12 เจ้ายิ้มเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี
“ก็แค่บทกลอนของชายชราผมขาวที่วัน ๆ เอาแต่ร่ำสุรา ท่องเที่ยว พร่ำพรรณนา”
พั่บ
ชายตรงหน้าสะบัดพับกับฝ่ามือแล้วยื่นส่งให้ด้วยสีหน้ากวนโมโห ยี่หวาหลุบตามองพัดในมือใหญ่ นิ้วเรียวยาวงดงามทว่าเต็มไปด้วยร่องรอยแผลเป็นขีดขาว นางยังนิ่งไม่รับพัดแล้วตวัดตากลับเหลือบมองชายสูงใหญ่กว่านางมาก
“ข้ายังไม่รับ เพราะหากข้ารับนั่นหมายถึงท่านจะไม่ชดใช้ให้ข้า มู่เฉิน” ยี่หวาส่งน้ำเสียงเย็นเยียบหรี่ตามองแล้วพลันสังเกตว่าท่านแม่ทัพด้านหลังสะดุ้งเฮือก - - เหตุใดกัน
บุรุษตรงหน้าคลี่รอยยิ้มกวนใจอีกคราแล้วยืดกายกลับมือกระชับกำพัดไว้แล้วกอดอกนิ่ง
“ชดใช้เช่นนั้นหรือ”
“ใช่ ชดใช้ พัดนี่ข้าสั่งทำมาเป็นพิเศษ กว่าจะได้ตัวกวีนิพนธ์มาเขียนให้ข้าได้ ข้ารอร่วมเกือบปี” ยี่หวายืดกายเลียนแบบมู่เฉินเช่นกัน กอดอกเงยหน้ามอง
“งั้นเจ้าคิดไว้ในใจแล้วหรือยังว่าให้ข้าชดใช้เท่าไร”
“ฮึ ข้ายังไม่ทันคิด ไว้ข้าจะบอกเจ้าวันหลัง ฉะนั้นพัดนี่ข้าไม่ขอรับคืน”
ปากกระจับยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่ออีกไม่รู้กี่ประโยคด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มแฝงตำหนิติเตียน ทว่าแม่ทัพใหญ่มิได้ทันฟังเข้าโสตประสาทแม้แต่น้อย ดวงตากระบี่จับจ้องนิ่งเพียงไฝเหนือริมฝีปาก เจ้าสิ่งนั้นเม็ดสีดำสนิทเล็ก ๆ คล้ายมีชีวิต เคลื่อนขึ้นลงไปมา พลันลมปราณโลดแรงเต้นระทึกหาสาเหตุที่มาที่ไปไม่ได้ จึงลองละสายตาออกหลุบลงมองเท้าเล็กที่โผล่พ้นออกมาจากรองเท้าแบบสาน เรียวเล็กไร้การแต่งแต้ม น้ำจากเรือนร่างเปียกปอนไหลรวมลงเบื้องล่างกรอมเท้า - - เหมือนใจเต้นแรงกว่าเก่า
ซ่า...
ไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยกระไรต่อพลันสายฝนห่าใหญ่เม็ดขาวสาดลงราวน้ำป่าจนมองเห็นแต่สีขาวโพลน
“เลิกกอง” เสียงบุรุษด้านหลังตะโกนสั่ง แทนที่ทหารกล้าจะแตกฮือกลับเดินเป็นแถวระเบียบเรียงสามลงเท้าเงียบไร้เสียงหายวับราวกับตรงหน้ามิเคยมีการฝึกซ้อม
ยี่หวาขยับร่างวิ่งแต่โดนมือใหญ่รวบไว้เสียก่อน จากนั้นถูกฉุดให้เดินขึ้นจวนหลบฝน
ปัง!!
เพียงเข้ามาด้านในกลับอุ่นวาบจากห้องที่อุ่นไว้ตลอดเวลา ยี่หวายังยืนนิ่งกายเปียกโชกมองร่างแกร่งเปลือยท่อนบนขยับไปยังมุมฉาก
พรึบ..
