควรพามาด้วยเลย”
“แต่เรื่องผู้ชายกับผู้ชายมีอะไรกันทำได้จริงนะเสือเข้ม”ยิวเปลื่ยนเรื่องคุยทันที เพราะกลัวเสือเข้มจะทำร้ายร่างกายอีก
“ ถ้าทำได้จริงมึงก็ต้องบอกกูมาสิ”
“ก็ใช้ปากอมไอ้นั่น กับเอาไอ้นั่นใส่ที่ก้นไง”ยิวโมโหพูดออกไปไม่ทันคิด
“ไอ้บ้า มึงนี่ลามกจกเปรต”เสือเข้มยกมือเตรียมฟาดยิว
“อย่า”ยิวใช้มือบังไว้
ในช่วงเวลานั้นนั่นเองศัตรูเก่าของเสือเข้มที่ซุ่มดูอยู่นาน เป็นเรื่องบังเอิญที่เขาได้เดินทางผ่านมาและได้เห็นเสือเข้มกับยิว เขาจึงแอบซ่อนมองดูอยู่ เมื่อเสือเข้มเผลอสนใจแต่ยิว ศัตรูเก่าจึงวิ่งออกมาจากพุ่มไม้ เงื้อมดาบกำลังจะฟาดฟันหลังเสือเข้ม
“ระวัง”ยิวพูดขึ้นเสียงดัง เพราะยิวหันหน้าไปเห็นเข้าพอดี
เสือเข้มรีบหันไปมองและคว้าดาบตั้งรับอย่างทันท่วงที ยิวตกใจรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งไปหลบใต้ต้นไม้ข้างๆ ในระหว่างที่ทั้งสองสู้รบกันอยู่นั้น ยิวพลันคิดได้ทันทีว่าต้องหนีไปจากที่นี่ เพราะถ้าเกิดเสือเข้มพลาดท่าแพ้ขึ้นมา ยิวไม่อยากจะคิดว่าชายผู้นี้จะทำอะไรกับเขา ยิวจึงค่อยๆย่องเดินไปยังข้างตัวม้า
ยิวเห็นถุงย่ามตกอยู่ตรงตัวม้า เขาจึงก้มลงหยิบแล้ววิ่งสุดกำลัง ยิววิ่งไม่หันหลังมองแม้แต่ครั้งเดียวจนเขารู้สึกเหนื่อยจึงหยุดพัก ยิวได้สูดลมหายใจเข้าปอดคลายเหนื่อยชั่วครู่ เขาต้องตกตะลึงและหวั่นกลัวขึ้นมาอีกครา เพราะมีผู้คนกลุ่มใหญ่เดินผ่านมายังตรงที่เขานั่งพัก แต่แล้วความกลัวนั้นก็หายไป เพราะคนกลุ่มใหญ่มีทั้งชายหญิง คนหนุ่มสาว แก่ชรา เด็กน้อยเด็กโต ต่างเดินกันอย่างเร่งรีบ โดยที่ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ทำอย่างกับยิวไม่มีตัวตนในที่พวกเขาเดินผ่าน
ยิวมองผู้คนเหล่านั้นที่เดินผ่านไปเรื่อยจนเกือบหมด เหลือเพียงเด็กน้อยวัยไม่ถึงสิบขวบเดินมาหลังสุด เด็กคนนั้นได้หันหน้ามามองยิวแล้วหยุดตรงหน้าเขา
“ทำไมพี่ไม่รีบไป มานั่งรออะไร”
“ไปไหน”ยิวถามด้วยความสงสัย
“เมืองศิลานคร”
“ไปทำไม”ยิวกึ่งตกใจและดีใจคละเคล้ากันไป เมื่อได้ยินชื่อเมืองศิลานคร
“อ้าว พี่นี่ถามแปลก ก็ที่นี่มีแต่ความแห้งแล้งและโจรก็ชุกชุม ไม่รู้ว่ามาจากไหนมีหลายกลุ่ม ปล้นเงินทองอาหารของพวกเราจนไม่มีเหลือแล้ว”
“เสือเข้มใช่ไหม”
“เสือเข้มก็ใช่ เสืออื่นอีกมากมาย ไปเหอะพี่อย่ามัวพูดอะไรเลย”
“ไป”ยิวลุกขึ้นยืนและเดินพร้อมกับเด็กน้อย เพื่อไปยังเมืองศิลานคร เพราะเขาคิดไว้ว่าถ้าไปถึงเมืองศิลานคร ก็คงจะได้เจอแม่ทัพวิศรุฒอย่างแน่นอน เพราะยิวคิดว่าอยู่กับแม่ทัพวิศรุฒน่าจะดีกว่าอยู่กับเสือเข้ม แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่าแม่ทัพวิศรุฒยังมีชีวิตอยู่รอดไหม
“พี่เป็นคนเมืองไหนเหรอทำไมหน้าตาเหมือนผู้หญิง ทรงผมของพี่ก็แปลกประหลาด”
“เมืองพี่อยู่ไกล ว่าแต่ทำไมน้องถึงเดินมาคนเดียว พ่อแม่ไปไหนล่ะ”
“ตายตามทางหมดแล้ว”
“เป็นอะไรตาย”ยิวมีสีหน้าที่สงสัย
“อดตาย เพื่อให้ผมได้อยู่”
เมื่อยิวได้ฟังเรื่องราวของเด็กน้อยผู้นี่แล้วสงสารจับใจ แต่อีกใจหนึ่งเขาอาจจะเป็นเหมือนพ่อแม่ของเด็กน้อยก็ได้ เพราะตอนนี้ยิวรู้สึกหิวมากเหมือนกัน
“ต่อไปจะหาอาหารกินที่ไหนล่ะ”
“ก็กินมันกินเผือกนี่แหละ แต่มีหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าพี่มีอัฐก็หาซื้อได้นะ”
“ที่ไหนล่ะ”
“โน้น”เด็กน้อยชี้มือไปยังหน้าขบวน
“พวกเขาเอามาจากไหน”
