29 NC
“ทะ ท่าแม่ทัพ นั่น อะ อะไรน่ะ”
ยี่หวากอบผ้าขึ้นปิดทรวงอกกระเถิบถอยหนีเมื่อเห็นท่านแม่ทัพใหญ่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นจากเตียงขณะโรมรันกอดรัดฟัดเหวี่ยงกำลังได้ที่ใกล้สอดใส่ เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมผ้าสีแดงเส้นเล็กพันมือทั้งสองข้างแล้วกระตุกขึงจนตึงมือ
พรึบ ๆ ..
“เชือกผ้าไหม”
“ทะ ท่านเอาสิ่งนี้มาทำอะไร” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเหลือบมองเชือกแล้วตวัดสายตาขึ้นมองสีหน้าท่านแม่ทัพดูคล้ายพึงพอใจสุดขีดด้วยรอยยิ้มมารร้าย
“ตำราปกขาวเขียนไว้ว่า หากต้องการมัดใจภรรยาให้อยู่หมัด ไม่ให้ปั่นใจหนีหายไปที่อื่น จงมัด...” พึมพำในลำคอไม่เต็มเสียง กลัวภรรยารักถอยหนี แต่ยี่หวายังได้ยินอยู่ดี
“มัด!!!”
ตึก ... คุกเข่าลงเตียง
“ตามตำราบอกว่าสตรีทุกนางล้วนชื่นชอบยิ่งนัก ซ้ำร้องครางลั่นราวขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า”
“...”
ยี่หวาอ้าปากเหวอ ‘ตำรา’ นี่ท่านแม่ทัพของนางถึงขั้นอ่านตำรากามสูตรเพื่อมาทำสิ่งนี้กับนาง
“ข้า ข้า ไร้ซึ่งคำพูด ท่านแม่ทัพ”
“เจ้าไม่ต้อง
30 บทส่งท้ายใบกระจับล้อคลื่นในบัวลู่ลมเรือน้อยชมจงกลกลางนทีพบชายนางก้มยิ้มกลั้นวจีนารีทำปิ่นหยกตกลงน้ำ[1]หลี่เหว่ยยกมือป้องแดดยามบ่ายคล้อยกลางฤดูร้อนที่ยังแผดเผา อีกมือค้ำถ่อเรือลำน้อยลอยละล่องเหนือบึงบัวดอกหลากสี คลี่ยิ้มยามเห็นฮูหยิน ภรรยายอดดวงใจเอนกายพิงกาบเรือแกว่งมือกวักน้ำ บ้างแตะหยอกดอกบัวเอียงดวงหน้างดงามส่งรอยยิ้มอ่อนหวาน“เจ้าร้อนหรือไม่”ยี่หวาส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วค่อยคลานเข่าไปยังแม่ทัพใหญ่หยิบเซาปิ่งแบ่งชิ้นส่งเข้าปากหนาก่อนปัดเศษขนมปังข้างแก้มให้“ปีนี้ร้อนยิ่ง ทว่าข้ามาบึงบัวแห่งนี้คราไร กลับรู้สึกเย็น”ยี่หวาขยับร่างกลับไปที่เดิม ลูบปอยผมออกจากดวงหน้ายามลมโชยพัดจนปลิวไสว เท้าข้อศอกบนกาบเรือเกยคางบนหลังมือ“ข้ามีเรื่องยังไม่ได้บอกเจ้ายี่หวา”น้ำเสียงจริงจังทั้งหลบสายตาทำให้ยี่หวาคิ้วขมวดนิ่ง“อีกไม่กี่วันข้าอาจต้องไปลั่วหยาง”ร่างอ้อนแอ้นที่เอนกายอยู่พลันเหยียดตึงนั่ง
ภาคเปิดตัว“อ้าว ๆ อย่าชักช้า เร็วดิโว้ย!”เสียงตะโกนจากผู้กำกับวัยดึกเอะอะมะเทิ่งโวยวายแต่เช้ามืดของกองถ่ายละครพีเรียด แผดเสียงดังจนเป็นที่ชินชาของเด็ก ๆ ในกอง ตะวันไม่ทันพ้นขอบฟ้าหากเวลาไม่รอช้า เร่งรีบให้ทันลำแสงแรกเพื่อให้ได้ภาพออกมางดงามที่สุด“ยี่หวา”“คะ ผู้กำกับ”“วันนี้มึงต้องเอาให้สมจริงนะโว้ย”“แหม มือระดับพระกาฬอย่างยี่หวา ไม่พลาดหรอก”“เออจะไว้ใจอะไรได้ ยิ่งไอ้ชุดพวกนี้รุ่มร่ามเกะกะตัว