ตอนที่16 ซ่อนรักเมียลับๆ
ยิวเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวสูงวัยพร้อมกับยกมือไหว้ แต่เขาไม่ได้ก้มกราบแต่อย่างใด ยิ่งสายตาของหญิงสาวสูงวัยมองอย่างไม่กระพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว ใจของยิวสั่นระรัวกลัวความร้ายจะเข้าตัวในไม่ช้า
“เอ็งชื่ออะไรมาจากไหนบอกข้ามาซิ”หญิงสาวปาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้าไม่เว้นแม้แต่ส่วนเดียว
“คือ เอ่อ อ่า คือ”ยิวไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไรดี
“หรือว่าเอ็งเป็นหญิงสาวชาวป่าชาวเขา”
“ไม่ใช่นะ คือ อ่า คือ หนูเป็น เอ่อ อ่า อู”
“ภาษาอะไรของเอ็ง อู อ่า อ่า อู อยู่นั่นแหละ เมื่อไรข้าจะทราบว่าเอ็งชื่ออะไร”
“หนูชื่อโสภี อ่า”ยิวคิดไม่ออกว่าจะบอกมาจากที่ไหนดี ตอนแรกกะจะบอกว่ามาจากเมืองโสรยา แต่ก็กลัวจะมองดูไม่ดีเพราะเป็นเมืองศัตรูของศิลานคร
“เอ็งมาจากที่ไหนลูกเต้าเหล่าใคร”
“หนูมาจากเมือง อะไรล่ะ”
“เอ๊ะ ข้าถามเอ็งนะว่ามาจากไหน ยังมีหน้ามาย้อนข้าอีก”
“อ่อ หนูมาจากเมือง เอ่อ”ยิวพยายามคิดถึงชื่อเมืองที่เขาดูในละครตอนเด็กๆ
“เอ้าบอกมาเร็วๆข้าอยากรู้ว่าเอ็งมาจากไหน”
“ธารานครค่ะ”
“ธารานครข้าไม่เคยยินมันอยู่ตรงไหน”
“ธารานครเป็นเมืองเล็กๆอยู่ใกล้ๆเมืองโสรยาค่ะ”ยิวยังหายใจไม่ทั่วท้องเช่นเดิมเพราะสายตาของหญิงสาวสูงวัยผู้นี้ช่างน่าเกรงขามสำหรับเขาอย่างมาก
“เอ็งไปรู้จักกับลูกข้าได้อย่างใรบอกข้ามาซิ”
“อ่อ คือ ท่านแม่ทัพวิศรุฒโดนรอบทำร้ายจากคนเมืองโสรยาค่ะ หนูกำลังอาบน้ำอยู่ที่ลำธารเห็นท่านแม่ทัพลอยมา หนูก็เลยช่วยไว้ค่ะ”ยิวพยายามแต่งเรื่องให้เหมือนละครโทรทัศน์ที่เคยดู
“เอ็งช่วยลูกข้าไว้ แล้วเอ็งไปเป็นเมียลูกข้าได้ไง”
“เรื่องมันอย่างนี้ค่ะ คือ เราอยู่ด้วยกันหลายวัน ท่านแม่ทัพคงเหงามั้งคะ จู่ๆก็เข้ามาที่ห้องหนู แล้วก็ซัมติงกันค่ะ”
“ซัมติงอะไรของเอ็ง”หญิงสาวสูงวัยมีทีท่าไม่เข้าใจและใคร่สงสัยยิ่งนัก
“ก็แบบว่า เอ่อ มีเพศสัมพันธ์กันค่ะ”
“สัมพันธ์อะไรของเอ็ง ข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เอ็งพูด”
“คือ เรา เอ่อ นอนด้วยกันค่ะ”
“บัดสีบัดเถลิง เป็นหญิงสาวพูดจาเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน”หญิงสาวสูงวัยมีท่าทีไมพอใจในกิริยามารยาท
“คุณแม่ขา เมืองที่หนูมาเรื่องแบบนี้ธรรมดามาก กว่าจะเจอกันต่างผ่านมาหลายคนแล้ว หาที่บริสุทธิ์ยากมากค่ะ”
“ไร้ยางอาย พูดจาไม่กระดากปากเลย แล้วภาษาพูดอีกช่างพิสดารยิ่งนัก ข้ารับไม่ได้จริงๆ คงจะเป็นลูกตาสีตาสาเป็นแน่ ดูกิริยามารยาทไร้สกุล ถึงแม้เอ็งจะช่วยลูกข้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะรับเอ็งเป็นสะใภ้”
ยิวพยายามจะใช้คำให้ดูโบราณแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะพูดได้ ยิวจึงตัดสินใจพูดภาษาปัจจุบันที่เข้าจากมา ในโลกปัจจุบัน อาจจะสื่อสารขาดๆเกินๆไปบ้าง แต่ก็พอฟังรู้เรื่องในความคิดของยิวเอง
ข้าขอไม่เชื่อจนกว่าจะได้ยินวิศรุฒลูกข้ายืนยันก่อน”หญิงสาวสูงวัยเชิดดหน้าขึ้น
“ก็ได้ค่ะ แต่ตอนนี้หนูหิวมากเลยกว่าท่านแม่ทัพจะมาหนูเป็นลมพอดี”ยิวยิ้มอย่างเอียงอายที่ต้องพูดความจริงออกไป ถึงแม้จะกลัวดูไม่ดีในสายตาหญิงสาวสูงวัย
“ทนเอาหน่อย ถ้าลูกข้ามาแล้วยืนยันว่าเป็นเมียเอ็งจริง ค่อยกินก็ไม่สายเกินไปอดแค่นี้ไม่น่าเหลือบ่ากว่าแรงหรอกกะมั้ง แต่อย่าหวังว่าจะได้เป็นเมียออกหน้าออกตา”
“ค่ะ”ยิวรับคำ
หญิงสาวสูงวัยยังไม่เชื่อคำพูดของยิว เขายังแคลือบแคลงสงสัยหลายสิ่งในเรื่องราวที่ยิวพูดออกมา แต่สาวสูงวัยก็ยังไม่ลืมที่ตบรางวัลทหารรายนี้ ถึงแม้หญิงสูงวัยคิดว่านายทหารผู้นี้ทำเกินหน้าที่
“ขอบใจเอ็งมากนะ ที่พาผู้หญิงนางนี้มา”หญิงสาวมองไปยังทหารหนุ่มที่มาส่งยิว
“กลับไปหน้าประตูเมืองได้แล้ว เดี๋ยวข้ามีสินน้ำใจให้ไปบ้างนิดหน่อย”หญิงสาวสูงวัยหยิบอัฐที่เหน็บไว้ที่เอวให้ทหารรายนั้นไปหนึ่งถุงเล็ก
“ขอบคุณมากขอรับ”ทหารยกมือไหว้แล้วรีบลงจากเรือนของท่านแม่ทัพทันที