“เอามาจากบ้านส่วนหนึ่ง และหาตามทางมาตลอด เป็นสัตว์ป่าที่เขาออกล่าแล้วย่างเก็บไว้ ส่วนใครหาไม่เป็นหรือหาไม่ได้ก็ไปซื้อ ใครไม่มีอัฐก็ต้องอด แต่ถ้าเขาเมตตาหรือกินไม่หมด พวกเราก็ไปเก็บกินจากที่เขาทิ้งไว้”
“ทำไมลำบากขนาดนี้”
“ถ้ามีฝีมือในการล่าสัตว์ไม่ลำบากหรอก อีกอย่างถ้ามีอัฐซื้อเขากินก็ได้ พี่มีอัฐไหมล่ะถ้ามีไม่ต้องกลัวอด”
“อัฐเหรอ คงหมายถึงเงินใช่ไหม”
“เงินอะไร อัฐก็คืออัฐ พี่มีไหมล่ะ”เด็กน้อยหันมามองตาละห้อย
“ไม่มีหรอกอัฐน่ะ”
“ถ้างั้นก็ต้องอด แต่ถ้าโชคดีเจอผลไม้ก็เก็บกินได้ แต่เราต้องแย่งกันนะใครไวคนนั้นก็ได้ไป”
“เหรอ พี่หาไม่เป็นด้วยซิ”
“พี่มีอย่างอื่นไหมล่ะ”
“อะไร”
“ผมจะไปรู้ได้ไงว่าพี่มีอะไร”เด็กน้อยมองย่ามที่ยิวเอามาจากเสือเข้ม
“เอ่อ ในกระเป๋านี่เหรอ”
“ใช่ ถ้ามีของมีค่าก็สามารถไปแลกอาหารกินได้นะพี่ หรือผ้าห้มของใช้ต่างๆ”
ยิวหันมองซ้ายมองขวา และยกถุงย่ามให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันสายตาของเด็กน้อย เพราะถึงเป็นเด็กเขาก็ไม่ไหวใจ ยิวค่อยๆเปิดถุงย่ามดู เมื่อเขาเห็นสิ่งที่อยู่ภายในนั้น ยิวถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะเขาเห็นแหวนทองหนึ่งวง ซึ่งน่าจะสามารถแลกอาหารได้เยอะพอสมควร ที่เหลือเป็นมีดพกกับเครื่องรางของขลัง
ค่ำคืนนี้กัสรู้สึกดีที่ได้เปลื่ยนเนื้อเรื่องกลับมาตามเดิม เพื่อให้ยิวไปหาแม่ทัพวิศรุฒ แต่ก็ต้องมีอุปสรรคนิดหน่อย เพื่อความสมจริงของเนื้อเรื่อง กัสอมยิ้มเพราะเขาถูกใจตอนนี้มาก เนื่องด้วยกัสนั่งพิมพ์นิยายมานาน เขาจึงลุกขึ้นบิดขึ้เกียจและเดินไปที่หน้าต่างดูท้องฟ้า เพื่อคลายความซึมลึกในนิยายที่เขาเขียน
กัสมองท้องฟ้าลงมาจนถึงพื้นล่าง เขาก็เห็นเขื่อนกำลังเดินเข้ามาเข้ามาภายในบริเวณห้องพัก เขามองนิ่งๆอยู่พักหลังจากนั้นเขาก็ปิดผ้าม่าน โดยไม่สนใจเขื่อนแต่อย่างใดอีก
วันหยุดนี้เขื่อนได้ออกไปจากห้องเช่าในขณะที่กัสยังไม่ตื่น เมื่อเขารู้สึกตัวก็พบแต่ความว่างเปล่า กัสไม่สามารถดาดเดาได้ว่าเขื่อนนั้นได้ไปไหนกับใคร แต่กัสก็ไม่สนใจอะไรเพราะในวันนี้เขาจะเขียนนิยายต่ออีกหลายตอน กัสจึงเริ่มต้นเขียนช่วงสายๆ หลังจากยิวและจันเด็กน้อยที่พึ่งรู้จักเดินตามขบวนจนจวบช่วงเวลาเย็น ซึ่งในตอนนี้นี่เองทุกคนต้องออกหาอาหารมากินเพื่อประทังชีวิต “พี่ชื่ออะไรน่ะ” “พี่ชื่อ เอ่อ โสภณ”ยิวไม่อยากบอกชื่อจริงออกไป เพราะเขาคิดว่าจันเด็กน้อยคนนี้อาจสงสัยอีกว่าทำไมไหมชื่อแปลก ยิวขึ้เกียจตอบคำตอบจึงเอาชื่อไม่แท้ที่เคยปลอมตัวมาเป็นชื่อของตัวเอง “ชื่อยังกับองค์ชาย”จันยิ้มร่ามองยิว “แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ” “จัน” “จัน แล้วเราจะหาอะไรกินกันดีล่ะเย็นนี้” “เอาของมีค่าไปแลกก็ได้” ยิวยืนทำตาปริบๆเพราะเขาอดเสียดายแหวนทองเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ของเขาก็ตามที และรู้สึกผิดที่เอาของคนอื่นมาขายแลกอาหารประทังชีวิต “ถ้างั้นพาพี่ไปซื้ออาหารหน่อยได้ไหม แต่ดูของมีค่าของพี่ก่อนได้