มึงมัดให้ดี”ยี่หวาก้มมองร่างของตัวเองในชุดจีนโบราณสมัยใดเธอเองไม่แน่ใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผู้กำกับเมื่อเขาตบบ่าเธอสองครั้ง“มึงไปเตรียมตัวแล้วกัน แล้วไอ้พวกนั้นไปไหนหมด”“กำลังมาถึงแล้วผู้กำกับ”หยาดพิรุณ จินดา หรือ ยี่หวา ยิ้มอ่อนให้ผู้กำกับอีกครั้ง หันกายกลับไปยังลานกว้างเพื่อเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ อุ่นเครื่องเธอกวาดตามองกองถ่ายทำในต่างจังหวัดไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก บรรยากาศชนบทตรงหน้าคือบึงน้ำขนาดเล็ก ยอมรับในใจว่าวันนี้รู้สึกวูบโหวงแปลก ๆ ทั้งที่ทำงานเป็นสแตนอินบทยาก ๆ ให้นักแสดงมานานเกือบสิบปีมือเรียวเล็กแต่แข็งแรงสะบัดผ้าชุดจีนโบราณตรงสะโพกขึ้นโบก ซีรีส์ตลกร้ายเรื่องนี้ให้นางเอกดั
ภาคดำเนินเรื่อง 1 ยี่หวา “เร่เข้ามา เร่เข้ามา ค่ำนี้แม่นางเพ่ยเพ่ยขึ้นเวที ร่ายรำ กระบี่ไร้ใจ”เสียงตะโกนเรียกลูกค้าของเด็กจากหอเยว่โหลว หอสูงราวห้าชั้นทำจากไม้เนื้อดี ตัวหอหันหน้าเข้าสู่คลองลำน้ำสายหลักใสสะอาด และเป็นทางสัญจรทางน้ำที่นิยมใช้กันในเมืองนี้ อีกด้านประตูหน้าติดถนนสายหลักสำคัญ ตลาดทางทิศใต้คึกคักยิ่งนัก“หาวววววว....”ยี่หวายกพัดแบบพับ พัดโบกใบหน้าที่แต่งแต้มสีขาวผ่องอมเหลือง ตรงกลางหน้าผากระบายฮวาเตี้ยนสีแดงลายดอกกุ้ยฮวา นั่งยกขาขึ้นพาดเก้าอี้มองลงยังเบื้องล่าง“เจ้าไห่เทายังเรียกลูกค้าอยู่ได้ ดูสิไร้คนสนใจยังไม่ละความพยายาม”“บ่นพึมพำอะไรผู้เดียวเจี่ยเจีย”สาวร่างเล็กกว่ารูปร่างอรชรเอวคอดสวมชุดสีเขียวสด เสื้อคลุมเนื้อบางใสจนมองเห็นลาดไหล่ขาวราวหยกสีเดียวกับผ้าป่านปี้สีเขียวเข้ม ชะเง้อดวงหน้างดงามคิ้วโก่งดั่งปีกผีเสื้อ ริมฝีปากแดงชาด มองลอดขอบหน้าต่างไม้ฉลุลวดลายของระเบียงนั่งเล่นชั้นสาม อันเป็นห้องนอนของยี่หวา“ฮึ จะอะไรเสียอีก นายแม่จางลี่ให้เจ้าไห่เทาออกไปเรียกแขกแต่หัววัน ตะวันยังไม่ทันเที่ยงตรง จะมีชายใดกันย่างเท้าเข้ามายังหอคณิกาแห่งนี้”“นายแม่สั่งเช่นนี้ถูกต้อ
2 เยี่ยนฟางยี่หวาลุกคุกเข่าแล้วแย่งขวดสุรากลับมาจากมือเยี่ยนฟางยกกระดกรวดเดียวหมดแล้วหัวเราะร่า เยี่ยนฟางยังมีสีหน้าเพ้อฝันขณะหย่อนร่างลงด้านข้างกัน ชะโงกหน้าออกไปนอกราวกันตก พวงแก้มยุ้ยขึ้นพาดด้วยรอยยิ้มมีความหวัง“เป็นหญิงคณิกาแล้วอย่างไรกัน เรามิได้ขายตัว เพียงขายความสามารถ ข้ายังบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคีและพี่ยี่หวาก็เช่นกัน”“อืม...