กัสหยุดนิ่งไปยอมเขียนต่อ เพราะช่วงนี้จิตใจของเขายังว้าวุ่นอยู่มาก กัสจึงหยิบบทละครมาอ่านและทบทวน เพื่อจะได้เล่นให้ดีเป็นที่พึ่งพอใจแกพีค คนที่เขาแอบรักและฝันใฝ่หาอยู่ตลอดเวลาทุกเช้าบ่าย กัสจึงเริ่มอ่านตอนต่อจากเมื่อวานที่ได้ทำการซ้อมกัน
นิวได้ตอบรับคำชวนของมีนไปดูหนังในค่ำคืนนี้ ทีแรกเขาก็ไม่กล้าไปแต่ในเมื่อใจของเขาต้องการจึงไม่ยากที่จะปฏิเสธความต้องการของตัวเองได้ ซึ่งในส่วนตัวของนิวก็ไม่ได้ชอบดูหนังเท่าไร แต่เมื่อได้ไปดูกับคนที่แอบปลื้มนั้น ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ได้มีความหมายอีกต่อไป
เป็นครั้งแรกที่นิวต้องมาดูหนังสยองขวัญในช่วงเวลากลางคืน เขามีความกลัวอยู่บ้างแต่อย่างน้อยยังมีคนข้างกายเป็นชายหนุ่มที่เขามีความรู้สึกดีๆให้ นิวจึงคลายความหวาดกลัวไปได้พอสมควร
“ปิดหน้าทำไม”มีนเอ่ยถามเมื่อหันมาเห็นวินปิดหน้าเพราะกลัวฉากหวาดเสียว
“กลัวนิดหน่อย”
“อยู่ใกล้ๆผมไม่ต้องกลัวหรอก”
มีนดึงมือของนิวมาจับไว้บนต้นขาของเขา เพื่อเพิ่มความอุ่นใจและไว้ใจว่าไม่ต้องกลัวสิ่งใดทั้งนั้นในช่วงเวลานี้ มืออันใหญ่หยาบเล็กน้อยที่ได้สัมผัสมือเรียวงามอ่อนนุ่ม ทำให้จิตใจของนิวหวานชื่นขึ้นมาอย่างมาก
ช่วงเวลาร่วมสองชั่วโมงนิวไมได้เป็นอันได้ดูหนังแต่อย่างใด เพราะเขารู้สึกหวั่นไหวอย่างเหลือล้น เพราะมือของมีนไม่ได้ปล่อยไปจากเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว จนหนังเลิกต่างลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโรงหนัง
“คืนนี้เรารู้สึกผิดมากเลยที่พานายมาดูหนังผี ดูท่าทางนายก็ไม่ชอบด้วยใช่ไหม”
“ไม่ถึงกับไม่ชอบหรอก แต่ก็กลัวบ้างนิดหน่อย”
“เราว่าไม่นิดหน่อยแล้วนะ ถ้าเราไม่จับมือนายไว้คงร้องกรี๊ดลั่นแน่เลย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
ด้วยนิสัยของนิวที่นิ่งเฉยถึงแม้เขาจะกลัวมากปานใด แต่ก็แสดงออกมานิดหน่อยแค่นั้น ไม่มีวันที่เขาจะกรี๊ดออกมาอย่างแน่นอน
“เชื่อก็ได้ ดูหนังจบแล้วไปไหนต่อกันดีล่ะ”
“กลับห้องดีไหม”
“ผมยังไม่อยากกลับเลย อยากไปเที่ยวต่อไหนๆเราก็ออกมากันแล้วน่าจะไปที่อื่นต่อดีไหม”
นิวอยากจะปฏิเสธแต่ก็ไม่สามรถที่จะห้ามใจตัวเองได้ เพราะเขารู้สึกชอบพอมีนอย่างมาก ด้วยนิสัยของมีนเป็นคนช่างเอาอกเอาใจอย่างนี้ นิวจึงหลงอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าได้ออกเดทกับผู้ชาย
“ก็ได้แต่อย่าดึกมากนะ”
“ได้เลย มันต้องอย่างนี้สิ”
“อือ”
“เราไปเที่ยวนั่งฟังเพลงกันดีไหม”
“ดีเหมือนกันจะได้คลายเครียดไปในตัว”
“เครียดเรื่องอะไร มาเที่ยวกับเราเครียดเหรอ”
“ไม่ใช่ อย่าคิดมากสิ”นิวอมยิ้มนิดนึง
“ถ้างั้นก็ดีไปกันเลย”
มีนได้พานิวมายังร้านอาหารที่มีนักร้องมาร้องเพลงให้ฟัง ซึ่งเมื่อนิวมาถึงเขาก็รู้สึกแปลกตาแปลกใจอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกได้มาเที่ยวสถานที่แบบนี้
“เป็นไงบ้างโอเคไหม”มีนถามในระหว่างสั่งอาหารและเครื่องดื่ม
“ก็ดีนะ”นิวไม่กล้าพูดอะไรเยอะ เพราะทั้งแปลกในสถานที่และยังไม่ได้สนิทกับมีนมากนัก แต่ที่มากับมีนเพราะความชอบล้วนๆ
“ถ้ากับเราไม่ต้องห่วงหรอก เราจะดูแลนิวเป็นอย่างดี พรุ่งนี้วันหยุดเที่ยวได้เต็มที่เลย”
“นายมาบ่อยเหรอ”
“อาทิตย์ละครั้ง”
“มากับใคร”
“มากับเพื่อนบางครั้งก็มาคนเดียว อาหารกับเครื่องดื่มมาแล้วกินเลย”มีนรีบเปลื่ยนเรื่องทันที เพราะเป็นคำถามที่แทงใจเขาไม่ใช่น้อย
“อือ กำลังหิวอยู่พอดีเลย กินไปฟังเพลงไปเป็นอะไรที่ดีอย่างมาก”
“นายไม่ค่อยได้มาสถานที่แบบนี้เหรอ”
“ไม่ใช่ไม่ได้มาต้องพูดว่าไม่ได้มามากกว่า ความจริงเพื่อนเราก็ชวนมาบ่อยๆนะรายนั้นขาปาร์ตี้เลย”
“นายมีเพื่อนแบบนี้ด้วยเหรอ นึกว่าจะมีแบบตั้งใจเรียนไม่ชอบเที่ยวกลางคืน”
“มีสิ สนิทกันมากด้วย”
“ดีเลย วันหลังแนะนำให้เรารู้จักบ้างนะ”
“อือ”นิวงงนิดหน่อยกับคำพูดของมีน ซึ่งนิวไม่เข้าใจจะรู้จักเพื่อนของเขาทำไม
“ไม่ต้องงงเพื่อนนายก็เหมือนเพื่อนเรานั่นแหละ ก็อยากรู้จักไว้เป็นธรรมดาเผื่อวันไหนนิวหายตัวไป เราจะได้รู้ไงว่านิวอยู่ไหน”
“เราจะหายไปไหนเราก็อยู่ตรงนี้ นายมากกว่ามั้งไม่แน่หลังจากคืนนี้นายอาจจะหายไปจากชีวิตเราก็ได้”