เมื่อชายหนุ่มทั้งสองได้เดินจากไป ยิวรีบไปหาจันทันที พอเขาเห็นจันแค่นั้นแหละยิวแท่บน้ำตาไหล เพราะร่างกายของจันฟกซ้ำดำเขียว แล้วยังมีรอยผิวหนังไหม้เกรียมอยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นท่อนแขนและขา “จันเจ็บมากไหม”ยิวกอดร่างของจันไว้อย่างเอ็นดู “พี่ก็เจ็บด้วยใช่ไหม”จันร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ใช่พี่ก็เจ็บ แต่พี่โตแล้วและไม่ได้โดนหนักอย่างจัน แต่จันไม่ต้องกลัวนะอดทนเข้าไว้ พอไปถึงเมืองศิลานคร พี่จะให้ท่านแม่ทัพวิศรุฒหาหมอเก่งๆมารักษาจันเอง” “ขอบคุณพี่โสพลมากเลยครับ” ยิวไม่รู้จะจัดการกับแผลของจันอย่างไร เขาได้เพียงแต่หาผ้ามาพันแผลไว้ และในช่วงเวลาเดียวกันยิวต้องพาจันเดินทางไปยังเมืองศิลานครกับกลุ่มคนพวกนี้ด้วย ถึงแม้จะหิวปานใดทั้งสองก็ต้องอดทนเพื่อความอยู่รอดให้ได้ และเมื่อยิวได้ยินว่าอีกสองวันก็ถึงเมืองศิลานคร เขาดีใจอย่างมาก แต่ยิวก็ไม่รู้จะทนความหิวได้นานแค่ไหน เพราะตอนนี้เขาไม่มีอะไรเหลือที่พอจะขายได้เลย “ออกเดินทางได้แล้ว”หัวหน้าขบวนตะโกนเสียงดัง “เดินไหวไหมจัน” “ข้าเดินไหวอยู่แผลแค่
ในวันนี้กัสต้องอยู่ในมหาวิทยาลัย เพื่อซ้อมบทละครสองฉากสำคัญ ซึ่งซ้อมเฉพาะฉากของกัสกับพีคแค่นั้น ส่วนเขื่อนได้ซ้อมไปทุกฉากแล้วที่เข้าคู่กับพีค “น้องกัสวันนี้เป็นซ้อมใหญ่ฉากของนิวและมีนไหวไหม”เจนนี่ผู้กำกับละครเวทีพูดขึ้นด้วยความมั่นใจในความสามารถของกัส “ไหวครับ” “พีคล่ะ ไหวไหมซ้อมหนักทุกวัน”เจนนี่อมยิ้มนิดๆให้กับพีคเพื่อนหนุ่ม “โอ๊ย สบายมากยิ่งได้เล่นกับกัสเข้าขากันดี” กัสฟังคำพูดของพีคแล้วรู้สึกทะแม่งในใจ เพราะเขาและพีคไม่ได้สนิทกันเลย แค่ไปส่งที่ห้องเช่าอย่างเดียว ไม่เคยไปไหนมาไหนกับพีคเหมือนเขื่อน “เอาล่ะ เริ่มเลยนะ เอาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลย” “ครับกัสรับคำ” นิวนักศึกษาหนุ่มกำลังเดินตามหาวินที่คณะ เขาจึงไม่ได้มองทางเดินเท่าไรนัก เพราะใจของเขาอยากจะไปเจอเพื่อนไวๆ นิวจึงไม่ทันระวังจนไปชนนักศึกษาหนุ่ม จนร่างของขาเซล้มลงกับพื้น “โอ๊ย”นิวร้องด้วยตกใจและเจ็บก้นกบ “ผมขอโทษไม่ได้ตั้งใจ”มีนนักศึกษาหนุ่มนั่งยองๆยื่นมือให้นิว เพียงนิวเงยหน้ามองมีนเขาถึ
กัสผิดหวังพอสมควรที่พีคไม่ได้ชวนเขาไปเที่ยวไหน ตอนอยู่บนรถพีคก็ชวนกัสคุยตลอดทาง เป็นการคุยที่ไม่ใช่คนรักกันหรือแอบชอบแต่อย่างใด จึงสร้างความผิดหวังให้แก่กัสอย่างมาก เมื่อเขามาถึงห้องจึงรีบเขียนนิยายต่อทันที เช้าวันใหม่ยิวได้เห็นสภาพของจันที่หนาวจนตัวสั่น เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับจันในช่วงเวลานี้ เขาจึงเดินไปหาผู้คนมากมายที่อยู่ในขบวนเพื่อขอยา ก็ยังพอมีคนที่มีน้ำใจให้มาซึ่งยิวไม่รู้ว่ายานั้นจะได้ผลหรือไม่ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่ปั้นเป็นยาลูกกลอน แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกยิวจึงรีบเอามาให้จันได้กินเดี๋ยวนั้นทันที “กินยาซะ” “ขอบคุณพี่มากเลย” “ไม่เป็นไรหรอกเราเป็นพี่น้องกัน เดี๋ยวตอนเย็นถึงเมืองศิลานครแล้ว พี่รับรองท่านแม่ทัพจะหาหมอเก่งๆมารักษาจันอย่างแน่นอน “ข้าจะรอ” ยิวมองจันกินยาอย่างยากเย็นเพราะเม็ดค่อนข้างใหญ่พอสมควร เมื่อจันได้กินยาเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังเมืองศิลานคร เพราะหัวหน้าขบวนได้ตะโกนบอกทุกคนให้ได้รับรู้ และเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทางต่อไป ความรู้สึกนึกคิดของยิวตอนนี้เขาไม่มั่นใจเล
