หน้าหลัก / LGBTQ+ / นิยายรักสองภาพ / เส้นทางอันโหดร้าย

แชร์

เส้นทางอันโหดร้าย

ผู้แต่ง: ต๋อง น่ะ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-20 18:37:22

          วันหยุดนี้เขื่อนได้ออกไปจากห้องเช่าในขณะที่กัสยังไม่ตื่น เมื่อเขารู้สึกตัวก็พบแต่ความว่างเปล่า กัสไม่สามารถดาดเดาได้ว่าเขื่อนนั้นได้ไปไหนกับใคร แต่กัสก็ไม่สนใจอะไรเพราะในวันนี้เขาจะเขียนนิยายต่ออีกหลายตอน กัสจึงเริ่มต้นเขียนช่วงสายๆ

            หลังจากยิวและจันเด็กน้อยที่พึ่งรู้จักเดินตามขบวนจนจวบช่วงเวลาเย็น ซึ่งในตอนนี้นี่เองทุกคนต้องออกหาอาหารมากินเพื่อประทังชีวิต

            “พี่ชื่ออะไรน่ะ”

            “พี่ชื่อ เอ่อ โสภณ”ยิวไม่อยากบอกชื่อจริงออกไป  เพราะเขาคิดว่าจันเด็กน้อยคนนี้อาจสงสัยอีกว่าทำไมไหมชื่อแปลก ยิวขึ้เกียจตอบคำตอบจึงเอาชื่อไม่แท้ที่เคยปลอมตัวมาเป็นชื่อของตัวเอง

            “ชื่อยังกับองค์ชาย”จันยิ้มร่ามองยิว

            “แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ”

            “จัน”

            “จัน แล้วเราจะหาอะไรกินกันดีล่ะเย็นนี้”

            “เอาของมีค่าไปแลกก็ได้”

            ยิวยืนทำตาปริบๆเพราะเขาอดเสียดายแหวนทองเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ของเขาก็ตามที และรู้สึกผิดที่เอาของคนอื่นมาขายแลกอาหารประทังชีวิต

            “ถ้างั้นพาพี่ไปซื้ออาหารหน่อยได้ไหม แต่ดูของมีค่าของพี่ก่อนได้ไหม”

            “ได้”ยิวหยิบแหวนทองให้จันดู

            “โอ้โห แหวนทอง”

            “ตกใจอะไรขนาดนั้น”ยิวรีบเก็บลงในย่ามทันที

            “พี่รู้อะไรไหม แหวนของพี่น่ะสามารถแลกข้าวและเสื้อผ้าของใช้ได้ตั้งหลายอย่างเลยนะ”

            “อย่างงั้นเลยเหรอ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราไปแลกของกันเถอะ”

            “ตามผมมาเลยพี่”

            ยิวเดินตามจันเด็กน้อยไปอย่างเร่งรีบ เพราะตอนนี้เขาก็รู้สึกหิวเช่นเดียวกับคนอื่น และอีกอย่างหนี่งที่ยิวอยากรู้ว่าในขบวนเดินทางนี้มีอะไรมาขายบ้าง

            “ลุงซื้อข้าวหน่อย”จันเอ่ยขึ้นมา เมื่อเดินมาถึงยังหัวหน้าขบวน

            “ไอ้จันมึงจะมาซื้อข้าวกูมีเงินหรือเปล่า”ชายหนุ่มอายุราวสี่สิ่บเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังหุงข้าวจากกระบอกไม้ไผ่

            “มีสิ ถ้าไม่มีผมจะกล้ามาหาลุงเหรอ”

            “ไหนล่ะอัฐของเองล่ะ”

            “ผมไม่มีอัฐหรอก”

            “กูว่าแล้วเชียวน้ำหน้าอย่างมึงจะไปหามาจากที่ไหน”ชายหนุ่มวัยกลางคนหัวเราะเสียงดัง

            “ผมมีแต่ทอง”จันเอ่ยขึ้น

            “ไอ้นี่พูดไปเรื่อย ไปซะกูรำคาญ”

            “นี่พอซื้อข้าวและของใช้ได้ไหม”ยิวยื่นแหวนทองให้ชายหนุ่มดู

            ชายหนุ่มผู้นั้นรีบมองไปที่แหวนทันที สายตาของเขาเป็นประกาย เพราะแค่มองชายผู้นี้ก็สัมผัสได้ว่าแหวนวงนี้ต้องมีราคา เขาจึงหยิบมาจากมือของยิว แล้วมาเพ่งพิจารณาอีกที

            “ของแท้ด้วย ว่าแต่เอ็งไปเอามาจากไหน”ชายหนุ่มมองหน้ายิว

            “ก็เอามาจากบ้านพี่ข้าสิ”จันรีบตอบแทนเมื่อเห็นยิวอึดอัดพูดไม่ออก

            “มีงนี่รู้ดีไปหมดนะไอ้จัน แล้วมึงไปรู้จักไอ้หนุ่มนี่ได้อย่างไร”

            “อ๋อ เราเป็นญาติห่างๆกัน พอรู้ข่าวว่าจะเดินทางไปเมืองศิลานคร ผมเลยรีบตามมาสมทบทีหลัง”ยิวเอ่ยขึ้น

            “ก็ดีไอ้จันมันจะได้มีคนดูแล ว่าแต่มึงสองคนอยากได้อะไรบอกมา”

            “อยากได้ข้าวกระบอกนั้น”จันพูดขึ้นก่อน

            “ใช่ อยากได้ข่าวและเสื้อผ้า”

            “ได้ แต่ข้าวได้เพียงวันนี้วันเดียวนะ ถ้าอยากได้ต้องเอาอะไรมาแลกอีก”

            “อะไรกันแหวนทองนั้นมีราคาแพงมากได้ของกินแค่มื้อเดียวเองเหรอ”

            “ใช่ เพราะตอนนี้อาหารมีค่ามากกว่าเงินทองหลายเท่านัก”ชายหนุ่มยิ้มอย่างกรุ่มกริ่ม

            “พี่โสพลผมหิวข้าว เอาวันนี้ให้รอดก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ถ้าไม่อะไรกินกันจริงๆเราค่อยหาผลไม้เผือกมันมากินก็ได้”

