บ่ายนี้อีกฉากหนึ่งซึ่งจะมีเลิฟซีนระหว่างนิวกับมีน จึงทำให้กัสตื่นเต้นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าจะได้ใกล้ชิดพีคแบบถึงเนื้อโดนตัว
นิวนั่งรอการมาของมีนในห้องเพียงลำพัง เพราะวินได้กลับบ้านไปในช่วงวันหยุดทีแรกนิวไม่อยากให้มีนมา แต่โดยลูกตื้อของมีนไม่ไหวเขาจึงจำใจให้มีนเข้ามาในห้องของเขา เมื่อถึงเวลาที่นัดหมายมีนได้มาถึงไม่ขาดไม่เกินเวลาพอดีประจวบเหมาะ
“รอนานไหม”สายตาดุจพญาเสือของมีนพุ่งมุ่งไปยังร่างของนิว พร้อมยืนองอาจอยู่หน้าของนิว ซึ่งในขณะนี้นิวนั่งอยู่บนเก้าพลาสติกสีขาว
“ไม่รู้นะ เพราะว่าเราอยู่ในห้องเป็นปกติ”นิวหลบตาต่ำมองพื้นห้องด้วยแพ้สายตาของมีน
“อือ เราว่านิวจัดห้องได้สวยมากเลยนะ แล้วเพื่อนของนิวไปไหนล่ะ เราก็กะว่าจะได้มาเจอกันที่นี่”
“กลับบ้านมาน่าจะมาพรุ่งนี้”
“ดีเลย”รอยยิ้มของมีนจัดจ้านดั่งพริกหลายสิบเม็ด
“ดีอะไร”แววตาของนิวเคลือบแคลงสงสัยในคำพูดของมีน
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่จะไม่ชวนให้เรานั่งซักหน่อยเหรอ”
“นั่งสิ เดี๋ยวเราเอาน้ำมาให้”นิวลุกขึ้นยืนพร้อมก้าวเท้าไปยังตู้เย็น
“เดี๋ยวก่อน”มีนเอื่อมมือจับแขนของนิวไว้แน่นพอสมควร
“อะไร”สายตาของนิวมีท่าทีสงสัย และคิดไว้ในส่วนลึกว่ามีนต้องมีแผนในใจอย่างแน่นอน
“เปลื่ยนเป็นอยากกินนิวได้ไหม”สายตาอันกรุ่มกริ่มมือที่เหนียวและกำลังแขนที่แข็งแกร่งได้ดึงร่างของนิวมานั่งอยู่บนตัก
“นายจะทำอะไร”
“ทำอย่างที่คนเขารักกันทำไง”
“เราพึ่งรู้จักกันนะ”
“เวลาไม่ใช่ปัญหาขอเพียงใจเราตรงกันแค่นั้นเป็นพอ เรื่องอื่นเราอย่าไปสนมันเลย”
“คือ”นิวมีท่าทีลังเล
“ไม่ต้องลังเลอะไรอีกต่อไป”
นิวรู้สึกตื่นเต้นและหวั่นไหวกับคำพูดของมีน ที่ป้อนมาแต่ละคำทำให้ใจของนิวสุดจะต้านทานแรงรักของมีนได้ นิวจึงทำได้แต่เพียงนั่งนิ่งๆอมยิ้มนิดๆด้วยใจละลายในชั่วเวลานั้น เขารู้สึกถึงสัมผัสจากริมฝีปากของมีน ที่จับใบหน้าของเขาให้โน้มต่ำลงมาชนกับริมฝีปาก เพียงแค่สัมผัสนิดหน่อยใจของนิวนั้นล่วงหล่นหายไปในทันที
“คัท น้องกัส พีคเก่งมากๆ”เจนนี่ผู้กำกับสาวกำมือชูขึ้นนิดหน่อยและดันลงด้วยความดีใจ
“สาววายอย่างฉันเลือดกำเดาไหลหมดตัวแล้ว”เกรซแอคติ้งโค้ชที่ไม่ค่อยได้ทำหน้าที่ในวันนี้เท่าไร เพราะพีคและกัสแสดงได้อย่างถึงอามรณ์
กัสรู้สึกเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก เขาจึงยังนั่งบนตักของพีคอยู่เหมือนเดิม เหตุหนึ่งที่กัสยังไม่ลุกขึ้นจากตักของพีค เพราะพีคยังไม่ได้คลายกอดนิวเช่นเดียวกัน
“พีค มันจบแล้ว เลิกกอดนิวได้ไหม”เกรซเอ่ยขึ้น
“โทษทีลืมตัว”พีคอมยิ้มนิดๆพร้อมคลายกอดนิวที่เกร็งร่างไปทั้งตัว
เมื่อพีคคลายกอด กัสจึงรีบลุกจากตักของพีค แล้วก้มหน้าต่ำด้วยความเขินอายที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้เป็นฉากสำคัญ เป็นการซ้อมครั้งแรกฉากสามคนนะ กัสเตรียมตัวไว้ด้วย เพราะจะเป็นฉากพีคของเรื่องและดราม่าหนักมาก”
“ครับ ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ”นิวยกมือไหว้ทุกคนรวมทั้งพีคด้วย