แล้วถ้าเจ้า ได้เข้าไปเป็นเครื่องบรรณาการจริง เจ้าต้องกลายเป็นหญิงอุ่นเตียงท่านแม่ทัพ เช่นนั้นดีแล้วหรือเยี่ยนฟาง เจ้าคิดดูให้ดีนะ มิสู้อยู่เช่นนี้ ร่ำสุรา” เว้นหัวเราะแกว่งขวดสุราเปล่าตรงหน้า “แสร้งหยอกเย้าบุรุษหลอกเอาเงินเข้าหอเยว่โหลว เก็บเงินให้มากสักหน่อยจากนั้นไถ่ตัวเอง แล้วออกจากที่นี่ท่องเที่ยวไปทั่วยุทธภพ ไม่ต้องพึ่งพาบุรุษใดอีก”“พี่ยี่หวาพูดจาให้ข้าขบขันอีกแล้ว หญิงใดกันที่มิต้องพึ่งบุรุษ”“หญิงอย่างข้าไง”“พี่ยี่หวาเก่งกาจทั้งวาจา เดินหมาก ฉลาดหลักแหลม ชายใดได้พูดคุยย่อมสบายใจ แต่ข้ามิใช่เช่นนั้น ข้าเก่งเพียงร้องเพลงและเต้นรำ ย่อมต้องหาบุรุษที่พึงใจข้า ข้าอาจคลอดบุตรชายให้เขาสักคนแล้วหลังจากนั้นข้าจึงจะสบาย”ยี่หวายกยิ้มเอนกายลักษณะคล้ายบุรุษ
3 ท่านแม่ทัพกุบ กับ กุบ กับ ....เสียงฝีเท้าม้าเร็วพุ่งทะยานโผนตัวฝ่าฝุ่นดินตีตลบยามฝีเท้าม้ากระทบลงพื้นดินชานเมืองหลวงแม่ทัพใหญ่กองทัพเสือดำ หลี่เหว่ยนั่งนิ่งบนหลังม้าสีน้ำตาลเข้มเกือบดำตัวใหญ่ ทอดสายตามองม้าเร็วใกล้เข้ามา นัยน์ตาสีนิลคมกริบเรียวดุจเหยี่ยวรับคิ้วคมเฉียงขึ้นดุจเดียวกับกระบี่ในมือสีเข้ม กรามแกร่งบัดนี้รกครึ้มด้วยหนวดเคราที่ไม่ได้ชำระทำความสะอาดโกนให้เรียบร้อยมาหลายเดือน เสื้อเกราะสัมฤทธิ์เหม็นกลิ่นเน่าบูด รวมไปถึงผมยาวมัดมวยใต้หมวกเหล็กด้วยเช่นกันขอบปากด้านล่างหนากว่าด้านบนเริ่มขยับ เอียงศีรษะไปด้านซ้าย ส่งเสียงไม่ดังมากนัก“มู่เฉิน”ทหารรับใช้คนสนิทขยับฝีเท้าเข้าใกล้ตาดวงตาทอดไกลไปยังม้าเร็วตรงหน้าเช่นกัน“ขอรับท่านแม่ทัพ”“เจ้าคิดหรือไม่ว่าวันนี้ทางเข้าฉางอานไร้ผู้คนสัญจร ไร้ซึ่งพ่อค้าแม่ขายจนผิดสังเกต”“ขอรับ ยามปกติฉางอานมักมีขบวนพ่อค้าต่อแถวยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตาตั้งแต่ยามเหม่า[1]”หลี่เหว่ยเพียงฟังแล้วนิ่ง ตัวเขาออกรบเสียสองปี จากบ้านจวนตระกูลหลี่ไปยังชายแดนทางเหนือป้องกันพวกชนกลุ่มน้อยกระทั่งยอมศิโรราบ บัดนี้เมื่อได้กลับมาถึงบ้าน แทนที่จะได้พักผ่อนคงไม่แคล้ว
4 เหว่ยขบวนนักรบผู้กล้าเกรียงไกรตั้งแถวหน้ากระดานเรียงสิบ โดยมีท่านแม่ทัพใหญ่หนวดเครารุงรังขี่ม้าตรงกลาง สูงสง่าบึกบึน สวมหมวกเหล็กสีเงิน ธงดำรูปเสือปลิวไสว“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ”เยี่ยนฟางตะโกนเรียกโบกมือ เช่นเดียวกับคนในถนน ยี่หวาก้มลงมองแล้วยิ้ม“ไม่เห็นหล่อ”“อาเจี่ย รูปงามขนาดนั้น ลองโกนหนวดเครารับรองว่างามราวหยกเนื้อดี”“เชอะ”ยี่หวากระดกจอกสุราจนหมดกำลังลงจากราวกันตกพลันสังเกตเห็นบุรุษรูปหนึ่งสวมเกราะรบเช่นกัน นั่งนิ่งแต่มือคุ้ยข้าวกินราวอดตาย“ท่าน ... ท่านเป็นพวกหนีทหาร รึ”พรวด!! แค่ก ๆ ๆหลี่เหว่ยถึงกับสำลักเมื่อได้ยินเสียงกดต่ำแสร้งดัดให้คล้ายบุรุษทั้งที่เป็นสตรี“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบกิน”นางขยับตัวเปลี่ยนใจ ไม่ต้องการส่องท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรแล้ว มิสู้พูดคุยกับทหารหนีแถวจะดีกว่ายี่หวาว่าพลางหยิบขวดสุราและจอกหันกลับมานั่งด้วย รินให้ชายขาติทหารตรงหน้า“ข้าชื่อ ชื่อ....” นางนิ่งคิด เพราะไม่ทันได้คิดไว้ล่วงหน้า “ชื่อจุนเฟิง”หลี่เหว่ยไม่ใส่ใจ มือคุ้ยข้าวต่อไปด้วยความหิว เขาเข้าเมืองมาพลันเห็นคนมากมายจึงเลี่ยงขึ้นมานั่งบนหอเสียก่อน รอคนซาค่อยกลับจวน แต่ด้วยความตรากตรำศึก
5 จวนตระกูลหลี่จวนตระกูลหลี่แม่ทัพหนุ่มแหงนดวงหน้าแกร่งคมสันกร้าวดุดันมองป้ายตระกูลก่อนกระโดดลงจากหลังม้า เดินตรงมุ่งหน้าขึ้นบันไดกว้างของจวน“หยุด!!”ทหารตัวน้อยร่างผอมยื่นทวนยาวขวางหน้าทันควัน สีหน้าขึงขังน่าหัวร่อจนหลี่เหว่ยยิ้มมุมปาก มือสะบัดยกทวนออกแล้วสาวเท้าออกเดินพลันมีทหารหนุ่มอีกคนดูบึกบึนกว่ายกทวนขวางไว้เช่นกัน“เจ้าบังอาจนัก จวนตระกูลหลี่หากจะเข้าต้องแจ้งชื่อ เจตจำนงเสียก่อน”หลี่เหว่ยก้มมองร่างเล็กของทหารหนุ่มแล้วส่ายหน้า เพียงจากไปรบสองปี จวนตระกูลหลี่ตกต่ำถึงขนาดให้ทหารอายุน้อยซ้ำผอมโกรกเดินยามเฝ้าหน้าประตู ดูแล้วช่างน่าอับอายยิ่ง“พวกเจ้าอยากรู้ชื่อข้า”หลี่เหว่ยเอ่ยด้วยเสียงทุ้มดังไร้ความกลัว ขยับเท้าจะเดินแต่ทวนสองทวนยังขวางไว้“หากเจ้ายังขืนดึงดัน ข้าคงต้องทำร้ายเจ้า”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำร้ายข้า คงเป็นเจ้ามากกว่าทหารน้อย”สิ้นคำหลี่เหว่ยรวบทวนสองทวนไว้มือเดียวสะบัดโยนทหารน้อยผอมหล่นลงบันไดแล้วก้าวอาดเข้าจวน“เจ้า เจ้า”สองทหาร
6 จินเยว่“ท่านแม่”“เข้ามา”หลี่เหว่ยก้าวข้ามธรณีประตูตรงไปยังห้องทานข้าวเย็นของเรือน มองเห็นหญิงสาวคนเดิมตรงกลางโถงยืนด้านข้าง ก้มหน้านิ่ง ตวัดตาเหลือบเพียงครู่จึงค่อยส่งรอยยิ้มพร้อมทำความเคารพให้มารดา“ลูกมาทำความเคารพช้า ขอท่านแม่โปรดให้อภัย”ท่านแม่ทัพใหญ่โค้งคำนับงดงามมือประสานให้มารดาบังเกิดเกล้า“ลูกเหว่ย”ฮูหยินหลี่ปรี่ตรงเข้าหาลูกชายยิ้มทั้งน้ำตาประคองร่างลูกชายเพียงคนเดียวให้นั่งลง“ไม่เป็นไร เจ้าเหน็ดเหนื่อยตรากตรำลำบากมาสองปี ย่อมต้องการพักผ่อน เป็นแม่เองที่ผิด รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าจะมายังนัดคุณหนูสามจวนกั๋วกงจางมา”“ท่านแม่ ข้าโทษตัวเอง ย่อมเป็นข้าที่ผิด”“มา ๆ ทานข้าว ค่ำนี้แม่ให้พ่อครัวทำแพะตุ๋นบำรุงร่างกาย”หลี่เหว่ยกำลังหยิบตะเกียบพลันแม่นางน้อยด้านข้างเคลื่อนร่างเข้าใกล้ตักน้ำแกงใส่ถ้วยยื่นมาวางตรงหน้า ก่อนถอยหลังกลับไปอย่างรู้งาน“อ๋อ เกือบลืมไปเสียสนิท นี่หลานสาวลุงไห่ เจ้าจำได้หรือไม่ ตอนเล็ก ๆ ข้าเคยพาไปกวางโจวครั้งหนึ่ง”“ลุงไห่ ข้าจำได้”“มา ๆ เยว่เ