            เมื่อยิวได้ยินเสียงขอร้องอันเว้าวอนเขาเลยอดใจอ่อนไม่ได้ ยิวจึงตกลงเอาข้าวสองกระบอกพร้อมเนื้อแห้งย่างสองชิ้น พร้อมเสื้อผ้าและผ้าห่มสองชุด แค่นั้นเองที่ทั้งสองได้ซึ่งเมื่อเทียบราคาของทองแหวนถือว่าได้น้อยมาก

            เมื่อทั้งสองได้ของกินของใช้จากชายหนุ่มนั้นแล้ว พวกเขาทั้งสองจึงหาที่นั่งกินข้าวกันตามลำพังสองคน ในระหว่างที่กินข้าวกันนั้นด้วยความเป็นคนช่างพูดของจัน เขาจึงชวนยิวคุยเรื่องต่างๆ

            “พี่โสภณพี่จะไปทำไมในเมืองศิลานคร”

            “พี่จะไปหาเพื่อนพี่ไง”ยิวยิ้มให้จันพร้อมควักข้าวจากระบอกไม้ไผ่มากิน หลังจากนั้นต่อด้วยเนื้อย่าง ซึ่งไมได้อร่อยเลยแต่ยิวต้องกินเพื่อประทังชีวิตให้ถึงเมืองศิลานคร

            “เพื่อนพี่เป็นใครเหรอ”

            “เป็นแม่ทัพไง”

            “ไม่หลอกผมใช่ไหม แต่ถ้าคิดอีกทีน่าจะใช่ เพราะพี่มีแหวนทองได้ ทำไมจะมีเพื่อนเป็นแม่ทัพนายกองไม่ได้”

            “อือ”

            “ถ้างั้น ผมขอเข้าไปในเมืองกับพี่ด้วยได้ไหม”

            “ได้สิ”

            “ทำไมพี่ช่างใจดีจังเลย”จันแท่บกันน้ำตาไว้ไม่อยู่

            “เด็กน้อยไม่ต้องร้องไห้หรอก รับรองถ้าได้เข้าไปในเมืองแล้ว เพื่อนของพี่จะดูแลเป็นอย่างดี”

            “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีเลยผมอยากให้ไปถึงไวๆจังเลย”

            “เหมือนกันพี่ก็ไม่อยากอยู่กลางดินกินกลางป่าอย่างนี้หรอก ถ้าได้เข้าไปในเมืองไวๆคงจะดีกว่านี้อย่างแน่นอน”

            “ใช่ ผมจะได้เรียนหนังสือไหม”

            “อยากเรียนหนังสือเหรอ”

            “ใช่ เพราะตอนอยู่ที่บ้านไม่ได้เรียน ผมต้องช่วยพ่อแม่ทำงานหลายอย่าง เลยไม่มีเวลาไปเรียนที่วัดน่ะ”

            “เรียนที่วัดด้วย ถ้าไปถึงเมืองศิลาก่อน พี่กับท่านแม่ทัพจะสอนจัน”

            “ดีใจจังเลย”จันวาดฝันวิมานทันที

            ยิวนั่งมองจันยิ้มอยู่ตั้งสองนาน เพราะความน่ารักและไร้เดียงสาของจัน จึงทำให้ยิวพอคลายเศร้าคลายความคิดถึงบ้านได้บ้าง

            เมื่อทั้งสองได้กินข้าวอิ่มก็มืดพอดี จันจึงจัดแจงเตรียมหาที่นอนให้ตัวเองและยิวในทันที ซึ่งจันได้เลือกตรงต้นไม่ใหญ่อันห่างไกลผู้คนพอสมควร

            “พี่รีบนอนกันเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้ารีบออกเดินทาง”

            “อือ”ยิวล้มตัวลงนอนใกล้ๆกองไฟที่จันเป็นก่อไว้ให้กันยุงและแมลงต่างๆ

            “พี่โสภณรู้ไหมว่าผมได้นอนห่มผ้าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกเดินทางมา”

            “จริงเหรอ”

            “จริงสิพี่ คืนนี้ผมเลยอุ่นมาก ขอบใจพี่โสภณมากนะ”

            “ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงอย่างไงพี่ก็ต้องอาศัยจันอยู่ด้วยเหมือนกัน”

            “พี่ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าอยู่กับผมสบายไปแปดอย่าง”

            “อย่างเดียวก็พอแล้วมั้ง นอนได้แล้วไม่ต้องพูดอะไรอีก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะรำคาญเอาได้”

            “ก็ได้”

            เพียงจันหลับตาเขาก็สู่ภวังค์ในทันที เฉกเช่นเดียวกับยิวเพราะวันนี้ทั้งวันเขาเดินทางไม่ได้หยุดพักจึงอ่อนเพลีย จนหลับเหมือนอย่างคนเป็นลมสลบ

            เสียงเอะอะโวยวายดังลั่น เพราะบรรดากลุ่มคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน กำลังเก็บข้าวของพร้อมออกเดินทางต่อไปยังเหมือนศิลานคร จึงทำให้ทั้งจันและยิวตกใจตื่นขึ้นมาในทันที

            “สว่างไวจัง”จันรีบลุกขึ้นและเก็บข้าวของ

            “ใช่”ยิวลุกขึ้นนั่งและบิดขี้เกียจอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็มองหาถุงย่ามที่วางไว้ข้างตัว แต่เขาก็ไม่เห็นเสียแล้ว ยิวมองไปรอบๆและลุกขึ้นยืนเดินหาถุงย่ามนั้น ที่มีทั้งพระเครื่องของขลังรวมทั้งมีดของเสือเข้ม

            “พี่หาอะไร”จันเอยถามขึ้นด้วยความสงสัย

            “ถุงย่ามพี่หายไปไหน”ยิวมองรอบๆอีกครั้งแต่ก็ไม่เจอ

            “เป็นความผิดผมเอง ผมลืมไปได้ไง ผมลืมบอกพี่ให้ระวังของหาย เพราะทุกคนต่างต้องการขอมีค่าทั้งนั้น”จันมีสีหน้าที่วิตกกังวลยิ่งกว่ายิวอีก เพราะถ้าถุงย่ามนั้นหายจริง ทั้งเขาและยิวต้องออกหาอาหารกินกันเอง