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน”
ยี่หวายืนมือออกไปรับเสื้อคลุมไว้ได้ทันเมื่อจู่ ๆ มู่เฉินโยนมาก่อนที่เขาจะลับหายไปอีกห้อง
นางกวาดตามองห้องเรียบง่ายกว้างขวางยิ่ง มุมห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือริมหน้าต่าง ดูท่าบุรุษผู้นี้คงเป็นมือเป็นเท้าท่านแม่ทัพ งานการกองพะเนิน
ยี่หวาพาร่างเปียกปอนไปยังฉากเปลี่ยนเสื้อผ้า ถอดอาภรณ์เนื้อบางออกแล้วสวมเสื้อคลุมสีเข้มตัวใหญ่กว่านางมาก รัดผูกสายคาดเรียบร้อยจึงค่อยคลายมวยผมลง พาดเสื้อผ้าเปียกไว้กับราวแล้วเดินออกมาจังหวะเดียวกับประตูด้านข้างเปิดออก
คนสนิทท่านแม่ทัพใหญ่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเช่นกัน เพียงแต่ไม่ปล่อยผมลงยังคงมัดรวบมวยกลางกระหม่อม สังเกตว่าเขาเพียงเหลือบสายตามองปราดเดียวแล้วตวัดเลยไปยังมุมเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจึงเดินเลยผ่านนางไปยังอีกมุมห้อง
“มานั่งตรงนี้มีเตาอุ่น” น้ำเสียงทุ้มเหมือนแหบพร่าขึ้นหลายส่วนจนนางเอียงหน้ามองสงสัย ทว่าสาวเท้าตามไปใกล้นั่งลงข้างกัน
ยี่หวาสะบัดผมเอียงศีรษะมือสางผมจ้องสีหน้าชายด้านข้างที่บัดนี้หยิบกระบี่ขึ้นมาขัดถู บรรยากาศนิ่งเงียบมีเพียงเสียงเตาอุ่นมอดไหม้ เสียงผ้าถูเหล็กกล้าในมือแกร่ง นางหลุบตามองกระบี่ยาวสลักลาย
“เรือนนี้เป็นเรือนของท่านแม่ทัพใช่หรือไม่” ยี่หวาทำลายความเงียบ มือใหญ่ยังคงทำงานไม่หยุดเอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบ
“ใช่”
“แล้วท่านแม่ทัพไม่ว่ากระไรหรือที่ให้ข้ามาพักเช่นนี้”
“ห้องนี้เป็นห้องของข้า ห้องของแม่ทัพอยู่อีกฟาก”
ยี่หวาพยักหน้ารับรู้ ในใจครุ่นคิดว่าถ้าเช่นนั้นบุรุษตรงหน้าย่อมมีน้ำหนักต่อท่านแม่ทัพหลายส่วน เผลอ ๆ อาจมากถึงเก้าส่วนจึงส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“เจ้ายิ้มอยู่” หลี่เหว่ยหยุดมือเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าโดนจับได้ของหญิงคณิกา
“ก็ ก็ ยิ้มแล้วเป็นอะไร”
“เจ้ายิ้มเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี” น้ำเสียงรู้ทันก่อนก้มมองกระบี่ในมืออีกครั้ง ขยับผ้าเช็ดกระบี่ต่อ
“ใครบอกเจ้ากัน อาจเป็นเรื่องดีก็เป็นได้”
“ฮึ หากออกจากสมองน้อย ๆ ของเจ้าคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร”
“เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร เจ้ารู้จักข้าดีเช่นนั้นหรือมู่เฉิน”
“เจ้ามองง่ายออกขนาดนั้นแม่นางคณิกา”
“อย่าเรียกข้าแบบนั้นนะ” ยี่หวาส่งเสียงดังขึ้นปนฉุนเฉียว
“ทำไมกัน ก็เจ้าเป็นหญิงคณิกาจริง ๆ” หลี่เหว่ยยังทำเสียงกวนโมโหปากยกยิ้มขณะลูบกระบี่ราวคนรัก
“ข้าขายศิลปะ มิได้ขายตัว อีกอย่างข้ามาอยู่จวนท่านแม่ทัพแล้ว ไม่ได้ทำงานให้ใครอีก ฉะนั้นไม่ใช่หญิงคณิกา” ยี่หวาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้พยายามจ้องตาที่คอยแต่หลุบมองกระบี่ สังเกตพวงแก้มสีเข้มคล้ายมีสีแดงพาด
“เจ้าร้อนหรือ” ยี่หวาขยับเข้าไปใกล้อีก
“ไม่ ข้าไม่ได้ร้อน” หลี่เหว่ยเริ่มทำน้ำเสียงหงุดหงิดต้องการขยับออกห่างทว่ากลิ่นหอมบางอย่างรวยรินออกจากร่างงดงามตรงหน้าทำให้เขานั่งนิ่งขึง มือหยุดชะงักชั่วขณะก่อนผงะเมื่อจู่ ๆ มือเรียวเล็กยกขึ้นทาบหน้าผาก
“ตัวก็ไม่ร้อนเหตุใดเจ้าหน้าแดงเยี่ยงนี้”
หลี่เหว่ยผงะถอยปัดมือเล็กออกแต่เหมือนยี่หวาไม่รู้สึกตัวตามติดชะโงกตัวเข้าใกล้อีกจนเกือบเกยขึ้น
หลี่เหว่ยจึงจำใจปล่อยให้นางทาบมือสำรวจจนพอใจ สะกดกลั้นนั่งนิ่ง ลอบสูดดมกลิ่นหอมหวานกระทั่งนางผละออกถอยไปนั่งที่เดิมจึงลอบถอนหายใจ
“เจ้า...สนิทกับท่านแม่ทัพใช่หรือไม่”
“อืม...”