“วันนี้ไม่ไปส่งน้องกัสเหรอนั่งเงียบเลย”เจนนี่เอ่ยขึ้น
“ไปสิ”พีคลุกขึ้นยืนทันที แล้วเดินไปยังนิวที่กำลังเดินออกจากห้องชมรมละครเวที
กัสเดินตัวเกร็งเคียงคู่พีคที่มีสีหน้านิ่งเฉย แต่นิวไม่ได้สนใจใบหน้าและท่าทางของพีคแต่อย่างใด เขาได้แต่ก้มหน้าเดินไปเรื่อยๆ จนถึงรถของพีคที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนัก เมื่อถึงทั้งคู่ขึ้นเข้าไปยังในรถ หลังจากนั้นพีคก็ขับรถแล่นออกไปในทันที
“พี่ไม่อยากเชื่อเลยว่ากัสจะมีมุมหวานๆด้วย”คำพูดของพีคดูเหมือนชม แต่สายตาของเขาไม่ได้บ่งบอกเหมือนอย่างที่พูด
“ก็ไม่หวานขนาดนั้นหรอกครับ”
“คนเก่ง มักจะถ่อมตัวอย่างนี้แหละ”
“ก็ไม่ได้เก่งอะไรนะครับ”
“ขนาดนี้ไม่เก่งจะให้เรียกว่าอะไรอีกล่ะ”
“เรียกอะไรก็ได้”กัสเขินอายจนถึงกับจับนิ้วตัวเองเล่น
“เรียกอะไรก็ได้ ถ้างั้นก็เรียกแบบนี้ดีกว่า น้องนิวน้องรัก”พีคหันมายิ้มให้กัสพร้อมกับเม้มปากพยักหน้าเล็กน้อย
“อย่างงั้นก็ได้ครับ”
ด้วยความเขินอายจึงทำให้นิวไม่ได้ฟังความหมายเป็นนัย ในสิ่งที่พีคพูดขึ้นมาอย่างตั้งใจ กัสจึงได้แต่คิดไปเพียงว่าพีคอาจเริ่มมีใจให้เขาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย
“ยิ้มอะไรเหรอ ดูสิยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”พีคเห็นอากัปกิริยาของกัส เขาก็อมยิ้มตามนิวด้วยความเอ็นดู
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่พีค”
นิวไม่สามารถที่จะโต้ตอบหรือพูดจาต่อกับพีคได้ เพราะช่วงเวลานี้เขายังรู้สึกเขินอยู่ จนไม่อยากมองหน้าพีคที่กำลังขับรถมาส่งเขายังห้องเช่า ซึ่งก็ใช้เวลานานสมควรกว่าจะมาถึง
“พรุ่งนี้เจอกันนะ”พีคยิ้มเต็มทั้งใบหน้า
“ครับ”กัสยิ้มตอบอย่างขวยเขินและก้มหน้านิดนึงก่อนลงจากรถ
เมื่อกัสมาถึงบนห้องของเขา กัสจึงไม่รอช้าเปิดโน๊คบุ๊คทันที เขาพร้อมที่จะเขียนนิยายอย่างมีความสุขอีกครั้ง
ยิวได้สลัดความเศร้านั้นทิ้งไปตามคำแนะนำหัวหน้าขบวน และยิวก็ได้สิ่งของคืนทุกอย่างตั้งแต่แหวนและเครื่องรางของขลังในย่าม พร้อมมีดพกขนาดเล็กที่นำติดตัวไปด้วย ก่อนที่จะเข้าไปในเมืองศิลานคร ยิวได้ขอผ้าโพกศรีษะจากหัวหน้าขบวน โดยที่ยิวรับปากไว้ว่าถ้าถึงในเมืองแล้วให้หัวหน้าขบวนได้พาลูกชายไปหาเขาได้เลย ซึ่งยิวก็ได้ทำความรู้จักลูกชายหัวหน้าขบวนไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งอายุนั้นน้อยกว่ายิวสามถึงสี่ปี เพราะยิวพึ่งจะย่างเข้ายี่สิบเอ็ด ลูกชายของหัวหน้าขบวนอายุราวๆสิบหกชื่อจอม ซึ่งรูปร่างสูงใหญ่กว่ายิวอย่างมาก
ร่างกายผอมบางของยิวได้ยืนต่อคิวเพื่อเข้าเมืองศิลานคร ซึ่งยิวได้ต่อคิวไม่นานก็ขึ้นช่วงเวลาของเขาที่ต้องตอบคำถามของทหารเฝ้ายามประตูเมือง
“เดี๋ยวก่อน”ทหารยามนายหนึ่งเรียกยิวให้ออกจากผู้คนที่ต่อแถว
“ชื่ออะไร”ทหารนายนั้นถามห้วนๆ
“ชื่อโสพล”
“ผู้หญิงอะไรชื่อโสพล”
