11 ลีลานักแสดงเก่า
ซ่า ........
เพียงวันแรกที่ต้องเริ่มแผนการฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ ตกพรำยังไม่ทันย่ำรุ่ง เสียงหยดน้ำกระทบใบไม้ต้นสูงใหญ่ริมสระ ทั้งเสียงสรรพสัตว์ตัวน้อยกำลังร่าเริงสำราญใจรับฝนทำให้ทุกสิ่งราวต้องมนต์ ห้วงเวลาหยุดชะงัก รวมไปถึงนาง
ยี่หวานอนคว่ำหน้ากับพื้นระเบียงหน้าเรือน ในมือเป็นใบไผ่แกว่งไกวไปมาครุ่นคิด ดวงตาเพ่งมองตรงไปทางเรือนหลงซึ่งมองเห็นได้จากระยะไกล ทหารเดินยามยังคงยืนนิ่งกลางสายฝน น่าเกรงขามยิ่ง - - ทนทรมานไปเพื่ออันใด ถ้าเป็นข้ากลับบ้านไปกกเมียจะดีกว่า
จดจ้องไม่นานพลันเห็นประตูจวนเปิดออกพร้อมขบวนกลุ่มชายราวห้าหกคน รูปร่างใหญ่โตสวมใส่ชุดสำหรับฝึกซ้อมเดินไปยังด้านซ้ายของเรือนหลงแล้วลับหายไปด้านหลัง
ยี่หวาผุดลุกนั่งขัดสมาธิทันควัน เหมือนว่านางเห็นบุรุษผู้นั้นเดินหน้าสุด บุรุษที่มีวาจาเชือดเฉือนสตรีอ่อนแอเช่นนาง บุรุษไร้มารยาท บุรุษที่ทำให้แผนของนางพังพินาศ คิ้วเรียวดั่งเอ๋อเหมยขมวดยุ่งจนเกือบชนกัน มือคว้าพัดพับคู่ใจลุกยืน ไม่ทันได้หยิบร่มก้าวพรวดออกจากเรือนตรงไปยังมุมลับที่บุรุษผู้นั้นเดินหายไป - - เอาล่ะอย่างน้อยการมาอยู่ที่นี่ ข้อดีคือการได้คิดบัญชีแค้น
เคลื่อนร่างอรชรอ้อนแอ้นในชุดสีเหลืองชายกระโปรงจีบรอบตัวเสื้อหรูชุนสีอ่อนกว่าผูกป้านปี้โบเล็กสีเข้าชุดยาวถึงชายกระโปรง คลุมทับด้วยผ้าโปร่งบางมองเห็นสีเนื้อขาวราวหยกเนียนนวล มือแตะความเรียบร้อยของมวยผมต่ำครึ่งศีรษะ ดวงหน้าเกลี้ยงเกลามิได้แต่งลงแป้งสาดสีแต่อย่างใด
นางหลุบผลุบตัวไปตามต้นไม้น้อยใหญ่ ประเดี๋ยวยืนหลังต้นใหญ่ชะโงกหน้ามองทีเผลอของทหารยามแล้วเคลื่อนร่างไปอีกต้นอย่างคล่องแคล่ว กระทั่งคิดว่าใกล้เรือนหลงพอสมควร จึงค่อยแสดงกายค่อนข้างเอิกเกริกสักเล็กน้อย
“ว๊าย .... ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย อือ.... ข้ากลัว.....”