กัสหยุดนิ่งไปยอมเขียนต่อ เพราะช่วงนี้จิตใจของเขายังว้าวุ่นอยู่มาก กัสจึงหยิบบทละครมาอ่านและทบทวน เพื่อจะได้เล่นให้ดีเป็นที่พึ่งพอใจแกพีค คนที่เขาแอบรักและฝันใฝ่หาอยู่ตลอดเวลาทุกเช้าบ่าย กัสจึงเริ่มอ่านตอนต่อจากเมื่อวานที่ได้ทำการซ้อมกัน นิวได้ตอบรับคำชวนของมีนไปดูหนังในค่ำคืนนี้ ทีแรกเขาก็ไม่กล้าไปแต่ในเมื่อใจของเขาต้องการจึงไม่ยากที่จะปฏิเสธความต้องการของตัวเองได้ ซึ่งในส่วนตัวของนิวก็ไม่ได้ชอบดูหนังเท่าไร แต่เมื่อได้ไปดูกับคนที่แอบปลื้มนั้น ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ได้มีความหมายอีกต่อไป เป็นครั้งแรกที่นิวต้องมาดูหนังสยองขวัญในช่วงเวลากลางคืน เขามีความกลัวอยู่บ้างแต่อย่างน้อยยังมีคนข้างกายเป็นชายหนุ่มที่เขามีความรู้สึกดีๆให้ นิวจึงคลายความหวาดกลัวไปได้พอสมควร “ปิดหน้าทำไม”มีนเอ่ยถามเมื่อหันมาเห็นวินปิดหน้าเพราะกลัวฉากหวาดเสียว “กลัวนิดหน่อย” “อยู่ใกล้ๆผมไม่ต้องกลัวหรอก” มีนดึงมือของนิวมาจับไว้บนต้นขาของเขา เพื่อเพิ่มความอุ่นใจและไว้ใจว่าไม่ต้องกลัวสิ่งใดทั้งนั้นในช่วงเวลานี้ มืออันใหญ่หยาบเล็กน้อยที่ได้สัมผัสมื
บ่ายนี้อีกฉากหนึ่งซึ่งจะมีเลิฟซีนระหว่างนิวกับมีน จึงทำให้กัสตื่นเต้นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าจะได้ใกล้ชิดพีคแบบถึงเนื้อโดนตัว นิวนั่งรอการมาของมีนในห้องเพียงลำพัง เพราะวินได้กลับบ้านไปในช่วงวันหยุดทีแรกนิวไม่อยากให้มีนมา แต่โดยลูกตื้อของมีนไม่ไหวเขาจึงจำใจให้มีนเข้ามาในห้องของเขา เมื่อถึงเวลาที่นัดหมายมีนได้มาถึงไม่ขาดไม่เกินเวลาพอดีประจวบเหมาะ “รอนานไหม”สายตาดุจพญาเสือของมีนพุ่งมุ่งไปยังร่างของนิว พร้อมยืนองอาจอยู่หน้าของนิว ซึ่งในขณะนี้นิวนั่งอยู่บนเก้าพลาสติกสีขาว “ไม่รู้นะ เพราะว่าเราอยู่ในห้องเป็นปกติ”นิวหลบตาต่ำมองพื้นห้องด้วยแพ้สายตาของมีน “อือ เราว่านิวจัดห้องได้สวยมากเลยนะ แล้วเพื่อนของนิวไปไหนล่ะ เราก็กะว่าจะได้มาเจอกันที่นี่” “กลับบ้านมาน่าจะมาพรุ่งนี้” “ดีเลย”รอยยิ้มของมีนจัดจ้านดั่งพริกหลายสิบเม็ด “ดีอะไร”แววตาของนิวเคลือบแคลงสงสัยในคำพูดของมีน “ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่จะไม่ชวนให้เรานั่งซักหน่อยเหรอ” “นั่งสิ เดี๋ยวเราเอาน้ำมาให้”นิวลุกขึ้นยืนพร้อมก้า
ตอนที่16 ซ่อนรักเมียลับๆ ยิวเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวสูงวัยพร้อมกับยกมือไหว้ แต่เขาไม่ได้ก้มกราบแต่อย่างใด ยิ่งสายตาของหญิงสาวสูงวัยมองอย่างไม่กระพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว ใจของยิวสั่นระรัวกลัวความร้ายจะเข้าตัวในไม่ช้า “เอ็งชื่ออะไรมาจากไหนบอกข้ามาซิ”หญิงสาวปาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้าไม่เว้นแม้แต่ส่วนเดียว “คือ เอ่อ อ่า คือ”ยิวไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไรดี “หรือว่าเอ็งเป็นหญิงสาวชาวป่าชาวเขา” “ไม่ใช่นะ คือ อ่า คือ หนูเป็น เอ่อ อ่า อู” “ภาษาอะไรของเอ็ง อู อ่า อ่า อู อยู่นั่นแหละ เมื่อไรข้าจะทราบว่าเอ็งชื่ออะไร” “หนูชื่อโสภี อ่า”ยิวคิดไม่ออกว่าจะบอกมาจากที่ไหนดี ตอนแรกกะจะบอกว่ามาจากเมืองโสรยา แต่ก็กลัวจะมองดูไม่ดีเพราะเป็นเมืองศัตรูของศิลานคร “เอ็งมาจากที่ไหนลูกเต้าเหล่าใคร” “หนูมาจากเมือง อะไรล่ะ” “เอ๊ะ ข้าถามเอ็งนะว่ามาจากไหน ยังมีหน้ามาย้อนข้าอีก” “อ่อ หนูมาจากเมือง เอ่อ”ยิวพยายามคิดถึงชื่อเมืองที่เขาดูในละครตอนเด็กๆ “เอ้าบอกมาเร็วๆข้าอยากรู้ว่