            “บ้าจริงพี่ก็ลืม”

            จันรีบมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่รายล้อมเขาหลายกลุ่ม ด้วยสายตาอันปราดเปรียวจึงทำให้จันเห็นถุงย่ามของยิว อยู่กับชายหนุ่มรุ่นเดียวกับยิว

            “นั่นใช่ไหมพี่โสภณ”จันชี้มือไปยังชายหนุ่มผู้นั้น

            “ใช่”

            “ถ้างั้นเราไปทวงคืนกันเลย”

            ยิวและจันรีบไปยังชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันในทันที เมื่อไปถึงจันพูดก่อนยิวเสียอีก เพื่อทวงถุงย่ามให้ยิว

            “พี่ขอถุงย่ามพี่ชายของผมคืนด้วย”

            “ไอ้เด็กน้อยช่างกล้า ย่ามใบนี้มันเป็นของกู ก็ในเมื่อมันอยู่ที่กูจะเป็นพี่มึงได้ไง”ชายหนุ่มมีสีหน้าที่เริ่มดุดัน

            “แต่ถุงย่ามใบนั้นมันเป็นของเราจริงๆนะ นายต้องเอามาให้เราเดี๋ยวนี้”

            “ไอ้นี่ก็อีกคน หน้าตาก็แปลกการพูดจายิ่งฟังยิ่งพิลึก แต่นั่นไม่สำคัญหรอก เพราะกูไม่สนพวกมึงสองคนโว้ย”

            “ทำไมนายหน้าด้านหน้าทนอย่างนี้เอาของคนอื่นไป”

            “ใครว่าถุงย่ามนี้เป็นของมึงล่ะ มันของกูต่างหาก”ชายหนุ่มผู้นั้นหัวเราลั่นจนคนรอบข้างหันมามอง

            “พี่มันขี้โกง”จันโมโหเลยกระชากถุงย่าม พร้อมกันนั้นยิวช่วยอีกแรง จนสุดท้ายได้ถุงย่ามมา แต่พอจันเปิดดูก็พบกับความว่างเปล่า เพราะมีแค่ถุงย่ามของภายในไม่มีเหลือสักชิ้น

            “ของไปไหนหมด”ยิวเอ่ยถาม

            “กูยกให้พวกมึงก็แล้วกันอยากได้นักไม่ใช่เหรอ”ชายหนุ่มผู้นั้นเดินหนีไปในทันที

            “เดี๋ยวก่อน”จันอดรนทนไม่ไหววิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มและกัดที่แขนของเขา

            “ไอ้เด็กนี่มันอย่างไงวะวอนเจ็บตัวนี่หว่า”

            ชายหนุ่มผู้นั้นจึงจับศีรษะของจันและดึงออก หลังจากนั้นเหวี่ยงจันจนล้มกระแทกก้อนหินและกิ่งไม้ที่ยังไม่ดับสนิท แต่ชายหนุ่มยังไม่พอแค่นั้นเขาเดินเข้าไปหาจันและกระทืบซ้ำอีกหลายที

            ยิวอดรนทนไม่ไหวที่เห็นจันโดนทำร้าย เขาจึงหยิบท่อนไม้ข้างเท้าของเขา หลังจากนั้นยิวเดินไปข้างหลังของชายหนุ่มและฟาดอย่างแรง ชายหนุ่มจึงหยุดกระทืบจันทันที

            “ไอ้นี่อีกคน”ชายหนุ่มจับท่อนไม้ที่ยิวกำลังฟาดดึงกระชากแล้วขว้างทิ้ง หลังจากนั้นรัวหมัดต่อยยิวอยู่หลายครั้ง จนหัวหน้าขบวนที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาห้ามปรามไว้

            “หยุด ถ้ายังไม่หยุดทะเลาะกัน พวกมึงก็ออกไปจากขบวนของกูได้เลย”

            “ก็คนนี้มันขโมยถุงย่ามไปน่ะ”ยิวใช้มือเช็ดปากเพราะมีเลือดไหลออกมา

            “ไอ้นั้นมันเรื่องของพวกมึงกูไม่สน ตอนนี้กูจะเดินทางแล้ว ถ้ายังชักช้าก็อยู่นี่แหละ”           เมื่อชายหนุ่มวัยกลางคนพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันที สาเหตุที่ชายหนุ่มวัยกลางคนไม่พูดเรื่องถุงย่าม เพราะเขาก็มีส่วนได้ส่วนเสียเหมือนกัน เพราะหลังจากชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับยิวขโมยมาได้ เขาก็ได้เอาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้พร้อมอาหารการกินจนหมดสิ้น เหลือเพียงถุงย่ามเปล่าๆใบเดียวที่ยิวกำไว้อยู่ในมือ

           

บทที่เกี่ยวข้อง

  • นิยายรักสองภาพ   อุปสรรคยังไม่หมดสิ้น

    เมื่อชายหนุ่มทั้งสองได้เดินจากไป ยิวรีบไปหาจันทันที พอเขาเห็นจันแค่นั้นแหละยิวแท่บน้ำตาไหล เพราะร่างกายของจันฟกซ้ำดำเขียว แล้วยังมีรอยผิวหนังไหม้เกรียมอยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นท่อนแขนและขา “จันเจ็บมากไหม”ยิวกอดร่างของจันไว้อย่างเอ็นดู “พี่ก็เจ็บด้วยใช่ไหม”จันร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ใช่พี่ก็เจ็บ แต่พี่โตแล้วและไม่ได้โดนหนักอย่างจัน แต่จันไม่ต้องกลัวนะอดทนเข้าไว้ พอไปถึงเมืองศิลานคร พี่จะให้ท่านแม่ทัพวิศรุฒหาหมอเก่งๆมารักษาจันเอง” “ขอบคุณพี่โสพลมากเลยครับ” ยิวไม่รู้จะจัดการกับแผลของจันอย่างไร เขาได้เพียงแต่หาผ้ามาพันแผลไว้ และในช่วงเวลาเดียวกันยิวต้องพาจันเดินทางไปยังเมืองศิลานครกับกลุ่มคนพวกนี้ด้วย ถึงแม้จะหิวปานใดทั้งสองก็ต้องอดทนเพื่อความอยู่รอดให้ได้ และเมื่อยิวได้ยินว่าอีกสองวันก็ถึงเมืองศิลานคร เขาดีใจอย่างมาก แต่ยิวก็ไม่รู้จะทนความหิวได้นานแค่ไหน เพราะตอนนี้เขาไม่มีอะไรเหลือที่พอจะขายได้เลย “ออกเดินทางได้แล้ว”หัวหน้าขบวนตะโกนเสียงดัง “เดินไหวไหมจัน” “ข้าเดินไหวอยู่แผลแค่