ด้วยชาติก่อนเป็นสแตนอินถนัดเตะต่อย แต่มีบางคราวต้องแสดงบทบาทแทนบ้าง จึงเบ้ดวงหน้าดูน่าสงสารยิ่งนัก มือแสร้งปัดป่ายเสื้อคลุมโปร่งเปียกน้ำจนร่นเกือบหลุดจากไหล่มน วิ่งตรงไปทางทหารยามที่ตอนนี้สีหน้าตื่นตกใจเช่นกันเมื่อเห็นสาวงามในชุดเปียกปอนกลางสายฝน ร้อนรนขอความช่วยเหลือ - - ช่างน่าสงสาร
มือเรียวเล็กดั่งลำเทียนคว้าหมับเข้าแขนกำยำของชายฉกรรจ์ แหงนเงยดวงหน้าบิดริมฝีปากสั่นระริก ทั้งหนาว ทั้งกลัว
“ช่วยข้าด้วย...”
“เจ้า เจ้า เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงทหารเดินยามกระท่อนกระแท่น ยิ่งเห็นใกล้ ๆ ใจชายทหารกล้าพลันสั่นไหว ก้มลงมองสาวงามสั่นเทาจากไอหนาว ทั้งสีหน้าหวาดกลัว
“งู ข้า ที่จวนตระกูลหลี่นี้มีงูตัวใหญ่นัก ข้าวิ่งหนีมาแทบตาย กลัวมาก อือ... ถ้า ถ้าท่านแม่ทัพล่วงรู้ว่ามีงูแล้วล่ะก็ ต้องแย่แน่ ๆ”
ทหารเดินยามใกล้กันหันมองเป็นตาเดียวยามคำว่า ‘ท่านแม่ทัพล่วงรู้’ ออกจากปากแม่นางน้อย ต่างมองตากันแล้วพลันพากันวิ่งกรูไปยังทิศทางที่แม่นางน้อยโผล่ออกมา - - ง่ายดายเกินไปแล้ว
“ท่าน ท่าน ทหาร ตรงนั้น มุมโค้งท้ายสวน ไกลมาก ๆ ไกลอีก”
ยี่หวาป้องปากตะโกนตามหลังก่อนทิ้งแขนลงเมื่อเห็นว่าทหารยามทั้งหมดลับสายตาไปตามโค้งของสวนป่าด้านหลัง ยกยิ้มแล้วขยับมวยผม ดึงเสื้อคลุมกลับเข้าที่หมุนกายไปยังซอกเล็กด้านข้าง
สายฝนหน้านี้นำมาซึ่งความหนาวเย็นจนนางต้องยกแขนกอดตัวเองไว้ขณะพาร่างอรชรเดินเลียบเรือนหลงกระทั่งเริ่มได้ยินเสียงของชายจำนวนมาก
ฮึด! เฮ้ย! ฮา! ย๊าก!
เสียงที่เดาได้ไม่ยากเพราะนางเองเมื่อชาติก่อนเคยได้ร้องมาก่อนยามฝึกฝนต่อยมวย แต่สิ่งที่ทำให้นางกอดตัวเองแน่นกว่าเก่าคงเป็นจำนวนแถวของทหารตรงหน้า ยืนกางขาย่อเข่าเล็กน้อย เปลือยท่อนบน ถือทวนตวัดแทงหน้า หมุนขึ้น แทงข้าง หมุนขึ้น แทงซ้าย แล้วตวัดหมุนสูงเหนือศีรษะฟาดลงแล้วแทงขนานพื้น
ดวงตารีดั่งหงส์กระพริบไล่หยาดน้ำบนแผงตา มองอย่างตะลึงลานแล้วพลันสังเกตบุรุษผู้หนึ่งยืนกางขาหันหลัง ร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งจดจ้องไพล่พลทหารตรงหน้าไร้เสียงพูดแต่เหมือนทุกคนย่ำเกรง บุรุษผู้นั้น บุรุษที่แย่งเงินของนางไป ริมฝีปากเริ่มเม้มแน่น
ด้านข้างคือท่านแม่ทัพหลี่เหว่ย รูปร่างคล้ายคลึงกันเพียงแต่ไม่สูงเท่า ยืนนิ่งเช่นกันในท่าเตรียมพร้อม
ยี่หวาขยับเท้าทีละน้อยเลียบผนังเรือนไปใกล้ขึ้น ไม่ทันได้สามก้าวพลันสะดุ้งเฮือก สัญชาตญาณเก่าแก่สมัยสแตนอินทำให้ยกพัดขึ้นสะบัดกางออก
ปัก!!!
