คืนนี้เขื่อนเลิกงานตามปกติ แต่มีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้ง เพียงเขื่อนก้าวเท้าออกจากร้านอาหาร หลังเลิกงานในช่วงเวลาสามทุ่มเศษ
เขื่อนเลิกงานซะทีพี่รอตั้งนาน”พีคเอ่ยขึ้น
“พี่พีค เขื่อนนึกว่าพี่กลับบ้านไปแล้วซะอีก”เขื่อนมีสีหน้าที่ประหลาดใจ
“จะให้กลับได้ไง ในเมื่อพี่มาส่งเขื่อนก็ต้องรอรับกลับซิ “
“เขื่อนเกรงใจพี่ ไม่น่ารอรอรับเลย เสียเวลาพักผ่อนของพี่พีคแย่เลย”
“ไม่เสียวเวลาหรอก พี่กลับไปบ้านก็ไม่ได้ทำอะไร อยู่นี่เดินเที่ยวห้างแล้วมารับน้องเขื่อนกลับบ้านดีกว่า”
“ขอบคุณพี่พีคมากนะ”
“มัวแต่ขอบคุณไม่ได้กลับกันซะที ไป เดี่ยวพี่ไปส่งที่ห้อง”
“ครับพี่พีค”
พีคได้ขับรถมาส่งเขื่อนยังห้องพัก ในระหว่างทางพีคได้ชวนเขื่อนคุยหลายเรื่อง ซึ่งทำให้เขื่อนมีความรู้สึกที่ดีต่อพีคมากขึ้น
“อ่านบทไปบางส่วน เขื่อนคิดอย่างไงกับบทนี้”
“บทดีนะ ทั้งของเขื่อนและกัส แต่ของกัสจะลึกกว่าเล่นยาก ส่วนของเขื่อนเป็นคนตรงแสดงออกมาตรงๆ คือมันง่ายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ”
“พี่ว่าไม่น่ายากนะ เพราะพี่ว่ากัสเขามีนิสัยอย่างนั้นอยู่แล้ว เหมือนเล่นเป็นตัวเองนั่นแหละ”
“แต่ก็ยากอยู่ตรง กัสขี้อายไม่ค่อยพูดเก็บเนื้อเก็บตัว”
“ถ้างั้นพี่ก็ต้องชวนกัสออกมาสลายพฤติกรรม เพราะถ้ายังมีอะไรที่เกรงใจกันหรือมีความรู้สึกที่กั้นขวางน่าจะเล่นด้วยกันยาก”
“ถ้าพี่ชวนกัสออกมาได้ เขื่อนขอคาราวะเลย เขื่อนชวนไปไหนก็ไม่ไป”
“รู้จักพึ่น้อยไปซะแล้ว เดี๋ยวพี่จะทำให้ดู รอพรุ่งนี้ก่อนเถอะ”
“เขื่อนจะรอดู แต่ตอนนี้ถึงห้องของเขื่อนแล้ว”
“ว้า ถึงไวจังวันหลังพี่มาส่งเขื่อนใหม่ก็แล้วกัน จะได้คุยกันบ่อยๆเราจะได้สนิทกันมากขึ้น”
“ครับพี่พีค”
พีคจอดรถหน้าห้องเช่าของเขื่อน ที่ดูไม่ใหญ่มากและค่อนข้างเก่าพอสมควร ก่อนเขื่อนจะลงจากรถเขายิ้มให้พีคด้วยสายตามีนัยแฝง ส่วนพีคยิ้มตอบด้วยสายตาเป็นประกายวาววับ จนเขื่อนต้องรีบลงจากรถด้วยความเขินอาย
เมื่อเขื่อนมาถึงที่ห้อง เขาเห็นกัสนั่งนิ่งๆหน้าโน๊คบุ๊ค เขื่อนจึงเดินเข้าไปหาด้วยความสงสัย และกังวลว่ากัสอาจมีปัญหาอะไรบางอย่าง
“เป็นอะไรกัส เรามาตั้งนานนายยังนั่งนิ่งอยู่เลย”
“อ่อ เรากำลังคิดว่าจะดำเนินเรื่องนิยายไปทางไหนดี”
“ถ้าคิดยังไม่ออกพักก่อนก็ได้ วันหลังค่อยเขียนใหม่”
“ก็คงงั้น ว่าแต่นายทำไมกลับไวจัง”กัสหันมามองเขื่อน
“พี่พีคมาส่งนะ”เขื่อนยิ้มนิดๆ
“อ้าว พี่พีครอนายอยู่จนเลิกงานเลยเหรอ”
“ฮือ พี่เขาเป็นคนดีมากเลย พี่พีคบอกว่ามาส่งแล้วก็ต้องรับด้วย”เขื่อนยิ้มหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัว
“พี่พีคเขาเป็นคนดีจริงๆ”กัสพูดเสียงอ่อยลง
“ใชพี่พีคเป็นคนดีมากๆ ถ้าใครได้เป็นแฟนคงโชคดี”
“ถ้างั้นายคงโชคดี”กัสมีสีหน้าที่เปลื่ยนไปพอสมควร
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีหนอ พี่เขาออกจะรวย หล่อ เก่ง แ ล้วดูพวกเราซิ นายต้องเขียนนิยายหาเงิน ส่วนเราต้องเป็นพนักงานเสริฟ เขาคงไม่มองหรอก”
“ไม่เกี่ยวหรอก ถ้าคนมันจะรักก็รัก ถ้าไม่รักทำอย่างไงก็ไม่รัก”
“ขอให้เป็นจริงอย่างที่นายพูดก็แล้วกัน ตอนนี้เราขอไปอาบน้ำก่อน”เขื่อนเดินไปเปลื่ยนเสื้อผ้าและเข้าไปในห้องน้ำ
ความรู้สึกของกัสตอนนี้อยู่ในห้วงอิ จฉาเล็กๆ กัสคิดเลยเถิดไปว่าทำไมพีคไม่มาส่งเขาที่ห้อง แต่ไปส่งเขื่อนในที่ทำงาน ในช่วงเวลานี้นี่เอง ทำให้กัสนึกบทนิยายตอนต่อไปของเขาออก กัสจึงเริ่มลงมือเขืยนต่อทันที จากที่กัสร่างไว้คราวๆว่าจะให้แม่ทัพวิศรุฒได้พายิวไปยังเมืองศิลานครเพื่อเป็นเมียลับๆ กัสได้เปลื่ยนบทนิยายตอนนี้ใหม่หมด
ในถ้ำกลางป่าที่เริ่มมีแสงสว่างเข้ามา แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกปลอดภัยของยิวมีมากขึ้น เพราะแม่ทัพวิศรุฒออกไปจากถ้ำตั้งแต่ยังไม่รุ่งสาง เพื่อไปหาเสื้อกางเกงให้ยิวใส่ จนป่านนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาแต่อย่างใด ยิวจึงตัดสินใจเดินออกไปยังหน้าถ้ำ แต่เขายังไม่ลืมนำเสิ้อมาใส่ปกปิดร่างกายส่วนบน อันขาวดังหยวกกล้วย พร้อมกับนำผ้าโพกเอวของแม่ทัพวิศรุฒ มาคุมศีรษะยันหน้าอกเพื่อไม่ให้เห็นทรงผม อันผิดแผกแตกต่างจากคนยุคนี้