  • นิยายรักสองภาพ   รักสองภาค

    ในวันนี้กัสต้องอยู่ในมหาวิทยาลัย เพื่อซ้อมบทละครสองฉากสำคัญ ซึ่งซ้อมเฉพาะฉากของกัสกับพีคแค่นั้น ส่วนเขื่อนได้ซ้อมไปทุกฉากแล้วที่เข้าคู่กับพีค “น้องกัสวันนี้เป็นซ้อมใหญ่ฉากของนิวและมีนไหวไหม”เจนนี่ผู้กำกับละครเวทีพูดขึ้นด้วยความมั่นใจในความสามารถของกัส “ไหวครับ” “พีคล่ะ ไหวไหมซ้อมหนักทุกวัน”เจนนี่อมยิ้มนิดๆให้กับพีคเพื่อนหนุ่ม “โอ๊ย สบายมากยิ่งได้เล่นกับกัสเข้าขากันดี” กัสฟังคำพูดของพีคแล้วรู้สึกทะแม่งในใจ เพราะเขาและพีคไม่ได้สนิทกันเลย แค่ไปส่งที่ห้องเช่าอย่างเดียว ไม่เคยไปไหนมาไหนกับพีคเหมือนเขื่อน “เอาล่ะ เริ่มเลยนะ เอาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลย” “ครับกัสรับคำ” นิวนักศึกษาหนุ่มกำลังเดินตามหาวินที่คณะ เขาจึงไม่ได้มองทางเดินเท่าไรนัก เพราะใจของเขาอยากจะไปเจอเพื่อนไวๆ นิวจึงไม่ทันระวังจนไปชนนักศึกษาหนุ่ม จนร่างของขาเซล้มลงกับพื้น “โอ๊ย”นิวร้องด้วยตกใจและเจ็บก้นกบ “ผมขอโทษไม่ได้ตั้งใจ”มีนนักศึกษาหนุ่มนั่งยองๆยื่นมือให้นิว เพียงนิวเงยหน้ามองมีนเขาถึ

  • นิยายรักสองภาพ   ความเสียใจที่ได้รับ

    กัสผิดหวังพอสมควรที่พีคไม่ได้ชวนเขาไปเที่ยวไหน ตอนอยู่บนรถพีคก็ชวนกัสคุยตลอดทาง เป็นการคุยที่ไม่ใช่คนรักกันหรือแอบชอบแต่อย่างใด จึงสร้างความผิดหวังให้แก่กัสอย่างมาก เมื่อเขามาถึงห้องจึงรีบเขียนนิยายต่อทันที เช้าวันใหม่ยิวได้เห็นสภาพของจันที่หนาวจนตัวสั่น เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับจันในช่วงเวลานี้ เขาจึงเดินไปหาผู้คนมากมายที่อยู่ในขบวนเพื่อขอยา ก็ยังพอมีคนที่มีน้ำใจให้มาซึ่งยิวไม่รู้ว่ายานั้นจะได้ผลหรือไม่ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่ปั้นเป็นยาลูกกลอน แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกยิวจึงรีบเอามาให้จันได้กินเดี๋ยวนั้นทันที “กินยาซะ” “ขอบคุณพี่มากเลย” “ไม่เป็นไรหรอกเราเป็นพี่น้องกัน เดี๋ยวตอนเย็นถึงเมืองศิลานครแล้ว พี่รับรองท่านแม่ทัพจะหาหมอเก่งๆมารักษาจันอย่างแน่นอน “ข้าจะรอ” ยิวมองจันกินยาอย่างยากเย็นเพราะเม็ดค่อนข้างใหญ่พอสมควร เมื่อจันได้กินยาเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังเมืองศิลานคร เพราะหัวหน้าขบวนได้ตะโกนบอกทุกคนให้ได้รับรู้ และเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทางต่อไป ความรู้สึกนึกคิดของยิวตอนนี้เขาไม่มั่นใจเล

  • นิยายรักสองภาพ   บทละครตอนต่อไป

    กัสหยุดนิ่งไปยอมเขียนต่อ เพราะช่วงนี้จิตใจของเขายังว้าวุ่นอยู่มาก กัสจึงหยิบบทละครมาอ่านและทบทวน เพื่อจะได้เล่นให้ดีเป็นที่พึ่งพอใจแกพีค คนที่เขาแอบรักและฝันใฝ่หาอยู่ตลอดเวลาทุกเช้าบ่าย กัสจึงเริ่มอ่านตอนต่อจากเมื่อวานที่ได้ทำการซ้อมกัน นิวได้ตอบรับคำชวนของมีนไปดูหนังในค่ำคืนนี้ ทีแรกเขาก็ไม่กล้าไปแต่ในเมื่อใจของเขาต้องการจึงไม่ยากที่จะปฏิเสธความต้องการของตัวเองได้ ซึ่งในส่วนตัวของนิวก็ไม่ได้ชอบดูหนังเท่าไร แต่เมื่อได้ไปดูกับคนที่แอบปลื้มนั้น ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ได้มีความหมายอีกต่อไป เป็นครั้งแรกที่นิวต้องมาดูหนังสยองขวัญในช่วงเวลากลางคืน เขามีความกลัวอยู่บ้างแต่อย่างน้อยยังมีคนข้างกายเป็นชายหนุ่มที่เขามีความรู้สึกดีๆให้ นิวจึงคลายความหวาดกลัวไปได้พอสมควร “ปิดหน้าทำไม”มีนเอ่ยถามเมื่อหันมาเห็นวินปิดหน้าเพราะกลัวฉากหวาดเสียว “กลัวนิดหน่อย” “อยู่ใกล้ๆผมไม่ต้องกลัวหรอก” มีนดึงมือของนิวมาจับไว้บนต้นขาของเขา เพื่อเพิ่มความอุ่นใจและไว้ใจว่าไม่ต้องกลัวสิ่งใดทั้งนั้นในช่วงเวลานี้ มืออันใหญ่หยาบเล็กน้อยที่ได้สัมผัสมื