“เอาล่ะ นี่ก็ใกล้เวลาลูกข้ากลับมาจากในวังแล้ว”
“ค่ะ”
ยิวรู้สึกหิวแต่ก็ต้องอดทนเพราะหญิงสาวสูงวัยผู้นี้ ยังไม่นำอาหารมาให้ยิวได้กิน ซึ่งเวลาที่ยิวรอท่านแม่ทัพก็ไม่ได้นานนัก หลังจากทหารคนที่พายิวมาลงจากเรือนชานไป ท่านแม่ทัพวิศรุฒก็เดินขึ้นมาบนเรือนชานทันที แต่แม่ทัพวิศรุฒก็ไม่ได้มาคนเดียว เขาเดินมาพร้อมกับพ่อของเขา ซึ่งเป็นอำมาตย์ใหญ่อยู่ในวัง
“ท่านอำมาตย์วิษณุกับท่านแม่ทัพมาแล้วค่ะ”หญิงสาวรับใช้ที่นั่งพัดวีเอ่ยขึ้น
สายตาของยิวหันไปยังหัวบันไดบ้านทันที เมื่อหันไปพบประจบเจอร่างอันสูงใหญ่ ยิวรู้สึกดีใจอย่างมาก พร้อมกับยิ้มรับการมาของแม่ทัพวิศรุฒ ซึ่งยิวสังเกตได้ว่าสีหน้าท่านแม่ทัพวิศรุฒ มีความตระหนกตกใจค่อนข้างมาก
“อือ อือ อือ”หญิงสาวสูงวัยกระแอมเป็นการตักเตือน เพราะเธอเห็นว่ายิวแสดงกิริยาไม่เหมาะสม
เสียงของหญิงสูงวัยได้เรียกสติยิวกลับคืนมา เขาจึงหันหน้ากลับมาและก้มหน้าตามเดิม แต่ในใจนั้นดีใจอย่างเหลือล้น
“นั่งก่อนซิคุณพี่ วิศรุฒลูกนั่งด้วย เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“มีเรื่องอะไรรึ แม่แม้น”อำมาตย์วันลพเอ่ยขึ้นพร้อมนั่งลง ในช่วงเวลาเดียวกันกับวิศรุฒก็นั่งใกล้ๆพ่อของเขา
“แม่นางผู้นี้บอกแม่ว่าเป็นเมียของลูก”สายตาของผู้เป็นแม่มองอยู่นานโดยไม่กระพริบตา ด้วยความสงสัยและใคร่รู้อย่างมาก
“เอ่อ อ่า อือ”แม่ทัพวิศรุฒนั่งอึ่งพูดไม่ออก
“วิศรุฒ เอ็งเป็นลูกพ่อต้องเป็นลูกผู้ชายพอ ทำอะไรไว้ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ”
ยิวนั่งนิ่งลุ้นระทึกและกลัวใจของแม่ทัพวิศรุฒที่จะปฏิเสธ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นนอกจากจะได้เป็นข้าทาสรับใช้ในวังแล้ว อาจจะต้องโดยเฆี่ยนตีอีกอย่างแน่นอน ในฐานะพูดจาหลอกหลวงให้ร้ายท่านแม่ทัพ และอีกอย่างถ้าถึงขั้นตอนนั้นความจริงน่าจะเปิดเผย ที่เขาไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นผู้ชาย ยิวไม่แม้อยากคิดว่าจะโดนอะไรอีก
“ใช่ แม่นางผู้นี้เป็นเมียของข้าอย่างที่นางบอก”
“คุณพระตกกระเถน”นางแม้นใช้มือทาบอก เพราะลึกๆแล้วเธออยากให้วิศรุฒลูกชายคนเดียวปฏิเสธ
“ต้องให้ได้อย่างนิสิถึงจะเป็นลูกของพ่อ”อำมาตย์วันลพพูดจบก็หันไปมองยิวที่ก้มหน้าก้มตาอมยิ้มอย่างยินดีปรีดา
“แม่จะเป็นลม ไปเอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นเมียได้อย่างไรกัน”นางแม้นปาดสายตามองยิวด้วยความเหยียดหยามและไม่พอใจ
“เอาน่าแม่แม้น เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้วก็ปล่อยไปเถอะ”
“คุณพี่ลืมไปแล้วเหรอ ว่าเราได้ทาบทามลูกสาวอำมาตย์ไชยามาเป็นลูกสะใภ้”
“ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย เราไม่ได้รับแม่นางคนนี้เป็นเมียออกหน้าซะที่ไหน ก็เป็นแค่เมียบ่าวไม่ได้มีความสำคัญอะไร”
ยิวไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย จะเป็นเมียเอกหรือเมียบ่าว เขาแค่ต้องการหาที่พักเผื่อเอาตัวรอดจากเมืองในนิยายที่เขาอ่าน และหลงเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจแค่นั้น และอีกอย่างยิวรู้ตัวดีว่าไม่ใช่ผู้หญิง ถึงอย่างไรสักวันหนึ่งความจริงก็ต้องเปิดเผย ยิวจึงคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแล้วคงต้องหนีจากไป
“นั่งเงียบเลยนะตัวดี ถ้างั้นตามใจทั้งพ่อทั้งลูกเหมือนกันหมด”นางแม้นมองซ้ายมองขวาแล้วลุกขึ้นได้เดินเชิดหน้าเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง
“เอาล่ะ วิศรุฒพาเมียเอ็งเข้าไปในห้องได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ หาข้าวหาปลาให้เมียเอ็งกินด้วย อย่าให้ใครมาว่าได้ดูแลเมียไม่ดี”
“ครับ”แม่ทัพวิศรุฒพยักหน้าเป็นการับคำ
“ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ”ยิวยกมือไหว้ท่านอำมาตย์วันลพ
“อือ”ท่านอำมาตย์พยักหน้าให้ยิวหลังจากนั้นลุกขึ้นยืนเดินไปยังห้องนอนของตัวเอง ที่นางแม้นเข้าไปก่อนหน้านี้
