Share

12 เจ้ายิ้มเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี

12 เจ้ายิ้มเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี

“ก็แค่บทกลอนของชายชราผมขาวที่วัน ๆ เอาแต่ร่ำสุรา ท่องเที่ยว พร่ำพรรณนา”

พั่บ

ชายตรงหน้าสะบัดพับกับฝ่ามือแล้วยื่นส่งให้ด้วยสีหน้ากวนโมโห ยี่หวาหลุบตามองพัดในมือใหญ่ นิ้วเรียวยาวงดงามทว่าเต็มไปด้วยร่องรอยแผลเป็นขีดขาว นางยังนิ่งไม่รับพัดแล้วตวัดตากลับเหลือบมองชายสูงใหญ่กว่านางมาก

“ข้ายังไม่รับ เพราะหากข้ารับนั่นหมายถึงท่านจะไม่ชดใช้ให้ข้า มู่เฉิน” ยี่หวาส่งน้ำเสียงเย็นเยียบหรี่ตามองแล้วพลันสังเกตว่าท่านแม่ทัพด้านหลังสะดุ้งเฮือก - - เหตุใดกัน

บุรุษตรงหน้าคลี่รอยยิ้มกวนใจอีกคราแล้วยืดกายกลับมือกระชับกำพัดไว้แล้วกอดอกนิ่ง

“ชดใช้เช่นนั้นหรือ”

“ใช่ ชดใช้ พัดนี่ข้าสั่งทำมาเป็นพิเศษ กว่าจะได้ตัวกวีนิพนธ์มาเขียนให้ข้าได้ ข้ารอร่วมเกือบปี” ยี่หวายืดกายเลียนแบบมู่เฉินเช่นกัน กอดอกเงยหน้ามอง

“งั้นเจ้าคิดไว้ในใจแล้วหรือยังว่าให้ข้าชดใช้เท่าไร”

“ฮึ ข้ายังไม่ทันคิด ไว้ข้าจะบอกเจ้าวันหลัง ฉะนั้นพัดนี่ข้าไม่ขอรับคืน”  

ปากกระจับยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่ออีกไม่รู้กี่ประโยคด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มแฝงตำหนิติเตียน ทว่าแม่ทัพใหญ่มิได้ทันฟังเข้าโสตประสาทแม้แต่น้อย ดวงตากระบี่จับจ้องนิ่งเพียงไฝเหนือริมฝีปาก เจ้าสิ่งนั้นเม็ดสีดำสนิทเล็ก ๆ คล้ายมีชีวิต เคลื่อนขึ้นลงไปมา พลันลมปราณโลดแรงเต้นระทึกหาสาเหตุที่มาที่ไปไม่ได้ จึงลองละสายตาออกหลุบลงมองเท้าเล็กที่โผล่พ้นออกมาจากรองเท้าแบบสาน เรียวเล็กไร้การแต่งแต้ม น้ำจากเรือนร่างเปียกปอนไหลรวมลงเบื้องล่างกรอมเท้า - - เหมือนใจเต้นแรงกว่าเก่า

ซ่า...

ไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยกระไรต่อพลันสายฝนห่าใหญ่เม็ดขาวสาดลงราวน้ำป่าจนมองเห็นแต่สีขาวโพลน

“เลิกกอง” เสียงบุรุษด้านหลังตะโกนสั่ง แทนที่ทหารกล้าจะแตกฮือกลับเดินเป็นแถวระเบียบเรียงสามลงเท้าเงียบไร้เสียงหายวับราวกับตรงหน้ามิเคยมีการฝึกซ้อม

ยี่หวาขยับร่างวิ่งแต่โดนมือใหญ่รวบไว้เสียก่อน จากนั้นถูกฉุดให้เดินขึ้นจวนหลบฝน

ปัง!!

เพียงเข้ามาด้านในกลับอุ่นวาบจากห้องที่อุ่นไว้ตลอดเวลา ยี่หวายังยืนนิ่งกายเปียกโชกมองร่างแกร่งเปลือยท่อนบนขยับไปยังมุมฉาก

พรึบ..

“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน”

ยี่หวายืนมือออกไปรับเสื้อคลุมไว้ได้ทันเมื่อจู่ ๆ มู่เฉินโยนมาก่อนที่เขาจะลับหายไปอีกห้อง

นางกวาดตามองห้องเรียบง่ายกว้างขวางยิ่ง มุมห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือริมหน้าต่าง ดูท่าบุรุษผู้นี้คงเป็นมือเป็นเท้าท่านแม่ทัพ งานการกองพะเนิน

ยี่หวาพาร่างเปียกปอนไปยังฉากเปลี่ยนเสื้อผ้า ถอดอาภรณ์เนื้อบางออกแล้วสวมเสื้อคลุมสีเข้มตัวใหญ่กว่านางมาก รัดผูกสายคาดเรียบร้อยจึงค่อยคลายมวยผมลง พาดเสื้อผ้าเปียกไว้กับราวแล้วเดินออกมาจังหวะเดียวกับประตูด้านข้างเปิดออก

คนสนิทท่านแม่ทัพใหญ่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเช่นกัน เพียงแต่ไม่ปล่อยผมลงยังคงมัดรวบมวยกลางกระหม่อม สังเกตว่าเขาเพียงเหลือบสายตามองปราดเดียวแล้วตวัดเลยไปยังมุมเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจึงเดินเลยผ่านนางไปยังอีกมุมห้อง