“ไม่มีวันนั้นหรอก”
“จะพยายามเชื่อนะ”
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน กินดีกว่าเดี๋ยวอาหารเย็นหมด”
นิวจึงกินอาหารไปเรื่อยๆพร้อมฟังเพลงและนั่งฟังมีนพูดเรื่องของตัวเอง บอกทุกอย่างจนแท่บจะรู้ว่าพ่อแม่ชื่ออะไรกันทีเดียว นิวก็เป็นผู้ฟังที่ดีจนเขาอดคิดไมได้ว่าถ้ามีนกับวินเพื่อนรักของเขา ได้มาเจอกันอะไรจะเกิดขึ้นเพราะนิสัยเหมือนกันมากสายปาร์ตี้พูดเก่ง
ทั้งสองนั่งฟังเพลงจนเกือบร้านปิด นิวจึงเป็นฝ่ายชวนมีนกลับเพราะเขารู้สึกง่วงนอนมาก โดยปกติเวลานี้นิวได้นอนหลับไปแล้ว แต่ในค่ำคืนนี้เขายังไม่ได้หลับนอนเลย มีนจึงมีอาการมึนๆหาวนอนอย่างหนัก
“กลับเหอะเราง่วงนอนมาก”
“เหรอ ก็ได้ถ้างั้นเช็คบิลก่อนนะ”
นิวกำลังจะนำเงินออกมาจากกระเป๋าเพื่อออกคนละครึ่งกับมีน แต่มีนนั้นห้ามไว้เพราะเขาจะเป็นออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
“ไม่ต้องหรอก เราชวนนายเราก็ต้องเลี้ยงนายเราออกเองได้”
“ไม่เป็นไร เรามาด้วยกันกินด้วยกันก็ต้องช่วยกันออกใช่ไหม”
“เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน แต่วันนี้เราเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง”
“ถ้างั้นก็ได้ วันหลังเราจะพานายไปกินอาหารตามสั่งข้างทางนะ”นิวอมยิ้มนิดๆ
“ได้หมด ขอให้นายเป็นคนเลี้ยงเราและได้เจอนายบ่อยๆแบบนี้เราก็ดีใจแล้ว”
นิวเจอคำหวานของมีนเข้าไปเขาจึงไม่พูดอะไรต่ออีกจากนี้ นิวจึงนั่งมองมีนจ่ายเงินกับพนักงานเสริฟจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นเขาและมีนได้เดินออกมาจากร้านและขึ้นรถในทันที แล้วจึงขับรถออกจากร้านอาหารไป
“เห็นนายบอกว่าพักกับเพื่อนเหรอ”
“อือ”นิวพยักหน้า
“อือ ตอนแรกกะว่าจะไปห้องนายซะหน่อย”
“ไปทำไม”นิวมีสีหน้าที่ตกใจ
“อ่อ ไม่มีอะไร อือ”มีนมีท่าทีครุ่นคิด
“คิดอะไร หรือว่าอยากทำอะไร”นิวใช้สายตาอันกลมโตมองมีน
“ไม่มีอะไรหรอก เราก็แค่อยากจะไปในห้องนายซักหน่อย จะได้คุ้นเคยกันมากกว่านี้ไง”
“อ่อ นึกว่าอะไร”
“หรือว่าไป เอ่อ”
“ไปไหน”นิวถามอย่างรวดเร็ว
“เปล่าไม่ไปไหนหรอก เราจะไปส่งนายที่ห้องไง”
นิวสงสัยท่าทางเลิ่กลั่กของมีนพอสมควร เขาอยากรู้อยากถามมีนใจจะขาดว่าต้องการอะไร แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกมาได้แต่นั่งนิ่งๆส่วนมีนก็พยายามชวนนิวคุยตลอดทาง จนมาถึงห้องพักของนิว
“ถึงแล้วขอบใจมากนะ ที่ได้พาเราไปเปิดหูเปิดตา”
“เปลื่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ”
“อะไรล่ะ”
ในระหว่างที่นิวกำลังจะเปิดประตูรถ มีนก็ยื่นใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ๆนิว เพียงชั่ววินาทีริมฝีปากของมีนได้สัมผัสแก้มอันขาวใสของนิว
“ทำอะไรนะ”นิวรู้สึกอายเขาจึงรีบลงจากไปและเดินเข้าไปในห้องเช่าทันที
เมื่อนิวเข้าไปในห้องพักเขาก็ได้เห็นวินเพื่อนของเขาที่กำลังออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งนิวก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะว่าถ้าวันหยุดวินจะไม่มีทางอยูห้องเช่าอย่างเด็ดขาด
“คืนนี้แปลกหนอนายไม่ไปไหน”
“เหมือนกัน คืนนี้ก็แปลกนายกลับห้องดึก พร้อมกับกลิ่นเหล้า”วินเดินเข้าไปใกล้ๆ
“สรุปเราเป็นเหมือนกัน ต่างสลับขั้วสักวันหนึ่ง”นิวนั่งลงบนเตียงเพราะเขารู้สึกง่วงนอนมาก
“ไปไหนมาถึงกับมากับมาซะดึกเลย”
“ตอนค่ำๆไปดูหนัง แล้วก็ไปหาอะไรกินนิดหน่อย”
“กับใคร”เสียงของวินดูตื่นเต้น
“เพื่อน”
“นายมีเราคนเดียวที่เป็นเพื่อนสนิท และอีกอย่างหนึ่งนายไม่น่าจะไปเที่ยวสถานที่แบบนั้นได้หรอก บอกมาซะดีๆว่าไปกับใคร”
“ก็เพื่อนไง พึ่งรู้จักกัน”
“อะไรนะ พี่งรู้จักกันไปเที่ยวกันกลับจนดึกดื่นขนาดนี้ น่าจะไม่ใช่เพื่อนธรรมดาซะแล้วมั้ง เห็นเงียบๆแต่แอบ อือ ใช่ไหม”
“นายพูดไปเรื่อยไม่ถึงขนาดนั้นหรอก พูดแต่เรื่องของเรานายก็เหมือนกันออกไปบ่อยๆกลางค่ำกลางคืนไปทำอะไรที่ไหนกับใคร”นิวจ้องมองสายตาของวินว่าจะแสดงออกมาอย่างใด
“แหมก็ต้องมีบ้างนะสิ ก็เหมือนนายนั่นแหละ”
“แฟนเหรอ”
“ก็น่าจะเกือบๆแล้วนะ ไม่เกือบแล้วมั้ง”วินอมยิ้มคิดถึงเรื่องที่เขาพูดถึง