  • นิยายรักสองภาพ   ปลอมตัวซ่อนรัก

    บ่ายนี้อีกฉากหนึ่งซึ่งจะมีเลิฟซีนระหว่างนิวกับมีน จึงทำให้กัสตื่นเต้นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าจะได้ใกล้ชิดพีคแบบถึงเนื้อโดนตัว นิวนั่งรอการมาของมีนในห้องเพียงลำพัง เพราะวินได้กลับบ้านไปในช่วงวันหยุดทีแรกนิวไม่อยากให้มีนมา แต่โดยลูกตื้อของมีนไม่ไหวเขาจึงจำใจให้มีนเข้ามาในห้องของเขา เมื่อถึงเวลาที่นัดหมายมีนได้มาถึงไม่ขาดไม่เกินเวลาพอดีประจวบเหมาะ “รอนานไหม”สายตาดุจพญาเสือของมีนพุ่งมุ่งไปยังร่างของนิว พร้อมยืนองอาจอยู่หน้าของนิว ซึ่งในขณะนี้นิวนั่งอยู่บนเก้าพลาสติกสีขาว “ไม่รู้นะ เพราะว่าเราอยู่ในห้องเป็นปกติ”นิวหลบตาต่ำมองพื้นห้องด้วยแพ้สายตาของมีน “อือ เราว่านิวจัดห้องได้สวยมากเลยนะ แล้วเพื่อนของนิวไปไหนล่ะ เราก็กะว่าจะได้มาเจอกันที่นี่” “กลับบ้านมาน่าจะมาพรุ่งนี้” “ดีเลย”รอยยิ้มของมีนจัดจ้านดั่งพริกหลายสิบเม็ด “ดีอะไร”แววตาของนิวเคลือบแคลงสงสัยในคำพูดของมีน “ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่จะไม่ชวนให้เรานั่งซักหน่อยเหรอ” “นั่งสิ เดี๋ยวเราเอาน้ำมาให้”นิวลุกขึ้นยืนพร้อมก้า

  • นิยายรักสองภาพ   ซ่อนรักเมียลับๆ

    ตอนที่16 ซ่อนรักเมียลับๆ ยิวเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวสูงวัยพร้อมกับยกมือไหว้ แต่เขาไม่ได้ก้มกราบแต่อย่างใด ยิ่งสายตาของหญิงสาวสูงวัยมองอย่างไม่กระพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว ใจของยิวสั่นระรัวกลัวความร้ายจะเข้าตัวในไม่ช้า “เอ็งชื่ออะไรมาจากไหนบอกข้ามาซิ”หญิงสาวปาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้าไม่เว้นแม้แต่ส่วนเดียว “คือ เอ่อ อ่า คือ”ยิวไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไรดี “หรือว่าเอ็งเป็นหญิงสาวชาวป่าชาวเขา” “ไม่ใช่นะ คือ อ่า คือ หนูเป็น เอ่อ อ่า อู” “ภาษาอะไรของเอ็ง อู อ่า อ่า อู อยู่นั่นแหละ เมื่อไรข้าจะทราบว่าเอ็งชื่ออะไร” “หนูชื่อโสภี อ่า”ยิวคิดไม่ออกว่าจะบอกมาจากที่ไหนดี ตอนแรกกะจะบอกว่ามาจากเมืองโสรยา แต่ก็กลัวจะมองดูไม่ดีเพราะเป็นเมืองศัตรูของศิลานคร “เอ็งมาจากที่ไหนลูกเต้าเหล่าใคร” “หนูมาจากเมือง อะไรล่ะ” “เอ๊ะ ข้าถามเอ็งนะว่ามาจากไหน ยังมีหน้ามาย้อนข้าอีก” “อ่อ หนูมาจากเมือง เอ่อ”ยิวพยายามคิดถึงชื่อเมืองที่เขาดูในละครตอนเด็กๆ “เอ้าบอกมาเร็วๆข้าอยากรู้ว่

  • นิยายรักสองภาพ   ละครฉากสำคัญ

    ฉากสำคัญของละครเวทีเรื่องนี้ได้เริ่มต้นขึ้น ก่อนเล่นจริงมีการซ้อมคร่าวๆอยู่หลายครั้ง ซึ่งเป็นเวลาที่สำคัญมากสำหรับกัสและเขื่อนรวมทั้งพีคด้วย “ให้เรารีบกลับมาห้องมีธุระอะไรเหรอหรือว่าจะเซอร์ไพร์สอะไรเรา”วินมาถึงเขาก็นั่งลงข้างๆนิวทันที “ก็นายอยากรู้จักแฟนเราไม่ใช่เหรอ”นิวอายนิดๆทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ตอบรับรักมีนเท่าไร เพราะตั้งแต่วันที่มีนไปหาถึงห้องแล้วได้มีอะไรกัน นิวจึงยอมรับรักและมอบใจให้มีนอย่างสุดหัวใจ “ใช่ มาหรือยังเราก็อยากจะรู้จักเหมือนกัน แล้วชื่ออะไรเราคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกับแฟนเราอย่างแน่นอน ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอแฟนเราด้วย เพราะเรากลับบ้านบ่อย แม้แต่นายเรายังไม่ค่อยได้เจอเท่าไรเลย เราก็เลยลืมๆไปบ้าง” “ไม่เป็นไรหรอกวันนี้นายก็จะเจอแล้วค่อยแนะนำทีเดียวจบเลยดีกว่า” “อือ” ทั้งสองนั่งอย่างระทึกด้วยความอยากรู้ว่าแฟนคนแรกของนิวเป็นใคร ส่วนวินก็อยากรู้ว่าแฟนของนิวเป็นเพื่อนกับแฟนของเขาหรือเปล่า “มาแล้ว”นิวเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู นิวจึงรีบไปเปิดประตูห้องแล้วพามีนเดิ

