Share

11 ลีลานักแสดงเก่า

11 ลีลานักแสดงเก่า

ซ่า ........

เพียงวันแรกที่ต้องเริ่มแผนการฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ ตกพรำยังไม่ทันย่ำรุ่ง เสียงหยดน้ำกระทบใบไม้ต้นสูงใหญ่ริมสระ ทั้งเสียงสรรพสัตว์ตัวน้อยกำลังร่าเริงสำราญใจรับฝนทำให้ทุกสิ่งราวต้องมนต์ ห้วงเวลาหยุดชะงัก รวมไปถึงนาง

ยี่หวานอนคว่ำหน้ากับพื้นระเบียงหน้าเรือน ในมือเป็นใบไผ่แกว่งไกวไปมาครุ่นคิด ดวงตาเพ่งมองตรงไปทางเรือนหลงซึ่งมองเห็นได้จากระยะไกล ทหารเดินยามยังคงยืนนิ่งกลางสายฝน น่าเกรงขามยิ่ง - - ทนทรมานไปเพื่ออันใด ถ้าเป็นข้ากลับบ้านไปกกเมียจะดีกว่า

จดจ้องไม่นานพลันเห็นประตูจวนเปิดออกพร้อมขบวนกลุ่มชายราวห้าหกคน รูปร่างใหญ่โตสวมใส่ชุดสำหรับฝึกซ้อมเดินไปยังด้านซ้ายของเรือนหลงแล้วลับหายไปด้านหลัง

ยี่หวาผุดลุกนั่งขัดสมาธิทันควัน เหมือนว่านางเห็นบุรุษผู้นั้นเดินหน้าสุด บุรุษที่มีวาจาเชือดเฉือนสตรีอ่อนแอเช่นนาง บุรุษไร้มารยาท บุรุษที่ทำให้แผนของนางพังพินาศ คิ้วเรียวดั่งเอ๋อเหมยขมวดยุ่งจนเกือบชนกัน มือคว้าพัดพับคู่ใจลุกยืน ไม่ทันได้หยิบร่มก้าวพรวดออกจากเรือนตรงไปยังมุมลับที่บุรุษผู้นั้นเดินหายไป - - เอาล่ะอย่างน้อยการมาอยู่ที่นี่ ข้อดีคือการได้คิดบัญชีแค้น

เคลื่อนร่างอรชรอ้อนแอ้นในชุดสีเหลืองชายกระโปรงจีบรอบตัวเสื้อหรูชุนสีอ่อนกว่าผูกป้านปี้โบเล็กสีเข้าชุดยาวถึงชายกระโปรง คลุมทับด้วยผ้าโปร่งบางมองเห็นสีเนื้อขาวราวหยกเนียนนวล มือแตะความเรียบร้อยของมวยผมต่ำครึ่งศีรษะ ดวงหน้าเกลี้ยงเกลามิได้แต่งลงแป้งสาดสีแต่อย่างใด

นางหลุบผลุบตัวไปตามต้นไม้น้อยใหญ่ ประเดี๋ยวยืนหลังต้นใหญ่ชะโงกหน้ามองทีเผลอของทหารยามแล้วเคลื่อนร่างไปอีกต้นอย่างคล่องแคล่ว กระทั่งคิดว่าใกล้เรือนหลงพอสมควร จึงค่อยแสดงกายค่อนข้างเอิกเกริกสักเล็กน้อย

“ว๊าย .... ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย อือ.... ข้ากลัว.....”

ด้วยชาติก่อนเป็นสแตนอินถนัดเตะต่อย แต่มีบางคราวต้องแสดงบทบาทแทนบ้าง จึงเบ้ดวงหน้าดูน่าสงสารยิ่งนัก มือแสร้งปัดป่ายเสื้อคลุมโปร่งเปียกน้ำจนร่นเกือบหลุดจากไหล่มน วิ่งตรงไปทางทหารยามที่ตอนนี้สีหน้าตื่นตกใจเช่นกันเมื่อเห็นสาวงามในชุดเปียกปอนกลางสายฝน ร้อนรนขอความช่วยเหลือ - - ช่างน่าสงสาร

มือเรียวเล็กดั่งลำเทียนคว้าหมับเข้าแขนกำยำของชายฉกรรจ์ แหงนเงยดวงหน้าบิดริมฝีปากสั่นระริก ทั้งหนาว ทั้งกลัว

“ช่วยข้าด้วย...”

“เจ้า เจ้า เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงทหารเดินยามกระท่อนกระแท่น ยิ่งเห็นใกล้ ๆ ใจชายทหารกล้าพลันสั่นไหว ก้มลงมองสาวงามสั่นเทาจากไอหนาว ทั้งสีหน้าหวาดกลัว

“งู ข้า ที่จวนตระกูลหลี่นี้มีงูตัวใหญ่นัก ข้าวิ่งหนีมาแทบตาย กลัวมาก อือ... ถ้า ถ้าท่านแม่ทัพล่วงรู้ว่ามีงูแล้วล่ะก็ ต้องแย่แน่ ๆ”

ทหารเดินยามใกล้กันหันมองเป็นตาเดียวยามคำว่า ‘ท่านแม่ทัพล่วงรู้’ ออกจากปากแม่นางน้อย ต่างมองตากันแล้วพลันพากันวิ่งกรูไปยังทิศทางที่แม่นางน้อยโผล่ออกมา - - ง่ายดายเกินไปแล้ว

“ท่าน ท่าน ทหาร ตรงนั้น มุมโค้งท้ายสวน ไกลมาก ๆ ไกลอีก”

ยี่หวาป้องปากตะโกนตามหลังก่อนทิ้งแขนลงเมื่อเห็นว่าทหารยามทั้งหมดลับสายตาไปตามโค้งของสวนป่าด้านหลัง ยกยิ้มแล้วขยับมวยผม ดึงเสื้อคลุมกลับเข้าที่หมุนกายไปยังซอกเล็กด้านข้าง

สายฝนหน้านี้นำมาซึ่งความหนาวเย็นจนนางต้องยกแขนกอดตัวเองไว้ขณะพาร่างอรชรเดินเลียบเรือนหลงกระทั่งเริ่มได้ยินเสียงของชายจำนวนมาก

ฮึด! เฮ้ย! ฮา! ย๊าก!