เพียงยิวออกไปยังหน้าถ้ำ เขาพบกับโจรป่าที่ออกปล้นสะดมชาวบ้าน ที่กำลังเดินทางกลับค่ายชุมเสือ ยิวเห็นคนกลุ่มใหญ่เขาตกใจอย่างหนัก ยิวจึงรีบวิ่งเข้าไปภายในถ้ำ แต่ไม่พ้นสายตาของหัวหน้าโจร
“จับผู้หญิงคนนั้นไว้”
ยิวก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำไม่กี่ก้าว ลูกน้องโจรมารุมจับร่างของเขาไว้ ซึ่งยิวไม่สามารถต้านแรงกลุ่มโจรพวกนี้ได้
“จะทำอะไรเรา”ยิวพยายามขัดขืนดิ้นเพื่อให้หลุด ในขณะเดียวกันหัวหน้าโจรก็เดินเข้ามาใกล้ๆ
“หน้าตาสะสวยดีนี่”หัวหน้าชุมโจรจับปลายคางของยิว พร้อมส่งสายตาอันหื่นกระหาย เพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่ายิวเป็นผู้หญิง
“เอาทำเมียเลย ถ้าเบื่อแล้วยกให้พวกเราต่อก็ได้”ลูกน้องชุมโจรพูดขึ้น
“สวยอย่างนี้ข้าไม่มีวันเบื่อหรอก ข้าจะเอาทำเมียเป็นนายหญิงของพวกเอ็ง ครั้งก่อนๆที่เจอไม่ได้สวยแบบนี้นี่หว่า พวกเอ็งเลยรับต่อจากข้า แต่คนนี้ช่างงดงามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ ถ้าลูกของข้าเกิดกับนางคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หน้าตาคงหล่อสวยหมดจด”
“ข้าไม่ใช่ผู้”
“หยุดพูด เอาไว้ร้องครางคืนนี้”หัวหน้าชุมโจรใช้นิ้วปิดริมฝีปากของยิว
ยิวหยุดพูดทันที สายตาของเขาจ้องมองไปยังหัวหน้าชุมโจร ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา สักยันต์เต็มตัวยิ่งกว่าแม่ทัพวิศรุฒหลายเท่า ยิวจึงเกิดความกลัวจึงยอมจำนนไม่ขัดขืนใดๆทั้งสิ้น
“เชื่องดีแท้บอกให้หยุดพูดก็หยุดทันที”
หัวหน้าชุมโจรหันไปบอกลูกน้องให้รีบกลับยังค่ายชุมโจร ในส่วนของยิวนั้นหัวหน้าชุมโจรได้จับมือให้เดินตาม ระยะทางระหว่างถ้ำกับค่ายชุมโจรไม่ห่างกันมากนัก จึงใช้เวลาไม่นานก็มายังค่ายชุมโจร
“เมียจ๋าไปนอนบ้านผัวก่อน เดี๋ยวคืนนี้จะเข้าไปหา อย่าลืมอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ส่วนเสื้อผ้าใส่ของข้าไปก่อน พรุ่งนี้จะไปหาชุดสวยๆมาให้ใส่ สมฐานะนายหญิงแห่งชุมโจรเสือเข้ม”
เสียงหัวเราะของเสือเข้มดังลั่น ก่อนจากไปยังแหล่งเก็บสมบัติที่ปล้นสะดมชาวบ้านมา จำนวนมากมาย เพื่อที่จะแบ่งปันให้ลูกน้องไว้ใช้สอยส่วนตัว
“นายหญิงขึ้นไปบนบ้านก่อน ไปเอาเสื้อผ้าแล้วลงมาอาบน้ำ”ลูกน้องเสือเข้มนายหนึ่งที่อยู่เฝ้าหน้าบ้านเอ่ยขึ้น
ยิวจำใจยอมด้วยความหวาดกลัว เขาจึงปืนขึ้นบันได้ไม้ไผ่ห้าขั้น ไปยังเรือนชานไม้ไผ่เช่นกัน ก่อนที่ยิวจะเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เขายืนนิ่งมองรอบบ้านซึ่งเป็นไม้ไผ่ทั้งหลัง เพื่อหาลู่ทางหลบหนี
“นายหญิงเข้าไปข้างในได้แล้ว ”เสียงตะโกนมาจากด้านล่าง
ยิวจึงรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที ซึ่งภายในห้องมีเพียงเสื่อฟาง หมอนลูกมะพร้าว มีผ้าห่มผืนใหญ่หนึ่งผืนวางไว้ข้างๆ ส่วนเสื้อกางเกงอยู่ไกลกัน ยิวจึงหยิบมาดูซึ่งใหญ่กว่าตัวเขามาก นั่นเป็นสิ่งที่ยิวต้องการเพื่อปกปิดร่างกาย เพราะอย่างน้อยกลุ่มโจรคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง ก็จะทำให้เขาปลอดภัยชั่วระยะเวลาหนึ่ง ยิวถือเสื้อผ้าลงมายังข้างล่างที่มีห้องน้ำเป็นไม่ไผ่กั้นไว้ ซึ่งในระหว่างอาบน้ำเขาต้องระวังกลัวอย่างมาก เพราะกลัวใครมาแอบดูแล้วรู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิง
หลังจากอาบน้ำเสร็จยิวขึ้นมาบนเรือนอีกครั้ง เขาจึงนั่งลงกอดเข่าด้วยความกลัดกลุ่ม เพราะอีกเวลาไม่นานเสือเข้มจะขึ้นมาหา ซึ่งในช่วงนั้นยิวไม่รู้จะทำเช่นไร ด้วยในความเป็นจริงเขาไม่ใช่ผู้หญิง ยิ่งเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น มีความแตกต่างกับแม่ทัพวิศรุฒอย่างมาก
แม่ทัพวิศรุฒถึงรู้ว่ายิวเป็นผู้ชาย เขาก็ยังอยากลองได้ยิวเป็นเมียในแบบผู้ชาย แต่กับเสือเข้มคิดว่ายิวเป็นผู้หญิง ถ้าเกิดเสือเข้มรู้ความจริง ด้วยความเป็นโจรนิสัยค่อนข้างโหดเหี้ยม ยิวคิดว่าเสือเข้มคงไม่ปล่อยเขาไว้อย่างแน่นอน ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่รู้จะทำเช่นไร เขายังคิดไม่ออกแม้แต่นิดเดียว ซึ่งยิวก็ไม่มีเวลาคิดทางหนีได้อีกแล้ว เพราะเสือเข้มเข้ามาในห้องด้วยความมึนเมา