แม่ทัพวิศรุฒมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นมีใคร เขารีบจับมือของยิวเดินเข้ามายังห้องนอนของเขา ที่อยู่ไม่ไกลจากหน้าเรือนชานเท่าไรนัก เมื่อมาถึงยังห้องนอนเข้าผลักร่างของยิวลงไปเตียงนอน
“หน้าด้านหนีหายไปแล้วยังมีหน้ากลับมาอีกทำไม”สีหน้าและอารมณ์โกรธของแม่ทัพวิศรุฒไปทางเดียวกัน
“เราไม่ได้หนีไปไหนเลยนะ ไอ้เสือเข้มมันมาจับตัวเราไป มันพ่นยาสลบเข้าไปในเรือ”
“คำพูดของเอ็งไม่น่าเชื่อเลยแม้แต่น้อย”
“จริงนะ นี่ไงดูของในย่ามสิ เราขโมยของเสือเข้มมา กว่าจะตามหานายเจอ เราลำบากขนาดไหน นายไม่เห็นใจเรายังมีหน้ามาด่าว่าเราอีก”
ยิวยื่นถุงย่ามที่เขาสะพายมาให้แม่ทัพวิศรุฒดู ส่วนแม่ทัพวิศรุฒก็รับมาแล้วเปิดดูทันที ซึ่งเขาก็เห็นมีดพกด้ามเหล็กที่ทำจากเหล็กกล้า และพระเครื่องของขลังมากมายที่อยู่ในถุงย่าม เมื่อแม่ทัพดูและตรวจสอบเสร็จจึงเก็บใส่ย่ามไว้ดั่งเดิม
“เอาคืนไปมันเป็นของเอ็ง”แม่ทัพวิศรุฒรู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินชื่อเสือเข้ม
มืออันเรียวงามของยิวยื่นไปรับถุงย่าม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่เขาเห็นแหวนทองที่สวมใส่อยู่นิ้วนางของยิว แม่ทัพวิศรุฒจึงรีบก้มจับมือดึงมาดู
“แหวนทองวงนี้ไม่น่าจะใช่ของคนธรรมดาอย่างแน่นอน ดูลวดลายแล้วน่าจะเป็นของชนชั้นสูง หรือไม่ก็ขององค์หญิงองค์ชายทีเดียว เสือเข้มของเอ็งไปเอามาจากไหนกัน”
แม่ทัพวิศรุฒไม่ค่อยเชื่อว่าแหวนนั้นเป็นของเสือเข้ม เขาจึงคิดไปไกลว่ายิวน่าจะเป็นขององค์ชายจากเมืองใดเมืองหนึ่งต่างหาก ด้วยรูปร่างหน้าตาการพูดจาผิดแผกจากเมืองต่างๆในแว่นแคว้นรอบเคียงข้าง
ฉากสำคัญของละครเวทีเรื่องนี้ได้เริ่มต้นขึ้น ก่อนเล่นจริงมีการซ้อมคร่าวๆอยู่หลายครั้ง ซึ่งเป็นเวลาที่สำคัญมากสำหรับกัสและเขื่อนรวมทั้งพีคด้วย “ให้เรารีบกลับมาห้องมีธุระอะไรเหรอหรือว่าจะเซอร์ไพร์สอะไรเรา”วินมาถึงเขาก็นั่งลงข้างๆนิวทันที “ก็นายอยากรู้จักแฟนเราไม่ใช่เหรอ”นิวอายนิดๆทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ตอบรับรักมีนเท่าไร เพราะตั้งแต่วันที่มีนไปหาถึงห้องแล้วได้มีอะไรกัน นิวจึงยอมรับรักและมอบใจให้มีนอย่างสุดหัวใจ “ใช่ มาหรือยังเราก็อยากจะรู้จักเหมือนกัน แล้วชื่ออะไรเราคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกับแฟนเราอย่างแน่นอน ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอแฟนเราด้วย เพราะเรากลับบ้านบ่อย แม้แต่นายเรายังไม่ค่อยได้เจอเท่าไรเลย เราก็เลยลืมๆไปบ้าง” “ไม่เป็นไรหรอกวันนี้นายก็จะเจอแล้วค่อยแนะนำทีเดียวจบเลยดีกว่า” “อือ” ทั้งสองนั่งอย่างระทึกด้วยความอยากรู้ว่าแฟนคนแรกของนิวเป็นใคร ส่วนวินก็อยากรู้ว่าแฟนของนิวเป็นเพื่อนกับแฟนของเขาหรือเปล่า “มาแล้ว”นิวเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู นิวจึงรีบไปเปิดประตูห้องแล้วพามีนเดิ
ตอนที่18 ความรักที่เกิดขึ้น nc25 นิวนั่งนิ่งๆสงบสติอารมณ์และควบคุมความรู้สึกที่ปวดร้าวภายในจิตใจ กัสพยายามแสดงออกมาจากภายใน รวมทั้งความรู้สึกส่วนตัวที่เขาแอบเห็นเขื่อนและพีค ที่ออกจากฉากไปแล้วกำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้าลุ้นให้ผ่านซีนนี้ไปให้ได้ ยิ่งกัสเห็นเขื่อนกับพีคใกล้ชิดกันเขาต้องเก็บความริษยาไว้ภายในใจอย่างสุดยั้ง “คัท เก่งมากน้องกัส”เจนนี่ผู้กำกับสาวปรบมือด้วยความยินดี หลังจากนั้นก็มีเสียงปรบมือคนอื่นตามมา กัสยังไม่สามารถที่จะออกจากความรู้สึกนี้ได้ เขายังนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม จนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะเจนนี่และเกรซต้องวิ่งเข้ามาหากัส “กัส กัส กัส”เจนนี่เขย่าตัวของกัสอย่างแรง “กัส”เกรซอีกคนที่มาเขย่าตัวของกัสด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน ด้วยแรงและเสียงจึงทำให้กัสได้สติขึ้นมา หลังจากดำดิ่งอยู่พักใหญ่ เมื่อกัสได้สติเขาจึงมองไปรอบๆซึ่งมีแต่คนมองเขาเป็นตาเดียว “เป็นอะไรมากหรือเปล่า”เกรซเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกครับ”กัสพยายามสลัดความรู้สึกที่ไม่อยากได้รับรู้นั้นทิ้งไป “กัสไห
