ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก
“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่น มือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด “เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนก ยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน “อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันที เมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขียนนิยาย ยิวจึงรีบอ่านทันใดในตอนสุดท้าย เพียงอ่านแค่นี้ยิวก็เข้าใจทุกอย่างจนจบสิ้น จึงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดที่ต้องอ่านตั้งแต่ต้น มีอยู่สิ่งหนึ่งที่คิดได้ทันใดที่อ่านจบ นั่นคือความรู้สึกผิดและสงสารกัสที่ได้เข้าไปในนิยาย และได้ตายแทนเขาอย่างโหดร้าย ยังมีอยู่อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความทรมานใจเขาอย่างมาก นั่นคือความรักความคิดถึงความผูกพันที่มีต่อแม่ทัพวิศรุฒ ซึ่งนับจากวันนี้เป็นต้นไปคงไม่ได้มีโอกาสได้เจอกันอีก ยิวยิ่งคิดยิ่งร้าวใจยิ่งนัก จนไม่สามารถจะทำอะไรได้ต่อจากนี้ ยิวหลับตานิ่งและรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น เหนือสิ่งนั้นยังได้เห็นคลิปวีดีโอกัสกับพีคอีก ช่วงเวลานี้เขาสับสนและไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนรับไว้ไม่ไหว ในระหว่างที่กำลังอยู่ในห้วงดิ่ง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นแต่ยิวก็ไม่รับ จนครั้งที่สาม จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เมื่อเห็นเป็นชื่อของพีคเขาจึงรับด้วยความอยากรู้ “ฮัลโหล” “น้องกัสเป็นไงบ้างดีขึ้นหรือยัง” “เอ่อ อ่า อะไรครับ” ยิวงงกับคำถามเพราะเขาไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่พีดเอ่ยถาม “พี่หมายถึงทำใจได้หรือยังที่เลิกกับเป็ก” “อ่อ ทำใจได้แล้วครับ” ถึงแม้ยิวจะงงเพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ก็เอ่อออหอหมกไปกับพีค “ดีแล้ว ตอนแรกพี่กะว่าจะไปหาอยู่พอดี แต่พี่มีธุระด่วนเอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ พรุ่งนี้ไปเจอกันที่ชมรมละครตอนบ่ายๆ” “ครับ” “ถ้าอย่างงั้นแค่นี้ก่อนนะ เพราะพี่มีธุระต้องทำอีกหลาอย่าง เอาไว้ฟังข่าวดีในวันพรุ่งนี้นะ” “ครับ” ยิวตอบไปด้วยความมึนงง ถึงแม้ยิวจะยังไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน แต่อย่างน้อยในนิยายได้รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เขาจึงตัดสินใจจะทำอย่างหนึ่งให้กับกัสผู้ล่วงลับ เช้าตรู่วันใหม่ยิวได้เข้าไปในวัด เพื่อทำสังฆทานแก่ยิวผู้ล่วงลับแทนในร่างของเขา ตอนกรวดน้ำเขาอุทิศบุญกุศลที่ได้ทำให้แก่กัส ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าจะได้รับไหมเพราะกัสได้เสียชีวิตในนิยาย ไม่ใช่ล่วงลับในโลกปัจจุบัน แต่อย่างน้อยเพื่อความสบายใจของตัวเอง เมื่อได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้น ยิวจึงได้เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อไปเรียน และใช้ชีวิตในร่างของกัสต่อไป