“นั่นแน่ บางคืนไม่กลับมานอนห้อง แสดงว่าไปอะไรอย่างไงกับใครหรือทำอย่างงั้นเหรอ”
“มันก็ต้องมีบ้างใช่ไหม เรื่องแบบนี้นายก็เหมือนกัน อย่าทำเป็นเล่นตัวนะระวังจะอด ถ้าเจอคนที่ใจกล้ากว่า ว่าแต่เป็นใครเหรอต้องให้เรามาสแกนก่อนนะว่าผ่านไหม”
“ก็รุ่นเดียวกันนี่แหละ อยู่มหาลัยเดียวกัน เรียนคณะบริหารธุรกิจ”
“อะไรนะทำไมบังเอิญขนาดนี้ ของเราก็เหมือนกันไม่แน่เขาอาจเป็นเพื่อนกันก็ได้นะ”
“จริงเหรอ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นอีกล่ะ ชื่ออะไรบอกหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ เขาชื่อ อุ๊ย มีคนโทรเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ”
“อือ”นิวพยักหน้า
นิวนั่งฟังวินพูดคุยโทรศัพท์อย่างไม่ตั้งใจ ซี่งก็พอจะจับใจความได้บ้าง ว่าวินน่าจะคุยกับแฟนที่กำลังคบกันอยู่
“ฮัลโหล”
“ว่าง”
“โอเค แต่งตัวแปล๊บนึงเดี๋ยวไป ทีเดิมใช่ไหมเดี๋ยวเราขับรถไปหา”
“พูดปุ๊บมาปั๊บเลย เดี๋ยววันหลังค่อยคุยกันนะ”
นิวนั่งมองและฟังพร้อมกับดูวินแต่งตัวอย่างเร่งรีบ เพื่อออกไปหาผู้ชายในช่วงเวลาเที่ยงคืนกว่า ซึ่งนิวถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน
กัสวางบทละครไว้บนโต๊ะแล้วนั่งจินตนาการตัวเป็นนิว ที่กำลังมีความสุขได้กินได้เที่ยวกับมีน แทนความต้องการในตัวเองที่อยากจะไปไหนมาไหนกับพีคชายหนุ่มคนที่เขาแอบรัก
“คิดอะไรกัส”เขื่อนเพื่อนรักของกัสจับที่บ่าของเขา
“มาเงียบๆตกใจหมด”
“เงียบซะที่ไหนเราเรียกตั้งหลายครั้ง นายมัวคิดถึงอะไรอีกล่ะ”
“อ่อ เราพึ่งอ่านบทละครพออ่านจบก็คิดไปเรื่อยๆนั่นแหละ”
“คิดถึงมีนในบทละครเหรอ ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่หาแฟนซักคนล่ะ”
“ใครจะมาชอบคนอย่างเรา ว่าแต่นายไปไหนมาเลิกงานตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“พอดี พี่พีคไปรับหลังเลิกงานน่ะ พี่พีคเขาก็เลยพาไปเที่ยวกินข้าวขับรถเล่น”
“พี่พีคคงชอบนายมากเลย เห็นไปไหนมาไหนกับนายตลอด”นิวพยายามหลบตาต่ำลงและแอบน้อยใจตัวเองอย่างมาก
“ไม่รู้สิต้องดูไปนานๆก่อน เอาอะไรแน่นอนไม่ได้หรอก”
“อือ จริงด้วย ดูไปนานๆก่อน ขนาดอยู่กันมานานยังไม่ค่อยรู้จักกันเลย”
“อะไรนะ”เขื่อนหันหน้าเอียงข้างถามด้วยความสงสัย
“เราหมายถึงขนาดคบกันมานาน บางคนยังนอกใจได้เลย ไม่มีอะไรหรอก”
“เหรอ ถ้าอย่างงั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ”
กัสไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่นั่งนิ่งๆด้วยความสับสนทางอารมณ์ ถึงแม้เขาค่อนข้างแน่ใจอย่างมากว่าทั้งสองน่าจะรักกัน แต่ก็อดอิจฉาไม่ได้และอยากให้เป็นตัวเขาเองที่เป็นอย่างเขื่อน
บ่ายนี้อีกฉากหนึ่งซึ่งจะมีเลิฟซีนระหว่างนิวกับมีน จึงทำให้กัสตื่นเต้นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าจะได้ใกล้ชิดพีคแบบถึงเนื้อโดนตัว นิวนั่งรอการมาของมีนในห้องเพียงลำพัง เพราะวินได้กลับบ้านไปในช่วงวันหยุดทีแรกนิวไม่อยากให้มีนมา แต่โดยลูกตื้อของมีนไม่ไหวเขาจึงจำใจให้มีนเข้ามาในห้องของเขา เมื่อถึงเวลาที่นัดหมายมีนได้มาถึงไม่ขาดไม่เกินเวลาพอดีประจวบเหมาะ “รอนานไหม”สายตาดุจพญาเสือของมีนพุ่งมุ่งไปยังร่างของนิว พร้อมยืนองอาจอยู่หน้าของนิว ซึ่งในขณะนี้นิวนั่งอยู่บนเก้าพลาสติกสีขาว “ไม่รู้นะ เพราะว่าเราอยู่ในห้องเป็นปกติ”นิวหลบตาต่ำมองพื้นห้องด้วยแพ้สายตาของมีน “อือ เราว่านิวจัดห้องได้สวยมากเลยนะ แล้วเพื่อนของนิวไปไหนล่ะ เราก็กะว่าจะได้มาเจอกันที่นี่” “กลับบ้านมาน่าจะมาพรุ่งนี้” “ดีเลย”รอยยิ้มของมีนจัดจ้านดั่งพริกหลายสิบเม็ด “ดีอะไร”แววตาของนิวเคลือบแคลงสงสัยในคำพูดของมีน “ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่จะไม่ชวนให้เรานั่งซักหน่อยเหรอ” “นั่งสิ เดี๋ยวเราเอาน้ำมาให้”นิวลุกขึ้นยืนพร้อมก้า
