คืนนี้เขื่อนเลิกงานตามปกติ แต่มีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้ง เพียงเขื่อนก้าวเท้าออกจากร้านอาหาร หลังเลิกงานในช่วงเวลาสามทุ่มเศษ
เขื่อนเลิกงานซะทีพี่รอตั้งนาน”พีคเอ่ยขึ้น
“พี่พีค เขื่อนนึกว่าพี่กลับบ้านไปแล้วซะอีก”เขื่อนมีสีหน้าที่ประหลาดใจ
“จะให้กลับได้ไง ในเมื่อพี่มาส่งเขื่อนก็ต้องรอรับกลับซิ “
“เขื่อนเกรงใจพี่ ไม่น่ารอรอรับเลย เสียเวลาพักผ่อนของพี่พีคแย่เลย”
“ไม่เสียวเวลาหรอก พี่กลับไปบ้านก็ไม่ได้ทำอะไร อยู่นี่เดินเที่ยวห้างแล้วมารับน้องเขื่อนกลับบ้านดีกว่า”
“ขอบคุณพี่พีคมากนะ”
“มัวแต่ขอบคุณไม่ได้กลับกันซะที ไป เดี่ยวพี่ไปส่งที่ห้อง”
“ครับพี่พีค”
พีคได้ขับรถมาส่งเขื่อนยังห้องพัก ในระหว่างทางพีคได้ชวนเขื่อนคุยหลายเรื่อง ซึ่งทำให้เขื่อนมีความรู้สึกที่ดีต่อพีคมากขึ้น
“อ่านบทไปบางส่วน เขื่อนคิดอย่างไงกับบทนี้”
“บทดีนะ ทั้งของเขื่อนและกัส แต่ของกัสจะลึกกว่าเล่นยาก ส่วนของเขื่อนเป็นคนตรงแสดงออกมาตรงๆ คือมันง่ายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ”
“พี่ว่าไม่น่ายากนะ เพราะพี่ว่ากัสเขามีนิสัยอย่างนั้นอยู่แล้ว เหมือนเล่นเป็นตัวเองนั่นแหละ”
“แต่ก็ยากอยู่ตรง กัสขี้อายไม่ค่อยพูดเก็บเนื้อเก็บตัว”
“ถ้างั้นพี่ก็ต้องชวนกัสออกมาสลายพฤติกรรม เพราะถ้ายังมีอะไรที่เกรงใจกันหรือมีความรู้สึกที่กั้นขวางน่าจะเล่นด้วยกันยาก”
“ถ้าพี่ชวนกัสออกมาได้ เขื่อนขอคาราวะเลย เขื่อนชวนไปไหนก็ไม่ไป”
“รู้จักพึ่น้อยไปซะแล้ว เดี๋ยวพี่จะทำให้ดู รอพรุ่งนี้ก่อนเถอะ”
“เขื่อนจะรอดู แต่ตอนนี้ถึงห้องของเขื่อนแล้ว”
“ว้า ถึงไวจังวันหลังพี่มาส่งเขื่อนใหม่ก็แล้วกัน จะได้คุยกันบ่อยๆเราจะได้สนิทกันมากขึ้น”
“ครับพี่พีค”
พีคจอดรถหน้าห้องเช่าของเขื่อน ที่ดูไม่ใหญ่มากและค่อนข้างเก่าพอสมควร ก่อนเขื่อนจะลงจากรถเขายิ้มให้พีคด้วยสายตามีนัยแฝง ส่วนพีคยิ้มตอบด้วยสายตาเป็นประกายวาววับ จนเขื่อนต้องรีบลงจากรถด้วยความเขินอาย
เมื่อเขื่อนมาถึงที่ห้อง เขาเห็นกัสนั่งนิ่งๆหน้าโน๊คบุ๊ค เขื่อนจึงเดินเข้าไปหาด้วยความสงสัย และกังวลว่ากัสอาจมีปัญหาอะไรบางอย่าง
“เป็นอะไรกัส เรามาตั้งนานนายยังนั่งนิ่งอยู่เลย”
“อ่อ เรากำลังคิดว่าจะดำเนินเรื่องนิยายไปทางไหนดี”
“ถ้าคิดยังไม่ออกพักก่อนก็ได้ วันหลังค่อยเขียนใหม่”
“ก็คงงั้น ว่าแต่นายทำไมกลับไวจัง”กัสหันมามองเขื่อน
“พี่พีคมาส่งนะ”เขื่อนยิ้มนิดๆ
“อ้าว พี่พีครอนายอยู่จนเลิกงานเลยเหรอ”
“ฮือ พี่เขาเป็นคนดีมากเลย พี่พีคบอกว่ามาส่งแล้วก็ต้องรับด้วย”เขื่อนยิ้มหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัว
“พี่พีคเขาเป็นคนดีจริงๆ”กัสพูดเสียงอ่อยลง
“ใชพี่พีคเป็นคนดีมากๆ ถ้าใครได้เป็นแฟนคงโชคดี”
“ถ้างั้นายคงโชคดี”กัสมีสีหน้าที่เปลื่ยนไปพอสมควร
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีหนอ พี่เขาออกจะรวย หล่อ เก่ง แ ล้วดูพวกเราซิ นายต้องเขียนนิยายหาเงิน ส่วนเราต้องเป็นพนักงานเสริฟ เขาคงไม่มองหรอก”
“ไม่เกี่ยวหรอก ถ้าคนมันจะรักก็รัก ถ้าไม่รักทำอย่างไงก็ไม่รัก”
“ขอให้เป็นจริงอย่างที่นายพูดก็แล้วกัน ตอนนี้เราขอไปอาบน้ำก่อน”เขื่อนเดินไปเปลื่ยนเสื้อผ้าและเข้าไปในห้องน้ำ
ความรู้สึกของกัสตอนนี้อยู่ในห้วงอิ จฉาเล็กๆ กัสคิดเลยเถิดไปว่าทำไมพีคไม่มาส่งเขาที่ห้อง แต่ไปส่งเขื่อนในที่ทำงาน ในช่วงเวลานี้นี่เอง ทำให้กัสนึกบทนิยายตอนต่อไปของเขาออก กัสจึงเริ่มลงมือเขืยนต่อทันที จากที่กัสร่างไว้คราวๆว่าจะให้แม่ทัพวิศรุฒได้พายิวไปยังเมืองศิลานครเพื่อเป็นเมียลับๆ กัสได้เปลื่ยนบทนิยายตอนนี้ใหม่หมด
ในถ้ำกลางป่าที่เริ่มมีแสงสว่างเข้ามา แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกปลอดภัยของยิวมีมากขึ้น เพราะแม่ทัพวิศรุฒออกไปจากถ้ำตั้งแต่ยังไม่รุ่งสาง เพื่อไปหาเสื้อกางเกงให้ยิวใส่ จนป่านนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาแต่อย่างใด ยิวจึงตัดสินใจเดินออกไปยังหน้าถ้ำ แต่เขายังไม่ลืมนำเสิ้อมาใส่ปกปิดร่างกายส่วนบน อันขาวดังหยวกกล้วย พร้อมกับนำผ้าโพกเอวของแม่ทัพวิศรุฒ มาคุมศีรษะยันหน้าอกเพื่อไม่ให้เห็นทรงผม อันผิดแผกแตกต่างจากคนยุคนี้
เพียงยิวออกไปยังหน้าถ้ำ เขาพบกับโจรป่าที่ออกปล้นสะดมชาวบ้าน ที่กำลังเดินทางกลับค่ายชุมเสือ ยิวเห็นคนกลุ่มใหญ่เขาตกใจอย่างหนัก ยิวจึงรีบวิ่งเข้าไปภายในถ้ำ แต่ไม่พ้นสายตาของหัวหน้าโจร
“จับผู้หญิงคนนั้นไว้”
ยิวก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำไม่กี่ก้าว ลูกน้องโจรมารุมจับร่างของเขาไว้ ซึ่งยิวไม่สามารถต้านแรงกลุ่มโจรพวกนี้ได้
“จะทำอะไรเรา”ยิวพยายามขัดขืนดิ้นเพื่อให้หลุด ในขณะเดียวกันหัวหน้าโจรก็เดินเข้ามาใกล้ๆ
“หน้าตาสะสวยดีนี่”หัวหน้าชุมโจรจับปลายคางของยิว พร้อมส่งสายตาอันหื่นกระหาย เพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่ายิวเป็นผู้หญิง
“เอาทำเมียเลย ถ้าเบื่อแล้วยกให้พวกเราต่อก็ได้”ลูกน้องชุมโจรพูดขึ้น
“สวยอย่างนี้ข้าไม่มีวันเบื่อหรอก ข้าจะเอาทำเมียเป็นนายหญิงของพวกเอ็ง ครั้งก่อนๆที่เจอไม่ได้สวยแบบนี้นี่หว่า พวกเอ็งเลยรับต่อจากข้า แต่คนนี้ช่างงดงามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ ถ้าลูกของข้าเกิดกับนางคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หน้าตาคงหล่อสวยหมดจด”
“ข้าไม่ใช่ผู้”
“หยุดพูด เอาไว้ร้องครางคืนนี้”หัวหน้าชุมโจรใช้นิ้วปิดริมฝีปากของยิว
ยิวหยุดพูดทันที สายตาของเขาจ้องมองไปยังหัวหน้าชุมโจร ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา สักยันต์เต็มตัวยิ่งกว่าแม่ทัพวิศรุฒหลายเท่า ยิวจึงเกิดความกลัวจึงยอมจำนนไม่ขัดขืนใดๆทั้งสิ้น
“เชื่องดีแท้บอกให้หยุดพูดก็หยุดทันที”
หัวหน้าชุมโจรหันไปบอกลูกน้องให้รีบกลับยังค่ายชุมโจร ในส่วนของยิวนั้นหัวหน้าชุมโจรได้จับมือให้เดินตาม ระยะทางระหว่างถ้ำกับค่ายชุมโจรไม่ห่างกันมากนัก จึงใช้เวลาไม่นานก็มายังค่ายชุมโจร