ดวงตาเบิกโพลง ทวนยาวสามเมตรเฉียดพวงแก้มจนบาดเป็นรอยขีด ปักลงด้านข้างผนังจวน ปลายทวนสั่นสะเทือนขึ้นลง นางสะบัดดวงหน้ากลับไปทางต้นเหตุ ร่างสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวเพ่งสายตากลับมามองคมกล้าก่อนคลี่ยิ้ม
“นึกว่าใครที่แอบมาสืบความลับ ที่แท้ก็แม่นางน้อยคณิกาจากหอเยว่โหลว” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะพลางเดินเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นจับทวนกำลังดึงออก
“เดี๋ยวก่อน!” ยี่หวาปัดมือใหญ่ออกแล้วชี้ไปยังพัดของตนที่โดนทำร้ายปักคาอยู่ปลายเหล็กแหลม “พัดของข้า เจ้าต้องชดใช้” ส่งสายตาขุ่นเขียวให้บุรุษตรงหน้า
หลี่เหว่ยยังเท้าสะเอวก้มลงมองดวงหน้าหวาน แม่นางน้อยไม่มีทีท่าหวาดกลัว ซ้ำยังห่วงแต่พัด
“เจ้าควรห่วงตัวเองมากกว่าพัด แก้มเจ้าโดนขูดจนเป็นแผล ไม่กลัวว่าจะทิ้งรอยแผลเป็นหรืออย่างไร”
“ฮึ แค่รอยขีดประเดี๋ยวก็จางหาย แต่นี่...” ยี่หวาหันมองพัดตัวเองแค้นจัด ชี้นิ้วลงไปให้บุรุษป่าเถื่อนไร้อารยธรรมเห็นชัด ๆ “พัดข้าเขียนขึ้นด้วยฝีมือของนักกวีนิพนธ์ชื่อดัง ท่านจะชดใช้ให้ข้าเช่นไร”
เขาตวัดตามองพัดงี่เง่าสีขาวบริสุทธิ์ แล้วดึงทวนออกมาอีกมือรับพัดพับได้ทันก่อนมันร่วงลงพื้น สะบัดคลี่ออก
“ภูผากว้างใหญ่สะท้อนเสียงร้องวานร
วิหคฟ้อนเหนือสายธารเชี่ยว
สารทมาเยือนใบไม้ห่อเหี่ยว
ฉางเจียงเทียวน้ำโหมกระหน่ำ
เตร็ดเตร่แดนไกลช่างน่าเศร้า
โรครุมเร้าโถมมาคล้ายตอกย้ำ
ผมขาวโพลนท่วมหัวเพิ่งใจช้ำ
เลิกดื่มด่ำรสสุราก็สายแล้ว[1]”
น้ำเสียงทุ้มกังวานแต่แค่นถ้อยคำกวีนิพนธ์พลางอมยิ้มตลอดเวลาก่อนตวัดสายตากลับไปยังหญิงคณิกา
[1] ตู้ ฝู่ ค.ส.712-770
12 เจ้ายิ้มเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี“ก็แค่บทกลอนของชายชราผมขาวที่วัน ๆ เอาแต่ร่ำสุรา ท่องเที่ยว พร่ำพรรณนา”พั่บชายตรงหน้าสะบัดพับกับฝ่ามือแล้วยื่นส่งให้ด้วยสีหน้ากวนโมโห ยี่หวาหลุบตามองพัดในมือใหญ่ นิ้วเรียวยาวงดงามทว่าเต็มไปด้วยร่องรอยแผลเป็นขีดขาว นางยังนิ่งไม่รับพัดแล้วตวัดตากลับเหลือบมองชายสูงใหญ่กว่านางมาก“ข้ายังไม่รับ เพราะหากข้ารับนั่นหมายถึงท่านจะไม่ชดใช้ให้ข้า มู่เฉิน” ยี่หวาส่งน้ำเสียงเย็นเยียบหรี่ตามองแล้วพลันสังเกตว่าท่านแม่ทัพด้านหลังสะดุ้งเฮือก - - เหตุใดกันบุรุษตรงหน้าคลี่รอยยิ้มกวนใจอีกคราแล้วยืดกายกลับมือกระชับกำพัดไว้แล้วกอดอกนิ่ง“ชดใช้เช่นนั้นหรือ”“ใช่ ชดใช้ พัดนี่ข้าสั่งทำมาเป็นพิเศษ กว่าจะได้ตัวกวีนิพนธ์มาเขียนให้ข้าได้ ข้ารอร่วมเกือบปี” ยี่หวายืดกายเลียนแบบมู่เฉินเช่นกัน กอดอกเงยหน้ามอง“งั้นเจ้าคิดไว้ในใจแล้วหรือยังว่าให้ข้าชดใช้เท่าไร”“ฮึ ข้ายังไม่ทันคิด ไว้ข้าจะบอกเจ้าวันหลัง ฉะนั้นพัดนี่ข้าไม่ขอรับคืน” ปากกระจับยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่ออีกไม
13 ตกลง“ข้อเสนออะไร” สะบัดกระบี่เก็บเข้าฝักแล้ววางไว้ด้านข้าง“ข้าได้รับจ้างเป็นเงินจำนวนมาก .. หีบใหญ่ทีเดียว ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด ให้ช่วยเหลือท่านแม่ทัพหายจากอาการหลงใหลบุรุษ กลับมาชื่นชอบสตรี และต้องทำให้หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์” ยี่หวาพลิกหน้าเอียงไปยังทิศทางของห้องแม่ทัพจึงมิทันได้เห็นสีหน้าตกใจของหลี่เหว่ย“ใครกันจ้างพวกเจ้า”“จะใครเสียอีก ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของเรื่องนี้มากที่สุด” ยี่หวาหยุดพูดแล้วหันหน้ากลับมาส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้“หลี่ฮูหยินเช่นนั้นหรือ”“เจ้าฉลาดยิ่ง ใช่แล้ว” นางขยับขาลงแล้ววางเรียบบนพื้นข้างเตาอุ่นจนหลี่เหว่ยต้องมองตาม เท้าเรียวโผล่ออกมาจากชายเสื้อคลุมรวมไปถึงท่อนขาขาวนวลโดยที่นางไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่เกลี้ยกล่อม“ข้ามีทรัพย์สมบัติมากพอแล้วไม่ต้องการอีก”“นั้นเพราะท่านไม่เห็นว่ามันมากมายขนาดไหน”“เจ้าจะอยากได้เงินทองไปทำไมกันยี่หวา”“ก็เพราะข้าไม่ต้องการติดอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตนะสิ หากข้ามีเงินทอง ข้าจะท่องเที่ยวไปให้ทั่ว”“เจ้าหาได้จากทางอื่น” หลี่เหว่