“มากขนาดไหน”
“โตมาด้วยกัน”
ยี่หวายิ้มกว้างคราวนี้หันหน้ามามองตรง ๆ พาดท่อนขาขึ้นตั้งหนึ่งข้างกอดไว้ใช้คางเกยหัวเข่า
“งั้นข้าขอถาม ท่านแม่ทัพชื่นชอบบุรุษจริงหรือ”
“จริง”
“ไม่เชื่อ เป็นถึงทหารหาญกล้าย่อมชื่นชอบสตรี”
“อยู่กองทัพนาน ๆ วัน ๆ เจอแต่บุรุษมีหรือจะไม่อ่อนไหว” หลี่เหว่ยพูดกลั้วหัวเราะ มือขยับกระบี่ขึ้นส่องมองรอยหาที่เช็ด
“ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า” น้ำเสียงกระตือรือร้นจนหลี่เหว่ยหลุบตามอง
13 ตกลง“ข้อเสนออะไร” สะบัดกระบี่เก็บเข้าฝักแล้ววางไว้ด้านข้าง“ข้าได้รับจ้างเป็นเงินจำนวนมาก .. หีบใหญ่ทีเดียว ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด ให้ช่วยเหลือท่านแม่ทัพหายจากอาการหลงใหลบุรุษ กลับมาชื่นชอบสตรี และต้องทำให้หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์” ยี่หวาพลิกหน้าเอียงไปยังทิศทางของห้องแม่ทัพจึงมิทันได้เห็นสีหน้าตกใจของหลี่เหว่ย“ใครกันจ้างพวกเจ้า”“จะใครเสียอีก ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของเรื่องนี้มากที่สุด” ยี่หวาหยุดพูดแล้วหันหน้ากลับมาส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้“หลี่ฮูหยินเช่นนั้นหรือ”“เจ้าฉลาดยิ่ง ใช่แล้ว” นางขยับขาลงแล้ววางเรียบบนพื้นข้างเตาอุ่นจนหลี่เหว่ยต้องมองตาม เท้าเรียวโผล่ออกมาจากชายเสื้อคลุมรวมไปถึงท่อนขาขาวนวลโดยที่นางไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่เกลี้ยกล่อม“ข้ามีทรัพย์สมบัติมากพอแล้วไม่ต้องการอีก”“นั้นเพราะท่านไม่เห็นว่ามันมากมายขนาดไหน”“เจ้าจะอยากได้เงินทองไปทำไมกันยี่หวา”“ก็เพราะข้าไม่ต้องการติดอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตนะสิ หากข้ามีเงินทอง ข้าจะท่องเที่ยวไปให้ทั่ว”“เจ้าหาได้จากทางอื่น” หลี่เหว่
14 ซ้อนแผน แล้วซ้อนอีก “ว่าอย่างไรนะท่านแม่ทัพ” มู่เฉินร้องตะโกนเสียงหลง“ข้าบอกว่าคืนนี้ เยี่ยนฟางจะมาให้ความสำราญแก่ข้า เพียงแต่คนที่จะให้ความสำราญมิใช่ข้า แต่เป็นเจ้ามู่เฉิน” มือหลี่เหว่ยพลิกหน้าตำราพิชัยยุทธิ์ขณะเอ่ยเสียงราบเรียบ“แต่..ผู้น้อย มู่เฉิน”“เป็นกระไร อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ มีสาวงามมาให้เชยชมถึงที่ไยถึงอึกอัก”“แต่นาง นางคิดว่าข้าเป็นท่านแม่ทัพ”“นั่นล่ะที่ข้าต้องการ”พรึบ...