“เมียจ๋าไปนอนบ้านผัวก่อน เดี๋ยวคืนนี้จะเข้าไปหา อย่าลืมอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ส่วนเสื้อผ้าใส่ของข้าไปก่อน พรุ่งนี้จะไปหาชุดสวยๆมาให้ใส่ สมฐานะนายหญิงแห่งชุมโจรเสือเข้ม”
เสียงหัวเราะของเสือเข้มดังลั่น ก่อนจากไปยังแหล่งเก็บสมบัติที่ปล้นสะดมชาวบ้านมา จำนวนมากมาย เพื่อที่จะแบ่งปันให้ลูกน้องไว้ใช้สอยส่วนตัว
“นายหญิงขึ้นไปบนบ้านก่อน ไปเอาเสื้อผ้าแล้วลงมาอาบน้ำ”ลูกน้องเสือเข้มนายหนึ่งที่อยู่เฝ้าหน้าบ้านเอ่ยขึ้น
ยิวจำใจยอมด้วยความหวาดกลัว เขาจึงปืนขึ้นบันได้ไม้ไผ่ห้าขั้น ไปยังเรือนชานไม้ไผ่เช่นกัน ก่อนที่ยิวจะเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เขายืนนิ่งมองรอบบ้านซึ่งเป็นไม้ไผ่ทั้งหลัง เพื่อหาลู่ทางหลบหนี
“นายหญิงเข้าไปข้างในได้แล้ว ”เสียงตะโกนมาจากด้านล่าง
ยิวจึงรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที ซึ่งภายในห้องมีเพียงเสื่อฟาง หมอนลูกมะพร้าว มีผ้าห่มผืนใหญ่หนึ่งผืนวางไว้ข้างๆ ส่วนเสื้อกางเกงอยู่ไกลกัน ยิวจึงหยิบมาดูซึ่งใหญ่กว่าตัวเขามาก นั่นเป็นสิ่งที่ยิวต้องการเพื่อปกปิดร่างกาย เพราะอย่างน้อยกลุ่มโจรคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง ก็จะทำให้เขาปลอดภัยชั่วระยะเวลาหนึ่ง ยิวถือเสื้อผ้าลงมายังข้างล่างที่มีห้องน้ำเป็นไม่ไผ่กั้นไว้ ซึ่งในระหว่างอาบน้ำเขาต้องระวังกลัวอย่างมาก เพราะกลัวใครมาแอบดูแล้วรู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิง
หลังจากอาบน้ำเสร็จยิวขึ้นมาบนเรือนอีกครั้ง เขาจึงนั่งลงกอดเข่าด้วยความกลัดกลุ่ม เพราะอีกเวลาไม่นานเสือเข้มจะขึ้นมาหา ซึ่งในช่วงนั้นยิวไม่รู้จะทำเช่นไร ด้วยในความเป็นจริงเขาไม่ใช่ผู้หญิง ยิ่งเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น มีความแตกต่างกับแม่ทัพวิศรุฒอย่างมาก
แม่ทัพวิศรุฒถึงรู้ว่ายิวเป็นผู้ชาย เขาก็ยังอยากลองได้ยิวเป็นเมียในแบบผู้ชาย แต่กับเสือเข้มคิดว่ายิวเป็นผู้หญิง ถ้าเกิดเสือเข้มรู้ความจริง ด้วยความเป็นโจรนิสัยค่อนข้างโหดเหี้ยม ยิวคิดว่าเสือเข้มคงไม่ปล่อยเขาไว้อย่างแน่นอน ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่รู้จะทำเช่นไร เขายังคิดไม่ออกแม้แต่นิดเดียว ซึ่งยิวก็ไม่มีเวลาคิดทางหนีได้อีกแล้ว เพราะเสือเข้มเข้ามาในห้องด้วยความมึนเมา
“เมียจ๋ามาให้ผัวกอดซะดีๆ”เสือเข้มถอดเสื้อออกจนเผยเห็นมัดกล้ามและรอยสัก
“เดี๋ยวก่อนเรายังไม่พร้อม”
“เมียยังไม่พร้อมแต่ผัวพร้อม”
เสื้อเข้มเข้ากอดร่างของยิวทันที พร้อมพรหมจูบทั่วใบหน้าอันขาวใสนุ่มนิ่ม จนเสือเข้มติดใจหลงใหลใคร่รัก ยิ่งเขาได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงยิว เสือเข้มยิ่งหื่นกระหายมากขึ้น เพียงแต่ติดใจเนินอกเล็กไปหน่อย
“ปล่อยเรานะ”ยิวพยายามดิ้นหนีจนหลุด