14 ซ้อนแผน แล้วซ้อนอีก “ว่าอย่างไรนะท่านแม่ทัพ” มู่เฉินร้องตะโกนเสียงหลง“ข้าบอกว่าคืนนี้ เยี่ยนฟางจะมาให้ความสำราญแก่ข้า เพียงแต่คนที่จะให้ความสำราญมิใช่ข้า แต่เป็นเจ้ามู่เฉิน” มือหลี่เหว่ยพลิกหน้าตำราพิชัยยุทธิ์ขณะเอ่ยเสียงราบเรียบ“แต่..ผู้น้อย มู่เฉิน”“เป็นกระไร อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ มีสาวงามมาให้เชยชมถึงที่ไยถึงอึกอัก”“แต่นาง นางคิดว่าข้าเป็นท่านแม่ทัพ”“นั่นล่ะที่ข้าต้องการ”พรึบ...เสียงพลิกหน้ากระดาษไม่เบาไม่ดังกำลังดีหลี่เหว่ยหยิบพู่กันจุ่มหมึกเขียนส่วนสำคัญที่ได้อ่านเพื่อจดบันทึกกันลืม มู่เฉินยังอึ้งงันไม่แม้แต่ขยับกาย จ้องท่านแม่ทัพตาแทบถลนจนหลี่เหว่ยต้องถอนหายใจ“เจ้าเป็นอะไรมู่เฉิน เจ้าเป็นทหารหาญ บ้านเมืองต้องการชายผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ จวนตระกูลหลี่ก็เปรียบดั่งสนามรบแห่งหนึ่งเช่นกัน ต้องการทั้งฝ่ายปกครอง ทั้งฝ่ายทหารเพื่อฝากความหวัง เจ้าจงทำตัวให้มีความสามารถพอเพียง มีขันติธรรมแบกหาบหนักได้ มิใช่ได้รับภารกิจเล็กน้อยกลับอ้ำอึ้ง แล้วเช่นนี้จะเป็น
15 เมายายี่หวาหน้าบึ้งล้วงเอาเงินที่มีติดตัวไม่มากนักวางลงกลางฝ่ามือนุ่มนิ่มดั่งหญิงสาวซึ่งพอได้ก็กำแน่นหัวเราะเบา ๆ“พรุ่งนี้ข้าจะให้เด็กนำสมุนไพรมาให้”“แต่ข้าไม่เอาพวกสารหนูนะ มันอันตราย”ฮุ่ยซิ่งเคาะพัดเป็นจังหวะกับพื้นไม้“งั้นเจ้าต้องจ่ายแพงเสียหน่อย แผ่นแปะเซ่อเซียงที่บรรดาพระสนมในวังใช้ราคาสูงลิบ แต่ได้ผลชะงัก”“ได้ ๆ”“งั้นข้าไปนอนก่อนแล้ว อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรให้ทำน่าตื่นเต้นเลย น่าเบื่อ”ยี่หวามองตามร่างสูงโปร่งอ้อนแอ้นดั่งสตรีของฮุ่ยซิ่งลุกยืนบิดขี้เกียจก่อนลับหายไปยังห้องด้านใน จึงเอี้ยวมองไปยังเรือนหลง เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วแต่เยี่ยนฟางยังมิได้ออกมา จะสำเร็จหรือไม่นะ - - เริ่มหวั่นใจ“ว่าอันใดนะป้าโจว พูดอีกครั้ง พูดให้ข้าได้ชื่นใจ” หลี่ฉือแทบทะลึ่งตัวลุกยืนยามได้ยินคราแรกว่าบุตรชายเรียกนางคณิกาสาวเข้ารับใช้เมื่อคืนนี้“เจ้าค่ะฮูหยิน ท่านแม่ทัพเรียกเยี่ยนฟางขึ้นห้องกว่าจะที่นางจะได้กลับเรือนเกือบเช้า” แม่บ้านโจวใส่น้ำเสียงเน้นคำท้ายยิ่งทำให้เจ้า