เมื่อยิวได้ยินเช่นนี้ก็เป็นตามแผนการณ์ที่เขาวางไว้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาเป็นอิสตรี ยิวจึงต้องเปลื่ยนชื่อกะทันหัน เมื่อเขาลองแกล้งบอกชื่อโสพลไป และเหล่าทหารคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง
“ข้าชื่อโสภี”ยิวพยายามปิดบังใบหน้า ซึ่งในปัจจุบันผมของยิวเริ่มยาวถึงบ่าจึงทำให้ดูเหมือนหญิงสาวมากขึ้นกว่าเดิม
“หน้าตาสะสวยดี อย่างนี้ต้องคัดเข้าไปทำงานในวัง”
“คือ ข้าคงไปไม่ได้หรอก”
“เอ็งคิดจะขัดขืนเหรอ”ทหารคนเดิมเสียงห้วนขึ้น พร้อมจ้องมองยิวอย่างเขม็ง
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก คือข้าเป็นเมียท่านแม่ทัพวิศรุฒ”
“เอ็งเอาอะไรมาพูด ท่านแม่ทัพไม่เคยมีเมีย”
“ข้าจะโกหกทำไม โกหกไปก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด เพราะความจริงถ้าข้าไม่ใช่ เมื่อท่านแม่ทัพเห็นข้าถ้าไม่ใช่ ก็คงโดนท่านแม่ทัพสังหารเป็นแน่”ยิวพยายามใช้คำพูดให้ดูเข้ากับยุคสมัยให้ได้มากที่สุด แต่ยิ่งพูดเขากับยิ่งงงพูดวกวนจนทหารต้องทบทวนคำพูดของยิว ก่อนจะโต้ตอบกลับมาอีกครั้ง
“มันจะใช่อย่างที่เอ็งว่ารึ”
“ก็ได้ ท่านคิดว่าแต่ไม่ใช่ ถ้าเกิดท่านแม่ทัพรู้ทีหลังพวกท่านอาจเดือดร้อนก็ได้ อ่อ ข้ายังรู้จักทหารคนสนิทของท่านแม่ทัพด้วยที่ชื่อทัน”
เมื่อทหารคนเดิมได้ยินยิวพูดจาหนักแน่นและย้ำหลายรอบ เขาจึงเริ่มเชื่อคำของยิวบ้างแต่ยังไม่ไว้ใจซะทีเดียว ทหารคนนั้นจึงตัดสินใจส่งตัวยิวไปเรือนท่านแม่ทัพ แทนนำตัวเข้าไปเป็นข้าทาสในวัง เพราะอย่างน้อยถ้าเป็นเมียท่านแม่ทัพจริง อาจได้ความดีความชอบและมีรางวัลให้ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่มีปัญหาอะไรแค่ส่งเข้าไปในวังตามความคิดเดิม
“ข้าจะให้นายทหารพาเอ็งไป แต่อย่ามีลูกไม้ใดๆรู้ไว้ด้วย มิเช่นนั้นคออาจจะไม่ได้อยู่บนบ่า”
“ข้าจะมีลูกไม้อะไร เพราะถ้าข้าไปแล้วไม่ใช่เมียท่านแม่ทัพ คิดเหรอท่านแม่ทัพจะไว้ชีวิตข้า”
“ท่านแม่ทัพไม่ทำอย่างนั้นหรอก เขาก็จะส่งเอ็งไปในวังเหมือนเดิม”
ยิวไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากปลอมตัวเป็นหญิงเข้าไปเรือนท่านแม่ทัพ จากคำพูดและพูดจาของทหารคนนี้ทำให้ยิวแน่ใจมากยิ่งขึ้น ว่าท่านแม่ทัพวิศรุฒยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้โดนฆ่าตายอย่างคำบอกเหล่าของเสือเข้ม
“เอ็งไปได้แล้ว”
ยิวยังไม่ได้ทันตั้งตัวเตรียมใจแต่อย่างใด ทหารคนใหม่ก็เดินมาหาเขาและพาตัวเขาเดินเข้าไปในเมืองศิลานคร ก่อนเดินเข้าไปลึกขึ้น ยิวได้เห็นหัวหน้าขบวนกับลูกชายยิ้มให้อย่างยินดี ยิวจึงทำได้แค่ยิ้มตอบรับอย่างอ่อนๆ แล้วหันมาคุยกับทหารคนใหม่ที่กำลังจะพาเขาไปยังเรือนท่านแม่ทัพวิศรุฒ
“ท่านเรือนแม่ทัพวิศรุฒอยู่อีกไกลไหม”
“ไม่ไกลหรอก หรือว่าเอ็งจะกลัวขึ้นมาแล้ว ถ้ากลัวกลับใจตอนนี้ยังไม่สายนะ”
“ทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย”
“ถ้าไม่กลัวก็ตามข้ามาและไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ”