  • นิยายรักสองภาพ   ความรักที่ก่อเกิดขึ้น

    ตอนที่18 ความรักที่เกิดขึ้น nc25 นิวนั่งนิ่งๆสงบสติอารมณ์และควบคุมความรู้สึกที่ปวดร้าวภายในจิตใจ กัสพยายามแสดงออกมาจากภายใน รวมทั้งความรู้สึกส่วนตัวที่เขาแอบเห็นเขื่อนและพีค ที่ออกจากฉากไปแล้วกำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้าลุ้นให้ผ่านซีนนี้ไปให้ได้ ยิ่งกัสเห็นเขื่อนกับพีคใกล้ชิดกันเขาต้องเก็บความริษยาไว้ภายในใจอย่างสุดยั้ง “คัท เก่งมากน้องกัส”เจนนี่ผู้กำกับสาวปรบมือด้วยความยินดี หลังจากนั้นก็มีเสียงปรบมือคนอื่นตามมา กัสยังไม่สามารถที่จะออกจากความรู้สึกนี้ได้ เขายังนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม จนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะเจนนี่และเกรซต้องวิ่งเข้ามาหากัส “กัส กัส กัส”เจนนี่เขย่าตัวของกัสอย่างแรง “กัส”เกรซอีกคนที่มาเขย่าตัวของกัสด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน ด้วยแรงและเสียงจึงทำให้กัสได้สติขึ้นมา หลังจากดำดิ่งอยู่พักใหญ่ เมื่อกัสได้สติเขาจึงมองไปรอบๆซึ่งมีแต่คนมองเขาเป็นตาเดียว “เป็นอะไรมากหรือเปล่า”เกรซเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกครับ”กัสพยายามสลัดความรู้สึกที่ไม่อยากได้รับรู้นั้นทิ้งไป “กัสไห

บทล่าสุด

  • นิยายรักสองภาพ   หลงระเริงในโลกความจริง

    เป็กผู้ช่ำชองในยามราตรี เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ศุกร์เสาร์ทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวตัวยงที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ นอกจากพ่อรวยรูปหล่อสายเปย์อีกต่างหาก จึงมีหลายคนเข้ามาพัวพันไม่ขาดสาย เมื่อเป็กพายิวมาเที่ยว จึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองด้วยความอิจฉา แต่ยิวหาสนใจไม่ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นชินในโลกปัจจุบันเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น“เป็นไงบ้างมาเปิดหูเปิดตา” เป็กยื่นแก้วเพื่อชน“ก็โอเคนะ เป็นครั้งแรกที่เราได้มา รู้สึกว่าน่าสนใจกว่าเมืองโบราณอีก” ยิวเผลอคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ออกมา“เมืองโบราณอะไร” เป็กมีสีหน้าที่มึนงง“อ่อ เปล่า สนุกดีเราไปเต้นกันไหม”“อะไรนะ เราไม่อยากเชื่อเลยนายจะชวนเราไปเต้น นายเปลื่ยนไปหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายว่ะ” เป็กหัวเราะ“ไม่ได้เปลื่ยนนี่แหละตัวจริง ที่เห็นก่อนหน้านี้ตัวปลอม แอ๊บไว้ไงแต่ไม่เห็นมีใครชอบเลย เป็นตัวของตัวเองดีกว่า” ยิวเสแสร้งแกล้งพูดเพราะในความจริงเป็นร่างของคนอื่น เพียงแต่เขาแค่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้เท่านั้น“ร้ายนะ แกล้งเงียบถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้เราจีบตั้งนานแล้ว”“อะไรนะ” ยิวรู้สึกมึนงงและสับสนกับคำพูดของเป็ก“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ เ

  • นิยายรักสองภาพ   เผชิญหน้ากับความจริง

    กัสนั่งนิ่งๆ ก่อนที่จะไปท้องพระโรง เขาคิดย้อนเหตุการณ์เมื่อเสือเข้มพามาถึงยังหมู่บ้านกองโจร ซึ่งคนละที่กับซุ้มเสือเข้ม เพียงแค่เข้าไปถึงแม้จะไม่ประหลาดใจ แต่ก็ต้องอึ้งกับผู้คนในที่แห่งนี้ ที่มีหลากหลายอายุคละกันไป และมีการฝีกปรือฝีดาบอย่างขะมักเขม้น แต่เขาก็พยายามมองผ่านและเดินตามเสือเข้าไปข้างใน“แม่นมข้ากลับมาแล้ว” เสือเข้มวิ่งเข้าไปกราบแท่บเท้าของ มัณฑนานางกำนัลเก่าแห่งเมืองเมฆาบุรี“หายไปนายมากเลยนะ แม่อดคิดถึงเอ็งไม่ได้เลย เอ้า แล้วพาใครมาด้วยล่ะนะ” มัณฑนามองมายังกัสที่ยืนนิ่ง แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของมัณฑนาเขาก็ต้องนั่งลงแต่โดยดี“เพื่อนข้าเอง” เสือเข้มอมยิ้ม“เพื่อนเอ็งเป็นใครกัน ทำไมผิวพรรณยังกับคนในรั้วในวัง รูปร่างก็บอบบางยังกับอิสตรี เอ็งไปรู้จักกับเขาได้อย่างไรกัน”“ข้าเจอโดยบังเอิญชื่อโสภณ เป็นโอรสลับๆ ของสนมแห่งเมืองโสรยานคร”กัสรู้สึกประดักประเด่อพอสมควร เพราะเขากับเสือเข้มได้ตกลงตอนเดินทางมาที่แห่งนี้ ความคิดเช่นเดิมได้เกิดครั้งแรกที่เขาได้เจอแม่ทัพวิศรุฒ แต่ได้ปดมดเท็จว่าเป็นองค์ชายโสภณ กัสจึงทำตามเช่นเคยซึ่งเสือเข้มก็เห็นพ้องไม่ทัดทาน“อ่อ องค์ชายตกยาก คงจะเป็นคนองค์ชา