เสียงพลิกหน้ากระดาษไม่เบาไม่ดังกำลังดีหลี่เหว่ยหยิบพู่กันจุ่มหมึกเขียนส่วนสำคัญที่ได้อ่านเพื่อจดบันทึกกันลืม มู่เฉินยังอึ้งงันไม่แม้แต่ขยับกาย จ้องท่านแม่ทัพตาแทบถลนจนหลี่เหว่ยต้องถอนหายใจ“เจ้าเป็นอะไรมู่เฉิน เจ้าเป็นทหารหาญ บ้านเมืองต้องการชายผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ จวนตระกูลหลี่ก็เปรียบดั่งสนามรบแห่งหนึ่งเช่นกัน ต้องการทั้งฝ่ายปกครอง ทั้งฝ่ายทหารเพื่อฝากความหวัง เจ้าจงทำตัวให้มีความสามารถพอเพียง มีขันติธรรมแบกหาบหนักได้ มิใช่ได้รับภารกิจเล็กน้อยกลับอ้ำอึ้ง แล้วเช่นนี้จะเป็น
15 เมายายี่หวาหน้าบึ้งล้วงเอาเงินที่มีติดตัวไม่มากนักวางลงกลางฝ่ามือนุ่มนิ่มดั่งหญิงสาวซึ่งพอได้ก็กำแน่นหัวเราะเบา ๆ“พรุ่งนี้ข้าจะให้เด็กนำสมุนไพรมาให้”“แต่ข้าไม่เอาพวกสารหนูนะ มันอันตราย”ฮุ่ยซิ่งเคาะพัดเป็นจังหวะกับพื้นไม้“งั้นเจ้าต้องจ่ายแพงเสียหน่อย แผ่นแปะเซ่อเซียงที่บรรดาพระสนมในวังใช้ราคาสูงลิบ แต่ได้ผลชะงัก”“ได้ ๆ”“งั้นข้าไปนอนก่อนแล้ว อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรให้ทำน่าตื่นเต้นเลย น่าเบื่อ”ยี่หวามองตามร่างสูงโปร่งอ้อนแอ้นดั่งสตรีของฮุ่ยซิ่งลุกยืนบิดขี้เกียจก่อนลับหายไปยังห้องด้านใน จึงเอี้ยวมองไปยังเรือนหลง เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วแต่เยี่ยนฟางยังมิได้ออกมา จะสำเร็จหรือไม่นะ - - เริ่มหวั่นใจ“ว่าอันใดนะป้าโจว พูดอีกครั้ง พูดให้ข้าได้ชื่นใจ” หลี่ฉือแทบทะลึ่งตัวลุกยืนยามได้ยินคราแรกว่าบุตรชายเรียกนางคณิกาสาวเข้ารับใช้เมื่อคืนนี้“เจ้าค่ะฮูหยิน ท่านแม่ทัพเรียกเยี่ยนฟางขึ้นห้องกว่าจะที่นางจะได้กลับเรือนเกือบเช้า” แม่บ้านโจวใส่น้ำเสียงเน้นคำท้ายยิ่งทำให้เจ้า
16 แต่งให้เจ้า?“มู่เฉินนน ท่านควรปล่อยให้ข้าได้นอน อือ ห้องท่านร้อนอะไรเยี่ยงนี้” ยี่หวาพลิกตัวอีกครั้งนอนหงายชันเข่าขึ้นใช้มือปัดชายกระโปรงออกให้ท่อนขารับลมเย็นแล้วลูบจนพ้นต้นขาหลี่เหว่ยตะแคงมองสายตาเข้มข้น ยกมือลูบท่อนขาเนียนนุ่มมือคล้ายปลอบประโลม ขยับพาร่างสูงใหญ่เข้าใกล้“ยังไม่ได้บอกเลย ยาอะไร” เสียงทุ้มเริ่มสั่นยามมือเลื่อนขึ้นล้วงลงต้นขาด้านใน ปลายนิ้วกำลังสัมผัสบางสิ่งอ่อนนุ่ม“เซ่อเซียง อยู่ตรงนี้” ยี่หวาวางมือบนหน้าท้อง “แปะไปได้ไม่ทันสองเค่อ ข้ามึนศีรษะเหลือเกิน แล้วยังร้อนไปทั่วร่าง อืออ มู่เฉินมือท่านเย็นดีนัก