“เมียจ๋ามาให้ผัวกอดซะดีๆ”เสือเข้มถอดเสื้อออกจนเผยเห็นมัดกล้ามและรอยสัก
“เดี๋ยวก่อนเรายังไม่พร้อม”
“เมียยังไม่พร้อมแต่ผัวพร้อม”
เสื้อเข้มเข้ากอดร่างของยิวทันที พร้อมพรหมจูบทั่วใบหน้าอันขาวใสนุ่มนิ่ม จนเสือเข้มติดใจหลงใหลใคร่รัก ยิ่งเขาได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงยิว เสือเข้มยิ่งหื่นกระหายมากขึ้น เพียงแต่ติดใจเนินอกเล็กไปหน่อย
“ปล่อยเรานะ”ยิวพยายามดิ้นหนีจนหลุด
เสือเข้มยังไม่ยอมหยุดตามไปดึงร่างของยิว แต่หาได้จับร่างของยิวไม่ เขาจับได้เพียงแต่ผ้าที่โพกหัวกับเสื้อหลวมๆ ซึ่งได้หลุดติดมือของเสือเข้มมา เสือเข้มมองเสื้อและผ้าโพกศีรษะ เขาถึงกับอมยิ้ม เพราะนั่นจะทำให้เขาได้เห็นร่างอันเปลือยเปล่าท่อนบ่อน เสือเข้มรีบเงยหน้าขึ้น เพียงเห็นเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของยิว เขาถึงกับตาโตอ้าปากค้างเพราะเรือนกายตรงหน้านั่น มิได้แตกต่างกับเขาเท่าไรนัก
“มึงหลอกกูมึงเป็นผู้ชาย”เสือเข้มพูดค่อยๆ เพราะกลัวลูกน้องได้ยิน
“เราไม่ได้หลอก พวกนายเข้าใจผิดไปเอง”ยิวมีสีหน้าตื่นกลัว
“มึงทำให้กูได้คิดว่าขึ้นสวรรค์ ดี ถ้างั้นกูจะส่งมึงไปนรก”
เสือเข้มหยิบดาบที่วางไว้ข้างประตูขึ้นมา พร้อมกับยกฟันไปยังส่วนคอของยิวที่ยืนงงชั่วเสี้ยววินาที หลังจากนั้นเขาวิ่งไปยังประตูเพื่อจะหนีออกไป เสือเข้มเดินตามพร้อมเงื้อมดาบสุดแรงกะให้โดยแผ่นหลังของยิว
กัสค้างไว้ก่อนค่อยเขียนตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ เขายิ้มกับหน้าจอโน๊ตบุ๊ค เพราะสะใจบทของยิวได้โดนทำร้าย
“กัสยังไม่นอนอีกเหรอ”เขื่อนมายืนข้างๆกัส
“กำลังจะไปนอน”กัสปิดโน๊ตบุ๊คพับไว้ แล้วมองหน้าเขื่อนแวบหนึ่ง หลังจากนั้นเขาขึ้นไปบนเตียงนอน พร้อมกับอมยิ้มที่ใส่ความเคียดแค้นในบทนิยายของเขา
กัสกำลังเดินกลับห้องเช่าด้วยอารมณ์ไม่มีความสุขเท่าไร เพราะยังค้างคาอยู่ไม่หายหลังจากหงุดหงิดเมื่อคืน ในระหว่างกำลังออกจากประตูรั้วมหาวิทยาลัย เขาก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย “กัสขึ้นมาบนรถเร็ว พี่จอดได้ไม่นาน” กัสไม่มีเวลาคิดอะไร เพราะเขามองไปด้านหลังมีรถจอดรถสองสามคัน กัสจึงวิ่งอ้อมไปข้างหน้าขึ้นไปบนรถ หลังจากนั้นพีคก็แล่นรถออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัย “ทำไมวันนี้เดินคนเดียวล่ะ”พีคเอ่ยขึ้น “เขื่อนไปทำงานครับ” “เอ่อ ใช่ พี่ก็ลืมไปเลย ดีเหมือนกันพี่จะได้ส่งกัสที่ห้อง” “พี่พีคไม่น่าลำบากเลย เพราะกัสขึ้นรถเมล์กลับเป็นประจำอยู่แล้วนี่” “พี่อยากทำความรู้จักกับกัสให้มากขึ้น เพราะเราต้องเล่นละครด้วยกันอีกหลายเดือน” “กัสไม่น่ามีอะไรให้รู้จักหรอก กัสเป็นคนแบบนี้แหละ ใครๆเห็นก็รู้ว่าเป็นคนอย่างไง” “ไม่ได้หรอก พี่ต้องรู้ให้ลึกรู้ให้จริง รู้ให้ถึงใจของกัสว่ากำลังคิดอะไรอยู่”พีคหันมายิ้มให้กัส “จะรู้ใจของกัสไปทำอะไรกันล่ะครับ” “ต้องรู้สิ เพราะในละครเวทีเราเล่น
กัสกับเขื่อนรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะวันนี้เป็นวันแรก ที่ทั้งสองต้องมาซ้อมบทละครกัน ซึ่งเขื่อนจะรับบทวินส่วนกัสรับบทนิว ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน และได้แอบหลงรักผู้ชายคนเดียวกันคือมีนรับบทโดยพีครุ่นพี่ชมรมละครเวที โดยมีเจนนี่เป็นผู้กำกับส่วนเกรซเป็นแอ็คติ้งโค้ช “ฉากแรกเป็นฉากพบรัก วินเดินมาชนมีนหน้าคณะวิศวะ เมื่อทั้งสองเดินชนกันปุ๊บ สายตาจะประสานจ้องมองกัน”เจนนี่อธิบายฉากต่างๆ โดยละเอียดให้ฟัง ส่วนเกรซนั้นจะมาสอนการแสดงอินเนอร์ที่ออกมาจากข้างใน กัสนั่งดูเขื่อนกับพีคอย่างมีนัยแอบแฝง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเป็นการแสดง แต่ในส่วนลึกของจิตใจเขายังแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับการแสดง ยิ่งเห็นพีคประคองร่างไม่ให้เขื่อนล้มลง กัสถึงใจสั่นโดยไม่รู้สาเหตุ “โอเค ผ่าน”เจนนี่สั่งหยุดทันที เมื่อเขื่อนและพีคเล่นฉากนี้จบ ในช่วงเวลานี้กัสยังเหม่อลอยมองเขื่อนและพีคด้วยความสับสน กัสยืนนิ่งใจล่องลอยไปไกล จินตนาการว่าถ้าเป็นตัวของเขาเองจะเล่นฉากนี้อย่างไร “น้องกัส ถึงคิวน้องต้องแสดงแล้วนะ มัวเหม่ออะไรอยู่พี่เรียกตั้งนานแล้วนะ”เจนนี่เดินเข้ามาใกล้ๆกัน