  • นิยายรักสองภาพ   เริ่มเห็นความน่ารัก

    ยิวหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดดูแต่เป็นที่น่าเสียดาย มันสามารถที่จะติดได้เนื่องจากวันนั้นล้มกระแทกจนเสียหาย ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะเขาต้องทำงานส่งอาจารย์ และอีกอย่างหนึ่งด้วยความอยากรู้ว่ากัสได้บันทึกหรือทำอะไรไว้ในนี้บ้างยิวจึงพับโน๊ดบุ๊คไว้ตามเดิม และกะว่าช่วงเย็นจะเอาไปซ่อม แต่ติดปัญหาคือเขาไม่มีเงินพอที่จะนำไปซ่อม เขาจึงหยิบโทรศัท์มือถือของกัสมาเปิดดู ซึ่งได้ล็อครหัสไว้จึงทำให้ไม่สามารถเปิดได้ มีเพียงรับสายอย่างเดียวแค่นั้น ยิวจึงลองนำวันเดือนปีเกิดของกัสมาใส่ ซึ่งก็ได้ผลทันทีมือถือเครื่องนี้ปลดรหัสได้ แต่นั่นไม่เท่ากับภาพหน้าปกเป็นรูปของพีค ยิวจึงเกิดความอยากรู้ต่อไปเขาจึงเปิดดูในแกเลอรี่ ซึ่งในนั้นมีแต่ภาพพีคเต็มไปหมดดวงตาอันกลมโตของยิวได้หลับลง พร้อมจินตนาการเรื่องราวของกัสว่าเป็นอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้ ซึ่งในหัวของเขาก็เห็นแต่หน้าพีคอยู่เพียงผู้เดียว พอเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบดูทันทีซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นพีคนั่นเอง“อยู่ห้องไหมน้องกัส”“อยู่พี่พีคมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่โทรถามเฉยๆ ถ้าอยู่พี่จะไปหา”“พี่มีธุระอะไรเหรอ”“จะไปหาต้องมีธุระด้วยใช่ไหม”“เป

  • นิยายรักสองภาพ   ต้นกำเนิดเสือเข้ม

    นางกำนัลสาลินีได้นำพาพระโอรสของราชาเมษากับราชินีสีวิกา เดินลัดเลาะหลบมุมตลอดทาง จนมาถึงข้างๆ ตำหนักของชายามาริสา เธอรออยู่พักหนึ่งมันฑนานางกำนัลร่วมรุ่นมาพร้อมพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสา“ข้ารอตั้งนานนึกว่าเอ็งไม่มาแล้ว ยังดีที่พระโอรสไม่ร้องเลย” นางกำนัลสาลินีเอ่ยขึ้นด้วยใจระทึกมองซ้ายมองขวา แล้วมององค์ชายแสนอาภัพที่เธออุ้มมา“เอาน่าอย่าพูดมากเลยเอาเด็กมาสลับกัน” นางกำนัลนำพระโอรสที่ซ่อนมาในตะกร้าผ้าออกมานางกำนัลสาลินีและนางกำนัลมัฑนาต่างสลับพระโอรสกันตรงนั้น แต่สายตาทั้งสองก็ไมวายมองรอบๆ บริเวณ ด้วยความกลัวใครจะมาพบเห็น“เอ่อ เอ็งออกมาได้อย่างไงไม่มีทหารเหรอ” นางกำนันสาลินีถาม“มี แต่ทหารที่เฝ้ารู้จักกันก็เลยพอเอาออกมาได้”“เอ้านี่ คือแหวนที่มเหสีสีวิกามอบไว้ให้องค์ชาย”“อือ”มัณฑรับแหวนไว้แล้วรีบพาองค์ชายเข้าไปในพระตำหนักอย่างทันท่วงที ส่วนสาลินีไม่รอช้ารีบน้ำองค์ชายที่สลับเปลื่ยนไปยังตำหนักราชินีสีวิกาเช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหลบเหล่าทหารที่กำลังออกตระเวนเมื่อสาลินีมาถึงยังตำหนักของราชินีสาลินี เธอรีบน้ำพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสาวางไว้ข

  • นิยายรักสองภาพ   ตัวตนที่แท้จริง

    หนึ่งหนุ่มกับสาวอีกคนนั่งมองหน้ากันในห้องชมรมละคร หลังจากนักศึกษาในชมรมนี้ออกไปไปหมดแล้ว เจนนี่ผู้กำกับสาวนั่งนิ่งมองหน้ายิวอยู่พักหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่มองอยู่นั้น ได้เห็นแววตาอันเปลื่ยนแปลงไป เพราะมีความสู้คนและเปิดเผยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด“วันนี้น้องกัสเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมการแสดงของน้องแปลกไป และไม่เข้ากับบมที่ได้รับ”“เปล่าครับ ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง”“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องนะ แต่พี่อยากบอกว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับการแสดงให้มาก คือเมื่อก่อนกัสอินกับละครจนไม่สามารถที่จะออกจากบทนั้นได้ แต่ทำไมตอนนี้กัสไม่อินเหมือนเดิมกลับกันเป็นคนละคนเลย”ยิวอยากจะเถียงแต่เขาก็ต้องเก็บกลั้นอามรมณ์นั้นไว้ เพราะในตอนนี้เขาได้เขามาอยู่ในร่างของกัน ซึ่งจากการคาดคะเนของยิวนั้น กัสน่าจะมีนิสัยที่แตกต่างจากเขาอย่างมาก“ครับ” ยิวรับคำแต่โดยดีและไม่พูดสิ่งใดออกมา“ดีแล้ว พี่จะให้กัสพักสองวันนะเพื่อลองทบทวนอะไรบางอย่าง กลับได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำจะอันตราย”“ขอบคุณพี่มากครับ” ยิวยกมือไหว้พร้อมกับศีรษะให้เจนนี่ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และไม่หันหรือหยุถเดินแต่อย