16 แต่งให้เจ้า?“มู่เฉินนน ท่านควรปล่อยให้ข้าได้นอน อือ ห้องท่านร้อนอะไรเยี่ยงนี้” ยี่หวาพลิกตัวอีกครั้งนอนหงายชันเข่าขึ้นใช้มือปัดชายกระโปรงออกให้ท่อนขารับลมเย็นแล้วลูบจนพ้นต้นขาหลี่เหว่ยตะแคงมองสายตาเข้มข้น ยกมือลูบท่อนขาเนียนนุ่มมือคล้ายปลอบประโลม ขยับพาร่างสูงใหญ่เข้าใกล้“ยังไม่ได้บอกเลย ยาอะไร” เสียงทุ้มเริ่มสั่นยามมือเลื่อนขึ้นล้วงลงต้นขาด้านใน ปลายนิ้วกำลังสัมผัสบางสิ่งอ่อนนุ่ม“เซ่อเซียง อยู่ตรงนี้” ยี่หวาวางมือบนหน้าท้อง “แปะไปได้ไม่ทันสองเค่อ ข้ามึนศีรษะเหลือเกิน แล้วยังร้อนไปทั่วร่าง อืออ มู่เฉินมือท่านเย็นดีนัก ลูบขึ้นมาอีกข้าชอบ”ยี่หวาคว้ามือหลี่เหว่ยไว้แล้วพาไปวางยังต้นขาด้านหน้าสีหน้าพึงพอใจผิดไปจากบุรุษร่างใหญ่ที่นิ่งขึง ดวงหน้าแกร่งแดงซ่านทีละน้อย“เจ้าไม่รู้หรือว่าเซ่อเซียงออกฤทธิ์บางอย่างคล้ายยากำหนัด”“ยากำหนัด” น้ำเสียงแผ่วเบาค่อยลืมตาขึ้น “หมายความว่าตอนนี้ข้า ข้ากำลังมีอารมณ์จากฤทธิ์ยา”“ฮึ มีอารมณ์ เจ้าใช้คำได้แปลกมาก หากเจ้าหมายถึงกำลังเกิดกำหนัดล่ะก็ใช่ เจ้ากำลังมีอารม
17 NCไม่ประสา ไม่ประสา... นี่ข้าหลงคิดเช่นนั้นได้เยี่ยงไร!!แรกเริ่มเพียงปากประกบเขากดนิ่งชะงัก ยี่หวาจึงใจกล้าเป็นฝ่ายแย้มริมฝีปากเสียเองอย่างที่รู้มาจากหนังเอวี ส่งลิ้นเล็กเรียวปาดขอบริมฝีปากล่างของชายร่างโต - - ชีพจรมู่เฉินเต้นแรงกว่าเดิมคงตื่นเต้นเบียดกายสาวลงจนสัมผัสถึงบางสิ่งยาวใหญ่ นางจงใจคลึงเบียดลงกดแน่น ร่างใหญ่สะดุ้งเฮือก - - เห็นไหม“ท่าน มู่เฉิน เจ้าเคยแบบนี้หรือไม่” ยี่หวาละริมฝีปากออกก้มลงซอกคอขบเม้ม มือเลื่อนลูบยังเชือกคาดเอวกระตุกดึงสอดมือเข้าสาบเสื้อแหวะเปิดออกกระทั่งลอดเข้าไปยังเสื้อตัวใน สัมผัสถึงกายแกร่งชายร่างโต อุ่นจนร้อนจัด หนั่นแน่นกล้ามเนื้อนางเลื่อนปากขึ้นไถลพรมจูบส่งความร้อนลวกเป็นทาง ลมหายใจเป่ารดซอกคอชายด้านล่างกระทั่งถึงใบหู เอ่ยกระซิบเสียงกระเส่า“เจ้า เคยแบบนี้หรือไม่ อืม”มือเล็กเรียวเลื่อนเคลื่อนไหววนรอบฐานนมชายชาตรีแล้วไถลผ่านหน้าท้องลงสู่เบื้องล่าง ซอกหลืบวางมือทาบลงท่อนเนื้ออุ่นจัดพลันกายชายสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง - - ใช่แล้