วันนี้กัสไม่มีบทซ้อมละครเพราะเป็นคิวของเขื่อน จึงทำให้ค่ำคืนนี้กัสรู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็ยังมีความหวังในวันพรุ่งนี้ เพราะกัสกับพีคจะซ้อมบทละครกันเพียงสองคน เพราะตามเนื้อเรื่อง นิวกับวินเป็นเพื่อนรัก และรักผู้ชายคนเดียวกัน ต่างคนต่างไม่รู้ว่าผู้ชายที่เขาทั้งสองมอบความรักให้นั้น เป็นคนเดียวกันจึงทำให้ทั้งสองได้แตกหักในเวลาต่อมา อย่างมองหน้ากันไม่ติดทีเดียว เมื่อกัสมาถึงห้องเขาจึงไม่รอช้า ใส่จินตนาการในนิยายของเขาด้วยอารมณ์ในขณะนี้ ก่อนเริ่มลงมือเขียนกัสสองจิตสองใจ กับเนื้อเรื่องที่ร่างไว้กับใส่ใหม่ ในที่สุดกัสตัดบทร่างเดิมทิ้งไปหมด เริ่มต้นเขียนตามอารมณ์ความรู้สึกทันที เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมยังไม่หยุดตามราวียิว ผู้ซึ่งทำให้เขาได้รับความอับอายในใจ ที่หลงผิดคิดว่ายิวเป็นหญิงสาวรูปงาม เสือเข้มจึงบุกป่าฝ่าดงจนพบแม่ทัพวิศรุฒกับยิว เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา เขาเห็นทั้งสองออกมายืนอยู่หัวเรือ เสือเข้มจึงได้แต่รอเวลาโดยขี่ม้าตามสายน้ำในป่าไม่ลึกมาก จวบจนมืดค่ำเขาก็ได้เห็นเรือจอดริมฝั่ง เพื่อพักผ่อนยามค่ำคืน เสือเข้มผู้อำมหิตและมีเลห์กลเพทุบายหลากหลาย เข
เย็นนี้เป็นคิวของกัสที่รับบทวิน ซึ่งเป็นฉากมีนพาวินไปเที่ยว มีความคล้ายคลึงเมื่อวานที่มีนพานิวไปเที่ยว โดยความเป็นคนเจ้าชู้และมนุษย์สัมพันธ์ดีของมีน เขาจึงเริ่มคบทีเดียวสองคนทั้งวินและนิว เมื่อกัสและพีคซ้อมฉากไปเที่ยวเสร็จ พีคจึงต้องมาส่งกัสเช่นเดิมเหมือนอย่างที่มาส่งเขื่อนเมื่อคืน แต่มีสิ่งที่ไม่เหมือนกันคือพีคไม่ได้พากัสไปกินข้าว ในระหว่างที่อยู่ในรถกัสนั่งนิ่งเงียบ และรู้สึกแปลกใจทำไมพีคถึงไม่ทำเช่นเดียวกันเหมือนอย่างเขื่อน “วันนี้น้องกัสเก่งมากเลยนะ เล่นดีมากพี่เกรซไม่ต้องสอนเท่าไร พี่เจนนี่ยังชมกัสไม่ขาดปากเลย” “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”กัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะรู้สึกเคืองพีคเล็กน้อย “อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย พี่ว่าถ้าเรียนจบกัสไปเป็นนักแสดงได้นะ” “ไม่หรอกครับ กัสมีงานที่อยากทำอยู่แล้วครับ” “งานอะไรล่ะ” “ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ครับ รอให้กัสทำสำเร็จก่อนเดี๋ยวจะบอกพี่พีคเป็นคนแรก” “พี่ก็นึกว่าจะบอกเขื่อนเป็นคนแรกซะอีก” “เขื่อนเขารู้อยู่แล้วว่ากัสทำอะไร แต่พี่พีค
วันหยุดนี้เขื่อนได้ออกไปจากห้องเช่าในขณะที่กัสยังไม่ตื่น เมื่อเขารู้สึกตัวก็พบแต่ความว่างเปล่า กัสไม่สามารถดาดเดาได้ว่าเขื่อนนั้นได้ไปไหนกับใคร แต่กัสก็ไม่สนใจอะไรเพราะในวันนี้เขาจะเขียนนิยายต่ออีกหลายตอน กัสจึงเริ่มต้นเขียนช่วงสายๆ หลังจากยิวและจันเด็กน้อยที่พึ่งรู้จักเดินตามขบวนจนจวบช่วงเวลาเย็น ซึ่งในตอนนี้นี่เองทุกคนต้องออกหาอาหารมากินเพื่อประทังชีวิต “พี่ชื่ออะไรน่ะ” “พี่ชื่อ เอ่อ โสภณ”ยิวไม่อยากบอกชื่อจริงออกไป เพราะเขาคิดว่าจันเด็กน้อยคนนี้อาจสงสัยอีกว่าทำไมไหมชื่อแปลก ยิวขึ้เกียจตอบคำตอบจึงเอาชื่อไม่แท้ที่เคยปลอมตัวมาเป็นชื่อของตัวเอง “ชื่อยังกับองค์ชาย”จันยิ้มร่ามองยิว “แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ” “จัน” “จัน แล้วเราจะหาอะไรกินกันดีล่ะเย็นนี้” “เอาของมีค่าไปแลกก็ได้” ยิวยืนทำตาปริบๆเพราะเขาอดเสียดายแหวนทองเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ของเขาก็ตามที และรู้สึกผิดที่เอาของคนอื่นมาขายแลกอาหารประทังชีวิต “ถ้างั้นพาพี่ไปซื้ออาหารหน่อยได้ไหม แต่ดูของมีค่าของพี่ก่อนได้