เมื่อยิวได้เข้าไปในมหาวิทยาและเดินไปยังคณะที่เขาได้เรียน สายตาได้มองซ้ายมองขวาและได้เห็นเป็กนั่งเศร้าอยู่เพียงคนเดียว ยิวจึงรีบเดินเข้าไปหาด้วยความดีใจยิ่งนัก เพราะอย่างน้อยจะได้เจอเพื่อนเก่าตอนหลงเข้ามาในโลกความจริง “ทำไมมานั่งคนเดียว” ยิวนั่งลงฝั่งตรงข้ามเป็ก “มาทำไม” เป็กยังหน้าบึ่งอยู่เช่นเดิม “มาหานายไง” “เราสองคนมันจบแล้วนิ เราเป็นคนเจ็บแล้วจำ นายไม่ต้องกลัวหรอกเรื่องที่นายให้เราทำ มันสำเร็จไปแล้วนายรอฟังข่าวได้เลย แต่ตอนนี้เราไม่อยากเห็นหน้านาย คนหลายใจคนเฮงซวย ในเมื่อนายรักไอ้พีคก็ไปคบกันมันซะ อย่ามาคบซ้อนมีโลกสองใบ” เป็กเน้นคำเฮงซวยแล้วรีบลุกจากไปในทันที ยิวเข้าใจทันควันเมื่อได้ยินคำของเป็ก และคลิปวีดีโอที่เขาได้เห็นเมื่อวานนี้ ซึ่งยิวคิดว่าเป็นเรื่องจริง นั่นทำให้เขาหวั่นวิตกเมื่อเจอหน้าพีคจะทำเช่นใด แสดงอาการแบบไหนออกมาในเมื่อเขาไม่ใช่กัส ถึงแม้จะรอดตายจากในนิยายแต่กับต้องมาเจอปัญหาใหญ่ในโลกความจริง จึงทำให้ในใจของยิวคิดเพียงแต่ว่าให้ชีวิตจริงนำพาไปเอง ช่วงบ่ายๆ ยิวได้ไปตามนัดไว้ในชมรมละครเวที เมื่อไปถึงก็เช่นเดิมเขาจำได้ทันทีเมื่อครั้งก่อนได้เคยมา เขามองไปรอบๆ ต่างเห็นสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของแต่ละคน เมื่อยิวได้นั่งลงพีคก็เดินมายังหน้านักศึกษาในชมรม “วันนี้พี่มีข่าวดีจะมาบอกทุกคนนะครับ ซึ่งเป็นข่าวดีที่สุดในรอบปีทีเดียว เอาเป็นว่าพี่ไม่ขอพูดอะไรมาก แค่อยากบอกว่าตอนนี้ทางชมรมได้บทละครเวทีแล้ว โดยคณะกรรมหานิยายมาให้เราได้แสดงกัน พี่คิดว่าหลายคนในที่นี้คงได้อ่านกันอย่างแน่นอน เพราะว่ากำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้” “อุ๊ย บอกซะทีสิพูดมากอยู่ได้” เจนนี่ผู้กำกับสาวเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด “นั่นนะสิจะอ้อมทวีปไปถึงไหน” เกรซมองค้อนพีคอย่างเอ็นดู “เอาล่ะ บอกเลยก็แล้วกัน นิยายเรื่องนี้ก็คือ นิยายรักสองภพครับ” ยิวตกใจหันควับมองหน้าพีค ดวงตาที่เล็กกลับมาเบิกกว้าง ด้วยอุตส่าห์หลุดมาจากนิยายแล้วนี่ ยังต้องมาแสดงในละครเวทีอีก เป็นเรื่องช่างน่าแปลกประหลาดยิ่งนัก “เอาล่ะเงียบๆ” เจนนี่ผู้กำกับสาวพูดขึ้น เพราะเสียงบรรดานักศึกษาได้คุยกันเสียงดัง “พวกพี่ได้เขียนบทละครเสร็จแล้วเมื่อกี้ เพราะเริ่มเขียนมาพักหนึ่งพร้อมนิยาย ตอนนี้นิยายจบแล้วและได้กลายมาเป็นบทละคร และเราต้องขอบคุณเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ให้เราได้สร้างละครเรื่องนี้ฟรี ซึ่งพี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับ คณะกรรมการคัดเลือกเรื่องนี้มาให้เราได้ทำการแสดง ต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว” “ใช่ อย่างพี่เจนนี่พูดทุกอย่าง ในเมื่อทุกอย่างพร้อมนักแสดงก็เช่นกัน พวกพี่ประชุมกันไว้แล้ว ตัวละครสำคัญเรายังใช้ชุดเดิม มีเพียงเขื่อนเท่านั้นที่ลาออกจากชมรมไป แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เอาล่ะ ตัวละครสำคัญสองตัวละคร คือ แม่ทัพวิศรุฒกับยิว ซึ่งเป็นใครไม่ได้เลยคนที่รับบทยิว