สายตาของยิวมองค้อนทหารคนใหม่ตอนทีเผลอ เพราะไม่กล้าแสดงออกมาตรงๆ ยิวจึงได้แค่เดินตามทหารคนใหม่อย่างเงียบๆจนมาถึงเรือนท่านแม่ทัพวิศรุฒ ยิวจึงรีบมองเข้าไปข้างในทันที ซึ่งเป็นเรือนไม้หลังใหญ่มีอาณาบริเวณกว้างขวางสุดลูกตา ยิ่งยิวมองไปรอบๆแล้วอดคิดไม่ได้ว่าเหมือนเรือนเหล่าอำมาตย์ ในละครจักรๆวงศ์ๆอีกมิติหนึ่งที่เขาจากมา
“ยืนเหม่ออะไรหรือว่ากลัว”ทหารคนใหม่มองด้วยสายตาปรามาส
“กลัวอะไรซะที่ไหน ทำไมต้องกลัวเพื่อ”
“เอ็งนี่พูดจาแปลกประหลาด ไม่รู้ท่านแม่ทัพเอาเป็นเมียได้ไง”
“พูดกับเมียท่านแม่ทัพดีๆนะไม่งั้นคอจะไม่อยู่บนบ่า”
ด้วยความกลัวว่ายิวจะเป็นเมียท่านแม่ทัพวิศรุฒจริงๆ ทหารที่พายิวมาจึงไม่พูดอะไรต่ออีกเลย ได้แต่เดินนำหน้ายิวมายังเรือนท่านแม่ทัพจึงถึงตีนบันได โดยทหารคนเดิมเดินขึ้นไปบันได้ขั้นสองขั้นสาม พอจะขึ้นขั้นสี่ทหารคนนั้นหยุดมองยิว แล้วใช้สายตาบ่งบอกให้ขึ้นตามมา ยิวจึงรีบขึ้นตามไปด้วยใจที่ระทึกจนถึงบนเรือนชาน และสิ่งที่พบเห็นมีหญิงสาวสูงวัยนั่งพับเพียบกินหมากพลู อยู่กับหญิงสาววัยอ่อนกว่าหลายคนกำลังนั่งพัดวีให้คลายร้อน
“นั่งลง”ทหารคนเดิมกระซิบเบาๆให้ยิวได้นั่งลง
ตอนแรกยิวได้นั่งขัดสมาธิตามทหาร แต่โดนสายตาของเหล่าหญิงสาวตรงหน้ามองอย่างใคร่สงสัย เขาจึงเปลื่ยนมานั่งพับเพียบเรียบร้อยอย่างกับในละคร
“เอ็งพาใครมารึ”หญิงสาวสูงวัยเอ่ยขึ้นกับทหารและมองมายังยิวที่ก้มหน้าก้มตา
“หญิงสาวผู้นี้ได้บอกข้าว่าเป็นเมียท่านแม่ทัพวิศรุฒ”
“ฮ่ะ วิศรุฒลูกข้าไปเมียมีตั้งแต่เมื่อไร ตั้งแต่กลับมาจากเมืองโสรยาก็ไม่เห็นพูดเรื่องเช่นนี้ให้ข้าได้ฟังเลย”
หญิงสาวสูงวัยอายุสี่สิบกลางๆมองยิวอย่างใคร่สงสัย และแปลกใจไปในตัวว่าบุตรของเขาแอบไปมีเมียตั้งแต่เมื่อไร โดยที่เธอไม่ได้รับรู้มาก่อนเลย
ตอนที่16 ซ่อนรักเมียลับๆ ยิวเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวสูงวัยพร้อมกับยกมือไหว้ แต่เขาไม่ได้ก้มกราบแต่อย่างใด ยิ่งสายตาของหญิงสาวสูงวัยมองอย่างไม่กระพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว ใจของยิวสั่นระรัวกลัวความร้ายจะเข้าตัวในไม่ช้า “เอ็งชื่ออะไรมาจากไหนบอกข้ามาซิ”หญิงสาวปาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้าไม่เว้นแม้แต่ส่วนเดียว “คือ เอ่อ อ่า คือ”ยิวไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไรดี “หรือว่าเอ็งเป็นหญิงสาวชาวป่าชาวเขา” “ไม่ใช่นะ คือ อ่า คือ หนูเป็น เอ่อ อ่า อู” “ภาษาอะไรของเอ็ง อู อ่า อ่า อู อยู่นั่นแหละ เมื่อไรข้าจะทราบว่าเอ็งชื่ออะไร” “หนูชื่อโสภี อ่า”ยิวคิดไม่ออกว่าจะบอกมาจากที่ไหนดี ตอนแรกกะจะบอกว่ามาจากเมืองโสรยา แต่ก็กลัวจะมองดูไม่ดีเพราะเป็นเมืองศัตรูของศิลานคร “เอ็งมาจากที่ไหนลูกเต้าเหล่าใคร” “หนูมาจากเมือง อะไรล่ะ” “เอ๊ะ ข้าถามเอ็งนะว่ามาจากไหน ยังมีหน้ามาย้อนข้าอีก” “อ่อ หนูมาจากเมือง เอ่อ”ยิวพยายามคิดถึงชื่อเมืองที่เขาดูในละครตอนเด็กๆ “เอ้าบอกมาเร็วๆข้าอยากรู้ว่