เมื่อชายหนุ่มทั้งสองได้เดินจากไป ยิวรีบไปหาจันทันที พอเขาเห็นจันแค่นั้นแหละยิวแท่บน้ำตาไหล เพราะร่างกายของจันฟกซ้ำดำเขียว แล้วยังมีรอยผิวหนังไหม้เกรียมอยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นท่อนแขนและขา “จันเจ็บมากไหม”ยิวกอดร่างของจันไว้อย่างเอ็นดู “พี่ก็เจ็บด้วยใช่ไหม”จันร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ใช่พี่ก็เจ็บ แต่พี่โตแล้วและไม่ได้โดนหนักอย่างจัน แต่จันไม่ต้องกลัวนะอดทนเข้าไว้ พอไปถึงเมืองศิลานคร พี่จะให้ท่านแม่ทัพวิศรุฒหาหมอเก่งๆมารักษาจันเอง” “ขอบคุณพี่โสพลมากเลยครับ” ยิวไม่รู้จะจัดการกับแผลของจันอย่างไร เขาได้เพียงแต่หาผ้ามาพันแผลไว้ และในช่วงเวลาเดียวกันยิวต้องพาจันเดินทางไปยังเมืองศิลานครกับกลุ่มคนพวกนี้ด้วย ถึงแม้จะหิวปานใดทั้งสองก็ต้องอดทนเพื่อความอยู่รอดให้ได้ และเมื่อยิวได้ยินว่าอีกสองวันก็ถึงเมืองศิลานคร เขาดีใจอย่างมาก แต่ยิวก็ไม่รู้จะทนความหิวได้นานแค่ไหน เพราะตอนนี้เขาไม่มีอะไรเหลือที่พอจะขายได้เลย “ออกเดินทางได้แล้ว”หัวหน้าขบวนตะโกนเสียงดัง “เดินไหวไหมจัน” “ข้าเดินไหวอยู่แผลแค่
ในวันนี้กัสต้องอยู่ในมหาวิทยาลัย เพื่อซ้อมบทละครสองฉากสำคัญ ซึ่งซ้อมเฉพาะฉากของกัสกับพีคแค่นั้น ส่วนเขื่อนได้ซ้อมไปทุกฉากแล้วที่เข้าคู่กับพีค “น้องกัสวันนี้เป็นซ้อมใหญ่ฉากของนิวและมีนไหวไหม”เจนนี่ผู้กำกับละครเวทีพูดขึ้นด้วยความมั่นใจในความสามารถของกัส “ไหวครับ” “พีคล่ะ ไหวไหมซ้อมหนักทุกวัน”เจนนี่อมยิ้มนิดๆให้กับพีคเพื่อนหนุ่ม “โอ๊ย สบายมากยิ่งได้เล่นกับกัสเข้าขากันดี” กัสฟังคำพูดของพีคแล้วรู้สึกทะแม่งในใจ เพราะเขาและพีคไม่ได้สนิทกันเลย แค่ไปส่งที่ห้องเช่าอย่างเดียว ไม่เคยไปไหนมาไหนกับพีคเหมือนเขื่อน “เอาล่ะ เริ่มเลยนะ เอาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลย” “ครับกัสรับคำ” นิวนักศึกษาหนุ่มกำลังเดินตามหาวินที่คณะ เขาจึงไม่ได้มองทางเดินเท่าไรนัก เพราะใจของเขาอยากจะไปเจอเพื่อนไวๆ นิวจึงไม่ทันระวังจนไปชนนักศึกษาหนุ่ม จนร่างของขาเซล้มลงกับพื้น “โอ๊ย”นิวร้องด้วยตกใจและเจ็บก้นกบ “ผมขอโทษไม่ได้ตั้งใจ”มีนนักศึกษาหนุ่มนั่งยองๆยื่นมือให้นิว เพียงนิวเงยหน้ามองมีนเขาถึ
กัสผิดหวังพอสมควรที่พีคไม่ได้ชวนเขาไปเที่ยวไหน ตอนอยู่บนรถพีคก็ชวนกัสคุยตลอดทาง เป็นการคุยที่ไม่ใช่คนรักกันหรือแอบชอบแต่อย่างใด จึงสร้างความผิดหวังให้แก่กัสอย่างมาก เมื่อเขามาถึงห้องจึงรีบเขียนนิยายต่อทันที เช้าวันใหม่ยิวได้เห็นสภาพของจันที่หนาวจนตัวสั่น เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับจันในช่วงเวลานี้ เขาจึงเดินไปหาผู้คนมากมายที่อยู่ในขบวนเพื่อขอยา ก็ยังพอมีคนที่มีน้ำใจให้มาซึ่งยิวไม่รู้ว่ายานั้นจะได้ผลหรือไม่ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่ปั้นเป็นยาลูกกลอน แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกยิวจึงรีบเอามาให้จันได้กินเดี๋ยวนั้นทันที “กินยาซะ” “ขอบคุณพี่มากเลย” “ไม่เป็นไรหรอกเราเป็นพี่น้องกัน เดี๋ยวตอนเย็นถึงเมืองศิลานครแล้ว พี่รับรองท่านแม่ทัพจะหาหมอเก่งๆมารักษาจันอย่างแน่นอน “ข้าจะรอ” ยิวมองจันกินยาอย่างยากเย็นเพราะเม็ดค่อนข้างใหญ่พอสมควร เมื่อจันได้กินยาเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังเมืองศิลานคร เพราะหัวหน้าขบวนได้ตะโกนบอกทุกคนให้ได้รับรู้ และเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทางต่อไป ความรู้สึกนึกคิดของยิวตอนนี้เขาไม่มั่นใจเล