เราเห็นตรงกันว่าเป็นกัส ส่วนแม่ทัพวิศรุฒตอนแรกกะจะหาคนหน้าไทยๆ แต่พี่พีคเขาเสนอตัวเอง ตอนแสดงค่อยทาตัวดำๆ ก็แล้วกัน หลังจากนี้พี่พีคของเราต้องเข้าฟิสเนตสร้างกล้ามเนื้อเพราะต้องถอดเสื้อทั้งเรื่อง ในเมื่ออยากเป็นแม่ทัพวิศรุฒต้องเปลื่ยนตัวเองให้ได้” เกรซหันมามองพีคที่ยืนยิ้มอย่างอารมณ์ดี “ครับ พี่อยากเล่นบทนี้มากเลย เดี๋ยวพี่จะไปอาบแดดให้ตัวดำ” เมื่อพีดพูดจบก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย ยิวนั่งนิ่งๆ ไม่ยิ้มแม้แต่น้อย ถึงแม้บทละครจะยี่นถึงมือก็ไม่พร้อมเปิดอ่าน เพราะกลัวจะหลุดเข้าไปในนิยายอีกครั้ง “น้องกัสเป็นอะไรไม่อยากเล่นละครเวทีเรื่องนี้เหรอ ดูทำหน้าเข้าสิ เอ่อ พี่เข้าใจ กัสยังอาจทำใจเรื่องเป็กไม่ได้” พีคนั่งลงข้างๆ ยิวพร้อมยิ้มให้อย่างสดใส เพื่อเอาใจและให้คลายเศร้าอย่างที่เขาคิด “อ่อ อืม ไม่มีอะไรครับ” ยิวตอบไปด้วยความมึนงงและด้วยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี “เอาล่ะ วันนี้เอาไว้แค่นี้นะ เดี๋ยวพี่นัดอีกทีจะมาซ้อมละครวันไหน” เจนนี่พูดขึ้นและปิดการประชุม หลังจากนั้นบรรดานักศึกษาในชมรมต่างเดินออกจากไปจนเกือบหมด “กลับกันเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้อง” พีคเอ่ยขึ้น “ครับ” ยิวยังนิ่งด้วยความอึ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว สองหนุ่มต่างความรู้สึกอยู่ในรถคันหรู อีกคนเป็นฝ่ายขับยิ้มแย้มอารมณ์ดี เพราะเริ่มทำใจได้กลับเรื่องรักร้าวที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันได้มีความรู้สึกดีๆ กับคนนั่งข้างๆ ส่วนอีกคนใบหน้าหม่นหมองตรึงเครียดจากเรื่องราวที่ผ่านมา และยิ่งมาเจอเหตุการณ์ตอกย้ำความรู้สึกเมื่อครู่อีก จึงไม่สามรถทำให้อารมณ์เบิกบานได้ไปกว่านี้ “ไหนบอกว่าทำใจได้แล้วไง ทำไมทำหน้าตาอย่างงั้นล่ะ” พีคหันมามองใบหน้าของกัสด้วยความสงสัยและวิตกกังวล “ก็ คือละครเวทีเรื่องนิยายสองภพนี่ ถ้ากัสไม่เล่นได้ไหมครับ” “ทำไมล่ะ” “คือ เอ่อ” “เราอุตส่าห์ฝ่าฟันอุปสรรคกันมา กว่าจะได้บทละครเรื่องนี้ พี่อ่านแล้วชอบมากเลย หลายคนก็ชอบไมว่าจะเป็น พี่เกรซ พี่เจนนี่ กัสไม่ชอบเรื่องนี้เหรอหรือว่ายังทำใจเรื่องเป็กไม่ได้” “ครับ ประมาณนั้น สภาพจิตใจกัสยังไม่พร้อมครับ” “พี่เข้าใจนะ แต่ไม่เป็นไรหรอกพี่นี่แหล่ะจะรักษาแผลใจของกัสให้เอง หวังว่ากัสจะให้พี่ไปสมานแผลให้นะ” พีคอมยิ้มอย่างกรุ่มกริ่ม “เขื่อนล่ะครับ” ยิวถามด้วยสีหน้าสงสัย “พี่ทำใจได้แล้ว ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ว่าแต่กัสนั่นแหละทำใจไวๆ นะพี่รออยู่ แต่เรื่องแสดงละครเวที ถ้ากัสไม่เล่นพี่จะเสียใจมากเลย รวมทั้งพี่ๆ ในชมรมทุกคน แต่พี่ยังสงสัยอยู่ดี ใครกันเอานิยายเรื่องนี้ไปเสนอกับคณะกรรมฝ่ายละครเวทีมหาวิทยาลัย แต่ก็ช่างมันเถอะถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ” “ขอเวลากัสได้คิดคิดสักหน่อยได้ไหมครับ” ยิวหันไปมองกัสด้วยสายตาเชิงขอร้อง ส่วนความสงสัยของพีคนั้นยิวไม่อยากรับรู้ใดๆ เขาจึงไม่ออกความคิดเห็น “อืมก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะคุยกับเกรซและเจนนี่นะ พี่สองคนใจดีคงเข้าใจ แต่พี่อยากให้กัสเล่นเรื่องนี้กับพี่ แต่ท้ายที่สุดถ้ากัสไม่อยากเล่นก็ไม่เป็นไร เพราะมันเป็นสิทธิของกัส” “ขอบคุณครับที่พี่พีคเข้าใจนะครับ” “ถ้าพี่ไม่เข้าใจกัสแล้วใครจะเข้าใจล่ะ” พีคหันหน้ามายิ้มให้กัสอย่างอารมณ์ดี “ครับ” ยิวอมยิ้มแบบไม่เห็นไรฟัน ส่วนดวงตาไม่ได้ยิ้มด้วยแม้แต่น้อย หลังจากนี้ทั้งสองไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรจนกระทั่งขับรถมาที่พัก พีคจึงครุ่นคิดบางอย่างชั่วครู่ก่อนพูดออกมา “ถึงแล้ว อยู่คนเดียวได้ไหม ถ้าไม่ได้ให้พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนได้นะ” พีคเหล่ดวงตาเล็กน้อยมายังคนนั่งข้างๆ “ได้ครับ” “ได้หมายความว่าไง ให้พี่อยู่เป็นเพื่อน หรือว่าอยู่คนเดียวได้” “อยู่คนเดียวได้ครับ” “อืม พี่เข้าใจกัสนะ เพราะกัสพึ่งผ่านเรื่องแย่ๆ มา แต่อย่าลืมนะว่ากัสยังมีพี่พีคคนนี้อยู่เคียงข้างเสมอ” “ครับ กัสเข้าใจ” ยิวหันมายิ้มให้พีคอีกครั้งก่อนลงจากรถ โดยมีสายตาของพีคมองตามด้วยความใคร่รู้และสงสัยในพฤติกรรมของกัส เขามองจนสุดสายตาหลังจากนั้นกัดฟันเล็กน้อยครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนขับรถออกไปจากหอพักของกัสอย่างมีความหวังเล็กๆ เมื่อยิวได้มาถึงห้องพักของตัวเองเขาได้นั่งมองโน๊คบุ๊คของกัส ด้วยสายตาอันชวนสงสัยและใคร่รู้ ว่าสิ่งนี้หรือเปล่าที่ทำให้ตัวเองและกัสสลับร่างกันไปมา ใจหนึ่งอยากเปิดอ่านอีกคราอีกใจหนึ่งอยากหยุดเรื่องราวไว้เพียงแค่นี้ สองจิตสองใจใคร่ครวญ แต่ยังมิหาญกล้าเปิดโน๊ตบุ๊คถึงแม้จะคิดถึงแม่ทัพวิศรุฒสักเพียงใด สองตาได้มองจอโน๊ตบุ๊คที่ไร้แสง มีแต่สีดำสนิททึบมืดไม่เห็นภาพ แต่ยิ่งมองกลับเริ่มเห็นความสว่างออกมาทีละน้อยจนเปล่งแสง ยิวเห็นเช่นนั้นเขารีบลุกขึ้นยืนเบิกตากว้างด้วยความตกใจค่ำคืนอันดึกดื่นกัสนักศึกษาหนุ่มผู้มีความฝัน อยากมีนิยายสักเรื่องหนึ่งที่เขาจินตนาการไว้ และอยากหาเงินจากการเขียนนิยายเพื่อยังชีพ เขาตั้งสมาธิอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลงมือเขียน แต่ยังไม่ทันได้เขียน เขื่อนเพื่อนร่วมห้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ และยังเห็นกัสนั่งอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คเขาจึงอดถามไถ่ไม่ได้ “กัสมัวทำอะไรอยู่ถึงยังไม่นอนสักที” “เรากำลังจะเขียนนิยายตอนแรก” “เอาแน่ใช่ไหม เห็นว่าจะเขียนหลายรอบแล้ว” “ครั้งนี้แน่นอน” “เอาใจช่วยนะ แต่เราขอตัวนอนต่อ นายก็อย่าโหมเขียนยันแจ้งล่ะ ถ้าง่วงก็นอน แต่เราของตัวนอนก่อนก็แล้วกัน”เขื่อนล้มตัวลงนอนและหลับไปในทันที ส่วนกัสก็ไม่รอรีอีกต่อไป เขากดแป้นพิมพ์ ตามจินตนาการที่วางไว้ เพื่อหวังว่าสักวันเขาจะประสบความสำเร็จทางด้านนี้ กัสจึงเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรก นักรักบันลือโลก ท่ามกลางแคว้นโสรยาที่กำลังเกิดศึกสงคราม โดยมีแม่ทัพวิศรุฒแห่งแคว้นศิลานคร ได้นำทัพมาตีเมืองโสรยาที่อ่อนแอ ไร้ผู้นำที่เข้มแข็งจึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้แม่ทัพวิศรุฒ ตีเมืองโสรยาจนพ่ายเมืองแตก บรรดาเจ้าเมืองและองค์ชายที่หลบหนีไม่ทัน แม่ทัพวิศรุฒผู้เหี้ยมโหด ฆ่าฟันไม่มีเหลือซาก เพื่อป้องกัน