เสือเข้มยังไม่ยอมหยุดตามไปดึงร่างของยิว แต่หาได้จับร่างของยิวไม่ เขาจับได้เพียงแต่ผ้าที่โพกหัวกับเสื้อหลวมๆ ซึ่งได้หลุดติดมือของเสือเข้มมา เสือเข้มมองเสื้อและผ้าโพกศีรษะ เขาถึงกับอมยิ้ม เพราะนั่นจะทำให้เขาได้เห็นร่างอันเปลือยเปล่าท่อนบ่อน เสือเข้มรีบเงยหน้าขึ้น เพียงเห็นเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของยิว เขาถึงกับตาโตอ้าปากค้างเพราะเรือนกายตรงหน้านั่น มิได้แตกต่างกับเขาเท่าไรนัก
“มึงหลอกกูมึงเป็นผู้ชาย”เสือเข้มพูดค่อยๆ เพราะกลัวลูกน้องได้ยิน
“เราไม่ได้หลอก พวกนายเข้าใจผิดไปเอง”ยิวมีสีหน้าตื่นกลัว
“มึงทำให้กูได้คิดว่าขึ้นสวรรค์ ดี ถ้างั้นกูจะส่งมึงไปนรก”
เสือเข้มหยิบดาบที่วางไว้ข้างประตูขึ้นมา พร้อมกับยกฟันไปยังส่วนคอของยิวที่ยืนงงชั่วเสี้ยววินาที หลังจากนั้นเขาวิ่งไปยังประตูเพื่อจะหนีออกไป เสือเข้มเดินตามพร้อมเงื้อมดาบสุดแรงกะให้โดยแผ่นหลังของยิว
กัสค้างไว้ก่อนค่อยเขียนตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ เขายิ้มกับหน้าจอโน๊ตบุ๊ค เพราะสะใจบทของยิวได้โดนทำร้าย
“กัสยังไม่นอนอีกเหรอ”เขื่อนมายืนข้างๆกัส
“กำลังจะไปนอน”กัสปิดโน๊ตบุ๊คพับไว้ แล้วมองหน้าเขื่อนแวบหนึ่ง หลังจากนั้นเขาขึ้นไปบนเตียงนอน พร้อมกับอมยิ้มที่ใส่ความเคียดแค้นในบทนิยายของเขา
กัสกำลังเดินกลับห้องเช่าด้วยอารมณ์ไม่มีความสุขเท่าไร เพราะยังค้างคาอยู่ไม่หายหลังจากหงุดหงิดเมื่อคืน ในระหว่างกำลังออกจากประตูรั้วมหาวิทยาลัย เขาก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย “กัสขึ้นมาบนรถเร็ว พี่จอดได้ไม่นาน” กัสไม่มีเวลาคิดอะไร เพราะเขามองไปด้านหลังมีรถจอดรถสองสามคัน กัสจึงวิ่งอ้อมไปข้างหน้าขึ้นไปบนรถ หลังจากนั้นพีคก็แล่นรถออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัย “ทำไมวันนี้เดินคนเดียวล่ะ”พีคเอ่ยขึ้น “เขื่อนไปทำงานครับ” “เอ่อ ใช่ พี่ก็ลืมไปเลย ดีเหมือนกันพี่จะได้ส่งกัสที่ห้อง” “พี่พีคไม่น่าลำบากเลย เพราะกัสขึ้นรถเมล์กลับเป็นประจำอยู่แล้วนี่” “พี่อยากทำความรู้จักกับกัสให้มากขึ้น เพราะเราต้องเล่นละครด้วยกันอีกหลายเดือน” “กัสไม่น่ามีอะไรให้รู้จักหรอก กัสเป็นคนแบบนี้แหละ ใครๆเห็นก็รู้ว่าเป็นคนอย่างไง” “ไม่ได้หรอก พี่ต้องรู้ให้ลึกรู้ให้จริง รู้ให้ถึงใจของกัสว่ากำลังคิดอะไรอยู่”พีคหันมายิ้มให้กัส “จะรู้ใจของกัสไปทำอะไรกันล่ะครับ” “ต้องรู้สิ เพราะในละครเวทีเราเล่น
กัสกับเขื่อนรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะวันนี้เป็นวันแรก ที่ทั้งสองต้องมาซ้อมบทละครกัน ซึ่งเขื่อนจะรับบทวินส่วนกัสรับบทนิว ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน และได้แอบหลงรักผู้ชายคนเดียวกันคือมีนรับบทโดยพีครุ่นพี่ชมรมละครเวที โดยมีเจนนี่เป็นผู้กำกับส่วนเกรซเป็นแอ็คติ้งโค้ช “ฉากแรกเป็นฉากพบรัก วินเดินมาชนมีนหน้าคณะวิศวะ เมื่อทั้งสองเดินชนกันปุ๊บ สายตาจะประสานจ้องมองกัน”เจนนี่อธิบายฉากต่างๆ โดยละเอียดให้ฟัง ส่วนเกรซนั้นจะมาสอนการแสดงอินเนอร์ที่ออกมาจากข้างใน