ตอนที่19 ค่ำคืนแสนสุข ยิวนั่งกินข้าวจนอย่างเอร็ดอร่อยถึงแม้รสชาติจะไม่ถูกคอ ด้วยความหิวโหยเขาจึงกินไม่มีเหลือแม้แต่อย่างเดียว จนสร้างความประหลาดใจแกแม่ทัพวิศรุฒอย่างมาก “เอ็งอดอยากมาจากไหน ถึงกินซะไม่มีเหลือแม้แต่ข้าวเม็ดเดียว”แม่ทัพวิศรุฒจ้องมองยิวด้วยตาไม่กระพริบแม้แต่ทีเดียว “ใช่ เราไม่ค่อยได้กินเลย กินวันละมื้อเอง แถมเป็นมื้อที่นิดหน่อยเท่านั้น” “ดูท่าจะจริง เพราะไม่มีน้ำมีนวลเหมือนอย่างแต่ก่อน” “จะมีได้ไง อยู่กลางป่ากลางเขากินอดกินอยากทุกวัน” “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็กินซะให้อิ่มแล้วค่อยไปอาบน้ำ หลังจากนั้นค่อยมาคุยกัน” เมื่อยิวได้กินข้าวจนอิ่ม เขาก็ลงไปอาบน้ำในอ่าง แล้วก็เข้ามาในห้องแม่ทัพวิศรุฒตามเดิม “เอ็งมาหาข้าได้อย่างไรกัน”แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าที่สงสัยยิ่งนัก “หลังจากเราโดนเสือเข้มจับตัวไป พอมีโอกาสเราก็หนีเสือเข้มมา แล้วก็หยิบถุงย่ามของเสือเข้มติดมาด้วยอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ” เช่นนั้น ข้าของถามอีกครั้ง เอ็งมาหาข้าที่นี่ได้อย่างไรกัน” “พอเราหนีเสือเข้
เมื่อยิวพาสองพ่อลูกขึ้นมายังบนเรือน ทั้งสามก็นั่งลงกับพื้นด้วยใจที่ระทึก ซึ่งในช่วงเวลานี้ต้องจัดการทุกอย่าง เขาจึงอึดสู้พูดเพื่อในสิ่งที่เขารับปากไว้แล้วว่าจะทำ ตามที่สองพ่อลูกต้องการในช่วงที่ผ่านมา “ลุง เอ่อ”ยิวอ้ำอึ่ง “ไม่ต้องเรียกลุงเรียกว่าพ่อกับแม่ได้แล้วโสภี เอ็งนี่กะไรไม่รู้ควมเลยรึ”อำมาตย์ใช้สายตาตักเตือนยิว “คือย่างนี้ค่ะพ่อ จอมเนี่ยไปน้องชายของหนู แบบว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน คือ น้องหนูอยากเป็นทหาร หนูก็เลยอยากฝากเนื้อฝากตัวให้น้องด้วย” “ว่าไงวิศรุฒ”อำมาตย์วิษณุหันมามองบุตรชายของเขา “หน่วยก้านใช้ได้ เหมาะสำหรับเป็นทหาร ว่าแต่เอ็งมีฝีมือการต่อสู้อะไรบ้าง” “ข้า ต่อยมวยได้ ฟันดาบ ยิงธนู ขี่ม้า”จอมเอ่ยขึ้น “ลูกของข้าทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามารับใช้บ้านเมืองขอรับ”หัวหน้านำขบวนเอ่ยขึ้น “ดี ดีมาก”อำมาตย์วิษณุพูดเสียงหนักแน่น “ถ้าอย่างนั้นวันนี้เอ็งพร้อมไหม ข้าจะพาเอ็งเข้าไปในวังด้วย” “พร้อมขอรับ”จอมรับปากทันที “ดี มันต้องให้ได้อย่า
การซ้อมละครได้หยุดพักหนึ่งอาทิตย์ เพื่อที่จะให้เขื่อนและกัสได้หยุดสงบอารมณ์ไม่ให้เข้าถึงอารมณ์ไปมากกว่านี้ และอีกอย่างหนึ่งใกล้เวลาสอบแล้วด้วย ทางชมรมจึงถือโอกาสให้ทั้งสองได้มีเวลาในการเตรียมตัว ในส่วนของกัสก็หยุดการเขียนนิยายไปชั่วขณะ เพื่อที่จะได้มานั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม ซึ่งแตกต่างจากเขื่อนยังคงไปทำงานตามเดิมไม่เปลื่ยนแปลง เพราะทางบ้านค่อนข้างขัดสนกว่ากัส เขาจึงจำเป็นต้องหารายได้พิเศษมาใช้ในการเรียน ยิ่งเมื่อสอบเสร็จภาระจะมาอีกมากมายโดยเฉพาะค่าเทอม กัสกำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ในห้องอย่างเคร่งเครียด และเขื่อนก็เดินเข้ามาพอดี ซึ่งก็เป็นเวลาที่ดึกพอสมควร “ทำไมยังไม่นอนอีกเหรอกัส นี่ก็ดึกมากแล้วนะ” “นายก็เหมือนกันเขื่อน น่าจะเอาเวลามาอ่านหนังสือบ้าง มัวแต่ทำงานอยู่นั่นแหละ” “ไมได้หรอก ถ้าเราหยุดก็คงต้องหางานใหม่อีกนั่นแหละ ทนๆเอา เราจะอ่านตอนว่างๆหลังจากทำงาน” “มันจะมีสมาธิอะไรล่ะ” “เอาน่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เราเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ว่าแต่นายเถอะออกจากบทละครหรือยัง”เขื่อนถามด้วยความเป็นห