ตอนที่16 ซ่อนรักเมียลับๆ ยิวเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวสูงวัยพร้อมกับยกมือไหว้ แต่เขาไม่ได้ก้มกราบแต่อย่างใด ยิ่งสายตาของหญิงสาวสูงวัยมองอย่างไม่กระพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว ใจของยิวสั่นระรัวกลัวความร้ายจะเข้าตัวในไม่ช้า “เอ็งชื่ออะไรมาจากไหนบอกข้ามาซิ”หญิงสาวปาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้าไม่เว้นแม้แต่ส่วนเดียว “คือ เอ่อ อ่า คือ”ยิวไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไรดี “หรือว่าเอ็งเป็นหญิงสาวชาวป่าชาวเขา” “ไม่ใช่นะ คือ อ่า คือ หนูเป็น เอ่อ อ่า อู” “ภาษาอะไรของเอ็ง อู อ่า อ่า อู อยู่นั่นแหละ เมื่อไรข้าจะทราบว่าเอ็งชื่ออะไร” “หนูชื่อโสภี อ่า”ยิวคิดไม่ออกว่าจะบอกมาจากที่ไหนดี ตอนแรกกะจะบอกว่ามาจากเมืองโสรยา แต่ก็กลัวจะมองดูไม่ดีเพราะเป็นเมืองศัตรูของศิลานคร “เอ็งมาจากที่ไหนลูกเต้าเหล่าใคร” “หนูมาจากเมือง อะไรล่ะ” “เอ๊ะ ข้าถามเอ็งนะว่ามาจากไหน ยังมีหน้ามาย้อนข้าอีก” “อ่อ หนูมาจากเมือง เอ่อ”ยิวพยายามคิดถึงชื่อเมืองที่เขาดูในละครตอนเด็กๆ “เอ้าบอกมาเร็วๆข้าอยากรู้ว่
ฉากสำคัญของละครเวทีเรื่องนี้ได้เริ่มต้นขึ้น ก่อนเล่นจริงมีการซ้อมคร่าวๆอยู่หลายครั้ง ซึ่งเป็นเวลาที่สำคัญมากสำหรับกัสและเขื่อนรวมทั้งพีคด้วย “ให้เรารีบกลับมาห้องมีธุระอะไรเหรอหรือว่าจะเซอร์ไพร์สอะไรเรา”วินมาถึงเขาก็นั่งลงข้างๆนิวทันที “ก็นายอยากรู้จักแฟนเราไม่ใช่เหรอ”นิวอายนิดๆทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ตอบรับรักมีนเท่าไร เพราะตั้งแต่วันที่มีนไปหาถึงห้องแล้วได้มีอะไรกัน นิวจึงยอมรับรักและมอบใจให้มีนอย่างสุดหัวใจ “ใช่ มาหรือยังเราก็อยากจะรู้จักเหมือนกัน แล้วชื่ออะไรเราคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกับแฟนเราอย่างแน่นอน ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอแฟนเราด้วย เพราะเรากลับบ้านบ่อย แม้แต่นายเรายังไม่ค่อยได้เจอเท่าไรเลย เราก็เลยลืมๆไปบ้าง” “ไม่เป็นไรหรอกวันนี้นายก็จะเจอแล้วค่อยแนะนำทีเดียวจบเลยดีกว่า” “อือ” ทั้งสองนั่งอย่างระทึกด้วยความอยากรู้ว่าแฟนคนแรกของนิวเป็นใคร ส่วนวินก็อยากรู้ว่าแฟนของนิวเป็นเพื่อนกับแฟนของเขาหรือเปล่า “มาแล้ว”นิวเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู นิวจึงรีบไปเปิดประตูห้องแล้วพามีนเดิ
ตอนที่18 ความรักที่เกิดขึ้น nc25 นิวนั่งนิ่งๆสงบสติอารมณ์และควบคุมความรู้สึกที่ปวดร้าวภายในจิตใจ กัสพยายามแสดงออกมาจากภายใน รวมทั้งความรู้สึกส่วนตัวที่เขาแอบเห็นเขื่อนและพีค ที่ออกจากฉากไปแล้วกำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้าลุ้นให้ผ่านซีนนี้ไปให้ได้ ยิ่งกัสเห็นเขื่อนกับพีคใกล้ชิดกันเขาต้องเก็บความริษยาไว้ภายในใจอย่างสุดยั้ง “คัท เก่งมากน้องกัส”เจนนี่ผู้กำกับสาวปรบมือด้วยความยินดี หลังจากนั้นก็มีเสียงปรบมือคนอื่นตามมา กัสยังไม่สามารถที่จะออกจากความรู้สึกนี้ได้ เขายังนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม จนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะเจนนี่และเกรซต้องวิ่งเข้ามาหากัส “กัส กัส กัส”เจนนี่เขย่าตัวของกัสอย่างแรง “กัส”เกรซอีกคนที่มาเขย่าตัวของกัสด้วยความเป็นห่วงเช่นเดียวกัน ด้วยแรงและเสียงจึงทำให้กัสได้สติขึ้นมา หลังจากดำดิ่งอยู่พักใหญ่ เมื่อกัสได้สติเขาจึงมองไปรอบๆซึ่งมีแต่คนมองเขาเป็นตาเดียว “เป็นอะไรมากหรือเปล่า”เกรซเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกครับ”กัสพยายามสลัดความรู้สึกที่ไม่อยากได้รับรู้นั้นทิ้งไป “กัสไห
ตอนที่19 ค่ำคืนแสนสุข ยิวนั่งกินข้าวจนอย่างเอร็ดอร่อยถึงแม้รสชาติจะไม่ถูกคอ ด้วยความหิวโหยเขาจึงกินไม่มีเหลือแม้แต่อย่างเดียว จนสร้างความประหลาดใจแกแม่ทัพวิศรุฒอย่างมาก “เอ็งอดอยากมาจากไหน ถึงกินซะไม่มีเหลือแม้แต่ข้าวเม็ดเดียว”แม่ทัพวิศรุฒจ้องมองยิวด้วยตาไม่กระพริบแม้แต่ทีเดียว “ใช่ เราไม่ค่อยได้กินเลย กินวันละมื้อเอง แถมเป็นมื้อที่นิดหน่อยเท่านั้น” “ดูท่าจะจริง เพราะไม่มีน้ำมีนวลเหมือนอย่างแต่ก่อน” “จะมีได้ไง อยู่กลางป่ากลางเขากินอดกินอยากทุกวัน” “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็กินซะให้อิ่มแล้วค่อยไปอาบน้ำ หลังจากนั้นค่อยมาคุยกัน” เมื่อยิวได้กินข้าวจนอิ่ม เขาก็ลงไปอาบน้ำในอ่าง แล้วก็เข้ามาในห้องแม่ทัพวิศรุฒตามเดิม “เอ็งมาหาข้าได้อย่างไรกัน”แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าที่สงสัยยิ่งนัก “หลังจากเราโดนเสือเข้มจับตัวไป พอมีโอกาสเราก็หนีเสือเข้มมา แล้วก็หยิบถุงย่ามของเสือเข้มติดมาด้วยอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ” เช่นนั้น ข้าของถามอีกครั้ง เอ็งมาหาข้าที่นี่ได้อย่างไรกัน” “พอเราหนีเสือเข้