เสียงที่เดาได้ไม่ยากเพราะนางเองเมื่อชาติก่อนเคยได้ร้องมาก่อนยามฝึกฝนต่อยมวย แต่สิ่งที่ทำให้นางกอดตัวเองแน่นกว่าเก่าคงเป็นจำนวนแถวของทหารตรงหน้า ยืนกางขาย่อเข่าเล็กน้อย เปลือยท่อนบน ถือทวนตวัดแทงหน้า หมุนขึ้น แทงข้าง หมุนขึ้น แทงซ้าย แล้วตวัดหมุนสูงเหนือศีรษะฟาดลงแล้วแทงขนานพื้น

ดวงตารีดั่งหงส์กระพริบไล่หยาดน้ำบนแผงตา มองอย่างตะลึงลานแล้วพลันสังเกตบุรุษผู้หนึ่งยืนกางขาหันหลัง ร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งจดจ้องไพล่พลทหารตรงหน้าไร้เสียงพูดแต่เหมือนทุกคนย่ำเกรง บุรุษผู้นั้น บุรุษที่แย่งเงินของนางไป ริมฝีปากเริ่มเม้มแน่น

ด้านข้างคือท่านแม่ทัพหลี่เหว่ย รูปร่างคล้ายคลึงกันเพียงแต่ไม่สูงเท่า ยืนนิ่งเช่นกันในท่าเตรียมพร้อม

ยี่หวาขยับเท้าทีละน้อยเลียบผนังเรือนไปใกล้ขึ้น ไม่ทันได้สามก้าวพลันสะดุ้งเฮือก สัญชาตญาณเก่าแก่สมัยสแตนอินทำให้ยกพัดขึ้นสะบัดกางออก

ปัก!!!

ดวงตาเบิกโพลง ทวนยาวสามเมตรเฉียดพวงแก้มจนบาดเป็นรอยขีด ปักลงด้านข้างผนังจวน ปลายทวนสั่นสะเทือนขึ้นลง นางสะบัดดวงหน้ากลับไปทางต้นเหตุ ร่างสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวเพ่งสายตากลับมามองคมกล้าก่อนคลี่ยิ้ม

“นึกว่าใครที่แอบมาสืบความลับ ที่แท้ก็แม่นางน้อยคณิกาจากหอเยว่โหลว” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะพลางเดินเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นจับทวนกำลังดึงออก

“เดี๋ยวก่อน!” ยี่หวาปัดมือใหญ่ออกแล้วชี้ไปยังพัดของตนที่โดนทำร้ายปักคาอยู่ปลายเหล็กแหลม “พัดของข้า เจ้าต้องชดใช้” ส่งสายตาขุ่นเขียวให้บุรุษตรงหน้า

หลี่เหว่ยยังเท้าสะเอวก้มลงมองดวงหน้าหวาน แม่นางน้อยไม่มีทีท่าหวาดกลัว ซ้ำยังห่วงแต่พัด

“เจ้าควรห่วงตัวเองมากกว่าพัด แก้มเจ้าโดนขูดจนเป็นแผล ไม่กลัวว่าจะทิ้งรอยแผลเป็นหรืออย่างไร”

“ฮึ แค่รอยขีดประเดี๋ยวก็จางหาย แต่นี่...” ยี่หวาหันมองพัดตัวเองแค้นจัด ชี้นิ้วลงไปให้บุรุษป่าเถื่อนไร้อารยธรรมเห็นชัด ๆ “พัดข้าเขียนขึ้นด้วยฝีมือของนักกวีนิพนธ์ชื่อดัง ท่านจะชดใช้ให้ข้าเช่นไร”

เขาตวัดตามองพัดงี่เง่าสีขาวบริสุทธิ์ แล้วดึงทวนออกมาอีกมือรับพัดพับได้ทันก่อนมันร่วงลงพื้น สะบัดคลี่ออก

“ภูผากว้างใหญ่สะท้อนเสียงร้องวานร

วิหคฟ้อนเหนือสายธารเชี่ยว

สารทมาเยือนใบไม้ห่อเหี่ยว

ฉางเจียงเทียวน้ำโหมกระหน่ำ

เตร็ดเตร่แดนไกลช่างน่าเศร้า

โรครุมเร้าโถมมาคล้ายตอกย้ำ

ผมขาวโพลนท่วมหัวเพิ่งใจช้ำ

เลิกดื่มด่ำรสสุราก็สายแล้ว[1]”

น้ำเสียงทุ้มกังวานแต่แค่นถ้อยคำกวีนิพนธ์พลางอมยิ้มตลอดเวลาก่อนตวัดสายตากลับไปยังหญิงคณิกา

[1] ตู้ ฝู่ ค.ส.712-770

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status