ลูบขึ้นมาอีกข้าชอบ”ยี่หวาคว้ามือหลี่เหว่ยไว้แล้วพาไปวางยังต้นขาด้านหน้าสีหน้าพึงพอใจผิดไปจากบุรุษร่างใหญ่ที่นิ่งขึง ดวงหน้าแกร่งแดงซ่านทีละน้อย“เจ้าไม่รู้หรือว่าเซ่อเซียงออกฤทธิ์บางอย่างคล้ายยากำหนัด”“ยากำหนัด” น้ำเสียงแผ่วเบาค่อยลืมตาขึ้น “หมายความว่าตอนนี้ข้า ข้ากำลังมีอารมณ์จากฤทธิ์ยา”“ฮึ มีอารมณ์ เจ้าใช้คำได้แปลกมาก หากเจ้าหมายถึงกำลังเกิดกำหนัดล่ะก็ใช่ เจ้ากำลังมีอารม
17 NCไม่ประสา ไม่ประสา... นี่ข้าหลงคิดเช่นนั้นได้เยี่ยงไร!!แรกเริ่มเพียงปากประกบเขากดนิ่งชะงัก ยี่หวาจึงใจกล้าเป็นฝ่ายแย้มริมฝีปากเสียเองอย่างที่รู้มาจากหนังเอวี ส่งลิ้นเล็กเรียวปาดขอบริมฝีปากล่างของชายร่างโต - - ชีพจรมู่เฉินเต้นแรงกว่าเดิมคงตื่นเต้นเบียดกายสาวลงจนสัมผัสถึงบางสิ่งยาวใหญ่ นางจงใจคลึงเบียดลงกดแน่น ร่างใหญ่สะดุ้งเฮือก - - เห็นไหม“ท่าน มู่เฉิน เจ้าเคยแบบนี้หรือไม่” ยี่หวาละริมฝีปากออกก้มลงซอกคอขบเม้ม มือเลื่อนลูบยังเชือกคาดเอวกระตุกดึงสอดมือเข้าสาบเสื้อแหวะเปิดออกกระทั่งลอดเข้าไปยังเสื้อตัวใน สัมผัสถึงกายแกร่งชายร่างโต อุ่นจนร้อนจัด หนั่นแน่นกล้ามเนื้อนางเลื่อนปากขึ้นไถลพรมจูบส่งความร้อนลวกเป็นทาง ลมหายใจเป่ารดซอกคอชายด้านล่างกระทั่งถึงใบหู เอ่ยกระซิบเสียงกระเส่า“เจ้า เคยแบบนี้หรือไม่ อืม”มือเล็กเรียวเลื่อนเคลื่อนไหววนรอบฐานนมชายชาตรีแล้วไถลผ่านหน้าท้องลงสู่เบื้องล่าง ซอกหลืบวางมือทาบลงท่อนเนื้ออุ่นจัดพลันกายชายสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง - - ใช่แล้
18 NCหลี่เหว่ยจับจ้องดวงหน้าหวานงดงามเผยอปากคล้ายโต้เถียง แต่แล้วพลันเงียบเสียงลง สีหน้าละมุนผ่อนคลายจึงค่อยคลายใจ รอจนนางเอนกายลงดั่งเดิม“เปิดขาเจ้ายี่หวา ให้กว้าง”น้ำเสียงเข้มข้นระคนกระเส่าพาให้กายสาวสะท้านไหว ยี่หวานอนนิ่งชันเข่าแล้วค่อยเปิดออก“อีกแม่นางน้อย ให้กว้าง”ชีพจรแม่ทัพหนุ่มโลดแรงยามมองเรียวขางามเปิดออกทีละน้อย แต่มันยังไม่พอ หลี่เหว่ยยังต้องการให้กว้างกว่านี้ให้มาก ๆ เพราะมันหมายถึงการยินยอมศิโรราบโดยแท้จริง ดวงตาสีนิลจับจ้องเนินสาวอวบอูมปิดแน่นค่อยเปิดถ่างออกมองเห็นรอยแยกออกเพียงเล็กน้อยหลี่เหว่ยเคลื่อนกายเดินด้วยเข่าขยับไปใกล้เข้าสู่กลางหว่างขา จับหัวเข่านางไว้เปิดออก นั่งชันเข่าก่อนจับเอวคอดกิ่วด้วยมือทั้งสองข้างดึงกระชากจนสะโพกเล็กยกลอย“อ่า ท่าน เดี๋ยวก่อน”เสียงหวานร้องตกใจยามหลี่เหว่ยยกร่างเบาหวิวขึ้นลอยเข้าหาส่วนกลางลำตัว“รัดเอวข้าไว้ยี่หวา”นางกระหวัดเรียวขาเข้าเอวสอบยึดเป็นหลัก หลี่เหว่ยดึงลากแล้วหยุดลงเมื่อปลายหัวป้านลำหยกสัมผัสเนื้ออ่อนนุ่มฉ่ำแฉะ“อืม.. ยี่หว