“มานั่งตรงนี้มีเตาอุ่น” น้ำเสียงทุ้มเหมือนแหบพร่าขึ้นหลายส่วนจนนางเอียงหน้ามองสงสัย ทว่าสาวเท้าตามไปใกล้นั่งลงข้างกัน

ยี่หวาสะบัดผมเอียงศีรษะมือสางผมจ้องสีหน้าชายด้านข้างที่บัดนี้หยิบกระบี่ขึ้นมาขัดถู บรรยากาศนิ่งเงียบมีเพียงเสียงเตาอุ่นมอดไหม้ เสียงผ้าถูเหล็กกล้าในมือแกร่ง นางหลุบตามองกระบี่ยาวสลักลาย

“เรือนนี้เป็นเรือนของท่านแม่ทัพใช่หรือไม่” ยี่หวาทำลายความเงียบ มือใหญ่ยังคงทำงานไม่หยุดเอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบ

“ใช่”

“แล้วท่านแม่ทัพไม่ว่ากระไรหรือที่ให้ข้ามาพักเช่นนี้”

“ห้องนี้เป็นห้องของข้า ห้องของแม่ทัพอยู่อีกฟาก”

ยี่หวาพยักหน้ารับรู้ ในใจครุ่นคิดว่าถ้าเช่นนั้นบุรุษตรงหน้าย่อมมีน้ำหนักต่อท่านแม่ทัพหลายส่วน เผลอ ๆ อาจมากถึงเก้าส่วนจึงส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“เจ้ายิ้มอยู่” หลี่เหว่ยหยุดมือเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าโดนจับได้ของหญิงคณิกา

“ก็ ก็ ยิ้มแล้วเป็นอะไร”

“เจ้ายิ้มเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี” น้ำเสียงรู้ทันก่อนก้มมองกระบี่ในมืออีกครั้ง ขยับผ้าเช็ดกระบี่ต่อ

“ใครบอกเจ้ากัน อาจเป็นเรื่องดีก็เป็นได้”

“ฮึ หากออกจากสมองน้อย ๆ ของเจ้าคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร”

“เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร เจ้ารู้จักข้าดีเช่นนั้นหรือมู่เฉิน”

“เจ้ามองง่ายออกขนาดนั้นแม่นางคณิกา”

“อย่าเรียกข้าแบบนั้นนะ” ยี่หวาส่งเสียงดังขึ้นปนฉุนเฉียว

“ทำไมกัน ก็เจ้าเป็นหญิงคณิกาจริง ๆ” หลี่เหว่ยยังทำเสียงกวนโมโหปากยกยิ้มขณะลูบกระบี่ราวคนรัก

“ข้าขายศิลปะ มิได้ขายตัว อีกอย่างข้ามาอยู่จวนท่านแม่ทัพแล้ว ไม่ได้ทำงานให้ใครอีก ฉะนั้นไม่ใช่หญิงคณิกา” ยี่หวาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้พยายามจ้องตาที่คอยแต่หลุบมองกระบี่ สังเกตพวงแก้มสีเข้มคล้ายมีสีแดงพาด

“เจ้าร้อนหรือ” ยี่หวาขยับเข้าไปใกล้อีก

“ไม่ ข้าไม่ได้ร้อน” หลี่เหว่ยเริ่มทำน้ำเสียงหงุดหงิดต้องการขยับออกห่างทว่ากลิ่นหอมบางอย่างรวยรินออกจากร่างงดงามตรงหน้าทำให้เขานั่งนิ่งขึง มือหยุดชะงักชั่วขณะก่อนผงะเมื่อจู่ ๆ มือเรียวเล็กยกขึ้นทาบหน้าผาก

“ตัวก็ไม่ร้อนเหตุใดเจ้าหน้าแดงเยี่ยงนี้”

หลี่เหว่ยผงะถอยปัดมือเล็กออกแต่เหมือนยี่หวาไม่รู้สึกตัวตามติดชะโงกตัวเข้าใกล้อีกจนเกือบเกยขึ้น

หลี่เหว่ยจึงจำใจปล่อยให้นางทาบมือสำรวจจนพอใจ สะกดกลั้นนั่งนิ่ง ลอบสูดดมกลิ่นหอมหวานกระทั่งนางผละออกถอยไปนั่งที่เดิมจึงลอบถอนหายใจ

“เจ้า...สนิทกับท่านแม่ทัพใช่หรือไม่”

“อืม...”

“มากขนาดไหน”

“โตมาด้วยกัน”

ยี่หวายิ้มกว้างคราวนี้หันหน้ามามองตรง ๆ พาดท่อนขาขึ้นตั้งหนึ่งข้างกอดไว้ใช้คางเกยหัวเข่า

“งั้นข้าขอถาม ท่านแม่ทัพชื่นชอบบุรุษจริงหรือ”

“จริง”

“ไม่เชื่อ เป็นถึงทหารหาญกล้าย่อมชื่นชอบสตรี”

“อยู่กองทัพนาน ๆ วัน ๆ เจอแต่บุรุษมีหรือจะไม่อ่อนไหว” หลี่เหว่ยพูดกลั้วหัวเราะ มือขยับกระบี่ขึ้นส่องมองรอยหาที่เช็ด

“ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า” น้ำเสียงกระตือรือร้นจนหลี่เหว่ยหลุบตามอง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status