กัสอยากสัมผัสเรือนร่างของพีค แต่เขาก็หักห้ามใจตัวเองไว้ได้ เพราะรู้สึกไม่ดีถ้าลวนลามพีคในช่วงเวลาที่เขาหลับอยู่ กัสจึงตัดสินใจให้พีคนอนอย่างสงบ ส่วนตัวเขาก็เดินมายังโต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อเขียนนิยายอันเป็นที่รักต่อ ตะวันสาดส่องประตูเมืองอันกว้างใหญ่ ซึ่งมีหลายครอบครัวยืนเรียงรายกันส่งเหล่าบรรดาทหารกล้า หนึ่งในนั้นก็มีอำมาตย์วิษณุและแม่แม้น รวมทั้งอำมาตย์ไชยาและสุนันทาผู้เป็นภรรยา ซึ่งได้พาสุจิตราลูกสาวสุดที่รักมาด้วย และที่ขาดไม่ได้คือยิวซึ่งเป็นเมียท่านแม่ทัพ ยิวรู้สึกใจหายเป็นอย่างมาก ที่เขาต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ก่อนที่เขาจะมาท่านแม่ทัพวิศรุฒุบอกให้เขาได้รอ ในห้องนอนของท่านแม่ทัพวิศรุฒ ซึ่งกำลังจะออกจากห้องเขาได้สั่งลาก่อน เพื่อไม่อยากให้ใครได้รับรู้เมื่อออกไปจากห้องนี้แล้ว “โสพล เมื่อเช้าข้าตื่นรู้สึกใจคอไม่ดี กลัวกลับมาจะไม่เจอเอ็ง” “เราก็เหมือนกันนั่นแหละ”ยิวก็รู้สึกเช่นนั้นไม่ต่างกันสักเท่าไร “เมื่อคืนข้าใคร่คราญแล้ว ความรู้สึกของข้าที่มีต่อเองนั้นมันมีความ
เมื่อเขียนนิยายได้หนึ่งตอนกัสจึงรู้สึกง่วงอย่างมาก จึงหยุดเขียนและนั่งอ่านซ้ำจนเกือบจะจบตอน จูจู่เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กัสพีคมานอนนี่ได้อย่างไง” กัสได้ยินเสียงห้วนและดังมาก เขาจึงหันหน้ามองด้วยความตกใจ กัสทำอะไรไม่ถูกถึงแม้สิ่งที่เขาทำก้ำกึ่งไม่ตั้งใจก็ตาม “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเขื่อน” “ไม่ใช่แล้วพี่พีคมานอนอยู่ที่ห้องได้ไง” “ก็พี่พีคเขาเมาตามหานายไม่เจอ เขาก็มานอนรอนายอยู่นี่ไม่เห็นเหรอนะ” “ทำไมต้องถอดเสื้อผ้านอนด้วย”เขื่อนจ้องหน้ากัสเขม็ง “เหล้ามันหกเปื้อนเสื้อผ้าเขา โน้น เสื้อกางเกงของพีคเราซักตากไว้ให้”กัสชี้ไปยังที่ตากเสื้อกางเกงของพีค “เราไม่เชื่อหรอกนายสองคนต้องมีอะไรกัน” “ไม่เชื่อก็ถามพี่พีคสิ” “พี่พีค”เขื่อนตะโกนอย่างดัง พีคตกใจตื่นด้วยเสียงอันดังของเขื่อน เมื่อเขาลืมตาขึ้นและหันมามองตามเสียง ภาพที่ได้เห็นคือเขื่อนยืนนิ่งๆมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พีครู้สึกแปลกใจเขาจึงลุกขึ้นแล้วลงมาจากเตียง “มีอะไรเหรอเรียกพ
ตอนที่24 ตัวเราลิขิตเอง น้ำกระเด็นทั่วเรือนร่างและโดนหนักตรงบริเวณใบหน้า จึงทำให้กัสได้สติเขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย และภาพตรงหน้าที่เขาได้พบเห็น เป็นชายหนุ่มสูงใหญ่มีหนาวดเคราหนาจนกัสรู้สึกหวั่นกลัวอย่างหนัก เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณ ซึ่งมีแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่และหญ้าสูงเคียงเอว “มึงเป็นบ้าอะไรใส่ชุดใหญ่ผู้หญิงไอ้ยิว”เสือเข้มผู้ช่วยชีวิตกัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขมึงตึง “เราไม่ได้ชื่อยิวเราชื่อกัส”เมื่อกัสได้ยินชื่อยิวเขาก็ใคร่สงสัยและครุ่นคิดอย่างหนัก ยิ่งเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้ด้วย ทำให้กัสถึงกับพอจะรู้อะไรบ้างแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร “มึงพูดดีๆว่ามึงชื่ออะไร” กัสมองไปรอบๆอีกครั้งและหยิกตัวเองซึ่งเขาก็รู้สึกเจ็บพอสมควร ในช่วงเวลานี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เท่าที่เขาจำได้ก่อนหน้านี้กำลังทะเลาะอยู่กับเขื่อน และก็โดนผลักจนล้มลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากนั้นกัสไม่สามารถที่จะจำอะไรได้อีกเลย “ที่นี่ที่ไหน”กัสพูดด้วยความมึนงง “ศิลานคร” “แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เป็กผู้ช่ำชองในยามราตรี เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ศุกร์เสาร์ทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวตัวยงที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ นอกจากพ่อรวยรูปหล่อสายเปย์อีกต่างหาก จึงมีหลายคนเข้ามาพัวพันไม่ขาดสาย เมื่อเป็กพายิวมาเที่ยว จึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองด้วยความอิจฉา แต่ยิวหาสนใจไม่ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นชินในโลกปัจจุบันเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น“เป็นไงบ้างมาเปิดหูเปิดตา” เป็กยื่นแก้วเพื่อชน“ก็โอเคนะ เป็นครั้งแรกที่เราได้มา รู้สึกว่าน่าสนใจกว่าเมืองโบราณอีก” ยิวเผลอคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ออกมา“เมืองโบราณอะไร” เป็กมีสีหน้าที่มึนงง“อ่อ เปล่า สนุกดีเราไปเต้นกันไหม”“อะไรนะ เราไม่อยากเชื่อเลยนายจะชวนเราไปเต้น นายเปลื่ยนไปหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายว่ะ” เป็กหัวเราะ“ไม่ได้เปลื่ยนนี่แหละตัวจริง ที่เห็นก่อนหน้านี้ตัวปลอม แอ๊บไว้ไงแต่ไม่เห็นมีใครชอบเลย เป็นตัวของตัวเองดีกว่า” ยิวเสแสร้งแกล้งพูดเพราะในความจริงเป็นร่างของคนอื่น เพียงแต่เขาแค่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้เท่านั้น“ร้ายนะ แกล้งเงียบถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้เราจีบตั้งนานแล้ว”“อะไรนะ” ยิวรู้สึกมึนงงและสับสนกับคำพูดของเป็ก“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ เ
กัสนั่งนิ่งๆ ก่อนที่จะไปท้องพระโรง เขาคิดย้อนเหตุการณ์เมื่อเสือเข้มพามาถึงยังหมู่บ้านกองโจร ซึ่งคนละที่กับซุ้มเสือเข้ม เพียงแค่เข้าไปถึงแม้จะไม่ประหลาดใจ แต่ก็ต้องอึ้งกับผู้คนในที่แห่งนี้ ที่มีหลากหลายอายุคละกันไป และมีการฝีกปรือฝีดาบอย่างขะมักเขม้น แต่เขาก็พยายามมองผ่านและเดินตามเสือเข้าไปข้างใน“แม่นมข้ากลับมาแล้ว” เสือเข้มวิ่งเข้าไปกราบแท่บเท้าของ มัณฑนานางกำนัลเก่าแห่งเมืองเมฆาบุรี“หายไปนายมากเลยนะ แม่อดคิดถึงเอ็งไม่ได้เลย เอ้า แล้วพาใครมาด้วยล่ะนะ” มัณฑนามองมายังกัสที่ยืนนิ่ง แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของมัณฑนาเขาก็ต้องนั่งลงแต่โดยดี“เพื่อนข้าเอง” เสือเข้มอมยิ้ม“เพื่อนเอ็งเป็นใครกัน ทำไมผิวพรรณยังกับคนในรั้วในวัง รูปร่างก็บอบบางยังกับอิสตรี เอ็งไปรู้จักกับเขาได้อย่างไรกัน”“ข้าเจอโดยบังเอิญชื่อโสภณ เป็นโอรสลับๆ ของสนมแห่งเมืองโสรยานคร”กัสรู้สึกประดักประเด่อพอสมควร เพราะเขากับเสือเข้มได้ตกลงตอนเดินทางมาที่แห่งนี้ ความคิดเช่นเดิมได้เกิดครั้งแรกที่เขาได้เจอแม่ทัพวิศรุฒ แต่ได้ปดมดเท็จว่าเป็นองค์ชายโสภณ กัสจึงทำตามเช่นเคยซึ่งเสือเข้มก็เห็นพ้องไม่ทัดทาน“อ่อ องค์ชายตกยาก คงจะเป็นคนองค์ชา
ยิวหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดดูแต่เป็นที่น่าเสียดาย มันสามารถที่จะติดได้เนื่องจากวันนั้นล้มกระแทกจนเสียหาย ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะเขาต้องทำงานส่งอาจารย์ และอีกอย่างหนึ่งด้วยความอยากรู้ว่ากัสได้บันทึกหรือทำอะไรไว้ในนี้บ้างยิวจึงพับโน๊ดบุ๊คไว้ตามเดิม และกะว่าช่วงเย็นจะเอาไปซ่อม แต่ติดปัญหาคือเขาไม่มีเงินพอที่จะนำไปซ่อม เขาจึงหยิบโทรศัท์มือถือของกัสมาเปิดดู ซึ่งได้ล็อครหัสไว้จึงทำให้ไม่สามารถเปิดได้ มีเพียงรับสายอย่างเดียวแค่นั้น ยิวจึงลองนำวันเดือนปีเกิดของกัสมาใส่ ซึ่งก็ได้ผลทันทีมือถือเครื่องนี้ปลดรหัสได้ แต่นั่นไม่เท่ากับภาพหน้าปกเป็นรูปของพีค ยิวจึงเกิดความอยากรู้ต่อไปเขาจึงเปิดดูในแกเลอรี่ ซึ่งในนั้นมีแต่ภาพพีคเต็มไปหมดดวงตาอันกลมโตของยิวได้หลับลง พร้อมจินตนาการเรื่องราวของกัสว่าเป็นอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้ ซึ่งในหัวของเขาก็เห็นแต่หน้าพีคอยู่เพียงผู้เดียว พอเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบดูทันทีซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นพีคนั่นเอง“อยู่ห้องไหมน้องกัส”“อยู่พี่พีคมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่โทรถามเฉยๆ ถ้าอยู่พี่จะไปหา”“พี่มีธุระอะไรเหรอ”“จะไปหาต้องมีธุระด้วยใช่ไหม”“เป