กัสนั่งดูเขื่อนกับพีคอย่างมีนัยแอบแฝง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเป็นการแสดง แต่ในส่วนลึกของจิตใจเขายังแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับการแสดง ยิ่งเห็นพีคประคองร่างไม่ให้เขื่อนล้มลง กัสถึงใจสั่นโดยไม่รู้สาเหตุ “โอเค ผ่าน”เจนนี่สั่งหยุดทันที เมื่อเขื่อนและพีคเล่นฉากนี้จบ ในช่วงเวลานี้กัสยังเหม่อลอยมองเขื่อนและพีคด้วยความสับสน กัสยืนนิ่งใจล่องลอยไปไกล จินตนาการว่าถ้าเป็นตัวของเขาเองจะเล่นฉากนี้อย่างไร “น้องกัส ถึงคิวน้องต้องแสดงแล้วนะ มัวเหม่ออะไรอยู่พี่เรียกตั้งนานแล้วนะ”เจนนี่เดินเข้ามาใกล้ๆกัน
วันนี้กัสไม่มีบทซ้อมละครเพราะเป็นคิวของเขื่อน จึงทำให้ค่ำคืนนี้กัสรู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็ยังมีความหวังในวันพรุ่งนี้ เพราะกัสกับพีคจะซ้อมบทละครกันเพียงสองคน เพราะตามเนื้อเรื่อง นิวกับวินเป็นเพื่อนรัก และรักผู้ชายคนเดียวกัน ต่างคนต่างไม่รู้ว่าผู้ชายที่เขาทั้งสองมอบความรักให้นั้น เป็นคนเดียวกันจึงทำให้ทั้งสองได้แตกหักในเวลาต่อมา อย่างมองหน้ากันไม่ติดทีเดียว เมื่อกัสมาถึงห้องเขาจึงไม่รอช้า ใส่จินตนาการในนิยายของเขาด้วยอารมณ์ในขณะนี้ ก่อนเริ่มลงมือเขียนกัสสองจิตสองใจ กับเนื้อเรื่องที่ร่างไว้กับใส่ใหม่ ในที่สุดกัสตัดบทร่างเดิมทิ้งไปหมด เริ่มต้นเขียนตามอารมณ์ความรู้สึกทันที เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมยังไม่หยุดตามราวียิว ผู้ซึ่งทำให้เขาได้รับความอับอายในใจ ที่หลงผิดคิดว่ายิวเป็นหญิงสาวรูปงาม เสือเข้มจึงบุกป่าฝ่าดงจนพบแม่ทัพวิศรุฒกับยิว เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา เขาเห็นทั้งสองออกมายืนอยู่หัวเรือ เสือเข้มจึงได้แต่รอเวลาโดยขี่ม้าตามสายน้ำในป่าไม่ลึกมาก จวบจนมืดค่ำเขาก็ได้เห็นเรือจอดริมฝั่ง เพื่อพักผ่อนยามค่ำคืน เสือเข้มผู้อำมหิตและมีเลห์กลเพทุบายหลากหลาย เข
เย็นนี้เป็นคิวของกัสที่รับบทวิน ซึ่งเป็นฉากมีนพาวินไปเที่ยว มีความคล้ายคลึงเมื่อวานที่มีนพานิวไปเที่ยว โดยความเป็นคนเจ้าชู้และมนุษย์สัมพันธ์ดีของมีน เขาจึงเริ่มคบทีเดียวสองคนทั้งวินและนิว เมื่อกัสและพีคซ้อมฉากไปเที่ยวเสร็จ พีคจึงต้องมาส่งกัสเช่นเดิมเหมือนอย่างที่มาส่งเขื่อนเมื่อคืน แต่มีสิ่งที่ไม่เหมือนกันคือพีคไม่ได้พากัสไปกินข้าว ในระหว่างที่อยู่ในรถกัสนั่งนิ่งเงียบ และรู้สึกแปลกใจทำไมพีคถึงไม่ทำเช่นเดียวกันเหมือนอย่างเขื่อน “วันนี้น้องกัสเก่งมากเลยนะ เล่นดีมากพี่เกรซไม่ต้องสอนเท่าไร พี่เจนนี่ยังชมกัสไม่ขาดปากเลย” “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”กัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะรู้สึกเคืองพีคเล็กน้อย “อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย พี่ว่าถ้าเรียนจบกัสไปเป็นนักแสดงได้นะ” “ไม่หรอกครับ กัสมีงานที่อยากทำอยู่แล้วครับ” “งานอะไรล่ะ” “ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ครับ รอให้กัสทำสำเร็จก่อนเดี๋ยวจะบอกพี่พีคเป็นคนแรก” “พี่ก็นึกว่าจะบอกเขื่อนเป็นคนแรกซะอีก” “เขื่อนเขารู้อยู่แล้วว่ากัสทำอะไร แต่พี่พีค
วันหยุดนี้เขื่อนได้ออกไปจากห้องเช่าในขณะที่กัสยังไม่ตื่น เมื่อเขารู้สึกตัวก็พบแต่ความว่างเปล่า กัสไม่สามารถดาดเดาได้ว่าเขื่อนนั้นได้ไปไหนกับใคร แต่กัสก็ไม่สนใจอะไรเพราะในวันนี้เขาจะเขียนนิยายต่ออีกหลายตอน กัสจึงเริ่มต้นเขียนช่วงสายๆ หลังจากยิวและจันเด็กน้อยที่พึ่งรู้จักเดินตามขบวนจนจวบช่วงเวลาเย็น ซึ่งในตอนนี้นี่เองทุกคนต้องออกหาอาหารมากินเพื่อประทังชีวิต “พี่ชื่ออะไรน่ะ” “พี่ชื่อ เอ่อ โสภณ”ยิวไม่อยากบอกชื่อจริงออกไป เพราะเขาคิดว่าจันเด็กน้อยคนนี้อาจสงสัยอีกว่าทำไมไหมชื่อแปลก ยิวขึ้เกียจตอบคำตอบจึงเอาชื่อไม่แท้ที่เคยปลอมตัวมาเป็นชื่อของตัวเอง “ชื่อยังกับองค์ชาย”จันยิ้มร่ามองยิว “แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ” “จัน” “จัน แล้วเราจะหาอะไรกินกันดีล่ะเย็นนี้” “เอาของมีค่าไปแลกก็ได้” ยิวยืนทำตาปริบๆเพราะเขาอดเสียดายแหวนทองเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ของเขาก็ตามที และรู้สึกผิดที่เอาของคนอื่นมาขายแลกอาหารประทังชีวิต “ถ้างั้นพาพี่ไปซื้ออาหารหน่อยได้ไหม แต่ดูของมีค่าของพี่ก่อนได้
เมื่อชายหนุ่มทั้งสองได้เดินจากไป ยิวรีบไปหาจันทันที พอเขาเห็นจันแค่นั้นแหละยิวแท่บน้ำตาไหล เพราะร่างกายของจันฟกซ้ำดำเขียว แล้วยังมีรอยผิวหนังไหม้เกรียมอยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นท่อนแขนและขา “จันเจ็บมากไหม”ยิวกอดร่างของจันไว้อย่างเอ็นดู “พี่ก็เจ็บด้วยใช่ไหม”จันร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ใช่พี่ก็เจ็บ แต่พี่โตแล้วและไม่ได้โดนหนักอย่างจัน แต่จันไม่ต้องกลัวนะอดทนเข้าไว้ พอไปถึงเมืองศิลานคร พี่จะให้ท่านแม่ทัพวิศรุฒหาหมอเก่งๆมารักษาจันเอง” “ขอบคุณพี่โสพลมากเลยครับ” ยิวไม่รู้จะจัดการกับแผลของจันอย่างไร เขาได้เพียงแต่หาผ้ามาพันแผลไว้ และในช่วงเวลาเดียวกันยิวต้องพาจันเดินทางไปยังเมืองศิลานครกับกลุ่มคนพวกนี้ด้วย ถึงแม้จะหิวปานใดทั้งสองก็ต้องอดทนเพื่อความอยู่รอดให้ได้ และเมื่อยิวได้ยินว่าอีกสองวันก็ถึงเมืองศิลานคร เขาดีใจอย่างมาก แต่ยิวก็ไม่รู้จะทนความหิวได้นานแค่ไหน เพราะตอนนี้เขาไม่มีอะไรเหลือที่พอจะขายได้เลย “ออกเดินทางได้แล้ว”หัวหน้าขบวนตะโกนเสียงดัง “เดินไหวไหมจัน” “ข้าเดินไหวอยู่แผลแค่