19 อ่อนแรง“เจ้าว่าอย่างไรนะ สองคืนติดเช่นนั้นหรือ”หลี่ฮูหยินถึงกับวางตะเกียบในยามเช้า เอียงหน้าท้วมอย่างหญิงวัยกลางคนมีอันจะกินไปทางแม่บ้านโจว สีหน้ายินดีแต่เพียงชั่วครู่พลันนิ่งงัน“เจ้าค่ะฮูหยิน สองคืนติด ฮูหยินวางใจได้แล้วเจ้าค่ะว่าท่านแม่ทัพมิได้ชื่นชอบบุรุษ”“แต่ว่า นี่ไม่หลงรูปโฉมนางคณิกาเกินไปหน่อยหรือไร”“ฮูหยินเจ้าค่ะ คุณชายบ้านใดบ้างที่ไม่มีหญิงสาวคอยอุ่นเตียง ท่านแม่ทัพเองต่างหากที่แปลกแตกต่างจากบ้านอื่น ไม่มีแม้กระทั่งสาวใช้ข้างห้อง”“อืม จริงอย่างเจ้าว่ามา เอาล่ะ ข้าควรทำจิตใจให้ปลอดโปร่งเลิกคิดเรื่องนี้ หากลูกเหว่ยข้าต้องการยกนางเป็นอนุข้าควรยินดี เพียงแต่อย่าให้มีบุตรก่อนที่ลูกข้าได้แต่งงานกับคุณหนูดี ๆ สักคน”“เจ้าค่ะ เมื่อวานนี้ข้านำสมุนไพรต้มอย่างดีไปให้แล้วเจ้าค่ะ”“นางดื่มหมดหรือไม่”“เจ้าค่ะ ตอนไปเก็บถ้วยชาหมดเกลี้ยงเจ้าค่ะ”“ดีแล้ว เออจริงสิ หลานเยว่ ช่วงนี้เจ้าเองควรมั่นไปเรือนหลง ทำขนมของว่างไปให้พี่ของเจ้าบ้าง ยามดึกลูกเหว
20 ของฝากอากาศภายในโถงอุ่นสบายยิ่ง ยี่หวาเดินเตร่สำรวจไปทางนั้นทีทางนี้ทีอย่างใคร่รู้ คราวก่อนที่มู่เฉินพาหลบฝนไม่ได้พานางมาห้องนี้ยี่หวาแหงนดวงหน้าขึ้นสูงมองขื่อคานทำจากไม้เนื้อแข็งอย่างดีท่อนใหญ่สีดำ เลื่อนสายตารอบห้องประดับด้วยภาพวาดจากจิตรกรงดงาม ตรงกลางท้ายโถงยกพื้นขึ้นเล็กน้อยมีเก้าอี้สีดำเช่นกันตัวใหญ่ตั้งตระหง่าน นางเคาะนิ้วกับริมฝีปากขยับร่างเปียกปอนไปใกล้“นี่คงเป็นเก้าอี้ของท่านแม่ทัพหลี่เหว่ยสินะ” นางลูบเก้าอี้เล่นแล้วยิ้มในหน้าพรึบ! สะบัดผ้าพลิ้วหมุนตัวแล้วหย่อนก้นลง“อ่า ความรู้สึกของผู้เป็นใหญ่เป็นเช่นนี้สินะ” ยี่หวายิ้มกว้างยกขาไขว้ห้าง เอนกายไปด้านหลังยกนิ้วชี้ขึ้นชี้ไปตรงหน้า“ถ้าข้าอยากจะใช้คนเพียงชี้นิ้วใช่หรือไม่ นำเจ้านั้นไปฆ่า ฮ่ะ ฮ่า ช่างน่าสนุก อืม” นางยกมือกอดอกทำท่าทางเลียนแบบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ผู้เดียวจนไม่ทันสังเกตว่าบุรุษหนึ่งยืนอยู่มุมเสามาสักพักใหญ่แล้วหลี่เหว่ยเอนร่างใช้หัวไหล่พิงเสาลอบมองหญิงคณิกาเปียกไปทั้งตัว (อีกแล้ว) ทำท่าทางพิลึกพิกล บ้างหัวเราะ บ้างพูดคนเดียวราวคนว