ฉากสำคัญของละครเวทีเรื่องนี้ได้เริ่มต้นขึ้น ก่อนเล่นจริงมีการซ้อมคร่าวๆอยู่หลายครั้ง ซึ่งเป็นเวลาที่สำคัญมากสำหรับกัสและเขื่อนรวมทั้งพีคด้วย “ให้เรารีบกลับมาห้องมีธุระอะไรเหรอหรือว่าจะเซอร์ไพร์สอะไรเรา”วินมาถึงเขาก็นั่งลงข้างๆนิวทันที “ก็นายอยากรู้จักแฟนเราไม่ใช่เหรอ”นิวอายนิดๆทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ตอบรับรักมีนเท่าไร เพราะตั้งแต่วันที่มีนไปหาถึงห้องแล้วได้มีอะไรกัน นิวจึงยอมรับรักและมอบใจให้มีนอย่างสุดหัวใจ “ใช่ มาหรือยังเราก็อยากจะรู้จักเหมือนกัน แล้วชื่ออะไรเราคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกับแฟนเราอย่างแน่นอน ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอแฟนเราด้วย เพราะเรากลับบ้านบ่อย แม้แต่นายเรายังไม่ค่อยได้เจอเท่าไรเลย เราก็เลยลืมๆไปบ้าง” “ไม่เป็นไรหรอกวันนี้นายก็จะเจอแล้วค่อยแนะนำทีเดียวจบเลยดีกว่า” “อือ” ทั้งสองนั่งอย่างระทึกด้วยความอยากรู้ว่าแฟนคนแรกของนิวเป็นใคร ส่วนวินก็อยากรู้ว่าแฟนของนิวเป็นเพื่อนกับแฟนของเขาหรือเปล่า “มาแล้ว”นิวเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู นิวจึงรีบไปเปิดประตูห้องแล้วพามีนเดิ
เป็กผู้ช่ำชองในยามราตรี เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ศุกร์เสาร์ทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวตัวยงที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ นอกจากพ่อรวยรูปหล่อสายเปย์อีกต่างหาก จึงมีหลายคนเข้ามาพัวพันไม่ขาดสาย เมื่อเป็กพายิวมาเที่ยว จึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองด้วยความอิจฉา แต่ยิวหาสนใจไม่ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นชินในโลกปัจจุบันเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น“เป็นไงบ้างมาเปิดหูเปิดตา” เป็กยื่นแก้วเพื่อชน“ก็โอเคนะ เป็นครั้งแรกที่เราได้มา รู้สึกว่าน่าสนใจกว่าเมืองโบราณอีก” ยิวเผลอคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ออกมา“เมืองโบราณอะไร” เป็กมีสีหน้าที่มึนงง“อ่อ เปล่า สนุกดีเราไปเต้นกันไหม”“อะไรนะ เราไม่อยากเชื่อเลยนายจะชวนเราไปเต้น นายเปลื่ยนไปหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายว่ะ” เป็กหัวเราะ“ไม่ได้เปลื่ยนนี่แหละตัวจริง ที่เห็นก่อนหน้านี้ตัวปลอม แอ๊บไว้ไงแต่ไม่เห็นมีใครชอบเลย เป็นตัวของตัวเองดีกว่า” ยิวเสแสร้งแกล้งพูดเพราะในความจริงเป็นร่างของคนอื่น เพียงแต่เขาแค่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้เท่านั้น“ร้ายนะ แกล้งเงียบถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้เราจีบตั้งนานแล้ว”“อะไรนะ” ยิวรู้สึกมึนงงและสับสนกับคำพูดของเป็ก“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ เ
กัสนั่งนิ่งๆ ก่อนที่จะไปท้องพระโรง เขาคิดย้อนเหตุการณ์เมื่อเสือเข้มพามาถึงยังหมู่บ้านกองโจร ซึ่งคนละที่กับซุ้มเสือเข้ม เพียงแค่เข้าไปถึงแม้จะไม่ประหลาดใจ แต่ก็ต้องอึ้งกับผู้คนในที่แห่งนี้ ที่มีหลากหลายอายุคละกันไป และมีการฝีกปรือฝีดาบอย่างขะมักเขม้น แต่เขาก็พยายามมองผ่านและเดินตามเสือเข้าไปข้างใน“แม่นมข้ากลับมาแล้ว” เสือเข้มวิ่งเข้าไปกราบแท่บเท้าของ มัณฑนานางกำนัลเก่าแห่งเมืองเมฆาบุรี“หายไปนายมากเลยนะ แม่อดคิดถึงเอ็งไม่ได้เลย เอ้า แล้วพาใครมาด้วยล่ะนะ” มัณฑนามองมายังกัสที่ยืนนิ่ง แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของมัณฑนาเขาก็ต้องนั่งลงแต่โดยดี“เพื่อนข้าเอง” เสือเข้มอมยิ้ม“เพื่อนเอ็งเป็นใครกัน ทำไมผิวพรรณยังกับคนในรั้วในวัง รูปร่างก็บอบบางยังกับอิสตรี เอ็งไปรู้จักกับเขาได้อย่างไรกัน”“ข้าเจอโดยบังเอิญชื่อโสภณ เป็นโอรสลับๆ ของสนมแห่งเมืองโสรยานคร”กัสรู้สึกประดักประเด่อพอสมควร เพราะเขากับเสือเข้มได้ตกลงตอนเดินทางมาที่แห่งนี้ ความคิดเช่นเดิมได้เกิดครั้งแรกที่เขาได้เจอแม่ทัพวิศรุฒ แต่ได้ปดมดเท็จว่าเป็นองค์ชายโสภณ กัสจึงทำตามเช่นเคยซึ่งเสือเข้มก็เห็นพ้องไม่ทัดทาน“อ่อ องค์ชายตกยาก คงจะเป็นคนองค์ชา
ยิวหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดดูแต่เป็นที่น่าเสียดาย มันสามารถที่จะติดได้เนื่องจากวันนั้นล้มกระแทกจนเสียหาย ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะเขาต้องทำงานส่งอาจารย์ และอีกอย่างหนึ่งด้วยความอยากรู้ว่ากัสได้บันทึกหรือทำอะไรไว้ในนี้บ้างยิวจึงพับโน๊ดบุ๊คไว้ตามเดิม และกะว่าช่วงเย็นจะเอาไปซ่อม แต่ติดปัญหาคือเขาไม่มีเงินพอที่จะนำไปซ่อม เขาจึงหยิบโทรศัท์มือถือของกัสมาเปิดดู ซึ่งได้ล็อครหัสไว้จึงทำให้ไม่สามารถเปิดได้ มีเพียงรับสายอย่างเดียวแค่นั้น ยิวจึงลองนำวันเดือนปีเกิดของกัสมาใส่ ซึ่งก็ได้ผลทันทีมือถือเครื่องนี้ปลดรหัสได้ แต่นั่นไม่เท่ากับภาพหน้าปกเป็นรูปของพีค ยิวจึงเกิดความอยากรู้ต่อไปเขาจึงเปิดดูในแกเลอรี่ ซึ่งในนั้นมีแต่ภาพพีคเต็มไปหมดดวงตาอันกลมโตของยิวได้หลับลง พร้อมจินตนาการเรื่องราวของกัสว่าเป็นอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้ ซึ่งในหัวของเขาก็เห็นแต่หน้าพีคอยู่เพียงผู้เดียว พอเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบดูทันทีซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นพีคนั่นเอง“อยู่ห้องไหมน้องกัส”“อยู่พี่พีคมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่โทรถามเฉยๆ ถ้าอยู่พี่จะไปหา”“พี่มีธุระอะไรเหรอ”“จะไปหาต้องมีธุระด้วยใช่ไหม”“เป
นางกำนัลสาลินีได้นำพาพระโอรสของราชาเมษากับราชินีสีวิกา เดินลัดเลาะหลบมุมตลอดทาง จนมาถึงข้างๆ ตำหนักของชายามาริสา เธอรออยู่พักหนึ่งมันฑนานางกำนัลร่วมรุ่นมาพร้อมพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสา“ข้ารอตั้งนานนึกว่าเอ็งไม่มาแล้ว ยังดีที่พระโอรสไม่ร้องเลย” นางกำนัลสาลินีเอ่ยขึ้นด้วยใจระทึกมองซ้ายมองขวา แล้วมององค์ชายแสนอาภัพที่เธออุ้มมา“เอาน่าอย่าพูดมากเลยเอาเด็กมาสลับกัน” นางกำนัลนำพระโอรสที่ซ่อนมาในตะกร้าผ้าออกมานางกำนัลสาลินีและนางกำนัลมัฑนาต่างสลับพระโอรสกันตรงนั้น แต่สายตาทั้งสองก็ไมวายมองรอบๆ บริเวณ ด้วยความกลัวใครจะมาพบเห็น“เอ่อ เอ็งออกมาได้อย่างไงไม่มีทหารเหรอ” นางกำนันสาลินีถาม“มี แต่ทหารที่เฝ้ารู้จักกันก็เลยพอเอาออกมาได้”“เอ้านี่ คือแหวนที่มเหสีสีวิกามอบไว้ให้องค์ชาย”“อือ”มัณฑรับแหวนไว้แล้วรีบพาองค์ชายเข้าไปในพระตำหนักอย่างทันท่วงที ส่วนสาลินีไม่รอช้ารีบน้ำองค์ชายที่สลับเปลื่ยนไปยังตำหนักราชินีสีวิกาเช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหลบเหล่าทหารที่กำลังออกตระเวนเมื่อสาลินีมาถึงยังตำหนักของราชินีสาลินี เธอรีบน้ำพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสาวางไว้ข