นางกำนัลสาลินีได้นำพาพระโอรสของราชาเมษากับราชินีสีวิกา เดินลัดเลาะหลบมุมตลอดทาง จนมาถึงข้างๆ ตำหนักของชายามาริสา เธอรออยู่พักหนึ่งมันฑนานางกำนัลร่วมรุ่นมาพร้อมพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสา“ข้ารอตั้งนานนึกว่าเอ็งไม่มาแล้ว ยังดีที่พระโอรสไม่ร้องเลย” นางกำนัลสาลินีเอ่ยขึ้นด้วยใจระทึกมองซ้ายมองขวา แล้วมององค์ชายแสนอาภัพที่เธออุ้มมา“เอาน่าอย่าพูดมากเลยเอาเด็กมาสลับกัน” นางกำนัลนำพระโอรสที่ซ่อนมาในตะกร้าผ้าออกมานางกำนัลสาลินีและนางกำนัลมัฑนาต่างสลับพระโอรสกันตรงนั้น แต่สายตาทั้งสองก็ไมวายมองรอบๆ บริเวณ ด้วยความกลัวใครจะมาพบเห็น“เอ่อ เอ็งออกมาได้อย่างไงไม่มีทหารเหรอ” นางกำนันสาลินีถาม“มี แต่ทหารที่เฝ้ารู้จักกันก็เลยพอเอาออกมาได้”“เอ้านี่ คือแหวนที่มเหสีสีวิกามอบไว้ให้องค์ชาย”“อือ”มัณฑรับแหวนไว้แล้วรีบพาองค์ชายเข้าไปในพระตำหนักอย่างทันท่วงที ส่วนสาลินีไม่รอช้ารีบน้ำองค์ชายที่สลับเปลื่ยนไปยังตำหนักราชินีสีวิกาเช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหลบเหล่าทหารที่กำลังออกตระเวนเมื่อสาลินีมาถึงยังตำหนักของราชินีสาลินี เธอรีบน้ำพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสาวางไว้ข
หนึ่งหนุ่มกับสาวอีกคนนั่งมองหน้ากันในห้องชมรมละคร หลังจากนักศึกษาในชมรมนี้ออกไปไปหมดแล้ว เจนนี่ผู้กำกับสาวนั่งนิ่งมองหน้ายิวอยู่พักหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่มองอยู่นั้น ได้เห็นแววตาอันเปลื่ยนแปลงไป เพราะมีความสู้คนและเปิดเผยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด“วันนี้น้องกัสเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมการแสดงของน้องแปลกไป และไม่เข้ากับบมที่ได้รับ”“เปล่าครับ ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง”“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องนะ แต่พี่อยากบอกว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับการแสดงให้มาก คือเมื่อก่อนกัสอินกับละครจนไม่สามารถที่จะออกจากบทนั้นได้ แต่ทำไมตอนนี้กัสไม่อินเหมือนเดิมกลับกันเป็นคนละคนเลย”ยิวอยากจะเถียงแต่เขาก็ต้องเก็บกลั้นอามรมณ์นั้นไว้ เพราะในตอนนี้เขาได้เขามาอยู่ในร่างของกัน ซึ่งจากการคาดคะเนของยิวนั้น กัสน่าจะมีนิสัยที่แตกต่างจากเขาอย่างมาก“ครับ” ยิวรับคำแต่โดยดีและไม่พูดสิ่งใดออกมา“ดีแล้ว พี่จะให้กัสพักสองวันนะเพื่อลองทบทวนอะไรบางอย่าง กลับได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำจะอันตราย”“ขอบคุณพี่มากครับ” ยิวยกมือไหว้พร้อมกับศีรษะให้เจนนี่ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และไม่หันหรือหยุถเดินแต่อย
กัสเดินเข้ามาในตำหนักว่างเปล่าที่มีผู้คนคอยรับใช้อย่างมากมาย ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต่อไปนี้ไม่น่าจะลำบากกาย แต่อันตรายนั้นน่าจะอยู่รอบตัวเขาอย่างแน่นอน กัสจึงหวั่นผวากลัวอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอนกจากทนและจำยอมมาในที่แห่งนี้ พร้อมกับเสือเข้มผู้องอาจ และท่านอำมาตย์มงคลผู้มีแผนการอันแยบยล“เอ็งจำไว้นะว่าชื่อเมธี เป็นรัชทายาทแห่งเมืองเมฆาบุรี เป็นพระราชโอรสของอดีตราชาเมษากับราชินีสีวิกา” อำมาตย์มงคลพูดจบก็หันไปมองกัสที่นั่งนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ“ส่วนองค์ชายตัวจริง กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ต้องเรียกว่าองครักษ์เข้ม”“ไม่เป็นไรหรอกข้าแค่อยากมาแก้แค้นให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น”“ดีมากพระองค์ แต่พระองค์ต้องลำบากลำบนเป็นโจรก็เพราะราชาเมฆาที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไปนี่พระเจ้าค่ะ”“ท่านอำมาตย์ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นองครักษ์เข้ม ท่านอย่าพูดกับข้าเป็นองค์ชายอย่างนั้น องค์ชายตัวจริงอยู่โน่น” เสือเข้มโบ้ยปากไปทางกัสที่กำลังนั่งนิ่งๆ“เอ่อ ขอโทษข้าลืมไป ถ้าอย่างขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอาไปว่าคืนนี้คุยกันดีๆ และเตรียมตัวอย่างที่เราตกลงกันไว้” เมื่ออำมาตย์มงคลพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันทีกัสครุ่นคิด