ในวันนี้กัสต้องอยู่ในมหาวิทยาลัย เพื่อซ้อมบทละครสองฉากสำคัญ ซึ่งซ้อมเฉพาะฉากของกัสกับพีคแค่นั้น ส่วนเขื่อนได้ซ้อมไปทุกฉากแล้วที่เข้าคู่กับพีค “น้องกัสวันนี้เป็นซ้อมใหญ่ฉากของนิวและมีนไหวไหม”เจนนี่ผู้กำกับละครเวทีพูดขึ้นด้วยความมั่นใจในความสามารถของกัส “ไหวครับ” “พีคล่ะ ไหวไหมซ้อมหนักทุกวัน”เจนนี่อมยิ้มนิดๆให้กับพีคเพื่อนหนุ่ม “โอ๊ย สบายมากยิ่งได้เล่นกับกัสเข้าขากันดี” กัสฟังคำพูดของพีคแล้วรู้สึกทะแม่งในใจ เพราะเขาและพีคไม่ได้สนิทกันเลย แค่ไปส่งที่ห้องเช่าอย่างเดียว ไม่เคยไปไหนมาไหนกับพีคเหมือนเขื่อน “เอาล่ะ เริ่มเลยนะ เอาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลย” “ครับกัสรับคำ” นิวนักศึกษาหนุ่มกำลังเดินตามหาวินที่คณะ เขาจึงไม่ได้มองทางเดินเท่าไรนัก เพราะใจของเขาอยากจะไปเจอเพื่อนไวๆ นิวจึงไม่ทันระวังจนไปชนนักศึกษาหนุ่ม จนร่างของขาเซล้มลงกับพื้น “โอ๊ย”นิวร้องด้วยตกใจและเจ็บก้นกบ “ผมขอโทษไม่ได้ตั้งใจ”มีนนักศึกษาหนุ่มนั่งยองๆยื่นมือให้นิว เพียงนิวเงยหน้ามองมีนเขาถึ
กัสผิดหวังพอสมควรที่พีคไม่ได้ชวนเขาไปเที่ยวไหน ตอนอยู่บนรถพีคก็ชวนกัสคุยตลอดทาง เป็นการคุยที่ไม่ใช่คนรักกันหรือแอบชอบแต่อย่างใด จึงสร้างความผิดหวังให้แก่กัสอย่างมาก เมื่อเขามาถึงห้องจึงรีบเขียนนิยายต่อทันที เช้าวันใหม่ยิวได้เห็นสภาพของจันที่หนาวจนตัวสั่น เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับจันในช่วงเวลานี้ เขาจึงเดินไปหาผู้คนมากมายที่อยู่ในขบวนเพื่อขอยา ก็ยังพอมีคนที่มีน้ำใจให้มาซึ่งยิวไม่รู้ว่ายานั้นจะได้ผลหรือไม่ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่ปั้นเป็นยาลูกกลอน แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกยิวจึงรีบเอามาให้จันได้กินเดี๋ยวนั้นทันที “กินยาซะ” “ขอบคุณพี่มากเลย” “ไม่เป็นไรหรอกเราเป็นพี่น้องกัน เดี๋ยวตอนเย็นถึงเมืองศิลานครแล้ว พี่รับรองท่านแม่ทัพจะหาหมอเก่งๆมารักษาจันอย่างแน่นอน “ข้าจะรอ” ยิวมองจันกินยาอย่างยากเย็นเพราะเม็ดค่อนข้างใหญ่พอสมควร เมื่อจันได้กินยาเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังเมืองศิลานคร เพราะหัวหน้าขบวนได้ตะโกนบอกทุกคนให้ได้รับรู้ และเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทางต่อไป ความรู้สึกนึกคิดของยิวตอนนี้เขาไม่มั่นใจเล
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว
ค่ำคืนที่หาบทละครเวที พีคกำลังขะมักเขม้นทำอย่างจริงใจ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันพีคได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อดูชื่อที่ปรากฏเป็นกัส พีคจึงรีบรับทันทีเพราะปกติไม่เคยโทรมาแต่อย่างใด “ฮัลโหล น้องกัสมีอะไรหรือเปล่า” “มี แต่ กัสไม่อยากบอกพี่เลยครับ” “เรื่องอะไร บอกมาเลยถ้าไม่บอกพี่โกรธจริงๆนะ” “ก็เรื่องของเขื่อนไงครับ คือ ว่า เอ่อ อ่า อืม” “พูดมาเลยว่าเรื่องอะไร” “คือ เรื่องเด็กคนนั้นน่ะของเขื่อน เท่าที่กัสสังเกตหน้าจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน” “พี่ก็สงสัยแต่พี่ไม่มีหลักฐานอะไร” “คือ คืนนี้พี่ลองไปหาเขื่อนที่ห้องพักแบบไม่ให้รู้ตัวสิครับ” “น้องกัสรู้อะไรมาเหรอ” “อืม กัสไม่พูดดีกว่าพี่พีคไปดูเองเถอะ” “อืม ก็ได้ ขอบใจกัสมากนะ” “ไม่เป็นไรครับ” เมื่อพีคกดวางโทรศัพท์มือถือ ก็ขับรถไปหาเขื่อนในทันที โดยไม่บอกกล่าวอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ค่อนข้างให้ความเชื่อใจกัสมากกว่าเขื่อนเสียอีก พีคขับรถไปอย่างกระวนกระวายยิ่งนัก ด
เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมได้มีความรักโดยอย่างไม่ตั้งใจ จากเมื่อก่อนอยากอยู่ไปเรื่อยๆแต่ในปัจจุบันความคิดนั้นได้เปลื่ยนไปอย่างมาก เพราะยิวได้สร้างห้องแห่งรักไว้ในหัวใจ จึงทำให้เสือเข้มเกิดความทะเยอะทะยานอยากได้ยิวมาครอบครองเขาจึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อจะทวงราชบัลลังก์คืนแกตัวเขาและยิว การรวบรวมกำลังพลในค่ายเสือ ถึงจะไม่ได้มากมายเท่ากับกองทัพแห่งเมืองเมฆาบุรี ที่ตอนนี้เปลื่ยนชื่อเป็นเมืองวิหค กว่าที่เสือเข้มจะระดมบรรดาโจรทั่วเมืองเมฆาบุรีได้ใช้เวลานานพอสมควร และได้ติดต่อจากเมืองอื่นๆอีกมากมายเพื่อมาช่วยในครั้งนี้ โดยมีผลตอบแทนพื้นที่บางส่วนให้ไว้อาศัยอยู่ และทรัพย์สินในวังอันมีค่าบางส่วน ในที่สุดวันที่เสือเข้มรอคอยก็มาถึง เขาได้บุกเข้าเมืองเมฆาบุรีแบบกองโจร ไม่ได้ปะชิดสู้ตรงๆ เพราะขืนทำอย่างนั้นไม่มีทางที่จะชนะแม่ทัพวิหคและอำมาตย์มงคลได้อย่างแน่นอน โดยการครั้งนี้เสือเข้มเป็นผู้วางแผนและสั่งการเองทุกอย่าง โดยเริ่มต้นยามค่ำคืนอันเงียบสงัดและเผลอไผลไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์อันร้ายแรงเกิดขึ้น “พี่น้องทุกคนพร้อมกันหรือยัง”เสือเข้มประกาศก้องใกล้ๆเมืองชั
เมื่อไม่ได้มีการซ้อมละครเวทีเขื่อนจนมีเวลาให้กับงานที่ทำมากขึ้น ไม่ว่าจะหลังเลิกงานหรือแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์เขื่อนทุ่มเวลานั้นอย่างเต็มที่ จนทำให้ไม่มีเวลาไปมาหาสู่กับพีคอย่างเช่นแต่ก่อน และมีอยู่อีกเหตุหนึ่งนั้นเขื่อนได้มีความใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่มากขึ้น ตอนกลับห้องหรือไปไหนหลังจากเลิกงาน ก็ไปด้วยกันตลอดเวลา จึงทำให้ความสัมพันธ์ของพีคกับเขื่อนได้จืดจางลงไปอย่างไม่ค่อยรู้ตัวหลังจากเลิกงานวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขื่อนได้กลับพร้อมกับหนุ่มรุ่นน้อง ที่ได้พึ่งได้มาทำงานได้ไม่นานแต่ความสนิทสนมกันนั้นแสนมาก“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นพี่พีคมารับพี่เขื่อนเลยครับ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าใคร่สงสัย และมีความดีใจอยู่พอสมควร“พี่พีคไม่ค่อยว่าง เพราะตั้งแต่ไม่ได้แสดงละครด้วยกัน พี่พีคเขาต้องหาบทละครมาสร้างอีก ช่วงนี้เลยห่างๆ กันไป”“อ่อ ถึงว่าสิทำไมไม่ค่อยเห็นพี่พีค แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะถึงอย่างไงพี่เขื่อนยังมีผมอยู่เป็นเพื่อน” เจษอมยิ้มนิดๆ“อืม” เขื่อนไม่ได้พูดอะไรต่อจากนี้ ได้แต่ยืนรอรถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่จะกลับห้อง“โชคดีนะ ที่เราสองคนอยู่ใกล้ๆ ขึ้นรถสายเดียวกัน” เจษยังยืนยิ้มอยู่ไม่วาย“พ