เมื่อยิวพาสองพ่อลูกขึ้นมายังบนเรือน ทั้งสามก็นั่งลงกับพื้นด้วยใจที่ระทึก ซึ่งในช่วงเวลานี้ต้องจัดการทุกอย่าง เขาจึงอึดสู้พูดเพื่อในสิ่งที่เขารับปากไว้แล้วว่าจะทำ ตามที่สองพ่อลูกต้องการในช่วงที่ผ่านมา “ลุง เอ่อ”ยิวอ้ำอึ่ง “ไม่ต้องเรียกลุงเรียกว่าพ่อกับแม่ได้แล้วโสภี เอ็งนี่กะไรไม่รู้ควมเลยรึ”อำมาตย์ใช้สายตาตักเตือนยิว “คือย่างนี้ค่ะพ่อ จอมเนี่ยไปน้องชายของหนู แบบว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน คือ น้องหนูอยากเป็นทหาร หนูก็เลยอยากฝากเนื้อฝากตัวให้น้องด้วย” “ว่าไงวิศรุฒ”อำมาตย์วิษณุหันมามองบุตรชายของเขา “หน่วยก้านใช้ได้ เหมาะสำหรับเป็นทหาร ว่าแต่เอ็งมีฝีมือการต่อสู้อะไรบ้าง” “ข้า ต่อยมวยได้ ฟันดาบ ยิงธนู ขี่ม้า”จอมเอ่ยขึ้น “ลูกของข้าทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามารับใช้บ้านเมืองขอรับ”หัวหน้านำขบวนเอ่ยขึ้น “ดี ดีมาก”อำมาตย์วิษณุพูดเสียงหนักแน่น “ถ้าอย่างนั้นวันนี้เอ็งพร้อมไหม ข้าจะพาเอ็งเข้าไปในวังด้วย” “พร้อมขอรับ”จอมรับปากทันที “ดี มันต้องให้ได้อย่า
การซ้อมละครได้หยุดพักหนึ่งอาทิตย์ เพื่อที่จะให้เขื่อนและกัสได้หยุดสงบอารมณ์ไม่ให้เข้าถึงอารมณ์ไปมากกว่านี้ และอีกอย่างหนึ่งใกล้เวลาสอบแล้วด้วย ทางชมรมจึงถือโอกาสให้ทั้งสองได้มีเวลาในการเตรียมตัว ในส่วนของกัสก็หยุดการเขียนนิยายไปชั่วขณะ เพื่อที่จะได้มานั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม ซึ่งแตกต่างจากเขื่อนยังคงไปทำงานตามเดิมไม่เปลื่ยนแปลง เพราะทางบ้านค่อนข้างขัดสนกว่ากัส เขาจึงจำเป็นต้องหารายได้พิเศษมาใช้ในการเรียน ยิ่งเมื่อสอบเสร็จภาระจะมาอีกมากมายโดยเฉพาะค่าเทอม กัสกำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ในห้องอย่างเคร่งเครียด และเขื่อนก็เดินเข้ามาพอดี ซึ่งก็เป็นเวลาที่ดึกพอสมควร “ทำไมยังไม่นอนอีกเหรอกัส นี่ก็ดึกมากแล้วนะ” “นายก็เหมือนกันเขื่อน น่าจะเอาเวลามาอ่านหนังสือบ้าง มัวแต่ทำงานอยู่นั่นแหละ” “ไมได้หรอก ถ้าเราหยุดก็คงต้องหางานใหม่อีกนั่นแหละ ทนๆเอา เราจะอ่านตอนว่างๆหลังจากทำงาน” “มันจะมีสมาธิอะไรล่ะ” “เอาน่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เราเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ว่าแต่นายเถอะออกจากบทละครหรือยัง”เขื่อนถามด้วยความเป็นห
กัสอยากสัมผัสเรือนร่างของพีค แต่เขาก็หักห้ามใจตัวเองไว้ได้ เพราะรู้สึกไม่ดีถ้าลวนลามพีคในช่วงเวลาที่เขาหลับอยู่ กัสจึงตัดสินใจให้พีคนอนอย่างสงบ ส่วนตัวเขาก็เดินมายังโต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อเขียนนิยายอันเป็นที่รักต่อ ตะวันสาดส่องประตูเมืองอันกว้างใหญ่ ซึ่งมีหลายครอบครัวยืนเรียงรายกันส่งเหล่าบรรดาทหารกล้า หนึ่งในนั้นก็มีอำมาตย์วิษณุและแม่แม้น รวมทั้งอำมาตย์ไชยาและสุนันทาผู้เป็นภรรยา ซึ่งได้พาสุจิตราลูกสาวสุดที่รักมาด้วย และที่ขาดไม่ได้คือยิวซึ่งเป็นเมียท่านแม่ทัพ ยิวรู้สึกใจหายเป็นอย่างมาก ที่เขาต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ก่อนที่เขาจะมาท่านแม่ทัพวิศรุฒุบอกให้เขาได้รอ ในห้องนอนของท่านแม่ทัพวิศรุฒ ซึ่งกำลังจะออกจากห้องเขาได้สั่งลาก่อน เพื่อไม่อยากให้ใครได้รับรู้เมื่อออกไปจากห้องนี้แล้ว “โสพล เมื่อเช้าข้าตื่นรู้สึกใจคอไม่ดี กลัวกลับมาจะไม่เจอเอ็ง” “เราก็เหมือนกันนั่นแหละ”ยิวก็รู้สึกเช่นนั้นไม่ต่างกันสักเท่าไร “เมื่อคืนข้าใคร่คราญแล้ว ความรู้สึกของข้าที่มีต่อเองนั้นมันมีความ
เป็กผู้ช่ำชองในยามราตรี เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ศุกร์เสาร์ทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวตัวยงที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ นอกจากพ่อรวยรูปหล่อสายเปย์อีกต่างหาก จึงมีหลายคนเข้ามาพัวพันไม่ขาดสาย เมื่อเป็กพายิวมาเที่ยว จึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองด้วยความอิจฉา แต่ยิวหาสนใจไม่ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นชินในโลกปัจจุบันเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น“เป็นไงบ้างมาเปิดหูเปิดตา” เป็กยื่นแก้วเพื่อชน“ก็โอเคนะ เป็นครั้งแรกที่เราได้มา รู้สึกว่าน่าสนใจกว่าเมืองโบราณอีก” ยิวเผลอคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ออกมา“เมืองโบราณอะไร” เป็กมีสีหน้าที่มึนงง“อ่อ เปล่า สนุกดีเราไปเต้นกันไหม”“อะไรนะ เราไม่อยากเชื่อเลยนายจะชวนเราไปเต้น นายเปลื่ยนไปหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายว่ะ” เป็กหัวเราะ“ไม่ได้เปลื่ยนนี่แหละตัวจริง ที่เห็นก่อนหน้านี้ตัวปลอม แอ๊บไว้ไงแต่ไม่เห็นมีใครชอบเลย เป็นตัวของตัวเองดีกว่า” ยิวเสแสร้งแกล้งพูดเพราะในความจริงเป็นร่างของคนอื่น เพียงแต่เขาแค่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้เท่านั้น“ร้ายนะ แกล้งเงียบถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้เราจีบตั้งนานแล้ว”“อะไรนะ” ยิวรู้สึกมึนงงและสับสนกับคำพูดของเป็ก“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ เ
กัสนั่งนิ่งๆ ก่อนที่จะไปท้องพระโรง เขาคิดย้อนเหตุการณ์เมื่อเสือเข้มพามาถึงยังหมู่บ้านกองโจร ซึ่งคนละที่กับซุ้มเสือเข้ม เพียงแค่เข้าไปถึงแม้จะไม่ประหลาดใจ แต่ก็ต้องอึ้งกับผู้คนในที่แห่งนี้ ที่มีหลากหลายอายุคละกันไป และมีการฝีกปรือฝีดาบอย่างขะมักเขม้น แต่เขาก็พยายามมองผ่านและเดินตามเสือเข้าไปข้างใน“แม่นมข้ากลับมาแล้ว” เสือเข้มวิ่งเข้าไปกราบแท่บเท้าของ มัณฑนานางกำนัลเก่าแห่งเมืองเมฆาบุรี“หายไปนายมากเลยนะ แม่อดคิดถึงเอ็งไม่ได้เลย เอ้า แล้วพาใครมาด้วยล่ะนะ” มัณฑนามองมายังกัสที่ยืนนิ่ง แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของมัณฑนาเขาก็ต้องนั่งลงแต่โดยดี“เพื่อนข้าเอง” เสือเข้มอมยิ้ม“เพื่อนเอ็งเป็นใครกัน ทำไมผิวพรรณยังกับคนในรั้วในวัง รูปร่างก็บอบบางยังกับอิสตรี เอ็งไปรู้จักกับเขาได้อย่างไรกัน”“ข้าเจอโดยบังเอิญชื่อโสภณ เป็นโอรสลับๆ ของสนมแห่งเมืองโสรยานคร”กัสรู้สึกประดักประเด่อพอสมควร เพราะเขากับเสือเข้มได้ตกลงตอนเดินทางมาที่แห่งนี้ ความคิดเช่นเดิมได้เกิดครั้งแรกที่เขาได้เจอแม่ทัพวิศรุฒ แต่ได้ปดมดเท็จว่าเป็นองค์ชายโสภณ กัสจึงทำตามเช่นเคยซึ่งเสือเข้มก็เห็นพ้องไม่ทัดทาน“อ่อ องค์ชายตกยาก คงจะเป็นคนองค์ชา
ยิวหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดดูแต่เป็นที่น่าเสียดาย มันสามารถที่จะติดได้เนื่องจากวันนั้นล้มกระแทกจนเสียหาย ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะเขาต้องทำงานส่งอาจารย์ และอีกอย่างหนึ่งด้วยความอยากรู้ว่ากัสได้บันทึกหรือทำอะไรไว้ในนี้บ้างยิวจึงพับโน๊ดบุ๊คไว้ตามเดิม และกะว่าช่วงเย็นจะเอาไปซ่อม แต่ติดปัญหาคือเขาไม่มีเงินพอที่จะนำไปซ่อม เขาจึงหยิบโทรศัท์มือถือของกัสมาเปิดดู ซึ่งได้ล็อครหัสไว้จึงทำให้ไม่สามารถเปิดได้ มีเพียงรับสายอย่างเดียวแค่นั้น ยิวจึงลองนำวันเดือนปีเกิดของกัสมาใส่ ซึ่งก็ได้ผลทันทีมือถือเครื่องนี้ปลดรหัสได้ แต่นั่นไม่เท่ากับภาพหน้าปกเป็นรูปของพีค ยิวจึงเกิดความอยากรู้ต่อไปเขาจึงเปิดดูในแกเลอรี่ ซึ่งในนั้นมีแต่ภาพพีคเต็มไปหมดดวงตาอันกลมโตของยิวได้หลับลง พร้อมจินตนาการเรื่องราวของกัสว่าเป็นอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้ ซึ่งในหัวของเขาก็เห็นแต่หน้าพีคอยู่เพียงผู้เดียว พอเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบดูทันทีซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นพีคนั่นเอง“อยู่ห้องไหมน้องกัส”“อยู่พี่พีคมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่โทรถามเฉยๆ ถ้าอยู่พี่จะไปหา”“พี่มีธุระอะไรเหรอ”“จะไปหาต้องมีธุระด้วยใช่ไหม”“เป