18 NCหลี่เหว่ยจับจ้องดวงหน้าหวานงดงามเผยอปากคล้ายโต้เถียง แต่แล้วพลันเงียบเสียงลง สีหน้าละมุนผ่อนคลายจึงค่อยคลายใจ รอจนนางเอนกายลงดั่งเดิม“เปิดขาเจ้ายี่หวา ให้กว้าง”น้ำเสียงเข้มข้นระคนกระเส่าพาให้กายสาวสะท้านไหว ยี่หวานอนนิ่งชันเข่าแล้วค่อยเปิดออก“อีกแม่นางน้อย ให้กว้าง”ชีพจรแม่ทัพหนุ่มโลดแรงยามมองเรียวขางามเปิดออกทีละน้อย แต่มันยังไม่พอ หลี่เหว่ยยังต้องการให้กว้างกว่านี้ให้มาก ๆ เพราะมันหมายถึงการยินยอมศิโรราบโดยแท้จริง ดวงตาสีนิลจับจ้องเนินสาวอวบอูมปิดแน่นค่อยเปิดถ่างออกมองเห็นรอยแยกออกเพียงเล็กน้อยหลี่เหว่ยเคลื่อนกายเดินด้วยเข่าขยับไปใกล้เข้าสู่กลางหว่างขา จับหัวเข่านางไว้เปิดออก นั่งชันเข่าก่อนจับเอวคอดกิ่วด้วยมือทั้งสองข้างดึงกระชากจนสะโพกเล็กยกลอย“อ่า ท่าน เดี๋ยวก่อน”เสียงหวานร้องตกใจยามหลี่เหว่ยยกร่างเบาหวิวขึ้นลอยเข้าหาส่วนกลางลำตัว“รัดเอวข้าไว้ยี่หวา”นางกระหวัดเรียวขาเข้าเอวสอบยึดเป็นหลัก หลี่เหว่ยดึงลากแล้วหยุดลงเมื่อปลายหัวป้านลำหยกสัมผัสเนื้ออ่อนนุ่มฉ่ำแฉะ“อืม.. ยี่หว
19 อ่อนแรง“เจ้าว่าอย่างไรนะ สองคืนติดเช่นนั้นหรือ”หลี่ฮูหยินถึงกับวางตะเกียบในยามเช้า เอียงหน้าท้วมอย่างหญิงวัยกลางคนมีอันจะกินไปทางแม่บ้านโจว สีหน้ายินดีแต่เพียงชั่วครู่พลันนิ่งงัน“เจ้าค่ะฮูหยิน สองคืนติด ฮูหยินวางใจได้แล้วเจ้าค่ะว่าท่านแม่ทัพมิได้ชื่นชอบบุรุษ”“แต่ว่า นี่ไม่หลงรูปโฉมนางคณิกาเกินไปหน่อยหรือไร”“ฮูหยินเจ้าค่ะ คุณชายบ้านใดบ้างที่ไม่มีหญิงสาวคอยอุ่นเตียง ท่านแม่ทัพเองต่างหากที่แปลกแตกต่างจากบ้านอื่น ไม่มีแม้กระทั่งสาวใช้ข้างห้อง”“อืม จริงอย่างเจ้าว่ามา เอาล่ะ ข้าควรทำจิตใจให้ปลอดโปร่งเลิกคิดเรื่องนี้ หากลูกเหว่ยข้าต้องการยกนางเป็นอนุข้าควรยินดี เพียงแต่อย่าให้มีบุตรก่อนที่ลูกข้าได้แต่งงานกับคุณหนูดี ๆ สักคน”“เจ้าค่ะ เมื่อวานนี้ข้านำสมุนไพรต้มอย่างดีไปให้แล้วเจ้าค่ะ”“นางดื่มหมดหรือไม่”“เจ้าค่ะ ตอนไปเก็บถ้วยชาหมดเกลี้ยงเจ้าค่ะ”“ดีแล้ว เออจริงสิ หลานเยว่ ช่วงนี้เจ้าเองควรมั่นไปเรือนหลง ทำขนมของว่างไปให้พี่ของเจ้าบ้าง ยามดึกลูกเหว