ฉากสำคัญของละครเวทีเรื่องนี้ได้เริ่มต้นขึ้น ก่อนเล่นจริงมีการซ้อมคร่าวๆอยู่หลายครั้ง ซึ่งเป็นเวลาที่สำคัญมากสำหรับกัสและเขื่อนรวมทั้งพีคด้วย “ให้เรารีบกลับมาห้องมีธุระอะไรเหรอหรือว่าจะเซอร์ไพร์สอะไรเรา”วินมาถึงเขาก็นั่งลงข้างๆนิวทันที “ก็นายอยากรู้จักแฟนเราไม่ใช่เหรอ”นิวอายนิดๆทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ตอบรับรักมีนเท่าไร เพราะตั้งแต่วันที่มีนไปหาถึงห้องแล้วได้มีอะไรกัน นิวจึงยอมรับรักและมอบใจให้มีนอย่างสุดหัวใจ “ใช่ มาหรือยังเราก็อยากจะรู้จักเหมือนกัน แล้วชื่ออะไรเราคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกับแฟนเราอย่างแน่นอน ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอแฟนเราด้วย เพราะเรากลับบ้านบ่อย แม้แต่นายเรายังไม่ค่อยได้เจอเท่าไรเลย เราก็เลยลืมๆไปบ้าง” “ไม่เป็นไรหรอกวันนี้นายก็จะเจอแล้วค่อยแนะนำทีเดียวจบเลยดีกว่า” “อือ” ทั้งสองนั่งอย่างระทึกด้วยความอยากรู้ว่าแฟนคนแรกของนิวเป็นใคร ส่วนวินก็อยากรู้ว่าแฟนของนิวเป็นเพื่อนกับแฟนของเขาหรือเปล่า “มาแล้ว”นิวเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู นิวจึงรีบไปเปิดประตูห้องแล้วพามีนเดิ
ตอนที่18 ความรักที่เกิดขึ้น nc25 นิวนั่งนิ่งๆสงบสติอารมณ์และควบคุมความรู้สึกที่ปวดร้าวภายในจิตใจ กัสพยายามแสดงออกมาจากภายใน รวมทั้งความรู้สึกส่วนตัวที่เขาแอบเห็นเขื่อนและพีค ที่ออกจากฉากไปแล้วกำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้าลุ้นให้ผ่านซีนนี้ไปให้ได้ ยิ่งกัสเห็นเขื่อนกับพีคใกล้ชิดกันเขาต้องเก็บความริษยาไว้ภายในใจอย่างสุดยั้ง “คัท เก่งมากน้องกัส”เจนนี่ผู้กำกับสาวปรบมือด้วยความยินดี หลังจากนั้นก็มีเสียงปรบมือคนอื่นตามมา กัสยังไม่สามารถที่จะออกจากความรู้สึกนี้ได้ เขายังนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม จนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะเจนนี่และเกรซต้องวิ่งเข้ามาหากัส “กัส กัส กัส”เจนนี่เขย่าตัวของกัสอย่างแรง “กัส”เกรซอีกคนที่มาเขย่าตัวของกัสด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน ด้วยแรงและเสียงจึงทำให้กัสได้สติขึ้นมา หลังจากดำดิ่งอยู่พักใหญ่ เมื่อกัสได้สติเขาจึงมองไปรอบๆซึ่งมีแต่คนมองเขาเป็นตาเดียว “เป็นอะไรมากหรือเปล่า”เกรซเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกครับ”กัสพยายามสลัดความรู้สึกที่ไม่อยากได้รับรู้นั้นทิ้งไป “กัสไห
ตอนที่19 ค่ำคืนแสนสุข ยิวนั่งกินข้าวจนอย่างเอร็ดอร่อยถึงแม้รสชาติจะไม่ถูกคอ ด้วยความหิวโหยเขาจึงกินไม่มีเหลือแม้แต่อย่างเดียว จนสร้างความประหลาดใจแกแม่ทัพวิศรุฒอย่างมาก “เอ็งอดอยากมาจากไหน ถึงกินซะไม่มีเหลือแม้แต่ข้าวเม็ดเดียว”แม่ทัพวิศรุฒจ้องมองยิวด้วยตาไม่กระพริบแม้แต่ทีเดียว “ใช่ เราไม่ค่อยได้กินเลย กินวันละมื้อเอง แถมเป็นมื้อที่นิดหน่อยเท่านั้น” “ดูท่าจะจริง เพราะไม่มีน้ำมีนวลเหมือนอย่างแต่ก่อน” “จะมีได้ไง อยู่กลางป่ากลางเขากินอดกินอยากทุกวัน” “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็กินซะให้อิ่มแล้วค่อยไปอาบน้ำ หลังจากนั้นค่อยมาคุยกัน” เมื่อยิวได้กินข้าวจนอิ่ม