หนึ่งหนุ่มกับสาวอีกคนนั่งมองหน้ากันในห้องชมรมละคร หลังจากนักศึกษาในชมรมนี้ออกไปไปหมดแล้ว เจนนี่ผู้กำกับสาวนั่งนิ่งมองหน้ายิวอยู่พักหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่มองอยู่นั้น ได้เห็นแววตาอันเปลื่ยนแปลงไป เพราะมีความสู้คนและเปิดเผยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด“วันนี้น้องกัสเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมการแสดงของน้องแปลกไป และไม่เข้ากับบมที่ได้รับ”“เปล่าครับ ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง”“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องนะ แต่พี่อยากบอกว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับการแสดงให้มาก คือเมื่อก่อนกัสอินกับละครจนไม่สามารถที่จะออกจากบทนั้นได้ แต่ทำไมตอนนี้กัสไม่อินเหมือนเดิมกลับกันเป็นคนละคนเลย”ยิวอยากจะเถียงแต่เขาก็ต้องเก็บกลั้นอามรมณ์นั้นไว้ เพราะในตอนนี้เขาได้เขามาอยู่ในร่างของกัน ซึ่งจากการคาดคะเนของยิวนั้น กัสน่าจะมีนิสัยที่แตกต่างจากเขาอย่างมาก“ครับ” ยิวรับคำแต่โดยดีและไม่พูดสิ่งใดออกมา“ดีแล้ว พี่จะให้กัสพักสองวันนะเพื่อลองทบทวนอะไรบางอย่าง กลับได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำจะอันตราย”“ขอบคุณพี่มากครับ” ยิวยกมือไหว้พร้อมกับศีรษะให้เจนนี่ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และไม่หันหรือหยุถเดินแต่อย
กัสเดินเข้ามาในตำหนักว่างเปล่าที่มีผู้คนคอยรับใช้อย่างมากมาย ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต่อไปนี้ไม่น่าจะลำบากกาย แต่อันตรายนั้นน่าจะอยู่รอบตัวเขาอย่างแน่นอน กัสจึงหวั่นผวากลัวอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอนกจากทนและจำยอมมาในที่แห่งนี้ พร้อมกับเสือเข้มผู้องอาจ และท่านอำมาตย์มงคลผู้มีแผนการอันแยบยล“เอ็งจำไว้นะว่าชื่อเมธี เป็นรัชทายาทแห่งเมืองเมฆาบุรี เป็นพระราชโอรสของอดีตราชาเมษากับราชินีสีวิกา” อำมาตย์มงคลพูดจบก็หันไปมองกัสที่นั่งนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ“ส่วนองค์ชายตัวจริง กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ต้องเรียกว่าองครักษ์เข้ม”“ไม่เป็นไรหรอกข้าแค่อยากมาแก้แค้นให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น”“ดีมากพระองค์ แต่พระองค์ต้องลำบากลำบนเป็นโจรก็เพราะราชาเมฆาที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไปนี่พระเจ้าค่ะ”“ท่านอำมาตย์ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นองครักษ์เข้ม ท่านอย่าพูดกับข้าเป็นองค์ชายอย่างนั้น องค์ชายตัวจริงอยู่โน่น” เสือเข้มโบ้ยปากไปทางกัสที่กำลังนั่งนิ่งๆ“เอ่อ ขอโทษข้าลืมไป ถ้าอย่างขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอาไปว่าคืนนี้คุยกันดีๆ และเตรียมตัวอย่างที่เราตกลงกันไว้” เมื่ออำมาตย์มงคลพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันทีกัสครุ่นคิด
ยิวนั่งมองเขื่อนขนของย้ายห้องออกไปอย่างไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยแต่อย่างใด ยิวจึงมีแต่ความเย็นชาใส่เขื่อน เมื่อเขื่อนขนของเสร็จเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำลาสักคำ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ไม่พูดอะไรออกมาให้เขื่อนได้อย่างยินเช่นกัน พออยู่คนเดียวภาวะจิตใจของยิวนั้นเริ่มว้าวุ่นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้ง เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรียนอยู่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พอกับจากมหาวิทยาลัยเขาก็นอนอ่านนิยายแล้วหลับไปตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์นิยายเรื่องนักรักบันลือโลกไปแล้ว นักเขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดตัวเขาให้มากพอ ยิวจึงมีความทรงจำในยุคปัจจุบันอยู่แค่นี้ แต่เรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันยิวกับรู้ทำได้ทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ยิวเริ่มค้นห้องและตรวจสอบทุกอย่างในความเป็นตัวกัส เขาจึงรู้ว่ากัสเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ซึ่งคนละคณะกับเขาเลย เพราะยิวเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิวยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรกับชีวิตที่อยู่ในร่างกัส แต่เขาคิดว่ายังดีกว่าไปอยู่นิยายเมืองโบราณที่ไม่มีความทันสมัย ซึ่งเขาได้พบความอยากลำบากมาแล้ว ยิวจึง
ตอนที่24 ตัวเราลิขิตเอง น้ำกระเด็นทั่วเรือนร่างและโดนหนักตรงบริเวณใบหน้า จึงทำให้กัสได้สติเขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย และภาพตรงหน้าที่เขาได้พบเห็น เป็นชายหนุ่มสูงใหญ่มีหนาวดเคราหนาจนกัสรู้สึกหวั่นกลัวอย่างหนัก เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณ ซึ่งมีแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่และหญ้าสูงเคียงเอว “มึงเป็นบ้าอะไรใส่ชุดใหญ่ผู้หญิงไอ้ยิว”เสือเข้มผู้ช่วยชีวิตกัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขมึงตึง “เราไม่ได้ชื่อยิวเราชื่อกัส”เมื่อกัสได้ยินชื่อยิวเขาก็ใคร่สงสัยและครุ่นคิดอย่างหนัก ยิ่งเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้ด้วย ทำให้กัสถึงกับพอจะรู้อะไรบ้างแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร “มึงพูดดีๆว่ามึงชื่ออะไร” กัสมองไปรอบๆอีกครั้งและหยิกตัวเองซึ่งเขาก็รู้สึกเจ็บพอสมควร ในช่วงเวลานี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เท่าที่เขาจำได้ก่อนหน้านี้กำลังทะเลาะอยู่กับเขื่อน และก็โดนผลักจนล้มลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากนั้นกัสไม่สามารถที่จะจำอะไรได้อีกเลย “ที่นี่ที่ไหน”กัสพูดด้วยความมึนงง “ศิลานคร” “แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เมื่อเขียนนิยายได้หนึ่งตอนกัสจึงรู้สึกง่วงอย่างมาก จึงหยุดเขียนและนั่งอ่านซ้ำจนเกือบจะจบตอน จูจู่เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กัสพีคมานอนนี่ได้อย่างไง” กัสได้ยินเสียงห้วนและดังมาก เขาจึงหันหน้ามองด้วยความตกใจ กัสทำอะไรไม่ถูกถึงแม้สิ่งที่เขาทำก้ำกึ่งไม่ตั้งใจก็ตาม “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเขื่อน” “ไม่ใช่แล้วพี่พีคมานอนอยู่ที่ห้องได้ไง” “ก็พี่พีคเขาเมาตามหานายไม่เจอ เขาก็มานอนรอนายอยู่นี่ไม่เห็นเหรอนะ” “ทำไมต้องถอดเสื้อผ้านอนด้วย”เขื่อนจ้องหน้ากัสเขม็ง “เหล้ามันหกเปื้อนเสื้อผ้าเขา โน้น เสื้อกางเกงของพีคเราซักตากไว้ให้”กัสชี้ไปยังที่ตากเสื้อกางเกงของพีค “เราไม่เชื่อหรอกนายสองคนต้องมีอะไรกัน” “ไม่เชื่อก็ถามพี่พีคสิ” “พี่พีค”เขื่อนตะโกนอย่างดัง พีคตกใจตื่นด้วยเสียงอันดังของเขื่อน เมื่อเขาลืมตาขึ้นและหันมามองตามเสียง ภาพที่ได้เห็นคือเขื่อนยืนนิ่งๆมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พีครู้สึกแปลกใจเขาจึงลุกขึ้นแล้วลงมาจากเตียง “มีอะไรเหรอเรียกพ