นางกำนัลสาลินีได้นำพาพระโอรสของราชาเมษากับราชินีสีวิกา เดินลัดเลาะหลบมุมตลอดทาง จนมาถึงข้างๆ ตำหนักของชายามาริสา เธอรออยู่พักหนึ่งมันฑนานางกำนัลร่วมรุ่นมาพร้อมพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสา“ข้ารอตั้งนานนึกว่าเอ็งไม่มาแล้ว ยังดีที่พระโอรสไม่ร้องเลย” นางกำนัลสาลินีเอ่ยขึ้นด้วยใจระทึกมองซ้ายมองขวา แล้วมององค์ชายแสนอาภัพที่เธออุ้มมา“เอาน่าอย่าพูดมากเลยเอาเด็กมาสลับกัน” นางกำนัลนำพระโอรสที่ซ่อนมาในตะกร้าผ้าออกมานางกำนัลสาลินีและนางกำนัลมัฑนาต่างสลับพระโอรสกันตรงนั้น แต่สายตาทั้งสองก็ไมวายมองรอบๆ บริเวณ ด้วยความกลัวใครจะมาพบเห็น“เอ่อ เอ็งออกมาได้อย่างไงไม่มีทหารเหรอ” นางกำนันสาลินีถาม“มี แต่ทหารที่เฝ้ารู้จักกันก็เลยพอเอาออกมาได้”“เอ้านี่ คือแหวนที่มเหสีสีวิกามอบไว้ให้องค์ชาย”“อือ”มัณฑรับแหวนไว้แล้วรีบพาองค์ชายเข้าไปในพระตำหนักอย่างทันท่วงที ส่วนสาลินีไม่รอช้ารีบน้ำองค์ชายที่สลับเปลื่ยนไปยังตำหนักราชินีสีวิกาเช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหลบเหล่าทหารที่กำลังออกตระเวนเมื่อสาลินีมาถึงยังตำหนักของราชินีสาลินี เธอรีบน้ำพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสาวางไว้ข
หนึ่งหนุ่มกับสาวอีกคนนั่งมองหน้ากันในห้องชมรมละคร หลังจากนักศึกษาในชมรมนี้ออกไปไปหมดแล้ว เจนนี่ผู้กำกับสาวนั่งนิ่งมองหน้ายิวอยู่พักหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่มองอยู่นั้น ได้เห็นแววตาอันเปลื่ยนแปลงไป เพราะมีความสู้คนและเปิดเผยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด“วันนี้น้องกัสเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมการแสดงของน้องแปลกไป และไม่เข้ากับบมที่ได้รับ”“เปล่าครับ ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง”“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องนะ แต่พี่อยากบอกว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับการแสดงให้มาก คือเมื่อก่อนกัสอินกับละครจนไม่สามารถที่จะออกจากบทนั้นได้ แต่ทำไมตอนนี้กัสไม่อินเหมือนเดิมกลับกันเป็นคนละคนเลย”ยิวอยากจะเถียงแต่เขาก็ต้องเก็บกลั้นอามรมณ์นั้นไว้ เพราะในตอนนี้เขาได้เขามาอยู่ในร่างของกัน ซึ่งจากการคาดคะเนของยิวนั้น กัสน่าจะมีนิสัยที่แตกต่างจากเขาอย่างมาก“ครับ” ยิวรับคำแต่โดยดีและไม่พูดสิ่งใดออกมา“ดีแล้ว พี่จะให้กัสพักสองวันนะเพื่อลองทบทวนอะไรบางอย่าง กลับได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำจะอันตราย”“ขอบคุณพี่มากครับ” ยิวยกมือไหว้พร้อมกับศีรษะให้เจนนี่ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และไม่หันหรือหยุถเดินแต่อย
กัสเดินเข้ามาในตำหนักว่างเปล่าที่มีผู้คนคอยรับใช้อย่างมากมาย ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต่อไปนี้ไม่น่าจะลำบากกาย แต่อันตรายนั้นน่าจะอยู่รอบตัวเขาอย่างแน่นอน กัสจึงหวั่นผวากลัวอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอนกจากทนและจำยอมมาในที่แห่งนี้ พร้อมกับเสือเข้มผู้องอาจ และท่านอำมาตย์มงคลผู้มีแผนการอันแยบยล“เอ็งจำไว้นะว่าชื่อเมธี เป็นรัชทายาทแห่งเมืองเมฆาบุรี เป็นพระราชโอรสของอดีตราชาเมษากับราชินีสีวิกา” อำมาตย์มงคลพูดจบก็หันไปมองกัสที่นั่งนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ“ส่วนองค์ชายตัวจริง กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ต้องเรียกว่าองครักษ์เข้ม”“ไม่เป็นไรหรอกข้าแค่อยากมาแก้แค้นให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น”“ดีมากพระองค์ แต่พระองค์ต้องลำบากลำบนเป็นโจรก็เพราะราชาเมฆาที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไปนี่พระเจ้าค่ะ”“ท่านอำมาตย์ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นองครักษ์เข้ม ท่านอย่าพูดกับข้าเป็นองค์ชายอย่างนั้น องค์ชายตัวจริงอยู่โน่น” เสือเข้มโบ้ยปากไปทางกัสที่กำลังนั่งนิ่งๆ“เอ่อ ขอโทษข้าลืมไป ถ้าอย่างขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอาไปว่าคืนนี้คุยกันดีๆ และเตรียมตัวอย่างที่เราตกลงกันไว้” เมื่ออำมาตย์มงคลพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันทีกัสครุ่นคิด