เป็กผู้ช่ำชองในยามราตรี เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ศุกร์เสาร์ทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวตัวยงที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ นอกจากพ่อรวยรูปหล่อสายเปย์อีกต่างหาก จึงมีหลายคนเข้ามาพัวพันไม่ขาดสาย เมื่อเป็กพายิวมาเที่ยว จึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองด้วยความอิจฉา แต่ยิวหาสนใจไม่ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นชินในโลกปัจจุบันเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น“เป็นไงบ้างมาเปิดหูเปิดตา” เป็กยื่นแก้วเพื่อชน“ก็โอเคนะ เป็นครั้งแรกที่เราได้มา รู้สึกว่าน่าสนใจกว่าเมืองโบราณอีก” ยิวเผลอคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ออกมา“เมืองโบราณอะไร” เป็กมีสีหน้าที่มึนงง“อ่อ เปล่า สนุกดีเราไปเต้นกันไหม”“อะไรนะ เราไม่อยากเชื่อเลยนายจะชวนเราไปเต้น นายเปลื่ยนไปหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายว่ะ” เป็กหัวเราะ“ไม่ได้เปลื่ยนนี่แหละตัวจริง ที่เห็นก่อนหน้านี้ตัวปลอม แอ๊บไว้ไงแต่ไม่เห็นมีใครชอบเลย เป็นตัวของตัวเองดีกว่า” ยิวเสแสร้งแกล้งพูดเพราะในความจริงเป็นร่างของคนอื่น เพียงแต่เขาแค่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้เท่านั้น“ร้ายนะ แกล้งเงียบถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้เราจีบตั้งนานแล้ว”“อะไรนะ” ยิวรู้สึกมึนงงและสับสนกับคำพูดของเป็ก“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ เ
กัสนั่งนิ่งๆ ก่อนที่จะไปท้องพระโรง เขาคิดย้อนเหตุการณ์เมื่อเสือเข้มพามาถึงยังหมู่บ้านกองโจร ซึ่งคนละที่กับซุ้มเสือเข้ม เพียงแค่เข้าไปถึงแม้จะไม่ประหลาดใจ แต่ก็ต้องอึ้งกับผู้คนในที่แห่งนี้ ที่มีหลากหลายอายุคละกันไป และมีการฝีกปรือฝีดาบอย่างขะมักเขม้น แต่เขาก็พยายามมองผ่านและเดินตามเสือเข้าไปข้างใน“แม่นมข้ากลับมาแล้ว” เสือเข้มวิ่งเข้าไปกราบแท่บเท้าของ มัณฑนานางกำนัลเก่าแห่งเมืองเมฆาบุรี“หายไปนายมากเลยนะ แม่อดคิดถึงเอ็งไม่ได้เลย เอ้า แล้วพาใครมาด้วยล่ะนะ” มัณฑนามองมายังกัสที่ยืนนิ่ง แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของมัณฑนาเขาก็ต้องนั่งลงแต่โดยดี“เพื่อนข้าเอง” เสือเข้มอมยิ้ม“เพื่อนเอ็งเป็นใครกัน ทำไมผิวพรรณยังกับคนในรั้วในวัง รูปร่างก็บอบบางยังกับอิสตรี เอ็งไปรู้จักกับเขาได้อย่างไรกัน”“ข้าเจอโดยบังเอิญชื่อโสภณ เป็นโอรสลับๆ ของสนมแห่งเมืองโสรยานคร”กัสรู้สึกประดักประเด่อพอสมควร เพราะเขากับเสือเข้มได้ตกลงตอนเดินทางมาที่แห่งนี้ ความคิดเช่นเดิมได้เกิดครั้งแรกที่เขาได้เจอแม่ทัพวิศรุฒ แต่ได้ปดมดเท็จว่าเป็นองค์ชายโสภณ กัสจึงทำตามเช่นเคยซึ่งเสือเข้มก็เห็นพ้องไม่ทัดทาน“อ่อ องค์ชายตกยาก คงจะเป็นคนองค์ชา
ยิวหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดดูแต่เป็นที่น่าเสียดาย มันสามารถที่จะติดได้เนื่องจากวันนั้นล้มกระแทกจนเสียหาย ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะเขาต้องทำงานส่งอาจารย์ และอีกอย่างหนึ่งด้วยความอยากรู้ว่ากัสได้บันทึกหรือทำอะไรไว้ในนี้บ้างยิวจึงพับโน๊ดบุ๊คไว้ตามเดิม และกะว่าช่วงเย็นจะเอาไปซ่อม แต่ติดปัญหาคือเขาไม่มีเงินพอที่จะนำไปซ่อม เขาจึงหยิบโทรศัท์มือถือของกัสมาเปิดดู ซึ่งได้ล็อครหัสไว้จึงทำให้ไม่สามารถเปิดได้ มีเพียงรับสายอย่างเดียวแค่นั้น ยิวจึงลองนำวันเดือนปีเกิดของกัสมาใส่ ซึ่งก็ได้ผลทันทีมือถือเครื่องนี้ปลดรหัสได้ แต่นั่นไม่เท่ากับภาพหน้าปกเป็นรูปของพีค ยิวจึงเกิดความอยากรู้ต่อไปเขาจึงเปิดดูในแกเลอรี่ ซึ่งในนั้นมีแต่ภาพพีคเต็มไปหมดดวงตาอันกลมโตของยิวได้หลับลง พร้อมจินตนาการเรื่องราวของกัสว่าเป็นอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้ ซึ่งในหัวของเขาก็เห็นแต่หน้าพีคอยู่เพียงผู้เดียว พอเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบดูทันทีซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นพีคนั่นเอง“อยู่ห้องไหมน้องกัส”“อยู่พี่พีคมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่โทรถามเฉยๆ ถ้าอยู่พี่จะไปหา”“พี่มีธุระอะไรเหรอ”“จะไปหาต้องมีธุระด้วยใช่ไหม”“เป