เขาก็ลงไปอาบน้ำในอ่าง แล้วก็เข้ามาในห้องแม่ทัพวิศรุฒตามเดิม “เอ็งมาหาข้าได้อย่างไรกัน”แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าที่สงสัยยิ่งนัก “หลังจากเราโดนเสือเข้มจับตัวไป พอมีโอกาสเราก็หนีเสือเข้มมา แล้วก็หยิบถุงย่ามของเสือเข้มติดมาด้วยอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ” เช่นนั้น ข้าของถามอีกครั้ง เอ็งมาหาข้าที่นี่ได้อย่างไรกัน” “พอเราหนีเสือเข้
เมื่อยิวพาสองพ่อลูกขึ้นมายังบนเรือน ทั้งสามก็นั่งลงกับพื้นด้วยใจที่ระทึก ซึ่งในช่วงเวลานี้ต้องจัดการทุกอย่าง เขาจึงอึดสู้พูดเพื่อในสิ่งที่เขารับปากไว้แล้วว่าจะทำ ตามที่สองพ่อลูกต้องการในช่วงที่ผ่านมา “ลุง เอ่อ”ยิวอ้ำอึ่ง “ไม่ต้องเรียกลุงเรียกว่าพ่อกับแม่ได้แล้วโสภี เอ็งนี่กะไรไม่รู้ควมเลยรึ”อำมาตย์ใช้สายตาตักเตือนยิว “คือย่างนี้ค่ะพ่อ จอมเนี่ยไปน้องชายของหนู แบบว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน คือ น้องหนูอยากเป็นทหาร หนูก็เลยอยากฝากเนื้อฝากตัวให้น้องด้วย” “ว่าไงวิศรุฒ”อำมาตย์วิษณุหันมามองบุตรชายของเขา “หน่วยก้านใช้ได้ เหมาะสำหรับเป็นทหาร ว่าแต่เอ็งมีฝีมือการต่อสู้อะไรบ้าง” “ข้า ต่อยมวยได้ ฟันดาบ ยิงธนู ขี่ม้า”จอมเอ่ยขึ้น “ลูกของข้าทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามารับใช้บ้านเมืองขอรับ”หัวหน้านำขบวนเอ่ยขึ้น “ดี ดีมาก”อำมาตย์วิษณุพูดเสียงหนักแน่น “ถ้าอย่างนั้นวันนี้เอ็งพร้อมไหม ข้าจะพาเอ็งเข้าไปในวังด้วย” “พร้อมขอรับ”จอมรับปากทันที “ดี มันต้องให้ได้อย่า
การซ้อมละครได้หยุดพักหนึ่งอาทิตย์ เพื่อที่จะให้เขื่อนและกัสได้หยุดสงบอารมณ์ไม่ให้เข้าถึงอารมณ์ไปมากกว่านี้ และอีกอย่างหนึ่งใกล้เวลาสอบแล้วด้วย ทางชมรมจึงถือโอกาสให้ทั้งสองได้มีเวลาในการเตรียมตัว ในส่วนของกัสก็หยุดการเขียนนิยายไปชั่วขณะ เพื่อที่จะได้มานั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม ซึ่งแตกต่างจากเขื่อนยังคงไปทำงานตามเดิมไม่เปลื่ยนแปลง เพราะทางบ้านค่อนข้างขัดสนกว่ากัส เขาจึงจำเป็นต้องหารายได้พิเศษมาใช้ในการเรียน ยิ่งเมื่อสอบเสร็จภาระจะมาอีกมากมายโดยเฉพาะค่าเทอม กัสกำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ในห้องอย่างเคร่งเครียด และเขื่อนก็เดินเข้ามาพอดี ซึ่งก็เป็นเวลาที่ดึกพอสมควร “ทำไมยังไม่นอนอีกเหรอกัส นี่ก็ดึกมากแล้วนะ” “นายก็เหมือนกันเขื่อน น่าจะเอาเวลามาอ่านหนังสือบ้าง มัวแต่ทำงานอยู่นั่นแหละ” “ไมได้หรอก ถ้าเราหยุดก็คงต้องหางานใหม่อีกนั่นแหละ ทนๆเอา เราจะอ่านตอนว่างๆหลังจากทำงาน” “มันจะมีสมาธิอะไรล่ะ” “เอาน่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เราเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ว่าแต่นายเถอะออกจากบทละครหรือยัง”เขื่อนถามด้วยความเป็นห