ยิวนั่งมองเขื่อนขนของย้ายห้องออกไปอย่างไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยแต่อย่างใด ยิวจึงมีแต่ความเย็นชาใส่เขื่อน เมื่อเขื่อนขนของเสร็จเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำลาสักคำ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ไม่พูดอะไรออกมาให้เขื่อนได้อย่างยินเช่นกัน พออยู่คนเดียวภาวะจิตใจของยิวนั้นเริ่มว้าวุ่นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้ง เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรียนอยู่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พอกับจากมหาวิทยาลัยเขาก็นอนอ่านนิยายแล้วหลับไปตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์นิยายเรื่องนักรักบันลือโลกไปแล้ว นักเขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดตัวเขาให้มากพอ ยิวจึงมีความทรงจำในยุคปัจจุบันอยู่แค่นี้ แต่เรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันยิวกับรู้ทำได้ทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ยิวเริ่มค้นห้องและตรวจสอบทุกอย่างในความเป็นตัวกัส เขาจึงรู้ว่ากัสเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ซึ่งคนละคณะกับเขาเลย เพราะยิวเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิวยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรกับชีวิตที่อยู่ในร่างกัส แต่เขาคิดว่ายังดีกว่าไปอยู่นิยายเมืองโบราณที่ไม่มีความทันสมัย ซึ่งเขาได้พบความอยากลำบากมาแล้ว ยิวจึง
ตอนที่24 ตัวเราลิขิตเอง น้ำกระเด็นทั่วเรือนร่างและโดนหนักตรงบริเวณใบหน้า จึงทำให้กัสได้สติเขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย และภาพตรงหน้าที่เขาได้พบเห็น เป็นชายหนุ่มสูงใหญ่มีหนาวดเคราหนาจนกัสรู้สึกหวั่นกลัวอย่างหนัก เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณ ซึ่งมีแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่และหญ้าสูงเคียงเอว “มึงเป็นบ้าอะไรใส่ชุดใหญ่ผู้หญิงไอ้ยิว”เสือเข้มผู้ช่วยชีวิตกัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขมึงตึง “เราไม่ได้ชื่อยิวเราชื่อกัส”เมื่อกัสได้ยินชื่อยิวเขาก็ใคร่สงสัยและครุ่นคิดอย่างหนัก ยิ่งเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้ด้วย ทำให้กัสถึงกับพอจะรู้อะไรบ้างแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร “มึงพูดดีๆว่ามึงชื่ออะไร” กัสมองไปรอบๆอีกครั้งและหยิกตัวเองซึ่งเขาก็รู้สึกเจ็บพอสมควร ในช่วงเวลานี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เท่าที่เขาจำได้ก่อนหน้านี้กำลังทะเลาะอยู่กับเขื่อน และก็โดนผลักจนล้มลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากนั้นกัสไม่สามารถที่จะจำอะไรได้อีกเลย “ที่นี่ที่ไหน”กัสพูดด้วยความมึนงง “ศิลานคร” “แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เมื่อเขียนนิยายได้หนึ่งตอนกัสจึงรู้สึกง่วงอย่างมาก จึงหยุดเขียนและนั่งอ่านซ้ำจนเกือบจะจบตอน จูจู่เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กัสพีคมานอนนี่ได้อย่างไง” กัสได้ยินเสียงห้วนและดังมาก เขาจึงหันหน้ามองด้วยความตกใจ กัสทำอะไรไม่ถูกถึงแม้สิ่งที่เขาทำก้ำกึ่งไม่ตั้งใจก็ตาม “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเขื่อน” “ไม่ใช่แล้วพี่พีคมานอนอยู่ที่ห้องได้ไง” “ก็พี่พีคเขาเมาตามหานายไม่เจอ เขาก็มานอนรอนายอยู่นี่ไม่เห็นเหรอนะ” “ทำไมต้องถอดเสื้อผ้านอนด้วย”เขื่อนจ้องหน้ากัสเขม็ง “เหล้ามันหกเปื้อนเสื้อผ้าเขา โน้น เสื้อกางเกงของพีคเราซักตากไว้ให้”กัสชี้ไปยังที่ตากเสื้อกางเกงของพีค “เราไม่เชื่อหรอกนายสองคนต้องมีอะไรกัน” “ไม่เชื่อก็ถามพี่พีคสิ” “พี่พีค”เขื่อนตะโกนอย่างดัง พีคตกใจตื่นด้วยเสียงอันดังของเขื่อน เมื่อเขาลืมตาขึ้นและหันมามองตามเสียง ภาพที่ได้เห็นคือเขื่อนยืนนิ่งๆมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พีครู้สึกแปลกใจเขาจึงลุกขึ้นแล้วลงมาจากเตียง “มีอะไรเหรอเรียกพ