นางกำนัลสาลินีได้นำพาพระโอรสของราชาเมษากับราชินีสีวิกา เดินลัดเลาะหลบมุมตลอดทาง จนมาถึงข้างๆ ตำหนักของชายามาริสา เธอรออยู่พักหนึ่งมันฑนานางกำนัลร่วมรุ่นมาพร้อมพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสา“ข้ารอตั้งนานนึกว่าเอ็งไม่มาแล้ว ยังดีที่พระโอรสไม่ร้องเลย” นางกำนัลสาลินีเอ่ยขึ้นด้วยใจระทึกมองซ้ายมองขวา แล้วมององค์ชายแสนอาภัพที่เธออุ้มมา“เอาน่าอย่าพูดมากเลยเอาเด็กมาสลับกัน” นางกำนัลนำพระโอรสที่ซ่อนมาในตะกร้าผ้าออกมานางกำนัลสาลินีและนางกำนัลมัฑนาต่างสลับพระโอรสกันตรงนั้น แต่สายตาทั้งสองก็ไมวายมองรอบๆ บริเวณ ด้วยความกลัวใครจะมาพบเห็น“เอ่อ เอ็งออกมาได้อย่างไงไม่มีทหารเหรอ” นางกำนันสาลินีถาม“มี แต่ทหารที่เฝ้ารู้จักกันก็เลยพอเอาออกมาได้”“เอ้านี่ คือแหวนที่มเหสีสีวิกามอบไว้ให้องค์ชาย”“อือ”มัณฑรับแหวนไว้แล้วรีบพาองค์ชายเข้าไปในพระตำหนักอย่างทันท่วงที ส่วนสาลินีไม่รอช้ารีบน้ำองค์ชายที่สลับเปลื่ยนไปยังตำหนักราชินีสีวิกาเช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหลบเหล่าทหารที่กำลังออกตระเวนเมื่อสาลินีมาถึงยังตำหนักของราชินีสาลินี เธอรีบน้ำพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสาวางไว้ข
หนึ่งหนุ่มกับสาวอีกคนนั่งมองหน้ากันในห้องชมรมละคร หลังจากนักศึกษาในชมรมนี้ออกไปไปหมดแล้ว เจนนี่ผู้กำกับสาวนั่งนิ่งมองหน้ายิวอยู่พักหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่มองอยู่นั้น ได้เห็นแววตาอันเปลื่ยนแปลงไป เพราะมีความสู้คนและเปิดเผยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด“วันนี้น้องกัสเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมการแสดงของน้องแปลกไป และไม่เข้ากับบมที่ได้รับ”“เปล่าครับ ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง”“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องนะ แต่พี่อยากบอกว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับการแสดงให้มาก คือเมื่อก่อนกัสอินกับละครจนไม่สามารถที่จะออกจากบทนั้นได้ แต่ทำไมตอนนี้กัสไม่อินเหมือนเดิมกลับกันเป็นคนละคนเลย”ยิวอยากจะเถียงแต่เขาก็ต้องเก็บกลั้นอามรมณ์นั้นไว้ เพราะในตอนนี้เขาได้เขามาอยู่ในร่างของกัน ซึ่งจากการคาดคะเนของยิวนั้น กัสน่าจะมีนิสัยที่แตกต่างจากเขาอย่างมาก“ครับ” ยิวรับคำแต่โดยดีและไม่พูดสิ่งใดออกมา“ดีแล้ว พี่จะให้กัสพักสองวันนะเพื่อลองทบทวนอะไรบางอย่าง กลับได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำจะอันตราย”“ขอบคุณพี่มากครับ” ยิวยกมือไหว้พร้อมกับศีรษะให้เจนนี่ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และไม่หันหรือหยุถเดินแต่อย
กัสเดินเข้ามาในตำหนักว่างเปล่าที่มีผู้คนคอยรับใช้อย่างมากมาย ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต่อไปนี้ไม่น่าจะลำบากกาย แต่อันตรายนั้นน่าจะอยู่รอบตัวเขาอย่างแน่นอน กัสจึงหวั่นผวากลัวอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอนกจากทนและจำยอมมาในที่แห่งนี้ พร้อมกับเสือเข้มผู้องอาจ และท่านอำมาตย์มงคลผู้มีแผนการอันแยบยล“เอ็งจำไว้นะว่าชื่อเมธี เป็นรัชทายาทแห่งเมืองเมฆาบุรี เป็นพระราชโอรสของอดีตราชาเมษากับราชินีสีวิกา” อำมาตย์มงคลพูดจบก็หันไปมองกัสที่นั่งนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ“ส่วนองค์ชายตัวจริง กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ต้องเรียกว่าองครักษ์เข้ม”“ไม่เป็นไรหรอกข้าแค่อยากมาแก้แค้นให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น”“ดีมากพระองค์ แต่พระองค์ต้องลำบากลำบนเป็นโจรก็เพราะราชาเมฆาที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไปนี่พระเจ้าค่ะ”“ท่านอำมาตย์ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นองครักษ์เข้ม ท่านอย่าพูดกับข้าเป็นองค์ชายอย่างนั้น องค์ชายตัวจริงอยู่โน่น” เสือเข้มโบ้ยปากไปทางกัสที่กำลังนั่งนิ่งๆ“เอ่อ ขอโทษข้าลืมไป ถ้าอย่างขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอาไปว่าคืนนี้คุยกันดีๆ และเตรียมตัวอย่างที่เราตกลงกันไว้” เมื่ออำมาตย์มงคลพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันทีกัสครุ่นคิด