  • นิยายรักสองภาพ   ยอมจำนนฟ้าลิขิต

    กัสเดินเข้ามาในตำหนักว่างเปล่าที่มีผู้คนคอยรับใช้อย่างมากมาย ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต่อไปนี้ไม่น่าจะลำบากกาย แต่อันตรายนั้นน่าจะอยู่รอบตัวเขาอย่างแน่นอน กัสจึงหวั่นผวากลัวอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอนกจากทนและจำยอมมาในที่แห่งนี้ พร้อมกับเสือเข้มผู้องอาจ และท่านอำมาตย์มงคลผู้มีแผนการอันแยบยล“เอ็งจำไว้นะว่าชื่อเมธี เป็นรัชทายาทแห่งเมืองเมฆาบุรี เป็นพระราชโอรสของอดีตราชาเมษากับราชินีสีวิกา” อำมาตย์มงคลพูดจบก็หันไปมองกัสที่นั่งนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ“ส่วนองค์ชายตัวจริง กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ต้องเรียกว่าองครักษ์เข้ม”“ไม่เป็นไรหรอกข้าแค่อยากมาแก้แค้นให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น”“ดีมากพระองค์ แต่พระองค์ต้องลำบากลำบนเป็นโจรก็เพราะราชาเมฆาที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไปนี่พระเจ้าค่ะ”“ท่านอำมาตย์ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นองครักษ์เข้ม ท่านอย่าพูดกับข้าเป็นองค์ชายอย่างนั้น องค์ชายตัวจริงอยู่โน่น” เสือเข้มโบ้ยปากไปทางกัสที่กำลังนั่งนิ่งๆ“เอ่อ ขอโทษข้าลืมไป ถ้าอย่างขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอาไปว่าคืนนี้คุยกันดีๆ และเตรียมตัวอย่างที่เราตกลงกันไว้” เมื่ออำมาตย์มงคลพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันทีกัสครุ่นคิด

  • นิยายรักสองภาพ   ความสัมสนอลหม่าน

    ยิวนั่งมองเขื่อนขนของย้ายห้องออกไปอย่างไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยแต่อย่างใด ยิวจึงมีแต่ความเย็นชาใส่เขื่อน เมื่อเขื่อนขนของเสร็จเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำลาสักคำ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ไม่พูดอะไรออกมาให้เขื่อนได้อย่างยินเช่นกัน พออยู่คนเดียวภาวะจิตใจของยิวนั้นเริ่มว้าวุ่นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้ง เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรียนอยู่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พอกับจากมหาวิทยาลัยเขาก็นอนอ่านนิยายแล้วหลับไปตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์นิยายเรื่องนักรักบันลือโลกไปแล้ว นักเขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดตัวเขาให้มากพอ ยิวจึงมีความทรงจำในยุคปัจจุบันอยู่แค่นี้ แต่เรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันยิวกับรู้ทำได้ทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ยิวเริ่มค้นห้องและตรวจสอบทุกอย่างในความเป็นตัวกัส เขาจึงรู้ว่ากัสเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ซึ่งคนละคณะกับเขาเลย เพราะยิวเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิวยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรกับชีวิตที่อยู่ในร่างกัส แต่เขาคิดว่ายังดีกว่าไปอยู่นิยายเมืองโบราณที่ไม่มีความทันสมัย ซึ่งเขาได้พบความอยากลำบากมาแล้ว ยิวจึง

  • นิยายรักสองภาพ   ตัวเราลิขิตเอง

    ตอนที่24 ตัวเราลิขิตเอง น้ำกระเด็นทั่วเรือนร่างและโดนหนักตรงบริเวณใบหน้า จึงทำให้กัสได้สติเขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย และภาพตรงหน้าที่เขาได้พบเห็น เป็นชายหนุ่มสูงใหญ่มีหนาวดเคราหนาจนกัสรู้สึกหวั่นกลัวอย่างหนัก เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณ ซึ่งมีแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่และหญ้าสูงเคียงเอว “มึงเป็นบ้าอะไรใส่ชุดใหญ่ผู้หญิงไอ้ยิว”เสือเข้มผู้ช่วยชีวิตกัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขมึงตึง “เราไม่ได้ชื่อยิวเราชื่อกัส”เมื่อกัสได้ยินชื่อยิวเขาก็ใคร่สงสัยและครุ่นคิดอย่างหนัก ยิ่งเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้ด้วย ทำให้กัสถึงกับพอจะรู้อะไรบ้างแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร “มึงพูดดีๆว่ามึงชื่ออะไร” กัสมองไปรอบๆอีกครั้งและหยิกตัวเองซึ่งเขาก็รู้สึกเจ็บพอสมควร ในช่วงเวลานี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เท่าที่เขาจำได้ก่อนหน้านี้กำลังทะเลาะอยู่กับเขื่อน และก็โดนผลักจนล้มลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากนั้นกัสไม่สามารถที่จะจำอะไรได้อีกเลย “ที่นี่ที่ไหน”กัสพูดด้วยความมึนงง “ศิลานคร” “แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

  • นิยายรักสองภาพ   ความสัมพันธ์ร้าวฉาน

    เมื่อเขียนนิยายได้หนึ่งตอนกัสจึงรู้สึกง่วงอย่างมาก จึงหยุดเขียนและนั่งอ่านซ้ำจนเกือบจะจบตอน จูจู่เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กัสพีคมานอนนี่ได้อย่างไง” กัสได้ยินเสียงห้วนและดังมาก เขาจึงหันหน้ามองด้วยความตกใจ กัสทำอะไรไม่ถูกถึงแม้สิ่งที่เขาทำก้ำกึ่งไม่ตั้งใจก็ตาม “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเขื่อน” “ไม่ใช่แล้วพี่พีคมานอนอยู่ที่ห้องได้ไง” “ก็พี่พีคเขาเมาตามหานายไม่เจอ เขาก็มานอนรอนายอยู่นี่ไม่เห็นเหรอนะ” “ทำไมต้องถอดเสื้อผ้านอนด้วย”เขื่อนจ้องหน้ากัสเขม็ง “เหล้ามันหกเปื้อนเสื้อผ้าเขา โน้น เสื้อกางเกงของพีคเราซักตากไว้ให้”กัสชี้ไปยังที่ตากเสื้อกางเกงของพีค “เราไม่เชื่อหรอกนายสองคนต้องมีอะไรกัน” “ไม่เชื่อก็ถามพี่พีคสิ” “พี่พีค”เขื่อนตะโกนอย่างดัง พีคตกใจตื่นด้วยเสียงอันดังของเขื่อน เมื่อเขาลืมตาขึ้นและหันมามองตามเสียง ภาพที่ได้เห็นคือเขื่อนยืนนิ่งๆมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พีครู้สึกแปลกใจเขาจึงลุกขึ้นแล้วลงมาจากเตียง “มีอะไรเหรอเรียกพ

DMCA.com Protection Status