ผลคัดเลือกเข้าชมรมละครเวทีต้องรอวันพรุ่งนี้ พีคหัวหน้าชมรมจึงให้นักศึกษาที่มาสมัครคัดเลือกกลับกันไปก่อน ในส่วนของกัสและเขื่อนหลังจากออกมาจากชมรมละครเวที กัสรีบกลับห้องทันที เพื่อที่จะไปเขียนนิยายต่อ ส่วนเขื่อนต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ห้างสรรพสินค้า เมื่อกัสมาถึงที่ห้องเขาจึงรีบทำธุระส่วนตัวทุกอย่างให้เสร็จสิ้น นั่งครุ่นคิดชั่วครู่และลงมือเขียนนิยายต่อจากเมื่อวาน ในห้องบรรทมของเจ้าเมืองโสรยาองค์เก่า ที่ได้เสียชีวิตจากน้ำมือของแม่ทัพวิศรุฒผู้เหี้ยมโหด ในช่วงเวลานี้มีเพียงสองคนต่างภพได้ร่วมอยู่ห้องเดียวกัน หลังจากเหล่าบรรดาทหารกล้าออกไปจนหมด ตามคำสั่งของท่านแม่ทัพวิศรุฒ ยิวรู้สึกประหม่าและหวาดหวั่นมิใช่น้อย เมื่อเขาต้องยืนอยู่ใกล้หนุ่มร่างใหญ่กำยำบึกบึน ยิ่งสายตามองไปที่แผ่นอกลายรอยสักเสือสองตัว ยิวต้องเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่น เพราะเป็นรอยสักที่น่ากลัวสำหรับเขา “ข้าจะให้องค์เดินทางไปกับข้าด้วย” “จะไปก็ไปจะมาพูดย้ำทำไมอีก”“ที่ข้าพูดอีกครั้งก็เพราะว่า ถ้าข้าให้เดินทางไปในฐานะองค์ชายมันคงดูไม่เหมาะ” “แล้วจะให้เร
สองหนุ่มเพื่อนชี้ได้นั่งอ่านบทละครในห้องที่แสนอบอุ่น สองบทละครถูกเขื่อนและกัสอ่านจนหมดแต่ไม่จบเรื่อง “กัสชอบตัวละครไหน”เขื่อนเงยหน้าขึ้นปาดสายตามองกัส “ชอบทั้งสองบทเลยนะ บทแรกนี่ตรงข้ามกับเรามากเลย เป็นคนที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ตรงมาตรงไป ส่วนบทที่สองบทนิ่งๆเฉยๆเรียบๆนี่เราเลยนะ” “เราว่าบทที่สองเหมาะกับกัสนะ” “ใช่ เหมาะกับเรา แต่บทแรกก็เหมาะกับเขื่อนเหมือนกัน” “พวกเราจะเลือกบทที่เหมาะกับตัวเองหรือที่แตกต่างดีล่ะ” “เราว่าเลือกบทที่เหมาะกับตัวเองดีกว่า”กัสสบตาเขื่อนเพื่อนรัก “ถ้ากัสคิดว่าอย่างนั้น เราก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ” “ตกลงตามนี่ก็แล้วกัน แต่พี่เกรซให้บทละครมาแค่หนึ่งส่วนสี่ของเรื่องเอง เรายังไม่รู้เลยว่าตัวละครจะไปทิศทางไหน” “ใช่ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเล่นไปตามบทเรื่อยๆ เราคิดว่าพวกพี่ๆอยากได้การแสดงแบบดิบๆมากกว่า เลยไม่อยากให้รู้การดำเนินเรื่องเป็นอย่างไร” “ฮือ ถ้าจะจริง แต่เราก็อยากรู้ว่าบทไหนจะร้ายหนอ” “ไม่อยากเล่นบทร้ายเหรอ”เขื่อนเอ่ยขึ้น
ช่วงเวลาดีๆของกัสกับเขื่อนก็มาถึง ทั้งสองได้มาที่ห้องประชุมชมรมละครเวที ซึ่งทุกคนต่างรอคอยว่าสองคนนี้จะเลือกบทละครตัวไหนกัน “น้องกัสกับน้องเขื่อนตกลงกันได้หรือยังครับ ว่าใครจะเล่นบทอะไร”พีคมองหน้าทั้งกัสและเขื่อนด้วยความอยากรู้ “เราสองคนตกลงกันได้แล้วครับ เขื่อนจะเล่นบทของวิน ส่วนกัสจะเล่นบทของนิว ครับ”เขื่อนเป็นคนพูดส่วนกัสนั่งเฉยๆ ตามนิสัยที่เงียบนิ่งไม่ค่อยพูดเท่าไร “พี่ก็นึกไว้แบบนี้เหมือนกัน เพราะบทของวินจะเด็ดเดี่ยวเป็นคนตรงมาตรงไป ซึ่งก็เหมาะกับเขื่อน ส่วนบทของนิวจะนิ่งๆลึกน่าจะเหมาะกับกัส