กัสอยากสัมผัสเรือนร่างของพีค แต่เขาก็หักห้ามใจตัวเองไว้ได้ เพราะรู้สึกไม่ดีถ้าลวนลามพีคในช่วงเวลาที่เขาหลับอยู่ กัสจึงตัดสินใจให้พีคนอนอย่างสงบ ส่วนตัวเขาก็เดินมายังโต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อเขียนนิยายอันเป็นที่รักต่อ ตะวันสาดส่องประตูเมืองอันกว้างใหญ่ ซึ่งมีหลายครอบครัวยืนเรียงรายกันส่งเหล่าบรรดาทหารกล้า หนึ่งในนั้นก็มีอำมาตย์วิษณุและแม่แม้น รวมทั้งอำมาตย์ไชยาและสุนันทาผู้เป็นภรรยา ซึ่งได้พาสุจิตราลูกสาวสุดที่รักมาด้วย และที่ขาดไม่ได้คือยิวซึ่งเป็นเมียท่านแม่ทัพ ยิวรู้สึกใจหายเป็นอย่างมาก ที่เขาต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ก่อนที่เขาจะมาท่านแม่ทัพวิศรุฒุบอกให้เขาได้รอ ในห้องนอนของท่านแม่ทัพวิศรุฒ ซึ่งกำลังจะออกจากห้องเขาได้สั่งลาก่อน เพื่อไม่อยากให้ใครได้รับรู้เมื่อออกไปจากห้องนี้แล้ว “โสพล เมื่อเช้าข้าตื่นรู้สึกใจคอไม่ดี กลัวกลับมาจะไม่เจอเอ็ง” “เราก็เหมือนกันนั่นแหละ”ยิวก็รู้สึกเช่นนั้นไม่ต่างกันสักเท่าไร “เมื่อคืนข้าใคร่คราญแล้ว ความรู้สึกของข้าที่มีต่อเองนั้นมันมีความ
เมื่อเขียนนิยายได้หนึ่งตอนกัสจึงรู้สึกง่วงอย่างมาก จึงหยุดเขียนและนั่งอ่านซ้ำจนเกือบจะจบตอน จูจู่เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กัสพีคมานอนนี่ได้อย่างไง” กัสได้ยินเสียงห้วนและดังมาก เขาจึงหันหน้ามองด้วยความตกใจ กัสทำอะไรไม่ถูกถึงแม้สิ่งที่เขาทำก้ำกึ่งไม่ตั้งใจก็ตาม “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเขื่อน” “ไม่ใช่แล้วพี่พีคมานอนอยู่ที่ห้องได้ไง” “ก็พี่พีคเขาเมาตามหานายไม่เจอ เขาก็มานอนรอนายอยู่นี่ไม่เห็นเหรอนะ” “ทำไมต้องถอดเสื้อผ้านอนด้วย”เขื่อนจ้องหน้ากัสเขม็ง “เหล้ามันหกเปื้อนเสื้อผ้าเขา โน้น เสื้อกางเกงของพีคเราซักตากไว้ให้”กัสชี้ไปยังที่ตากเสื้อกางเกงของพีค “เราไม่เชื่อหรอกนายสองคนต้องมีอะไรกัน” “ไม่เชื่อก็ถามพี่พีคสิ” “พี่พีค”เขื่อนตะโกนอย่างดัง พีคตกใจตื่นด้วยเสียงอันดังของเขื่อน เมื่อเขาลืมตาขึ้นและหันมามองตามเสียง ภาพที่ได้เห็นคือเขื่อนยืนนิ่งๆมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พีครู้สึกแปลกใจเขาจึงลุกขึ้นแล้วลงมาจากเตียง “มีอะไรเหรอเรียกพ
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว
ค่ำคืนที่หาบทละครเวที พีคกำลังขะมักเขม้นทำอย่างจริงใจ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันพีคได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อดูชื่อที่ปรากฏเป็นกัส พีคจึงรีบรับทันทีเพราะปกติไม่เคยโทรมาแต่อย่างใด “ฮัลโหล น้องกัสมีอะไรหรือเปล่า” “มี แต่ กัสไม่อยากบอกพี่เลยครับ” “เรื่องอะไร บอกมาเลยถ้าไม่บอกพี่โกรธจริงๆนะ” “ก็เรื่องของเขื่อนไงครับ คือ ว่า เอ่อ อ่า อืม” “พูดมาเลยว่าเรื่องอะไร” “คือ เรื่องเด็กคนนั้นน่ะของเขื่อน เท่าที่กัสสังเกตหน้าจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน” “พี่ก็สงสัยแต่พี่ไม่มีหลักฐานอะไร” “คือ คืนนี้พี่ลองไปหาเขื่อนที่ห้องพักแบบไม่ให้รู้ตัวสิครับ” “น้องกัสรู้อะไรมาเหรอ” “อืม กัสไม่พูดดีกว่าพี่พีคไปดูเองเถอะ” “อืม ก็ได้ ขอบใจกัสมากนะ” “ไม่เป็นไรครับ” เมื่อพีคกดวางโทรศัพท์มือถือ ก็ขับรถไปหาเขื่อนในทันที โดยไม่บอกกล่าวอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ค่อนข้างให้ความเชื่อใจกัสมากกว่าเขื่อนเสียอีก พีคขับรถไปอย่างกระวนกระวายยิ่งนัก ด
เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมได้มีความรักโดยอย่างไม่ตั้งใจ จากเมื่อก่อนอยากอยู่ไปเรื่อยๆแต่ในปัจจุบันความคิดนั้นได้เปลื่ยนไปอย่างมาก เพราะยิวได้สร้างห้องแห่งรักไว้ในหัวใจ จึงทำให้เสือเข้มเกิดความทะเยอะทะยานอยากได้ยิวมาครอบครองเขาจึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อจะทวงราชบัลลังก์คืนแกตัวเขาและยิว การรวบรวมกำลังพลในค่ายเสือ ถึงจะไม่ได้มากมายเท่ากับกองทัพแห่งเมืองเมฆาบุรี ที่ตอนนี้เปลื่ยนชื่อเป็นเมืองวิหค กว่าที่เสือเข้มจะระดมบรรดาโจรทั่วเมืองเมฆาบุรีได้ใช้เวลานานพอสมควร และได้ติดต่อจากเมืองอื่นๆอีกมากมายเพื่อมาช่วยในครั้งนี้ โดยมีผลตอบแทนพื้นที่บางส่วนให้ไว้อาศัยอยู่ และทรัพย์สินในวังอันมีค่าบางส่วน ในที่สุดวันที่เสือเข้มรอคอยก็มาถึง เขาได้บุกเข้าเมืองเมฆาบุรีแบบกองโจร ไม่ได้ปะชิดสู้ตรงๆ เพราะขืนทำอย่างนั้นไม่มีทางที่จะชนะแม่ทัพวิหคและอำมาตย์มงคลได้อย่างแน่นอน โดยการครั้งนี้เสือเข้มเป็นผู้วางแผนและสั่งการเองทุกอย่าง โดยเริ่มต้นยามค่ำคืนอันเงียบสงัดและเผลอไผลไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์อันร้ายแรงเกิดขึ้น “พี่น้องทุกคนพร้อมกันหรือยัง”เสือเข้มประกาศก้องใกล้ๆเมืองชั
เมื่อไม่ได้มีการซ้อมละครเวทีเขื่อนจนมีเวลาให้กับงานที่ทำมากขึ้น ไม่ว่าจะหลังเลิกงานหรือแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์เขื่อนทุ่มเวลานั้นอย่างเต็มที่ จนทำให้ไม่มีเวลาไปมาหาสู่กับพีคอย่างเช่นแต่ก่อน และมีอยู่อีกเหตุหนึ่งนั้นเขื่อนได้มีความใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่มากขึ้น ตอนกลับห้องหรือไปไหนหลังจากเลิกงาน ก็ไปด้วยกันตลอดเวลา จึงทำให้ความสัมพันธ์ของพีคกับเขื่อนได้จืดจางลงไปอย่างไม่ค่อยรู้ตัวหลังจากเลิกงานวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขื่อนได้กลับพร้อมกับหนุ่มรุ่นน้อง ที่ได้พึ่งได้มาทำงานได้ไม่นานแต่ความสนิทสนมกันนั้นแสนมาก“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นพี่พีคมารับพี่เขื่อนเลยครับ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าใคร่สงสัย และมีความดีใจอยู่พอสมควร“พี่พีคไม่ค่อยว่าง เพราะตั้งแต่ไม่ได้แสดงละครด้วยกัน พี่พีคเขาต้องหาบทละครมาสร้างอีก ช่วงนี้เลยห่างๆ กันไป”“อ่อ ถึงว่าสิทำไมไม่ค่อยเห็นพี่พีค แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะถึงอย่างไงพี่เขื่อนยังมีผมอยู่เป็นเพื่อน” เจษอมยิ้มนิดๆ“อืม” เขื่อนไม่ได้พูดอะไรต่อจากนี้ ได้แต่ยืนรอรถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่จะกลับห้อง“โชคดีนะ ที่เราสองคนอยู่ใกล้ๆ ขึ้นรถสายเดียวกัน” เจษยังยืนยิ้มอยู่ไม่วาย“พ