ยิวนั่งมองเขื่อนขนของย้ายห้องออกไปอย่างไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยแต่อย่างใด ยิวจึงมีแต่ความเย็นชาใส่เขื่อน เมื่อเขื่อนขนของเสร็จเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำลาสักคำ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ไม่พูดอะไรออกมาให้เขื่อนได้อย่างยินเช่นกัน พออยู่คนเดียวภาวะจิตใจของยิวนั้นเริ่มว้าวุ่นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้ง เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรียนอยู่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พอกับจากมหาวิทยาลัยเขาก็นอนอ่านนิยายแล้วหลับไปตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์นิยายเรื่องนักรักบันลือโลกไปแล้ว นักเขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดตัวเขาให้มากพอ ยิวจึงมีความทรงจำในยุคปัจจุบันอยู่แค่นี้ แต่เรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันยิวกับรู้ทำได้ทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ยิวเริ่มค้นห้องและตรวจสอบทุกอย่างในความเป็นตัวกัส เขาจึงรู้ว่ากัสเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ซึ่งคนละคณะกับเขาเลย เพราะยิวเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิวยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรกับชีวิตที่อยู่ในร่างกัส แต่เขาคิดว่ายังดีกว่าไปอยู่นิยายเมืองโบราณที่ไม่มีความทันสมัย ซึ่งเขาได้พบความอยากลำบากมาแล้ว ยิวจึง
ตอนที่24 ตัวเราลิขิตเอง น้ำกระเด็นทั่วเรือนร่างและโดนหนักตรงบริเวณใบหน้า จึงทำให้กัสได้สติเขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย และภาพตรงหน้าที่เขาได้พบเห็น เป็นชายหนุ่มสูงใหญ่มีหนาวดเคราหนาจนกัสรู้สึกหวั่นกลัวอย่างหนัก เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณ ซึ่งมีแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่และหญ้าสูงเคียงเอว “มึงเป็นบ้าอะไรใส่ชุดใหญ่ผู้หญิงไอ้ยิว”เสือเข้มผู้ช่วยชีวิตกัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขมึงตึง “เราไม่ได้ชื่อยิวเราชื่อกัส”เมื่อกัสได้ยินชื่อยิวเขาก็ใคร่สงสัยและครุ่นคิดอย่างหนัก ยิ่งเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้ด้วย ทำให้กัสถึงกับพอจะรู้อะไรบ้างแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร “มึงพูดดีๆว่ามึงชื่ออะไร” กัสมองไปรอบๆอีกครั้งและหยิกตัวเองซึ่งเขาก็รู้สึกเจ็บพอสมควร ในช่วงเวลานี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เท่าที่เขาจำได้ก่อนหน้านี้กำลังทะเลาะอยู่กับเขื่อน และก็โดนผลักจนล้มลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากนั้นกัสไม่สามารถที่จะจำอะไรได้อีกเลย “ที่นี่ที่ไหน”กัสพูดด้วยความมึนงง “ศิลานคร” “แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เมื่อเขียนนิยายได้หนึ่งตอนกัสจึงรู้สึกง่วงอย่างมาก จึงหยุดเขียนและนั่งอ่านซ้ำจนเกือบจะจบตอน จูจู่เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กัสพีคมานอนนี่ได้อย่างไง” กัสได้ยินเสียงห้วนและดังมาก เขาจึงหันหน้ามองด้วยความตกใจ กัสทำอะไรไม่ถูกถึงแม้สิ่งที่เขาทำก้ำกึ่งไม่ตั้งใจก็ตาม “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเขื่อน” “ไม่ใช่แล้วพี่พีคมานอนอยู่ที่ห้องได้ไง” “ก็พี่พีคเขาเมาตามหานายไม่เจอ เขาก็มานอนรอนายอยู่นี่ไม่เห็นเหรอนะ” “ทำไมต้องถอดเสื้อผ้านอนด้วย”เขื่อนจ้องหน้ากัสเขม็ง “เหล้ามันหกเปื้อนเสื้อผ้าเขา โน้น เสื้อกางเกงของพีคเราซักตากไว้ให้”กัสชี้ไปยังที่ตากเสื้อกางเกงของพีค “เราไม่เชื่อหรอกนายสองคนต้องมีอะไรกัน” “ไม่เชื่อก็ถามพี่พีคสิ” “พี่พีค”เขื่อนตะโกนอย่างดัง พีคตกใจตื่นด้วยเสียงอันดังของเขื่อน เมื่อเขาลืมตาขึ้นและหันมามองตามเสียง ภาพที่ได้เห็นคือเขื่อนยืนนิ่งๆมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พีครู้สึกแปลกใจเขาจึงลุกขึ้นแล้วลงมาจากเตียง “มีอะไรเหรอเรียกพ