ยิวนั่งมองเขื่อนขนของย้ายห้องออกไปอย่างไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยแต่อย่างใด ยิวจึงมีแต่ความเย็นชาใส่เขื่อน เมื่อเขื่อนขนของเสร็จเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำลาสักคำ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ไม่พูดอะไรออกมาให้เขื่อนได้อย่างยินเช่นกัน พออยู่คนเดียวภาวะจิตใจของยิวนั้นเริ่มว้าวุ่นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้ง เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรียนอยู่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พอกับจากมหาวิทยาลัยเขาก็นอนอ่านนิยายแล้วหลับไปตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์นิยายเรื่องนักรักบันลือโลกไปแล้ว นักเขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดตัวเขาให้มากพอ ยิวจึงมีความทรงจำในยุคปัจจุบันอยู่แค่นี้ แต่เรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันยิวกับรู้ทำได้ทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ยิวเริ่มค้นห้องและตรวจสอบทุกอย่างในความเป็นตัวกัส เขาจึงรู้ว่ากัสเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ซึ่งคนละคณะกับเขาเลย เพราะยิวเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิวยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรกับชีวิตที่อยู่ในร่างกัส แต่เขาคิดว่ายังดีกว่าไปอยู่นิยายเมืองโบราณที่ไม่มีความทันสมัย ซึ่งเขาได้พบความอยากลำบากมาแล้ว ยิวจึง
ตอนที่24 ตัวเราลิขิตเอง น้ำกระเด็นทั่วเรือนร่างและโดนหนักตรงบริเวณใบหน้า จึงทำให้กัสได้สติเขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย และภาพตรงหน้าที่เขาได้พบเห็น เป็นชายหนุ่มสูงใหญ่มีหนาวดเคราหนาจนกัสรู้สึกหวั่นกลัวอย่างหนัก เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณ ซึ่งมีแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่และหญ้าสูงเคียงเอว “มึงเป็นบ้าอะไรใส่ชุดใหญ่ผู้หญิงไอ้ยิว”เสือเข้มผู้ช่วยชีวิตกัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขมึงตึง “เราไม่ได้ชื่อยิวเราชื่อกัส”เมื่อกัสได้ยินชื่อยิวเขาก็ใคร่สงสัยและครุ่นคิดอย่างหนัก ยิ่งเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้ด้วย ทำให้กัสถึงกับพอจะรู้อะไรบ้างแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร “มึงพูดดีๆว่ามึงชื่ออะไร” กัสมองไปรอบๆอีกครั้งและหยิกตัวเองซึ่งเขาก็รู้สึกเจ็บพอสมควร ในช่วงเวลานี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เท่าที่เขาจำได้ก่อนหน้านี้กำลังทะเลาะอยู่กับเขื่อน และก็โดนผลักจนล้มลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากนั้นกัสไม่สามารถที่จะจำอะไรได้อีกเลย “ที่นี่ที่ไหน”กัสพูดด้วยความมึนงง “ศิลานคร” “แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เมื่อเขียนนิยายได้หนึ่งตอนกัสจึงรู้สึกง่วงอย่างมาก จึงหยุดเขียนและนั่งอ่านซ้ำจนเกือบจะจบตอน จูจู่เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กัสพีคมานอนนี่ได้อย่างไง” กัสได้ยินเสียงห้วนและดังมาก เขาจึงหันหน้ามองด้วยความตกใจ กัสทำอะไรไม่ถูกถึงแม้สิ่งที่เขาทำก้ำกึ่งไม่ตั้งใจก็ตาม “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเขื่อน” “ไม่ใช่แล้วพี่พีคมานอนอยู่ที่ห้องได้ไง” “ก็พี่พีคเขาเมาตามหานายไม่เจอ เขาก็มานอนรอนายอยู่นี่ไม่เห็นเหรอนะ” “ทำไมต้องถอดเสื้อผ้านอนด้วย”เขื่อนจ้องหน้ากัสเขม็ง “เหล้ามันหกเปื้อนเสื้อผ้าเขา โน้น เสื้อกางเกงของพีคเราซักตากไว้ให้”กัสชี้ไปยังที่ตากเสื้อกางเกงของพีค “เราไม่เชื่อหรอกนายสองคนต้องมีอะไรกัน” “ไม่เชื่อก็ถามพี่พีคสิ” “พี่พีค”เขื่อนตะโกนอย่างดัง พีคตกใจตื่นด้วยเสียงอันดังของเขื่อน เมื่อเขาลืมตาขึ้นและหันมามองตามเสียง ภาพที่ได้เห็นคือเขื่อนยืนนิ่งๆมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พีครู้สึกแปลกใจเขาจึงลุกขึ้นแล้วลงมาจากเตียง “มีอะไรเหรอเรียกพ