เอาล่ะซึ่งเป็นอะไรที่ลงตัวมากเลย ต่อไปให้พี่จีน่ากับพี่เกรซอธิบายบทละครให้ฟังนะ”พีคเอ่ยขึ้น “บทละครที่พี่ให้ไปนั้นเป็นแค่บางส่วน น้องๆก็จะรู้เรื่องราวแค่เบื้องต้นเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องต่อจากนั้น ทั้งวินและนิวจะแตกหักกัน เพราะรักผู้ชายคนเดียวกัน หลังจากนั้นทั้งสองคนก็จะร้ายใส่กัน มันจะเริ่มสนุกกันตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่เกรซพูดต่อก็แล้วกัน” “คือบทของวินนั้นจะร้ายตรงๆ ส่วนบทของนิวจะร้ายลึก เบื้องหน้าจะดูเป็นคนดี ถูกกระทำ แต่
คืนนี้เขื่อนเลิกงานตามปกติ แต่มีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้ง เพียงเขื่อนก้าวเท้าออกจากร้านอาหาร หลังเลิกงานในช่วงเวลาสามทุ่มเศษ เขื่อนเลิกงานซะทีพี่รอตั้งนาน”พีคเอ่ยขึ้น “พี่พีค เขื่อนนึกว่าพี่กลับบ้านไปแล้วซะอีก”เขื่อนมีสีหน้าที่ประหลาดใจ “จะให้กลับได้ไง ในเมื่อพี่มาส่งเขื่อนก็ต้องรอรับกลับซิ “ “เขื่อนเกรงใจพี่ ไม่น่ารอรอรับเลย เสียเวลาพักผ่อนของพี่พีคแย่เลย” “ไม่เสียวเวลาหรอก พี่กลับไปบ้านก็ไม่ได้ทำอะไร อยู่นี่เดินเที่ยวห้างแล้วมารับน้องเขื่อนกลับบ้านดีกว่า” “ขอบคุณพี่พีคมากนะ” “มัวแต่ขอบคุณไม่ได้กลับกันซะที ไป เดี่ยวพี่ไปส่งที่ห้อง” “ครับพี่พีค” พีคได้ขับรถมาส่งเขื่อนยังห้องพัก ในระหว่างทางพีคได้ชวนเขื่อนคุยหลายเรื่อง ซึ่งทำให้เขื่อนมีความรู้สึกที่ดีต่อพีคมากขึ้น “อ่านบทไปบางส่วน เขื่อนคิดอย่างไงกับบทนี้” “บทดีนะ ทั้งของเขื่อนและกัส แต่ของกัสจะลึกกว่าเล่นยาก ส่วนของเขื่อนเป็นคนตรงแสดงออกมาตรงๆ คือมันง่ายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ”
กัสกำลังเดินกลับห้องเช่าด้วยอารมณ์ไม่มีความสุขเท่าไร เพราะยังค้างคาอยู่ไม่หายหลังจากหงุดหงิดเมื่อคืน ในระหว่างกำลังออกจากประตูรั้วมหาวิทยาลัย เขาก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย “กัสขึ้นมาบนรถเร็ว พี่จอดได้ไม่นาน” กัสไม่มีเวลาคิดอะไร เพราะเขามองไปด้านหลังมีรถจอดรถสองสามคัน กัสจึงวิ่งอ้อมไปข้างหน้าขึ้นไปบนรถ หลังจากนั้นพีคก็แล่นรถออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัย “ทำไมวันนี้เดินคนเดียวล่ะ”พีคเอ่ยขึ้น “เขื่อนไปทำงานครับ” “เอ่อ ใช่ พี่ก็ลืมไปเลย ดีเหมือนกันพี่จะได้ส่งกัสที่ห้อง” “พี่พีคไม่น่าลำบากเลย เพราะกัสขึ้นรถเมล์กลับเป็นประจำอยู่แล้วนี่” “พี่อยากทำความรู้จักกับกัสให้มากขึ้น เพราะเราต้องเล่นละครด้วยกันอีกหลายเดือน” “กัสไม่น่ามีอะไรให้รู้จักหรอก กัสเป็นคนแบบนี้แหละ ใครๆเห็นก็รู้ว่าเป็นคนอย่างไง” “ไม่ได้หรอก พี่ต้องรู้ให้ลึกรู้ให้จริง รู้ให้ถึงใจของกัสว่ากำลังคิดอะไรอยู่”พีคหันมายิ้มให้กัส “จะรู้ใจของกัสไปทำอะไรกันล่ะครับ” “ต้องรู้สิ เพราะในละครเวทีเราเล่น
กัสกับเขื่อนรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะวันนี้เป็นวันแรก ที่ทั้งสองต้องมาซ้อมบทละครกัน ซึ่งเขื่อนจะรับบทวินส่วนกัสรับบทนิว ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน และได้แอบหลงรักผู้ชายคนเดียวกันคือมีนรับบทโดยพีครุ่นพี่ชมรมละครเวที โดยมีเจนนี่เป็นผู้กำกับส่วนเกรซเป็นแอ็คติ้งโค้ช “ฉากแรกเป็นฉากพบรัก วินเดินมาชนมีนหน้าคณะวิศวะ เมื่อทั้งสองเดินชนกันปุ๊บ สายตาจะประสานจ้องมองกัน”เจนนี่อธิบายฉากต่างๆ โดยละเอียดให้ฟัง ส่วนเกรซนั้นจะมาสอนการแสดงอินเนอร์ที่ออกมาจากข้างใน กัสนั่งดูเขื่อนกับพีคอย่างมีนัยแอบแฝง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเป็นการแสดง แต่ในส่วนลึกของจิตใจเขายังแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับการแสดง ยิ่งเห็นพีคประคองร่างไม่ให้เขื่อนล้มลง กัสถึงใจสั่นโดยไม่รู้สาเหตุ “โอเค ผ่าน”เจนนี่สั่งหยุดทันที เมื่อเขื่อนและพีคเล่นฉากนี้จบ ในช่วงเวลานี้กัสยังเหม่อลอยมองเขื่อนและพีคด้วยความสับสน กัสยืนนิ่งใจล่องลอยไปไกล จินตนาการว่าถ้าเป็นตัวของเขาเองจะเล่นฉากนี้อย่างไร “น้องกัส ถึงคิวน้องต้องแสดงแล้วนะ มัวเหม่ออะไรอยู่พี่เรียกตั้งนานแล้วนะ”เจนนี่เดินเข้ามาใกล้ๆกัน
วันนี้กัสไม่มีบทซ้อมละครเพราะเป็นคิวของเขื่อน จึงทำให้ค่ำคืนนี้กัสรู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็ยังมีความหวังในวันพรุ่งนี้ เพราะกัสกับพีคจะซ้อมบทละครกันเพียงสองคน เพราะตามเนื้อเรื่อง นิวกับวินเป็นเพื่อนรัก และรักผู้ชายคนเดียวกัน ต่างคนต่างไม่รู้ว่าผู้ชายที่เขาทั้งสองมอบความรักให้นั้น เป็นคนเดียวกันจึงทำให้ทั้งสองได้แตกหักในเวลาต่อมา อย่างมองหน้ากันไม่ติดทีเดียว เมื่อกัสมาถึงห้องเขาจึงไม่รอช้า ใส่จินตนาการในนิยายของเขาด้วยอารมณ์ในขณะนี้ ก่อนเริ่มลงมือเขียนกัสสองจิตสองใจ กับเนื้อเรื่องที่ร่างไว้กับใส่ใหม่ ในที่สุดกัสตัดบทร่างเดิมทิ้งไปหมด เริ่มต้นเขียนตามอารมณ์ความรู้สึกทันที เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมยังไม่หยุดตามราวียิว ผู้ซึ่งทำให้เขาได้รับความอับอายในใจ ที่หลงผิดคิดว่ายิวเป็นหญิงสาวรูปงาม เสือเข้มจึงบุกป่าฝ่าดงจนพบแม่ทัพวิศรุฒกับยิว เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา เขาเห็นทั้งสองออกมายืนอยู่หัวเรือ เสือเข้มจึงได้แต่รอเวลาโดยขี่ม้าตามสายน้ำในป่าไม่ลึกมาก จวบจนมืดค่ำเขาก็ได้เห็นเรือจอดริมฝั่ง เพื่อพักผ่อนยามค่ำคืน เสือเข้มผู้อำมหิตและมีเลห์กลเพทุบายหลากหลาย เข
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว
ค่ำคืนที่หาบทละครเวที พีคกำลังขะมักเขม้นทำอย่างจริงใจ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันพีคได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อดูชื่อที่ปรากฏเป็นกัส พีคจึงรีบรับทันทีเพราะปกติไม่เคยโทรมาแต่อย่างใด “ฮัลโหล น้องกัสมีอะไรหรือเปล่า” “มี แต่ กัสไม่อยากบอกพี่เลยครับ” “เรื่องอะไร บอกมาเลยถ้าไม่บอกพี่โกรธจริงๆนะ” “ก็เรื่องของเขื่อนไงครับ คือ ว่า เอ่อ อ่า อืม” “พูดมาเลยว่าเรื่องอะไร” “คือ เรื่องเด็กคนนั้นน่ะของเขื่อน เท่าที่กัสสังเกตหน้าจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน” “พี่ก็สงสัยแต่พี่ไม่มีหลักฐานอะไร” “คือ คืนนี้พี่ลองไปหาเขื่อนที่ห้องพักแบบไม่ให้รู้ตัวสิครับ” “น้องกัสรู้อะไรมาเหรอ” “อืม กัสไม่พูดดีกว่าพี่พีคไปดูเองเถอะ” “อืม ก็ได้ ขอบใจกัสมากนะ” “ไม่เป็นไรครับ” เมื่อพีคกดวางโทรศัพท์มือถือ ก็ขับรถไปหาเขื่อนในทันที โดยไม่บอกกล่าวอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ค่อนข้างให้ความเชื่อใจกัสมากกว่าเขื่อนเสียอีก พีคขับรถไปอย่างกระวนกระวายยิ่งนัก ด
เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมได้มีความรักโดยอย่างไม่ตั้งใจ จากเมื่อก่อนอยากอยู่ไปเรื่อยๆแต่ในปัจจุบันความคิดนั้นได้เปลื่ยนไปอย่างมาก เพราะยิวได้สร้างห้องแห่งรักไว้ในหัวใจ จึงทำให้เสือเข้มเกิดความทะเยอะทะยานอยากได้ยิวมาครอบครองเขาจึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อจะทวงราชบัลลังก์คืนแกตัวเขาและยิว การรวบรวมกำลังพลในค่ายเสือ ถึงจะไม่ได้มากมายเท่ากับกองทัพแห่งเมืองเมฆาบุรี ที่ตอนนี้เปลื่ยนชื่อเป็นเมืองวิหค กว่าที่เสือเข้มจะระดมบรรดาโจรทั่วเมืองเมฆาบุรีได้ใช้เวลานานพอสมควร และได้ติดต่อจากเมืองอื่นๆอีกมากมายเพื่อมาช่วยในครั้งนี้ โดยมีผลตอบแทนพื้นที่บางส่วนให้ไว้อาศัยอยู่ และทรัพย์สินในวังอันมีค่าบางส่วน ในที่สุดวันที่เสือเข้มรอคอยก็มาถึง เขาได้บุกเข้าเมืองเมฆาบุรีแบบกองโจร ไม่ได้ปะชิดสู้ตรงๆ เพราะขืนทำอย่างนั้นไม่มีทางที่จะชนะแม่ทัพวิหคและอำมาตย์มงคลได้อย่างแน่นอน โดยการครั้งนี้เสือเข้มเป็นผู้วางแผนและสั่งการเองทุกอย่าง โดยเริ่มต้นยามค่ำคืนอันเงียบสงัดและเผลอไผลไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์อันร้ายแรงเกิดขึ้น “พี่น้องทุกคนพร้อมกันหรือยัง”เสือเข้มประกาศก้องใกล้ๆเมืองชั
เมื่อไม่ได้มีการซ้อมละครเวทีเขื่อนจนมีเวลาให้กับงานที่ทำมากขึ้น ไม่ว่าจะหลังเลิกงานหรือแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์เขื่อนทุ่มเวลานั้นอย่างเต็มที่ จนทำให้ไม่มีเวลาไปมาหาสู่กับพีคอย่างเช่นแต่ก่อน และมีอยู่อีกเหตุหนึ่งนั้นเขื่อนได้มีความใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่มากขึ้น ตอนกลับห้องหรือไปไหนหลังจากเลิกงาน ก็ไปด้วยกันตลอดเวลา จึงทำให้ความสัมพันธ์ของพีคกับเขื่อนได้จืดจางลงไปอย่างไม่ค่อยรู้ตัวหลังจากเลิกงานวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขื่อนได้กลับพร้อมกับหนุ่มรุ่นน้อง ที่ได้พึ่งได้มาทำงานได้ไม่นานแต่ความสนิทสนมกันนั้นแสนมาก“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นพี่พีคมารับพี่เขื่อนเลยครับ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าใคร่สงสัย และมีความดีใจอยู่พอสมควร“พี่พีคไม่ค่อยว่าง เพราะตั้งแต่ไม่ได้แสดงละครด้วยกัน พี่พีคเขาต้องหาบทละครมาสร้างอีก ช่วงนี้เลยห่างๆ กันไป”“อ่อ ถึงว่าสิทำไมไม่ค่อยเห็นพี่พีค แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะถึงอย่างไงพี่เขื่อนยังมีผมอยู่เป็นเพื่อน” เจษอมยิ้มนิดๆ“อืม” เขื่อนไม่ได้พูดอะไรต่อจากนี้ ได้แต่ยืนรอรถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่จะกลับห้อง“โชคดีนะ ที่เราสองคนอยู่ใกล้ๆ ขึ้นรถสายเดียวกัน” เจษยังยืนยิ้มอยู่ไม่วาย“พ